VENIKA WEDDING
คนทั้งคู่ที่เกลียดกันตั้งแต่แรกพบ กลับต้องมานั่งลองชุดแต่งงานร่วมกัน บรรยากาศในร้านก็พาลอึมครึ้ม แลดูขมุกขมัวราวกับมีพายุฝนลูกใหญ่ก่อตัวระหว่างเขาและเธอ
หมอไป๋หน้าบอกบุญไม่รับ นั่งไขว่ห้างไม่สนใจภารัชชา ที่เลือกทั้งการ์ดและของชำร่วยในงานอย่างตั้งใจอยู่
วันหยุดไม่มีเคสให้ต้องผ่าตัดทั้งที กลับต้องมานั่งทำเรื่องไร้สาระจนหัวเสียแต่เช้า แค่ต้องนั่งรถคันเดียวมากับเธอ หมอไป๋ก็หงุดหงิดงุ่นง่านจนเพลิงอัคคีจะปะทุออกจากอกอยู่แล้ว
“อยากได้สีการ์ดโทนไหนดีคะคุณไป๋” ภารัชชาชวนเขาให้แลกเปลี่ยนข้อคิดเห็น
ตัวเขาเองก็ควรมีส่วนร่วมเหมือนกัน ในเมื่อเธอไม่ได้เข้าวิวาร์รักจอมปลอมกับตัวเองสักหน่อย แต่มีหมอไป๋เป็นเจ้าบ่าวของงานนี้ต่างหาก
พูดจบแล้วเธอก็หันโทนสีของการ์ดให้เขาดู หมอไป๋ปรายตามองแล้วตอบกลับด้วยน้ำเสียงเบื่อหน่ายเต็มทน
“ก็เลือกมาสักสี จะถามพร่ำเพื่อทำไม”
“ฉันแค่อยากถามความเห็นคุณค่ะ”
“เธอจะจริงจังกับวิวาห์จอมปลอมนี่ไปทำไม”
น้ำเสียงเขาเจือรอยเย็นชาปนความหงุดหงิดใจ ใบหน้าคมคายไร้ซึ่งอารมณ์ร่วมในการสนทนา ทำเธอหน้าเจื่อนแต่ยังฝืนอดรนทนกลั้นเก็บอาการอยู่
ภารัชชาสูดลมหายใจเข้าเพื่อปรับอารมณ์ให้คงที่ เธอสบมองสายตาเขาแล้วพูดในน้ำเสียงที่อยากประนีประนอม การหมางเมินหรือเฉยเมยมีแต่จะยิ่งทำให้งานล่าช้ากว่าเดิม
“ฉันรู้ค่ะว่าฉันคงเป็นภรรยาที่น่าละอายของคุณ แล้วคุณก็ไม่มีสิทธิ์คัดค้านงานแต่งในครั้งนี้ได้ด้วย”
“ฉลาดใช้ได้... ข้อดีเธอสินะ”
“ตัวฉันเองก็ไม่มีทางเลือกเหมือนกับคุณค่ะ”
ว่าที่คุณสามีเงียบสุขุมราวกับมหาสมุทรกว้าง แต่สายตาคู่นี้ยังคงนิ่งลึกเกินกว่าเธอจะอ่านใจออก
ตั้งแต่เกิดมาบนโลกใบนี้ยันอายุจะเข้าเลขสาม ภารัชชาอยู่ในโอวาทของผู้เป็นแม่มาโดยตลอด เพราะลึกๆ แล้วในใจเธอรักปรางสิตาและหวังให้อีกฝ่ายรู้สึกรักเธอเช่นกัน
ไม่ใช่เห็นเธอเป็นแค่เครื่องประดับบารมีตัวเอง...
ทั้งถีบส่งให้เธอเรียนเมืองนอกเมืองนา เคี่ยวเข็ญให้ต้องเก่งรอบด้านและดีเด่นกว่าลูกของภรรยาหลวง ทั้งปูทางยัดเยียดในสิ่งที่ตัวเองต้องการ แต่ไม่เคยถามความต้องการลูกเลย
เธออยากเป็นแค่คนธรรมดา ไม่ต้องเก่งไปทุกเรื่องก็ได้
“การที่คุณได้แต่งงานกับลูกสาวของภรรยารอง คงจะเป็นตราบาปในชีวิตหมอผู้สูงศักดิ์ไปชั่วชีวิตสินะคะ”
“เหอะ เธอประชดฉันอยู่เหรอภารัชชา”
“ฉันไม่ได้ประชดค่ะคุณไป๋...”
ภารัชชารู้ตัวดีว่าไม่เหมาะสม และไม่ต้องการให้เขามาทับถมให้รู้สึกแย่มากกว่านี้ เราทั้งคู่ต่างก็รู้ผลประโยชน์ของตัวเองที่จะได้ในการแต่งงานครั้งนี้ดี
เพราะงั้นแค่ทำให้จบไปเพื่อผลประโยชน์ส่วนตัวดีกว่า
“ฉันเองก็ละอายใจไม่ต่างกัน แต่ที่ฉันตั้งใจเลือกทุกอย่างทั้งที่รู้ว่ามันเป็นแค่วิวาห์ปลอมๆ ก็เพราะไม่อยากทำให้คุณต้องขายหน้าคนอื่น”
ซ่งไป๋ยังคงเงียบขรึม นัยน์ตาสีดำทมิฬมีประกายพิฆาต เขาเองก็อ่านใจเธอไม่ออกเหมือนกัน คาดเดาไม่เคยถูกว่าเธอนั้นจริงใจหรือเสแสร้งแกล้งทำอยู่กันแน่
“เพราะภรรยาคือกระจกสะท้อนของสามีค่ะ ยิ่งฉันใช้ชีวิตดีมีหน้ามีตาในสังคม คนที่ได้ผลพวงนี้เต็มๆ ก็คือคุณ”
“ฮึ... งั้นเหรอ”
“เบื้องหลังของเราไม่มีคนอื่นเห็น แต่เบื้องหน้าฉันจำเป็นต้องใส่หน้ากากเป็นภรรยาที่เพียบพร้อมของคุณ”
หมอไป๋ไม่คิดจะเถียงเพราะเธอพูดถูก ภรรยาคือกระจกสะท้อนของคนเป็นสามีอย่างถ่องแท้
ถ้าดูแลภรรยาดีออร่าความมั่งมีจะเจิดจรัส และหากภรรยาอยู่ดีมีสุขก็แปลว่าได้สามีที่ดีคอยดูแล ใครก็คงจะเยินยอตัวของซ่งไป๋ว่ามีเมตตาต่อภรรยาที่มาจากเมียรอง
“อีกอย่างถ้าเลือกได้... ไม่มีใครอยากเกิดเป็นลูกเมียน้อยหรอกค่ะคุณไป๋” เธอทิ้งระเบิดคำพูดไว้ให้เขาคิด สบนัยน์ตาสีเข้มของหมอไป๋อย่างไม่ละสายตา
ภารัชชาดูแข็งกร้าวไม่อ่อนโยน แต่ใบหน้าก็หวานล้ำปานน้ำผึ้งเดือนหน้า ซ้ำยังมีดวงตาชวนฝันราวกับเจ้ากวางน้อย
ความเงียบเข้าปกคลุมทั้งคู่ไปหนึ่งอึดใจ หมอไป๋ที่ทั้งสุขุมและนิ่งลึกเกินกว่าจะคาดเดาว่าเขาคิดอะไรอยู่ สุดท้ายก็ยอมลดทิฐิลงเพื่อจัดการงานตรงหน้าให้เสร็จสิ้น
“ตกลงการ์ดงานแต่งโทนสีไหนดีคะคุณไป๋” ภารัชชาปรับอารมณ์ให้กลับมาเป็นปกติ ก่อนจะส่งโทนสีให้เขาดูประกอบ
“ชมพูขาว” เขาตอบกลับแล้วปรายตามองนิ่งๆ
“ชมพูขาวเหรอคะ”
“เหลียนฮวากรุ๊ปคือดอกบัว ชมพูขาวก็เหมาะสุด”
“ได้ค่ะ ถ้างั้นรบกวนช่วยเลือกของชำร่วยหน่อยนะคะ”
พูดจบร่างระหงก็ขยับตัวเข้าไปใกล้เขา เพื่อช่วยกันเลือกของชำร่วยงานแต่งสำหรับแขกคนสำคัญที่มาร่วมงาน
ภารัชชาเองเป็นลูกนอกสมรสที่ใช้ชีวิตวันๆ ไปกับดอกไม้ที่ปรางสิตาบอกว่างี่เง่าและโง่งม ไร้ความทะเยอทะยานไม่สมกับเกิดมาเป็นลูกสาวเธอ
น่าเศร้าใจที่เลือกเกิดก็ไม่ได้ เลือกทำในสิ่งที่รักก็ยังไม่ได้อีก ชีวิตเธอต้องถูกแม่ตีกรอบและพ่อควบคุมอีกนานแค่ไหน
แค่อ่อนแอต่อหน้าแม่เธอยังทำไม่ได้เลย...
VENIKA WEDDINGคนทั้งคู่ที่เกลียดกันตั้งแต่แรกพบ กลับต้องมานั่งลองชุดแต่งงานร่วมกัน บรรยากาศในร้านก็พาลอึมครึ้ม แลดูขมุกขมัวราวกับมีพายุฝนลูกใหญ่ก่อตัวระหว่างเขาและเธอหมอไป๋หน้าบอกบุญไม่รับ นั่งไขว่ห้างไม่สนใจภารัชชา ที่เลือกทั้งการ์ดและของชำร่วยในงานอย่างตั้งใจอยู่วันหยุดไม่มีเคสให้ต้องผ่าตัดทั้งที กลับต้องมานั่งทำเรื่องไร้สาระจนหัวเสียแต่เช้า แค่ต้องนั่งรถคันเดียวมากับเธอ หมอไป๋ก็หงุดหงิดงุ่นง่านจนเพลิงอัคคีจะปะทุออกจากอกอยู่แล้ว“อยากได้สีการ์ดโทนไหนดีคะคุณไป๋” ภารัชชาชวนเขาให้แลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นตัวเขาเองก็ควรมีส่วนร่วมเหมือนกัน ในเมื่อเธอไม่ได้เข้าวิวาร์รักจอมปลอมกับตัวเองสักหน่อย แต่มีหมอไป๋เป็นเจ้าบ่าวของงานนี้ต่างหากพูดจบแล้วเธอก็หันโทนสีของการ์ดให้เขาดู หมอไป๋ปรายตามองแล้วตอบกลับด้วยน้ำเสียงเบื่อหน่ายเต็มทน“ก็เลือกมาสักสี จะถามพร่ำเพื่อทำไม”“ฉันแค่อยากถามความเห็นคุณค่ะ”“เธอจะจริงจังกับวิวาห์จอมปลอมนี่ไปทำไม”น้ำเสียงเขาเจือรอยเย็นชาปนความหงุดหงิดใจ ใบหน้าคมคายไร้ซึ่งอารมณ์ร่วมในการสนทนา ทำเธอหน้าเจื่อนแต่ยังฝืนอดรนทนกลั้นเก็บอาการอยู่ภารัชชาสูดลมหายใจเข้าเพื่อปรับอารม
THE 619 BARเจ้าของร่างสูงกำยำราวร้อยแปดสิบเก้าเซนติเมตร ชายผู้มีใบหน้าหล่อดุจเทพบุตรแต่นิสัยสุดราวกับซาน กำลังนั่งเท้าแขนดื่มเหล้ากับเพื่อนสนิทที่หน้าเคาน์เตอร์บาร์เขาสบถหยาบระหว่างพูดถึงงานแต่งเดือนหน้าที่จะถึง สั่งเสียชีวิตที่แสนสงบสุขหลังจากนี้ได้เลย เพราะคงจะมีสงครามประสาททุกครั้งที่เจอหน้ายัยผู้หญิงอวดดีแน่นอน“นี่กูต้องตัดชุดเพื่อนเจ้าบ่าวรอใช่มั้ยวะไอ้ไป๋”“ตลกเหรอวะ กูเครียดจะตายห่าอยู่แล้ว”คนที่นั่งฟังอย่างเพลิงเหมันต์ไม่ได้ทำแค่ฟัง แต่ยังขำพรืดจนไหล่สั่นกับการที่เพื่อนรักถูกจับคู่ลูกสาวของภรรยารองคุณหมอไป๋ผู้เงียบขรึมกำลังเดือดกรุ่น เวลานึกถึงใบหน้าของหญิงสาวที่โต้เถียงคอเป็นเอ็นอย่างไม่ลดละ เขาสลัดสีหน้าถือดีของภารัชชาออกจากหัวไม่ได้เลย“ลูกสาวคุณปรางสิตาสวยอย่างกับนางฟ้า การศึกษาก็ไม่น้อยหน้าลูกสาวเมียหลวงด้วยซ้ำ ไม่แย่หรอกเว้ย”“มึงพูดได้ไงว่าไม่แย่”“ก็ไม่แย่นะ ทั้งสวยแล้วก็การศึกษาดีอีก แย่ตรงไหน”เจ้าของใบหน้าหล่อเหลาระบายลมหายใจใส่ ยิ่งอีกฝ่ายพูดเขาก็พาลหัวร้อนปุดๆ จนอยากเอาถังดับเพลิงมาฉีดดับ ก่อนมันจะลามเผาหัวเขาให้ร้อนผ่าวไปมากกว่านี้“แต่เธอเป็นลูกเมียน้อย...
“ผู้หญิงอะไรหน้าไม่อาย...”เขามองเธอด้วยสายตารังเกียจเดียดฉันท์ พ่นคำพูดที่ไม่ถนอมน้ำใจเพื่อแสดงจุดยืนให้เห็นชัดเจน ว่าตัวเขาไม่ได้ใคร่พิศวาสลูกสาวภรรยารองของบ้านนี้แม้แต่นิดเดียวแม้ว่าจะปฏิเสธงานวิวาห์จอมปลอมในครั้งนี้ไม่ได้ แต่เขาแค่อยากทำให้ภารัชชาได้เห็นด้วยตาเนื้อ ถ้าหากก้าวขาเข้ามาเป็นสะใภ้ตระกูลซ่งจะต้องเจอกับอะไร“ฉันก็แค่ยอมให้คุณลามปามถึงแม่ฉัน และดูถูกศักดิ์ศรีของฉันไม่ได้เหมือนกันค่ะ” ภารัชชานั่งหลังตรง สบเข้าที่นัยน์ตาสีรัตติกาลราวกับคืนเดือนดับของเขาไม่ละไปไหน“แค่พูดความจริงถึงกับรับไม่ได้เชียวเหรอ”“ฉันรู้ว่าตัวฉันไม่คู่ควรกับคุณเลยสักอย่าง... แต่คุณก็ไม่ได้มีคุณสมบัติสามีที่ดีสำหรับฉันเหมือนกัน”ภารัชชาไม่ใช่คนชอบมีปากเสียง แต่เธอก็ไม่ใช่คนที่จะยอมให้เขาประโคมคำพูดแย่ๆ ใส่ฝ่ายเดียวเช่นกัน“ฉันไม่ปรารถนาสามีที่ไม่ให้เกียรติภรรยาค่ะ... คุณไป๋”ใบหน้าสวยเข้ารูปรับกับเครื่องหน้า โดยรวมดูอ่อนหวานงดงามดุจภาพวาด แต่ดวงตาคู่งามทำให้เธอดูผยองจองขน เชิดหน้าอย่างหยิ่งทะนงจนน่ากำราบให้ศิโรราบต่อเขา“เหอะ” ผู้นำตระกูลยิ้มชอบใจ ตอนเห็นสายตาฟาดฟันของว่าที่ลูกสะใภ้โต้กลับซ่งหมิงต้อ
ภัตตาคารท้ายที่สุดภารัชชาก็มิอาจขัดคำสั่งปรางสิตาได้ เธอเติมแต่งใบหน้าที่ขาวราวกับหยวกด้วยที่ปัดแก้มสีชมพูอ่อน ปาดลิปสติกสีสวยบนริมฝีปากรูปกระจับดูอวบอิ่มเธอสวมชุดเดรสกระโปรงสีมุกดูสุภาพ เพื่อมาพบคุณหมิงกับคุณหลี่จูที่ภัตตาคารหรู ถึงจะไม่เต็มใจก็ตามที แต่เธอก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะขัดขวางการแต่งงานครั้งนี้ได้ซ่งไป๋หรือในนามหมอไป๋ที่ใครต่างก็รู้จัก ชื่อเสียงเรียงนามค่อนข้างดังกระฉ่อนเรื่องความโฉด ขนาดเธอที่ไม่ฝักใฝ่ใคร่รู้ชีวิตคนอื่น ยังได้ยินประวัติความโหดร้ายของเขาผ่านหูหลายคนพูดเป็นเสียงเดียวกันหมด ว่าหมอไป๋เป็นคนไร้หัวใจทั้งโหดเหี้ยมและเย็นชา เธอไม่เคยเจอตัวจริงก็เลยไม่รู้ว่าเป็นอย่างที่พูดจริงไหมจวบจนกระทั่งวินาทีที่ได้เผชิญหน้า ภารัชชารู้แจ้งแจ่มชัดแล้วว่าหมอไป๋เป็นอย่างที่คนเขาพูดจริงเชียว“จะให้ผมแต่งกับลูกเมียน้อยอย่างเธอเหรอครับ” เสียงเย็นเยียบเอ่ยด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ใดๆ ทั้งสิ้นคำพูดที่ตอกหน้าเธอบนโต๊ะอาหาร ทำเอาภารัชชาหน้าชาวาบราวกับถูกของแข็งฟาดเข้าอย่างจัง“หนูภารัชชาเพียบพร้อมทั้งหน้าตาและการศึกษา อีกอย่างคุณปรางสิตาเป็นเมียรองที่มีหน้าตาในสังคมเชียว” คนเป็นพ่อพูดอย่างใจเย
“ยังไงหนูก็ไม่แต่งงานกับคนที่ไม่ได้รักเด็ดขาด...”คำพูดอันเป็นประกาศิตจากภารัชชาบอกกับมารดา ขณะที่เธอกำลังจัดดอกไม้จับช่อใส่แจกันให้สวยงามภายนอกดูนิ่งสงบและใจเย็นดุจผืนน้ำ แต่ข้างในกำลังร้อนรนราวกับมีกองไฟสุมอกให้เธอต้องเป็นกังวล เมื่อคนเป็นแม่ออกคำสั่งให้เข้าประตูวิวาห์กับชายหนุ่มที่ไม่ได้รักใคร่“มันเป็นคำสั่งจากพ่อของแกจะปฏิเสธได้ยังไง”“ทำไมจะปฏิเสธไม่ได้คะ ตัวกับใจมันเป็นของหนูค่ะแม่”ปรางสิตาบุกมาที่ร้านดอกไม้ของลูกสาว ทั้งที่ปกติเธอแทบจะไม่เคยกร่ำกรายเข้ามาด้วยซ้ำ เพราะไม่ชอบกลิ่นดอกไม้ที่หอมคละคลุ้งส่งกลิ่นฉุนฟุ้งโพรงจมูกแต่อุตส่าห์ถ่อสังขารมาทั้งที ดันมาเพื่อทำให้อารมณ์ของภารัชชามัวหม่นแต่เช้าของวัน เพราะผู้นำของบ้านจะจับเธอคลุมถุงชนกับลูกชายเพียงคนเดียวของตระกูลซ่ง“แกอายุ 28 ปีแล้วนะภารัชชา” ปรางสิตาถอนหายใจอย่างเอือมระอา เมื่อลูกสาวเพียงคนเดียวไม่มีคู่ครองสักที“แนวโน้มอายุไขของมนุษย์เราถึง 70 ปีเชียวนะคะ” ภารัชชาพูดขณะใช้กรรไกรตัดตกแต่งกิ่งของดอกไม้คนเราจะรีบมีความรักในวันที่ไม่พร้อมทำไม ตัวเธอขยาดความรักยิ่งกว่าแมลงที่ไต่ยั้วะเยี้ยเสียอีก ถึงจะไม่เคยมีคนรักแต่ก็เข้าใจ