로그인VENIKA WEDDING
ช่วงเช้าของวันอาทิตย์นี้ บ่าวสาวเดินทางแจกการ์ดเชิญให้แขกเหรื่อด้วยตัวเอง กับงานวิวาห์รักจอมปลอมที่จะถึงนี้
พวกเขาทั้งคู่ปั้นหน้ายิ้มแย้มแต่งแต้มมุมปาก ดุจว่ารักกันปานจะกลืนกินต่อหน้าแขกผู้ใหญ่คนสำคัญ แต่เมื่อกลับขึ้นมาบนรถรอยยิ้มเหล่านั้นก็เลือนหายไป
“เธอเล่นละครเก่งกว่าที่ฉันคิดไว้นะภารัชชา”
“ขอบคุณนะคะ คุณคงจะประทับใจมากแน่เลย”
ภารัชชาเผลอมุ่นคิ้วแล้วเม้มปากนิดๆ อยากตีปากตัวเองสักทีที่ดันปากไว แทนที่จะลองใช้มารยาหญิงเข้าช่วย จะได้อยู่รอดปลอดภัยภายใต้เงื้องมือมัจจุราชร้ายอย่างเขา
“ทำไมไม่ผันตัวไปเป็นนักแสดงล่ะ เธอเหมาะดีนะ” ซ่งไป๋มองหน้าเธอด้วยสายตาเหยียดหยัน
นัยน์ตาสีดำทมิฬดั่งรัตติกาลหลับใหล ทำภารัชชาประหม่าขึ้นมาอย่างเลี่ยงไม่ได้ รอยยิ้มติดจะเย้ยกันเล็กๆ ที่มุมปากเขาพาเธอชาหน่วงที่กลางอก
“ฉันก็แค่... แค่อยากให้แขกของคุณประทับใจ บอกแล้วไงคะคุณไป๋ ว่าฉันจะไม่ทำให้สามีตัวเองขายหน้าคนอื่น”
ภารัชชารีบใช้วาจาแก้ต่างให้ตัวเอง พลางคลี่รอยยิ้มบางเบาประดับไว้ จะได้ไม่ดูว่าเธอต่อต้านเขาจนเกินไป
การเป็นลูกสาวภรรยารองหรือเมียนอกสมรส สิ่งแรกที่เธอรู้ตัวดีกว่าใคร คือการเจียมเนื้อเจียมตัวของเธอให้มาก อย่าได้ไปหลงระเริงในอำนาจเงินทองเด็ดขาด
หมอไป๋จ้องเธอด้วยสายตานิ่งลึก คาดเดาไม่ออกเลยว่าเขาโกรธ ไม่พอใจ หรืออยากบีบเธอให้แหลกคามือกันแน่
“ลูกสาวภรรยารองจะไม่ทำให้คุณน้อยหน้าใครค่ะ”
“เหอะ งั้นเหรอ”
เธอลอบกลืนน้ำลายลงคอ ก่อนที่จะพยักหน้ารับช้าๆ กึ่งไม่มั่นใจว่าจะทำได้อย่างที่พูดหรือเปล่า
“ก็ดี ฉันจะดูว่าเธอมีปัญญาแค่ไหน”
หมอไป๋กระตุกยิ้มนิดๆ เขาพ่นลมขำ ก่อนผินหน้ามองลอดออกไปนอกหน้าต่าง
“ออกรถกร”
“ครับคุณไป๋”
สารถีประจำตระกูลซ่งพาทั้งคู่มาที่ร้านชุดแต่งงาน ภารัชชาเข้าไปในห้องลองชุด ผลัดเปลี่ยนชุดแต่งงานไปแล้วหลายแบบ
เธอมองภาพสะท้อนของตัวเองที่กระจกเงา ชุดเจ้าสาวสีขาวบริสุทธิ์กับการตัดเย็บที่สุดจะอลังการ ทำให้เธอเหมือนเจ้าหญิงในนิทานตอนเด็กที่เคยอ่าน
รอยยิ้มบางๆ ปรากฏบนมุมปากเธอ คงจะดีไม่น้อยหากได้เข้าเรือนหอกับชายที่ตนเองรัก
ความฝันเด็กสาวเป็นจริงก็คือได้แต่งงาน แต่ฝันร้ายตลอดกาลคือได้ผู้ชายอย่างซ่งไป๋เป็นสามี
“คุณภารัชชาออกมาแล้วค่ะคุณไป๋” เสียงพนักงานที่ยืนข้างเขาเอ่ยบอก หมอไป๋เลยปิดหนังสือนิตยสารในมือลง
ภารัชชาหายใจไม่ทั่วท้อง เมื่อสายตาคมปราบจ้องมองมาที่เธอ ชายหนุ่มนิ่งเงียบไม่มีท่าทีจะพึงพอใจ หรือว่าไม่ชอบใจที่เห็นเธอในชุดนี้
ชุดเจ้าสาวแขนยาวลายลูกไม้ดูงามตา เปิดเผยช่วงอกโชว์เนินผิวขาวอวดความงามของเรือนร่างได้ดี พนักงานต่างก็ชมว่าภารัชชานั้นสวยไม่ขาดปาก
“คุณเจ้าสาวสวยมากเลยค่ะ” หัวหน้าพนักงานเอ่ยชม ภารัชชาก้มศีรษะแล้วยิ้มรับแทนคำขอบคุณ
“พนักงานที่นี่ตาต่ำเกินไปแล้ว”
ประโยคสั้นๆ ที่หลุดจากปากซ่งไป๋ พาสถานการณ์ตึงเครียดในฉับพลัน จนไม่มีใครกล้าเอื้อนเอ่ยอะไรต่อจากเขาอีก
“ไม่เห็นจะมีความสวยเลยสักนิด...”
“นี่คุณ”
“ไปเปลี่ยนใหม่ หาชุดที่ดีกว่านี้มา”
พอออกคำสั่งจบ เขาก็ไล่สายตาพิจารณาเธอตั้งแต่หัวจรดเท้า ราวกับจะเหยียดหยามกันผ่านสีหน้าและแววตา ให้เธอไปเปลี่ยนชุดแล้วชุดเล่าแต่ก็ยังไม่ถูกใจเขาสักที
“หาชุดที่ทำให้เธอดูแพงที่สุดที ใส่แล้วดูมีค่าขึ้นมาหน่อยก็ดีเหมือนกัน ฉันไม่ต้องการภรรยาราคาถูกในวันงานจริง”
ทุกคำพูดเขามันเจ็บแสบ เหมือนถูกน้ำเกลือราดลงบนแผลสด เขากำลังจะบอกว่าเธอใส่ชุดไหนก็ดูไม่แพงงั้นสินะ ภรรยาราคาถูกคงทำให้อับอายขายหน้าไม่น้อย
หรือเธอควรทำให้เขาขายหน้าในวันงานดี เอาให้ถูกผู้คนนินทากันปากเป็นมันสักสามเดือนติดเลยเป็นไง
“ฉันว่าราคาชุดนี้มันก็แพงมากพอแล้วนะคะ”
“ชุดน่ะใช่ แต่คนยังแพงไม่พอ”
“คุณไป๋”
“ไปเปลี่ยน”
ภารัชชาได้แต่ยืนกำกระโปรงแน่น ก่อนจะหมุนตัวกลับเข้าห้องลองเสื้อ รอพนักงานนำชุดใหม่เข้ามาให้เปลี่ยน
“ซ่งไป๋...” เธอยืนกำหมัดแค้นแล้วกัดปากจนห้อเลือด
ดูก็รู้ว่าเขาจงใจจะแกล้งกัน เธอล่ะไม่อยากเจอหน้าเขาเลยจริงๆ ทำไมฟ้าถึงไม่ส่งเจ้าชายขี่ม้าขาวมาบ้าง ทำไมถึงได้เกลียดเธอนักส่งซ่งไป๋เข้ามาในชีวิตแทน
ไม่อยากคิดตอนเข้าเรือนหอเลยด้วยซ้ำ...
“ชุดค่ะคุณภารัชชา”
“ขอบคุณค่ะ”
“มีอะไรให้ช่วยบอกได้เลยนะคะ”
หัวพนักงานสาวมองภารัชชาด้วยความเห็นใจ เห็นเธอถูกหมอไป๋กลั่นแกล้งให้เปลี่ยนชุดมาสี่ห้าชุดแล้ว ทั้งที่ก็สวยจนตกตะลึงกันถ้วนหน้า แต่ซ่งไป๋ดันค้านหัวชนฝาว่าไม่มีความสวย
ภารัชชาจัดการเปลี่ยนชุดใหม่ การตัดเย็บและลวดลายต่างจากชุดก่อนหน้าอย่างสิ้นเชิง
ชุดแต่งงานสีขาวประดับด้วยลายลูกไม้หรูหรา เย็บทรงให้เข้ารูปอวดเรือนร่างเพรียวระหง และเว้าโค้งช่วงแผ่นหลังกับโบใหญ่ที่ประดับไว้
กระโปรงทรงแคบรับเข้ากับสะโพกผาย ทำให้การก้าวเดินค่อนข้างยากลำบากเล็กน้อย ผ้าด้านหลังยาวเหมือนหางปลาฟูฟ่องพริ้วไหวอย่างสวยงาม
พอสำรวจร่างกายเสร็จเรียบร้อย เธอก็เปิดม่านห้องลองเสื้อออก สายตาทอดมองหมอไป๋ที่ก้มหน้าเล่นมือถืออยู่
“ชุดนี้พอจะถูกใจคุณหรือยังคะ”
ใบหน้าหล่อเหลาเงยขึ้นมอง ก่อนจะนิ่งงันไปครู่หนึ่ง จนทุกคนในห้องพากันเงียบเป็นเป่าสาก
ผิวของภารัชชาขาวราวกับหยวกกล้วย ใบหน้าเรียวเล็กรับกับปากกระจับอวบอิ่ม เส้นผมก็นุ่มสลวยยาวปกคลุมถึงกลางแผ่นหลังเลย
“ว่ายังไงคะ ถูกใจคุณบ้างหรือเปล่า”
“ก็ดี”
“ก็ดีคือดีหรือไม่ดีล่ะคะ”
หมอไป๋ป้องปากกระแอมไอแทนคำตอบ ภารัชชาที่หมดความอดทนเตรียมปรี่เข้าไปหาเขา
ทว่าดันลืมไป กระโปรงทรงแคบทำให้ก้าวไม่ถนัด เธอจึงสะดุดขาตัวเองมันเกี่ยวกันพัลวัน จนโลกทั้งใบดับวูบไปชั่วขณะ
เธอคิดว่าตัวเองต้องล้มหน้าคะมำปากจูบพื้น เลยหลับตาปี๋หนีความกลัวนั้นทันที แต่ดันผิดคาดเกินไปเยอะเลย เมื่อรู้สึกได้ถึงท่อนแขนแกร่งกอดรัดเอวไว้
และความนุ่มนิ่มบางอย่างที่สัมผัสปากอยู่...
ภารัชชาเบิกตาขึ้นกว้าง ถึงได้เห็นว่าเธอล้มลงบนตักหมอไป๋ มือเกาะบ่ากว้างของเขาและปากก็แตะกับเขาอยู่
“คุณไป๋...”
หมอไป๋อุ้มภรรยาขึ้นไปนอนบนเตียงดีๆ ภารัชชาทำตัวไม่ถูกที่โดนปฏิบัติดีใส่ ปกติคงไม่อยากแตะต้องตัวเธอด้วยซ้ำ แต่พอเขาทิ้งตัวนั่งข้างเตียง พร้อมกับเอามือมาอังหน้าผากอีกรอบ เธอก็ยิ่งนอนตัวเกร็งหนักกว่าเก่าอย่าทำตัวแสนดีไปหน่อยเลยคายซ่งไป๋คนใจร้ายออกมาเถอะ“ทานข้าวหน่อยก็แล้วกัน เธอจะได้ทานยาด้วย” เขาละมือออก ทำทีท่าว่าจะลุกไปเอายากับข้าวมาให้ แต่ภารัชชารั้งแขนเขาไว้ พลางส่ายหน้าเว้าวอนเขาที่ขึงตาดุใส่“บอกแล้วไงคะว่าไม่กินยา”“แต่ตัวเธอร้อน…”“นอนพักสักหน่อยเดี๋ยวก็คงดีขึ้นค่ะ”เธอคลี่ยิ้มบางๆ หวังจะทำให้สามีอ่อนใจลง ร่างสูงที่ถอนหายใจทิ้งเฮือกใหญ่ ยกมือคลึงขมับแล้วพยักหน้ายอมแพ้บรรดาคนไข้ที่เขาเคยรับมือมา ภารัชชาดื้อรั้นมากที่สุดแล้วล่ะมั้ง“ถ้าไม่ไหวให้รีบบอก”เขาหลุบตามองภรรยาในนาม ก่อนจะดึงผ้าห่มให้คลุมถึงอกเธอ แต่ครั้นที่ไม่มีเสียงตอบรับ คนที่อุตส่าห์ห่วงใยก็ชักสีหน้าหงุดหงิด“ขานรับหน่อยก็ดี” เขากดเสียงดุเธอ หลังอีกฝ่ายไม่แม้แต่จะขานรับ ทั้งที่จริงเขาไม่ใส่ใจก็ได้ด้วยซ้ำ แต่ไม่รู้ทำไม ต้องหงุดหงิดที่โดนเมินความหวังดีที่ให้ไป“รู้แล้วค่ะ”“ดี”“แค่นี้ไม่เห็นต้องดุเลย…”หมอไป๋แอบยิ้
ชีวิตของหมอไป๋ วนเวียนอยู่กับสองสาวแทบทั้งวัน แต่ส่วนใหญ่เขาจะคอยดูแลเหมยหลินมากกว่า แค่เพราะรู้สึกผิด ที่ไม่สามารถปกป้องเธอไว้ได้จนพลั้งเผลอไปตกหลุมพราง น้องชายสารเลวอย่างเพชรเพทายเหมยหลินเริ่มเบื่อรายการโทรทัศน์ตรงหน้า ยาคลายกังวลที่กินไปก่อนหน้านี้ เริ่มออกฤทธิ์ให้เธอง่วงงุนอยากนอน“ไป๋คะ”“หือ”“คุณชาเขาจะโกรธหลินไหม... หลินมาอยู่แบบนี้”เหมยหลินวางมือบนตักหมอไป๋ เขาหลุบตามองนิ่งๆ ก่อนจับมือบางไปวางไว้ที่ตักเธอแทน พลางลดหนังสือที่อ่านอยู่ลงเล็กน้อยวันนี้เขาไม่มีเคสผ่าตัด เวลาว่างจึงใช้ไปกับการอยู่บ้าน อ่านหนังสือที่อ่านค้างไว้ยังไม่จบ แล้วก็คอยนั่งเป็นเพื่อนเหมยหลิน ตามประกบดูแลอย่างใกล้ชิดตามคำสั่งแพทย์ไม่งั้นเธออาจจะคิดไม่ดีขึ้นมาอีกก็ได้...“อย่าห่วงเลย ภารัชชาไม่ใช่คนคิดเล็กคิดน้อยอะไร”“ผู้หญิงเราก็คิดเล็กคิดน้อยกันทั้งนั้นค่ะไป๋”เขามุ่นคิ้วคิดไม่ตก จะคิดอะไรให้มากมาย ในเมื่อเขาให้เธอมาอยู่ในฐานะเพื่อน ไม่ได้เอามาเป็นเมียเพิ่มสักหน่อย“แต่ภารัชชา...”“ไป๋รู้จักเธอดีจังนะคะ”ใบหน้าขาวระบายยิ้มอ่อนๆ ต่อให้เหมยหลินรู้สึกดีกับซ่งไป๋ แต่เธอเข้าใจหัวอกผู้หญิงด้วยกันดี ไม่มีหรอ
โรงพยาบาลซ่งไป๋เฝ้าอยู่ข้างเตียงเหมยหลิน เธอจมดิ่งสู้ห้วงนิทรา หลังเอาแต่นั่งร้องไห้จนตัวสั่นโยน สุดท้ายก็ผล็อยหลับไป เพราะคุณหมอให้ทานยาจะได้คลายกังวลก่อนหน้านี้ เธอโทรมาหาเสียงสั่นเครือท่าไม่ค่อยดี ดูหวาดระแวงว่าเพชรเพทายจะทำร้าย เพราะสามีเป็นคนโมโหร้ายใช่ย่อย“ไป๋... เหมยหลินกลัว ฮึก คุณเพชรอารมณ์ไม่ดีเลย ฮือ”สามีเธอคงจะคลั่งปนคับแค้บใจ หลังลูกในไส้หลุดไปก่อนกำหนดเหมยหลินผู้เป็นภรรยา ถึงได้โทรหาให้เขาพาออกมา สุดท้ายเธอก็มีอาการวิตกกังวลหนัก เขาเลยอยากให้อยู่ในความดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิดหรือไม่ ทางที่ดีควรจะพบหมอทางใจสักหน่อย เผื่ออาการที่เป็นจะพาลให้บรรเทา ทุเลาทุกความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นได้บ้าง“ภารัชชา...”อยู่ดีไม่ว่าดี เขากลับนึกถึงภรรยาที่ไม่คิดจะรักขึ้นมา พลางยกข้อมือขึ้นดูเวลาที่นาฬิกา ดึกดื่นจนป่านนี้แล้ว เธอคงเปิดไฟนอนสบายใจเฉิบสิท่า ไม่ต้องมาระแวงว่าเขาจะกลั่นแกล้งปิดไฟใส่“ถ้าฉันไม่ใช่ลูกสาวของภรรยารอง...”“ฮึก ...ฉันจะถูกรักบ้างมั้ยคะ”คืนนั้น ภรรยาฝีปากกล้าร่ำไห้โฮ ตัดพ้อที่ไม่เคยเป็นคนถูกรัก ปกติทีท่าเย่อหยิ่งและถือดีเป็นที่หนึ่ง พอเขาได้เห็นว่าเธอร้องไห้เป็น หัวใ
ภารัชชาไม่พูดไม่จาสักคำตั้งแต่เข้าห้องมา นอกจากนั่งกอดเข่าร้องไห้ คุดคู้อยู่บนโซฟาปล่อยโฮจนตัวสั่นโยนเจ้าของห้องอย่างสิบทิศ หยิบยื่นกระดาษให้เธอซับน้ำตา นั่งจมจ่อมอยู่ข้างอีกฝ่ายตั้งแต่สิบห้านาทีก่อน ไม่กล้าถามไถ่ถ้าเธอไม่เล่า เขาก็เลยทำได้แค่นั่งรอให้พายุความเศร้าสงบลงเท่านั้น“น้ำ... น้ำไหมน้องชา”“เอาค่ะ ฮึก ขอบคุณค่ะ”เธอพยักหน้าหงึกหงัก แต่ยังหยุดเสียงสะอื้นร้องไห้ไม่ได้เสียน้ำตาไปก็เยอะ ร้องจนเสียงแหบแห้ง ขอเติมน้ำเข้าไปหน่อยจะได้ช่วยหล่อเลี้ยง ไม่ให้น้ำหมดตัวเพราะเสียน้ำตาเท่าโอ่งซะก่อนสิบทิศรอให้ภารัชชาร้องไห้อย่างใจเย็น แม้จะร้อนรุ่มอยากรู้ก็ตามที เขาเดินเข้าไปเอาผ้าผืนเล็ก ถึงไม่รู้อะไรนำพาเธอให้มาหาเขา อีกทั้งยังตากฝนตัวเปียกมาอีกต่างหากแต่เขาจะไม่ถาม รอให้เธอใจเย็นลงกว่านี้อีกหน่อย“พี่ขอเช็ดให้นะ” เขาพูดขึ้นเบาๆ พอเธอไม่ปฏิเสธ เขาก็จัดการใช้ผ้าซับเส้นผมที่เปียกน้ำฝนให้อย่างเบามือความรักไม่เคยง่ายเลย...โดยเฉพาะการเป็นคนไม่ถูกรัก ไม่ง่ายสำหรับเธอเลยสักนิดภารัชชาเพิ่งเข้าใจก็วันนี้ อาการเจ็บชาในหัวใจมันเป็นยังไง เวลานึกถึงภาพของคนที่ไม่รักกัน เหมือนถูกของแหลมคมกรีดซ้ำ
รถยนต์คันหรูจอดเทียบข้างฟุตบาธ ไม่มีประโยครั้งจากสามี เธอจึงทำได้แค่เดินลงจากรถแล้วมองเขาไกลสายตาออกไปคนเก่าเขาคงสำคัญกว่า...ภารัชชาอยากจะหัวเราะให้ฟันร่วงหมดปาก มันก็ชัดเจนอยู่แล้ว ไม่เห็นจะต้องคิดวกวนให้ซ้ำเติมตัวเองเลยเราทั้งคู่จะกลายเป็นคนรักกันได้ยังไง ในเมื่อคนเป็นสามีไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเธอแพ้กุ้ง ที่ผ่านมามันก็แค่ความอ่อนไหวชั่วครู่ชั่วคราว เวลาเธอเศร้าหรือไม่มีใคร เขาเป็นเพียงแค่คนที่ยืนอยู่ตรงหน้าไม่ต่างจากคนที่กำลังจะจมน้ำ ไขว่คว้าทุกอย่างที่เกาะได้นั่นแหละกลับบ้าน...ความหมายคือกลับบ้านที่เคยอยู่ ไม่ใช่เพนส์เฮ้าส์ของซ่งไป๋ ภารัชชานั่งรถมาลงที่บ้านสกุลนาวารีรักษ์ คนแรกที่นึกถึงคือแม่ ถึงแม้ตั้งแต่เกิดมาจะไม่เคยสัมผัสคำว่าความอบอุ่นก็ตามแต่เธอยังหวังว่าแม่จะแบ่งปันมาให้บ้างในสักวัน...ร่างบางเดินลากเท้าเอื่อยเฉื่อยเข้ามาในบ้าน หันไปยกมือไหว้แม่นมที่เคยเลี้ยง แต่กลับไม่พบคนอื่นอยู่ในบ้านแล้ว อาจเป็นเพราะเวลานี้คือทุ่มกว่า ทุกคนคงแยกย้ายกันกลับไปในพื้นที่ของตัวเอง“แม่คะ...” เธอคลี่รอยยิ้มเศร้า เหม่อมองแม่ที่เดินลงมาจากบันไดบ้านชั้นสองพอดีปรางสิตาที่เห็นลูกสาวก็เบิกตาตกใจ พ
คฤหาสน์ตระกูลซ่งข่าวที่เหมยหลินแท้งลูกไม่ได้ถูกแพร่งพรายออกไป จุดสำคัญคือเธอเป็นนักแสดงมีชื่อเสียง และอีกอย่างคือครอบครัวทั้งสองฝ่ายไม่รับรู้ ไม่มีใครได้รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเหมยหลินในคืนนั้นเพชรเพทายก็ไม่อยากให้ใครรู้เช่นกัน ไม่งั้นคงมีผลต่อกองมรดกในอนาคตอย่างแน่นอนเหมยหลินสูญเสียลูกในท้อง ภารัชชาที่รับรู้ก็เห็นใจ อยากจะไถ่ถามด้วยความเป็นห่วง แต่เธอคงไม่จำเป็นต้องทำหรอกในเมื่อซ่งไป๋... ออกอาการห่วงกว่าเธออีก“ทานทอดมันกุ้งสิครับ เจ้านี้อร่อยมาก” เพชรเพทายตัดทอดมันกุ้งใส่จานภารัชชา เธอหลุบมองนิ่งๆ ในมือเขี่ยข้าวไม่กินสักที“ขอบคุณค่ะ” เธอยิ้มรับ แต่ใช้ช้อนเขี่ยไปไว้ขอบจาน“ผัดผักน้ำมันหอยด้วย...”เขายังตักอาหารใส่จานเธอต่อ ในขณะที่ผู้เป็นสามีเธอ คอยหยิบยกจานอาหารที่เหมยหลินเรียกหาส่งให้ เพชรเพทายคงประชดประชัน ที่ได้เห็นว่าหมอไป๋ใส่ใจภรรยาเขาเป็นพิเศษเพราะงั้นเขาก็จะใส่ใจภรรยาพี่ชายบ้าง...หมอไป๋ปรายตามองภารัชชาที่นั่งก้มหน้าไม่พูดไม่จา เธอแทบจะไม่แตะอาหารบนโต๊ะด้วยซ้ำ ข้าวในจานก็พร่องไปแค่นิดเดียวเอง เขาเอื้อมแขนตักกุ้งคั่วพริกเกลือใส่จานเธอสายตาของซ่งหมิงและหลี่จูมองทุกคนบนโต๊ะ







