แชร์

บทที่ 10 เธอมันตัวซวย

ผู้เขียน: นิพานัน
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-08-08 23:07:10

“ยัยบ้านี่...”

หมอไป๋เลือดขึ้นหน้าจัดจนเก็บสีหน้าไม่อยู่ รวบเอวเธอยกออกให้พ้นตักก่อนจะลุกขึ้นยืน จนภารัชชาลนลานรีบก้มหัวขอโทษขอโพยเขาใหญ่

พนักงานสามสาวด้านหลัง ต่างก็พากันก้มหน้าลงไม่กล้าสบตาเจ้านาย กลัวภัยร้ายจะโดนหางเลขตามไปด้วย

“ขอ- ขอโทษค่ะคุณไป๋” ภารัชชาเม้มปากกลัวชะตาจะขาดซะก่อน หลับตาแล้วข่มอารมณ์อับอายไว้ข้างใน

“เธอนี่มันพาแต่เรื่องซวย ตัวซวยชะมัดเลย!”

“ขอโทษค่ะ ฉันไม่ได้ตั้งใจ... ขามันสะดุดกันไปเอง”

เธอเอาแต่ก้มหน้าคางเกือบชิดอก ไม่กล้าพอที่จะเงยหน้าสบตาเขา สัมผัสอุ่นร้อนที่ริมฝีปากแตะกันเมื่อครู่ มันยังค้างคาบนริมฝีปากเธออยู่เลย

แต่เธอไม่ได้ตั้งใจสักหน่อย ตัวเขาไม่ใช่หรือไงที่ยั่วอารมณ์โมโหกันก่อน ใครจะคิดล่ะ ว่าอารมณ์ชั่ววูบจะทำให้เกิดอุบัติเหตุจูบที่น่าสลดใจแบบนี้

“ฉันหมดคำจะพูดกับเธอจริงๆ” หมอไป๋กดสายตามองเธอที่ก้มหัวไม่เงยหน้าขึ้นมา

“ตัวเองเสียหายคนเดียวรึไง...” ภารัชชาแสร้งพึมพำใส่ แต่ดังพอที่จะทำให้ร่างสูงได้ยิน ถึงขั้นขมวดคิ้วหน้าตึงทันที

เธอยู่ปากแล้วขบกัดเล็กๆ พลางช้อนตามองอีกฝ่ายที่ยังไม่เลิกหงุดหงิดเป็นฟืนเป็นไฟ ใช่ว่าตัวเขาจะเสียหายอยู่ฝ่ายเดียวสักหน่อย ตัวเธอก็เสียหายเหมือนกันนี่

“มันเป็นอุบัติเหตุหนิ... ใครจะอยากจูบคุณกัน”

“เธอว่ายังไงนะ”

“เปล่าค่ะเปล่า”

ภารัชชาปั้นหน้ายิ้มส่งให้เขา อีกฝ่ายทำหน้าทมึงตึงใส่จนเธอต้องหลุบตาหนีไปทางอื่น คำพูดที่เธองึมงำในลำคอเมื่อครู่ เขาได้ยินทั้งหมดนั่นแหละ

“ฉันขอโทษค่ะ ขอโทษจริงๆ ค่าคุณไป๋”

ใบหน้างามล้ำแทบจะกราบขอร้อง เสียงเธอเนือยและเอื่อยเฉื่อยเหนื่อยที่จะทำให้เขาเลิกอารมณ์บูด

“เสียอารมณ์...” เสียงลมหายใจของหมอไป๋คำรามดัง

เขากระชับเสื้อสูทให้เรียบตึง ก่อนที่จะเดินผ่านหน้าภารัชชาไป แต่เธอมือไวกว่าความคิดไปหน่อยรีบคว้าเขาไว้ได้ทัน

“แล้วนี่คุณจะไปไหนคะคุณไป๋”

“ฉันต้องรายงานเธอเวลาจะไปไหนด้วยรึไง”

“แต่ว่าเรายังเลือกชุดไม่เสร็จเลยนะคะ” เธอมุ่นคิ้วใส่ จะทิ้งกันกลางทางแบบนี้ได้ยังไง

หมอไป๋ปรายตามองมือเธอที่จับเขาอยู่ สายตาเหยียดกันแบบไม่ต้องใช้คำพูด เธอที่รับรู้ได้ก็เลยปล่อยออก ก่อนจะสะกดอารมณ์โกรธไว้ไม่ให้วีนแตกเสียก่อน

“อยากใส่อะไรก็ใส่ ตามใจละกัน”

“แต่คุณไป๋คะ...”

ภารัชชาไม่กล้าจะรั้งเขาไว้เป็นครั้งที่สอง เธอทำได้แค่ยืนมองเขาฉุนเฉียวเดินออกจากร้านไป ท่ามกลางใบหน้าที่ชาวาบราวกับไปจุ่มน้ำแข็งมา

มีแค่สิ่งเดียวที่ยังร้อนอยู่คือริมฝีปากเธอ การได้จูบกับคนปากร้ายแบบเขาไม่มีรสชาติเลยสักนิด แบบนี้ต้องบ้วนน้ำเกลือล้างปากสักร้อยรอบแล้วมั้ง

“ขอโทษด้วยนะคะ เดี๋ยวคุยรายละเอียดชุดต่อเลยค่ะ” ภารัชชาหันไปค้อมศีรษะขอโทษเหล่าพนักงานที่ยืนรอ

สุดท้ายหน้างานเธอก็ต้องเป็นคนเคลียร์เองทั้งหมด เพราะตอนนี้ว่าที่คุณสามีจำเป็นหนีหายขึ้นรถไปแล้วเรียบร้อย

ทางด้านซ่งไป๋ที่หัวเสียก้าวเท้าฉับขึ้นรถ ปิดประตูดังปังจนกรที่เป็นสารถีประจำตระกูลสะดุ้งโหยง

“กลับเพนท์เฮ้าส์ฉัน” เขาออกคำสั่งเสียงแข็งกร้าว นัยน์ตาสีดำทมิฬมีประกายเพลิงกัลป์วาวโรจน์เป็นระยะ

อารมณ์เขาในตอนนี้เหมือนมีกองไฟสุมอก ให้ร้อนรุ่มจนอยากเอาน้ำเย็นมาราดหัว แค่รอยจูบอาจจะไม่น่าหัวเสียขนาดนี้ แต่พอเป็นภารัชชาเขาอดทนเก็บอารมณ์ไม่ไหวจริงๆ

“แล้วคุณภารัชชาล่ะครับคุณไป๋” กรถาม พลางมองเจ้านายผ่านกระจกรถมองหลัง

“ต้องสนหรือไง ออกรถกร”

“เอ่อ ครับๆ คุณไป๋”

รถโรลส์รอยซ์คันสีดำเงาวับขับเคลื่อนออกจากร้าน ซ่งไป๋ลอบถอนหายใจทิ้งแรงๆ สายตาทอดมองออกไปนอกหน้าต่างรถ แต่หัวคิ้วกระตุกยิกกับภาพเธอที่สลัดออกจากหัวไม่ได้

“บ้าชะมัด” เขาสบถแล้วใช้มือแตะริมฝีปากเบาๆ

สำหรับซ่งไป๋แล้ว ภารัชชาคือเครื่องรางกวักแต่สิ่งไม่ดี เจอหน้ากันทีไรเป็นต้องมีเรื่องให้หัวเสียเพลียอารมณ์ตลอด

ให้ตายสิ เขารู้สึกไม่ถูกชะตากับผู้หญิงคนนี้เป็นบ้า ถ้าหากตบแต่งกันเป็นทางการแล้วต้องเจอหน้ากันทุกวัน แค่คิดเขาก็รู้สึกถึงเส้นเลือดที่ขมับเต้นตุบตับแล้ว

“เธอมันตัวซวย... ภารัชชา”

THE 619 BAR

เพราะทั้งวันเจอแต่เรื่องให้หัวจะปวด ภารัชชาก็เลยนัดอิงธาราเพื่อนสนิทที่คบกันมาสิบปี มานั่งเป็นเพื่อนดื่มเหล้าย้อมใจกับวันวิวาห์ลวงที่ใกล้จะถึง

เธอระบายทุกอย่างเมื่อเหล้าเข้าปาก เกิดมายี่สิบแปดปีไม่เคยพบเคยเจอผู้ชายอย่างซ่งไป๋มาก่อน

“เขาหล่อแต่เขาอันตรายอ่ะแก” อิงธาราได้ฟังทั้งหมดแล้วก็ส่ายหน้าไปมา

หมอไป๋เป็นที่หมายปองของหญิงสาวมากมาย บ้านไหนมีลูกสาวก็พามารู้จักมักจี่ให้คุ้นเคยกันไว้ แต่ภารัชชาคงดวงซวยเกินไปถึงได้กวักเรียกเขาเข้ามาเป็นสามี

“เบ้าหน้าแบกนิสัยชัดๆ คนอะไรปากก็ร้าย ใจก็ร้ายทิ้งฉันจัดการทุกอย่างในงานแต่งคนเดียว”

“แล้วแกยกเลิกงานแต่งไม่ได้จริงๆ ใช่มั้ย”

“แกเคยเห็นฉันขัดใจแม่สักครั้งมั้ยล่ะอิง”

อิงธาราลอบถอนหายใจเบาๆ สีหน้าเศร้าหมองดูไม่สดใสเลย เพราะรู้เบื้องหลังที่เพื่อนรักต้องเผชิญมาโดยตลอด

ทุกคนรู้หมดว่าปรางสิตาแม่ของเธอร้ายกาจแค่ไหน แต่มีคนเดียวที่ไม่เคยหันหลังให้ก็คือภารัชชา และความกดดันจากเจ้าสัวชาญชัยที่พร้อมเฉดหัวสองแม่ลูกได้ทุกเมื่อ

“แกก็รู้หนิอิงว่าชีวิตนี้ที่เกิดมา... มันไม่เคยเป็นของฉันตั้งแต่แรกอยู่แล้ว”

ภารัชชาซุกหน้าลงบนท่อนแขน ดวงตาเศร้าหมองอย่างปิดไม่มิด คำพูดของแม่ที่ด่ากราดเวลาโมโหยังฝังใจ ถึงจะทำไปด้วยอารมณ์แต่ก็ลบความเสียใจไม่ได้อยู่ดี

“สำเหนียกตัวเองไว้บ้าง มีบ้านหลังใหญ่ มีข้าวกินแล้วก็มีเงินใช้ทุกวันนี้เพราะใคร ถ้าไม่ใช่เพราะฉัน”

“ถ้ารู้ว่าแกเกิดมาแล้วจะเนรคุณ ไม่รู้จักคำว่าบุญคุณคนแบบนี้ ฉันคงเอาแกออกตั้งแต่รู้ว่าท้องแล้ว”

น้ำตาเม็ดใสไหลรินจากดวงตาคู่งาม ภารัชชายกมือขึ้นปาดน้ำตาทิ้งแล้วจับแก้วเหล้าขึ้นดื่มหลายอึก

ชีวิตที่เกิดมาไม่เคยมีทางเลือกเลย...

เพราะงั้นภารัชชาทำได้แค่ก้มหน้ารับชะตากรรม หวังให้สักวันที่ฝันของแม่เป็นจริง หากวันนั้นมาถึงเธอคงได้โบยบินสักที

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • ภรรยาของคุณหมอมาเฟีย   บทที่ 17 กอดคุณไม่อุ่นสักนิด

    ร่างบางพลิกตัวไปมาบนเตียงขนาดคิงส์ไซส์ เธอข่มตาในความมืดให้หลับไม่ลง จนได้ยินเสียงหมอไป๋ถอนหายใจเป็นระยะเขาก็คงรำคาญเธอเต็มที เล่นพลิกตัวกระสับกระส่ายไปมา พาลให้เขานอนไม่หลับด้วยอีกคน แต่เมื่อภารัชชาเริ่มตัวสั่นแล้วกระเถิบจนแผ่นหลังชิดหลังหมอไป๋ เขาก็ผงกหัวแล้วเอี้ยวลำคอหันมองทันที“จะยุกยิกอีกนานมั้ย” หมอไป๋ขมวดคิ้วหัวเสีย พรุ่งนี้เขามีผ่าตัดช่วงเก้าโมงแต่ปาไปตีสองแล้วยังไม่ได้นอนเลย“ขอแค่เปิดไฟดวงเดียวได้มั้ยคะ”“เธอเป็นเด็กหรือไง ถึงนอนแบบปิดไฟไม่ได้”“ฉันก็แค่... กลัวความมืด”ภารัชชาตอบกลับไม่เต็มเสียง เธอมุดตัวอยู่ใต้ผ้าห่ม ในหัวมีแต่ภาพจินตนาการน่ากลัวจนข่มตาหลับไม่ลง ซ่งไป๋เป็นคนใจคอโหดเหี้ยมอย่างที่ใครเขาพูดนั่นแหละเลือดเย็นได้แม้กระทั่งคนที่กลัวความมืด...“ในห้องนี้ไม่มีแสงลอดเข้ามาเลยนี่คะ คุณไป๋ปิดทั้งม่าน... ปิดไฟในห้องทั้งหมดเลย”“ฉันนอนไม่หลับถ้าไฟแยงตา”“ถ้างั้นให้ฉันไปนอนข้างนอกก็ได้ คุณจะได้ไม่หัวเสียด้วยค่ะ”หมอไป๋ยันกายลุกขึ้นนั่ง พลางลอบระบายลมหายใจทิ้ง ใช่ว่าเขาอยากจะรั้งเธอไว้สักหน่อย แต่ตัวเขาก็มีเหตุผลให้ต้องคุ้นเคยกับคนที่เกลียดเหมือนกันซ่งไป๋เป็นคนไม่คุ้น

  • ภรรยาของคุณหมอมาเฟีย   บทที่ 16 ไม่โปรดปรานภรรยา

    ภารัชชานั่งข้างซ่งไป๋บนรถโรลส์รอยซ์คันหรู สารถีกรกำลังขับพาทั้งคู่ตรงไปยังเพนส์เฮ้าส์ส่วนตัวของหมอไป๋ มูลค่าร่วมสี่ร้อยกว่าล้านเป็นมุมที่เขาหวงความเป็นส่วนตัวมากแต่หมอไป๋เป็นคนเสนอเอง จัดให้เพนส์เฮ้าส์เป็นเรือนหอเพราะไม่อยากเจียดเงินในส่วนนี้ แค่ค่าสินสอดที่ต้องประเคนให้แม่ลูกคู่นี้ก็มากเกินพออีกอย่างการที่ภารัชชาเข้ามาอยู่ในพื้นที่ของเขา เขาจะได้จัดการเธอได้ง่ายมากขึ้น เวลาพยศทีจะได้กำราบง่ายไม่ต้องใช้แรงเยอะปึกศีรษะเล็กที่สัปหงกอยู่ซบลงบนไหล่กว้าง ใบหน้าสวยสดดูเหนื่อยล้าจนไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าทิ้งหัวบนไหล่หมอไป๋“นี่เธอ”ใบหน้าหล่อเหลาทมึงตึง ก่อนจะใช้นิ้วชี้ดันศีรษะเธอให้ออกห่างภารัชชาปรือตาขึ้นมอง หมอไป๋เลยหันหน้าหนีแสร้งว่าไม่ได้ดันหัวเธอออกแต่อย่างใด เธอหลับตาลงกลับเข้าสู่อาการสัปหงกอีกครั้ง และก็เผลอไปพิงไหล่เขาอย่างไม่รู้ตัวอีกแล้ว“ภารัช...”“อื้อ”หมอไป๋ลืมคำพูดที่จะต่อว่าไปชั่วขณะ หลุบตามองใบหน้าสวยสดที่ครางครืนในลำคอ ปมที่หว่างคิ้วเริ่มคลายออกราวกับสบายตัวที่ได้นั่งซบไหล่อยู่“ภาระ”ใบหน้าหล่อคมเบือนหนีออกไปนอกหน้าต่าง ปล่อยให้เธอได้ซบอิงไหล่เขาระหว่างรถขับเคลื่อนไปบนถน

  • ภรรยาของคุณหมอมาเฟีย   บทที่ 15 มารยาสอนหญิง

    ภารัชชาควงแขนสามีร่วมดื่มฉลองกับเพื่อนเขาสักพักใหญ่ ก่อนที่เธอจะให้หมอไป๋ได้อยู่พูดคุยกับเพื่อนๆ เขาแทน ไม่อยากยืนฝืนยิ้มในหมู่คนที่เธอเองก็ไม่ได้สนิทสนมดีกระทั่งหมุนตัวกลับมาแล้วเห็นปรางสิตายืนข้างอาปราบต์ ใบหน้าที่เหนื่อยล้าสะสมมาทั้งวันก็เผยรอยยิ้มกว้างในทันทีเธอกลายเป็นเด็กน้อยวัยแปดขวบ จ้องจะวิ่งเข้าหาแม่ทุกครั้งที่ได้เจอหน้า ถึงแม้อายุอานามจะไม่ใช่เด็กน้อยแล้วก็ตาม แต่ข้างในตัวภารัชชายังมีเด็กน้อยหนึ่งคนอยู่ด้วยตลอดเวลาเด็กน้อยที่รอคอยความเมตตาและความรักจากผู้ให้กำเนิด...“แม่กับอาปราบต์ยังไม่กลับอีกเหรอ” ร่างระหงวิ่งมาหยุดอยู่ตรงหน้าปรางสิตา แต่คนเป็นแม่กับทำหน้าระอาเต็มกลืน อาปราบต์ที่ยืนอยู่ข้างๆ จึงเป็นคนพูดกับเธอแทน“อาขอให้แม่อยู่ลาเราก่อนน่ะ จะเข้าเรือนหอทั้งทีคงมีอะไรให้ร่ำลากันหน่อย”“ร่ำลาอะไรล่ะ ฉันไม่ได้ส่งลูกเข้าโรงเชือดสัตว์นะคุณ”“แต่หลานกำลังจะเข้าเรือนหอ เธอควรให้พรลูกหน่อยนะสิตา”ปรางสิตาถอนหายใจพรืดยาว เธอก็แค่ไม่รู้จะอยู่ปั้นหน้าให้เสียเวลาทำไม ในเมื่อเจ้าสัวชาญชัยอวยพรในพิธีงานจบก็ขอตัวกลับพร้อมภรรยาหลวง แต่อาปราบต์กลับรั้งปรางสิตาให้อยู่รอเจอภารัชชาหลังจ

  • ภรรยาของคุณหมอมาเฟีย   บทที่ 14 คนของตระกูลซ่ง

    AFTER PARTY คือช่วงเวลาปลดปล่อยความสนุกหลังพิธีวิวาห์สิ้นสุดอย่างเป็นทางการ ทุกคนต่างก็มารวมตัวสนุกสุดเหวี่ยงด้วยกัน แต่ส่วนใหญ่จะเป็นเพื่อนของทางฝั่งของหมอไป๋มากกว่าภารัชชามีเพื่อนรักเพียงคนเดียวแค่อิงธารา ส่วนอีกคนก็คือรุ่นพี่คนสนิทอย่างสิบทิศที่มาร่วมยินดี ทั้งสามนั่งร่วมดื่มเฉลิงฉลองกันที่โต๊ะ ส่วนเพื่อนร่วมงานหมอไป๋จัดเต็มอยู่หน้าเวทีกันหมดแล้วหากไม่ได้บอกว่าเป็นหมอรักษาคนไข้ ภารัชชาก็นึกว่าเหล่ากองทัพแพทย์เป็นนักเต้นมืออาชีพ แต่ละคนเท้าไฟมีหัวใจรักดนตรีกันทุกคน“แกดื่มเยอะเกินไปแล้วนะอิง พี่สิบช่วยปรามหน่อยสิคะ” ภารัชชาหันไปทำเสียงอ้อนให้สิบทิศช่วยสิบทิศเป็นรุ่นพี่สายรหัสเธอตอนเรียนมหาวิทยาลัย ชายร่างสูงโปร่งผิวพรรณดีสวมแว่นสายตาทรงกลม เป็นหนุ่มตี๋ที่มีสาวสวยมารุมขายขนมจีบกันให้เพียบ แต่คงทำได้แค่มองเพราะรุ่นพี่เธอมีแฟนสาวแล้ว“เดี๋ยวพี่ดูอิงให้เองครับ น้องชาไปช่วยคุณไป๋เถอะ”“ยัยชาฉันโคตรยินดีกับแกเลยนะเว้ย... เพื่อนร้าก”อิงธาราอยู่ในอาการมึนเมา โยกตัวมาโอบกอดเพื่อนรักแล้วโคลงตัวไปมา ทำภารัชชาหลุดยิ้มอย่างเอ็นดูเพื่อนตัวเอง“ฉันรู้แล้ว แต่แกช่วยตั้งสติหน่อยเถอะน่า”“ดูแลตัว

  • ภรรยาของคุณหมอมาเฟีย   บทที่ 13 วิวาห์รักจอมปลอม

    วันเวลาล่วงเลยผ่านไปอย่างรวดเร็ว ถึงขนาดที่หลับตาลงเพียงครู่เดียวตื่นขึ้นมาอีกวัน ภารัชชาก็อยู่ท่ามกลางงานแต่งสุดอลังการสมฐานะสะใภ้หมื่นล้านตระกูลซ่งภายในงานประดับประดาด้วยดอกไม้นานาพันธุ์ โคมไฟคริสตัลห้อยระย้าเล่นแสงส่องประกายระยิบระยิบ แขกเหรื่อคนสำคัญทั้งจากวงการแพทย์และแวดวงธุรกิจ ต่างก็มาร่วมยินดีปรีดากับทั้งคู่ในครั้งนี้ควันสีขาวของทีมงานที่จัดเตรียมไว้พ่นตามทาง ขณะที่ร่างระหงในชุดเจ้าสาวเดินผ่าน ท่ามกลางสายตาหลายสิบคู่ของแขกผู้มีเกียรติ เสียงปรบมือดังขึ้นเกรียวกราวเพื่อร่วมแสดงความยินดีร่างบางระหงสวมชุดเจ้าสาวสีขาวบริสุทธิ์ กำลังก้าวเดินไปบนเวทีที่ปลายทางคือเจ้าบ่าวของงานซ่งไป๋หล่อเหลาเอาการ เขาอยู่ในชุดเจ้าบ่าวสีสุภาพเซททรงผมเปิดหน้าผาก แต่งแต้มเครื่องสำอางแค่เล็กน้อยก็โดดเด่นเป็นประจักษ์แก่สายตา ราวกับมีไฟออร่าสาดส่องไปที่เขาโดยไม่ต้องพึ่งไฟของงานเลยทุกฝีก้าวที่ภารัชชานั้นก้าวเดิน เป็นดั่งขั้นบันไดไปสู่ขุมนรก โดยที่มีผู้คุมขังวิญญาณให้โดนจองจำคือสามีจอมปลอมอย่างซ่งไป๋“ยิ้ม” เขาพูดผ่านไรฟัน แต่หน้ายังเปื้อนยิ้มอยู่ภารัชชาไม่ยิ้มเลยตั้งแต่เปิดประตูเดินออกมา เธอรู้ว่าปรางส

  • ภรรยาของคุณหมอมาเฟีย   บทที่ 12 ไม่ได้คิดพิศวาส

    หมอไป๋ยึดครองพื้นที่บนริมฝีปากเธอทั้งหมด เรี่ยวแรงอันน้อยนิดไม่อาจผลักไสชายฉกรรจ์ที่ตัวสูงใหญ่อย่างซ่งไป๋ได้เขาดันตัวเธอให้ติดกับกำแพงด้านหลัง โดยที่ภารัชชาใช้กำปั้นทุบตีแผงอกกำยำเขารัวๆ ให้ปล่อย แต่กลับถูกเขาบดเบียดริมฝีปากขยี้หนักหน่วงมากกว่าเก่า“อื้อ...”เธอพยายามจะสะบัดหน้าหนี แต่ผลที่ได้คือหมอไป๋จับคอเธอล็อคไว้ ร่างกายทั้งสองเบียดเสียดกันไปมา จนแทบไม่มีช่องว่างระหว่างกันเมื่อเขาโถมตัวเข้าใส่ภารัชชาหลับตาปี๋ ยืนนิ่งเป็นหุ่นขี้ผึ้งกับสติที่แตกกระเจิงไปก่อนหน้านี้ ก่อนที่หยาดน้ำอุ่นจะไหลรินออกจากดวงตา“อึก” กำปั้นเล็กทุบตีเขาให้ปล่อย แต่แล้วก็รู้สึกตัวชาวาบขึ้นมา เมื่อเขาโอบรั้งเอวเธอเข้าไปใกล้ มอบจุมพิตที่ดูดดื่มและดุร้ายจนพรากสติให้ภารัชชาเริ่มเคลิ้มตามจากตอนแรกที่ทุบตีหมอไป๋ อยู่ๆ มือไม้เธอก็ค้างแข็งกลางอากาศ หลับตาพริ้มรับสัมผัสรอยจูบจากเขาทุกอย่างเริ่มเลยเถิดเพราะทั้งคู่ต่างก็ดื่มเหล้ามา แค่จูบนิดแตะหน่อยเลือดลมก็ร้อนผ่าว ไล่ตีตื้นขึ้นมาจนมวลท้องน้อยไปหมดเรียวแขนแกร่งโอบเอวคอดกิ่ว เธอเองก็ยกแขนกอดลำคอของหมอไป๋ แรงอารมณ์รักที่เร่าร้อนกำลังหล่อหลอมคนทั้งคู่ให้ติดพันกันอยู่

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status