เช้าวันต่อมา
เมื่อคืนฉันนอนหลับสบายมากๆ คงเป็นเพราะเมื่อตอนกลางวันฉันใช้แรงเยอะมากไปหน่อย ไหนจะต้องปั้นหน้ายิ้มใส่คนที่มาร่วมงานอีก บรรยากาศที่นี่ก็ถือว่าใช้ได้เลยไม่ร้อนอบอ้าว แต่ก็ไม่รู้ว่าตอนกลางวันจะร้อนหรือเปล่านะ "นี่คุณ ตอนเช้ามีอะไรกิน?" "ก็ไปถามแม่บ้านเอาสิ" "แล้วคุณจะออกไปไหน?" "ฉันจะออกไปทำงาน เย็นๆ ถึงจะกลับมา อยากกินอะไรอยากได้อะไรก็บอกแม่บ้าน" "....." "อ้อ...อย่าแผลงฤทธิ์ล่ะ" "....." อีตาบ้าคนนี้กล้าดียังไงมาพูดแบบนี้กับฉันเนี่ย สงสัยคุณแม่ต้องเล่าให้ฟังแน่ๆ เลยเรื่องที่ฉันแสบซ่าไม่ยอมใคร "นายหัวกินข้าวก่อนสิจ๊ะ กับข้าวเสร็จพอดี" "มีอะไรกินบ้างล่ะ?" "แกงไตปลากับคั่วกลิ้งจ้ะ" "อย่างอื่นไม่มีหรอ ฉันไม่เคยกินของพวกนี้" "ไม่มีแล้วจ้ะคุณนาย" "ห๊ะ ไม่มีอย่างอื่นเลยหรอ ฉันกินอาหารใต้ไม่เป็น" จะว่าฉันเรื่องมากก็ได้ แต่ฉันไม่ได้อยู่เมืองไทยนาน และฉันก็ไม่ค่อยคุ้นชินกับอาหารไทยสักเท่าไร และก็พอจะรู้มาว่าอาหารใต้รสชาติค่อนข้างแรง ฉันไม่กินเผ็ดนี่สิ "จะเรื่องมากทำไม กับข้าวก็ไม่ได้ทำเอง ที่นี่มีอะไรเขาก็กินอันนั้นกันนั่นแหละ" "ฉันไม่ได้เรื่องมากนะ ฉันกินเผ็ดไม่ได้ ทำไมต้องคิดว่าฉันเรื่องมากด้วย คนนิสัยเสีย!" "ใจเย็นๆ ก่อนนะจ๊ะนายหัวไม่เป็นอะไรจ้ะ เดี๋ยวภาไปทำให้ใหม่ก็ได้จ้ะ" "กินไม่เป็นก็หัดกินเข้าไว้สิ เธอต้องอยู่ที่นี่อีกนาน" "นี่!" "เรื่องของเธอ ภาไม่ต้องไปทำใหม่ด้วย ถ้าเขาอยากจะกินให้เขาลงมาทำเอง ถ้าฉันรู้ว่าใครช่วยนะฉันจะหักเงินเดือนให้หมดเลย" "จ้ะๆ นายหัว" "ไอ้คนผีบ้าไอ้ผีทะเล ไอ้คนเฮงซวยอย่าให้ถึงตาฉันบ้างเถอะจะเล่นงานกลับให้เข็ดเลย!" ฉันตะโกนด่าตามหลังเพราะผู้ชายคนนั้นเดินออกไปเลยไม่ได้อยู่กินข้าว เขาเป็นผู้ชายที่หยาบคายมากๆ ไม่เห็นจะเป็นสุภาพบุรุษเป็นคนดีแสนดีอย่างที่คุณแม่บอกเอาไว้เลย "คุณนาย..." "ชิ!" "อ้าว..." ฉันหันหลังกลับขึ้นไปบนห้องนอนของตัวเอง เพราะไม่รู้จะไปไหนและก็ไม่รู้ว่าจะลงไปข้างล่างทำไม นี่ฉันต้องทนอยู่บ้านหลังนี้จริงๆ เหรอ ต้องอยู่อีกนานเท่าไหร่กันล่ะเนี่ย คุณแม่และคุณแม่ แต่งงานกันแล้วยังจะให้ฉันย้ายมาอยู่กับผู้ชายคนนี้อีก คิดถึงเพื่อนที่ต่างประเทศจะแย่ ถ้าฉันมีรถนะฉันจะบินหนีกลับไปต่างประเทศแล้วไม่กลับมาอีกเลยคอยดูเถอะ เที่ยงๆ ของวันเดียวกัน จ๊อก~ "อื้อ...หิวจะเป็นบ้า" ฉันไม่ลงไปข้างล่างเลยจนกระทั่งเวลาผ่านไปราวๆ เที่ยงเศษ พยายามทนหิวแต่มันก็อดไม่ได้ ก๊อกๆๆ "คุณนาย ออกมากินข้าวเถอะจ้ะ เดี๋ยวภาทำอะไรให้กิน จะไม่บอกเรื่องนี้กับนายหัวเลย" แกร๊ก~ "อะไร?" "ลงไปกินข้าวเถอะจ้ะ อย่าอดข้าวแบบนี้เลยเดี๋ยวจะปวดท้อง" "ฉันไม่หิว" จ๊อก~ ท้องร้องอีกแล้ว ไอ้ท้องทรยศ! "ลงมาเถอะจ้ะ" "ก็ได้ๆ เดี๋ยวฉันไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแป๊บนึงแล้วจะลงไป" "จ้ะ" ฉันเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าพอลงมาก็มีกับข้าวแบบที่ไม่เผ็ดทำเสร็จวางเรียบร้อยไว้อยู่บนโต๊ะแล้ว "เดี๋ยวเจ้านายของเธอรู้ก็โดนหักเงินเดือนเอาหรอก" "ก็ไม่ต้องบอกสิจ๊ะ รู้กันแค่เราสองคนก็พอ" "แล้วนี่ทั้งบ้านมีเธอเป็นแม่บ้านคนเดียวหรอ?" "มีสามคนจ้ะ แต่หน้าที่ของภาเป็นหน้าที่รับผิดชอบในครัวทำกับข้าวทำอาหารแล้วก็ทำความสะอาดในบ้าน ส่วนที่เหลือก็ทำที่บ้านหลังเล็กจ้ะ" "เจ้านายเธอ ใจร้ายที่สุดเลยนะรู้ไหม" "นายหัวก็เป็นแบบนี้แหละจ้ะอย่าไปถือสาเลย เป็นคนห้าวๆ แข็งๆ พูดจาหวานๆ ไม่เป็นหรอกจ้ะ แต่เชื่อเถอะนายหัวพูดไปงั้นแหละไม่ได้คิดอะไรหรอก" "เธอนี่ดูเข้าข้างเจ้านายจังเลยนะ" "เปล่าๆ นะจ๊ะ แค่พูดไปในสิ่งที่ตัวเองเห็น" "แล้วนี่ทำงานมานานเท่าไหร่แล้วล่ะ?" "แปดปีแล้วจ้ะ" "อายุเท่าไหร่อะ?" "ยี่สิบสองจ้ะ" "ห๊ะ?!" ที่ตกใจไม่ใช่อะไร ฉันตกใจที่ผู้หญิงคนนี้ทำงานตั้งแต่อายุสิบห้าต่างหาก แล้วไม่ได้เรียนหรือไงเนี่ยถึงได้มาทำงานงกๆ อยู่ที่นี่ อีตาบ้านั่นใช้แรงงานเด็กแน่ๆ เลย ฟ้องกรมแรงงานซะดีมั้ง "ตอนเย็นนายหัวฝากมาบอกว่าให้สอนคุณนายทำกับข้าวด้วยจ้ะ" "ได้สิ ฉันก็พอทำได้อยู่ ว่าแต่ใช้เตาไฟฟ้าหรือว่าเตาแก๊สล่ะ?" "ไม่ได้ใช้เลยจ้ะ ต้องดังไฟตั้งเตาถ่าน" "หา...???" อยู่ที่เมืองนอกฉันก็ทำกับข้าวเองนั่นแหละ แต่ฉันไม่เคยก่อไฟเตาถ่านเลยสักครั้ง ที่โน่นถ้าไม่ได้ใช้เตาไฟฟ้าก็เป็นเตาแก๊ส "ไม่เป็นอะไรจ้ะ เดี๋ยวภาสอนให้เอง" "อืม..." ตกเย็น... ฉันนั่งดูเด็กคนที่ชื่อภาก่อไฟ ฉันไม่ได้กลัวชีวิตที่ลำบากหรอกนะ เพราะตอนที่ฉันตัดสินใจไปเรียนต่างประเทศคนเดียวฉันก็คิดเอาไว้แล้วว่าฉันต้องลำบากเพราะต้องทำอะไรเองหมด "คุณนายดูเตาไฟให้แป๊บนึงนะ เดี๋ยวภาไปหยิบของสดออกมาเตรียมทำกับข้าวก่อน" "ให้ดูอย่างเดียวหรอ ต้องพัดด้วยไหม?" "ไม่ต้องจ้ะ ไฟติดแล้ว" "อือๆ" ฉันนั่งดูเตาไฟที่กำลังคุ และสะเก็ดไฟก็แตกแบบถี่ๆ จนมันลามขึ้นไปบนหญ้าคาที่เป็นเพลิงตรงหน้า และภายในพริบตาไฟก็ลุกท่วมในทันที "ไฟไหม้! ไฟไหม้! ไฟไหม้!" เสียงร้องตะโกนดังขึ้นพร้อมกับคนงานวิ่งถือถังน้ำมาแล้วสาดขึ้นไปบนหลังคา ซึ่งฉันเองก็ช่วยอยู่เหมือนกัน ( ช่วยนิดหน่อย ) จนกระทั่งไฟดับ "คุณนายเป็นอะไรหรือเปล่าจ๊ะ?" "ไม่ ฉันไม่ได้เป็นอะไร เมื่อกี้มันมีสะเก็ดไฟแต่ขึ้นไปโดนหญ้าบนนั้นแล้วมันก็ติดไฟเลย" ฉันพยายามอธิบายเพราะฉันไม่ได้เป็นคนทำ "แค่คุณนายไม่เป็นอะไรก็ดีแล้วจ้ะ" บรืน~ เสียงรถกระบะดังเข้ามาจอดที่หน้าบ้าน ก่อนที่จะมีคนกลุ่มนึงเดินมา และหนึ่งในนั้นก็มีนายหัวปากสุนัขตามมาด้วย "เกิดอะไรขึ้น?" "ไฟไหม้ครับนายหัว" "แล้วไหม้ได้ยังไง?" สิ้นสุดคำถามของนายหัวปากสุนัข ทุกคนก็หันมามองฉันเป็นตาเดียว ราวกับว่าฉันคือคนที่เผาหลังคาตรงนี้ "ฝีมือฉันเองแหละทำไม?" "วันแรกก็แผลงฤทธิ์แล้วหรอ?" "ฉันจะไม่เผาหลังคาบ้านคุณหรอก ฉันจะเผาหัวคุณด้วย ไอ้คนบ้า ไอ้นายหัวปากจัด!" "นี่เธอ!" "ทำไม คิดว่าจะปากจัดใส่คนอื่นได้คนเดียวหรือไง?" "....." "บอกเอาไว้ก่อนเลยนะ ว่าฉันเขมิกา ไม่เคยยอมใครอยู่แล้วโดยเฉพาะคนอย่างคุณ!"สองปีต่อมา ตอนนี้ผมได้ลูกสาวดั่งใจหวังจริงๆ แล้ว แกเป็นน้องเล็กที่สุดในบ้าน ตอนนี้ก็อายุขวบนึง ส่วนพี่ๆ ก็โตขึ้นมากแต่ก็ยังซุกซนเหมือนเดิม ลูกสาวคนเล็กผมตั้งชื่อให้ว่าน้องกอหญ้า แกเป็นเด็กที่น่ารักและไม่ได้ซุกซน นิสัยนิ่งเงียบเหมือนกับแม่ของแกไม่มีผิดเลย ไม่ได้ซุกซนเหมือนกับพวกพี่ๆ แต่ถึงอย่างนั้นพวกพี่ๆ ก็รักและหวงน้องสาวเอามากๆ "มาหาแม่มากอหญ้า" "มีอะไรหรือเปล่า?" "คุณไปดูลูกชายตัวแสบของคุณเถอะ พากันเล่นอะไรอยู่หลังบ้านโน้น" ผมรีบยื่นกอหญ้าให้เขมอุ้ม ก่อนจะรีบเดินไปที่หลังบ้านและก็ได้พบว่าเจ้าลูกชายกำลังใช้ดินสอและเมจิกที่มีขีดเขียนวาดลวดลายบนรถกระบะของผม "ขุนพล! ขุนทัพ!""พ่อ/พ่อ" "หยุดยืนอยู่ตรงนั้นเลย ใครวิ่งหนีพ่อจะตี" พวกแกหยุดในทันที สองคนนี้ซุกซนกันมาก เผลอเป็นไม่ได้ถ้าได้จับปากกาหรือเมจิกอะไรสักอย่างก็จะวาดไปซะทุกที่เลย "พ่อเคยบอกแล้วใช่ไหมว่าห้ามมาวาดรถแบบนี้" "ขอโทษครับ" "พรุ่งนี้ตื่นมาตั้งแต่เช้าล้างรถให้พ่อให้สะอาด และห้ามเอาปากกาเมจิกมาเขียนอีกถ้าพ่อเห็นอีกครั้งพ่อจะตีจริงๆ ด้วย" "ครับพ่อ" ผมก็พูดร่ำไปอย่างนั้นแหละอันที่จริงก็ไม่กล้าตีหรอก ตั้งแต่พวกแกโตมาผ
หลังจากที่คลอดขุนทัพออกมาที่บ้านก็วุ่นวายมากขึ้นเพราะสองพี่น้องคู่นี้ทั้งดื้อและก็ซนมาก ทำเอาฉันกับภาปวดหัวได้ไม่เว้นแต่ละวัน ตอนแรกฉันคิดว่าฉันจะทำหมันทันทีที่คลอดขุนทัพออกมา แต่คุณไกรเขาอยากจะมีลูกผู้หญิงอีกสักคนฉันก็เลยยังไม่รีบทำหมัน บางทีลูกคนที่สามของเราอาจจะเป็นผู้หญิงก็ได้ แต่ตอนนี้ฉันก็ปล่อยผ่านมาร่วมสองปีได้แล้วล่ะ ขุนพลอายุสามขวบเกือบจะสี่ขวบแล้ว ส่วนขุนทัพก็เพิ่งจะสองขวบหมาดๆ ไม่รู้ว่าสองพี่น้องเขาโตทันๆ กันด้วยหรือเปล่า ที่บ้านก็เลยวุ่นวายเอามากๆ เพราะมีผู้นำอย่างที่ชายน้องชายเลยกล้า ส่วนที่ชายก็มีพ่อเป็นผู้นำอีกที พวกนี้ทำอะไรกันเป็นทอดๆ หลายปีก่อนคุณไกรเขาเคยพูดเอาไว้ว่าอยากให้บ้านของเขามีเด็กตัวเล็กๆ ออกมาวิ่งเล่นสร้างสีสันให้กับบ้านมันจะได้ไม่ต้องเงียบเหงาแบบนี้ ตอนนี้น่าจะสมใจเขาแล้วล่ะ เพราะตอนนี้มีเด็กออกมาวิ่งเล่นจนวุ่นวายตามที่เขาต้องการแล้ว มันวุ่นวายมากจริงๆ นะ ไม่รู้เป็นเพราะเด็กผู้ชายด้วยหรือเปล่า พอโตทันๆ กันก็มักจะพากันวิ่งเล่นซุกซน รื้อข้าวของโน่นนี่ บ้างก็ไปเล่นจนข้าวของของคุณไกรเสียหายไป แต่เขาจะไปว่าอะไรลูกเขาล่ะตามใจกันขนาดนี้ "ขุนพล ขุนทัพ มากินข
พอท้องเริ่มโตก็แน่นอนว่าฉันทำอะไรลำบากขึ้น ลูกคนนี้ก็ดื้อตั้งแต่อยู่ในท้องเลยไม่ต่างอะไรจากลูกคนแรกเลย และพอฉันท้องใหญ่แบบนี้คนที่ต้องรับหน้าที่ดูแลลูกชายตัวแสบก็คือคุณไกร บางครั้งปู่กับย่าก็จะมารับไปเล่นที่บ้านเหมือนอย่างเคย ถามว่าแต่ละวันฉันเหนื่อยบ้างไหม กับลูกฉันไม่ค่อยเหนื่อยสักเท่าไรเพราะแกไม่ค่อยเข้าใกล้ฉัน จะเหนื่อยกับการที่ต้องแบกท้องใหญ่ๆ มากกว่า บรืน~ เสียงรถกระบะแล่นเข้ามาจอดในบ้าน พร้อมกับได้ยินเสียงของลูกชายตะโกนด้วยความดีใจ เขาจะชอบมากเวลาที่พ่อกลับมาจากทำงาน เพราะคุณไกรเขาจะคอยเป็นเพื่อนเล่น "พ่อ!" "หืม วิ่งมารับเร็วเชียวนะตัวแสบ พ่อเคยบอกแล้วใช่ไหมว่าอย่าวิ่งออกมาเดี๋ยวรถจะเหยียบเอา" "ขุนพลลูก ลงมาก่อนให้พ่อไปอาบน้ำก่อน""ไม่เอา" "พ่อเพิ่งทำงานมาเหนื่อยๆ นะมีแต่เหงื่อเต็มตัวเลย" "ไม่เอา ไปอาบน้ำกับพ่อ" "อะๆ โอเค ไปอาบน้ำด้วยกันก็ได้" พ่อลูกคู่นี้ตามใจกันยิ่งกว่าอะไรดี ทั้งที่ก่อนหน้านี้เหนื่อยแทบตายเพราะลูกชายแสนดื้อ แต่ตอนนี้เข้ากันได้ดีเป็นปี่เป็นขลุ่ยเลย ฉันปล่อยให้เขาพากันไปอาบน้ำ จนกระทั่งพากันเดินลงมา ซึ่งฉันกับภาก็เตรียมอาหารตอนเย็นเสร็จพอดี "กินข้า
เขมิกา Talk "สองขีด!" ฉันร้องอุทานออกมาเบาๆ เมื่อคือที่ตรวจครรภ์เข้ามาตรวจในห้องน้ำ ตั้งแต่ที่คลอดลูกฉันกับคุณไกรเรามีอะไรกันแค่สามครั้งเอง และก็มีแค่ครั้งเดียวที่เราไม่ได้ป้องกัน และก็เป็นครั้งล่าสุดด้วย ไม่คิดว่าจะมีลูกคนที่สองได้ง่ายขนาดนี้ เขาจะว่ายังไงนะที่เรากำลังจะมีลูกคนที่สองด้วยกันแบบนี้ แถมเจ้าขุนพลก็เพิ่งจะอายุขวบกว่าๆ เองด้วย รายนั้นก็ทั้งดื้อทั้งซนใช่ย่อยเล่นเอาคุณไกรเหนื่อยจนแทบเป็นลมทุกวัน "แม่!" "ว่าไงตัวแสบ" แกเริ่มพูดได้เป็นประโยคแล้วล่ะนะ "มีอะไรหรือเปล่าทำไมวันนี้ลงมาช้า" "ไม่มีอะไรค่ะ แล้วนี่แต่งตัวจะไปไหนกันคะ""ไปหาปู่กับย่า" "อ๋อ..." ขุนพลแกติดปู่กับย่ามาก ตอนเด็กๆ ปู่กับย่าชอบมารับไปเล่นที่บ้านโน้นด้วยบ่อยๆ ส่วนตากับยายก็แวะมาหาบ้างเป็นครั้งคราวเพราะอยู่ไกล "แล้วนี่คุณจะไปกับลูกด้วยหรอ" ฉันถามคุณไกรเพราะเขาเองก็แต่งตัวหล่อเหมือนกับจะออกไปข้างนอกเหมือนกัน "ครับ จะไปด้วยไหม""มีหรอที่ตัวแสบจะให้ฉันอยู่บ้าน" ไม่ว่าจะออกไปไหนก็ตามจะเอาลูกชายตัวแสบจะชอบให้ฉันตามติดไปด้วยตลอด จนกว่าจะได้เจอปู่กับย่าแกถึงจะยอมให้ฉันกลับได้ แกติดฉันมากเลยล่ะ พอจัดการอะไร
หลังจากที่ออกจากโรงพยาบาลมา นายหัวไกรก็เป็นคนดูแลลูกเองเพราะภรรยายังไม่แข็งแรงดี เขาเป็นคุณพ่อมือใหม่ที่แน่นอนว่าการเลี้ยงเด็กทารกแรกเกิดคนนึงมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยสำหรับเขา แต่เขาก็ยังทำได้ดีทุกอย่าง เอาใจใส่ลูกและภรรยาเป็นอย่างดี ลูกชายคนแรก ได้ชื่อว่า ขุนพล ชื่อนี้เขมิกาเป็นคนตั้งให้ลูกชายเอง เพราะเป็นลูกชายคนแรกนายหัวไกรจึงให้ภรรยาเป็นคนตั้งชื่อให้กับลูกเอง แกเป็นเด็กที่เลี้ยงง่าย ไม่ค่อยร้องไห้งอแงสักเท่าไร "เขม..." ชายหนุ่มเรียกภรรยาของตัวเอง เมื่อเห็นเธอเดินออกมาจากห้องที่ต้องอยู่ไฟ "คุณไกร""ออกมาทำไม?""ฉันแค่อยากออกมาสูดอากาศบ้างอยู่แต่ในห้องแบบนั้นมันน่าเหนื่อย""ออกมาแค่แป๊บเดียวก็พอนะ""ค่ะ" นายหัวไกรเขาเป็นคนที่ไม่ค่อยเชื่ออะไรเกี่ยวกับความเชื่อสักเท่าไร แต่เรื่องที่ภรรยาจะต้องอยู่ไฟเขาเชื่อมาก จึงให้คนงานผู้หญิงที่มีความรู้ด้านนี้มาช่วยดูแลสักระยะนึง หมับ!"อะไรคะเนี่ย?""อยากกอดจังเลย" ตั้งแต่ลูกคลอดออกมาทั้งสองก็แทบจะไม่มีเวลาอยู่ด้วยกันเลย เพราะเขมิกาจะต้องอยู่ไฟจึงไม่ค่อยได้เจอหน้ากับสามีสักเท่าไร เขาเองก็ต้องคอยดูแลลูกที่เพิ่งจะคลอดออกมาได้ไม่กี่อาทิตย์ "ฉัน
เขมิกา Talk เวลาดำเนินผ่านไปเรื่อยๆ จนกระทั่งบ้านของเราที่กำลังต่อเติมเสร็จไปได้ด้วยดีเสร็จเรียบร้อยหมดทุกอย่างรวมถึงการตกแต่งด้วย เขาคาดการณ์เอาไว้ว่าอยากจะให้บ้านที่กำลังต่อเติมเสร็จก่อนที่ลูกของเราจะคลอดออกมา และก็เป็นไปตามที่เราคาดเอาไว้จริงๆ ตอนนี้ฉันท้องได้เจ็ดเดือนกว่าแล้ว และลูกของเราก็เป็นลูกผู้ชายด้วยล่ะ ท้องใหญ่ขึ้นมากการเดินเหินก็เลยค่อนข้างจะลำบาก และฉันก็ไม่ได้ไปทำงานที่สวนอีกเลยตั้งแต่ที่รู้ว่าตัวเองท้อง ส่วนเขาก็ไปบ้างเป็นบางครั้งนานๆ จะไปทีนึง "โอ๊ะ!" ฉันร้องอุทานออกมาเมื่อรู้สึกถึงการเคลื่อนไหวในท้อง ช่วงนี้ลูกดิ้นแรงมากๆ ถีบทีจุกไปยันลิ้นปี่ "เป็นอะไร เจ็บท้องหรอ!?" "ปะ เปล่าค่ะ ลูกดิ้นแรงไปหน่อย""หืม คนเก่งครับ อย่าทำแม่เขาแรงนักสิแม่เจ็บนะ" "สงสัยลูกอยากจะออกมาวิ่งเล่นแย่แล้วนะคะ""ตอนนี้ยังไม่ครบกำหนดรอให้ครบกำหนดก่อนแล้วค่อยออกมานะตัวแสบ" คุณไกรเขาลูบท้องของฉันไปมาเบาๆ จนลูกหยุดดิ้นไป ไม่อยากจะเชื่อเลย แต่ทุกครั้งที่เขาเข้ามาลูบท้องแล้วพูดกับลูก แกจะหยุดถีบท้องฉันทันทีอย่างกับรู้ว่าพ่อของเขาพูดอะไร "อึดอัดหรือเปล่า" "ก็อึดอัดอยู่เหมือนกันค่ะ ท้องใหญ่ขึ