แชร์

บทที่ 5 ไม่ยอมพบหน้า 1

ผู้เขียน: เทียนเหอ
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-11-04 18:17:33

ยามถูกบิดาว่ากล่าวตักเตือนเสวียนหนิงอันมักหนีไปกอดมารดาอย่างเงียบ ๆ ไม่ต่อความยืดยาวเพราะทราบดีว่าตนเองเป็นฝ่ายผิด แทบทุกครั้งนางเอนตัวนอนนิ่งเฉยข้างมารดาหลายชั่วยาม พิจารณาว่าเหตุใดจึงทำผิด สำนึกได้แล้วจริงหรือไม่ ควรทำอย่างไรเพื่อบรรเทาโทษของตนเอง

ตวนอ๋องเฉินฟาหยางมิได้ตามใจบุตรสาวอย่างที่คนร่ำลือ หลายครั้งถึงขั้นกักบริเวณและไม่พูดด้วยนานกว่าเจ็ดวัน แต่กระนั้นนางกลับไม่นึกกังวลเพราะทราบดีว่าบิดารักตนมาก อย่างไรก็ต้องได้รับการให้อภัยอย่างแน่นอน

เสวียนหนิงอันเคยคิดว่าท่านพ่อคงไม่รู้สึกอันใดมากเพราะเป็นฝ่ายเลือกที่จะไม่พูดกับนางเอง แต่พอพบเจอกับสถานการณ์เดียวกัน โกรธเคืองคนที่ตนรักจนไม่อยากสนทนาด้วย เสวียนหนิงอันจึงเข้าใจแล้วว่าที่ผ่านมานางไม่ใช่บุตรสาวที่ว่านอนสอนง่ายสักเท่าใดนัก

‘ท่านพ่อคงเหนื่อยใจมากเป็นแน่’

ยามนั้นนางไม่รู้สึกว่าการถูกลงโทษเป็นเรื่องร้ายแรง ทำเพียงรออย่างใจเย็นสักสามวันแล้วค่อยเข้าไปคุกเข่าขอรับโทษ ร่ายความผิดของตนให้ฟังและสัญญาว่าจะไม่ทำอีก หลังจากนั้นตวนอ๋องผู้เป็นบิดาก็จะเผยรอยยิ้มเพียงเล็กน้อย โคลงศีรษะอย่างไม่รู้ว่าจะแก้ไขอย่างไร ก่อนโบกมือให้นางกลับไปพักผ่อน ทำตัวปกติตามเดิม

‘เพราะพ่อไม่ดีเอง ไม่ได้อยู่ดูแลเจ้าตั้งแต่แรก’

เสวียนหนิงอันเฉลียวฉลาดและมีความจำเป็นเลิศ เรื่องที่บิดาและมารดามีเรื่องไม่เข้าใจกัน แยกจากนานหลายปีก่อนจะกลับมารักกันดังเดิมนางจำได้ดีเยี่ยม แม้ไม่รู้รายละเอียดชัดเจน แต่ก็รู้ว่าที่บิดาเข้มงวดกับนางมากเป็นพิเศษเพราะต้องการให้บุตรสาวที่มิได้เลี้ยงดูมาตั้งแต่แรกเกิดเติบโตไปเป็นสตรีที่ดี

‘สุดท้ายข้าก็ทำให้ท่านพ่อผิดหวัง คนใจร้ายผู้นั้นด่าว่าข้าไม่เป็นไร แต่นี่เขากลับกล่าวกระทบถึงท่านด้วย’

เสวียนหนิงอันโกรธบุรุษที่ได้ชื่อว่าเป็นสามีของนางอย่างมาก จากที่ตั้งใจว่าจะยอมทุกอย่าง เอาความจริงใจเข้าสู้ แต่พอได้ยินเขาดูถูกบิดาก็ถึงกับทนมิได้ น้อยใจกว่ายามที่ตนถูกด่าพันเท่าทวีคูณ

แต่กระนั้นนางก็ยังคิดถึงเขา...

อยากพูดคุยด้วยใจแทบขาด แต่ก็ต้องข่มความต้องการเพื่อสั่งสอนคนที่กระทำความผิดให้ตระหนักรู้ว่าเหตุใดจึงถูกลงโทษ ว่าแต่คนที่นางต้องการลงโทษจะใส่ใจสำนึกผิดหรือไม่?

“อ๊ะ!” เสวียนหนิงอันยืนชมสวนดอกเหมยกุ้ยอยู่พลันเซไปครึ่งก้าว สาวใช้เจียอีที่ยืนอยู่ไม่ห่างจึงตรงเข้ามาประคองทันที

“อากาศเริ่มเย็นแล้ว ฮูหยินน้อยกลับเข้าเรือนเถิดนะเจ้าคะ” เจียอีกล่าวกับนายหญิงคนใหม่อย่างนอบน้อม ในวันนั้นนางเฝ้ารออยู่หน้าเรือนเล็กเผื่อฮูหยินน้อยต้องการเรียกใช้ จึงได้ยินบทสนทนาแทบทุกประโยค ความจริงที่ว่าฮูหยินน้อยมิใช่บุตรสาวของพ่อค้าก็เช่นกัน

“ข้าเบื่อ ไม่อยากอยู่ในเรือน” เสวียนหนิงอันพ่นลมหายใจยาวเมื่อเห็นท่าทางสุภาพเกินกว่าเหตุของเจียอี “บอกว่าให้ทำตัวเช่นเดิม บิดาของข้าเป็นใครหาสำคัญไม่ สำคัญว่าข้าในวันนี้คือภรรยาของผู้ใดต่างหาก”

“โธ่! ฮูหยินน้อยเจ้าคะ มีใครในเมืองหลวงไม่รู้บ้างว่าท่านอ๋องมีอิทธิพลมากเพียงใด ฮ่องเต้รักใคร่ราวกับพี่น้องร่วมอุทร ส่วนองค์ชายรัชทายาทก็เกรงพระทัยท่านอ๋องยิ่งนัก”

“คนก็พูดไปอย่างนั้นเอง พี่อวิ๋นฝู… เอ่อ องค์ชายรัชทายาทเกรงพระทัยที่ใดกัน ส่งงานให้ท่านพ่อข้าช่วยทำอยู่เรื่อย ๆ เอาเถิด ข้าไม่อยากพูดถึงเรื่องนี้แล้ว หากเจ้าทำตัวปกติไม่ได้ก็ไม่ต้องมาดูแลข้า” เสวียนหนิงอันตัดบท เตรียมกลับเข้าเรือนที่เปรียบได้ดั่งที่จองจำอิสรภาพ แต่ก้าวขาได้เพียงสิบก้าวก็ต้องหยุดพักหอบหายใจ

เสวียนหนิงอันนอนหลับไม่สนิทสามวันแล้ว

“ฮูหยินน้อยอย่าเดินเร็วสิเจ้าคะ!” ความตกใจทำให้เจียอีมิสนใจเรื่องมารยาทอีก

“เสียงดังฉะฉานเช่นนี้ค่อยสมเป็นเจียอี สงสัยข้าจะต้องหน้ามืดให้บ่อย เจ้าจึงจะกลับมาสนิทสนมกับข้าเหมือนที่ผ่านมา” เสวียนหนิงอันมองดูสาวใช้ของนางทำหน้ากระเง้ากระงอดอย่างเอ็นดู แต่ยังมิทันได้กลับเรือนอย่างที่ตั้งใจไว้ ซุนหยาก็เข้ามาแจ้งนางด้วยเรื่องเดิม ๆ ที่ได้ยินมาสามวันแล้ว

“นายท่านเชิญฮูหยินน้อยไปพบเจ้าค่ะ บอกด้วยว่าหากไม่สะดวกก็ไม่เป็นไร”

“บอกเขาไปว่าข้าไม่สะดวก” ในเมื่อเขาเป็นฝ่ายผิดก็ควรมาขอโทษนางเองมิใช่หรือ

“แต่นายท่านเชิญฮูหยินน้อยถึงแปดครั้งแล้วนะเจ้าคะ มีเรื่องไม่พอใจอันใดก็ควรคุยกัน มิใช่หลบหน้า ปล่อยให้ปัญหาค้างคาเช่นนี้” ซุนหยาอดตำหนิมิได้

“นายท่านใจร้ายกับฮูหยินน้อยมาก ท่านป้าไม่รู้ก็อย่าเพิ่งพูดเลย” เจียอีสอดปากปกป้องนายหญิงของตนสุดกำลัง

“เจียอี!” ซุนหยาตวาด

“จริง ๆ นะเจ้าคะท่านป้า นายท่านพูดจาไม่ดีจนฮูหยินน้อยร้องไห้ทั้งคืน”

“เจียอี เจ้าไม่ต้องพูดแล้ว” เสวียนหนิงอันตัดบทรวดเร็วดียิ่ง “ท่านป้าไปแจ้งเขาเถิดว่าข้าไม่ไป”

“หากแจ้งว่าไม่ไป อีกครึ่งชั่วยามนายท่านก็ต้องส่งข้ามาเชิญฮูหยินน้อยอีก… ฮูหยินน้อยมีเรื่องขุ่นข้องหมองใจอันใดหรือเจ้าคะ เผื่อว่าคนแก่อย่างข้าจะช่วยให้คำแนะนำได้บ้าง” ซุนหยาอายุมากแล้วย่อมไม่สะดวกเดินไกล ๆ จึงอยากกำจัดปัญหาเพื่อมิให้ข้อเข่าของนางเสื่อมก่อนเวลาอันสมควร

“ท่านป้ายินดีช่วยข้าจริงหรือ” เสวียนหนิงอันถามเสียงเบา พออีกฝ่ายรับคำก็พลันยิ้มกว้าง ทำให้บรรยากาศในสวนดูมีชีวิตชีวาขึ้นมาถึงแปดส่วน นางชักชวนให้หญิงสูงวัยตามไปสนทนาต่อที่เรือนเพราะเรื่องที่ต้องการปรึกษามิสมควรแพร่งพรายให้ผู้ใดได้ยิน

ซุนหยาเห็นด้วยจึงเดินตามโดยไม่ปริปากบ่น พอเห็นนายหญิงคนใหม่ก้าวเดินเชื่องช้า ดูเหนื่อยล้าอ่อนแรงผิดวิสัย นางจึงรู้สึกมิค่อยสบายใจนัก

ซุนหยาปากมีดใจเต้าหู้[1] คนในบ้านล้วนทราบกันดี

เรือนหลังเล็กของเสวียนหนิงอันมีระเบียงยาวทางด้านทิศตะวันตกที่เหมาะกับการนั่งเล่น ยิ่งหลายวันที่ผ่านมานางนอนหลับมิค่อยดี หลังกินมื้อเช้าแล้วจึงพักเอนหลังที่นี่ แต่ในวันนี้นางกลับใช้เป็นสถานที่สำหรับปรึกษาปัญหาสำคัญ

“ต้องปฏิบัติตนเช่นใดจึงจะได้ชื่อว่าเป็นสตรีที่ไร้มารยา” เสวียนหนิงอันถามอย่างอาย ๆ หลังจากหย่อนร่างนั่งบนตั่งไม้ริมระเบียงแล้ว

“เหตุใดฮูหยินน้อยจึงถามเช่นนั้นล่ะเจ้าคะ” ซุนหยาไม่เข้าใจนัก

“ท่านอากล่าวหาว่าข้าเป็นสตรีมากมารยา หว่านเสน่ห์ล่อลวงบุรุษ ท่านป้าเห็นข้าเป็นเช่นนั้นด้วยหรือไม่”

เสวียนหนิงอันมองอย่างคาดหวัง กลัวว่าจะได้ยินคำตอบที่ไม่ต้องการ

“ข้าไม่ได้ใกล้ชิดกับฮูหยินน้อยมากพอ เรื่องนี้ควรต้องถามเจียอีมิใช่หรือเจ้าคะ”

ซุนหยาพยักพเยิดไปยังสาวใช้อายุน้อย ปรากฏว่านางรีบให้คำตอบอย่างกระตือรือร้น ดวงตาทอประกายระยิบระยับราวกับรับรู้เรื่องสำคัญอันใดมา

“ฮูหยินน้อยมีเสน่ห์หาสตรีใดเทียบได้ยาก ผิวพรรณขาวกระจ่างดุจไข่มุกเรืองแสง ใบหน้าเล็กสวยงามราวกับภาพวาด ริมฝีปากอวบอิ่มเย้ายวน แม้ไม่ทาขี้ผึ้งก็ยังมีสีสันดุจผลอิงเถา[2] แต่ความงามเหล่านั้นล้วนมิใช่มารยา เป็นพรจากสวรรค์โดยแท้”

เจียอีพอทราบความว่าบิดาของฮูหยินน้อยคือผู้ใดก็กล่าวชมนางต่อเนื่องจนแทบหายใจไม่ทัน “แม้ในหีบมีอาภรณ์งดงามมากมาย แต่ยามออกนอกเรือนฮูหยินน้อยแต่งตัวเรียบง่าย ยามเจอหน้านายท่านก็มิเคยออดอ้อนเกินสมควร จึงสรุปได้ว่าฮูหยินน้อยจริงใจกับนายท่าน ไร้มารยาโดยสิ้นเชิงเจ้าค่ะ”

“ขนาดเจ้ายังมองออกว่าข้าพยายามจริงใจกับเขาอย่างที่สุดแล้ว ไม่เคยแสดงกิริยาเฉกเช่นเหล่าสาวงามที่อยู่กับเขาเมื่อสิบกว่าปีก่อน แต่กระนั้นข้าก็ยังถูกกล่าวหา… เรื่องนั้นมิเป็นไร แต่ลามปามถึงท่านพ่อ ข้าบอกตามตรงว่าทำใจพบหน้าเขามิได้จริง ๆ”

“ลามปามถึงท่านพ่อ ฮูหยินน้อยหมายความว่าอย่างไรหรือเจ้าคะ” ซุนหยาอดถามมิได้

อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • ภรรยาลับพ่อค้าสกุลหลี่   บทส่งท้าย 3

    “ไม่จริงจัง? แต่เจ้าก็บอกว่าชอบมิใช่หรือ” หลี่จินหมิงเห็นนางเอียงอายเช่นนั้นก็ไม่รู้สึกว่าอยากดื่มสุราหรือกินกับแกล้มแล้วอยากกินภรรยามากกว่า…“พอถูไถไปได้ แต่ก็ไม่ดีเหมือนแต่ก่อน”“ลืมไปได้อย่างไรว่าภรรยาของพี่ยังสาวและร้อนแรง… วันนี้คงต้องดูแลเจ้าเต็มที่ ให้สมกับที่ละเลยมานานสักหน่อยแล้ว” หลี่จินหมิงมอบจูบวาบหวามให้กับภรรยาที่น่ารักไม่แปรเปลี่ยน มือใหญ่ลูบไล้บั้นท้ายจนนางต้องร้องห้ามเสียงสั่น“ท่านพี่ทำงานหนัก กลับมาบ้านยังช่วยดูแลลูก ๆ จนแทบไม่ได้หยุดพัก บางอย่างบางเรื่องยังไม่ต้องรีบร้อนก็ได้เจ้าค่ะ”“ร้างรามาเป็นปี กำลังวังชาพี่มีอยู่ล้นเหลือ หนิงเอ๋อร์ไม่ต้องกลัวว่าพี่จะเหนื่อย” หลี่จินหมิงเห็นนางยิ้มเจื่อนราวกับกำลังหาทางหลีกเลี่ยงจึงรีบสอบถามให้เข้าใจ “ยามอยู่เรือนใหญ่เจ้าอ้างว่ากลัวลูกตื่นกลางดึก วันใดที่พี่อยู่บ้านเจ้าก็อ้างว่าไม่ไว้ใจแม่นม ยามนี้ได้คนคุ้นหน้ากันมาช่วยเหลือดูแล หนิงเอ๋อร์คิดอ้างอันใดอีก… หรือว่าเจ้ารังเกียจสามีชราเช่นพี่เสียแล้ว”“มิใช่เช่นนั้นนะเจ้าคะ! ข้าแค่… แค่ไม่มั่นใจ”“ไม่มั่นใจ?” หลี่จินหมิงงุนงงจนกระทั่งนางนำมือเขาไปวางบนท้อง แต่แค่ครู่เดียวก็ไม่ให้

  • ภรรยาลับพ่อค้าสกุลหลี่   บทส่งท้าย 2

    เสวียนหนิงอันกอดแขนสามีเดินออกจากเรือนใหญ่ที่ย้ายมาอยู่หลังแต่งงานอย่างถูกต้องตามประเพณี ตัวเรือนปีกซ้ายถูกขยับขยายกว้างขวาง ส่วนฝั่งห้องเก็บของซึ่งเคยเป็นที่พำนักของจ้าวฮูหยินยังคงอยู่ตามเดิมเพื่อเป็นการให้เกียรติผู้ล่วงลับ โดยมีซุนหยาคอยดูแล“ไม่มีเรื่องอันใดมาก แค่ขันเรื่องที่ผ่านมาก็เท่านั้น” หลี่จินหมิงหอมแก้มภรรยาแผ่วเบา “นึกถึงวันที่เจ้าให้กำเนิดเจ้าก้อนแป้งทั้งสองด้วย”หวงซิงซวี่เก่งอย่างที่อวดอ้างจริง ๆ เขาจำได้ว่าภรรยาร้องเจ็บได้เพียงหนึ่งเค่อ ทารกแฝดก็ออกมาทักทายมารดา ทุกอย่างราบรื่นกว่าที่เขาจินตนาการไว้มากทีเดียว“วันนั้นเจ้าคงเจ็บมาก”“เจ็บจริงเจ้าค่ะ แต่ก็ไม่ได้แย่นัก” เสวียนหนิงอันยิ้มให้กับสามี “สงสารก็แต่พี่ซิงซวี่ เขาถูกท่านพ่อกับท่านพี่ร่วมมือกันกดดันนานกว่าเจ็ดเดือน หน้าตาทนมองไม่ได้ทีเดียว”“ชอบทดลองยากับผู้อื่นก็สมควรโดนแล้ว ว่าแต่ช่วงนี้เขาเป็นอย่างไรบ้างเล่า”“เห็นว่ากำลังจะถูกบังคับให้แต่งงานเจ้าค่ะ”“แต่งกับสตรีที่ฝากรอยข่วนไว้บนหน้าของเขาน่ะหรือ?” หลี่จินหมิงนึกได้ว่าลืมเล่าภรรยาจึงรีบชี้แจงโดยเร็ว“วันที่เราแต่งงานกัน เขาแวะมาแสดงความยินดีแล้วก็รีบกลับ ข้า

  • ภรรยาลับพ่อค้าสกุลหลี่   บทส่งท้าย 1

    หนึ่งปีผ่านไป...เสียงอ้อแอ้ของทารกน้อยวัยห้าเดือนทำให้หลี่จินหมิงอดหัวเราะไม่ได้ บุตรชายของเขาเลี้ยงง่ายที่สุด แทบไม่เคยร้องไห้ให้บิดาหรือมารดาต้องเหนื่อยปลอบใจ ต่างจากบุตรสาวที่ส่งเสียงร้องบ่อยกว่ามาก แต่อุ้มไม่นานก็หลับไป นิสัยคล้ายคลึงกับมารดาผู้ให้กำเนิดไม่ผิดเพี้ยนหลี่จินหมิงมองภรรยาที่เอนตัวพักหลังในช่วงบ่ายด้วยสายตาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความรัก พลางนึกถึงเรื่องเมื่อปีก่อนที่เขาต้องง้อนางอยู่เกือบเดือน พอเข้าใจกันดีกลับมีอีกเรื่องที่ทำให้เขากินไม่ได้นอนไม่หลับ นั่นคือเรื่องที่ภรรยาตั้งครรภ์ แต่กระนั้นนางก็หมั่นปลอบใจเขาจนคลายความวิตก ทั้งยังเปลี่ยนเรื่องได้อย่างฉลาด ว่าคนที่อาการน่ากังวลกว่ามากก็คือตัวเขาที่ปวดศีรษะเป็นประจำยามนั้นหมอหลวงสกุลหวงงานเข้าจนแทบไม่ได้พักผ่อน สามีของเฟยฮวาอาการบาดเจ็บกำเริบจากการฝืนเดินทางจึงต้องให้การดูแลอย่างใกล้ชิด หลังจากทำความสะอาดบาดแผลในช่วงเช้า หวงซิงซวี่ก็ต้องมาตรวจดูเขาอย่างละเอียดว่าป่วยเป็นโรคอันใด ยังมีเรื่องที่ต้องเดินทางตรวจคนไข้ประจำ รวมทั้งต้องเตรียมตัวเดินทางไปยังนอกเมืองเพื่อควบคุมสถานการณ์โรคระบาด เสวียนหนิงอันจึงเสนอแกมบังคับว่าให

  • ภรรยาลับพ่อค้าสกุลหลี่   บทที่ 43 ยอมให้อภัย 3

    “นานถึงเพียงนั้นเชียวหรือ?” หลี่จินหมิงพักผ่อนไม่ดีมาหลายวัน ได้หลับสนิทนาน ๆ จึงรู้สึกว่าตนมีกำลังวังชาขึ้นมาก “ยาของหวงซิงซวี่ได้ผลดีเกินคาดจริง ๆ”“อย่าพูดจาเหลวไหลสิเจ้าคะ ยาของเขาอันตรายที่สุด เชื่อถือไม่ได้สักนิด เขาพูดว่าท่านควรได้สติภายในหกชั่วยาม แต่ท่านกลับหลับนานจนข้ากังวล เสียงดังอย่างไรก็ไม่ยอมฟื้น เขย่าอย่างไรก็ไม่รู้สึกตัว ข้าตกใจมากเลยนะเจ้าคะ” เสวียนหนิงอันตัดพ้อพลางเช็ดน้ำตาแรง ๆ“คงเป็นเพราะกินยาเกินกว่าที่เขาสั่งไว้กระมัง”หลี่จินหมิงไม่คิดว่าตัวยาจะมีฤทธิ์แรงจึงกินไปสองเม็ดในคราวเดียว “หนิงเอ๋อร์ พี่ขอโทษที่ทำให้เจ้ากังวล แต่ที่ผ่านมาพี่พยายามดูแลตนเองอย่างที่ให้คำสัญญาไว้กับเจ้า เพื่อที่จะได้อยู่ดูแลเจ้าไปนาน ๆ ใช่อยู่ว่าสามวันแรกที่เข้าใจว่าสูญเสียเจ้านั้นพี่ผิดคำพูดไปบ้าง กินเพียงกับแกล้ม ดื่มแค่สุรา แต่พอตั้งสติได้ก็รีบกลับมารักษาสุขภาพ ไม่เลือกกินอาหาร เดินออกกำลังในบ้านวนไปวนมาทุกวัน เพิ่งจะบังคับตนเองให้นอนไม่ได้ก็ราวเจ็ดวันที่ผ่านมานี้เอง”“เพิ่งจะนอนไม่ได้หรือเจ้าคะ” เสวียนหนิงอันถามอย่างมิเข้าใจนัก“เรื่องการนอนก็ยังเป็นปัญหาอยู่บ้างจริง ๆ พอไม่ได้ฟังคำข

  • ภรรยาลับพ่อค้าสกุลหลี่   บทที่ 43 ยอมให้อภัย 2

    สาวงามที่ถูกเรียกถึงกับส่ายหน้า นับวันเจียอียิ่งโตยิ่งเอาแต่ใจ บางครั้งก็พูดยากจนน่าตี เช่นบอกให้เรียกว่าคุณหนูเสวียนก็ไม่ยอมเรียก ทั้ง ๆ ที่ตักเตือนหลายหนแล้วว่าที่นี่ไม่ใช่เรือนเล็กในบ้านสกุลหลี่ ควรระมัดระวังกิริยาให้มาก แต่นางก็ยังไม่ยอมรับฟัง ทั้งยังไม่ปรับปรุงตัว มาวันนี้คงต้องดุมากสักหน่อยจะได้รู้ความเสียบ้าง ว่าสิ่งใดควรทำหรือไม่ควรทำกันแน่ทว่าเสวียนหนิงอันยังมิทันได้สั่งสอนอย่างที่ตั้งใจไว้ สาวใช้คนโปรดก็รีบรายงานเรื่องสำคัญที่ทำให้นางถึงกับต้องเสียกิริยา“นายท่านหมดสติไปตั้งแต่เมื่อวาน ผ่านมาสิบสองชั่วยามแล้วยังไม่ฟื้นเลยเจ้าค่ะ!”เสวียนหนิงอันวิ่งออกจากจวนของบิดาทันที!เสียงตวาดดังลั่นทำให้หวงซิงซวี่สะดุ้งสุดตัว แต่กระนั้นก็ยังไม่น่ากลัวเท่ายามที่เห็นน้องสาวคนงามถลาร่างเข้ามายืนข้าง ๆ บุรุษที่ยังไม่ได้สติ บนใบหน้างามเผยความเกรี้ยวกราดอย่างไม่ปิดปัง“ท่านพี่เป็นอย่างไรบ้าง!”​ เสวียนหนิงอันเขย่าแขนสามีแรง ๆ ทว่าเขายังคงนอนนิ่งเฉยดังเดิม “ท่านทำอันใดกับเขา บอกข้ามาตามตรงเดี๋ยวนี้!”“หนิงเอ๋อร์ใจเย็นก่อน...”“ท่านจะพูดหรือไม่!” เสวียนหนิงอันเดินเร็ว ๆ ไปยังหวงซิงซวี่ สองตาจ้อง

  • ภรรยาลับพ่อค้าสกุลหลี่   บทที่ 43 ยอมให้อภัย 1

    ยามพ่อบ้านหวังอู่แจ้งว่ามีแขกขอพบ เสวียนหนิงอันฟังแล้วไม่ใส่ใจ คิดไปว่าเป็นเล่ห์กลของสามีที่ต้องการวางแผนให้นางใจอ่อน แต่พอได้ยินชัด ๆ ว่าคนที่มาคือสตรีตั้งครรภ์นามว่าเฟยฮวากับสามี เสวียนหนิงอันก็พลันนิ่วหน้าอย่างไม่พอใจ เลือดลมในร่างกายแปรปรวน โทสะร้อนพลุ่งพล่านเสียยิ่งกว่าเดิม“นางอายุครรภ์ไม่น้อยแล้ว แต่เขากลับใช้เป็นเครื่องมือเพื่อให้ได้พบข้า! ต่อให้ไม่อยากพบหน้าก็คงต้องพบ พูดคุยให้รู้เรื่องว่าสิ่งใดควรทำหรือไม่ควรทำ!”เสวียนหนิงอันให้สาวใช้เชิญเฟยฮวาและสามีใจร้ายไปพบกันที่สวน หลายวันมานี้อาการของนางดีขึ้นมากเพราะยอมรับกับตนเองแล้วว่าบางอย่างตัดออกจากชีวิตไปก็ใช่ว่าจะให้ผลดี สวนสวยใกล้เรือนนางในยามนี้จึงมีกลิ่นดอกเหมยกุ้ยหอมเย้ายวน เชิญชวนให้คนที่ผ่านทางไปมาอารมณ์ดีนางเดินเร็ว ๆ ตรงไปยังร่างอวบอ้วนที่ยืนรออยู่ในศาลา ระหว่างนั้นก็เตรียมถ้อยคำเสียดสีเอาไว้มอบให้กับบุรุษที่นั่งอยู่ด้วย แต่พอเดินไปใกล้ ๆ ก็ตระหนักได้ว่าเจ้าของร่างสูงใหญ่ที่นั่งผินหน้าชมดอกไม้โดยรอบ มิใช่บุรุษที่นางคะนึงหาแต่อย่างใดเขาคนนั้นร่างกายผ่ายผอมราวกับคนป่วยหนัก แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเป็นคนงามที่มองแล้วละสายตา

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status