“แปลกดี...ปกติแล้วพวกเขา ไม่เคยไปไหนด้วยกันได้เลยสักครั้ง” ชายหนุ่มอดแปลกใจไม่ได้ ที่อยู่ๆ ครอบครัวของเขา ก็สามัคคีกันขึ้นมาเสียอย่างนั้น เพราะปกติแล้วท่าปู่กับท่านย่า มิใคร่จะร่วมทางกับมารดาของเขาเท่าใดนัก ต่างฝ่ายต่างก็เมินเฉยต่อกันมาตลอด แต่วันนี้ทุกคนนอกจากจะไม่มาหาเขาที่เรือน ยังไปไหว้พระด้วยกัน โดยไม่คิดจะชักชวน หรือบอกเขาสองคนสามีภรรยาเลยสักคำ “อ้าว! วันนี้คู่สามีภรรยา อยู่กินข้าวด้วยกันหรอกหรือ ข้านึกว่าเจ้าสาวหมาดๆ จะออกไปร่วมงานเลี้ยง เริงร่าอยู่นอกบ้านเสียอีก” ลั่วคังอันหันมองไปตามเสียง ซึ่งก็มิใช่เพียงนางแค่คนเดียว แต่ทุกคนก็หันไป คงเว้นแค่เพียงหยางเหยาเกอ เพราะมิว่าเขาจะหันไปหรือไม่ เขาก็มองไม่เห็นผู้มาใหม่อยู่ดี ทว่าเขาจดจำเสียงนั้นได้ อาสะใภ้ผู้ดูจะชอบวุ่นวาย กับชีวิตเขาและครอบครัวอยู่เสมอ วันนี้อะไรหอบให้นาง มาเยือนถึงเรือน พร้อมคำพูดเหน็บแนมเยี่ยงนี้ หรือจะเรื่องที่ภรรยาของเขา ออกไปร่วมงานเลี้ยงเมื่อวาน “ฮูหยินน้อยรอง มีสิ่งใดหรือขอรับ จึงมาที่เรือนของคุณชายใหญ่ขอรับ”พ่อบ้านโจว เอ่ยถามผู้มาเยือน โดยที่ไม่มีใครเชื้อเชิญ ซ้ำ
สายวันถัดมา ณ จวนสกุลหยาง แม่ทัพสาวก้าวออกจากเรือน ก่อนจะยืนนิ่งค้างไปชั่วขณะ เมื่อหลายสายตามองมายังนาง ด้วยแววตาอันหลากหลาย ลั่วคังอันไม่รู้ว่าจะทำหน้าอย่างไร เมื่อเห็นรอยยิ้มของน้องชายสามี และสาวใช้ทั้งสองของนาง “พอดีข้าเพลียๆ เลยหลับนานไปหน่อย พวกเจ้าไม่มีอะไรทำหรืออย่างไร” แม่ทัพสาวเอ่ยถามคนทั้งสาม ก่อนจะรีบสาวเท้าก้าวลงบันไดหน้าเรือน มุ่งสู่หน้าจวน เพื่อไปสะสางงานที่ยังค้างคา ทว่าเพียงก้าวมาถึงประตูทางเข้าเรือน ก็ต้องยืนนิ่งอีกครั้ง เมื่อพ่อบ้านโจว เดินยิ้มกว้างตรงมาที่นาง “ฮูหยินน้อยตื่นแล้วหรือขอรับ อาหารเช้าเตรียมพร้อมแล้วที่ศาลาชมบัว อย่างไรฮูหยินน้อยเชิญด้านนั้นสักครู่นะขอรับ กินมื้อเช้ากับนายน้อยก่อนค่อยออกไปทำงาน” ลั่วคังอันตั้งใจจะปฏิเสธ ทว่าชายชรากลับผายมือให้แก่นางก่อนแล้ว แม่ทัพสาวจำต้องเปลี่ยนทศทาง เพื่อไม่ให้เป็นการเสียน้ำใจของพ่อบ้านโจว เมือ่เดินมาถึงศาลา ซึ่งตอนนี้สาวใช้ทั้งสองของนาง ก็ได้ติดตามมาด้วยเช่นกัน คงมีเพียงน้องชายสามี ที่มิได้มากับสาวใช้ทั้งสองนาง “คุณชายรองหยาง เข้าไปช่วยพาคุณชายใหญ่ ออกมากิน
ชายหนุ่มรวบจับเอวคอดของภรรยาอีกครั้ง ครานี้เขายกร่างนาง ให้ขยับเลื่อนขึ้นสูง จนส่วนเนินเนื้อ จ่ออยู่ต่อหน้าของเขา หญิงสาวถึงกับใบหน้าแดงก่ำ ด้วยความเขินอาย แต่ยังไม่ทันที่นางจะเอ่ยปฏิเสธ ปลายลิ้นสากของชายหนุ่ม ได้ตวัดลากผ่านเนินเนื้อโหนกนูนนั้นเสียก่อน หญิงสาวถึงกับสะดุ้งเฮือกจนสุดตัว ด้วยความซาบซ่านที่พุ่งทะยานขึ้นไปตลอดร่างงาม “อ่า!! ท่านพี่...โอว์!!” หญิงสาวครางไม่เป็นศัพท์ เมื่อสองมือหนาของสามี ช้อนจับแก้มก้นของนางเอาไว้ ยกให้ส่วนเนิ่นเนื้อ ที่มีเส้นขนอ่อนนุ่มปกปิดเอาไว้ ได้เผยแย้มกลีบเนื้อให้แยกออก เพียงปลายลิ้นอุ่นร้อน ลากผ่านไปถึงติ่งเล็กสีแดง ที่ซ่อนอยู่ในกลีบบาง ร่างงามถึงกับสั่นสะท้านไปทั้งกาย สองมือที่เลื่อนไปดันหัวเตียง สั่นน้อยๆ ด้วยความเสียวไปทั่วทุกอณูขุมขน หญิงสาวสูดปากแรงๆ ในทุกครั้งที่ปลายลิ้นระรัวถี่ยังปลายติ่งเล็ก จ๊วบๆ เสียงดูดเม้มยังติ่งเล็กของสามี ทำให้หญิงสาวถึงกับหลั่งน้ำหวานออกมา ประหนึ่งสายธารที่ไม่เคยเหือดแห้ง ชายหนุ่มมิได้รังเกียจแม้แต่น้อย ทว่าเขากลับดูดกลืนความหวานนั้นอย่างเต็มใจ หญิงสาวหมดซึ่งความอับอาย เพราะ
อื้อ...เสียงครางเบาๆ ดังลอดออกมาให้ได้ยิน เมื่อรสจูบเริ่มที่จะเร้าร้อนและดูดดื่มขึ้น ลั่วคังอันขยับกายให้ค่อมร่างสามี โดยที่ปากของนางยังคงจูบซับ เรียวปากหนาของสามีอยู่ มือเรียวเริ่มที่จะดึงทึ้งเสื้อของสามี ให้เผยแผ่นอกกว้าง ที่ดูหนาแน่นเยี่ยงคนฝึกยุทธ์ มือที่หยาบกร้าน ลูบไล้แผ่นอกสามีอย่างยั่วเย้า เพื่อปลุกเร้าอารมณ์ของเขา ให้มันพลุ่งพล่านกว่าเดิมอีกนับเท่าตัว และดูเหมือนนางจะทำสำเร็จ เมื่อมีบางอย่างดันกางเกงของเขา ขึ้นมาสัมผัสกับก้นของนาง หญิงสาวถอนริมฝีปากออกอย่างอ้อยอิ่ง ก่อนจะขยับกายเลื่อนลงต่ำอีกนิด แล้วโน้มใบหน้าลงไปใกล้กับอกกว้างของสามี “อื้อ...อ่า...” หยางเหยาเกอเผลอครางออกมา เมื่อปลายลิ้นอุ่นร้อนของภรรยา สัมผัสกับหัวนมสีเข้มของเขา ที่ตอนนี้มันแข็งเป็นไต ราวกับมันต้องการให้นางกลืนกินอย่างไรอย่างนั้น ลั่วคังอัน ขบเม้มหัวนมเล็กนั่นอย่างหื่นกระหาย ในเมื่อเขาคือคนที่ไม่อาจขยับกายได้สะดวก นางก็จะเป็นคนจัดการเองทั้งหมด นี่คือการควบคุมที่นางต้องการ หญิงสาวลากปลายลิ้นลงไปตามหน้าท้อง ที่เต็มไปด้วยลอนกล้ามแข็งๆ ก่อนจะมาหยุดตรงสะดือเล็ก ปลายลิ้นเปียกชื
“เจ้าทำร้ายคนแบบไม่มีเหตุได้อย่างไรกัน รู้หรือไม่มันผิดกฎหมายบ้านเมืองนะ!” เมื่อจวนตัวชายขอทานปลอม จึงได้เอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงอันร้อนรน คนผู้นี้บ้าไปแล้ว แค่เขามองสตรีผู้นั้น ด้วยแววตามีความนัย ยังมิทันลงมือทำสิ่งใดเลยด้วยซ้ำไป เขากลับจะถูกควักลูกตาไปเสียอย่างนั้น มันบ้าบอเกินไปแล้วจริงๆ “เหตุผลของข้า! คือความพอใจ”เป็นคำตอบที่เรียกว่าอำหิตไม่น้อยเลย สำหรับคนฟัง เพราะมันไม่มีคำแก้ตัว เหตุผลหรือคำอื่นใด ที่จะทำให้เขารู้สึกว่าตนเองสมควรถูกกระทำสักนิด“ต่อให้ข้าจะมิใช่ขอทานจริงๆ แต่วันนี้ข้ายังไม่ได้ทำสิ่งใดผิด!”“มันผิดตั้งแต่เจ้า เลือกที่จะสอดแนมพวกนางแล้ว” “อ๊าก...อื้อ” เสียงที่กำลังจะเปล่งออกมา ด้วยความเจ็บปวด มันถูกทำให้กลืนหายไปในลำคอ เพราะสันมือแข็งๆ กระแทกเข้าที่ลำคอ อย่างไม่คิดกลัวว่ามันจะหัก หรือหลอดลมของเขาจะแตกสักนิด ชายขอทานใช้สองมือกุมลำคอเอาไว้ ด้วยความเจ็บปวด ดวงตาเหลือกลานอย่างคนขลาดกลัวปึก! และก่อนที่เขาคิดจะพลิกกาย เพื่อที่จะคลานหนีให้พ้นเงื้อมือปีศาจ แผ่นอกของเขาก็ถูกเท้าหนาหนัก กดทับลงมาเต็มแรง จนเขารู้สึกเจ็บจุกไปทั้งกาย
คล้อยหลังของแม่ทัพหญิงและน้องสาว ขอทานผู้นั้น ที่จับจ้องทั้งคู่จนลับตา ได้ลาถอยกลับเข้าไปในตรอกเล็กอีกครั้ง หลังจากที่เขาก้าวออกมา เพื่อจ้องมองสาวน้อยวัยแรกแย้ม สตรีรชั้นสูงที่ยังมิผ่านมือบุรุษใด “เจ้าคิดดีแล้วหรือ ที่มองนาง” ขอทานตัวเหม็นถึงกับหยุดนิ่ง เมื่อกลิ่นอายความตาย พวยพุ่งเจ้าประทะแผ่นหลังของเขา ก่อนที่เขาจะค่อยๆ หันกลับไปเผชิญหน้ากับผู้มาใหม่ เป็นชายสวมหน้ากาก รูปร่างสูงใหญ่กำยำ ยืนจับจ้องมาที่เขา ด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความกรุ่นโกรธ “ข้าน้อยเป็นเพียงขอทานต่ำต้อย ย่อมไม่อาจเอื้อมที่จะมองผู้ใดเลยนะขอรับนายท่าน” เป็นคำแก้ตัวที่ไร้ความจริงใจสิ้นดี แต่นี่คือหนทางเดียว ที่เขาจะได้ไม่ต้องประมือกับคนผู้นี้ หาไม่แล้วตัวตนของเขา คงถูกเปิดเผยออกมาอย่างแน่นอน ซึ่งมันไม่เป็นผลดีต่องานของเขาเท่าใดนัก “หึๆ ถ้าเจ้าบอกกับคนทั่วๆ ไป อาจมีคนหลงเชื่อในคำของเจ้า แต่มิใช่ข้าที่ผ่านความเป็นความตาย มาแทบจะตลอดชีวิต” ชายสวมหน้ากาก ไม่คิดที่จะปล่อยให้ขอทานจอมปลอมตรงหน้า หลบหนีไปได้ มิใช่เพียงแค่สายตาน่ารังเกียจนี้เท่านั้น ที่เขาอยากควักมันออกมาบด