นาทาเลียเผลอเลิกคิ้วขึ้น เมื่อเธอได้ยินคำกล่าวของเขา เท่าเทียมในความหมายของเขามันมีความหมายว่าหากเธอเห็นก้นเขา เขาก็จะต้องเห็นก้นเธอแบบนั้นเรอะ!!
“หมายความว่าเจ้าต้องการที่จะทำแบบเดียวกันกับที่ข้าทำ?” เธอย้อนเขาอีกครั้ง “ครับ ข้าไม่เห็นว่าคำกล่าวของข้ามันจะเข้าใจยากตรงไหนเลย แต่ทว่าในยามนี้ข้าจะต้องทำให้ร่างกายของท่านอบอุ่นซะก่อนไม่อย่างนั้นสาวใช้มากมายจะเดือดร้อนในวันพรุ่งนี้” เขาจับที่ไหล่ของเธอก่อนจะหมุนตัวเพื่อให้เธอหันหลังให้กับเขา แกสทอนถอดผ้ากันเปื้อนที่ผูกอยู่บนเอวของนาทาเลียออกมา ตามด้วยชุดของสาวใช้ที่เธอกำลังสวมอยู่ แกสทอนไม่ได้ให้โอกาสในการปฏิเสธแก่นาทาเลียเพราะว่าเขาเร่งรีบถอดชุดที่เปียกชุ่มพวกนั้นออกจากร่างกายของเธอ หลังจากนั้นเขาใช้ผ้าห่มคลุมตัวเธอเอาไว้ด้วยความรวดเร็วและคล่องแคล่ว หลังจากนั้นเขาก็ห่อตัวของนาทาเลียด้วยผ้าห่มแล้วอุ้มเธอขึ้นมาเพื่อพาเธอไปยังห้องนอนของเขา “แกสทอน..” ทำไมนะเธอถึงได้ขยันเรียกชื่อของเขานักหนา และชื่อของเขาที่เปล่งออกมาด้วยน้ำเสียงของเธอมันสร้างความสั่นไหวในใจของแกสทอนได้อย่างไม่น่าเชื่อ “ทำไมครับ ไม่สะดวกให้ข้าเปลี่ยนชุดให้อย่างนั้นหรือ? หากจะนับกันจริงๆ ข้าคือพ่อบ้านและการดูแลท่านหญิงคือหน้าที่ของข้า..” “ไม่ใช่แบบนั้น..” จะพูดอย่างไรดีว่าเธอไม่ได้อยากจะอยู่กับเขา หรือว่ารบกวนเวลาของเขานานมากขนาดนั้น นาทาเลียแค่อยากจะทำภารกิจของเธอให้เสร็จสิ้นเพื่อที่เธอจะได้ไปจากที่นี่ เธอรู้ว่าแกสทอนเองก็ไม่ค่อยชอบขี้หน้าของเธอเท่าไหร่นัก และการที่เขายื่นข้อเสนอของเท่าเทียมอะไรนั่นมา มันน่าจะมาจากความอยากแก้แค้นของเขาหรือไม่ก็..เขาอยากทำให้เธออับอาย นาทาเลียไม่ได้โกรธแกสทอนและเธอไม่มีทางเลือกแล้วนอกจากจะยินยอมรับข้อเสนอความเท่าเทียมอะไรนั่นของเขา หลังจากนั้นเราก็ผลัดกันตีก้น แล้วต่างคนต่างแยกย้ายไปนอน “หากท่านกังวลเรื่องที่ท่านหญิงต้องการ เราจะมาพูดคุยเรื่องนี้กันอีกครั้ง หลังจากที่ท่านสวมใส่ชุดที่ไม่เปียกชื้นเช่นนี้” นาทาเลียกำลังอยู่ในช่วงเวลาที่น่าอับอาย เพราะแกสทอนยืนกรานว่าเขาจะสวมเสื้อผ้าของเขาให้เธอก่อน ในบ้านของเขามันไม่มีเสื้อผ้าสตรีชุด อีกทั้งที่แห่งนี้มีแค่เรา เพราะว่าเขาไล่ทหารทั้งหมดไปแล้ว เรื่องนั้นเธอรู้ดีว่าเขาไม่สามารถสั่งการให้ทหารไปนำเสื้อผ้าของสตรีมาให้เธอที่นี่ได้ เพราะอย่างนั้นการสวมเสื้อของเขามันก็เป็นอีกอย่างที่เธอหลีกเลี่ยงไม่ได้ “ข้าจะใส่เองค่ะ” “ท่านสวมมันด้วยตัวเองไม่ได้หรอกครับ เพราะอย่างนั้นหากว่าท่านหญิงอยากจะให้ช่วงเวลานี้จบลงอย่างรวดเร็วท่านจะต้องอยู่เฉยๆ เพื่อให้ข้าสวมมันให้แก่ท่าน” เขาหมุนตัวเพื่อให้เธอหันหลังให้เขาอีกครั้ง แกสทอนค่อยๆ ถอดเสื้อซับในของนาทาเลียออก เธอเผลอกลั้นหายใจโดยไม่รู้ตัวเมื่อสิ่งปกปิดร่างกายเพียงชิ้นเดียวของเธอถูกถอดออกไป แกสทอนเหลือมองแผ่นหลังที่เปลือยเปล่าและก้นขาวกลมด้วยสายตาเรียบเฉย เขาพยายามเก็บซ่อนสีหน้าให้มิดชิดก่อนจะรีบสวมเสื้อของเขาให้เธอ แน่นอนว่าเสื้อสีขาวตัวบางของเขานั้นนับว่าอันตรายยิ่งนัก เพราะว่ามันไม่ได้ปกปิดส่วนเว้าส่วนโค้งของโฉมงามได้เลยแม้แต่นิดเดียว และเสื้อของเขาเพียงตัวเดียวสามารถคลุมได้เกือบถึงเข่าของเธอเพราะอย่างนั้นแกสทอนจึงไม่ได้สวมกางเกงตัวใหญ่ของเขาให้กับเธอแต่เขาเลือกที่จะสวมกางเกงผ้าแพรให้เธอแทน เมื่อนาทาเลียอยู่ในสภาพที่พร้อมจะพูดคุยกันแล้ว แกสทอนจึงส่งแส้หนังสีดำใส่มือของเธอ “เราคงจะไม่ต้องพูดคุยกันให้มากกว่าอีกแล้วนะครับเพราะเมื่อครู่ ข้าน่าจะหาคำตอบสำหรับการกระทำของท่านได้แล้ว” เขากล่าวพร้อมกับหันหลังให้เธอ แกสทอนถอดกางเกงของเขาออก และเพราะว่ากางเกงของเขามันเปียกชุ่มทำให้มันร่วงหล่นไปกองที่พื้นในทันทีที่เขาปลดกระดุมมัน เธอกัดริมฝีปากเบาๆ ด้วยความเขินอาย ก่อนจะเดินเข้าไปหาเขา เอาล่ะ..ตอนนี้ไม่มีเวลาอะไรให้มานั่งคิดอีกแล้ว ก้นที่เปลือยเปล่าของแกสทอน ภารกิจที่หนึ่งของเธอกำลังจะสำเร็จแล้ว นาทาเลียฟาดแซ่ลงไปบนบั้นท้ายของแกสทอนอย่างแรง “เพี๊ยะ!!” “อะ..อึ่ก!” ดวงหน้าหวานพลันร้อนฉ่าขึ้นมาเมื่อเธอได้ยินเสียงร้องครางในลำคอของเขา เธอไม่รู้ว่าเขาเจ็บหรือว่า..รู้สึกแบบอื่นกันแน่ แต่ทว่าในยามนี้มีหน้าต่างเกมเด้งขึ้นมาอีกครั้งพร้อมกับข้อความแสดงความยินดีที่ภารกิจแรกของเธอสำเร็จแล้ว ขอบตาของนาทาเลียร้อนผ่านราวกับน้ำตาจะไหลออกมาเลย และยังไม่ทันที่เธอจะได้ดีใจ แกสทอนก็แย่งชิงแซ่หนังไปจากมือของเธอพร้อมกับผลักเธออย่างแรงจนนาทาเลียล้มลงไปนอนบนเตียง “คุกเข่าสิครับ..” เธอเบิกตากล้าวมองหน้าเขาด้วยความไม่เข้าใจ ทีกับเขาเธอยังยินยอมให้เขายืนหันหลังได้เลยแล้วทำไมกับเธอถึงจะต้องคุกเข่าด้วยล่ะ “แกสทอน ข้าไม่คิดว่าตัวเองจะต้องคุกเข่า” “ข้าคิดว่าท่านต้องทำเพราะว่านั่นมันคือคำสั่งของข้า ท่านจะทำตามดีๆ หรือว่าจะให้ข้ามัดมือของท่านเอาไว้ แต่ข้าไม่รับปากหรอกนะครับว่าจะแก้มัดให้ท่านตอนไหน” เขาเปลี่ยนไป..แกสทอนที่ยืนอยู่เบื้องหน้าของเธอในยามนี้เปลี่ยนไปราวกับแกสทอนที่เธอไม่เคยรู้จักมาก่อน (อันที่จริงเธอก็ไม่รู้จักเขามาก่อนเลยนี่หว่า) เขาพลิกตัวของนาทาเลียให้นอนคว่ำก่อนจะจับยกบั้นท้ายของเธอขึ้นมาแล้วให้เธอคุกเข่าโดยที่มือของเขาจับกดใบหน้าของนาทาเลียให้แนบลงไปบนหมอนใบใหญ่ เธอกลืนน้ำลายลงคอที่แห้งผาดเพราะว่าท่าทางเช่นนี้มันน่าหวาดเสียวยังไงไม่รู้ ก่อนที่นาทาเลียจะได้ตั้งตัวแกสทอนก็ถอดกางเกงผ้าแพรของเธอออกมา และด้วยการคุกเข่าจากท่านี้มันทำให้เขาไม่ได้มองเห็นเพียงบั้นท้ายของเธอเพียงอย่างเดียว แต่ส่วนนั้นของเธอเขาก็สามารถมองเห็นมันได้อย่างชัดเจน!! นาทาเลียกัดริมฝีปากแน่น เธอกำลังอับอายเพราะเขาจ้องมองบั้นท้ายของเธอเงียบๆ ก่อนจะใช้แส้หนังในมือไล้ไปตามบั้นท้ายของเธอเบาๆ “ท่านอาจจะเคยชินกับการถูกปฏิบัติด้วยความเทิดทูนสินะครับ เพราะอย่างนั้นในสายตาของท่านหญิง บุรุษทุกคนจะต้องยอมท่านไปเสียหมด แต่ข้าไม่ใช่แบบนั้น ข้าไม่คิดยินยอมทำตามคำสั่งของท่าน..อ่า..เฉพาะเรื่องบนเตียง หากว่าเป็นเรื่องงานข้ายินดีทำตามที่ท่านบอกทุกอย่างเลย...นาทาเลียเจ้าจะไม่มีวันลืมวันนี้เลย..เชื่อข้าสิว่ารสชาติของความไม่ได้ดั่งใจมันตราตรึงใจมากกว่าเสมอ”เมื่อลูเซียนกลับมาที่ห้องของโรงแรมเขากลับไม่พบเจอใครเลยสักคนเดียว เขาตกใจเล็กน้อยที่อยู่ๆนาทาเลียก็หายไป เขากำลังจะวิ่งออกไปเพื่อตามหาเธอที่ด้านหน้าโรงแรมที่พัก ในระหว่างที่เขากำลังวิ่งตามหาเธอแสงสีทองก็ส่องสว่างอยู่บนแหวนที่เขาสวม นั่นหมายความว่านาทาเลียอยู่ในมิติเวทของเขาลูเซียนถอนหายใจอย่างโล่งอกก่อนที่เขาจะสัมผัสที่แหวนเบาๆเพื่อเข้าไปหาเธอในมิติเวท ที่นี่แตกต่างจากในมิติเวทที่เธอและเขาเคยอยู่ด้วยกันอย่างสิ้นเชิง ทะเลสาบอย่างนั้นหรือ?"นาทาเลีย.."เขาพบเจอนาทาเลียนั่งอยู่กับบุรุษผู้หนึ่งที่ดูคุ้นตา..หมอนี่คือคนที่มาป้วนเปี้ยนหน้าห้องเมื่อตอนบ่ายนี่"ลูเซียน มานี่สิ..ข้าจะแนะนำให้ท่านรู้จักกับโลเวล"นี่คือบุรุษที่นาทาเลียกล่าวถึงให้เขาฟังบ่อยๆสินะ โลเวล บาทาซาร์"ยินดีที่ได้รู้จักครับท่านเจ้าของหอคอย"โลเวลลุกขึ้นมาแล้วก้มหน้าลงเพื่อเป็นฝ่ายทักทายก่อน อย่างที่เขาคิดเอาไว้จริงๆว่าออร่าพลังเวทของชายผู้นี้นั้นไม่ธรรมดาเลย ที่ไหนได้นี่คือจอมเวทกูเรียนในตำนาน เจ้าของหอคอยเวทผู้ยิ่งใหญ่"อืม..นาทาเลียพูดถึงเจ้าให้ข้าฟังบ่อยๆ แล้วเจ้ารู้ได้อย่างไรว่านางคือนาทาเลีย"ไม่บ่อยนักที่จะมีคนที่ส
กว่านาทาเลียจะลืมตาตื่นขึ้นมาก็เป็นในช่วงเย็นของอีกวัน เธอลุกขึ้นมานั่งบนเตียงพร้อมกับกวาดสายตามองไปรอบๆห้องนี้แต่ก็ไม่พบลูเซียนเลย นาทาเลียลุกขึ้นเพื่อเดินไปล้างหน้าล้างตา เธอแค่นหัวเราะออกมาเบาๆเมื่อเห็นสภาพใบหน้าของตัวเองในกระจกเงาที่สะท้อนออกมา ดวงตาแดงก่ำที่ผ่านการร้องไห้ออกมาอย่างหนัก..ดูไม่ดีเท่าไหร่เลยเธอไม่รู้ว่าลูเซียนออกไปไหน แต่เขาน่าจะมีธุระของเขานั่นแหละ นาทาเลียนั่งลงที่โซฟา เธอรินน้ำชาในกาใส่ถ้วยเล็กๆก่อนจะยกขึ้นมาดื่ม คิดไม่ผิดเลยจริงๆที่เธอตามพี่ชายไปที่ลานประมูล เพราะอย่างนั้นเธอถึงได้ตาสว่างเรื่องของนาทาเลียในอดีต อีกทั้งสุราต้องคำสาปขวดนั้นหากเดาไม่ผิดเขาจะต้องใช้มันกับเธออย่างแน่นอน เช่นนั้นก็จะต้องหาทางรับมือกับคนสารเลวอย่างโอเว่นเอาไว้"ไม่เจอกันนานเลยนะครับ..ท่านหญิง"โลเวลปีนเข้ามาทางหน้าต่าง เขากระโดดเข้ามาหานาทาเลียในทันทีก่อนจะสวมกอดเธอเอาไว้ในอ้อมแขน"คิดถึง..จังเลยครับ แล้วไอ้สารเลวคนไหนมันทำให้ท่านหญิงของข้ามีสภาพเช่นนี้กัน?"เธอตกใจจนตาค้าง ทั้งๆที่เธอปลอมตัวอยู่ด้วยพลังเวทของลูเซียนแต่แล้วทำไม โลเวลถึงจำเธอได้กันล่ะ? เธอยื่นมือไปกอดเอวของเขาเอาไว้แน
ลูเซียนตกใจเล็กน้อยที่เขาเห็นหยาดน้ำตาแวววาวรินไหลลงมาจากดวงตาของนาทาเลียที่กำลังนั่งอยู่ข้างๆ เขา เขาไม่มั่นใจว่าเธอพบเจอกันอะไร แต่เขาก็ยังไม่อยากจะดึงจิตวิญญาณของเธอกลับมา เพราะในบางทีเธออาจจะกำลังพบเจอเรื่องราวที่ทำให้ตัวเองรับรู้ถึงเบื้องลึกเบื้องหลังของพี่ชายตัวเอง..อลาโน่ อาโมรี เมื่อไหร่กันนะที่เขาจะได้พบเจอพี่เขยอย่างเป็นทางการ อดใจรอไม่ไหวแล้วละสิ“สิ่งที่กระหม่อมต้องการ คือทำให้นาทาเลียเป็นของพระองค์ให้ได้พ่ะย่ะค่ะ ทำให้นางกลับมาหากระหม่อมที่อาโมรีไม่ได้อีก..”ข้อแลกเปลี่ยนกับสุราต้องคำสาปของแกรนด์ดยุคดูเหมือนจะแปลกมากทีเดียวในความคิดของโอเว่น“แกรนด์ดยุคต้องการแค่นั้น?”ชั่วขณะหนึ่งความเศร้าหมองปรากฏให้เห็นในดวงตาของอลาโน่“พ่ะย่ะค่ะ แค่นั้นก็พอ แค่ให้น้องสาวของกระหม่อมได้นั่งในตำแหน่งของจักรพรรดินี”โอเวนพยักหน้า“เช่นนั้นก็หมายความว่าความคิดของเราทั้งคู่มันตรงกัน ข้ารัก นาทาเลียจากใจจริง และข้าจะดูแลนางให้ดี แกรนด์ดยุคไม่ต้องเป็นห่วง”เมื่อกล่าวจบโอเว่นก็เดินออกไปจากห้องนี้พร้อมกับสุราต้องคำสาป ส่วนอลาโน่ เขาเอนหลังพิงเก้าอี้ด้วยท่าทีหมดแรงก่อนจะยกแขนขึ้นมาก่ายหน้าผากเ
ถึงแม้ว่าลูเซียนจะบอกกล่าวกับเธอว่าไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้ แต่การที่เขาพาเธอเข้ามาในงานประมูลโดยการใช้เทเลพอทเข้ามานั้นมันคือเรื่องที่น่าตื่นตาตื่นใจมากทีเดียว“ข้าคิดว่าท่านจะทำบัตรเชิญปลอมมาซะอีก”“จะทำแบบนั้นให้ยุ่งยากทำไมกัน ในเมื่อผลลัพธ์ก็ออกมาเหมือนเดิมคือเราได้เข้ามาอยู่ในงานนี้แล้ว”นาทาเลียอยากจะกรีดร้องดังๆ ออกมาซะเหลือเกิน หากไม่ติดว่าในยามนี้เราทั้งคู่กำลังยืนอยู่ในงานนี้เธอนั่งลงยังที่นั่งที่ถูกจัดเตรียมเอาไว้ นาทาเลียเลือกที่นั่งที่ไม่ค่อยสะดุดตาสักเท่าไหร่เพราะว่าเธอไม่ได้คิดมาประมูลอะไรทั้งนั้น เธอแค่ต้องการจับตาดูท่าทีของท่านพี่..ทว่าที่นี่คือโรงละครโอเปร่าเก่า เพราะอย่างนั้นจึงมีที่นั่งด้านบนอีกหลายสิบห้องที่ปิดม่านและปิดบังตัวตนเอาไว้ หมายความว่าพี่ชายของเธออาจจะนั่งอยู่ด้านบนและแอบประมูลบางอย่างลับๆ หรือแม้กระทั่งเขาอาจจะคุยงานกับผู้อื่นแบบที่ไม่มีคนเห็น เพราะห้องที่อยู่ชั้นบนไล่ขึ้นไปเป็นขั้นบันไดเช่นนี้ ทำให้เป็นส่วนตัวและสะดวกในการพูดคุยบางอย่างที่ไม่อยากให้มีผู้อื่นรู้“อยากขึ้นไปข้างบนไหม”นาทาเลียพ่นลมหายใจออกมาเบาๆ เธออาจจะแค่สงสัยไปเองก็ได้เพราะอย่างนั้
ดูจากสีหน้าของแกสทอนหลังจากที่เปิดจดหมายในมืออ่าน แสดงว่าท่านหญิงของเขานั้นส่งจดหมายเพื่อบอกว่าท่านหญิงจะกลับมาที่นี่ในเร็วๆ นี้สินะ โลเวลเองก็ไม่รอช้า เขาเปิดจดหมายออกมาอ่านเช่นกัน“โลเวล ขอบคุณในทุกอย่างที่เจ้าให้ความช่วยเหลือข้ามาโดยตลอด เหนื่อยมากเลยใช่ไหมกับการเปิดตัวที่แสนยิ่งใหญ่ในฐานะของเจ้าของกิลล์ข้อมูล อดทนอีกนิดนะ เพราะว่าข้ากำลังจะกลับไปหาเจ้าในเร็ววันนี้ หวังว่าจะได้พบกันในเร็ววันนะโลเวล”ข้างล่างจดหมายท่านหญิงนาทาเลียเขียนชื่อของบุคคลหนึ่งเอาไว้“ฝากเจ้าตามสืบเรื่องของบุรุษที่ชื่อว่า ไคเลอร์ให้ข้าด้วย ข้าไม่มีข้อมูลอะไรให้นอกจากว่าเขาคือบุรุษที่สูงโปร่งและไม่ได้เป็นขุนนาง ข้าเองก็ไม่รู้รายละเอียดของเขาเหมือนกัน เพียงแต่เขาสำคัญมากๆ และเป็นคนที่ข้าจะต้องตามหาให้เจอ”ไคเลอร์ อย่างนั้นหรือ?โลเวลเงยหน้าขึ้นมาจากกระดาษก่อนจะสั่งการกับฮอลี่“เอาข้อมูลของบุรุษที่ชื่อไคเลอร์มาให้ข้าหน่อยสิ คนที่มีชื่อว่าไคเลอร์ทุกคนของจักรวรรดิแห่งนี้”ฮอลี่พยักหน้า“รับทราบค่ะนายท่าน ข้าจะหาข้อมูลของชายที่ชื่อว่าไคเลอร์มาให้ท่านแบบไม่ให้ตกหล่นเลยแม้แต่คนเดียว”แกสทอนมองท่าทีเคร่งเครียดของโลเว
“ข้าต้องการปรับปรุงคฤหาสน์หลังนี้ และให้พวกชาวเมืองทั้งหมดย้ายเข้ามาอยู่ที่คฤหาสน์แห่งนี้ในช่วงที่พายุหิมะพัดแรงขึ้น..”สิ่งที่ไม่มีใครคาดคิดเกินขึ้นในช่วงเช้าของวันที่พายุหิมะพัดผ่านเข้ามาที่ดินแดงทางเหนือ องค์รัชทายาทโอเว่นนั้นทรงตื่นจากบรรทมตั้งแต่เช้า พระองค์เรียกประชุมทหารมากมายเพื่อหารือและแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับภัยธรรมชาติที่เกิดขึ้นและนี่คือครั้งแรกที่สายตาของอาเธอร์นั้นมององค์รัชทายาทเปลี่ยนไป เหมือนกับว่าเขามองเห็นประกายไฟในสายพระเนตรของพระองค์ได้อย่างชัดเจน“เรามีเสบียงที่สามารถเลี้ยงคนได้ราวสามร้อยคนในหนึ่งวัน แต่ทว่าประชากรของแดนเหนือรวมกันแล้วมีไม่ถึงสองร้อยคนด้วยซ้ำ เพราะอย่างนั้นหากพาพวกเขามาอยู่ที่นี่เป็นการชั่วคราวจนกว่าพายุหิมะจะสงบลง น่าจะเป็นหาทางออกที่ดีที่สุด”“กระหม่อมเห็นด้วยนะพ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาททรงพระปรีชาสามารถยิ่งแล้ว”อาเธอร์กล่าวชมออกมาจากใจจริง“ข้ารู้เซอร์อาเธอร์ เพียงแต่ที่ดินแดนเล็กๆ แห่งนี้จำเป็นที่จะต้องมีเจ้าเมืองเพราะในอีกสามสัปดาห์ข้าจะต้องเดินทางกลับไปที่พระราชวังแล้ว ข้าจึงให้โอกาสพวกเจ้าในการอาสาที่จะอยู่ที่นี่เพื่อเป็นเจ้าเมืองปกครองดูแลดินแดนเหนือ