เธอช้อนสายตามองหน้าเขา และแกสทอนกำลังวางเธอลงบนเก้าอี้ที่ทำจากไม้ ทว่ามือของเธอที่กำลังกอดคอเขาอยู่นั้นกลับไม่ยินยอมปล่อย เพราะหากว่าเขาเธอปล่อยมือละก็จะต้อง..เห็นช้างน้อยของเขาอย่างแน่นอน
และ...นี่คือโอกาสดีเลยไม่ใช่เรอะที่เธอจะใช้แส้ฟาดที่ก้นของเขา “แกสทอน..” ผมสีดำของเขามันเปียกชื้น และในยามนี้มันไม่ได้เป็นทรงอย่างที่ควรจะเป็นเพราะว่ามันเปียกลู่จนปกลงบนใบหน้าทำให้ภาพลักษณ์พ่อบ้านที่แสนจะสมบูรณ์แบบของแกสทอนมันจางหายไปจนหมด เขาเหมือนกับเด็กหนุ่มน้อยที่อายุยังไม่ถึงยี่สิบห้าทั้งๆ ที่ความคิดแกสทอนอายุสามสิบสามแล้ว เธอเผลอไผลจ้องมองใบหน้าของเขาอยู่ครู่หนึ่งจนลมจากหน้าต่างพัดผ่านมา นาทาเลียถึงได้รู้สึกว่าเธอในยามนี้กำลังเปียก ชุดที่เธอสวมใส่ก็เปียกชุ่มไปด้วยน้ำไม่แตกต่างจากสภาพของเขาสักเท่าไหร่นัก ใบหน้าหวานขึ้นเป็นสีแดงระเรื่อก่อนที่นาทาเลียจะค่อยๆ หยิบแส้หนังสีดำออกมาจากเอว ขอร้องล่ะแกสทอน แค่ตีเบาๆ เท่านั้นเองท่านคงจะไม่โกรธข้าหรอกใช่ไหม? สายตาของท่านหญิงนาทาเลียมันทำให้เขารู้สึกคันหยุบหยิบที่หัวใจ เธอร้องเรียกชื่อเขาด้วยน้ำเสียงหวานล้ำและแววตาของเธอมันก็เต็มไปด้วยความเย้ายวนเป็นที่สุด เขารู้สึกว่าตัวเองในวันนี้อยู่เหนือการควบคุม เขาไม่สามารถควบคุมตัวเองได้เลยให้ตายเถอะ ทั้งที่รู้ว่าสตรีเบื้องหน้าเห็นเขาเป็นเพียงของเล่นแต่ถึงอย่างนั้นเขาก็อยากจะ..ยินยอมส่งมอบตัวเองใส่มือของนางและตั้งตารอว่านางจะเล่นกับเขาอย่างไรบ้าง “เพี๊ยะ!!” สายตาของเรายังคงมองสบตากันแต่ที่แปลกคือความรู้สึกแสบที่บั้นท้าย แกสทอนขมวดคิ้วเล็กน้อยและเมื่อเขาเห็นแส้หนังในมือของท่านหญิงนาทาเลียเขาก็ยิ่งไม่เข้าใจไปใหญ่ นี่ท่านหญิงผู้งดงามพกของเช่นนี้เดินไปเดินมาแถมยังนำมันมาฟาดลงที่บั้นท้ายของเขาด้วยอย่างนั้นหรือ? รสนิยมความชอบของโฉมงามนั้นช่างเฉพาะตัวยิ่งนัก เขาไม่คิดว่านางจะชอบใช้..ความรุนแรง ก็ใบหน้าของนางดูไร้เดียงสาขนาดนั้น นึกว่าจะชอบแบบที่นุ่มนวลซะอีก ใบหน้างามของนาทาเลียแย้มยิ้มขึ้นมา นางมั่นใจว่าตัวเองได้ตีแกสทอนไปแล้ว นางใช้แส้นี่ตีก้นเขาไปแล้ว!! เพราะอย่างนั้นภารกิจแรกถือว่าสำเร็จลุล่วง มันง่ายดายมากกว่าที่คิดเอาไว้ซะอีก และในยามนี้เธอควรจะกลับไปที่คฤหาสน์เพื่อเปลี่ยนชุดไม่อย่างนั้นเธออาจจะไม่สบายอย่างที่เขาว่าจริงๆ นาทาเลียยืนขึ้น เธอมองหน้าของแกสทอนด้วยรอยยิ้มที่แสนดีใจที่มันเก็บซ่อนเอาไว้ไม่มิด “ข้าจะกลับไปที่คฤหาสน์แล้ว” หางตาของแกสทอนกระตุกเล็กน้อยเมื่อนางมายั่วยวนกัน แล้วจากลากันดื้อๆ เช่นนี้ราวกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย “อากาศด้านนอกเย็นยิ่งนัก ท่านหญิงสวมเสื้อที่เปียกเช่นนี้เดินออกไป ข้าคิดว่ามันอาจจะทำให้ท่านหญิงไม่สบายเอาได้นะครับ” เขาเดินเข้ามาหาเธอพร้อมกับอุ้มนาทาเลียขึ้นมาอีกครั้งและครั้งนี้เขาไม่ได้อุ้มเธอในท่าเจ้าหญิงแต่กลับแบกเธอเอาไว้บนบ่า และการที่เขาแบกเธอเช่นนี้มันทำให้เธอมองเห็นบั้นท้ายของเขาได้อย่างชัดเจนเลยทีเดียว และการที่เธอมองเห็นมันได้อย่างชัดเจนเช่นนี้มันทำให้นาทาเลียรู้ว่าเขา..สวมกางเกงอยู่ กางเกงอะไรอีกวะเนี่ย!! ทำไมเขาจะต้องสวมกางเกงสองชั้นด้วย หมายความว่าเธอยังไม่เสร็จสิ้นภารกิจงั้นเรอะ!! “แกสทอน” “ครับท่านหญิง” “ทำไมเจ้าถึงได้สวมกางเกงหลายชั้นเช่นนี้!” เธอเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความไม่พอใจ และน้ำเสียงเช่นนั้นของท่านหญิงนาทาเลียมันทำให้มุมปากของแกสทอนยกสูงขึ้นมาในทันที นางกำลังคาดหวังอะไรอยู่กันนะ แล้วทำไมวันนี้เขาถึงมองว่าสตรีที่หลงมัวเมาในตัณหาเช่นท่านหญิงนาทาเลีย..น่ารักมากกว่าทุกวันที่เขาเคยพบเจอนาง นี่เขาเป็นอะไรไป? เขาคิดว่าตัวเองนั้นยังคงเหมือนเดิม หรือว่าคนที่เปลี่ยนไปคือนางไม่ใช่เขา “ท่านหญิงกำลังคาดหวังสิ่งใดกันครับ คาดหวังว่าจะได้ใช้แส้หนังในมือฟาดลงมาบนบั้นท้ายของข้าอย่างนั้นหรือ?” ก็ใช่นะสิ เธอคาดหวังเช่นนั้นเพราะมันคือการสำเร็จภารกิจ “...อะ อื้ม” “ความชอบของท่านมันช่างเฉพาะตัวมากเหลือเกินนะครับ ไม่เหมือนใครและไม่มีใครเหมือน” ไหนๆ ก็ไหนๆ เขากล่าวถึงเรื่องนี้ออกมาแล้วเช่นนั้นเธอก็จะตรงมาตรงไปเช่นกัน “แล้ว..เจ้าจะยอมรึเปล่า?” เท้าที่กำลังเดินไปยังห้องอาบน้ำของแกสทอนพลันชะงักเมื่อเธอถามด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลงจนเขาแทบจะไม่ได้ยิน “เรื่องนั้น..ยอมแล้วอย่างไร ไม่ยอมแล้วอย่างไรกันครับ?” คำตอบอะไรวะนั่น เธอแค่จะถามความยินยอมของเขาเพราะว่าเธอจำเป็นที่จะต้อง..ตีก้นเขาจริงๆ นี่ “แล้วถ้าหากเป็นคำสั่งเจ้าจะทำตามไหม?” แกสทอนกำลังกลั้นหัวเราะกับท่าทางเอาแต่ใจที่เหมือนกับลูกแมวตัวน้อยๆ หากเป็นท่านหญิงนาทาเลียที่เขารู้จักนางจะเข้ามาหาเขาพร้อมกับยั่วยวนและสั่งให้เขาถอดกางเกงออก แต่นี่..นางกลับถามความเห็นของเขาราวกับว่านางกำลังขออนุญาต “ท่านจะสั่งให้ข้าถอดกางเกงที่ข้ากำลังสวมอยู่ออกไป หลังจากนั้นก็ให้ข้าคุกเข่าลง เพื่อให้ท่านได้ฟาดแซ่หนังลงไปบนบั้นท้ายของข้าอย่างนั้นหรือครับท่านหญิง?” เขาวางเธอลงในห้องอาบน้ำก่อนจะปล่อยน้ำเย็นในอ่างออกและเติมน้ำอุ่นเข้าไปแทน แกสทอนหันหน้ากลับมาหานาทาเลียอีกครั้งเพื่อจะถามหาคำตอบของคำถามที่เขาพึ่งจะถามนางออกไป “ไม่ต้องทำถึงขั้นนั้น แค่เจ้าให้ข้าใช้แส้นี่ฟาดลงไปที่บั้นท้ายอันเปลือยเปล่าของเจ้าก็พอ..อ่อ ไม่ต้องคุกเข่าหรอกนะ ยะ..ยืนก็ได้” เธอพูดออกมาด้วยใบหน้าที่ขึ้นเป็นสีกุหลาบแถมการพูดนั้นก็ตะกุกตะกักเหมือนกับว่าท่านหญิงผู้งดงามของเขากำลัง..เขินอายอยู่ “ท่านหญิง นี่นอกเหนือเวลางานแล้วเพราะอย่างนั้นข้าจะไม่ทำตามคำสั่งของท่านหรอกนะครับ” นาทาเลียกะพริบตามองหน้าของแกสทอนปริบๆ “เช่นนั้นวันพรุ่งนี้ในช่วงเวลางาน ข้าก็สามารถ..” “งานของข้าคือการดูแลเรื่องราวภายในของอาโมรี ไม่ใช่การตอบสนองความต้องการของท่าน” นี่หมายความว่าเขาจะไม่มีวันให้เธอตีก้นเขางั้นเรอะ นาทาเลียขบเม้มริมฝีปากเบาๆ ด้วยความชั่งใจ นางกำลังคิดหาทางมากมายเพื่อที่จะไม่ปล่อยให้วันนี้เสียเวลาไปโดยเปล่าประโยชน์ “แต่ข้าเป็นคนที่..นับถือเรื่องความเท่าเทียมนะครับ” “หมายความว่าอย่างไรกันคะ?” เธอเอ่ยถามเขาด้วยแววตาที่เปล่งประกายขึ้นมา คำกล่าวของเขามันทำให้เธอมีความหวังขึ้นมาอีกครั้ง “ก็..หากข้าให้ท่านใช่แส้หนังในมือของท่านฟาดลงมาที่บั้นท้ายอันเปลือยเปล่าของข้า ข้าก็จะต้องสามารถใช่แส้หนังอันเดียวกันนั้นฟาดลงไปบนบั้นท้ายที่ไม่สวมอะไรเลยของท่านเหมือนกัน..”เมื่อลูเซียนกลับมาที่ห้องของโรงแรมเขากลับไม่พบเจอใครเลยสักคนเดียว เขาตกใจเล็กน้อยที่อยู่ๆนาทาเลียก็หายไป เขากำลังจะวิ่งออกไปเพื่อตามหาเธอที่ด้านหน้าโรงแรมที่พัก ในระหว่างที่เขากำลังวิ่งตามหาเธอแสงสีทองก็ส่องสว่างอยู่บนแหวนที่เขาสวม นั่นหมายความว่านาทาเลียอยู่ในมิติเวทของเขาลูเซียนถอนหายใจอย่างโล่งอกก่อนที่เขาจะสัมผัสที่แหวนเบาๆเพื่อเข้าไปหาเธอในมิติเวท ที่นี่แตกต่างจากในมิติเวทที่เธอและเขาเคยอยู่ด้วยกันอย่างสิ้นเชิง ทะเลสาบอย่างนั้นหรือ?"นาทาเลีย.."เขาพบเจอนาทาเลียนั่งอยู่กับบุรุษผู้หนึ่งที่ดูคุ้นตา..หมอนี่คือคนที่มาป้วนเปี้ยนหน้าห้องเมื่อตอนบ่ายนี่"ลูเซียน มานี่สิ..ข้าจะแนะนำให้ท่านรู้จักกับโลเวล"นี่คือบุรุษที่นาทาเลียกล่าวถึงให้เขาฟังบ่อยๆสินะ โลเวล บาทาซาร์"ยินดีที่ได้รู้จักครับท่านเจ้าของหอคอย"โลเวลลุกขึ้นมาแล้วก้มหน้าลงเพื่อเป็นฝ่ายทักทายก่อน อย่างที่เขาคิดเอาไว้จริงๆว่าออร่าพลังเวทของชายผู้นี้นั้นไม่ธรรมดาเลย ที่ไหนได้นี่คือจอมเวทกูเรียนในตำนาน เจ้าของหอคอยเวทผู้ยิ่งใหญ่"อืม..นาทาเลียพูดถึงเจ้าให้ข้าฟังบ่อยๆ แล้วเจ้ารู้ได้อย่างไรว่านางคือนาทาเลีย"ไม่บ่อยนักที่จะมีคนที่ส
กว่านาทาเลียจะลืมตาตื่นขึ้นมาก็เป็นในช่วงเย็นของอีกวัน เธอลุกขึ้นมานั่งบนเตียงพร้อมกับกวาดสายตามองไปรอบๆห้องนี้แต่ก็ไม่พบลูเซียนเลย นาทาเลียลุกขึ้นเพื่อเดินไปล้างหน้าล้างตา เธอแค่นหัวเราะออกมาเบาๆเมื่อเห็นสภาพใบหน้าของตัวเองในกระจกเงาที่สะท้อนออกมา ดวงตาแดงก่ำที่ผ่านการร้องไห้ออกมาอย่างหนัก..ดูไม่ดีเท่าไหร่เลยเธอไม่รู้ว่าลูเซียนออกไปไหน แต่เขาน่าจะมีธุระของเขานั่นแหละ นาทาเลียนั่งลงที่โซฟา เธอรินน้ำชาในกาใส่ถ้วยเล็กๆก่อนจะยกขึ้นมาดื่ม คิดไม่ผิดเลยจริงๆที่เธอตามพี่ชายไปที่ลานประมูล เพราะอย่างนั้นเธอถึงได้ตาสว่างเรื่องของนาทาเลียในอดีต อีกทั้งสุราต้องคำสาปขวดนั้นหากเดาไม่ผิดเขาจะต้องใช้มันกับเธออย่างแน่นอน เช่นนั้นก็จะต้องหาทางรับมือกับคนสารเลวอย่างโอเว่นเอาไว้"ไม่เจอกันนานเลยนะครับ..ท่านหญิง"โลเวลปีนเข้ามาทางหน้าต่าง เขากระโดดเข้ามาหานาทาเลียในทันทีก่อนจะสวมกอดเธอเอาไว้ในอ้อมแขน"คิดถึง..จังเลยครับ แล้วไอ้สารเลวคนไหนมันทำให้ท่านหญิงของข้ามีสภาพเช่นนี้กัน?"เธอตกใจจนตาค้าง ทั้งๆที่เธอปลอมตัวอยู่ด้วยพลังเวทของลูเซียนแต่แล้วทำไม โลเวลถึงจำเธอได้กันล่ะ? เธอยื่นมือไปกอดเอวของเขาเอาไว้แน
ลูเซียนตกใจเล็กน้อยที่เขาเห็นหยาดน้ำตาแวววาวรินไหลลงมาจากดวงตาของนาทาเลียที่กำลังนั่งอยู่ข้างๆ เขา เขาไม่มั่นใจว่าเธอพบเจอกันอะไร แต่เขาก็ยังไม่อยากจะดึงจิตวิญญาณของเธอกลับมา เพราะในบางทีเธออาจจะกำลังพบเจอเรื่องราวที่ทำให้ตัวเองรับรู้ถึงเบื้องลึกเบื้องหลังของพี่ชายตัวเอง..อลาโน่ อาโมรี เมื่อไหร่กันนะที่เขาจะได้พบเจอพี่เขยอย่างเป็นทางการ อดใจรอไม่ไหวแล้วละสิ“สิ่งที่กระหม่อมต้องการ คือทำให้นาทาเลียเป็นของพระองค์ให้ได้พ่ะย่ะค่ะ ทำให้นางกลับมาหากระหม่อมที่อาโมรีไม่ได้อีก..”ข้อแลกเปลี่ยนกับสุราต้องคำสาปของแกรนด์ดยุคดูเหมือนจะแปลกมากทีเดียวในความคิดของโอเว่น“แกรนด์ดยุคต้องการแค่นั้น?”ชั่วขณะหนึ่งความเศร้าหมองปรากฏให้เห็นในดวงตาของอลาโน่“พ่ะย่ะค่ะ แค่นั้นก็พอ แค่ให้น้องสาวของกระหม่อมได้นั่งในตำแหน่งของจักรพรรดินี”โอเวนพยักหน้า“เช่นนั้นก็หมายความว่าความคิดของเราทั้งคู่มันตรงกัน ข้ารัก นาทาเลียจากใจจริง และข้าจะดูแลนางให้ดี แกรนด์ดยุคไม่ต้องเป็นห่วง”เมื่อกล่าวจบโอเว่นก็เดินออกไปจากห้องนี้พร้อมกับสุราต้องคำสาป ส่วนอลาโน่ เขาเอนหลังพิงเก้าอี้ด้วยท่าทีหมดแรงก่อนจะยกแขนขึ้นมาก่ายหน้าผากเ
ถึงแม้ว่าลูเซียนจะบอกกล่าวกับเธอว่าไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้ แต่การที่เขาพาเธอเข้ามาในงานประมูลโดยการใช้เทเลพอทเข้ามานั้นมันคือเรื่องที่น่าตื่นตาตื่นใจมากทีเดียว“ข้าคิดว่าท่านจะทำบัตรเชิญปลอมมาซะอีก”“จะทำแบบนั้นให้ยุ่งยากทำไมกัน ในเมื่อผลลัพธ์ก็ออกมาเหมือนเดิมคือเราได้เข้ามาอยู่ในงานนี้แล้ว”นาทาเลียอยากจะกรีดร้องดังๆ ออกมาซะเหลือเกิน หากไม่ติดว่าในยามนี้เราทั้งคู่กำลังยืนอยู่ในงานนี้เธอนั่งลงยังที่นั่งที่ถูกจัดเตรียมเอาไว้ นาทาเลียเลือกที่นั่งที่ไม่ค่อยสะดุดตาสักเท่าไหร่เพราะว่าเธอไม่ได้คิดมาประมูลอะไรทั้งนั้น เธอแค่ต้องการจับตาดูท่าทีของท่านพี่..ทว่าที่นี่คือโรงละครโอเปร่าเก่า เพราะอย่างนั้นจึงมีที่นั่งด้านบนอีกหลายสิบห้องที่ปิดม่านและปิดบังตัวตนเอาไว้ หมายความว่าพี่ชายของเธออาจจะนั่งอยู่ด้านบนและแอบประมูลบางอย่างลับๆ หรือแม้กระทั่งเขาอาจจะคุยงานกับผู้อื่นแบบที่ไม่มีคนเห็น เพราะห้องที่อยู่ชั้นบนไล่ขึ้นไปเป็นขั้นบันไดเช่นนี้ ทำให้เป็นส่วนตัวและสะดวกในการพูดคุยบางอย่างที่ไม่อยากให้มีผู้อื่นรู้“อยากขึ้นไปข้างบนไหม”นาทาเลียพ่นลมหายใจออกมาเบาๆ เธออาจจะแค่สงสัยไปเองก็ได้เพราะอย่างนั้
ดูจากสีหน้าของแกสทอนหลังจากที่เปิดจดหมายในมืออ่าน แสดงว่าท่านหญิงของเขานั้นส่งจดหมายเพื่อบอกว่าท่านหญิงจะกลับมาที่นี่ในเร็วๆ นี้สินะ โลเวลเองก็ไม่รอช้า เขาเปิดจดหมายออกมาอ่านเช่นกัน“โลเวล ขอบคุณในทุกอย่างที่เจ้าให้ความช่วยเหลือข้ามาโดยตลอด เหนื่อยมากเลยใช่ไหมกับการเปิดตัวที่แสนยิ่งใหญ่ในฐานะของเจ้าของกิลล์ข้อมูล อดทนอีกนิดนะ เพราะว่าข้ากำลังจะกลับไปหาเจ้าในเร็ววันนี้ หวังว่าจะได้พบกันในเร็ววันนะโลเวล”ข้างล่างจดหมายท่านหญิงนาทาเลียเขียนชื่อของบุคคลหนึ่งเอาไว้“ฝากเจ้าตามสืบเรื่องของบุรุษที่ชื่อว่า ไคเลอร์ให้ข้าด้วย ข้าไม่มีข้อมูลอะไรให้นอกจากว่าเขาคือบุรุษที่สูงโปร่งและไม่ได้เป็นขุนนาง ข้าเองก็ไม่รู้รายละเอียดของเขาเหมือนกัน เพียงแต่เขาสำคัญมากๆ และเป็นคนที่ข้าจะต้องตามหาให้เจอ”ไคเลอร์ อย่างนั้นหรือ?โลเวลเงยหน้าขึ้นมาจากกระดาษก่อนจะสั่งการกับฮอลี่“เอาข้อมูลของบุรุษที่ชื่อไคเลอร์มาให้ข้าหน่อยสิ คนที่มีชื่อว่าไคเลอร์ทุกคนของจักรวรรดิแห่งนี้”ฮอลี่พยักหน้า“รับทราบค่ะนายท่าน ข้าจะหาข้อมูลของชายที่ชื่อว่าไคเลอร์มาให้ท่านแบบไม่ให้ตกหล่นเลยแม้แต่คนเดียว”แกสทอนมองท่าทีเคร่งเครียดของโลเว
“ข้าต้องการปรับปรุงคฤหาสน์หลังนี้ และให้พวกชาวเมืองทั้งหมดย้ายเข้ามาอยู่ที่คฤหาสน์แห่งนี้ในช่วงที่พายุหิมะพัดแรงขึ้น..”สิ่งที่ไม่มีใครคาดคิดเกินขึ้นในช่วงเช้าของวันที่พายุหิมะพัดผ่านเข้ามาที่ดินแดงทางเหนือ องค์รัชทายาทโอเว่นนั้นทรงตื่นจากบรรทมตั้งแต่เช้า พระองค์เรียกประชุมทหารมากมายเพื่อหารือและแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับภัยธรรมชาติที่เกิดขึ้นและนี่คือครั้งแรกที่สายตาของอาเธอร์นั้นมององค์รัชทายาทเปลี่ยนไป เหมือนกับว่าเขามองเห็นประกายไฟในสายพระเนตรของพระองค์ได้อย่างชัดเจน“เรามีเสบียงที่สามารถเลี้ยงคนได้ราวสามร้อยคนในหนึ่งวัน แต่ทว่าประชากรของแดนเหนือรวมกันแล้วมีไม่ถึงสองร้อยคนด้วยซ้ำ เพราะอย่างนั้นหากพาพวกเขามาอยู่ที่นี่เป็นการชั่วคราวจนกว่าพายุหิมะจะสงบลง น่าจะเป็นหาทางออกที่ดีที่สุด”“กระหม่อมเห็นด้วยนะพ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาททรงพระปรีชาสามารถยิ่งแล้ว”อาเธอร์กล่าวชมออกมาจากใจจริง“ข้ารู้เซอร์อาเธอร์ เพียงแต่ที่ดินแดนเล็กๆ แห่งนี้จำเป็นที่จะต้องมีเจ้าเมืองเพราะในอีกสามสัปดาห์ข้าจะต้องเดินทางกลับไปที่พระราชวังแล้ว ข้าจึงให้โอกาสพวกเจ้าในการอาสาที่จะอยู่ที่นี่เพื่อเป็นเจ้าเมืองปกครองดูแลดินแดนเหนือ