เย่เทียนหยู่เผยสีหน้าเหยียดหยาม ก่อนที่เขาจะชกออกไปไวราวพายุ เพียงไม่กี่การเคลื่อนไหวเขาก็ล้มกลุ่มคนตรงหน้าทุกคนจนราบคาบ ทำเอาทุกคนตะลึงงันไปทันที“เอาสิ เข้ามาเลย!”เย่เทียนหยู่มองดูปาร์คดาฮยอนอย่างเยาะเย้ย“ไอ้คนเถื่อน แกมันก็แค่คนป่าเถื่อนไร้เหตุผลที่รู้จักแต่ใช้กำลังแก้ปัญหา!”ปาร์คดาฮยอนก่นด่าด้วยความโกรธ“คุณว่าผมป่าเถื่อนเหรอ” เย่เทียนหยู่หัวเราะอย่างโกรธๆ“ไม่ใช่เหรอ เรามีความตั้งใจดีและมาที่อาณาจักรมังกรเพื่อแสดง เผยแพร่เพลงที่ยอดเยี่ยมให้กับคุณ และแสดงผลงานที่ยอดเยี่ยม อย่างไรก็ตาม คุณปฏิบัติต่อเราอย่างหยาบคาย ฉันอยากจะฟ้องคุณ ฉันอยากไปที่ รัฐบาลจะฟ้องคุณ!”ปาร์คดาฮยอนพูดเสียงดังแฟนๆ หลายคนที่พูดไม่ออกก็เห็นด้วยจริง ๆ ว่า “เขาไม่เพียงแต่ทุบตีผู้คนในที่สาธารณะเท่านั้น แต่เขายังปฏิเสธที่จะกลับใจและต่อสู้กับบอดี้การ์ดอีกด้วย มันเป็นเพียงการทำให้อาณาจักรมังกรของเราแปดเปื้อน”“ใช่ คนประเภทนี้ควรถูกดึงและยิงทันที เขาไม่ได้รับอนุญาตให้ทำลายชื่อเสียงของอาณาจักรมังกรของเรา”“ใช่ เพราะเรามีคนที่ใช้ความรุนแรงมากเกินไป ผู้คนจึงคิดว่าประเทศมังกรของเราเป็นประเทศป่าเถื่อน”“เราต
เมื่อเข้าไปในลิฟต์ เย่เทียนหยู่สังเกตเห็นสีหน้าอมทุกข์ของหลินหว่านหรู ก่อนที่เขาจะเริ่มปลอบใจเธอ: “ไม่ต้องสนใจพวกโง่พวกนั้นหรอกครับ ก็แค่แฟนคลับไร้สมอง”“ไม่ สิ่งที่พวกเขาพูดทำให้ฉันโกรธมากจริงๆ แต่อดีตก็คืออดีต แต่ปัญหาคือพวกเขาไม่ยอมปล่อยมันไป และมันจะนำปัญหาใหญ่มาให้คุณ”หลินหว่านหรูด้วยความกังวลเมื่อ หยางไฉ่อวิ๋นได้ยินแบบนั้น เขาก็รู้สึกตัวทันทีและพูดอย่างเร่งรีบ: “ใช่ คนพวกนี้มันบ้าไปแล้ว พวกเขาจะไม่มีวันยอมแพ้”“เหอะ ๆ ถ้าเป็นแบบนั้นก็ดี”เย่เทียนส่งเสียงเหอะอย่างเย็นชา และพูดว่า “ไม่ต้องกังวล ตัวตลกพรรคนี้ผมมีวิธีจัดการเขาถมเถ”หลินหว่านหรูพยักหน้าและไม่พูดอะไรอีกเมื่อสิ่งต่างๆ มาถึงจุดนี้ เราก็ได้แต่เผชิญหน้ากันเท่านั้นหยางไฉ่อวิ๋นมองเย่เทียนหยู่ด้วยความประหลาดใจ ลังเลแต่อดไม่ได้ที่จะพูดว่า: “ฉันเพิ่งสังเกตว่าเมื่อครู่มีคนถ่ายวิดีโอค่ะ ไม่รู้ว่าจะเอาคลิปไปตัดต่อสร้างเรื่องใส่ร้ายคุณหรือเปล่า เช่นว่าตัดเฉพาะช่วงที่คุณทำร้ายบุคคลอื่น”เย่เทียนหยู่ตกตะลึงเล็กน้อยและพูดด้วยความประหลาดใจ: “คุณหยางดูจะเข้าใจเรื่องนี้นะครับ”“เรื่องนั้น ถึงฉันจะไม่เคยเจอกับเหตุแบบนี้มาก่อ
“ใช่ ทำตัวไร้กฏเกณฑ์ จู่ๆก็ทำร้ายคนอื่น คุณดูสิคะ เราทุกคนบาดเจ็บกันหมดแล้วเนี่ย”ทุกคนบ่น“ใครเป็นคนทำร้ายพวกเขารีบก้าวออกมาซะ” เจ้าพนักงานหวงถามด้วยน้ำเสียงทุ้ม“เจ้าหน้าที่ เขาไปแล้ว แต่เขาอาศัยอยู่ในโรงแรมแห่งนี้ และเรามีวิดีโอของเขา” ปาร์คดาฮยอนหยิบวิดีโอที่เขาเพิ่งถ่ายยื่นออกไปทันทีหลังจากอ่านเนื้อหาแล้ว ฉันเห็นว่าเย่เทียนหยู่ทุบตีแฟนๆ แล้วก็บอดี้การ์ดของเขา ไม่ว่าคุณจะมองอย่างไร เขาเป็นคนที่ไร้เหตุผลและรุนแรงสำหรับคำพูดของเขาเอง ฉันไม่ได้ยินคำพูดที่น่าขยะแขยงที่เขาพูดกับอีกฝ่ายเลย ฉันได้ยินเพียงเนื้อหาที่ปกป้องแฟนๆ ของเขาอย่างตรงไปตรงมาและน่าเกรงขามเท่านั้น ดังนั้นไม่น่าจะมีปัญหาอะไรเมื่อเจ้าพนักงานหวงอ่านแล้ว เขาก็ขอสำเนาหลักฐาน แล้วถามทันทีว่า: “เหตุการณ์เป็นมายังไงทำไมถึงเริ่มสู้กันซะได้ละ”“ประเด็นเป็นเพราะผมเองครับ”ปาร์คดาฮยอนยืนขึ้นแล้วพูดว่า: “ผู้หญิงที่อยู่ข้าง ๆ ผู้ชายคนนั้นเป็นแฟนคลับของผม อาจเป็นเพราะเธอชอบผมมาก ก็เลยอยากนอนกับผม แต่ผมไม่ยอมรับปากเธอครับ”“แต่ตอนนั้นชายคนนั้นโมโหมาก จากนั้นก็เริ่มคลั่งทำร้ายคนอื่นครับ!”เจ้าพนักงานหวงพยักหน้าและกล่าวว่า
เจ้าพนักงานหวงเคาะประตูเย่เทียนหยู่เปิดประตูและเห็นเจ้าหน้าที่หวงกับคนอื่น ๆ ทันที เขาโทรหาผู้ว่าการหวังแล้วไม่ใช่เหรอ ไม่ได้โทรบอกลูกน้องหรือไงผู้ว่าการหวังไม่ใช่ใครอื่น หากแต่เป็นผู้บัญชาการสูงสุดของเมืองเจียงหนาน ด้วยความสามารถของเขา การชะลอเรื่องออกไปสองสามวันไม่น่าเป็นปัญหาไม่ใช่เหรอ“สวัสดีครับ…”เจ้าพนักงานหวงกำลังจะพูดเมื่อโทรศัพท์มือถือของเขาดังขึ้น เขาหยิบมันออกมาและเห็นว่าเป็นสายจากหัวหน้าของเขา ดังนั้นเขาจึงต้องรับสายอย่างรวดเร็วและกำลังจะพูดคนที่อยู่อีกด้านหนึ่งพูดตรงๆ: “เจ้าพนักงานหวง คุณไม่ต้องกังวลเรื่องโรงแรม กลับมาทันที”“อ่า ที่นี่มีคนสร้างเรื่องวุ่นวายหลายอย่าง และมันก็ดันไปเกี่ยวกับดาราดังจากแดนกิมจิ และเขาก็มีแฟนคลับในอาณาจักรมังกรของเรามหาศาลด้วยครับ”“ไม่ต้องกังวลเรื่องเขาหรอก แค่บอกว่าคุณกำลังสืบสวนและรวบรวมหลักฐานแล้ว ปล่อยให้พวกเขารอก็พอ อีกพักคุณค่อยให้ผลการสืบสวนกับพวกเขา”“เรื่องนั้น ก็ได้ครับ”ผู้นำพูดอย่างนั้น และเจ้าพนักงานหวงก็ทำได้เพียงทำตามที่เขาบอกเท่านั้น แต่เห็นได้ชัดว่าชายหนุ่มคนนี้มีภูมิหลังมากมาย ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจที่เขากล้าโจมต
จนถึงตอนนี้ยังไม่ถูกนำตัวไปที่สถานีตำรวจ เห็นได้ชัดว่าเขาพอจะมีพลังอยู่บ้าง แต่กล้าจะสู้กับเขาด้วยพลังกระจ้อยร่อยแบบนั้น ถ้างั้นเขาก็จะแสดงพลังเทียมฟ้าให้อีกฝ่ายได้เห็นเองหญิงสาวที่อยู่ข้าง ๆ อดไม่ได้ที่จะเตือนว่า: “แต่ว่า พี่ดาฮยอน เมื่อกี้พี่ขู่เขาแบบนั้น พี่ไม่กลัวเขาจะแอบบันทึกเสียงเหรอ”“จะกลัวอะไร ต่อให้เขาบันทึกเสียงอยู่ ใครจะพิสูจน์ได้ว่าเขาคือบริกรที่พี่ส่งมา ผมจะบอกว่าเขาเล่นเองเออเองก็ยังได้” ปาร์คดาฮยอนยิ้มเยาะ“พี่ดาฮยอนฉลาดจังเลย สุดยอดไปเลยค่ะ”“ก็แหงอยู่แล้ว ไม่อย่างนั้นพวกเธอสองคนจะยอมปรนิบัติพี่ได้ยังไงละ” ปาร์คดาฮยอนพูดอย่างภาคภูมิใจ นอกจากนั้น หญิงสาวสองคนที่อยู่ข้างกายเขา คือคนที่เคยโดนเย่เทียนหยู่ตบหน้ามาก่อน“ใช่ พี่ดาฮยอนหล่อ สง่างาม และเย่อหยิ่ง เรารักเขามาก สำหรับพี่ดาฮยอน ฉันกำลังสมัครขอสัญชาติแดนกิมจิแล้ว”“ฮ่าฮ่า คุณต้องละทิ้งอาณาจักรมังกร อาณาจักรมังกรของคุณนั้นสมัครได้ยากที่สุดในโลก เมื่อคุณยอมแพ้ คุณจะไม่มีโอกาส”“หากฉันมีโอกาส ฉันจะติดตามพี่ดาฮยอนและกลายเป็นพลเมืองจีนผู้สูงศักดิ์”“โอเค คุณเก่งมาก!”ปาร์คดาฮยอนภูมิใจมาก แล้วก็หัวเราะเยาะ: “เด็
ดวงตาของเย่เทียนหยู่เต็มไปด้วยความโกรธ เขาโทรออกติดต่อกันหลายครั้ง อย่างแรก คือการขุดหาประวัติเสียหายของปาร์คดาฮยอน และอย่างที่สอง การตามหาวิดีโอที่เป็นหลักฐานคราวนี้ เขาจะทำให้ปาร์คดาฮยอนต้องชดใช้ราคาแห่งความสิ้นหวังแน่นอนว่าปาร์คดาฮยอนไม่รู้เรื่องทั้งหมดที่กำลังเกิดขึ้น เขายังรู้สึกภาคภูมิใจมากกับเรื่องที่เกิดก่อนหน้าไม่เลิก จนกระทั่งถึงเวลาอาหารค่ำ เขาสอบถามและได้รู้ว่าเย่เทียนหยู่กับคนอื่น ๆ ยังไม่ออกมาเขาพูดพร้อมรอยยิ้มเย็นยะเยือก: “นานขนาดนี้แล้ว ยังไม่มีคนไปจับตัวมันอีก ไอ้หมอนั่น แบล็คอัพไม่เลวเลยนี่”ในตอนนั้นเอง จู่ ๆ เขาก็ได้รับข้อความแจ้งว่า หลินหว่านหรูเป็นผู้จัดการทั่วไปคนใหม่ของเครือบริษัทเทียนเฟิงกรุ๊ปอย่างนั้นเองสินะ ไม่น่าแปลกใจเลยที่เจ้าหน้าที่ไม่ออกหน้าจับกุมตัวพวกเขาแต่ว่า เขาจบการศึกษาในระดับที่ไม่ได้สูงมากนัก และเขาก็ไม่รู้จักเทียนเฟิงกรุ๊ป แต่แน่นอนว่า ต่อให้มีวุฒิการศึกษาระดับสูง ก็อาจไม่เข้าใจเทียนเฟิงกรุ๊ปเหมือนกันก็แค่ผู้บริหารคนหนึ่งของเครือบริษัทไม่ใช่หรือไงกัน เขายังมีอีกหลายวิธีที่จะจัดการกับคนพวกนั้น: “ไปปล่อยข่าวเพิ่มให้ผมหน่อยสิ” เขาสั่งก
ตกลงใครกันแน่ที่เป็นหน้าม้าในขณะนั้นเอง มีคนมาเคาะประตู หลินหว่านหรูเปิดประตูและเห็นชายวัยสี่หรือห้าสิบคนหนึ่ง“สวัสดี คุณคือคุณหลินใช่ไหม”“ใช่ค่ะ แล้วคุณคือ?”“ผมคือจางเฉียง รองผู้จัดการทั่วไปของเครือบริษัทเทียนเฟิงกรุ๊ปสาขาหนานเจียง”“คุณนี่เอง เข้ามาคุยกันด้านในก่อน มาหาฉันมีเรื่องอะไรหรือเปล่าคะ?” หลินหว่านหรูกล่าว“คือเรื่องนั้น…”จางเฉียงพูดด้วยท่าทีลำบากใจ: “ผู้จัดการหลิน คุณคงจะพอทราบเรื่องทุกอย่างบนโซเชียลแล้วใช่ไหม?” เขาพูดอย่างช่วยไม่ได้“ฉันรู้ค่ะ” หลินหว่านหรูพยักหน้า สีหน้าของเธอไม่สู้ดีเท่าไหร่นัก นอกจากจะรู้สึกผิดหวังต่อตัวเองแล้ว สิ่งที่เธอกังวลมากกว่าคือเทียนหยู่จะรับมือกับเรื่องทั้งหมดนี้ได้ยังไงไม่ว่าเธอจะเก่งแค่ไหน ก็คงไม่สามารถต่อต้านการความเห็นของประชาชนได้ ถ้าหากทำให้ผู้คนโกรธแค้น ต่อให้เป็นเทียนหยู่ที่มีความสามารถมาก เขาก็อาจจะไม่รอดเหมือนกันท้ายที่สุดแล้ว ไม่มีอำนาจใดยิ่งใหญ่เกินกว่าอำนาจของประชาชน“ถ้าอย่างนั้น ผมก็จะขอพูดอย่างตรงไปตรงมา ผมเชื่อในความบริสุทธิ์ของคุณนะ แต่สถานการณ์ของคุณส่งผลกระทบต่อเทียนเฟิงกรุ๊ปอย่างมาก”จางเฉียงถอนหายใจ“อ
เย่เทียนหยู่สังเกตเห็นท่าทางแปลกๆของเธอจึงรีบถามว่า: “เป็นอะไรไป เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือเปล่า”เมื่อเผชิญกับคำถามของเย่เทียนหยู่ หลินหว่านหรูก็ไม่คิดจะปิดบัง และบอกเธออย่างไม่เต็มใจ: “ฉันเกรงว่าตำแหน่งผู้จัดการทั่วไปของกลุ่มเทียนเฟิง คงจะ คงจะไม่ได้แล้วเหรอ...”“ทำไมเหรอ”เย่เทียนหยู่ถามหลินหว่านหรูพูดความจริงหลังจากได้ฟังเรื่องราวทั้งหมด ก็เกิดแสงเย็นวูบวาบในดวงตาของเย่เทียนหยู่ ก่อนจะพูดด้วยความโกรธ: “สมควรตาย!” คนอื่นอาจจะมองไม่ออก แต่เขาเข้าใจเหตุการณ์ในทันทีดูเหมือนว่าความเอาใจใส่จะนำไปสู่ความวุ่นวายเพราะกลัวจะทำร้ายทรัพย์สินของแม่และทำให้แม่ไม่มีความสุขไม่น่าแปลกใจเลยที่เขาแปลกใจที่ หลินหว่านหรูไม่ได้เข้ารับตำแหน่งด้วยซ้ำ และเธอก็ไม่เปิดเผยข่าวใด ๆ เกี่ยวกับการเข้ารับตำแหน่งด้วยซ้ำ แล้วทำไมเธอถึงเข้าไปเกี่ยวข้องกับ เทียนเฟิงกรุ๊ปเว้นแต่จะเป็นเลขานุการของหยางไฉ่อวิ๋นแต่นั่นเป็นไปไม่ได้สำหรับเธอในที่สุดเย่เทียนหยู่ก็เข้าใจแล้วว่ารองประธานาธิบดีจางเฉียงที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ถ้าอยากเข้ารับตำแหน่งใช่ไหม ผมอยากให้คุณเกษียณตรงๆ และอยู่บนเตียงไปตลอดชีวิต“เทียนหยู่ฉัน
เย่เทียนหยู่รู้สึกทำอะไรไม่ถูก ถ้ารู้แบบนี้ ก็คงไม่ให้พวกเธอสองคนดื่มตั้งแต่แรกในขณะเดียวกันนั้นเอง หลิวซือซือที่นั่งอยู่ตรงข้ามก็ยกแก้วในมือขึ้น แล้วพูดออกมาว่า “พี่เย่คะ ฉันมีเรื่องหนึ่งที่อยากจะบอกกับพี่มาโดยตลอด แต่ก็กลับไม่มีโอกาสได้พูดมันออกมาเลย”“งั้นก็อย่าพูดเลยจะดีกว่า” เย่เทียนหยู่นึกถึงเรื่องในอดีตของเขากับหลิวซือซือขึ้นมา ก่อนจะคาดเดาได้อย่างคลุมเครือว่าเธอกำลังจะพูดอะไร“ไม่ได้ค่ะ วันนี้ฉันต้องพูดให้ได้!”“ฉันกลัวว่าถ้าผ่านวันนี้ไปแล้ว ฉันไม่มีโอกาสได้พูดมันอีก”หลิวซือซือพูดด้วยความตื่นเต้นออกไปว่า “พี่เย่คะ ฉันชอบพี่ค่ะ ชอบพี่มาตลอด ฉันชอบพี่มากจริง ๆ!”“ตั้งแต่ครั้งแรกที่ฉันต้องไปทวงหนี้กับพี่ ฉันก็ถูกความสง่างามและความมั่นคงอันแข็งแกร่งของพี่ดึงดูดไปแล้วค่ะ ต่อมาพี่ก็คอยช่วยฉันเอาไว้ครั้งแล้วครั้งเล่า นั่นยิ่งทำให้ฉันรู้สึกหัวใจเต้นแรงมากกว่าเดิม ทำให้ฉันชอบพี่มากขึ้นเรื่อย ๆ”“แต่ก็เหมือนว่าพี่จะไม่เคยสัมผัสได้ถึงความรู้สึกของฉันเลย หลายครั้งที่ฉันอยากจะรุกเข้าหาพี่แต่ก็ไม่กล้า จนกระทั่งพบว่าพี่กับประธานหลินคบกันอยู่ ฉันถึงได้เข้าใจว่าฉันไม่ใช่อะไรสำหรับพี่เล
แม้จะเป็นเพียงเวลาสั้น ๆ แต่ทั้งสองคนก็ได้ยินเรื่องราวที่เกี่ยวกับไป๋เฉิงกรุ๊ป และความน่ากลัวของแก๊งพยัคฆ์ทมิฬมาไม่น้อย ดังนั้นความหวาดกลัวและความรู้สึกหวั่นเกรงที่มีต่อตระกูลไป๋จึงมาจากใจของพวกเธออย่างแท้จริงสองสาวพูดสลับกันไปมา จนเกิดเป็นเสียงที่ดังอึกทึกขึ้น เย่เทียนหยู่แทบไม่มีโอกาสได้พูดเลยด้วยซ้ำ ในที่สุดเขาก็มีโอกาส เขาจึงพูดขึ้นว่า “เอาล่ะ พูดจบรึยัง?”สองสาวพยักหน้าอย่างช่วยไม่ได้“พวกเธอฟังฉันนะ พวกเธอวางใจเถอะ แค่ตระกูลไป๋ พวกมันทำอะไรฉันไม่ได้หรอก” เย่เทียนหยู่พูดออกมาตรง ๆ เดิมทีก็คิดจะบอกว่าไป๋เฉิงกรุ๊ปเป็นของตนอยู่หรอก แต่จู่ ๆ เขาก็เปลี่ยนความคิดถึงอย่างไรตอนนี้ก็อยู่ข้างนอก แถมแก๊งพยัคฆ์ทมิฬและไป๋เฉิงกรุ๊ปเองก็มีชื่อเสียงที่ไม่ดีสักเท่าไหร่คำพูดนี้ แทบจะไม่เห็นตระกูลไป๋อยู่ในสายตาเลยแม้แต่น้อย นั่นเป็นถึงหนึ่งในตระกูลที่ทรงพลังที่สุดในเมืองตะวันออกเชียวนะ ในใจของสองสาวจึงรู้สึกไม่ค่อยอยากจะเชื่อสักเท่าไหร่พวกเธอมองหน้ากัน ต่างคนต่างก็คิดว่าที่พี่เย่จงใจพูดแบบนี้ก็เพื่อทำให้พวกเธอสบายใจก็เท่านั้น“เอาล่ะ ไม่ต้องสนใจพวกเขาแล้ว ควรกินก็กิน ควรดื่มก็ดื่มเถอะ” ที
สีหน้าหลี่ซินเยว่และหลิวซือซือเต็มไปด้วยความรู้สึกทำอะไรไม่ถูก เมื่อกี้ตอนที่พวกเธอนึกถึงความน่ากลัวของตระกูลไป๋ อันที่จริง พวกเธอก็คิดที่จะเตือนเย่เทียนหยู่ไม่ให้ทำร้ายตงซู่อยู่เหมือนกัยแต่เมื่อลองนึกดูอีกที ในสถานการณ์แบบนี้ ด้วยนิสัยของตงซู่ ต่อให้จะหยุดเอาไว้ได้ก็ไม่มีความหมายอยู่ดีเมื่อเรื่องมาถึงขั้นนี้ พวกเธอก็ไม่มีทางให้ถอยกลับอีกต่อไปแล้วเป็นอย่างที่คิด เห็นเพียงตงซู่ที่กำลังร้องโอดครวญด้วยความเจ็บปวด ขณะเดียวกันเขาก็หันไปจ้องเย่เทียนหยู่ด้วยความเกลียดชัง แต่เขาก็รู้ดีว่าตอนนี้ไม่สามารถพูดอะไรได้ ยิ่งไม่ควรทำอะไรบุ่มบ่ามด้วยเช่นกันอย่างไรก็ตาม รอจนกว่าตนจะออกไปจากที่นี่ได้เสียก่อน จากนั้นก็จะต้องรายงานเรื่องนี้ให้ไช่เตา คุณชายเตาได้ทราบ พอถึงตอนนั้น ตนจะต้องทำให้ไอ้เด็กนี่อยู่ไม่สู้ตายให้ได้ผู้คนที่อยู่รอบ ๆ ต่างก็เงียบกริบ ไม่มีใครกล้าส่งเสียงใด ๆ ออกมาเลยแม้แต่น้อย เพราะกลัวว่าจะเผลอทำให้ตัวเองเข้าไปเอี่ยวด้วยใครจะไปคิดล่ะว่า ชายหนุ่มที่ดูสุภาพไม่มีพิษมีภัยข้าง ๆ สาวสวยสองคนนี้จะลงมือได้โหดเหี้ยมมากขนาดนั้น แต่ถึงอย่างไร อีกฝ่ายก็สมควรโดนแล้วแค่เห็นก็รู้เลยว่าไ
เมื่อได้ยินคำสั่ง ลูกน้องทั้งสองคนของเขาก็รีบตั้งท่าเตรียมพร้อมขึ้นทันที ก่อนจะเดินตรงไปหาเย่เทียนหยู่ด้วยท่าทางดุดัน งานที่ต้องจัดการกับคนแบบนี้ มันได้กลายเป็นการเสพติดของพวกเขาไปแล้ว อย่างน้อยพวกเขาก็ชอบความรู้สึกแบบนี้เย่เทียนหยู่ส่ายหัว ก่อนจะลุกขึ้นยืน หากไม่ใช่เพราะกลัวว่าจะทำให้คนอื่นตกใจ ป่านนี้เขาคงจะโบกมือซัดเจ้าพวกนั้นให้กระเด็นไปนานแล้วจากนั้นก็เอาชีวิตของพวกมันมา ณ เดียวนั้นเลย!เมื่อเห็นว่าเย่เทียนหยู่ยังกล้าลุกขึ้นมาพูดท้าทายตนอยู่ ทั้งสองจึงรู้สึกว่าศักดิ์ศรีของพวกเขากำลังถูกดูหมิ่น นั่นจึงทำให้พวกเขารู้สึกโกรธอย่างมาก ก่อนที่ต่อมาทั้งสองจะเหวี่ยงหมัดออกไปพร้อมกันในทันทีผั๊วะ ผั๊วะ!เกิดเสียงผั๊วะดังขึ้นสองครั้งติด ท่ามกลางสายตาที่เต็มไปด้วยความรู้สึกตกตะลึงของผู้คน เย่เทียนหยู่ใช้ฝ่ามือฟาดพวกเขาจนกระเด็นออกไปก่อนที่ร่างของพวกเขาจะร่วงลงกระแทกพื้นอย่างแรง ร่างกายราวกับกำลังแหลกสลาย รู้สึกเจ็บปวดจนแทบทนไม่ไหวสีหน้าตงซู่ดูตกใจอย่างมาก คิดไม่ถึงว่าเจ้าเด็กนี่จะรู้วิชากังฟูด้วย เขาจึงพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาออกไปว่า “ไม่แปลกใจเลยที่แกกล้าทำตัวหยิ่งยโสแบบนี้ ที่แท้แ
หลี่ซินเยว่และหลิวซือซือที่กำลังด่ากันอย่างเมามัน กลับคิดไม่ถึงเลยว่าจู่ ๆ เสียงของตงซู่จะดังขึ้นมาข้างหู นั่นจึงทำให้พวกเธอรู้สึกตกใจจนต้องหันมองไปตามเสียงในทันทีเป็นตงซู่จริง ๆ ด้วย!นอกจากนี้ ด้านหลังของเขายังมีเหล่าชายฉกรรจ์ที่ดูดุร้ายอยู่อีกด้วย แค่มองก็รู้เลยว่าไม่ใช่คนดีอะไรสีหน้าของพวกเธอซีดเผือดในทันที!ต้องเข้าใจก่อนว่า พวกเธอเตรียมตัววางแผนจะหนีในวันนี้กัน แต่ตอนนี้ตงซู่กลับมาปรากฏตัวอยู่ที่นี่ เป้าหมายของเขาไม่ต้องพูดก็รู้ หรือต่อให้จะเป็นการพบกันโดยบังเอิญ แต่หากได้ยินสิ่งที่พวกเธอเพิ่งจะพูดออกมาเมื่อสักครู่นี้ เกรงว่าคงไม่มีทางปล่อยพวกเธอไปง่าย ๆ แน่เมื่อตงซู่เห็นสีหน้าตกใจของทั้งสอง เขาจึงพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาออกมาว่า “ด่าสิ ทำไมไม่ด่าต่อแล้วล่ะ นี่พวกเธอคิดว่าฉันไม่รู้อะไรเลยใช่ไหม?”หลี่ซินเยว่ตัวสั่นเล็กน้อย ก่อนจะรีบลุกขึ้น และพูดออกไปว่า “รุ่นพี่เองเหรอคะ พอดีเมื่อกี้ฉันดื่มมากไปน่ะค่ะ เลยไม่รู้ว่าเผลอพูดอะไรไม่ดีออกไปบ้าง อย่าโกรธกันเลยนะคะ”“หลี่ซินเยว่ จริงอยู่ที่ฉันชอบเธอมาก แต่ฉันก็ไม่โง่ขนาดนั้น เธอคิดว่าฉันไม่รู้เหรอ ว่าพวกเธอเตรียมตัวที่จะหนีในคืนน
หลิวซือซือไม่อยากให้เย่เทียนหยู่รู้เกี่ยวกับปัญหาใหญ่ที่ตนต้องเจอยังไงซะ ตระกูลไป๋ก็เป็นถึงหนึ่งในสี่ตระกูลใหญ่แห่งเมืองตะวันออก จะล่วงเกินตระกูลไป๋เพียงเพราะเรื่องเล็กน้อยของตนไม่ได้“ไม่มีจริง ๆ น่ะเหรอ?”เย่เทียนหยู่สังเกตเห็นว่าเธอมีท่าทีแปลก ๆ เขาจึงพูดขึ้นว่า “หลี่ซิน พวกเธออยู่ด้วยกัน ไหนเธอพูดมาซิ”“ไม่มีอะไรจริง ๆ ค่ะ พี่เย่ ไหนเมื่อกี้พี่บอกว่ามีเรื่องอยากจะถามไงคะ เรื่องอะไรเหรอ?”จู่ ๆ หลี่ซินเยว่ก็รีบเปลี่ยนหัวข้อสนทนาทันทีโดยไม่ทันตั้งตัวเย่เทียนหยู่จึงเข้าใจได้ในทันที ว่าทั้งสองจะต้องมีเรื่องปิดบังตนอยู่แน่นอน แต่ในเมื่อไม่ยอมพูด เขาเองก็ไม่อยากถามให้มากความ แต่ต้องบอกเลยว่า หลี่ซินเยว่คนนี้ค่อนข้างมีทักษะในการเข้าสังคมมากกว่าหลิวซือซือเสียอีกบวกกับที่เธอเคยทำงานเป็นผู้จัดการระดับกลางของหลินซื่อกรุ๊ปมาก่อน ตอนนั้นเธอเองก็ทำได้ไม่เลวเลยทีเดียวไม่แน่ว่าอาจจะพิจารณาให้เธอขึ้นมารับตำแหน่งผู้บริหารเลยก็ได้ หรือถ้าเธอไม่ไหวจริง ๆ ก็ให้รับตำแหน่งผู้จัดการทั่วไปก็ฟังดูไม่แย่เหมือนกัน แล้วตนก็รับบทบาทท่านประธานไปก็พอ ยังไงซะ บริษัทจะทำกำไรได้หรือไม่ได้ก็ไม่สำคัญอยู่
ไม่นานก็ถึงเวลาเลิกงาน พวกหลี่ซินเยว่ก็พากันเดินทางออกจากบริษัท พวกเธอรู้สึกกังวลอยู่ตลอด เธอกลัวว่าตงซู่จะเล่นตุกติกเพื่อรั้งไม่ให้พวกเธอไปแต่ก็กลับคิดไม่ถึงว่าจะราบรื่นมากขนาดนี้ในตอนนั้นเอง ทั้งคู่ก็ได้รับสายจากเย่เทียนหยู่ หลังจากที่วางสาย หลี่ซินเยว่ก็ถามขึ้นว่า “ซือซือ พวกเราจะกลับไปเก็บของแล้วหนีไปเลย หรือพวกเราจะไปพบกับพี่เย่กันก่อนดี?”หลิวซือซือรู้สึกลังเล หากเป็นคนอื่นเชิญก็คงไม่เป็นไร แต่การที่จะได้ทานข้าวกับพี่เย่สักครั้ง สำหรับเธอนับว่าเป็นโอกาสที่หาได้ยากมากเธอจึงลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดขึ้นว่า “ไม่งั้นเราก็ไปตามนัดกันก่อนดีไหม ถึงยังไงคืนนี้เราก็สามารถไปได้ทุกเมื่ออยู่แล้ว”“ได้ เอาตามที่เธอว่าเลย”“แต่ว่านะ เรื่องของพวกเรา อย่าได้บอกกับพี่เย่เด็ดขาด”“เข้าใจแล้ว ถึงยังไงที่นี่ก็เป็นเมืองหลวง พี่เย่เองก็ไม่ได้เก่งไปเสียทุกอย่าง พวกเราจะสร้างปัญหาให้เขาไม่ได้” หลี่ซินเยว่เองก็เห็นด้วยอย่างมากทั้งสองตัดสินใจกันอย่างแน่วแน่ ไม่นานพวกเธอก็มองเห็นรถของเย่เทียนหยู่เย่เทียนหยู่เองก็สังเกตเห็นการมาถึงของพวกเธอ ทั้งคู่สวมเสื้อเชิ้ตสีขาว สวมกระโปรงรัดรูปทรงเอ เผ
เขาถึงขั้นกล้าลงมือกับคุณท่านเย่ ที่เป็นถึงพ่อแท้ ๆ ของตัวเอง!อย่าไรก็ตาม ปัจจุบันตระกูลเย่นับว่ากำลังตกอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่แน่นอน และอาจจะล้มได้ทุกเมื่อในเมื่อเป็นแบบนี้ เช่นนั้นก็รออีกสักสองสามวันก็แล้วกัน รอจนกว่าพวกงู แมลง มด หนูโผล่หัวออกมาให้หมดเสียก่อน พอถึงตอนนั้นก็ค่อยจัดการรวดเดียว แล้วค่อยมอบความสดใสให้กับตระกูลเย่อีกครั้งนอกจากนี้ ก็เพื่อที่จะรอดูว่าท่านอาจารย์จะมีการเคลื่อนไหวอะไรรึเปล่า มาถึงตอนนี้ อันที่จริงในใจเขาก็เริ่มรู้สึกสงสัยขึ้นมาบ้างแล้วเช่นกันหลังจากว่าง ๆ ไม่มีอะไรทำ เย่เทียนหยู่ก็นึกถึงหม่าต้านขึ้นมาได้ เมื่อพิจารณาจากเหตุการณ์ที่เพิ่งจะผ่านไป ก็ดูเหมือนว่าหม่าต้านคนนี้จะไม่ใช่คนดีอะไร เขาจึงได้สั่งการให้คนไปตรวจสอบคนผู้นี้ดูสักหน่อยจริงด้วย หลี่ซินเยว่กับหลิวซือซือเองก็ทำงานที่ไป๋เฉิงกรุ๊ปไม่ใช่รึไง เช่นนั้นก็เชิญพวกเธอมาก็ได้นี่ จะได้ให้พวกเธอช่วยอธิบายสถานการณ์ในไปเฉิงกรุ๊ปให้ฟังด้วยเมื่อนึกถึงเรื่องนี้ เย่เทียนหยู่ก็หยิบโทรศัพท์ออกมา ก่อนจะกดโทรออกหาหลี่ซินเยว่ทันที เดิมทีตั้งใจจะโทรหาหลิวซือซือ แต่เมื่อนึกถึงความรู้สึกของหลิวซือซือที่มีต่อตน
ในใจโจวฉิงรู้สึกสั่นสะท้านอย่างบอกไม่ถูก ตั้งแต่ต้นจนจบหม่าต้านก็เผยความรู้สึกหวาดกลัวออกมาไม่หยุด นั่นจึงทำให้เธอรู้สึกตกใจไปชั่วขณะการแสดงออกของหม่าต้านหลังจากนั้น ราวกับคนใกล้ตายที่กำลังร้องขอชีวิตไม่หยุดไม่มีผิด ซึ่งมันก็แสดงให้เห็นถึงความกลัวของเขาที่มีต่อคุณเย่ได้เป็นอย่างดีคนคนหนึ่ง เหตุใดถึงทำให้คนอีกคนกลัวได้มากขนาดนี้ แต่นั่นก็ทำให้เธอได้เห็นถึงสถานะและจุดยืนของเขาได้อย่างชัดเจนหลังจากที่โจวฉิงได้สติ ในใจก็กลับรู้สึกเหมือนมีม้ากำลังวิ่งพล่านไปทั่ว ทำให้เธอรู้สึกสั่นสะเทือนอย่างมากในเวลานี้ เธอก็นึกถึงสิ่งที่เย่เทียนหยู่พูดก่อนหน้านั้นขึ้นมาได้ แต่ตอนนั้นเธอก็กลับไม่เชื่อเลยด้วยซ้ำว่าเขาจะสามารถแก้ไขปัญหาได้ด้วยการกดโทรออกเพียงครั้งเดียวเท่าที่เห็นแทบไม่จำเป็นต้องโทรเลยด้วยซ้ำ อารมณ์เหมือนแค่เขาไอออกมาก็สามารถทำให้หม่าต้านวิ่งมาคุกเข่าเพื่อร้องขอชีวิตได้เลยอย่าว่าแต่เธอเลย ขนาดหลินหว่านหรูเองก็ชะงักไปด้วยเช่นกัน แม้เธอจะรู้ดีว่าเย่เทียนหยู่เก่งกาจมาก แต่ก็คิดไม่ถึงเลยว่าเย่เทียนหยู่จะเก่งกาจได้มากถึงเพียงนี้ต้องเข้าใจก่อนว่า โจวฉินเองก็เพิ่งจะพูดไป ว่าตระกูลไป๋เป