ผ่านพ้นพิธีรีตองหลังจากที่พระสงฆ์เจริญพระพุทธมนต์ รดน้ำสังข์ ลากสายสิญจน์มาวางบนศีรษะบ่าวสาวผูกคล้องกันไว้ให้เป็นสิริมงคล คุณหลวงจันแทบนับถอยหลังเวลาเข้าเรือนหอ ด้วยงานวุ่นวายมากมายก็น่าปวดหัวสำหรับเขา ทางฝั่งเจ้าสาวเองก็เป็นครึ่งเจ๊ก ไม่ถือเรื่องขั้นตอนว่าจะต้องถูกต้องครบถ้วนทุกประการ ทว่าจนกระทั่งมาถึงเวลาส่งตัวเจ้าสาว ทุกคนยังต้องตามใจแม่เฒ่าอย่างคุณนายศรีสมร
ดิถีเรียงหมอนต้องให้บ่าวสาวนอนเป็นพิธี แม่เฒ่าว่าฝ่ายชายนอนให้นอนฝั่งขวา นำหินบดยา ฟักเขียว แมวตัวผู้สีขาว เงินทองกองบนนั้นให้บ่าวสาวลงไปนอนทับถือเป็นลางดี การจัดเตรียมห้องให้มีเตียงนอน หมอน มุ้ง หมอนข้าง ฯลฯ ละเอียดยิบย่อย
“คืนนี้ไม่มีกินเลี้ยงก็ดี พรุ่งนี้แต่เช้ามืด เตี่ยกับม้านิมนตร์คุณพระมาอีกรอบหนึ่ง ลูกทั้งสองใส่บาตรเช้าด้วยกัน บ่าวสาวจับทัพพีร่วมกัน เกิดชาติหน้าฉันใด จะได้กลับมาเป็นคู่กันอีกนะลูก”
“ค่ะม้า... เตี่ย...”
“เตี่ยไปแล้วนะ”
“ลูกลาจ้ะ” หญิงสาวยกมือไหว้บิดามารดา ภายใต้รอยยิ้มแสนเสแสร้ง เบื้องลึกของจิตใจหล่อนเต็มไปด้วยความเศร้าหมอง
ในขณะที่คุณหลวงจันคลางแคลงใจไม่น้อย ด้วยแลเห็นว่าบิดามารดาของฝ่ายหญิงหน้าตามีความสุข ผิดปรกติวิสัยที่ควรเศร้าโศกอาลัยบ้างเมื่อลูกสาวต้องจากบ้านจากเรือน
ไร้หยาดน้ำตาจากทั้งสามคนพ่อแม่ลูก แววตาคู่สวยยังฉาบประกายเย็นชา
“ดิฉันต้องกราบเท้าผัวก่อนนอนด้วยไหมเล่าคะ? คุณหลวงประสงค์สิ่งใด บอกเมียอย่างฉันได้ ฉันจะพยายามปฏิบัติให้ครบถ้วน”
“พูดอะไรอย่างนั้น ฉันไม่ได้ต้องการความเคารพนับถือประหนึ่งผู้อาวุโส ฉันแลเห็นประโยชน์อย่างอื่นจากตัวหล่อน”
“ประโยชน์อันใดคะ?”
“อย่าร่ำไร หล่อนรู้... ไม่ใช่เด็กอมมือนะแม่แก้ว เป็นผัวเมียกันหมาด ๆ”
ทั้งใบหน้าเปื้อนยิ้มและแววตาปรารถนาบอกชัดเจนแจ่มแจ้งตั้งแต่พบหน้ากันคราแรกตราบจนกระทั่งวินาทีนี้ ถึงหญิงสาวจะดื้อรั้นเสียหน่อยคงฉลาดพอรู้สถานการณ์ ดวงตาคู่สวยสั่นไหวกลอกมองไปรอบ ๆ สถานที่ไม่คุ้นเคย
บ้านคุณหลวงจันผู้นี้ใหญ่โตโอ่อ่า แม้ไม่ใช่เรือนหอปลูกใหม่ แต่เป็นบ้านเดิมของท่านผู้ไม่คิดลงทุนกระไร หล่อนคิดว่าเขาคงมองเห็นผู้หญิงเป็นสิ่งของสวยงาม อยากได้ไว้ครอบครองเพื่อประดับบารมีหรืออย่างไร ถึงได้หุนหันพลันแล่นแม้กระทั่งเรื่องแต่งงาน พบหน้าเพียงครั้งก็ยกขันหมากมาสู่ขอในอาทิตย์ถัดมา
แก้วตาไม่รู้ตัวว่าชายร่างกำยำขยับเข้ามาใกล้ รดลมหายใจบนแก้มแผ่วเบา
“ถอดเสื้อให้ฉันหน่อย ร้อนหน้ะ”
เจ้าสาวคนสวยตกใจสะดุ้งโหยง สบตาคมกริบราวมีดที่พร้อมจะเฉือนเนื้อให้ขาดวิ่น
“เร็วเข้าซี ไหนลองปฏิบัติหน้าที่เมียน่ะ แค่ถอดเสื้อเท่านี้”
“ค่ะคุณหลวง”
ธรรมดาหล่อนไม่เคยอยู่สองต่อสองกับผู้ชายมาก่อน จึงแสดงกิริยาเคอะเขินไร้ความชำนาญ มือสั่นเทาเลื่อนไปปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตฝรั่ง ที่คลุมทับด้วยสูทผ้าไหมซึ่งเขาถอดมันออกวางบนที่นอน
บนเตียงนอนไม้สักปูด้วยที่นอนสีขาวนุ่มนำเข้ามาจากเมืองฝรั่งใหม่ ๆ มุ้งใหญ่คลุมบนเสาทั้งสี่ข้าง คุณหลวงหนุ่มพลอยลอบถอนหายใจ ตาคมจรดมองร่างเล็กสั่นกลัว แต่ยังนั่งรอจนมือนุ่มนิ่มน่าทะนุถนอมจัดการงานเสร็จค่อยว่า
“ดูทำเข้า ราวว่าฉันเป็นยักษ์มาร ฉันยังไม่ได้ทำกระไรหล่อนสักอย่างเดียว ฉันไม่ใช่ผู้ชายวิปริตผิดมนุษ-มนา ถึงฉันจะไม่ใช่มนุษ...”
“หมายความอย่างไรคะ? ฉันไม่เข้าใจ”
เจ้าสาวคนงามขมวดคิ้วเรียวสวย ในสีหน้าอึดอัดหนักใจ สงสัย
“อยู่ไป ประเดี๋ยวหล่อนก็จะรู้เอง แหละเรื่องผัว ๆ เมีย ๆ หากว่าหล่อนไม่สมัครใจ ฉันคงไม่ข่มขืนบังคับ ถอดเสื้อให้ฉันเรียบร้อยดีแล้ว ไปเปลี่ยนผ้าผ่อนมานอนเถอะแม่แก้ว...”
ปลายเสียงอ่อนโยนลง ด้วยความรู้สึกแสนสงสารแม่สาวน้อยไร้เดียงสา หากพอหล่อนหน้าตาตื่นตะลึงมองเรือนกายบุรุษใต้เสื้อที่พัดปลิวตามแรงลม เหมือนเพิ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรก พลันหลุบหน้าแดงก่ำลงมองหน้าตักตัวเอง คุณหลวงคงนึกตลกขบขันอยู่ในใจ
-------------------------------
แก้วตาไม่สามารถข่มตานอนหลังผ่านพ้นงานมงคลสมรส หล่อนพลิกตัวไปมาในความมืดสลัวจากแสงจันทร์ทอดทอผ่านหน้าต่างเปิดอ้ากว้าง ข้างกายชายร่างกำยำผู้ได้ขึ้นชื่อว่าสามีหมาด ๆ บนเตียงนุ่มกว่าฟูกนอนที่บ้าน มีพัดลมให้ลมเย็น ๆ ส่ายไปมา
แปลกที่อุปกรณ์ไฟฟ้ายังไม่เป็นที่นิยมมากนัก จะมีตามสถานที่ราชการ บ้านคุณหญิงคุณนายและวัง ชนชั้นนำผู้ทำให้มันกลายเป็นของใช้ฟุ่มเฟือย เช่นบ้านคุณหลวงจันเองก็มี ไฟดวงสวยอร่ามประหลาดตา เฟอร์นิเจอร์ต่าง ๆ นำเข้าจากเมืองนอกเสียทั้งนั้น บ้านท่านสะดวกสบายกว่าบ้านคนจีนที่ปลูกติดกับโรงฝิ่นของบิดาหล่อน หรือแม้แต่บ้านซอมซ่อหลังเก่า สำนักร่างทรงของมารดา ตอนนี้ผันตัวมาเป็นคุณนายหลังแต่งงานกับเจ๊กอี้
หล่อนเปรียบเสมือนแก้วตาดวงตาดวงใจของบิดาชาวจีน ผู้พะเน้าพะนอเอาใจหล่อนมาเป็นอย่างดีกว่ามารดาแท้ ๆ เสียอีก จึงตัดสินใจยกบุตรสาวให้คู่ครองที่ดีที่สุดในสายตาของเตี่ย
แต่แก้วตาไม่ได้อยากมีเหย้ามีเรือน ยังอยากเที่ยวเตร็ดเตร่ทำงานของตนเอง แลที่นี่อย่างไรเสียก็ไม่ใช่บ้าน หล่อนคิดถึงเตี่ย...
ด้วยความคิดเท่านั้น หยาดน้ำตาพาลไหลลงอาบแก้ม ร่างบางในชุดนอนแพรไหมจีนขยับไปหลบตรงมุมเตียง แอบส่งเสียงกระซิกลำพัง
“รำคาญหู...” ปากว่าแต่กายขยับไปคว้าเอวคอดบางมากอด แม้หล่อนไม่ยอมหันมาให้ผัวได้ปลอบเสียหน่อย ยังส่งเสียงสะอึกสะอื้นจนหัวไหล่สั่น
“นอนเสียเถอะแม่แก้ว อีกเดี๋ยวเดียวก็เช้าแล้ว”
ห้ามคนไม่ให้ร้องไห้คงเหมือนห้ามฟ้าห้ามฝน แต่เพราะเขาพอเข้าใจว่าแม่แก้วตาเป็นแค่หญิงสาวอายุยี่สิบปี ถูกบังคับจิตใจให้จากบ้านมาอยู่กับคุณหลวงแปลกหน้าคงเหงาเป็นธรรมดา แต่คุณหลวงจันไม่รู้ว่าควรทำอย่างไร
“ขืนไม่หยุดร้อง ฉันจะทำหน้าที่ผัว บริการหล่อนให้ร้องดังลั่นบ้านทีเดียว หลับตานอนเสียนะแม่แก้ว”
หญิงสาวปิดตาลงในทันที ทว่าหยาดน้ำตายังไหลหล่นลงบนแก้มร้อนผ่าวอย่างห้ามไม่ได้ นั่นทำให้สามียิ่งหงุดหงิดเสียอารมณ์ จึงพลิกกายขึ้นเท้าฝ่ามือทั้งสองล้อมใบหน้าหวานงาม เพ่งมองคนใต้ร่างด้วยดวงตาคมกล้า
“หน้าตาฉันเหมือนโจรป่าผู้ร้ายหรืออย่างไร ตอบฉันมาซิแม่”
“ไม่... ค่ะ”
“ฉันว่าบรรดาสาว ๆ ออกจะ ‘ฤศยา’ หล่อน ได้ตบแต่งกับคุณหลวงปอปูลาร์เท่าฉัน ขนาดหล่อนเป็นไทยเพียงครึ่ง ฉันไม่เคยดูถูกดูแคลนเจ๊กอย่างผู้อื่นเขากระทำ”
“ฉันเพียงแต่คิดถึงบ้าน ขอรับประทานโทษเถิดค่ะคุณหลวงท่าน”
ก็เป็นธรรมดาของเด็กวัยซน คุณพ่อหย่อนก้นนั่งลง ลูบศีรษะน้อยของคนลูกอย่างเอ็นดู“ไปได้ครับ แต่อย่าซนมากนะ ไปแล้วรีบกลับมาถ้ำก่อนเราจะขึ้นไปด้วยกันอีกพรุ่งนี้เช้าครับ“หนูไม่ซนครับพ่อ”“เด็กผู้ชายเขาเรียกตัวเองว่าผมครับลูก ภาษาไทยนะ ไม่เหมือนภาษาอื่น ไอก็ไอคำเดียว ไว้พ่อจะสอนลูกอีกเยอะ ๆ อีกหลายภาษาเลยนะ” คุณพ่อผ่านอะไรมามากกว่า ลูกน้อยพยักหน้าเชื่อฟังคุณพ่อ ปากยิ้มไม่หุบ“ครับพ่อ ผมไม่ซนครับพ่อ”“เอ้า... พ่อมีธุระต้องคุยกับแม่เขาหน่อย เรื่องวันหยุดยาวของบ้านเรา เรื่องเข้าโรงเรียนของหนูด้วย”ข้อหลังแค่คิดก็สะพรึง! กัญญาวีร์ทำหน้าตกใจพอลูกชายเข้าไปกอดอ้อนพ่ออย่างดีใจ เพราะจะได้มีเพื่อนในอนาคตคุณแม่คงไม่เห็นด้วยนัก เธออยู่แต่ในต่างจังหวัดมาหลายปี ลงแต่ถ้ำ เลี้ยงแต่ลูก เธอและครอบครัวค่อนข้างเก็บตัว ไม่ไปสนิทสนมกับใครมากนัก เหมือนที่นายจันและบ่าวทำมาก่อนนายคล้าวมีอายุยืนยาวมากกว่าเดิม แก่ช้าลงแต่ก็ไม่รู้ว่าจะลาจากโลกไปในอนาคตหรือไม่“เราจะเข้ากรุงเทพกันหรือคะ? จะให้ลูกไปโรงเรียนจริงหรือคะ...”“ไปครับ ผมยังไปเรียนได้เลย ผมจบโทมาไม่รู้กี่ใบทำไมลูกจะไปเรียนไม่ได้ล่ะ” นายจันผุดยิ้มกว้างหวานให้
“ตอนนี้ฉันยังไม่อยากจะทำอะไรทั้งนั้น” ตัดบทเสียดื้อ ๆ คุณหลวงจันแสนเหนื่อยหน่ายกับชีวิต ไม่อยากสู้รบตบมือกับใครไม่อยากตามหาเมียหรืออะไรทั้งนั้น จึงรีบเก็บของ สนทนากับบ่าวไปเกี่ยวกับเรื่องราวหลังจากที่เขาออกมาจากเมืองพิจิตรแล้วเร่ร่อนไปด้วยกันกับจระเข้รุ่นปู่ รุ่นบิดาของนายคล้าวสองนายบ่าวช่วยกันคนละไม้ละมือก็จัดบ้านโบราณก็สะอาดเอี่ยมเรียบร้อย แม้ใช้เวลาอยู่หลายชั่วโมง ขณะนายคล้าวฉุกใจนึกขึ้นได้ว่าตนเพิ่งอายุสิบกว่าขวบแต่พอก้มหน้าลงมองมือทั้งสองแล้วดูไม่น่าจะใช่ เขาไม่ใช่เด็กสิบขวบหรือเป็นจระเข้บ่าวที่เพิ่งเกิดมาเช่นตอนนั้น เหมือนกับว่าจะลืมเลือนอะไรไปอย่าว่าแต่จะให้นึกเลย... มาอยู่บ้านหลังนี้ได้ยังไงก็ยังไม่รู้คุณหลวงจันได้คำตอบนั้นอีกไม่นาน เมื่อเดินขึ้นไปบนชั้นสองหน้าตู้กระจกสีขาว ข้างกันกับตู้เสื้อผ้าในห้องนอนกว้างขวาง มีกระดาษเขียนด้วยลายมืออ่านได้อย่างชัดเจนว่าเป็นชื่อ... แก้วตา...“ดิฉันแก้วตา... ขอยกทรัพย์สมบัติทั้งหมดและบ้านหลังนี้ให้คุณหลวงจัน หลังจากที่ดิฉันเสียชีวิตแล้วขอให้ท่านอาศัยอยู่กับคุณพระประสิทธิ์ พะยาน... นายมิ่ง ท่านขุนประไพ...”“ใครหรือครับท่าน...”“มาถามฉันจะไ
เฮือกสุดท้ายของหญิงสาวที่จับขาของเขา นายมิ่งปิดตาลงกัดกรามกรอด ๆ ปากไม่เลิกร่ายคาถา นั่งคุกเข่าลงข้าง ๆ กลุ่มควันสีดำที่ลอยวนอยู่เหนือหม้อติดยันต์ เหลือบตามองเรือนร่างงามใต้ลมหายใจรวยริน พลันหันไปบอกกับผู้ใหญ่อย่างแน่วแน่“อย่างไรก็ฆ่าไม่ตายพ่อปู่ คงจะทำได้เพียงสะกด หลานว่าเราไม่ควรสร้างกรรมต่อพวกเขาให้แก้แค้นกันไปไม่จบสิ้นเลย ขอให้จบกันที่ภพชาตินี้เถิด” “ข้าแค่มาช่วยเหลือ ให้แล้วแต่เอ็งตัดสินใจละกัน ข้าก็หน่ายจะสู้กับอ้ายตาละวันเต็มทน”พ่อเฒ่าผู้เก่งฉกาจในวิชาอาคมจึงยอมตาม ช่วยออกแรงปิดหม้อดินเผาติดยันต์ที่โชกชุ่มด้วยเลือด ก่อนที่ร่างหนากำยำสีนิลสนิทจะหายไปกับตาราวถูกสูบลงหม้อนั้นไปคุณหลวงจันถึงโกรธแค้นสักเท่าไร เจ็บปวดชิงชังกับการถูกหักหลังจากคนที่ไว้ใจที่สุด ทั้งเมียรักและบ่าวที่เลี้ยงดูมาด้วยหยาดเหงื่อ ตรากตรำทำงานกับมนุษย์ ยอมเป็นเบี้ยล่างเพื่อแลกกับเงินและอำนาจบนโลกนี้ซึ่งไม่จำเป็นสำหรับเขาเลย แต่เขากลับยอมจำนนมาต่อหลายปีเขาเพิ่งจะสูญเสียทุกสิ่งเพราะทำร้ายมนุษย์อย่างโหดเหี้ยม ชีวิตเหล่านั้นที่ถูกพรากชิงไปเป็นเวรกรรมที่เขาต้องชดใช้ วิญญาณทั้งหลายยังปรากฏเป็นเงาเลือนรา
เจ้าของบ้านคงไม่ได้เอะใจจนวางแก้วลงแล้วกะพริบตาถี่ ๆ เสียงเนือย ๆ ว่า “แปลกจริง... ชาหอมของเตี่ยหล่อน ดื่มแล้วฉันรู้สึกง่วงพิกล”“ง่วงก็นอนเสียนะคะคุณหลวงของแก้ว...”ประโยคสุดท้ายที่ได้ยิน เช่นเดียวกับรอยยิ้มกว้างหวานของหญิงสาว ชายร่างสูงใหญ่ในเชิ้ตฝรั่งล้มฟุบลงบนโต๊ะข้างจานข้าว โดยมีอีกสองคนถอนหายใจอย่างโล่งอกคุณพระประสิทธิ์ยอมทำตามแผนการของหญิงสาวเพราะไม่อยากให้เจ้านายก่อกรรมไปมากกว่านี้ ตัวเขานั้นเห็นด้วยทุกอย่างถึงเสียใจอยู่ไม่น้อย ซึ่งทุกอย่างเป็นไปตามแผนการ หล่อนใส่ยานอนหลับลงทั้งในอาหารและในแก้วชา เผื่ออย่างใดอย่างหนึ่งไม่ได้ทานเข้าไปก็จะต้องหยิบสักอย่าง“ดูแลคุณหลวงจันด้วยนะคะ คุณคล้าว คุณพระประสิทธิ์ ไม่ว่าคนไหนชื่อใด ท่านเป็นทั้งบ่าว เป็นทั้งมิตรสหายที่คุณหลวงไว้วางใจเป็นที่สุด ฝากผัวฉันด้วย”“รีบไปเถอะขอรับ ยานอนหลับคงจะทำให้ท่านหลับได้ไม่นาน จิตท่านเวลานี้เพิ่งหลุดไปยืนอยู่หน้าบ้าน เหลียวซ้ายแลขวามองหาเมียอยู่นั่น”ต่างคนลุกขึ้นช่วยกันกับคุณพระแบกชายร่างกำยำไป ขณะที่คุณหลวงจันตัวใหญ่ที่สุดในบ้านแล้วจึงค่อนข้างทุลักทุเล กว่าจะมาถึงห้องนอน มีหม้อดินเผาของอ้ายมิ่งวางอยู่บนเต
“ใช่ ฉันต้องการจะรู้วิธีเดียวกับที่หมอจระเข้เคยปราบวิญญาณร้ายตนนี้ พ่อเฒ่าแกต้องเล่าให้ฟังแน่”“เอ๊ะ... ฉันก็จำไม่ได้เหมือนกัน” พูดพลางเบือนหน้าหนีไปอีกทาง แม่อ่วมบ่นปาว ๆ ว่าเขาน่ะหวงวิชาแต่แก้วตาล้วงหยิบถุงกำมะหยี่สีแดงออกมา“เอ้า... ฉันเทหมดหน้าตักให้แกหลายบาททีเดียว รับรองว่าแกสบายไปทั้งชาติ ฉันเพิ่งไปถอนธนาคารมา พรุ่งนี้ฉันก็จะไปแล้ว... นี่แน่ะอ้ายหมอมิ่ง แกบอกฉันหน่อยเถอะนะ นะ...”หลังส่งเงินในถุงใส่เงินให้ทั้งใบ นายมิ่งทำตาโต มือคว้าถุงสีแดงมาเปิดออกเห็นเงินเป็นฟ่อนก็ก้มหน้านับ ก่อนจะร่ายอาคมตั้งจิตอธิษฐานไม่ให้วิญญาณตนไหนเข้ามาในอาณาเขตของเขาได้ระหว่างคุยธุระสำคัญ ซึ่งแก้วตาตัดสินใจเล่าทั้งหมดให้ฟังเป็นหนทางเดียวแล้วหล่อนจึงยอมบอกนายมิ่งไปทั้งหมด ทว่าดูท่าทางไม่ใช่เรื่องง่าย คิ้วเข้มหนาขมวดมุ่นมองเงินในมืออย่างไม่แน่ใจว่าควรคืนเจ้าตัวดีหรือไม่ จนเงยขึ้นสบมองใบหน้าสวยหวาน“พญาชาละวันเวลานี้ หากเป็นจริงอย่างที่แกว่ามีอายุห้าร้อยกว่าปี ฉันมีความเห็นว่าฆ่าไม่ตาย แหละหมอปราบจระเข้ต่อให้เก่งฉกาจสักเท่าไร คงไม่สู้ไปตายฟรี ปราบไม่ได้ดอกกระมัง...”“มันต้องมีสักวิธีซี มิฉะนั้นพ่อเฒ่าแก
“เช่นนั้นหล่อนควรลงไปอยู่ถ้ำบาดาลกับฉัน รอจนกว่าบ้านเมืองจะสงบ ผู้คนรุ่นนี้ตายไปเสีย”“ฉันคงคิดถึงเตี่ย คิดถึงเพื่อน ๆ ฉันมาก ฉันไม่อยากไปไหนจากบ้านนี้เลยค่ะ”“มีทางเลือกเสียเมื่อไร ยังไงหล่อนต้องตกลงว่าจะไปกับฉัน” ปลายเสียงเด็ดขาดทำให้คนในอ้อมแขนเงยขึ้นมองเขาด้วยแววตาตัดพ้อ“ท่านพูดเช่นนี้... หมายว่าจะบังคับฉันหรือคะ?”“ก็ไม่เชิงว่าบังคับ แต่ฉันเบื่อหน่ายโลกมนุษย์เต็มทน ฉันจะลงไปเลี้ยงดูลูกในถ้ำบาดาล พาหล่อนกับลูกไปเที่ยวในเมืองที่มีแต่น้ำ ธรรมชาติสวยงาม ฉันเกรงว่าบนบกนี้ไม่สะดวกสบายด้วย อาจจะเกิดสงคราม ผู้คนล้มตาย ลำบากยากแค้นเอามาก ๆ เกินหล่อนจะจินตนาการ อีกไม่นานดอกแม่แก้ว”แก้วตานึกตามคุณหลวงจันพูดอย่างไรก็นึกไม่ออก หล่อนไม่เข้าใจอยู่ดี ยังดื้อดึงพอ ๆ กับเขา“และถ้าฉันไม่ไปเล่าคะ คุณหลวงจะทำอย่างไรกับดิฉัน”“วันพรุ่งนี้สักย่ำค่ำ ท่านเยื้องจะเข้ามาพร้อมบุตรสาว มาคุยกับฉัน ฉันให้เวลาหล่อนคิดถึงตอนนั้น คำตอบของฉันมีเพียงคำตอบเดียว”“บุตรสาวท่านเยื้องเกี่ยวข้องอะไรกับเรื่องนี้?”“ฉันจะรับเมียเพิ่ม...”“คุณหลวง... สาบานว่าจะมีเมียเดียว!” ตะคอกดัง แก้วตาผลักตัวออกจากอ้อมแขนแข็งแรง ลุกพ