เสียงแผ่วเบาสั่นเครือร้องขอทั้งหยาดน้ำตา ใบหน้าหล่อเหลาจึงเคลื่อนเข้าไปใกล้เรือนผมนุ่มหอม พรมจูบตรงขมับเนียน ตรงใดที่หยดน้ำรสชาติเค็มปะแล่มเคยไหลผ่าน เขากลืนกินมันทุกหยาดหยดไม่มีเหลือจนแก้วนวลเนียนเกลี้ยงเกลา
แก้วตาไม่เคยสัมผัสประสบการณ์เรื่องหนุ่มสาว แลด้วยความอ่อนโยนทะนุถนอมถึงเพียงนั้น คุณหลวงรูปงามคงไม่ทำให้หล่อนรังเกียจ เป็นตรงกันข้ามเสียอีก จิตใจดื้อรั้นโอนอ่อนตามการรุกราน แม้กระทั่งว่าเรียวปากหนาหยักได้รูปลากไล้จุมพิตไปตามใบหน้า กลับมาเฝ้าพะเน้าพะนอเอาใจริมฝีปากคู่งาม ที่เผยอออกตามการหลอกล่อของคนชำนาญงานกว่า ราวว่าเขาจะทำให้หล่อนลืมเรื่องขุ่นข้องหมองใจไปได้ชั่วขณะหนึ่ง
คุณหลวงจันยังเผลอส่งเสียงคำรามในลำคอ ปากประกบปิดหล่อนอย่างนั้น ด้วยความพึงพอใจในรสจูบไร้เดียงสา สมกับที่รีบร้อนยกขันหมากไปขอเป็นเมีย! เนิ่นนานกว่าที่เขาจะผละริมฝีปากออก มองหล่อนด้วยแววตาเปี่ยมประกายปรารถนา
“ฉันจะนอนแล้วค่ะ คุณหลวง...”
“ใครอนุญาตให้หล่อนนอน หล่อนเป็นคนปลุกฉัน” เอ่ยอย่างเอาแต่ใจ ก่อนที่เขาจะจับมือเล็กขึ้นกดกุมบนที่นอนข้างหมอนฟูนุ่ม พลันจู่โจมเรียวปากอิ่มงามด้วยจูบหวาน แต่ครานี้กลับสอดแทรกปลายลิ้นเข้าไปในโพรงปากงาม กระหวัดเกี่ยวลิ้นน้อยออกมาพร้อมน้ำลายหวานหนืด กลืนกินมันทุกหยด และคอยสอนว่าอะไรคือสิ่งที่เรียกว่าจูบ
ความเศร้าหมองภายในจิตใจของแก้วตาจึงแปรเปลี่ยนไปเป็นสับสน อบอุ่นรุ่มร้อน เมื่อถูกคุณหลวงแปลกหน้ารุกรานถึงเพียงนั้น
-------------------------------
คำเก่าเขียนแบบเก่า = คำปัจจุบัน
ฤศยา = ริษยา
มนุษ = มนุษย์
ปอปูลาร์ = ป็อปปูลาร์
-------------------------------
เฒ่าแก่ทาบทาม[1] ถึงสองคราวมาเจรจาสู่ขอบุตรสาวบ้านนี้ หนักใจอยู่เหลือประมาณ คุณพระประสิทธิ์มาขอความช่วยเหลือจากท่านเพราะรู้จักกันมานานหลายปีจากโรงเรียนนายเรือ ตั้งแต่คุณหลวงเพิ่งย้ายมาประจำการใหม่ ๆ หากไม่ใช่เจ้าคุณขนอม คุณหลวงจันไม่สนิทใจให้ผู้ใดมาเป็นผู้ใหญ่ และถึงแม้ว่าญาติทางฝั่งเจ้าบ่าวเดิมที่รู้จักท่านเช่นกันอาจเสียหน้าอยู่ไม่น้อย ท่านก็ยอมเป็นธุระไปพูดจาให้ฝ่ายหญิงรับคำสู่ขอในทันที
เมื่องานมงคลสิ้นสุดลงด้วยดี ท่านเจ้าคุณขนอมในชุดราชปะแตนเต็มยศเดินทางมาแต่เช้ามืด เพื่อแสดงความยินดีกับเจ้าของเรือน ก่อนขออนุญาตลงไปในครัวเพื่อพบปะบิดามารดาของทางฝั่งเจ้าสาวที่หน้าตาระรื่นมีความสุข เว้นแต่ตัวผู้ออกเรือนเองกลับมีสีหน้าปั้นยิ้ม
“ขอบคุณท่านเจ้าคุณขอรับ อุตส่าห์มาเป็นธุรจัดการให้บ้านกระผม ซาบซึ้งในพระคุณท่านยิ่งนัก”
“ไม่เป็นไร ๆ เอาเถิด ขอให้ครองคู่กันนาน ๆ ถือไม่เท้ายอดทองกระบองยอดเพชร คุณหลวงจันท่านเป็นผู้ดี ไม่เล่นเบี้ยกินเหล้าเมาฝิ่นกัญชา ท่านเอาการเอางาน ไม่ค่อยจะเที่ยวเตร็ดเตร่ในยามวิกาลอีก นับเป็นบุญของหล่อนแล้วแม่แก้ว ฉันมาแสดงความยินดีอีกครั้ง”
เป็นบุญล้นพ้น! แก้วตาถูกมารดาต่อว่าเรื่องนี้มาหลายวัน หล่อนน่ะต่ำเตี้ยเรี่ยดิน แม้เป็นลูกสาวเศรษฐีโรงฝิ่นแต่การข้องเกี่ยวฝิ่นกัญชา ต่อให้ไม่ได้สูบ ก็ยังไม่ใช่เรื่องดี ไหนจะชื่อเสีย ๆ ของอดีตเจ้าแม่ตำหนักร่างทรง แถมซวยซ้ำซวยซ้อน มีผู้ดีมาสู่ขอก็ชิงตายเสียก่อนงานมงคล หล่อนจึงถูกตราหน้าเป็น ‘หม้ายขันหมาก’ ที่ขายไม่ออกไปตลอดชีวิตเป็นแน่แท้
“เรื่องบ่าวคนก่อนนั้นฉันเสียใจด้วย ฉันไม่แน่ใจว่าเป็นกระไรถึงเสีย?”
“ท่านขุนป่วย...” ไม่ขาดคำดีก็ถูกแทรก คุณนายศรีสมรส่งสายตาไม่ให้บุตรสาวพูด ยกมือประนมไหว้เสียยกใหญ่
“ดิฉันต้องขอบพระคุณท่านเจ้าคุณ ไม่รู้จะตอบแทนอย่างไรดี ขืนไม่ได้รับน้ำใจจากท่านเจ้าคุณ ชาตินี้ทั้งชาติบุตรสาวดิฉันคงไม่ได้ออกเรือนดอกกระมัง”
“ลูกก็มิได้อยากมีผัวเสียหน่อย อาม้าอาเตี่ยคลุมถุงชนลูก แต่อย่างไรก็ขอบพระคุณเจ้าค่ะคุณท่าน”
แก้วตายกมือประนมไหว้งามทว่ากิริยาเหล่านั้นไม่เข้าตามารดา ต่อมโทสะนางศรีสมรจึงทำงานประหนึ่งถูกราดด้วยไฟร้อน ปากบอกขอตัวสักครู่เถิด มือกระชากใบหูขาว ๆ เดินลากตามกันออกจากห้องครัวไป
“โอ๊ย ๆ อาม้า ๆ ปล่อย ๆ อั๊วเจ็บนะ” บุตรสาวร้องเจ็บแสบบิดตัวไปมาตามมือพิฆาต บริเวณทางเล็กแคบติดรั้วสีขาวหลังบ้าน ชุดกี่เพ้าสีแดงของหล่อนยับเยินแม้แต่ทรงผมที่ถูกจิกทึ้ง
“หน็อยแน่! นางนี่ ไม่สำเหนียกเจียมตนเลยนะมึง! อีลูกเนรคุณ บุญท่วมหัวเท่าใดมีผู้มาสู่ขอมึงประเสริฐเท่านี้ พูดจาก้ำเกินท่านเจ้าคุณได้อย่างไร อีเกือก อีร่าน มึงอยากได้ผัวเป็นหมอผีอย่างอ้ายมิ่งมันรึอยากเป็นผีตายโหงอยู่หลังป่าช้า ถึงได้ไปสำนักหมอผีเช้าเย็นน่ะ อย่าคิดว่ากูไม่รู้!”
“ปล่อยลูกอั๊วนะ อีสมร!”
“กูต้องสั่งสอนลูกกู อ้ายเจ๊กอี้! มึงเป็นผัวที่จะต้องอยู่ในโอวาทเมียอย่างกู ถอยไป!”
ไม่วายโดนมารดาตีก้นหยิกหูจนเขียวไปหมด ทว่าหล่อนยังยอมยืนนิ่งให้มารดาสั่งสอน โดยมีบิดายืนน้ำตาคลออ้อนขอเมียอย่าตีบุตรสาว แต่เจ๊กอี้ยังเกรงใจเชื่อฟังเมียหากถูกเมียตวาดว่าเข้า สุดท้ายก็โดนดึงหูทั้งพ่อลูก กว่าคุณนายจะปล่อย
“อย่าได้อ้าปากสวนกูนะมึง จะโดนดี แหละห้าม! เปิดเผยสันดานต่ำช้าในบ้านนี้เป็นเด็ดขาด หากคุณหลวงระอาใจกับมึงเมื่อใด มีปัญหากับกูแน่”
“จ้ะ ม้า... ฉันไม่กล้า” ตอบเสียงอ่อน ใบหน้าสดสวยสลดเศร้ายืนซุกกอดบิดา แก้วตาถึงจะดื้อด้านไร้กาลเทศะในบางครั้งอย่างไร กลับประหวั่นพรั่นกลัวเจ้าแม่ศรีสมรเป็นที่สุด แต่ที่หล่อนกลายเป็นคนอย่างนี้จะให้โทษใคร
“โอ๋ ๆ ลูกแก้ว... ไม่เจ็บร้อนนะลูกนะ อาม้าอีหยิกหูเท่านี้ ประเดี๋ยวเตี่ยจะให้บ่าวไปเอาหยูกยามาให้”
“เตี่ย... ทำไมอาม้าใจร้าย”
อ้อมแขนของบิดาเป็นที่พักพิงเพียงหนึ่งเดียว พอมารดากระแทกเท้าออกไปขอโทขอโพยท่านเจ้าคุณที่เสียมารยาท โดยมีคนคอยปลอบ จัดแจงทรงผมอาหมวยให้เข้าที่เข้าทางก็ว่า
“สองสามวันมานี้อีไม่ได้ดมกลิ่นกัญชายาฝิ่นกระมัง มัวแต่ยุ่งกับงานตบแต่งลูก นั่งนับเงินอัฐเงินเฟื้อง ทองอีกตั้งเท่าไร”
“เอาอีกละ เตี่ย ลืมได้ยังไง กลับบ้านไปรอบนี้เอาให้ดมเยอะ ๆ โดยเฉพาะกัญชา เอาให้หัวร่อจนหัวทิ่มเทียว”
บิดาหัวเราะเจื่อน มัวแต่กอดปลอบบุตรสาวนอกไส้ ที่รักดั่งแก้วตาดวงใจ โดยไม่รู้ตัวว่าคุณนายชะโงกหน้ามาอีกรอบ แต่พอเหลือบไปเห็นเข้าพอดีก็กอดบุตรสาวแน่นโดนว่า
“เออดี... ตามใจลูกจนได้ดีไหมล่ะ!”
----------------
[1] เฒ่าแก่ทาบทาม เป็นผู้หลักผู้ใหญ่จากทางฝ่ายชายตั้งขึ้นเป็นผู้แทนไปสู่ขอฝ่ายหญิง อาจเป็นผู้ใหญ่ที่มีคนเคารพนับถือมากไปช่วยเจรจา
ก็เป็นธรรมดาของเด็กวัยซน คุณพ่อหย่อนก้นนั่งลง ลูบศีรษะน้อยของคนลูกอย่างเอ็นดู“ไปได้ครับ แต่อย่าซนมากนะ ไปแล้วรีบกลับมาถ้ำก่อนเราจะขึ้นไปด้วยกันอีกพรุ่งนี้เช้าครับ“หนูไม่ซนครับพ่อ”“เด็กผู้ชายเขาเรียกตัวเองว่าผมครับลูก ภาษาไทยนะ ไม่เหมือนภาษาอื่น ไอก็ไอคำเดียว ไว้พ่อจะสอนลูกอีกเยอะ ๆ อีกหลายภาษาเลยนะ” คุณพ่อผ่านอะไรมามากกว่า ลูกน้อยพยักหน้าเชื่อฟังคุณพ่อ ปากยิ้มไม่หุบ“ครับพ่อ ผมไม่ซนครับพ่อ”“เอ้า... พ่อมีธุระต้องคุยกับแม่เขาหน่อย เรื่องวันหยุดยาวของบ้านเรา เรื่องเข้าโรงเรียนของหนูด้วย”ข้อหลังแค่คิดก็สะพรึง! กัญญาวีร์ทำหน้าตกใจพอลูกชายเข้าไปกอดอ้อนพ่ออย่างดีใจ เพราะจะได้มีเพื่อนในอนาคตคุณแม่คงไม่เห็นด้วยนัก เธออยู่แต่ในต่างจังหวัดมาหลายปี ลงแต่ถ้ำ เลี้ยงแต่ลูก เธอและครอบครัวค่อนข้างเก็บตัว ไม่ไปสนิทสนมกับใครมากนัก เหมือนที่นายจันและบ่าวทำมาก่อนนายคล้าวมีอายุยืนยาวมากกว่าเดิม แก่ช้าลงแต่ก็ไม่รู้ว่าจะลาจากโลกไปในอนาคตหรือไม่“เราจะเข้ากรุงเทพกันหรือคะ? จะให้ลูกไปโรงเรียนจริงหรือคะ...”“ไปครับ ผมยังไปเรียนได้เลย ผมจบโทมาไม่รู้กี่ใบทำไมลูกจะไปเรียนไม่ได้ล่ะ” นายจันผุดยิ้มกว้างหวานให้
“ตอนนี้ฉันยังไม่อยากจะทำอะไรทั้งนั้น” ตัดบทเสียดื้อ ๆ คุณหลวงจันแสนเหนื่อยหน่ายกับชีวิต ไม่อยากสู้รบตบมือกับใครไม่อยากตามหาเมียหรืออะไรทั้งนั้น จึงรีบเก็บของ สนทนากับบ่าวไปเกี่ยวกับเรื่องราวหลังจากที่เขาออกมาจากเมืองพิจิตรแล้วเร่ร่อนไปด้วยกันกับจระเข้รุ่นปู่ รุ่นบิดาของนายคล้าวสองนายบ่าวช่วยกันคนละไม้ละมือก็จัดบ้านโบราณก็สะอาดเอี่ยมเรียบร้อย แม้ใช้เวลาอยู่หลายชั่วโมง ขณะนายคล้าวฉุกใจนึกขึ้นได้ว่าตนเพิ่งอายุสิบกว่าขวบแต่พอก้มหน้าลงมองมือทั้งสองแล้วดูไม่น่าจะใช่ เขาไม่ใช่เด็กสิบขวบหรือเป็นจระเข้บ่าวที่เพิ่งเกิดมาเช่นตอนนั้น เหมือนกับว่าจะลืมเลือนอะไรไปอย่าว่าแต่จะให้นึกเลย... มาอยู่บ้านหลังนี้ได้ยังไงก็ยังไม่รู้คุณหลวงจันได้คำตอบนั้นอีกไม่นาน เมื่อเดินขึ้นไปบนชั้นสองหน้าตู้กระจกสีขาว ข้างกันกับตู้เสื้อผ้าในห้องนอนกว้างขวาง มีกระดาษเขียนด้วยลายมืออ่านได้อย่างชัดเจนว่าเป็นชื่อ... แก้วตา...“ดิฉันแก้วตา... ขอยกทรัพย์สมบัติทั้งหมดและบ้านหลังนี้ให้คุณหลวงจัน หลังจากที่ดิฉันเสียชีวิตแล้วขอให้ท่านอาศัยอยู่กับคุณพระประสิทธิ์ พะยาน... นายมิ่ง ท่านขุนประไพ...”“ใครหรือครับท่าน...”“มาถามฉันจะไ
เฮือกสุดท้ายของหญิงสาวที่จับขาของเขา นายมิ่งปิดตาลงกัดกรามกรอด ๆ ปากไม่เลิกร่ายคาถา นั่งคุกเข่าลงข้าง ๆ กลุ่มควันสีดำที่ลอยวนอยู่เหนือหม้อติดยันต์ เหลือบตามองเรือนร่างงามใต้ลมหายใจรวยริน พลันหันไปบอกกับผู้ใหญ่อย่างแน่วแน่“อย่างไรก็ฆ่าไม่ตายพ่อปู่ คงจะทำได้เพียงสะกด หลานว่าเราไม่ควรสร้างกรรมต่อพวกเขาให้แก้แค้นกันไปไม่จบสิ้นเลย ขอให้จบกันที่ภพชาตินี้เถิด” “ข้าแค่มาช่วยเหลือ ให้แล้วแต่เอ็งตัดสินใจละกัน ข้าก็หน่ายจะสู้กับอ้ายตาละวันเต็มทน”พ่อเฒ่าผู้เก่งฉกาจในวิชาอาคมจึงยอมตาม ช่วยออกแรงปิดหม้อดินเผาติดยันต์ที่โชกชุ่มด้วยเลือด ก่อนที่ร่างหนากำยำสีนิลสนิทจะหายไปกับตาราวถูกสูบลงหม้อนั้นไปคุณหลวงจันถึงโกรธแค้นสักเท่าไร เจ็บปวดชิงชังกับการถูกหักหลังจากคนที่ไว้ใจที่สุด ทั้งเมียรักและบ่าวที่เลี้ยงดูมาด้วยหยาดเหงื่อ ตรากตรำทำงานกับมนุษย์ ยอมเป็นเบี้ยล่างเพื่อแลกกับเงินและอำนาจบนโลกนี้ซึ่งไม่จำเป็นสำหรับเขาเลย แต่เขากลับยอมจำนนมาต่อหลายปีเขาเพิ่งจะสูญเสียทุกสิ่งเพราะทำร้ายมนุษย์อย่างโหดเหี้ยม ชีวิตเหล่านั้นที่ถูกพรากชิงไปเป็นเวรกรรมที่เขาต้องชดใช้ วิญญาณทั้งหลายยังปรากฏเป็นเงาเลือนรา
เจ้าของบ้านคงไม่ได้เอะใจจนวางแก้วลงแล้วกะพริบตาถี่ ๆ เสียงเนือย ๆ ว่า “แปลกจริง... ชาหอมของเตี่ยหล่อน ดื่มแล้วฉันรู้สึกง่วงพิกล”“ง่วงก็นอนเสียนะคะคุณหลวงของแก้ว...”ประโยคสุดท้ายที่ได้ยิน เช่นเดียวกับรอยยิ้มกว้างหวานของหญิงสาว ชายร่างสูงใหญ่ในเชิ้ตฝรั่งล้มฟุบลงบนโต๊ะข้างจานข้าว โดยมีอีกสองคนถอนหายใจอย่างโล่งอกคุณพระประสิทธิ์ยอมทำตามแผนการของหญิงสาวเพราะไม่อยากให้เจ้านายก่อกรรมไปมากกว่านี้ ตัวเขานั้นเห็นด้วยทุกอย่างถึงเสียใจอยู่ไม่น้อย ซึ่งทุกอย่างเป็นไปตามแผนการ หล่อนใส่ยานอนหลับลงทั้งในอาหารและในแก้วชา เผื่ออย่างใดอย่างหนึ่งไม่ได้ทานเข้าไปก็จะต้องหยิบสักอย่าง“ดูแลคุณหลวงจันด้วยนะคะ คุณคล้าว คุณพระประสิทธิ์ ไม่ว่าคนไหนชื่อใด ท่านเป็นทั้งบ่าว เป็นทั้งมิตรสหายที่คุณหลวงไว้วางใจเป็นที่สุด ฝากผัวฉันด้วย”“รีบไปเถอะขอรับ ยานอนหลับคงจะทำให้ท่านหลับได้ไม่นาน จิตท่านเวลานี้เพิ่งหลุดไปยืนอยู่หน้าบ้าน เหลียวซ้ายแลขวามองหาเมียอยู่นั่น”ต่างคนลุกขึ้นช่วยกันกับคุณพระแบกชายร่างกำยำไป ขณะที่คุณหลวงจันตัวใหญ่ที่สุดในบ้านแล้วจึงค่อนข้างทุลักทุเล กว่าจะมาถึงห้องนอน มีหม้อดินเผาของอ้ายมิ่งวางอยู่บนเต
“ใช่ ฉันต้องการจะรู้วิธีเดียวกับที่หมอจระเข้เคยปราบวิญญาณร้ายตนนี้ พ่อเฒ่าแกต้องเล่าให้ฟังแน่”“เอ๊ะ... ฉันก็จำไม่ได้เหมือนกัน” พูดพลางเบือนหน้าหนีไปอีกทาง แม่อ่วมบ่นปาว ๆ ว่าเขาน่ะหวงวิชาแต่แก้วตาล้วงหยิบถุงกำมะหยี่สีแดงออกมา“เอ้า... ฉันเทหมดหน้าตักให้แกหลายบาททีเดียว รับรองว่าแกสบายไปทั้งชาติ ฉันเพิ่งไปถอนธนาคารมา พรุ่งนี้ฉันก็จะไปแล้ว... นี่แน่ะอ้ายหมอมิ่ง แกบอกฉันหน่อยเถอะนะ นะ...”หลังส่งเงินในถุงใส่เงินให้ทั้งใบ นายมิ่งทำตาโต มือคว้าถุงสีแดงมาเปิดออกเห็นเงินเป็นฟ่อนก็ก้มหน้านับ ก่อนจะร่ายอาคมตั้งจิตอธิษฐานไม่ให้วิญญาณตนไหนเข้ามาในอาณาเขตของเขาได้ระหว่างคุยธุระสำคัญ ซึ่งแก้วตาตัดสินใจเล่าทั้งหมดให้ฟังเป็นหนทางเดียวแล้วหล่อนจึงยอมบอกนายมิ่งไปทั้งหมด ทว่าดูท่าทางไม่ใช่เรื่องง่าย คิ้วเข้มหนาขมวดมุ่นมองเงินในมืออย่างไม่แน่ใจว่าควรคืนเจ้าตัวดีหรือไม่ จนเงยขึ้นสบมองใบหน้าสวยหวาน“พญาชาละวันเวลานี้ หากเป็นจริงอย่างที่แกว่ามีอายุห้าร้อยกว่าปี ฉันมีความเห็นว่าฆ่าไม่ตาย แหละหมอปราบจระเข้ต่อให้เก่งฉกาจสักเท่าไร คงไม่สู้ไปตายฟรี ปราบไม่ได้ดอกกระมัง...”“มันต้องมีสักวิธีซี มิฉะนั้นพ่อเฒ่าแก
“เช่นนั้นหล่อนควรลงไปอยู่ถ้ำบาดาลกับฉัน รอจนกว่าบ้านเมืองจะสงบ ผู้คนรุ่นนี้ตายไปเสีย”“ฉันคงคิดถึงเตี่ย คิดถึงเพื่อน ๆ ฉันมาก ฉันไม่อยากไปไหนจากบ้านนี้เลยค่ะ”“มีทางเลือกเสียเมื่อไร ยังไงหล่อนต้องตกลงว่าจะไปกับฉัน” ปลายเสียงเด็ดขาดทำให้คนในอ้อมแขนเงยขึ้นมองเขาด้วยแววตาตัดพ้อ“ท่านพูดเช่นนี้... หมายว่าจะบังคับฉันหรือคะ?”“ก็ไม่เชิงว่าบังคับ แต่ฉันเบื่อหน่ายโลกมนุษย์เต็มทน ฉันจะลงไปเลี้ยงดูลูกในถ้ำบาดาล พาหล่อนกับลูกไปเที่ยวในเมืองที่มีแต่น้ำ ธรรมชาติสวยงาม ฉันเกรงว่าบนบกนี้ไม่สะดวกสบายด้วย อาจจะเกิดสงคราม ผู้คนล้มตาย ลำบากยากแค้นเอามาก ๆ เกินหล่อนจะจินตนาการ อีกไม่นานดอกแม่แก้ว”แก้วตานึกตามคุณหลวงจันพูดอย่างไรก็นึกไม่ออก หล่อนไม่เข้าใจอยู่ดี ยังดื้อดึงพอ ๆ กับเขา“และถ้าฉันไม่ไปเล่าคะ คุณหลวงจะทำอย่างไรกับดิฉัน”“วันพรุ่งนี้สักย่ำค่ำ ท่านเยื้องจะเข้ามาพร้อมบุตรสาว มาคุยกับฉัน ฉันให้เวลาหล่อนคิดถึงตอนนั้น คำตอบของฉันมีเพียงคำตอบเดียว”“บุตรสาวท่านเยื้องเกี่ยวข้องอะไรกับเรื่องนี้?”“ฉันจะรับเมียเพิ่ม...”“คุณหลวง... สาบานว่าจะมีเมียเดียว!” ตะคอกดัง แก้วตาผลักตัวออกจากอ้อมแขนแข็งแรง ลุกพ