หลังจากที่หมอคินสารภาพความรู้สึกที่มีต่อน้ำตาล ความสัมพันธ์ของทั้งสองก็ดำเนินไปอย่างสวยงาม หมอคินมักจะหาเวลามาเจอน้ำตาลเสมอ ไม่ว่าจะเป็นช่วงพักกลางวัน หรือหลังเลิกงาน เขาอยากใช้ทุกวินาทีอยู่กับเธอ เรียนรู้และทำความเข้าใจในโลกของเธอให้มากขึ้น
น้ำตาลเองก็มีความสุขมาก เธอรู้สึกเหมือนฝันไป การมีชายหนุ่มที่เพียบพร้อมอย่างหมอคินมามอบความรักให้ ทำให้เธอรู้สึกเหมือนเป็นผู้หญิงที่โชคดีที่สุดในโลก เธอเปิดใจและมอบความรักตอบกลับเขาอย่างเต็มที่ ในเย็นวันหนึ่ง หมอคินตัดสินใจพาน้ำตาลไปทานอาหารที่ร้านอาหารบรรยากาศดีริมแม่น้ำ แสงจันทร์ส่องกระทบผิวน้ำเป็นประกายระยิบระยับ สร้างบรรยากาศที่แสนโรแมนติก ทั้งสองพูดคุยกันถึงเรื่องราวในวัยเด็ก ความฝัน และความหวังในอนาคต “น้ำตาลครับ” หมอคินเอ่ยขึ้นหลังจากที่อาหารมาเสิร์ฟ “ผมอยากให้คุณรู้ว่า ความรู้สึกที่ผมมีให้คุณมันไม่ใช่แค่ความชอบธรรมดา” น้ำตาลมองหน้าเขาด้วยความสงสัยและหัวใจที่เต้นระรัว “ผมรักคุณนะครับ รักหมดหัวใจ” หมอคินกล่าวด้วยน้ำเสียงที่จริงจังและหนักแน่น น้ำตาคลอเบ้าของน้ำตาลด้วยความตื้นตัน เธอไม่เคยคิดว่าจะได้ยินคำนี้จากปากของเขา “ดิฉันก็รักคุณค่ะคุณหมอ รักมาก ๆ” น้ำตาลตอบเสียงสั่น หมอคินยิ้มกว้างด้วยความดีใจ เขายื่นมือไปจับมือของน้ำตาลไว้แน่น “ผมรู้ว่าเรามาจากคนละโลกกัน แต่ผมเชื่อว่าความรักของเราจะสามารถก้าวข้ามทุกอย่างไปได้” หมอคินกล่าวด้วยความมั่นใจ น้ำตาลพยักหน้า เธอเชื่อมั่นในความรักของหมอคินเช่นกัน แต่ความสุขของทั้งสองก็ไม่ได้ไร้อุปสรรค เพราะเรื่องราวความสัมพันธ์ของหมอคินกับลูกแม่ค้าขายขนมในตลาด เริ่มแพร่กระจายไปถึงหูของพ่อแม่ของเขา หม่อมราชวงศ์เทวินทร์และคุณหญิงอรุณี เมื่อทราบเรื่องก็รู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมาก ท่านทั้งสองคาดหวังให้หมอคินลงเอยกับพิม ซึ่งมีฐานะทางสังคมที่เหมาะสมกัน อีกทั้งยังเป็นเพื่อนที่เติบโตมาด้วยกัน ในเย็นวันหนึ่ง หลังจากที่หมอคินกลับจากไปทานอาหารกับน้ำตาล พ่อของเขาก็เรียกเขาไปคุยเป็นการส่วนตัวในห้องทำงาน “คิน” หม่อมราชวงศ์เทวินทร์เอ่ยด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง “พ่อได้ยินเรื่องความสัมพันธ์ของลูกกับเด็กผู้หญิงที่ขายขนมในตลาด” หมอคินรู้ทันทีว่าพ่อกำลังจะพูดถึงเรื่องอะไร เขาสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนจะตอบ “ครับพ่อ น้ำตาลเป็นคนดีครับ” “คนดีอย่างเดียวมันไม่พอหรอกนะคิน” ผู้เป็นพ่อกล่าวด้วยน้ำเสียงเข้มขึ้น “ลูกเป็นถึงทายาทหม่อมหลวง จะมาคบหากับคนที่ไม่คู่ควรได้อย่างไร?” “แต่ผมรักน้ำตาลครับพ่อ” หมอคินพยายามอธิบาย “ความรักมันกินไม่ได้หรอกนะคิน ลูกต้องมองถึงความเหมาะสม ฐานะทางสังคมของเรา” หม่อมราชวงศ์เทวินทร์กล่าวด้วยความหนักใจ “พ่อครับ ผมไม่ได้มองที่ฐานะ ผมมองที่จิตใจและความดีของน้ำตาล” หมอคินยืนยัน “พ่อไม่อยากให้ลูกต้องมาลำบากในภายหลังนะคิน” ผู้เป็นพ่อกล่าวด้วยความเป็นห่วง “เลิกยุ่งกับเด็กคนนั้นเสีย แล้วหันมาคุยกับพิม พ่อว่าเขาสองคนเหมาะสมกันที่สุดแล้ว” คำพูดของผู้เป็นพ่อราวกับเงาแห่งความกังวลที่ทาบทับความสุขของหมอคินและน้ำตาล การยอมรับจากครอบครัวดูเหมือนจะเป็นอุปสรรคที่ใหญ่หลวงเสียเหลือเกินหลายปีสายลมรักพัดผ่าน ร้านขนมหวานของป้าสมรยังคงอบอวลไปด้วยกลิ่นหอมหวานชวนลิ้มลอง น้ำฟ้าในวัยสิบสองปี เติบโตเป็นเด็กหญิงที่เฉลียวฉลาด มีดวงตาที่ทอประกายความอยากรู้อยากเห็น และมีพรสวรรค์ในการทำขนมเหมือนมารดาไม่มีผิดเพี้ยน เธอชอบใช้เวลาว่างเว้นจากการเรียนมาช่วยป้าสมรที่ร้านเสมอวันนี้เป็นวันครบรอบการจากไปของน้ำตาล แม้เวลาจะผ่านไปนาน แต่ความรักและความคิดถึงที่มีต่อเธอก็ยังคงอยู่ในใจของหมอคินและน้ำฟ้าเสมอ หมอคินมักจะเล่าเรื่องราวความรักของเขากับน้ำตาลให้ลูกสาวฟัง เพื่อให้เธอได้รู้จักและภาคภูมิใจในผู้เป็นแม่น้ำฟ้าตั้งใจที่จะทำขนมพิเศษเพื่อรำลึกถึงผู้เป็นแม่ เธอเลือกทำ “บัวลอยเผือก” ขนมหวานที่น้ำตาลเคยทำให้หมอคินทานเป็นครั้งแรก ด้วยความตั้งใจและใส่ใจในทุกรายละเอียดขณะที่น้ำฟ้ากำลังปั้นบัวลอยเม็ดเล็ก ๆ อย่างคล่องแคล่ว ป้าสมรก็มองดูหลานสาวด้วยรอยยิ้มที่เปี่ยมไปด้วยความรักและความคิดถึง“หนูทำได้เหมือนแม่หนูไม่มีผิดเพี้ยนเลยนะน้ำฟ้า” ป้าสมรกล่าวด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนน้ำฟ้าเงยหน้ายิ้มให้คุณยาย “หนูอยากให้คุณพ่อทานแล้วคิดถึงคุณแม่ค่ะ”เมื่อบัวลอยเผือกทำเสร็จ หมอคินที่เพิ่งกลับจากโรงพยาบาลก็ได้ก
หลายปีสุริยคราสเคลื่อนคล้อยผ่านไป แสงแดดยามเช้าสาดส่องลอดผ้าม่านบางเบา ปลุกให้บ้านหลังเล็กของหมอคินและน้ำฟ้าอบอวลไปด้วยไออุ่นแห่งความสุข น้ำฟ้าในวัยเจ็ดขวบปี เติบโตเป็นเด็กหญิงแก้มใส ดวงตากลมโตฉายแววฉลาดซุกซน ถอดแบบความสดใสของน้ำตาลผู้เป็นมารดามาอย่างไม่ผิดเพี้ยนวันนี้เป็นวันหยุดสุดสัปดาห์ที่ทุกคนรอคอย หมอคินในชุดลำลองสบาย ๆ กำลังง่วนอยู่กับการเตรียมอาหารเช้าในครัวเล็ก ๆ กลิ่นหอมของไข่เจียวและไส้กรอกลอยคลุ้งไปทั่วบ้าน ขณะที่น้ำฟ้าในชุดกระโปรงลายดอกไม้ กำลังนั่งวาดรูปอยู่บนโต๊ะอาหาร โดยมีน้ำตาลนั่งอ่านหนังสืออยู่ข้าง ๆ คอยชี้แนะบ้างเป็นครั้งคราว“คุณพ่อขา ทะเลจะสวยเหมือนในรูปวาดของหนูไหมคะ?” น้ำฟ้าเงยหน้าถามด้วยดวงตาเป็นประกายหมอคินเดินมายีผมนุ่มของลูกสาวเบา ๆ “สวยกว่าเยอะเลยลูก ทะเลกว้างใหญ่ มีทรายสีขาว น้ำทะเลสีฟ้าใส ที่สำคัญ... มีเสียงคลื่นที่ไพเราะมาก ๆ ด้วย”น้ำฟ้าตาโตด้วยความตื่นเต้น “จริงเหรอคะ! หนูอยากไปเดี๋ยวนี้เลย!”น้ำตาลหัวเราะเบา ๆ “ใจเย็น ๆ นะคะคนเก่ง ทานอาหารเช้าให้เสร็จก่อน แล้วเราค่อยไปกัน”หลังจากอาหารเช้าแสนสุขสันต์ ทั้งสามคนก็ออกเดินทางไปยังชายทะเลที่อยู่ไม่ไกลจาก
ข่าวที่น้ำตาลกำลังตั้งครรภ์เป็นเหมือนแสงสว่างที่ส่องนำทางหมอคินออกจากความมืดมิดแห่งความเศร้าโศก แม้ความเจ็บปวดจากการสูญเสียน้ำตาลจะยังคงอยู่ในใจ แต่ความหวังถึงชีวิตใหม่ที่กำลังจะเกิดมาก็ทำให้เขามีกำลังใจที่จะก้าวเดินต่อไปหมอคินเริ่มดูแลตัวเองมากขึ้น กลับไปทำงานที่โรงพยาบาล และใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่กับป้าสมร เพื่อดูแลและให้กำลังใจซึ่งกันและกัน พวกเขารอคอยการมาถึงของหลานด้วยความรักและความหวังคุณหญิงอรุณีและหม่อมราชวงศ์เทวินทร์เมื่อทราบข่าว ก็รู้สึกเสียใจกับการจากไปของน้ำตาล แต่ก็ดีใจที่จะได้ต้อนรับสมาชิกใหม่ของครอบครัว ท่านทั้งสองเข้ามาช่วยเหลือดูแลหมอคินและป้าสมรอย่างเต็มที่ ความสัมพันธ์ในครอบครัวกลับมาแน่นแฟ้นอีกครั้งเวลาผ่านไปในที่สุดวันคลอดก็มาถึง หมอคินเฝ้ารออยู่หน้าห้องคลอดด้วยใจที่เต้นระรัว ความรู้สึกตื่นเต้น กังวล และคิดถึงน้ำตาลวนเวียนอยู่ในความคิดหลังจากรอคอยอยู่นาน เสียงร้องของเด็กน้อยก็ดังออกมาจากห้องคลอด หมอคินรู้สึกน้ำตาคลอเบ้าด้วยความยินดี เขาได้เป็นพ่อแล้วพยาบาลอุ้มเด็กน้อยออกมาให้หมอคินได้ชื่นชม เด็กทารกเพศหญิงตัวน้อยน่ารักน่าชัง ดวงตาจิ้มลิ้มคล้ายกับน้ำตาลอย่างน่าประ
หลังจากน้ำตาลจากไป หมอคินจมดิ่งอยู่ในความเศร้าอย่างยาวนาน ห้องนอนที่เคยอบอวลไปด้วยความรักและความสุข บัดนี้กลับกลายเป็นเพียงพื้นที่แห่งความทรงจำอันแสนเจ็บปวด เขาแทบไม่อยากทำอะไร นอกจากนอนมองเพดานและคิดถึงน้ำตาลวันหนึ่ง ป้าสมรได้เข้ามาทำความสะอาดห้องของหมอคิน เธอเก็บกวาดข้าวของต่าง ๆ อย่างเงียบเชียบ พลางน้ำตาซึมไปด้วยความคิดถึงลูกสาวขณะที่กำลังจัดเก็บหนังสือบนโต๊ะข้างเตียง ป้าสมรก็สังเกตเห็นสมุดบันทึกเล่มเล็ก ๆ ที่น้ำตาลเคยใช้จดสูตรขนมหวานวางซ่อนอยู่ใต้กองหนังสือ ป้าสมรหยิบมันขึ้นมาเปิดดู ภายในเต็มไปด้วยลายมือหวัด ๆ ของน้ำตาล ทั้งสูตรขนมหวานใหม่ ๆ ที่เธอคิดค้น และบันทึกเรื่องราวความรักของเธอกับหมอคินป้าสมรรู้สึกสะเทือนใจ เธอตัดสินใจนำสมุดบันทึกเล่มนี้ไปให้หมอคินเมื่อหมอคินได้รับสมุดบันทึกเล่มนั้นจากมือของป้าสมร เขาก็จำได้ทันทีว่าเป็นสมุดเล่มโปรดของน้ำตาล มือของเขาเริ่มสั่นเทาขณะค่อย ๆ เปิดหน้ากระดาษอ่านในนั้นมีทั้งสูตรขนมหวานที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน และถ้อยคำหวานซึ้งที่น้ำตาลเขียนถึงเขา น้ำตาของหมอคินไหลอาบแก้มอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ไม่ใช่แค่ความเศร้า แต่ยังมีความรู้สึกถึงความรักที่น้ำต
ในขณะที่น้ำตาลกำลังมีความสุขกับการเตรียมร้านเบเกอรี่ใหม่ และชีวิตคู่กับหมอคินก็ราบรื่น เหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น วันหนึ่ง ขณะที่น้ำตาลกำลังเดินทางกลับจากตลาดในช่วงเย็น เธอก็ถูกทำร้ายคนร้ายเป็นชายสองคนดักรอเธอในซอยเปลี่ยว พวกเขาพยายามชิงทรัพย์ แต่เมื่อน้ำตาลขัดขืน คนร้ายคนหนึ่งก็ใช้มีดแทงเธอ อาการของน้ำตาลสาหัสมาก เธอถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลอย่างเร่งด่วนเมื่อหมอคินทราบข่าว เขาก็รีบมาที่โรงพยาบาลทันที สีหน้าของเขาซีดเผือดด้วยความตกใจและความกังวล เขาเฝ้ารออยู่หน้าห้องฉุกเฉินด้วยใจที่กระวนกระวายคุณหญิงอรุณีและหม่อมราชวงศ์เทวินทร์ รวมถึงป้าสมร ก็รีบมาที่โรงพยาบาลด้วยความเป็นห่วงเช่นกัน บรรยากาศเต็มไปด้วยความตึงเครียดและความโศกเศร้าหมอคินได้แต่ภาวนาขอให้น้ำตาลปลอดภัย เขาโทษตัวเองที่ไม่สามารถปกป้องเธอได้หลังจากรอคอยด้วยความทรมานอยู่นาน ในที่สุดทีมแพทย์ก็ออกมาจากห้องฉุกเฉิน หมอคินรีบเข้าไปสอบถามอาการของน้ำตาลทันที“อาการของภรรยาผมเป็นยังไงบ้างครับหมอ?” หมอคินถามด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือแพทย์ถอนหายใจ “คนไข้เสียเลือดมากครับ เราพยายามอย่างเต็มที่แล้ว แต่...”คำพูดนั้นราวกับมีดกรีดแทงหัวใจ
ชีวิตหลังแต่งงานของหมอคินและน้ำตาลเริ่มต้นขึ้นอย่างอบอุ่นและมีความสุข พวกเขาใช้เวลาเรียนรู้ซึ่งกันและกันในบทบาทใหม่ของการเป็นสามีภรรยา หมอคินยังคงดูแลน้ำตาลอย่างดี และน้ำตาลก็คอยเอาใจใส่ดูแลสามีของเธอไม่ขาดตกบกพร่องพวกเขาย้ายเข้าไปอยู่ในบ้านหลังเล็ก ๆ ที่หมอคินเคยซื้อไว้ก่อนหน้านี้ ตกแต่งบ้านด้วยกันอย่างเรียบง่ายแต่เต็มไปด้วยความรัก น้ำตาลยังคงขายขนมหวานที่ตลาด และหมอคินก็ยังคงทำงานที่โรงพยาบาล แต่ทั้งคู่ก็พยายามหาเวลาว่างมาใช้ร่วมกันเสมอในช่วงเย็น หลังเลิกงาน หมอคินมักจะแวะมาช่วยน้ำตาลเก็บของที่ตลาด หรือไม่ก็พากันไปทานอาหารเย็นข้างนอกบ้างบางครั้ง ความสุขเล็ก ๆ น้อย ๆ เหล่านี้เติมเต็มชีวิตคู่ของพวกเขาแต่ถึงกระนั้น ความสัมพันธ์ระหว่างหมอคินกับหม่อมราชวงศ์เดชานุภาพก็ยังคงตึงเครียด อาของเขายังคงไม่พอใจกับการตัดสินใจของเขา และไม่ได้ติดต่อมาอีกเลย หมอคินรู้สึกเสียใจ แต่เขาก็ไม่เสียใจกับการเลือกน้ำตาลเป็นคู่ชีวิตคุณหญิงอรุณีและหม่อมราชวงศ์เทวินทร์พยายามที่จะประสานรอยร้าวในครอบครัว แต่ดูเหมือนว่าหม่อมราชวงศ์เดชานุภาพยังคงปิดใจวันหนึ่ง คุณหญิงอรุณีได้ชวนหมอคินและน้ำตาลไปทานอาหารที่บ้าน“
การเผชิญหน้ากับหม่อมราชวงศ์เดชานุภาพสร้างความเจ็บปวดและความผิดหวังให้กับหมอคินอย่างมาก เขากลับมาหาน้ำตาลด้วยสีหน้าที่เศร้าสร้อย น้ำตาลเห็นก็รู้ทันทีว่ามีบางอย่างผิดปกติ“เกิดอะไรขึ้นคะคุณหมอ?” น้ำตาลถามด้วยความเป็นห่วงหมอคินเล่าเรื่องทั้งหมดที่เขาได้คุยกับอาของเขาให้เธอฟัง น้ำตาลฟังอย่างเงียบ ๆ ด้วยความตกใจและความเห็นใจ“ฉันเสียใจด้วยนะคะคุณหมอ” น้ำตาลกล่าวพลางจับมือเขาเบา ๆ“ผมไม่เข้าใจว่าทำไมท่านอาถึงทำแบบนี้” หมอคินกล่าวด้วยความสับสน “ผมรู้สึกเหมือนถูกหักหลัง”“บางทีท่านอาจจะหวังดีในแบบของท่านก็ได้นะคะ” น้ำตาลพยายามมองในแง่ดี“ไม่ น้ำตาล ท่านไม่ได้หวังดี ท่านแค่ต้องการควบคุมชีวิตของผม” หมอคินตอบด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นความจริงที่ว่าคนในครอบครัวของหมอคินเองที่อยู่เบื้องหลังการทำร้ายเธอ ทำให้ความรู้สึกของน้ำตาลสั่นคลอน เธอไม่เคยคิดว่าอุปสรรคที่พวกเขาต้องเผชิญจะมาจากคนที่ใกล้ชิดกับหมอคินขนาดนี้“แล้วคุณหมอจะทำยังไงต่อไปคะ?” น้ำตาลถามด้วยความเป็นห่วงหมอคินถอนหายใจ “ผมต้องคุยกับพ่อกับแม่”เมื่อหมอคินเล่าเรื่องทั้งหมดให้พ่อแม่ฟัง ท่านทั้งสองก็ตกใจและเสียใจไม่แพ้กัน ท่านไม่เคยรู้มาก่อนว
เมื่อหมอคินได้ยินชื่อหม่อมราชวงศ์เดชานุภาพ เขารู้สึกเหมือนโลกทั้งใบหยุดหมุน อาของเขา... ผู้ที่เขาเคารพรักมาตลอด มีส่วนเกี่ยวข้องกับการวางแผนร้ายทำร้ายน้ำตาลอย่างนั้นหรือ? ความรู้สึกตกตะลึง สับสน และเจ็บปวดถาโถมเข้ามาในใจของเขาอย่างรุนแรง“เป็นไปไม่ได้...” หมอคินพึมพำด้วยความไม่เชื่อ“เรามีหลักฐานการติดต่อระหว่างพิมกับท่านอาของคุณ รวมถึงข้อมูลทางการเงินบางอย่างที่น่าสงสัย” เพื่อนตำรวจอธิบายหมอคินรู้สึกเหมือนถูกทรยศ เขานึกถึงความเมตตาและความเอ็นดูที่อาของเขามีให้เขามาตลอด ไม่เคยคิดเลยว่าภายใต้รอยยิ้มนั้นจะซ่อนความมุ่งร้ายไว้เขารีบโทรศัพท์หาน้ำตาลทันที เสียงของเขาฟังดูเครียดจนน้ำตาลรู้สึกเป็นห่วง“คุณหมอ เป็นอะไรไปคะ?” น้ำตาลถามด้วยความเป็นห่วง“น้ำตาล... มีเรื่องที่ผมต้องบอกคุณ” หมอคินกล่าวด้วยน้ำเสียงที่หนักอึ้งเขาเล่าเรื่องที่เพื่อนตำรวจบอกให้เธอฟัง น้ำตาลเองก็ตกใจไม่แพ้กัน เธอไม่เคยคิดว่าจะมีใครจ้องทำร้ายพวกเขาได้ถึงเพียงนี้ และคนที่อยู่เบื้องหลังกลับเป็นคนที่หมอคินเคารพ“ท่านอาของคุณหมอ...” น้ำตาลอุทานด้วยความตกใจ“ผมเองก็ไม่อยากจะเชื่อ” หมอคินกล่าวด้วยความเจ็บปวด “ผมไม่เข้าใจว่า
การจับกุมพิมได้ก่อนที่เธอจะลงมือทำอะไร ถือเป็นความโล่งใจครั้งใหญ่สำหรับหมอคินและน้ำตาล พิมถูกนำตัวไปสอบสวนอย่างละเอียดที่สถานีตำรวจ โดยมีหลักฐานที่หมอคินและตำรวจรวบรวมไว้แน่นหนาระหว่างการสอบสวน พิมยังคงให้การปฏิเสธในตอนแรก แต่เมื่อตำรวจแสดงหลักฐานต่าง ๆ ที่พบในรถของเธอ รวมถึงบันทึกการโทรศัพท์ข่มขู่ เธอก็เริ่มจนมุมและยอมรับในที่สุดว่าเธอเป็นคนทำทุกอย่าง“ฉันแค่อยากให้พวกแกเจ็บปวดเหมือนที่ฉันเจ็บ!” พิมตะโกนด้วยความโกรธแค้นเธอถูกตั้งข้อหาตามกฎหมาย และต้องถูกดำเนินคดีต่อไปเมื่อข่าวการจับกุมพิมแพร่กระจายออกไป หมอคินและน้ำตาลก็ได้รับการแสดงความยินดีและความเห็นใจจากคนรอบข้าง ทุกคนต่างโล่งใจที่ภัยอันตรายถูกกำจัดไป“ขอบคุณนะคิน ที่ปกป้องฉัน” น้ำตาลกล่าวพลางกอดหมอคินด้วยความรู้สึกขอบคุณ“ผมไม่มีวันปล่อยให้ใครมาทำร้ายคุณได้อีก” หมอคินกอดเธอตอบอย่างอบอุ่นบรรยากาศของการเตรียมงานแต่งงานกลับมาสดใสอีกครั้ง ความหวาดระแวงและความกังวลเริ่มจางหายไป ทุกคนต่างตั้งตารอวันสำคัญของทั้งคู่คุณหญิงอรุณีและป้าสมรรู้สึกสบายใจมากขึ้น และช่วยกันเตรียมงานแต่งงานอย่างมีความสุข“ทุกอย่างจะต้องราบรื่นแน่นอนลูก” คุณ