LOGINจะเพียงเพราะอาหารมื้อเดียวได้อย่างไร?ซิงจือเหยียนถูกเลี้ยงดูมาโดยคุณปู่ซิงตั้งแต่เด็ก ถ้าซิงจือเหยียนมีแปดร้อยแผนการกลยุทธ์อยู่ในใจ อย่างนั้นคุณปู่ซิงก็มีแต่จะมากกว่าได้ยินมาว่าเว่ยอวิ่นลู่อาศัยอยู่ในคฤหาสน์ตระกูลซิงมาตั้งแต่ช่วงตั้งครรภ์ ถ้าเธอกลับไปก็ต้องพบเจอกับความเจ็บปวด ด้วยนิสัยของเว่ยอวิ่นลู่ จะต้องสร้างปัญหาให้กับตัวเธออย่างแน่นอนเซิ่นหรูซวงกำหมัดแน่นลิขสิทธิ์เกมเฮยไป๋ทู่มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อเกมใหม่ของเหออวี้เธอไม่อยากหลบหนีอีกต่อไปนี่คือสิ่งที่ไม่ช้าหรือเร็วเธอก็ต้องเผชิญอยู่ดีเซิ่นหรูซวงเผยอริมฝีปาก “เมื่อไหร่คะ?”ซิงจือเหยียนพูด “เธอเลือกเวลาเองได้เลย”ซิงจือเหยียนจ้องมองเธอด้วยดวงตาสีเข้มที่เปี่ยมไปด้วยความลึกล้ำและสงบ เซิ่นหรูซวงถอนหายใจออกเบา ๆ พร้อมอ้าปากพูดว่า“โอเคค่ะ เดี๋ยวฉันจะหาเวลาทีหลัง”ซิงจือเหยียนคลายมือออก เอนหลังพิงเก้าอี้ พูดด้วยน้ำเสียงต่ำเบาลง “โอเค ฉันจะรอ”เซิ่นหรูซวงยิ้มเบา ๆ “ได้ค่ะ งั้นไว้พวกเราเจอกันวันหลังนะคะ”ซิงจือเหยียนยกมือขึ้น ผายมือเป็นเชิงว่าให้เธอออกไปก่อนเซิ่นหรูซวงหยิบโทรศัพท์และกระเป๋าขึ้นมา พยักหน้าให้ซิงจือเหยี
เซิ่นหรูซวงวางโทรศัพท์ลง “ขอโทษค่ะ พอดีมีเรื่องด่วน”ดวงตาเรียวยาวสีดำเข้มของซิงจือเหยียนจ้องเขม็งมองมาที่เธอ “ถ้าเธอมีธุระอื่นที่สำคัญก็ไปจัดการก่อนเถอะ แต่ฉันเองก็มีเวลาไม่มากนัก และไม่รู้ว่าเราจะได้เจอกันอีกเมื่อไหร่”เซิ่นหรูซวงนึกถึงสือเหยาในโทรศัพท์แล้วกระแอมไอเบา ๆ “ขอโทษค่ะ เป็นฉันที่ละเลยประธานซิงแล้ว”เพื่อแสดงถึงการตัดสินใจที่มุ่งมั่นชัดเจน เซิ่นหรูซวงจึงวางโทรศัพท์คว่ำหน้าลงบนโต๊ะและด้วยเหตุนี้ เธอจึงพลาดข้อความที่เจียงเสี่ยวชุนส่งมาให้โดยสิ้นเชิงซิงจือเหยียนส่งเสียงตอบรับในลำคอ “ทานอาหารก่อนเถอะ”เซิ่นหรูซวงหยิบตะเกียบขึ้นมา คีบผักใบเขียวจากจานอาหารที่อยู่ใกล้ ๆ มากินอย่างเงียบเชียบในช่วงเวลานี้ พวกเขาทั้งสองรวมถึงผู้ช่วยของซิงจือเหยียนต่างไม่มีใครพูดขึ้นมา ภายในห้องเงียบสงัด มีเพียงเสียงตะเกียบกระทบกับชาม บรรยากาศเงียบสนิทอย่างน่าขนลุกตลอดหลายปีที่ผ่านมา ความอยากอาหารของเซิ่นหรูซวงไม่ได้เพิ่มขึ้นมากนัก จึงใช้เวลาไม่นานก็วางตะเกียบลง แล้วเช็ดปากด้วยผ้าเช็ดปาก ซิงจือเหยียนก็ทานน้อยเช่นกันและทานเสร็จในเวลาไม่นาน เห็นได้ชัดว่าผู้ช่วยยังทานไม่อิ่ม แต่เมื่อเห็นเจ้าน
ด้วยความสับสนวุ่นวายในอดีตที่มีมากมายจนนับไม่ถ้วนของพวกเขา ไม่ว่าคำตอบของเธอจะตอบว่าใช่หรือไม่ก็ตาม ย่อมนำพาบรรยากาศและหัวข้อบทสนทนาไปในทิศทางที่เซิ่นหรูซวงไม่อยากเผชิญเซิ่นหรูซวงยิ้มบาง “ประธานซิงคะ เรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องที่เราคุยกันวันนี้เลยนะคะ ฉันขอเลือกไม่ตอบได้ไหม?”ซิงจือเหยียนถามต่อ “สำหรับบริษัทที่อาจกลายมาเป็นหุ้นส่วนของบริษัทอวิ๋นเหยียน ผมไม่อยากให้ทางหุ้นส่วนเกิดปัญหาใดขึ้นไม่ว่าจะเป็นปัญหาอะไรก็ตาม แม้แต่เรื่องของความสัมพันธ์ ถ้าเกิดปัญหาขึ้นมา ชื่อเสียงของอวิ๋นเหยียนก็จะได้รับผลกระทบเช่นกัน”“ดังนั้น คุณยังรู้สึกว่าไม่อยากทำอีกหรือ?”มือของเซิ่นหรูซวงกำเข้าหากันแน่นพร้อมหัวเราะเสียงเบา “ประธานซิง ฉันสามารถพูดรับรองกับคุณได้เลยว่าฉันจะไม่เกิดปัญหาทางด้านความสัมพันธ์ขึ้นอย่างแน่นอน ยิ่งไปกว่านั้น ถ้าตอนนี้ประธานซิงยังสงสัยในตัวฉันอยู่ ฉันก็คงทำได้แค่อ้าปากพูดออกไป ซึ่งประธานซิงอาจจะไม่เชื่อฉันเลยด้วยซ้ำ บางทีหลังจากที่เราบรรลุข้อตกลงความร่วมมือกันแล้ว ประธานซิงค่อยไปสืบหาเพิ่มเติมดีไหมคะ?”ในขณะนั้น ซิงจือเหยียนไม่ปริปากพูด เพียงก้มศีรษะลงมองระลอกคลื่นในถ้วยชา
ซิงจือเหยียนพิจารณาใบหน้าที่แต่งแต้มอย่างประณีตเบื้องหน้า แววตาคมคายแน่วแน่ น้ำเสียงสงบนิ่งเรียบเฉย “เธอสูงขึ้นนะ”เซิ่นหรูซวงแย้มยิ้มบาง น้ำเสียงหนักแน่น “ตอนที่ฉันมาที่นี่ก็เพิ่งอายุสิบแปดปีเท่านั้น เวลาผ่านมานานหลายปีฉันเองก็ต้องสูงขึ้นเป็นธรรมดาค่ะ”สีหน้าของซิงจือเหยียนเปลี่ยนไปเล็กน้อยเซิ่นหรูซวงจับสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงในสีหน้าของซิงจือเหยียนได้อย่างแม่นยำมุมปากของซิงจือเหยียนดูเหมือนจะโค้งขึ้น เขากำลังยิ้มอยู่หรือ?เซิ่นหรูซวงละสายตากลับมา อารมณ์ของเธอหนักอึ้งซิงจือเหยียนพูด “อ้วนขึ้นด้วย เมื่อก่อนดูเหมือนขาดสารอาหารอยู่ตลอดเวลา”เซิ่นหรูซวงเงยหน้าขึ้นทันที สายตาของซิงจือเหยียนยังคงสงบนิ่งลุ่มลึกดั่งเคย ไร้ซึ่งระลอกคลื่นของความสั่นไหว ราวกับเป็นเพียงคำพูดธรรมดา ๆ ที่รำลึกถึงอดีต ไม่มีความหมายลึกซึ้งใด ๆริมฝีปากของเซิ่นหรูซวงแย้มยิ้มเล็กน้อย มือของเธอหมุนถ้วยชาอย่างไม่ตั้งใจ “ชีวิตดีขึ้นก็ทานเยอะขึ้นเป็นธรรมดาค่ะ”ซิงจือเหยียนจิบชาเบา ๆ ไม่ปริปากพูดอะไรคำพูดของเซิ่นหรูซวงมีคำวิพากษ์วิจารณ์แฝงไว้อย่างชัดเจนก่อนหน้านี้เธอต้องต่อสู้ดิ้นรนอย่างยากลำบากในตระกูลซิง
เซิ่นหรูซวงไม่ได้ตาบอด แน่นอนว่าเธอเห็นซิงจือเหยียนกำลังมองมาที่เธอเธอมองกลับไปด้วยความนิ่งสงบ “ประธานซิง?”ซิงจือเหยียนพูดอย่างช้า ๆ ว่า “ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาเธอเปลี่ยนไปมากเลยทีเดียว”เซิ่นหรูซวงยิ้มบาง “ประธานซิงเองก็เปลี่ยนไปมากเหมือนกันค่ะ อ้อ ใช่สิ ฉันเกือบลืมแสดงความยินดีกับประธานซิงและคุณนายซิงในโอกาสที่ให้กำเนิดลูกชายไปเลย ก่อนหน้านี้ฉันไม่มีเวลาไปเข้าร่วมงานเลี้ยงฉลองครบรอบหนึ่งปีของลูกชายของประธานซิง หวังว่าประธานซิงคงจะไม่ว่าอะไรนะคะ”รอยยิ้มของเซิ่นหรูซวงนั้นไร้ที่ติ ราวกับว่าเธอกำลังแสดงความยินดีกับเขาในฐานะหุ้นส่วนทางธุรกิจอย่างแท้จริงซิงจือเหยียนเหลือบมองเธอครู่หนึ่งด้วยแววตาที่มืดครึ้มลง เขาค่อย ๆ ละสายตาออกไปและยื่นเมนูให้กับผู้ช่วยที่อยู่ด้านข้าง “เมื่อกี้ฉันได้สั่งอาหารไปบ้างแล้ว ลองดูสิว่าเธอต้องการอะไรเพิ่มไหม”เซิ่นหรูซวงรับเมนูมาและสั่งอาหารเพิ่มไปอีกสองสามอย่างด้วยความนิ่งเฉยเมื่อได้ยินชื่ออาหารจานหนึ่ง เรียวคิ้วของซิงจือเหยียนขยับเคลื่อนไหว “เมื่อก่อน เธอไม่ชอบทานพวกนี้นี่นา”เซิ่นหรูซวงยื่นเมนูคืนให้ผู้ช่วย และพูดเสียงเรียบว่า “อย่างที่ประธานซิงพ
ในอดีตเป็นเด็กสาวที่เปี่ยมไปด้วยความไร้เดียงสา แต่ตอนนี้เซิ่นหรูซวงกลับมีบุคลิกที่สุขุมเยือกเย็น รูปร่างสูงโปร่ง สวมชุดสีแดงพร้อมรองเท้าส้นสูง ใบหน้าประดับประดาไปด้วยเครื่องสำอางที่ตกแต่งมาอย่างประณีต แม้แต่แสงและเงาก็ดูเหมือนจะลำเอียงเข้าข้างเธอ แสงสีเหลืองอบอุ่นส่องลงมาที่เธอราวกับเป็นสปอตไลต์ที่ส่องมาให้เธอเพียงผู้เดียว ทำให้เธอดูเปล่งประกายและน่าหลงใหลเป็นอย่างยิ่งเซิ่นหรูซวงเติบโตขึ้นแล้วในที่ที่เขาไม่สามารถพบเจอและมองเห็นเธอได้ แต่เธอกลับเติบโตมาอย่างโดดเดี่ยว ทั้งยังเติบโตมาอย่างดีและใช้ชีวิตได้อย่างงดงามซิงจือเหยียนคิดในใจหลังจากปรับตัวเข้ากับแสงอยู่ครู่หนึ่ง เซิ่นหรูซวงจึงเงยหน้าขึ้นมองแววตาที่จมจ่ออยู่กับอดีตในตอนนี้เปลี่ยนไปด้วยความเป็นผู้ใหญ่และเย็นชา รัศมีที่สะท้อนออกมาเต็มไปด้วยความลุ่มลึกและโหดเหี้ยมที่เพิ่มมากขึ้น แสงแดดสาดส่องลงบนใบหน้าของเขา แผ่ออกมาเป็นแสงสีเหลืองอบอุ่นเบาบาง ดวงตาคู่นั้นมองมาที่เธอด้วยความสงบนิ่งและยับยั้งชั่งใจ ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากันเล็กน้อยโดยไม่แสดงสีหน้าอื่นใดอีกลมหายใจของเซิ่นหรูซวงสะดุดไปครู่หนึ่ง แล้วค่อย ๆ ตั้งสติกลับมาได้“ปร