แชร์

บทที่ 3

ผู้เขียน: เกาะลอยน้ำ
เซิ่นหรูซวงตอบกลับทันทีว่า "หนูบอกไปแล้วว่าหนูไม่ไป"

เหยียนเหวินอินจ้องมองเธออย่างโกรธเคือง: "แกจะดื้อรั้นอะไรนักหนา นี่เป็นโอกาสที่ดีขนาดไหนรู้ไหม?"

เซิ่นหรูซวงกำหมัดแน่น ไม่ยอมอ่อนข้อ: "โอกาสอะไร?"

เสียงของเหยียนเหวินอินดังขึ้น: "ก็โอกาสที่จะได้ยั่วยวนซิงจือเหยียนไง แกชอบเขาไม่ใช่เหรอ?"

อาจเป็นเพราะประสบการณ์ในชาติที่แล้ว ทำให้เซิ่นหรูซวงรู้สึกสะเทือนใจอย่างไม่รู้ตัวเมื่อได้ยินชื่อซิงจือเหยียน

เธอเกือบจะน้ำตาคลอเบ้า: "หนูไม่ได้..."

ก๊อก ก๊อก ก๊อก

เสียงเคาะประตูดังขึ้น

เซิ่นหรูซวงยังไม่ทันได้เก็บซ่อนความเจ็บปวดในแววตา ก็สบเข้ากับสายตาที่เย็นชาและเฉยเมยของซิงจือเหยียนที่อยู่หน้าประตู

ในชั่ววินาทีที่สบตากัน เซิ่นนหรูซวงก็นึกถึงชาติที่แล้วขึ้นมาทันทีที่ซิงจือเหยียนก็มองเธอแบบนี้ เหมือนกำลังมองขยะก้อนหนึ่ง เหมือนกำลังมองสิ่งของที่ไร้ชีวิต

ชั่วแวบเดียว เธอคิดว่าตัวเองกลับไปสู่ชาติที่แล้วที่เจ็บปวดจนแทบไม่อยากมีชีวิตอยู่

เธอถอยหลังไปสองสามก้าว แม้จะหลบสายตาไปแล้ว ก็ยังสัมผัสได้ถึงสายตาที่ทรงพลังของซิงจือเหยียนที่ยังคงจับจ้องอยู่บนใบหน้าของเธอ

ซิงจือเหยียนได้ยินบทสนทนาระหว่างเธอกับเหยียนเหวินอินทั้งหมดแล้ว

เขาไม่ชอบคนที่มีเล่ห์เหลี่ยมอยู่แล้ว ยิ่งไปกว่านั้น เล่ห์เหลี่ยมของเหยียนเหวินอินก็ชัดเจนมากที่มุ่งเป้ามาที่เขา

เป็นไปไม่ได้ซิงจือเหยียนที่จะทำเหมือนไม่ได้ยินอะไรเลย

เหยียนเหวินอินตกตะลึง สีหน้าดูตื่นตระหนกเล็กน้อย: "คุณซิง ฉันไม่ได้หมายความอย่างนั้นนะคะ..."

"พอแล้ว ฉันไม่อยากฟังเรื่องน่ารังเกียจของพวกเธอ"

ซิงจือเหยียนขมวดคิ้ว และหันสายตาไปด้วยความรังเกียจ

ดูเหมือนเขาไม่อยากเห็นพวกเธออีกแล้ว พลางหันหลังและพูดทิ้งท้ายไว้

"คุณปู่เรียกพวกเธอไปกินข้าว"

หลังจากซิงจือเหยียนจากไป ภายในห้องก็เงียบสงัดลง

เซิ่นหรูซวงรวบรวมสติ และพูดเสียงเบา: "แม่คะ นี่คือสิ่งที่แม่ต้องการเหรอ?"

เหยียนเหวินอินปิดประตู และพูดด้วยความเจ็บใจ:"ในเมื่อเป็นแบบนี้แล้ว ก็ยิ่งปล่อยไปไม่ได้"

"ฉันไม่สนว่าแกจะคิดยังไง ห้ามเก็บกระเป๋าเดินทางเด็ดขาด"

เซิ่นหรูซวงไม่สามารถพูดให้เหยียนเหวินอินเปลี่ยนใจได้ จึงหันหลังและเดินลงไปชั้นล่างทันที

เหยียนเหวินอินเดินตามเธอลงไปอย่างไม่พอใจ

บนโต๊ะอาหาร คุรชายใหญ่ซิงและซิงจือเหยียนนั่งหันหน้าเข้าหากันที่ปลายโต๊ะทั้งสองด้าน บนโต๊ะยังมีที่ว่างอีกหลายที่

เซิ่นหรูซวงหยุดยืนอยู่ด้านหลังซิงจือเหยียน

เมื่อก่อน เธอจะนั่งข้าง ๆ ซิงจือเหยียนเสมอ คอยตอแยเขาและคีบกับข้าวให้เขา

ถึงแม้ว่าซิงจือเหยียนจะคอยเขี่ยกับข้าวที่เธอคีบให้ทิ้งออกไปจากชามเสมอ

ตอนนี้พอมองย้อนกลับไป ช่างเป็นเรื่องที่โง่เขลาเหลือเกิน

เธอเดินเข้าไปอย่างสงบ ดึงเก้าอี้ข้างคุณชายใหญ่ซิงออก แล้วนั่งลง

ท่าทางของเธอดูเป็นธรรมชาติ แต่ทำให้คุณชายใหญ่ซิงและคนรับใช้คนอื่น ๆ มองมาด้วยความประหลาดใจ

แม้แต่ซิงจือเหยียนที่มองเธอเป็นเหมือนอากาศธาตุก็ยังหยุดใช้ตะเกียบและเหลือบมองเธอด้วยสายตาเย็นชา

ปกติแล้วไม่ว่าจะมีแขกคนไหนอยู่ เซิ่นหรูซวงก็จะนั่งข้างซิงจือเหยียนเสมอ และพูดจ้อไม่หยุดหย่อน ทำให้ซิงจือเหยียนรำคาญแต่เธอก็ไม่รู้ตัว

วันนี้ กลับเป็นครั้งแรก

เหยียนเหวินอินรีบเดินเข้ามาและดึงข้อมือของเธอ

"ทำไมลูกถึงมานั่งที่นี่ รีบไปนั่งข้างคุณซิงเร็วเข้า"

เซิ่นหรูซวงสะบัดมือของเหยียนเหวินอินออกอย่างง่ายดาย และหันไปมองคุณชายใหญ่ซิง: "คุณปู่คะ หนูขอนั่งตรงนี้ได้ไหมคะ?"

ดวงตาที่ขุ่นมัวของคุณชายซิงแสดงความสนใจเล็กน้อย: นั่งได้ก็จริง แต่ก่อนหน้านี้หลานนั่งข้างจือเหยียนตลอดไม่ใช่เหรอ? ทะเลาะกันเหรอ?"

"เปล่าค่ะ" เซิ่นหรูซวงก้มหน้าและพูดเสียงเบา

ซิงจือเหยียนที่ได้ยินคำพูดของเธอพลันหัวเราะเยาะในลำคอ

เสียงพูดของเซิ่นหรูซวงหยุดชะงักลง

สายตาของคุณชายซิงกวาดมองระหว่างเธอกับซิงจือเหยียน และพูดด้วยสายตายิ้ม ๆ: "เอาล่ะ ในเมื่อนั่งลงแล้วก็แล้วไป"

เหยียนเหวินอินจำต้องปล่อยมือและนั่งลงข้าง ๆ เซิ่นหรูซวงอย่างไม่พอใจ

ซิงจือเหยียนลดเปลือกตาลง สีหน้าเย็นชา และคีบผักสีเขียวสดขึ้นมาโดยไม่สนใจอะไรเลย

เซิ่นหรูซวงเหลือบมองเขาครู่หนึ่ง

เธอหวังว่าซิงจือเหยียนจะเห็นแก่การที่เธอไม่คอยตอแยเขาบนโต๊ะอาหารอีกต่อไป และจะลืมเรื่องที่เกิดขึ้นในห้องเมื่อครู่

อย่างไรก็ตาม ตอนนี้เธอกับเหยียนเหวินอินทำได้แค่ต้องอยู่ที่บ้านตระกูลซิงไปก่อน

ตระกูลซิงตอนนี้ก็เกือบจะอยู่ในมือของซิงจือเหยียนทั้งหมดแล้ว ถ้าทำให้ซิงจือเหยียนไม่พอใจ เธอกับเหยียนเหวินอินคงจะใช้ชีวิตอย่างยากลำบาก

กินข้าวไปไม่กี่คำ ก็ได้ยินคุณชายซิงถามขึ้นมาทันที

"จือเหยียน การไปเมืองฮัวชุยครั้งนี้ มั่นใจใช่ไหม?"

ซิงจือเหยียนตอบสั้น ๆ และชัดเจน "มั่นใจครับ ผมจะนำข่าวดีกลับมา"

คุณชายซิงที่ภูมิใจในตัวหลานชายที่ตัวเองเลี้ยงมาตั้งแต่เล็กก็พยักหน้าพร้อมรอยยิ้ม

"ดี ในด้านการงาน แกไม่ทำให้ฉันผิดหวังอยู่แล้ว"

"แต่" คุณชายซิงเปลี่ยนเรื่องทันที "ที่แกไปเมืองฮัวชุยเพราะมีจุดประสงค์อื่นอีกใช่ไหม?"

ครั้งนี้ซิงจือเหยียนไม่ได้ตอบกลับทันที แต่เงียบไปครู่หนึ่ง น้ำเสียงของเขาดูทุ้มและนุ่มนวลลง

"ใช่ครับ ทางลู่ลู่มีเรื่องบางอย่าง ที่ต้องการให้ผมช่วย"

เมื่อได้ยินชื่อเว่ยอวิ่นลู่หลุดออกมาจากปากของซิงจือเหยียนอย่างกะทันหัน เซิ่นหรูซวงกลับพบว่าในใจของเธอไม่มีความรู้สึกอะไรเลย จิตใจกลับสงบลงอย่างมาก และสามารถมองเรื่องราวของซิงจือเหยียนและเว่ยอวิ่นลู่จากมุมมองของคนนอกได้

คุณชายซิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วพูดว่า: "เรื่องของแกกับเธอ..."

"คุณปู่ครับ" ซิงจือเหยียนขัดจังหวะคุณชายซิงอย่างไม่เกรงใจ "นี่เป็นเรื่องระหว่างผมกับเธอ ไม่ต้องรบกวนคนอื่นหรอกครับ"

เซิ่นหรูซวงต้องยอมรับว่า ถ้ามองจากมุมมองของเว่ยอวิ่นลู่แล้ว ซิงจือเหยียนเป็นผู้ชายที่ดีจริง ๆ

เพราะหน้าที่การงานและการศึกษา เว่ยอวิ่นลู่จึงไปอยู่ต่างประเทศหลายปี

แม้จะเป็นเช่นนั้น ซิงจือเหยียนก็ยังมีเว่ยอวิ่นลู่ในใจตลอดมา หลายปีที่ผ่านมาเขายังคงรักนวลสงวนตัว ไม่เคยมีข่าวฉาวเลยแม้แต่น้อย

แม้ว่าเธอกับซิงจือเหยียนจะมีความสัมพันธ์กันโดยถูกบังคับ และให้กำเนิดกั่วกั่ว แต่ในใจของซิงจือเหยียนก็ยังมีแค่เธอคนเดียว

เหมือนตอนนี้ ซิงจือเหยียนไม่ยอมให้ใครมาวิพากษ์วิจารณ์เรื่องของเขากับเว่ยอวิ่นลู่เลย แม้แต่คนที่เลี้ยงดูเขามาอย่างคุณปู่ก็ตาม

เหยียนเหวินอินที่อยู่ข้าง ๆ หยิกเนื้อที่ต้นขาของเธอเบา ๆ เป็นการบอกใบ้ให้เธอสร้างความสนใจต่อหน้าซิงจือเหยียน

เซิ่นหรูซวงไม่สนใจ ก้มหน้ากินข้าวต่อไป

คุณชายซิงมองมาที่เธออีกครั้ง

เมื่อก่อนแค่พูดถึงแฟนสาวคนแรกของซิงจือเหยียน เซิ่นหรูซวงก็จะแสดงสีหน้าไม่พอใจและบอกให้ซิงจือเหยียนห้ามพูดถึงอีก

แต่ทำไมตอนนี้ถึงได้ดูไม่แยแสแบบนี้?

แม้แต่ซิงจือเหยียนที่ปกติไม่เคยสนใจเซิ่นหรูซวงก็ยังสังเกตเห็นความผิดปกติของเธอ

รอยยิ้มที่มุมปากของซิงจือเหยียนดูเยาะเย้ยเล็กน้อย

เมื่อครู่ยังพูดเรื่องการยั่วยวนอยู่เลย ทำไมตอนนี้ถึงทำตัวแบบนี้?

เซิ่นหรูซวงยังไม่ทันวางตะเกียบ ซิงจือเหยียนก็ลุกขึ้นยืน

"ที่บริษัทยังมีงานต้องสะสาง ผมขอตัวก่อนนะครับ"

ห้าทุ่ม เซิ่นหรูซวงได้เข้านอนไปแล้ว

แต่จู่ ๆ ก็ได้ยินเสียงรถคันหนึ่งขับเข้ามาในบริเวณบ้าน

น่าจะเป็นซิงจือเหยียนที่ทำงานล่วงเวลาแล้วเพิ่งกลับมา

เธอรู้สึกง่วงนอนเต็มที แต่จู่ ๆ เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น

เธอเปิดไฟแล้วลุกขึ้นนั่ง "เข้ามา"

คนรับใช้ยืนอยู่ที่หน้าประตู น้ำเสียงมีความเย่อหยิ่งอยู่บ้าง "คุณหนูเซิ่นคะ ดูเหมือนท่านประธานซิงจะเมา คุณหนูอยากไปต้มซุปแก้เมาให้ท่านประธานซิงไหมคะ?"

เซิ่นหรูซวงเงียบไปและลดเปลือกตาลง

ชาติที่แล้ว เธออยากทำให้ซิงจือเหยียนพอใจ มักจะต้มซุปแก้เมาให้เขาหนึ่งชามเสมอเมื่อเขากลับมาจากงานเลี้ยง

และไม่เคยยอมให้คนรับใช้เข้ามาเกี่ยวข้อง ต้องทำเองทั้งหมด และต้องเฝ้าดูให้ซิงจือเหยียนดื่มมันจนหมดด้วยตาตัวเอง

แต่ตอนนี้ เธอไม่ต้องการทำแบบนั้นแล้ว

เธอนอนลงและหลับตา

"พวกเธอไปต้มเถอะ ฉันเหนื่อยแล้ว"
อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป
ความคิดเห็น (1)
goodnovel comment avatar
Prarint Chogun
สนุกมากค่ะ
ดูความคิดเห็นทั้งหมด

บทล่าสุด

  • มรสุมรัก CEO ซาตาน   บทที่ 450

    เซิ่นหรูซวงค่อย ๆ พบว่าแก้วน้ำของเธอไม่เคยว่างเปล่าเลย อุณหภูมิของน้ำในแต่ละครั้งที่ดื่มก็พอดีเป๊ะ ดื่มแล้วรู้สึกชุ่มคอมากเซิ่นหรูซวงเบ้ปากเธอโกรธก็คือโกรธจริง ๆ และก็ไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าทำไมวันนั้นสือเหยาถึงได้โกรธรุนแรงขนาดนั้น ราวกับว่าซิงจือเหยียนเป็นศัตรูคู่อาฆาตของเขาอย่างไรก็ตาม ถึงแม้เธอจะโกรธมากแค่ไหน ก็ไม่มีทางที่จะโกรธสือเหยาได้นานสือเหยาช่วยเธอไว้มากมายหลายเรื่อง เธอจดจำไว้ในใจเป็นอย่างดีเพียงชั่วพริบตา ก็ถึงเวลานัดพบกับซิงจือเหยียนแล้วตอนที่เซิ่นหรูซวงขึ้นรถ เธอได้เตือนสือเหยาอีกครั้งว่าอย่าตามมา ให้ติดตามเจียงเสี่ยวชุนอย่างว่านอนสอนง่ายสือเหยายืนพยักหน้าอย่างว่าง่ายอยู่ที่ข้างรถเซิ่นหรูซวงไม่ค่อยเชื่อว่าสือเหยาจะว่าง่ายขนาดนี้ เธอจึงดึงเจียงเสี่ยวชุนมาต่อหน้าเขา พร้อมกับกำชับว่าให้จับตาดูสือเหยาให้ดี อย่าให้เขาตามมาเจียงเสี่ยวชุนเข้าใจเรื่องราวในอดีตของเซิ่นหรูซวงกับซิงจือเหยียนเป็นอย่างดี และเข้าใจเหตุผลที่เซิ่นหรูซวงตัดสินใจทำแบบนั้น เธอจึงพยักหน้าโดยไม่ต้องคิดมาก “ได้ เธอไปจัดการธุระได้เลย ถ้ามีอะไรก็โทรหาฉันนะ”เซิ่นหรูซวงพยักหน้าแล้วให้คนขับขับรถออก

  • มรสุมรัก CEO ซาตาน   บทที่ 449

    รอยที่แก้มแดงก่ำกว่าเดิมหลายเท่าสือเหยาหอบหายใจอย่างหนัก ความรู้สึกที่เสียใจ จนใจ หงุดหงิด หึงหวง และอารมณ์วุ่นวายอื่น ๆ อีกมากมาย หลั่งไหลเข้ามา กระแทกที่หัวใจจนสับสนอลหม่าน ทำให้เขารู้สึกเจ็บปวดไปทั้งร่างกายเป็นฝ่ามือของเซิ่นหรูซวงที่เรียกสติของเขากลับคืนมาเขาได้แต่สำนึกผิดอย่างไม่มีที่สิ้นสุด เมื่อรู้สึกตัวถึงท่าทีและสิ่งที่พูดออกไปใส่เซิ่นหรูซวงแล้ว ตอนนี้สือเหยาแทบอยากจะวิ่งกลับเข้าไปในห้องทำงาน และยอมให้เซิ่นหรูซวงตบอีกสองสามครั้ง จนกว่าเธอจะหายโกรธเขาพูดคำพูดแบบนั้นกับเซิ่นหรูซวงได้อย่างไรเขาทำไปได้อย่างไร?เมื่อสติกลับคืนมา สือเหยาได้แต่เจ็บแค้นตัวเองที่ไม่สามารถควบคุมตนเองต่อหน้าผู้หญิงที่เขารักได้ ทั้งยังขาดความสุภาพ ขาดความยับยั้งชั่งใจ พูดไม่คิดจนทำร้ายจิตใจเซิ่นหรูซวง และทำให้ระยะห่างระหว่างเขากับเซิ่นหรูซวงไกลออกไปจนเกินเอื้อมอีกแล้วเป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกว่าตัวเองเป็นสัตว์เดรัจฉาน เป็นคนเลวทรามที่ไม่น่าให้อภัยสือเหยาคอตก ใช้มือทั้งสองข้างบีบขมับตัวเองแล้วถอนหายใจอย่างหนักเซิ่นหรูซวงคงจะโมโหมากแล้วแน่ ๆเขาไม่เคยเห็นเซิ่นหรูซวงเฉียบขาดและดุดันขนาดนี้ม

  • มรสุมรัก CEO ซาตาน   บทที่ 448

    สือเหยายืนนิ่งไม่ขยับไปไหน ส่วนแขนก็ยังคงจับพยักเก้าอี้ไว้เหมือนเดิมเซิ่นหรูซวงโกรธจัด ยกเท้าขึ้นเตะเข้าที่หน้าท้องของสือเหยาอย่างแรงเธอไม่ได้ยั้งแรง สือเหยาจึงถูกแตะถอยหลังไปหลายก้าวจนชนเข้ากับหน้าต่างบานใหญ่อย่างทุลักทุเลเซิ่นหรูซวงเห็นสภาพของเขาแล้วรู้สึกหงุดหงิด ทั้ง ๆ ที่เห็นได้ชัดว่าเธอต่างหากที่ถูกโดนต่อว่าอย่างไร้เหตุผล แต่สือเหยากลับทำท่าทางที่ดูทุลักทุลเและเหมือนน้อยใจแบบนั้นเธอหมุนเก้าอี้อย่างหัวเสีย หันมองคอมพิวเตอร์ด้วยใบหน้าเย็นชา ไม่มองสือเหยาอีก ผ่านไปสักพัก สือเหยาพูดด้วยเสียงแหบพร่า “หรูซวง ขอโทษนะ ความผิดของฉัน…”เซิ่นหรูซวงเคาะแป้นพิมพ์ด้วยสีหน้าเย็นชา “รีบไปให้พ้น”สือเหยาพูดด้วยเสียงแหบพร่า “ฉันไม่ไป ฉันไม่ไปได้ไหม?”เซิ่นหรูซวงไม่ตอบคำถามเขา เคาะแป้นพิมพ์เสียงดังลั่นจนน่าตกใจสือเหยาเงยหน้าขึ้นมองเซิ่นหรูซวงด้วยความลำบากใจแลดูน่าสงสาร“…งั้นฉันไปแล้วนะ?”เซิ่นหรูซวงยังคงไม่ตอบสือเหยาก้มหน้าลง กำหมัดแน่น เดินผ่านด้านข้างของเซิ่นหรูซวงไปอย่างเงียบเชียบ และเดินออกจากห้องทำงานของเธอโดยไม่ลืมที่จะปิดประตูเซิ่นหรูซวงเงยหน้าขึ้นผลักแป้นพิมพ์ออกด้วยสี

  • มรสุมรัก CEO ซาตาน   บทที่ 447

    เซิ่นหรูซวงเกิดความหงุดหงิดขึ้นมาในใจลึก ๆไม่ใช่ความหงุดหงิดที่เกิดจากสือเหยา แต่เป็นความหงุดหงิดที่เกิดจากการที่จะต้องไปพบซิงจือเหยียนเธอทำหน้าเย็นชาอย่างไม่เคยทำมาก่อน แล้วหันหน้าไปพูด “ฉันไม่รู้ว่านายกำลังคิดอะไรอยู่ และฉันก็บอกไปแล้วว่า ฉันไปเจรจาด้วยตัวเองได้”สือเหยาเห็นใบหน้าเย็นชาของเซิ่นหรูซวง ก็คิดไปอีกอย่างในใจของสือเหยาโกรธ กระวนกระวาย และรู้สึกน้อยใจเป็นอย่างมากเขากัดฟันถามเธออย่างห้ามไม่อยู่ “เธอรังเกียจที่ฉันยุ่งมากเกินไปใช่ไหม?”เซิ่นหรูซวงขมวดคิ้วและพูดขึ้นว่า “ไม่ใช่ ฉันแค่บอกว่าฉัน…”สือเหยาหัวเราะเยาะเย็นชาและพูดแทรกขึ้นมาทันที “เธอต้องการไปคนเดียวแน่นอน ถ้าหากให้ฉันไปด้วย ก็เท่ากับว่าไปขัดขวางเธอรื้อฟื้นความสัมพันธ์เก่า ๆ กับซิงจือเหยียนใช่ไหมล่ะ?”เซิ่นหรูซวงเริ่มงงในตัวเองว่าเธอฟังผิดไปหรือเปล่า “นายพูดอะไรนะ?”สือเหยายกมือกำพนักเก้าอี้ของเซิ่นหรูซวงไว้แน่น แล้วดึงเก้าอี้เข้ามาหาอย่างรวดเร็ว ทำให้เซิ่นหรูซวงหันหน้าเข้าหาเขา ส่วนเขาโน้มตัวลง โดยที่มือทั้งสองข้างวางอยู่บนที่พนักทั้งสองข้าง ราวกับเป็นการกักขัง เขามองลงมาด้วยแววตาที่ขุ่นเคืองคล้ายกับจะคร

  • มรสุมรัก CEO ซาตาน   บทที่ 446

    “มีปัญหาสิ มีปัญหาแน่นอน ทั้งที่ปล่อยให้ผู้ช่วยจัดการก็ได้ ทำไมต้องให้เธอไปเจรจาด้วยตัวเอง ไม่รู้มีแผนร้ายอะไร เซิ่นหรูซวง เธออย่าโดนเขาหลอกเชียวนะ”เมื่อเขาพูดจบ ก็เพิ่งนึกได้ว่าเซิ่นหรูซวงพูดอะไรไป“เธอพูดว่าอะไรนะ?”เซิ่นหรูซวงพูดอย่างไม่ใส่ใจ “ฉันไม่ได้พูดอะไร นายพูดอยู่คนเดียวไม่ใช่หรือไง?”สือเหยาจับจ้องดวงตาของเธอ “ไม่ใช่สิ เธอพูดแล้ว เธอพูดว่าสมองของซิงจือเหยียนมีปัญหา”เซิ่นหรูซวงสารภาพตอบ “ใช่น่ะสิ ฉันพูดเอง ทำไมหรือ?”สือเหยาจ้องมองดวงตาของเธออย่างแน่วแน่ ด้วยแววตาที่เปี่ยมด้วยชีวิตชีวา และไม่ได้พูดอะไรออกมาเซิ่นหรูซวงพูด “นายไม่ต้องมองหน้าฉันแล้ว ลิขสิทธิ์เกมเฮยไป๋ทู่มีความสำคัญสำหรับเกมใหม่ ฉันต้องได้มันมา ในเมื่อทางอวิ๋นเหยียนเรียกร้องให้ฉันไป ฉันก็ต้องทำตาม ถ้านายไม่ยินยอม งั้นก็ช่วยฉันแย่งลิขสิทธิ์เกมมาสิ”สือเหยาพูดซ้ำด้วยความประหลาดใจว่า “เธอพูดว่าสมองเขามีปัญหา”เซิ่นหรูซวง : ?สือเหยาเน้นเสียงหนัก “เธอพูดว่าสมองเขามีปัญหา”เซิ่นหรูซวง : …เซิ่นหรูซวง “ถ้านายจะพูดซ้ำอีก คนที่สมองมีปัญหาไม่ใช่เขา แต่เป็นนายแล้ว”สือเหยาเดินเข้าไปใกล้อีก คว้าข้อมือของเธอ

  • มรสุมรัก CEO ซาตาน   บทที่ 445

    ในขณะที่พูด ก็เหลือบหางตามองสีหน้าของสือเหยา และก็เห็นสีหน้าบูดบึ้งตามที่คาดไว้จางหลานเอ๋อร์เดินเข้ามาด้วยสีหน้าลำบากใจเล็กน้อยโดยเห็นได้จากระหว่างคิ้วที่ขมวดอย่างงดงามนั้น “ประธานเซิ่นคะ ทางฝ่ายอวิ๋นเหยียนได้ตอบกลับเรื่องการขอซื้อลิขสิทธิ์เกมเฮยไป๋ทู่มาแล้วค่ะ”เซิ่นหรูซวงเคลื่อนสายตา “ว่ามาได้เลยค่ะ”จางหลานเอ๋อร์พูด “ทางประธานซิงจากอวิ๋นเหยียนเทคโนโลยีมีความประสงค์ว่า ต้องการให้คุณไปเจรจาด้วยตัวเองค่ะ”เซิ่นหรูซวงขมวดคิ้วเล็กน้อย “ซิงจือ... ประธานซิงเป็นคนพูดออกมาเองหรือ?”จางหลานเอ๋อร์ส่ายหน้า “ไม่ใช่ค่ะ ฉันไม่ได้พูดคุยกับประธานซิงโดยตรง คำพูดนี้มาจากผู้ช่วยเขาค่ะ แต่ก็สามารถถือเป็นความประสงค์ของประธานซิงโดยตรงค่ะ”ในห้องทำงานเงียบไปชั่วขณะ จางหลานเอ๋อร์พูดเสริมว่า “ความหมายของผู้ช่วยคือ ท่านประธานซิงจะมาทำธุระที่นี่ในวันมะรืน และจะมีเวลาว่างช่วงบ่ายของวันมะรืน คุณสามารถนัดหมายในช่วงเวลานี้ได้เลยค่ะ”เซิ่นหรูซวงพูด “สรุปว่าพวกเขามีแนวโน้มที่จะเต็มใจขายลิขสิทธิ์เกมเฮยไป๋ทู่ใช่ไหม?”จางหลานเอ๋อร์ส่ายหน้าอย่างลำบากใจ “ตั้งแต่ได้รับมอบหมายงานมา ฉันก็ติดต่อกับทางอวิ๋นเหยียนมาตล

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status