Share

บทที่ 3

Author: เกาะลอยน้ำ
เซิ่นหรูซวงตอบกลับทันทีว่า "หนูบอกไปแล้วว่าหนูไม่ไป"

เหยียนเหวินอินจ้องมองเธออย่างโกรธเคือง: "แกจะดื้อรั้นอะไรนักหนา นี่เป็นโอกาสที่ดีขนาดไหนรู้ไหม?"

เซิ่นหรูซวงกำหมัดแน่น ไม่ยอมอ่อนข้อ: "โอกาสอะไร?"

เสียงของเหยียนเหวินอินดังขึ้น: "ก็โอกาสที่จะได้ยั่วยวนซิงจือเหยียนไง แกชอบเขาไม่ใช่เหรอ?"

อาจเป็นเพราะประสบการณ์ในชาติที่แล้ว ทำให้เซิ่นหรูซวงรู้สึกสะเทือนใจอย่างไม่รู้ตัวเมื่อได้ยินชื่อซิงจือเหยียน

เธอเกือบจะน้ำตาคลอเบ้า: "หนูไม่ได้..."

ก๊อก ก๊อก ก๊อก

เสียงเคาะประตูดังขึ้น

เซิ่นหรูซวงยังไม่ทันได้เก็บซ่อนความเจ็บปวดในแววตา ก็สบเข้ากับสายตาที่เย็นชาและเฉยเมยของซิงจือเหยียนที่อยู่หน้าประตู

ในชั่ววินาทีที่สบตากัน เซิ่นนหรูซวงก็นึกถึงชาติที่แล้วขึ้นมาทันทีที่ซิงจือเหยียนก็มองเธอแบบนี้ เหมือนกำลังมองขยะก้อนหนึ่ง เหมือนกำลังมองสิ่งของที่ไร้ชีวิต

ชั่วแวบเดียว เธอคิดว่าตัวเองกลับไปสู่ชาติที่แล้วที่เจ็บปวดจนแทบไม่อยากมีชีวิตอยู่

เธอถอยหลังไปสองสามก้าว แม้จะหลบสายตาไปแล้ว ก็ยังสัมผัสได้ถึงสายตาที่ทรงพลังของซิงจือเหยียนที่ยังคงจับจ้องอยู่บนใบหน้าของเธอ

ซิงจือเหยียนได้ยินบทสนทนาระหว่างเธอกับเหยียนเหวินอินทั้งหมดแล้ว

เขาไม่ชอบคนที่มีเล่ห์เหลี่ยมอยู่แล้ว ยิ่งไปกว่านั้น เล่ห์เหลี่ยมของเหยียนเหวินอินก็ชัดเจนมากที่มุ่งเป้ามาที่เขา

เป็นไปไม่ได้ซิงจือเหยียนที่จะทำเหมือนไม่ได้ยินอะไรเลย

เหยียนเหวินอินตกตะลึง สีหน้าดูตื่นตระหนกเล็กน้อย: "คุณซิง ฉันไม่ได้หมายความอย่างนั้นนะคะ..."

"พอแล้ว ฉันไม่อยากฟังเรื่องน่ารังเกียจของพวกเธอ"

ซิงจือเหยียนขมวดคิ้ว และหันสายตาไปด้วยความรังเกียจ

ดูเหมือนเขาไม่อยากเห็นพวกเธออีกแล้ว พลางหันหลังและพูดทิ้งท้ายไว้

"คุณปู่เรียกพวกเธอไปกินข้าว"

หลังจากซิงจือเหยียนจากไป ภายในห้องก็เงียบสงัดลง

เซิ่นหรูซวงรวบรวมสติ และพูดเสียงเบา: "แม่คะ นี่คือสิ่งที่แม่ต้องการเหรอ?"

เหยียนเหวินอินปิดประตู และพูดด้วยความเจ็บใจ:"ในเมื่อเป็นแบบนี้แล้ว ก็ยิ่งปล่อยไปไม่ได้"

"ฉันไม่สนว่าแกจะคิดยังไง ห้ามเก็บกระเป๋าเดินทางเด็ดขาด"

เซิ่นหรูซวงไม่สามารถพูดให้เหยียนเหวินอินเปลี่ยนใจได้ จึงหันหลังและเดินลงไปชั้นล่างทันที

เหยียนเหวินอินเดินตามเธอลงไปอย่างไม่พอใจ

บนโต๊ะอาหาร คุรชายใหญ่ซิงและซิงจือเหยียนนั่งหันหน้าเข้าหากันที่ปลายโต๊ะทั้งสองด้าน บนโต๊ะยังมีที่ว่างอีกหลายที่

เซิ่นหรูซวงหยุดยืนอยู่ด้านหลังซิงจือเหยียน

เมื่อก่อน เธอจะนั่งข้าง ๆ ซิงจือเหยียนเสมอ คอยตอแยเขาและคีบกับข้าวให้เขา

ถึงแม้ว่าซิงจือเหยียนจะคอยเขี่ยกับข้าวที่เธอคีบให้ทิ้งออกไปจากชามเสมอ

ตอนนี้พอมองย้อนกลับไป ช่างเป็นเรื่องที่โง่เขลาเหลือเกิน

เธอเดินเข้าไปอย่างสงบ ดึงเก้าอี้ข้างคุณชายใหญ่ซิงออก แล้วนั่งลง

ท่าทางของเธอดูเป็นธรรมชาติ แต่ทำให้คุณชายใหญ่ซิงและคนรับใช้คนอื่น ๆ มองมาด้วยความประหลาดใจ

แม้แต่ซิงจือเหยียนที่มองเธอเป็นเหมือนอากาศธาตุก็ยังหยุดใช้ตะเกียบและเหลือบมองเธอด้วยสายตาเย็นชา

ปกติแล้วไม่ว่าจะมีแขกคนไหนอยู่ เซิ่นหรูซวงก็จะนั่งข้างซิงจือเหยียนเสมอ และพูดจ้อไม่หยุดหย่อน ทำให้ซิงจือเหยียนรำคาญแต่เธอก็ไม่รู้ตัว

วันนี้ กลับเป็นครั้งแรก

เหยียนเหวินอินรีบเดินเข้ามาและดึงข้อมือของเธอ

"ทำไมลูกถึงมานั่งที่นี่ รีบไปนั่งข้างคุณซิงเร็วเข้า"

เซิ่นหรูซวงสะบัดมือของเหยียนเหวินอินออกอย่างง่ายดาย และหันไปมองคุณชายใหญ่ซิง: "คุณปู่คะ หนูขอนั่งตรงนี้ได้ไหมคะ?"

ดวงตาที่ขุ่นมัวของคุณชายซิงแสดงความสนใจเล็กน้อย: นั่งได้ก็จริง แต่ก่อนหน้านี้หลานนั่งข้างจือเหยียนตลอดไม่ใช่เหรอ? ทะเลาะกันเหรอ?"

"เปล่าค่ะ" เซิ่นหรูซวงก้มหน้าและพูดเสียงเบา

ซิงจือเหยียนที่ได้ยินคำพูดของเธอพลันหัวเราะเยาะในลำคอ

เสียงพูดของเซิ่นหรูซวงหยุดชะงักลง

สายตาของคุณชายซิงกวาดมองระหว่างเธอกับซิงจือเหยียน และพูดด้วยสายตายิ้ม ๆ: "เอาล่ะ ในเมื่อนั่งลงแล้วก็แล้วไป"

เหยียนเหวินอินจำต้องปล่อยมือและนั่งลงข้าง ๆ เซิ่นหรูซวงอย่างไม่พอใจ

ซิงจือเหยียนลดเปลือกตาลง สีหน้าเย็นชา และคีบผักสีเขียวสดขึ้นมาโดยไม่สนใจอะไรเลย

เซิ่นหรูซวงเหลือบมองเขาครู่หนึ่ง

เธอหวังว่าซิงจือเหยียนจะเห็นแก่การที่เธอไม่คอยตอแยเขาบนโต๊ะอาหารอีกต่อไป และจะลืมเรื่องที่เกิดขึ้นในห้องเมื่อครู่

อย่างไรก็ตาม ตอนนี้เธอกับเหยียนเหวินอินทำได้แค่ต้องอยู่ที่บ้านตระกูลซิงไปก่อน

ตระกูลซิงตอนนี้ก็เกือบจะอยู่ในมือของซิงจือเหยียนทั้งหมดแล้ว ถ้าทำให้ซิงจือเหยียนไม่พอใจ เธอกับเหยียนเหวินอินคงจะใช้ชีวิตอย่างยากลำบาก

กินข้าวไปไม่กี่คำ ก็ได้ยินคุณชายซิงถามขึ้นมาทันที

"จือเหยียน การไปเมืองฮัวชุยครั้งนี้ มั่นใจใช่ไหม?"

ซิงจือเหยียนตอบสั้น ๆ และชัดเจน "มั่นใจครับ ผมจะนำข่าวดีกลับมา"

คุณชายซิงที่ภูมิใจในตัวหลานชายที่ตัวเองเลี้ยงมาตั้งแต่เล็กก็พยักหน้าพร้อมรอยยิ้ม

"ดี ในด้านการงาน แกไม่ทำให้ฉันผิดหวังอยู่แล้ว"

"แต่" คุณชายซิงเปลี่ยนเรื่องทันที "ที่แกไปเมืองฮัวชุยเพราะมีจุดประสงค์อื่นอีกใช่ไหม?"

ครั้งนี้ซิงจือเหยียนไม่ได้ตอบกลับทันที แต่เงียบไปครู่หนึ่ง น้ำเสียงของเขาดูทุ้มและนุ่มนวลลง

"ใช่ครับ ทางลู่ลู่มีเรื่องบางอย่าง ที่ต้องการให้ผมช่วย"

เมื่อได้ยินชื่อเว่ยอวิ่นลู่หลุดออกมาจากปากของซิงจือเหยียนอย่างกะทันหัน เซิ่นหรูซวงกลับพบว่าในใจของเธอไม่มีความรู้สึกอะไรเลย จิตใจกลับสงบลงอย่างมาก และสามารถมองเรื่องราวของซิงจือเหยียนและเว่ยอวิ่นลู่จากมุมมองของคนนอกได้

คุณชายซิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วพูดว่า: "เรื่องของแกกับเธอ..."

"คุณปู่ครับ" ซิงจือเหยียนขัดจังหวะคุณชายซิงอย่างไม่เกรงใจ "นี่เป็นเรื่องระหว่างผมกับเธอ ไม่ต้องรบกวนคนอื่นหรอกครับ"

เซิ่นหรูซวงต้องยอมรับว่า ถ้ามองจากมุมมองของเว่ยอวิ่นลู่แล้ว ซิงจือเหยียนเป็นผู้ชายที่ดีจริง ๆ

เพราะหน้าที่การงานและการศึกษา เว่ยอวิ่นลู่จึงไปอยู่ต่างประเทศหลายปี

แม้จะเป็นเช่นนั้น ซิงจือเหยียนก็ยังมีเว่ยอวิ่นลู่ในใจตลอดมา หลายปีที่ผ่านมาเขายังคงรักนวลสงวนตัว ไม่เคยมีข่าวฉาวเลยแม้แต่น้อย

แม้ว่าเธอกับซิงจือเหยียนจะมีความสัมพันธ์กันโดยถูกบังคับ และให้กำเนิดกั่วกั่ว แต่ในใจของซิงจือเหยียนก็ยังมีแค่เธอคนเดียว

เหมือนตอนนี้ ซิงจือเหยียนไม่ยอมให้ใครมาวิพากษ์วิจารณ์เรื่องของเขากับเว่ยอวิ่นลู่เลย แม้แต่คนที่เลี้ยงดูเขามาอย่างคุณปู่ก็ตาม

เหยียนเหวินอินที่อยู่ข้าง ๆ หยิกเนื้อที่ต้นขาของเธอเบา ๆ เป็นการบอกใบ้ให้เธอสร้างความสนใจต่อหน้าซิงจือเหยียน

เซิ่นหรูซวงไม่สนใจ ก้มหน้ากินข้าวต่อไป

คุณชายซิงมองมาที่เธออีกครั้ง

เมื่อก่อนแค่พูดถึงแฟนสาวคนแรกของซิงจือเหยียน เซิ่นหรูซวงก็จะแสดงสีหน้าไม่พอใจและบอกให้ซิงจือเหยียนห้ามพูดถึงอีก

แต่ทำไมตอนนี้ถึงได้ดูไม่แยแสแบบนี้?

แม้แต่ซิงจือเหยียนที่ปกติไม่เคยสนใจเซิ่นหรูซวงก็ยังสังเกตเห็นความผิดปกติของเธอ

รอยยิ้มที่มุมปากของซิงจือเหยียนดูเยาะเย้ยเล็กน้อย

เมื่อครู่ยังพูดเรื่องการยั่วยวนอยู่เลย ทำไมตอนนี้ถึงทำตัวแบบนี้?

เซิ่นหรูซวงยังไม่ทันวางตะเกียบ ซิงจือเหยียนก็ลุกขึ้นยืน

"ที่บริษัทยังมีงานต้องสะสาง ผมขอตัวก่อนนะครับ"

ห้าทุ่ม เซิ่นหรูซวงได้เข้านอนไปแล้ว

แต่จู่ ๆ ก็ได้ยินเสียงรถคันหนึ่งขับเข้ามาในบริเวณบ้าน

น่าจะเป็นซิงจือเหยียนที่ทำงานล่วงเวลาแล้วเพิ่งกลับมา

เธอรู้สึกง่วงนอนเต็มที แต่จู่ ๆ เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น

เธอเปิดไฟแล้วลุกขึ้นนั่ง "เข้ามา"

คนรับใช้ยืนอยู่ที่หน้าประตู น้ำเสียงมีความเย่อหยิ่งอยู่บ้าง "คุณหนูเซิ่นคะ ดูเหมือนท่านประธานซิงจะเมา คุณหนูอยากไปต้มซุปแก้เมาให้ท่านประธานซิงไหมคะ?"

เซิ่นหรูซวงเงียบไปและลดเปลือกตาลง

ชาติที่แล้ว เธออยากทำให้ซิงจือเหยียนพอใจ มักจะต้มซุปแก้เมาให้เขาหนึ่งชามเสมอเมื่อเขากลับมาจากงานเลี้ยง

และไม่เคยยอมให้คนรับใช้เข้ามาเกี่ยวข้อง ต้องทำเองทั้งหมด และต้องเฝ้าดูให้ซิงจือเหยียนดื่มมันจนหมดด้วยตาตัวเอง

แต่ตอนนี้ เธอไม่ต้องการทำแบบนั้นแล้ว

เธอนอนลงและหลับตา

"พวกเธอไปต้มเถอะ ฉันเหนื่อยแล้ว"
Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • มรสุมรัก CEO ซาตาน   บทที่ 263

    จอภาพขนาดใหญ่ด้านหลังยังคงฉายคลิปวิดีโอต่อไป บทเพลงเปียโนที่เคอซานเหมยบรรเลงในวิดีโอนั้นเหมือนกับบทเพลงที่เซิ่นหรูซวงบรรเลงทุกประการ ประสานเสียงกันได้อย่างลงตัวผู้ชมด้านล่างเวทีต่างพากันส่งเสียงฮือฮาเพราะเว่ยอวิ่นลู่พูดยอมรับกับปากของตัวเองว่าลอกเลียนแบบเพราะเว่ยอวิ่นลู่ไม่ใช่เคอซานเหมย และเคอซานเหมยเป็นคนคนหนึ่งที่มีอยู่จริงข้อมูลที่ถาโถมเข้ามานั้นท่วมท้นมากเสียจนกรรมการและผู้ชมด้านล่างเวทีต่างตกตะลึง ไม่มีใครกล้าพูดอะไรออกมา“เธอเตรียมตัวมาดีมากเลยนี่” เซิ่นหรูซวงได้ยินเสียงเย็นเยียบของตัวเอง พยายามระงับซ่อนความโกรธที่แทบไม่มีคนรู้เอาไว้ “เธอเคยสืบค้นข้อมูลของเคอซานเหมยมาก่อน ถึงได้รู้เรื่องของเธอมากขนาดนี้”หยาดน้ำตาสีใสหยดลงมาจากปลายหางตาของเว่ยอวิ่นลู่ เธอยิ้มออกมาด้วยความรู้สึกคิดถึงปนโล่งใจ ยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาออกพร้อมยกริมฝีปากขึ้นเป็นรอยยิ้มจาง ๆ “หรูซวง ฉันรู้ว่าตอนนี้เธอเข้าใจฉันผิด ฉันเองก็เข้าใจ”“แต่ฉันหวังว่าเธอจะเข้าใจฉันบ้าง ฉันไม่รู้จริง ๆ ว่าเธอเองก็วางแผนให้อาเหมยและห่วงใยเธอมากขนาดนี้ ถ้าฉันรู้ บางทีฉันคงไม่เลือกเดินเส้นทางนี้หรอก”ในขณะที่พูด เธอก็ยิ้มรา

  • มรสุมรัก CEO ซาตาน   บทที่ 262

    หลังจากคลิปวิดีโอเริ่มฉายไปได้ประมาณครึ่งนาที ผู้ชมต่างเงียบกริบทุกคนต่างฟังออกได้ในทันทีว่าในคลิปวิดีโอ เคอซานเหมยกำลังเล่นเพลง ‘ความปรารถนา’ท่าทีของแฟนคลับของเว่ยอวิ่นลู่เปลี่ยนจากความดูถูกเหยียดหยามในตอนแรกเป็นความประหลาดใจ และในท้ายที่สุดใบหน้าของพวกเขาก็แข็งค้างพวกเขาหยิบโทรศัพท์ออกมา รีบร้อนพิมพ์ค้นหาเวลาที่เร็วที่สุดที่เพลง ‘ความรัก’ ของเว่ยอวิ่นลู่ปล่อยออกมาด้วยนิ้วมือสั่นเทาถ้าเว่ยอวิ่นลู่ไม่ใช่เคอซานเหมย ถ้าอย่างนั้นระหว่างเพลง‘ความปรารถนา’ และเพลง ‘ความรัก’ ก็ต้องมีเรื่องการลอกเลียนแบบเข้ามาเกี่ยวพันอย่างแน่นอนสิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้คือการหาว่าเพลงเปียโนสองเพลงนี้เพลงไหนถูกปล่อยออกมาก่อนกัน และเพลงไหนที่ลอกเลียนแบบวันที่ถ่ายทำคลิปวิดีโอแสดงไว้อย่างชัดเจนที่มุมขวาบนของจอภาพสิ่งที่ต้องหาตอนนี้คือวันที่เพลง ‘ความรัก’ ของเว่ยอวิ่นลู่ปล่อยออกมา“เดี๋ยวก่อน ดูบนเวทีสิ”แฟนคลับคนนั้นยังไม่ทันได้กดค้นหาก็โดนคนด้านข้างขัดจังหวะขึ้นเสียก่อนเขาเงยหน้าขึ้นมองบนเวที สายตาจ้องเขม็งไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่เว่ยอวิ่นลู่เดินจากที่นั่งผู้ชมขึ้นไปยังบนเวที เวลานี้ เธอยืนอยู่

  • มรสุมรัก CEO ซาตาน   บทที่ 261

    ไม่กี่วินาทีต่อมา ภาพก็ปรากฏชัดเจนมากขึ้นเป็นภาพของห้องเปียโนที่แสนเรียบง่าย พร้อมเปียโนที่แค่มองก็เห็นได้ว่าเป็นเปียโนราคาถูกหนึ่งหลัง และหญิงสาวงดงามสะอาดตาที่สวมชุดเดรสลายดอกไม้เรียบ ๆ รวบผมครึ่งศีรษะ เธอก้มศีรษะลงมาเล็กน้อย ปอยผมคลอเคลียอยู่บริเวณด้านข้างใบหน้า“ครูคะ โอเคแล้วค่ะ”น้ำเสียงใสซื่อไร้เดียงสาเปี่ยมไปด้วยความอ่อนเยาว์ดังก้องขึ้นในวิดีโอ หญิงสาวที่ปรากฏในวิดีโอไม่ได้ปริปากพูดอะไรออกมา น่าจะเป็นเสียงของคนที่กำลังถ่ายวิดีโอเมื่อได้ยินเสียงนี้ คนส่วนใหญ่ในห้องแสดงล้วนรู้สึกคุ้นเคยเป็นอย่างมากขณะที่ทุกคนกำลังครุ่นคิด เสียงนั้นก็ดังขึ้นอีกครั้ง “เร็วสิคะคุณครู ไม่ต้องเขินหรอก บทบรรเลงเสียงเปียโนที่เพราะขนาดนี้เราก็ต้องอัดไว้ให้ดีสิคะ”ทุกคนค่อย ๆ หันไปมองเซิ่นหรูซวงช้า ๆ และกระจ่างแจ้งในทันทีเสียงในคลิปวิดีโอคล้ายกับเสียงของเซิ่นหรูซวงในตอนนี้มาก ดังนั้นคนที่ถ่ายคลิปวิดีโออยู่คือเซิ่นหรูซวง!หญิงสาวในคลิปวิดีโอเอียงศีรษะพลางยิ้มบาง ๆ สีหน้าเต็มไปด้วยความระอาใจ แต่น้ำเสียงกลับเต็มไปด้วยความอ่อนโยน “โอเค ถ้าเธอบอกว่าได้ก็คือได้ล่ะนะ”“เดี๋ยว เดี๋ยว เดี๋ยวก่อนค่ะ!”

  • มรสุมรัก CEO ซาตาน   บทที่ 260

    เว่ยอวิ่นลู่กำมือแน่น แต่สีหน้าก็ยังดูนิ่งเฉยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แถมยังยิ้มบาง ๆ ที่มุมปากยิ่งเป็นช่วงเวลาแบบนี้ ยิ่งต้องใจเย็นและคุมสถานการณ์ให้ได้นิ่งเท่านั้นถึงจะชนะ ไม่ให้เซิ่นหรูซวงได้ทำสำเร็จแน่เว่ยอวิ่นลู่เอาแต่จ้องมองไปที่เวทีตลอด แล้วสายตาของเธอก็หยุดอยู่ที่มุมใดมุมหนึ่งของเวทีนั้นทันทีสายตาเธอชะงักไปนิดนึง มีแววตาบางอย่างฉายวาบขึ้นมา แล้วเธอก็ค่อย ๆ ก้มหน้าลง“เป็นอะไรไป?”ซิงจือเหยียนเหมือนจะโน้มตัวเข้ามาใกล้อย่างกะทันหัน แล้วกระซิบข้างหูเธอ เสียงที่พูดออกมาก็นุ่มทุ้มใจของเว่ยอวิ่นลู่เต้นตึกตักนิดนึง เธอค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นมอง แล้วยิ้มอย่างอ่อนโยนพร้อมกับพูดว่า “ไม่มีอะไรหรอก คุณไม่ต้องกังวลนะ”ดวงตาที่สวยคมเข้มของซิงจือเหยียนดูลึกลับและมืดมิดไปอีกท่ามกลางบริเวณที่นั่งผู้ชมที่ค่อนข้างมืดสลัว เขาหล่อจนเกินจริงมาก ๆ เว่ยอวิ่นลู่มองแล้วก็หน้าแดงใจเต้น “มองฉันแบบนี้ทำไมเหรอ?”ซิงจือเหยียนพูดว่า “ฉันจำได้ว่าเพลงของเซิ่นหรูซวงมีจุดขัดแย้งกับเพลงของเธออยู่หน่อยนะ”เว่ยอวิ่นลู่ตะลึงไปเล็กน้อยถ้าเธอจำไม่ผิด เรื่องบทเพลงนี้ ซิงจือเหยียนเคยได้ยินเซิ่นหรูซวงเล่นแค่ครั

  • มรสุมรัก CEO ซาตาน   บทที่ 259

    “เพลงที่เล่นไม่ใช่เพลง “ความรัก” ของเว่ยอวิ่นลู่เหรอ? เป็นเพลง “ความปรารถนา” ของเคอซานเหมย แต่นั่นก็เป็นผลงานของเว่ยอวิ่นลู่เหมือนกันไม่ใช่เหรอ?"“เซิ่นหรูซวงบ้าไปแล้วหรือ? เอาอีกแล้ว? บทเรียนครั้งเดียวยังไม่ทำให้เธอยอมแพ้อีกเหรอ ก็บอกไปหมดแล้วว่าเคอซานเหมยก็คือนามแฝงของเว่ยอวิ่นลู่ไม่ใช่หรือไง? ไม่รู้จักจบจักสิ้นจริง ๆ!”“นั่นสิ ฉันว่าเธอคงอิจฉา เห็นเว่ยอวิ่นลู่กำลังจะคว้าแชมป์ ก็เกิดอิจฉาตาร้อน ทำเหมือนว่าตัวเองไม่ได้ดี คนอื่นก็อย่าหวังมีความสุขด้วยทำนองนั้น!”จวงเหมยจับใจความชื่อของเคอซานเหมยได้อย่างรวดเร็ว ขมวดคิ้ว แววตามีความประหลาดใจแวบหนึ่งเมื่อมีทีมรักษาความปลอดภัยอยู่ตรงนั้น กลุ่มผู้ชมก็ไม่ได้พูดคุยกันนาน พวกเขาถูกบังคับให้หยุดพูด ทำให้จวงเหมยอยากฟังต่อก็ทำไม่ได้ชื่อของเคอซานเหมย ดูเหมือนเธอจะเคยได้ยินที่ไหนมาก่อนนะขณะที่กำลังคิดอยู่นั้น เธอก็เผลอหันไปมองเว่ยอวิ่นลู่ที่อยู่ด้านหลังซ้ายมือโดยไม่ตั้งใจเพียงแวบเดียวเท่านั้น ความสงสัยในใจของจวงเหมยก็ยิ่งลึกมากขึ้นถึงแม้เว่ยอวิ่นลู่จะยังคงรักษาความสงบและอ่อนโยนเหมือนปกติ แต่จวงเหมยก็สังเกตเห็นความรู้สึกกังวลและความกลัว

  • มรสุมรัก CEO ซาตาน   บทที่ 258

    ซิงจือเหยียนพูดเสียงเบาว่า “ได้สิ เดี๋ยวฉันให้ผู้ช่วยจัดการ เธอไม่ต้องกังวลเรื่องนี้หรอก”เว่ยอวิ่นลู่เม้มปากยิ้ม “ขอบคุณนะคะ อาเหยียน”จวงเหมยขมวดคิ้วเล็กน้อย ก้มหน้าลงอย่างรู้สึกเสียดายการแข่งขันเปียโนเย่ว์ไห่รอบชิงชนะเลิศให้ความสำคัญกับความคิดสร้างสรรค์ของผู้เข้าแข่งขันมาโดยตลอด ดังนั้นเกณฑ์การให้คะแนนในรอบชิงชนะเลิศจึงแตกต่างจากรอบแรกและรอบคัดเลือกเล็กน้อย โดยมีคะแนนสำหรับการสร้างสรรค์ผลงานอิสระอยู่ที่ห้าเปอร์เซ็นต์ ถึงแม้สัดส่วนจะไม่สูงมากนัก แต่ก็สามารถส่งผลต่อคะแนนและอันดับโดยรวมได้ดังนั้นผู้เข้าแข่งขันคนอื่น ๆ จึงเลือกเล่นเพลงที่พวกเขาแต่งขึ้นเองมีแค่เซิ่นหรูซวงเท่านั้นที่ไม่ได้เลือกเพลงที่ตัวเองแต่งซ้ำยังเป็นเพลงที่เว่ยอวิ่นลู่แต่งขึ้นมาอีกด้วยนั่นหมายความว่า คะแนนห้าเปอร์เซ็นต์ของเซิ่นหรูซวงหายไป ถ้าเธอไม่ได้บรรเลงได้ยอดเยี่ยมจนน่าทึ่งจริง ๆ ก็คงยากที่จะสู้กับผู้เข้าแข่งขันเก่ง ๆ คนอื่นได้เมื่อคิดถึงความสัมพันธ์ที่ละเอียดอ่อนระหว่างเซิ่นหรูซวงกับเว่ยอวิ่นลู่แล้ว จวงเหมยก็รู้สึกปวดหัวขึ้นมาทันทีคนที่มาในงานส่วนใหญ่เป็นแฟนคลับของเว่ยอวิ่นลู่ จวงเหมยภาวนาให้แฟนคล

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status