แชร์

บทที่ 4

ผู้เขียน: เกาะลอยน้ำ
ในแววตาของคนรับใช้มีความสงสัยและประหลาดใจอยู่บ้าง เธอจ้องมองก้อนนูน ๆ ใต้ผ้าห่มด้วยความลังเล

เธอยังรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อย เซิ่นหรูซวงก็แค่ลูกสาวของคนขับรถคุณผู้ชาย มีสิทธิ์อะไรมาสั่งให้เธอทำงาน

"คุณหนูเซิ่นคะ เรื่องนี้เป็นเรื่องที่คุณควรจะทำอยู่แล้ว"

เซิ่นหรูซวงไม่ได้สนใจ

ผ่านไปนาน คนรับใช้จ้องมองก้อนนูนใต้ผ้าห่มอยู่สักพัก ก่อนค่อย ๆ ปิดประตูลง

หลังจากซิงจือเหยียนอาบน้ำเสร็จและออกมาจากห้อง ก็เห็นไฟในครัวชั้นล่างเปิดอยู่ และมีเสียงชามกับอ่างกระทบกันดังออกมาเบา ๆ

เขาหรี่ตาลงเล็กน้อย ยกมือขึ้นใช้นิ้วถูที่ขมับเพื่อบรรเทาความรู้สึกไม่สบายหลังจากการดื่ม

ไม่ได้คิดอะไรมาก ซิงจือเหยียนก็ลงไปชั้นล่างอย่างรวดเร็ว พลางนั่งลงบนโซฟาในห้องนั่งเล่น แล้วหลับตาพักผ่อน

ห้านาทีต่อมา คนรับใช้ก็ออกมาจากครัว ในมือถือซุปแก้เมาที่ยังร้อนอยู่แล้ววางไว้ตรงหน้าซิงจือเหยียน

"คุณซิงคะ ซุปแก้เมายังร้อนอยู่ ค่อย ๆ ทานนะคะ"

เมื่อได้ยินเสียงที่แตกต่างไปจากที่คาดไว้ ซิงจือเหยียนก็ลืมตาขึ้น มองคนรับใช้ที่อยู่ตรงหน้า คิ้วขมวดเล็กน้อย

"ทำไมเป็นเธอ?"

คนรับใช้มองสีหน้าของเขาอย่างระมัดระวัง ในแววตามีความร้ายกาจเล็กน้อย

งานนี้แต่เดิมควรจะเป็นของเซิ่นหรูซวง ถ้าไม่ใช่เพราะเซิ่นหรูซวงปัดความรับผิดชอบ เธอก็ไม่จำเป็นต้องมาคอยปรนนิบัติซิงจือเหยียนอยู่ที่นี่

"คุณหนูเฉินไม่ยอมมาค่ะ ฉันเรียกเธอตั้งหลายครั้งแล้ว คุณซิงคะ คุณต้องสั่งสอนเธอให้หนัก ปล่อยให้คุณหนูเซิ่นเป็นแบบนี้ต่อไปไม่ได้นะคะ"

เมื่อได้ยินดังนั้น ซิงจือเหยียนก็มองไปที่ห้องของเซิ่นหรูซวง

ประตูห้องของเซิ่นหรูซวงอยู่ตรงกับห้องนั่งเล่นพอดี จึงสามารถมองเห็นได้ในทันที

ประตูถูกปิดสนิทเอาไว้ ดูเหมือนเธอจะหลับไปแล้วจริง ๆ อย่างที่คนรับใช้ว่า

ซิงจือเหยียนหยิบชามขึ้นมาด้วยสีหน้าสงบนิ่ง ไม่แสดงอาการใด ๆ

"รู้แล้ว"

เขาเพิ่งดื่มไปแค่คำเดียว คิ้วก็ขมวดเข้าหากันแล้ว

หัวใจของคนรับใช้เต้นระรัว: "คุณซิงคะ ไม่อร่อยเหรอคะ?"

ซิงจือเหยียนจิบซุปแก้เมาเข้าไปคำหนึ่ง ไม่ได้ตอบอะไรออกมา

รสชาติไม่เหมือนเดิมจริง ๆ

เซิ่นหรูซวงมาอยู่บ้านตระกูลซิงมาตั้งแต่อายุสิบสี่ขวบ

หลังจากมาอยู่ได้ครึ่งปี เซิ่นหรูซวงก็คอยต้มซุปแก้เมาให้เขาตลอด

เธอเองชอบรสหวาน จึงคิดไปเองว่าทุกคนก็น่าจะชอบรสหวานเหมือนกัน ดังนั้นเธอจึงใส่น้ำตาลลงในซุปแก้เมา ทำให้มีรสหวานเข้มข้นมาก

เดิมทีเขาไม่ชอบรสหวาน ตอนเริ่มดื่มครั้งแรก ก็ไม่สามารถปรับตัวได้เลย

แต่เห็นแก่เซิ่นหรูซวงที่ยังเด็กอยู่ เขาเคยบอกเธออ้อม ๆ ว่าไม่ต้องต้มมาให้อีก แต่น่าเสียดายที่เซิ่นหรูซวงดูเหมือนจะไม่เข้าใจความหมายที่ซ่อนอยู่ เธอก็ยังคงต้มมันทุกวัน

นานวันเข้า เขาก็ปรับตัวเข้ากับซุปแก้เมาที่มีรสหวานได้

ส่วนซุปแก้เมาที่จืดชืดในตอนนี้ เมื่อดื่มแล้วกลับไม่ค่อยถูกปาก

ซิงจือเหยียนดื่มไปสองคำแล้วก็วางลง

คนรับใช้ตกใจ มองหน้าของซิงจือเหยียนอย่างกังวล "คุณซิงคะ ไม่ทานแล้วเหรอคะ?"

เธอรู้สึกกังวลเล็กน้อย ซิงจือเหยียนดูเหมือนจะไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่นัก

แต่เธอเพิ่งจะชิมไป รสชาติของซุปแก้เมาก็ดีไม่ได้แย่เลยด้วย

ซิงจือเหยียนตอบ "อืม" คำเดียว แล้วเดินขึ้นชั้นบนไป

ตอนแรกคนรับใช้ไม่ได้สนใจว่าซิงจือเหยียนจะไปไหน แต่เมื่อได้ยินเสียงเปิดประตู เธอก็ต้องตกใจ

เธอเงยหน้าขึ้นและเห็นว่าซิงจือเหยียนกำลังเปิดประตูห้องของเซิ่นหรูซวง

เหมือนได้เห็นความลับที่ไม่สามารถบอกใครได้ของตระกูลผู้มีอิทธิพล คนรับใช้รีบก้มหน้าลงทันที แล้วถือชามเข้าไปในครัว

เมื่อได้ยินเสียงกรอบแกรบที่ข้างหู เซิ่นหรูซวงค่อย ๆ ลืมตาขึ้นอย่างเลือนลาง

ทันใดนั้นเธอก็เห็นเงาร่างสูงใหญ่สีดำที่นั่งอยู่หน้าโต๊ะหนังสือภายใต้แสงไฟสลัว ๆ

ในชั่ววินาทีนั้น หัวใจของเธอแทบจะหลุดออกมาจากอก

หลังจากเห็นใบหน้าด้านข้างของคนนั้นชัดเจนแล้ว เธอก็ลุกขึ้นนั่งจากเตียง

"ซิงจือเหยียน?"

ซิงจือเหยียนวางหนังสือในมือลงบนโต๊ะ แล้วหันหน้ามามอง ใบหน้าด้านข้างที่ดูเฉียบคมและเย็นชาใต้แสงไฟที่สลัว ดวงตาสีดำเรียวยาวเปล่งประกายคมกริบ

เซิ่นหรูซวงจับผ้าห่มบนตัวแน่นด้วยความระมัดระวัง "ซิงจือเหยียน นายมาทำอะไร?"

ซิงจือเหยียนลุกขึ้นยืนทันที แล้วเดินเข้ามาใกล้เธอ มองเธอจากจุดที่อยู่สูงกว่า น้ำเสียงเบาฟังไม่ได้ศัพท์

"เธอเรียกฉันว่าอะไร?"

"อะไร?"

เซิ่นหรูซวงไม่ทันได้ตั้งตัว ซิงจือเหยียนจับคางของเธอเข้าทันที แล้วใช้ปลายนิ้วบีบลงบนผิวอันบอบบางของเธออย่างแรง เพื่อเชยใบหน้าของเธอขึ้น

"เซิ่นหรูซวง" เสียงของซิงจือเหยียนเย็นชา อารมณ์ในดวงตาสีดำของเขาดูมืดมน "ทำไมถึงทำตัวเอาแต่ใจแบบนี้?"

เซิ่นหรูซวงพลันตระหนักได้ว่าซิงจือเหยียนกำลังพูดถึงอะไร ที่ตัวเองเรียกชื่อเขาว่า "ซิงจือเหยียน" ไม่ใช่ "พี่จือเหยียน" อย่างที่เคยเรียก

มือของเธอกำผ้าปูที่นอนแน่น พยายามควบคุมน้ำเสียงให้นิ่ง

"เปล่า ฉันแค่เหนื่อย อยากนอนแล้ว"

ซิงจือเหยียนหัวเราะในลำคอ แล้วจับคางของเธอเอาไว้แน่น "เธอคิดว่าฉันจะเชื่อเหรอ?"

เซิ่นหรูซวงรู้สึกว่า เธอต้องพูดกับซิงจือเหยียนให้ชัดเจน เพื่อสร้างระยะห่างระหว่างคนทั้งสอง และเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาเล็ก ๆ น้อย ๆ ลง

"เรื่องเมื่อตอนบ่าย แม่ของฉันพูดผิดไป ฉันขอโทษคุณแทนแม่ด้วย คำพูดเหล่านั้น ไม่ใช่สิ่งที่ฉันรู้สึกจริง ๆ"

ในความมืดนั้น เสียงของหญิงสาวดังชัดเจนและหนักแน่น แววตาแสดงออกถึงความจริง

"พี่จือเหยียน ต่อไปนี้ หนูจะทำตัวดี ๆ และจะไม่ไปรบกวนพี่อีก"

"พี่วางใจได้ หนูเองก็ ก็ไม่ได้คิดจะยั่วยวนพี่"

คำพูดไม่กี่คำนี้ เซิ่นหรูซวงพูดออกไปอย่างยากลำบาก แต่ก็ยังดีที่พูดจนจบ

ซิงจือเหยียนปล่อยมือออกทันที คว้าหนังสือเล่มหนึ่งบนโต๊ะหนังสือแล้วโยนไปตรงหน้าเธอ

หนังสือที่ถูกเปิดออกนั้น เซิ่นหรูซวงเห็นได้อย่างชัดเจนว่าบนกระดาษหลายแผ่นนั้น เต็มไปด้วยคำว่า "ซิงจือเหยียน" ที่เธอเขียนขึ้นด้วยลายมือที่สวยงาม

มีแต่คำว่า "ซิงจือเหยียน" เต็มไปหมด

ลมหายใจของเซิ่นหรูซวงหยุดชะงักไปชั่วขณะ ใบหน้าของเธอซีดเผือด

นั่นคือสิ่งที่เธอเขียนไว้ก่อนที่จะเกิดใหม่

เธอไม่มีเวลาทำลายมัน และไม่น่าเชื่อว่าจะถูกซิงจือเหยียนเห็นเข้า

ซิงจือเหยียนจับคางของเธออีกครั้ง สายตาที่คมกริบจ้องไปที่ดวงตาของเธอ เสียงของเขาเย็นชาเหมือนอยู่ในฤดูหนาวที่หนาวที่สุด

"ก่อนที่จะโกหก ช่วยซ่อนหางจิ้งจอกของเธอให้ดีก่อน"

เมื่อซิงจือเหยียนจากไป

ความง่วงของเซิ่นหรูซวงก็หายไปเกือบหมด

เธอหยิบสมุดเล่มนั้นขึ้นมา ฉีกกระดาษทุกแผ่นที่มีชื่อซิงจือเหยียนออก แล้วฉีกมันเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย

จริง ๆ แล้วเมื่อหนึ่งปีก่อน ความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับซิงจือเหยียนไม่ได้เย็นชาขนาดนี้

ตอนเธอเพิ่งมาอยู่บ้านตระกูลซิง ซิงจือเหยียนพาเธอทำความคุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมตลอดเวลา อดทนฟังเธอพูดเรื่องราวต่าง ๆ เป็นพี่ชายที่คอยยื่นนมร้อนให้เธอในตอนกลางคืน

ทุกอย่างจบลงเมื่อเว่ยอวิ่นลู่กลับมาจากต่างประเทศ

เธอจำได้เสมอว่า เว่ยอวิ่นลู่เอาจดหมายรักที่เธอแอบเขียนไปให้ซิงจือเหยียนดู จากนั้นก็เกาะติดเขา หมือนงูเหลือมที่สวยงามและเซ็กซี่ที่พันอยู่รอบตัวของซิงจือเหยียน

ส่วนซิงจือเหยียนที่ปกติสุขุมและมั่นคง ยอมให้เว่ยอวิ่นลู่โอบรอบคอเขาด้วยแขนที่ขาวเนียนและเซ็กซี่ต่อหน้าผู้คนมากมาย ปล่อยให้ข่าวซุบซิบและข่าวฉาวแพร่กระจายไปทั่ว และพูดกระซิบเบา ๆ ว่า

"ซิงจือเหยียน ฉันไม่ชอบให้มีผู้หญิงที่ชอบเธออยู่ข้าง ๆ เธอ แม้ว่าเธอจะเป็นแค่นักเรียนมัธยมปลายก็ตาม"

"ซิงจือเหยียน ระหว่างฉันกับเซิ่นหรูซวง เธอจะเลือกใคร?"

เมื่อได้ยินคำพูดของเว่ยอวิ่นลู่ ซิงจือเหยียนก็ตอบอย่างตรงไปตรงมา

"เลือกเธอ"

เธอยังคงจำความรังเกียจในแววตาของซิงจือเหยียนรวมถึงน้ำเสียงที่เย็นชาของเขาได้อย่างดี

"เซิ่นหรูซวง อย่าเอาความคิดสกปรกของเธอมาใส่ฉัน"

ในสายตาของซิงจือเหยียน ความรักของเธอเหมือนขยะในท่อระบายน้ำ แค่มองก็รู้สึกขยะแขยง

เมื่อก่อนเธอเคยกลัวแววตารังเกียจของซิงจือเหยียนมากขนาดไหน ตอนนี้เธอก็อยากจะหนีห่างจากเขามากเท่านั้น

หลังจากหลุดออกจากห้วงความทรงจำ เซิ่นหรูซวงก็ล้มตัวลงนอนบนเตียงอย่างเหนื่อยล้า

เมื่อคืนเซิ่นหรูซวงนอนดึก แต่ในตอนเช้าตรู่ ก็มีคนเปิดประตูห้องของเธอและดึงเธอจากเตียงอย่างรวดเร็ว

"รีบลุกขึ้นเร็ว คุณซิงกำลังจะไปต่างจังหวัดแล้ว แกก็รีบเก็บของซะ"

เซิ่นหรูซวงเอาหน้าซุกเข้าไปในผ้าห่ม พลางข่มความโกรธไว้ "หนูบอกไปแล้วว่าฉันไม่ไป!"

เหยียนเหวินอินเริ่มโมโห ดึงเธอลงมาจากเตียงอย่างแรง

"ตอนนี้เป็นช่วงปิดเทอมฤดูร้อน แกเองก็ว่าง แกไม่อยากไปก็ต้องไป จะมาทำตามใจตัวเองไม่ได้!"
อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • มรสุมรัก CEO ซาตาน   บทที่ 450

    เซิ่นหรูซวงค่อย ๆ พบว่าแก้วน้ำของเธอไม่เคยว่างเปล่าเลย อุณหภูมิของน้ำในแต่ละครั้งที่ดื่มก็พอดีเป๊ะ ดื่มแล้วรู้สึกชุ่มคอมากเซิ่นหรูซวงเบ้ปากเธอโกรธก็คือโกรธจริง ๆ และก็ไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าทำไมวันนั้นสือเหยาถึงได้โกรธรุนแรงขนาดนั้น ราวกับว่าซิงจือเหยียนเป็นศัตรูคู่อาฆาตของเขาอย่างไรก็ตาม ถึงแม้เธอจะโกรธมากแค่ไหน ก็ไม่มีทางที่จะโกรธสือเหยาได้นานสือเหยาช่วยเธอไว้มากมายหลายเรื่อง เธอจดจำไว้ในใจเป็นอย่างดีเพียงชั่วพริบตา ก็ถึงเวลานัดพบกับซิงจือเหยียนแล้วตอนที่เซิ่นหรูซวงขึ้นรถ เธอได้เตือนสือเหยาอีกครั้งว่าอย่าตามมา ให้ติดตามเจียงเสี่ยวชุนอย่างว่านอนสอนง่ายสือเหยายืนพยักหน้าอย่างว่าง่ายอยู่ที่ข้างรถเซิ่นหรูซวงไม่ค่อยเชื่อว่าสือเหยาจะว่าง่ายขนาดนี้ เธอจึงดึงเจียงเสี่ยวชุนมาต่อหน้าเขา พร้อมกับกำชับว่าให้จับตาดูสือเหยาให้ดี อย่าให้เขาตามมาเจียงเสี่ยวชุนเข้าใจเรื่องราวในอดีตของเซิ่นหรูซวงกับซิงจือเหยียนเป็นอย่างดี และเข้าใจเหตุผลที่เซิ่นหรูซวงตัดสินใจทำแบบนั้น เธอจึงพยักหน้าโดยไม่ต้องคิดมาก “ได้ เธอไปจัดการธุระได้เลย ถ้ามีอะไรก็โทรหาฉันนะ”เซิ่นหรูซวงพยักหน้าแล้วให้คนขับขับรถออก

  • มรสุมรัก CEO ซาตาน   บทที่ 449

    รอยที่แก้มแดงก่ำกว่าเดิมหลายเท่าสือเหยาหอบหายใจอย่างหนัก ความรู้สึกที่เสียใจ จนใจ หงุดหงิด หึงหวง และอารมณ์วุ่นวายอื่น ๆ อีกมากมาย หลั่งไหลเข้ามา กระแทกที่หัวใจจนสับสนอลหม่าน ทำให้เขารู้สึกเจ็บปวดไปทั้งร่างกายเป็นฝ่ามือของเซิ่นหรูซวงที่เรียกสติของเขากลับคืนมาเขาได้แต่สำนึกผิดอย่างไม่มีที่สิ้นสุด เมื่อรู้สึกตัวถึงท่าทีและสิ่งที่พูดออกไปใส่เซิ่นหรูซวงแล้ว ตอนนี้สือเหยาแทบอยากจะวิ่งกลับเข้าไปในห้องทำงาน และยอมให้เซิ่นหรูซวงตบอีกสองสามครั้ง จนกว่าเธอจะหายโกรธเขาพูดคำพูดแบบนั้นกับเซิ่นหรูซวงได้อย่างไรเขาทำไปได้อย่างไร?เมื่อสติกลับคืนมา สือเหยาได้แต่เจ็บแค้นตัวเองที่ไม่สามารถควบคุมตนเองต่อหน้าผู้หญิงที่เขารักได้ ทั้งยังขาดความสุภาพ ขาดความยับยั้งชั่งใจ พูดไม่คิดจนทำร้ายจิตใจเซิ่นหรูซวง และทำให้ระยะห่างระหว่างเขากับเซิ่นหรูซวงไกลออกไปจนเกินเอื้อมอีกแล้วเป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกว่าตัวเองเป็นสัตว์เดรัจฉาน เป็นคนเลวทรามที่ไม่น่าให้อภัยสือเหยาคอตก ใช้มือทั้งสองข้างบีบขมับตัวเองแล้วถอนหายใจอย่างหนักเซิ่นหรูซวงคงจะโมโหมากแล้วแน่ ๆเขาไม่เคยเห็นเซิ่นหรูซวงเฉียบขาดและดุดันขนาดนี้ม

  • มรสุมรัก CEO ซาตาน   บทที่ 448

    สือเหยายืนนิ่งไม่ขยับไปไหน ส่วนแขนก็ยังคงจับพยักเก้าอี้ไว้เหมือนเดิมเซิ่นหรูซวงโกรธจัด ยกเท้าขึ้นเตะเข้าที่หน้าท้องของสือเหยาอย่างแรงเธอไม่ได้ยั้งแรง สือเหยาจึงถูกแตะถอยหลังไปหลายก้าวจนชนเข้ากับหน้าต่างบานใหญ่อย่างทุลักทุเลเซิ่นหรูซวงเห็นสภาพของเขาแล้วรู้สึกหงุดหงิด ทั้ง ๆ ที่เห็นได้ชัดว่าเธอต่างหากที่ถูกโดนต่อว่าอย่างไร้เหตุผล แต่สือเหยากลับทำท่าทางที่ดูทุลักทุลเและเหมือนน้อยใจแบบนั้นเธอหมุนเก้าอี้อย่างหัวเสีย หันมองคอมพิวเตอร์ด้วยใบหน้าเย็นชา ไม่มองสือเหยาอีก ผ่านไปสักพัก สือเหยาพูดด้วยเสียงแหบพร่า “หรูซวง ขอโทษนะ ความผิดของฉัน…”เซิ่นหรูซวงเคาะแป้นพิมพ์ด้วยสีหน้าเย็นชา “รีบไปให้พ้น”สือเหยาพูดด้วยเสียงแหบพร่า “ฉันไม่ไป ฉันไม่ไปได้ไหม?”เซิ่นหรูซวงไม่ตอบคำถามเขา เคาะแป้นพิมพ์เสียงดังลั่นจนน่าตกใจสือเหยาเงยหน้าขึ้นมองเซิ่นหรูซวงด้วยความลำบากใจแลดูน่าสงสาร“…งั้นฉันไปแล้วนะ?”เซิ่นหรูซวงยังคงไม่ตอบสือเหยาก้มหน้าลง กำหมัดแน่น เดินผ่านด้านข้างของเซิ่นหรูซวงไปอย่างเงียบเชียบ และเดินออกจากห้องทำงานของเธอโดยไม่ลืมที่จะปิดประตูเซิ่นหรูซวงเงยหน้าขึ้นผลักแป้นพิมพ์ออกด้วยสี

  • มรสุมรัก CEO ซาตาน   บทที่ 447

    เซิ่นหรูซวงเกิดความหงุดหงิดขึ้นมาในใจลึก ๆไม่ใช่ความหงุดหงิดที่เกิดจากสือเหยา แต่เป็นความหงุดหงิดที่เกิดจากการที่จะต้องไปพบซิงจือเหยียนเธอทำหน้าเย็นชาอย่างไม่เคยทำมาก่อน แล้วหันหน้าไปพูด “ฉันไม่รู้ว่านายกำลังคิดอะไรอยู่ และฉันก็บอกไปแล้วว่า ฉันไปเจรจาด้วยตัวเองได้”สือเหยาเห็นใบหน้าเย็นชาของเซิ่นหรูซวง ก็คิดไปอีกอย่างในใจของสือเหยาโกรธ กระวนกระวาย และรู้สึกน้อยใจเป็นอย่างมากเขากัดฟันถามเธออย่างห้ามไม่อยู่ “เธอรังเกียจที่ฉันยุ่งมากเกินไปใช่ไหม?”เซิ่นหรูซวงขมวดคิ้วและพูดขึ้นว่า “ไม่ใช่ ฉันแค่บอกว่าฉัน…”สือเหยาหัวเราะเยาะเย็นชาและพูดแทรกขึ้นมาทันที “เธอต้องการไปคนเดียวแน่นอน ถ้าหากให้ฉันไปด้วย ก็เท่ากับว่าไปขัดขวางเธอรื้อฟื้นความสัมพันธ์เก่า ๆ กับซิงจือเหยียนใช่ไหมล่ะ?”เซิ่นหรูซวงเริ่มงงในตัวเองว่าเธอฟังผิดไปหรือเปล่า “นายพูดอะไรนะ?”สือเหยายกมือกำพนักเก้าอี้ของเซิ่นหรูซวงไว้แน่น แล้วดึงเก้าอี้เข้ามาหาอย่างรวดเร็ว ทำให้เซิ่นหรูซวงหันหน้าเข้าหาเขา ส่วนเขาโน้มตัวลง โดยที่มือทั้งสองข้างวางอยู่บนที่พนักทั้งสองข้าง ราวกับเป็นการกักขัง เขามองลงมาด้วยแววตาที่ขุ่นเคืองคล้ายกับจะคร

  • มรสุมรัก CEO ซาตาน   บทที่ 446

    “มีปัญหาสิ มีปัญหาแน่นอน ทั้งที่ปล่อยให้ผู้ช่วยจัดการก็ได้ ทำไมต้องให้เธอไปเจรจาด้วยตัวเอง ไม่รู้มีแผนร้ายอะไร เซิ่นหรูซวง เธออย่าโดนเขาหลอกเชียวนะ”เมื่อเขาพูดจบ ก็เพิ่งนึกได้ว่าเซิ่นหรูซวงพูดอะไรไป“เธอพูดว่าอะไรนะ?”เซิ่นหรูซวงพูดอย่างไม่ใส่ใจ “ฉันไม่ได้พูดอะไร นายพูดอยู่คนเดียวไม่ใช่หรือไง?”สือเหยาจับจ้องดวงตาของเธอ “ไม่ใช่สิ เธอพูดแล้ว เธอพูดว่าสมองของซิงจือเหยียนมีปัญหา”เซิ่นหรูซวงสารภาพตอบ “ใช่น่ะสิ ฉันพูดเอง ทำไมหรือ?”สือเหยาจ้องมองดวงตาของเธออย่างแน่วแน่ ด้วยแววตาที่เปี่ยมด้วยชีวิตชีวา และไม่ได้พูดอะไรออกมาเซิ่นหรูซวงพูด “นายไม่ต้องมองหน้าฉันแล้ว ลิขสิทธิ์เกมเฮยไป๋ทู่มีความสำคัญสำหรับเกมใหม่ ฉันต้องได้มันมา ในเมื่อทางอวิ๋นเหยียนเรียกร้องให้ฉันไป ฉันก็ต้องทำตาม ถ้านายไม่ยินยอม งั้นก็ช่วยฉันแย่งลิขสิทธิ์เกมมาสิ”สือเหยาพูดซ้ำด้วยความประหลาดใจว่า “เธอพูดว่าสมองเขามีปัญหา”เซิ่นหรูซวง : ?สือเหยาเน้นเสียงหนัก “เธอพูดว่าสมองเขามีปัญหา”เซิ่นหรูซวง : …เซิ่นหรูซวง “ถ้านายจะพูดซ้ำอีก คนที่สมองมีปัญหาไม่ใช่เขา แต่เป็นนายแล้ว”สือเหยาเดินเข้าไปใกล้อีก คว้าข้อมือของเธอ

  • มรสุมรัก CEO ซาตาน   บทที่ 445

    ในขณะที่พูด ก็เหลือบหางตามองสีหน้าของสือเหยา และก็เห็นสีหน้าบูดบึ้งตามที่คาดไว้จางหลานเอ๋อร์เดินเข้ามาด้วยสีหน้าลำบากใจเล็กน้อยโดยเห็นได้จากระหว่างคิ้วที่ขมวดอย่างงดงามนั้น “ประธานเซิ่นคะ ทางฝ่ายอวิ๋นเหยียนได้ตอบกลับเรื่องการขอซื้อลิขสิทธิ์เกมเฮยไป๋ทู่มาแล้วค่ะ”เซิ่นหรูซวงเคลื่อนสายตา “ว่ามาได้เลยค่ะ”จางหลานเอ๋อร์พูด “ทางประธานซิงจากอวิ๋นเหยียนเทคโนโลยีมีความประสงค์ว่า ต้องการให้คุณไปเจรจาด้วยตัวเองค่ะ”เซิ่นหรูซวงขมวดคิ้วเล็กน้อย “ซิงจือ... ประธานซิงเป็นคนพูดออกมาเองหรือ?”จางหลานเอ๋อร์ส่ายหน้า “ไม่ใช่ค่ะ ฉันไม่ได้พูดคุยกับประธานซิงโดยตรง คำพูดนี้มาจากผู้ช่วยเขาค่ะ แต่ก็สามารถถือเป็นความประสงค์ของประธานซิงโดยตรงค่ะ”ในห้องทำงานเงียบไปชั่วขณะ จางหลานเอ๋อร์พูดเสริมว่า “ความหมายของผู้ช่วยคือ ท่านประธานซิงจะมาทำธุระที่นี่ในวันมะรืน และจะมีเวลาว่างช่วงบ่ายของวันมะรืน คุณสามารถนัดหมายในช่วงเวลานี้ได้เลยค่ะ”เซิ่นหรูซวงพูด “สรุปว่าพวกเขามีแนวโน้มที่จะเต็มใจขายลิขสิทธิ์เกมเฮยไป๋ทู่ใช่ไหม?”จางหลานเอ๋อร์ส่ายหน้าอย่างลำบากใจ “ตั้งแต่ได้รับมอบหมายงานมา ฉันก็ติดต่อกับทางอวิ๋นเหยียนมาตล

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status