Share

บทที่ 2

Author: เกาะลอยน้ำ
บ้านตระกูลซิง ห้องรับแขกกว้างใหญ่

เซิ่นหรูซวงก้มมองมือที่ยังดูเด็กและบอบบางของตัวเอง จนในที่สุดก็แน่ใจว่า เธอได้เกิดใหม่แล้วจริง ๆ

ตรงกลางโซฟา สายตาเฉียบคมของคุณปู่ซิงมองตรงมาที่เธอ น้ำเสียงของวัยชราและหนักแน่น

"หรูซวง แน่ใจหรือว่าจะไปธุระที่เมืองฮัวชุยกับอาเหยียนจริง ๆ?"

ขนตาของเซิ่นหรูซวงกระพือเบา ๆ

เมื่อนึกย้อนกลับมา นี่คือจุดพลิกผันสำคัญในชาติก่อน

ซิงจือเหยียนไปเมืองฮัวชุย สร้างภาพว่าไปทำงาน แต่ในความเป็นจริง คืออยากเจอเว่ยอวิ่นลู่ แฟนคนแรกของตัวเอง

เมื่อเธอรู้เรื่องนี้ ก็สร้างสถานการณ์ว่าอยากตามไปด้วย

พ่อของเธอเคยเป็นคนขับรถของคุณปู่ซิง ซึ่งได้สละชีวิตเพื่อช่วยคุณปู่ และเพื่อแสดงความขอบคุณ ตระกูลซิงจึงรับเธอมาเลี้ยงดู ดูแลให้ทุกอย่างตามต้องการ กลายเป็นเหมือนคุณหนูอันดับสองแบบไม่เป็นทางการในตระกูลซิง

ด้วยเหตุนี้คุณปู่ซิงจึงยอมให้เธอตามซิงจือเหยียนไปธุระด้วย

เธอเหลือบตามองไปยังด้านข้างของคุณปู่ซิง

ซิงจือเหยียนสวมชุดสูทสีดำที่ตัดเย็บอย่างประณีต กระดุมทุกเม็ดติดแน่นไร้ที่ติ ขาข้างหนึ่งงอนพาดแบบไม่ตั้งใจ ผมด้านหน้าที่หล่นบังคิ้วคมและหน้านิ่งเย็นชา ริมฝีปากบางที่มักขบเบา ๆ เป็นนิสัย

ทันทีที่เห็นเขา เซิ่นหรูซวงถึงกับหายใจไม่ทั่วท้อง ทุกเรื่องราวในอดีตปรากฏย้อนวนอยู่ในหัว

หัวใจแทบหยุดเต้น สายเลือดเย็นยะเยือกไปทั่วร่าง

นั่นคือผู้ชายที่ควบคุมเธอ นั่นคือผู้ชายที่มองเธอเหมือนขยะ

เธอเกลียดเขา

เกลียดจนถึงรากลึก

เกลียดเขาจนภาพที่ซิงจือเหยียนรังเกียจและกดขี่เธอนั้น ตามหลอกหลอนทั้งกลางวันกลางคืน

ความเบื่อหน่ายบนใบหน้าของซิงจือเหยียนยิ่งทวีมากขึ้นเรื่อย ๆ นิ้วมือเคาะลงบนหัวเข่าอย่างช้า ๆ

เซิ่นหรูซวงรู้ดีว่านั่นคือท่าทางที่แสดงออกถึงความไม่พอใจของเขา

ราวกับว่าซิงจือเหยียนเชื่อมั่นอย่างยิ่งแล้วว่าเธอจะต้องเซ้าซี้ตามเขาไปอย่างแน่นอน

แต่ในเมื่อได้กลับมาเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง ก็ไม่ควรเดินซ้ำรอยเดิม

เธอยังไม่ทันได้อ้าปากพูด เหยียนเหวินอินผู้เป็นแม่ที่อยู่ข้างหลังก็พูดด้วยน้ำเสียงนอบน้อมว่า "ต้องไปค่ะ ต้องไป ความสัมพันธ์ของลูกหรูซวงกับคุณซิงนั้นดีมาก ไปไหนก็ต้องตามไปด้วย ต้องไปแน่นอนค่ะ"

"ไม่ต้องแล้วค่ะ"

เซิ่นหรูซวงพูดขัดคำพูดของเหยียนเหวินอินอย่างแผ่วเบา

สิ้นเสียงของเธอ ทุกคนที่อยู่ในห้องนั่งเล่นก็หันไปมองเธอทันที

ยกเว้นซิงจือเหยียนที่ใบหน้ายังคงเย็นชาเหมือนเดิม

เซิ่นหรูซวงเงยหน้าขึ้นมอง คุณชายใหญ่แห่งตระกูลซิงด้วยดวงตาที่สดใส และน้ำเสียงที่ตรงไปตรงมา

"คุณปู่ซิงคะ อีกไม่นานหนูก็จะสอบเข้ามหาวิทยาลัยแล้ว หนูอยากตั้งใจเตรียมตัวสอบ จะได้ไม่รบกวนพี่จือเหยียนเวลาไปทำงานนอกสถานที่ค่ะ"

ในสายตาของคุณชายใหญ่แห่งตระกูลซิง แววตาประหลาดใจเล็กน้อย

เหยียนเหวินอินรีบพุ่งเข้ามาคว้าข้อมือของเธอไว้ด้วยความโกรธ แล้วพูดด้วยเสียงต่ำว่า "คุณท่านคะ หรูซวงก็แค่พูดจาไร้สาระ คุณท่านอย่าไปฟังเลยนะคะ คุณท่านก็เห็นว่าเธออยากตามคุณซิงไปมากแค่ไหน"

"แม่คะ" เซิ่นหรูซวงดึงข้อมือออกจากมือของเหยียนเหวินอิน "หนูอยากตั้งใจเรียนจริง ๆ นะคะ"

เหยียนเหวินอินอาจมองไม่เห็นภาพที่ชัดเจน แต่เธอมองเห็นมันชัดเจน

คุณชายใหญ่แห่งตระกูลซิงดูเหมือนจะใจกว้างกับเธอ แต่ในความเป็นจริงแล้วแค่เลี้ยงเธอไว้เหมือนเป็นของเล่นที่ไม่สำคัญเท่านั้น

ในชาติก่อนตอนที่เธอเกิดเรื่อง คุณชายใหญ่แห่งตระกูลซิง ไม่แม้แต่จะมาดูเธอสักครั้ง และแม้แต่หลานสาวแท้ ๆ อย่างกั่วกั่ว เขาก็ไม่เคยให้ความสำคัญเลย

ดังนั้นเซิ่นหรูซวงจึงย้ำคำพูดอย่างหนักแน่นอีกครั้งว่า "คุณปู่ซิงคะ พี่จือเหยียนคะ ช่วงก่อนหนูทำตัวเป็นเด็กเกินไปค่ะ แต่ตอนนี้หนูเห็นแล้วว่าพี่จือเหยียนงานยุ่งมาก ครั้งนี้หนูจะไม่รบกวนการทำงานของพี่จือเหยียนแล้วค่ะ"

คุณชายใหญ่แห่งตระกูลซิงยังไม่ทันได้พูดอะไรออกมา ซิงจือเหยียนก็ลุกขึ้นยืนราวกับว่าความอดทนได้หมดลงแล้ว

ดวงตาเรียวเล็กสีดำที่เย็นชาไร้ความรู้สึกเหลือบมองเธอครั้งหนึ่ง แววตาดูมืดมน น้ำเสียงเฉยชา

"แล้วแต่เธอ"

ซิงจือเหยียนเดินจากไปทันที

คุณชายใหญ่แห่งตระกูลซิง ก็ไม่บังคับ และโบกมือให้พวกเธอกลับไปที่ห้องของตัวเอง

เซิ่นหรูซวงถอนหายใจอย่างโล่งอก

ในรถมายบัคที่จอดอยู่นอกคฤหาสน์ตระกูลซิง หลินจี้มองซิงจือเหยียนอย่างระมัดระวังผ่านกระจกมองหลัง

เขาเป็นผู้ช่วยส่วนตัวของซิงจือเหยียน จึงพอจะเข้าใจเรื่องของตระกูลซิงอยู่บ้าง เขารู้ว่าการที่ซิงจือเหยียนกลับมาบ้านตระกูลซิงครั้งนี้ จะต้องเป็นเพราะลูกสาวบุญธรรมที่น่ารำคาญคนนั้นก่อเรื่องอะไรขึ้นมาอีกแน่

เขาเองก็รู้เช่นกันว่าซิงจือเหยียนไม่เคยชอบลูกสาวบุญธรรมคนนี้เลย พูดได้ว่ารู้สึกรังเกียจด้วยซ้ำ

ดังนั้นตั้งแต่ซิงจือเหยีนยก้าวเข้าไปในคฤหาสน์ตระกูลซิง เขายังคงขมวดคิ้วอยู่ตลอดเวลา

และตอนนี้ซิงจือเหยียนก็ดูอารมณ์ไม่ดียิ่งกว่าตอนก่อนจะเข้าไปในคฤหาสน์ตระกูลซิง

หลินจี้คิดในใจว่า ต้องเป็นเพราะลูกสาวบุญธรรมคนนั้นอาศัยบารมีของคุณชายใหญ่แห่งตระกูลซิง เพื่อร้องข้ออะไรที่มากเกินไปจากซิงจือเหยียนแน่นอน ไม่ต้องดูก็รู้ว่ามันจะต้องเป็นเหมือนเมื่อก่อนที่เธอจะตามซิงจือเหยียนไปทำงานนอกสถานที่อีกแน่

หลินจี้มองออกไปนอกรถครู่หนึ่ง แต่ก็ไม่เห็นร่างที่เคยตามติดมาเหมือนอย่างเคย

ดังนั้นเขาจึงพูดอย่างกล้าหาญว่า "คุณซิงครับ ผมว่าตอนแรกคุณน่าจะเด็ดเดี่ยวขึ้นอีกหน่อย ปฏิเสธคุณเซิ่นไปตรง ๆ ให้เธอได้รู้ว่ามันยากแล้วจะได้ถอยไปเอง"

ใครจะไปคาดคิดว่าซิงจือเหยียนจะเงยหน้าขึ้นมา ดวงตาของเขาดูมืดมนล้ำลึก และน้ำเสียงเย็นชา

"พูดจาเหลวใหล ขับรถไป"

หลินจี้รีบหุบปากทันที แล้วสตาร์ทรถอย่างเชื่อฟัง

เขารอสักพัก จนกระทั่งซิงจือเหยียนบีบนวดขมับอย่างเหนื่อยหน่าย "มีอะไร?"

หลินจี้พูดเสียงเบาว่า "ทำไมคุณหนูเซิ่นถึงไม่มาครับ ปกติเธอต้องตามคุณไปเสมอไม่ใช่หรือครับ?"

วันนี้เป็นวันหยุดสุดสัปดาห์ คุณหนูเซิ่นไม่ต้องไปเรียน ตามปกติแล้วคุณหนูเซิ่นต้องตามซิงจือเหยียนไปที่บริษัทหรือไม่ก็ไปที่บ้านส่วนตัวของซิงจือเหยียน

ซิงจือเหยียนเม้มริมฝีปาก ดวงตาสีดำของเขาเหมือนจะเหลือบมองไปที่หน้าประตูคฤหาสน์ใหญ่โดยบังเอิญ

หน้าประตูเงียบสงัด มองเห็นเพียงเงาของคนใช้ที่เดินไปเดินมา ไม่มีร่างของเด็กสาวคนนั้นเหมือนอย่างเคย

ซิงจือเหยียนไม่ค่อยคุ้นชินกับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน คิ้วของเขาจึงขมวดเข้าหากันเล็กน้อย

"ไม่ต้องสนใจเธอ ขับรถไป"

หลินจี้รับคำเบา ๆ แล้วสตาร์ทรถ

ดูท่าคุณเซิ่นจะทำให้คุณซิงโกรธจริง ๆ แล้ว

ซิงจือเหยียนพิงเบาะรถอย่างไม่ใส่ใจ หลับตาลง แล้วจู่ ๆ ก็คิดถึงคำพูดที่เซิ่นหรูซวงเพิ่งพูดไป

ไม่อยากจะรบกวนงั้นเหรอ?

ดูเหมือนจะเป็นแค่การถอยเพื่อรุก ที่ไม่ได้ฉลาดเลยแม้แต่น้อย

เหยียนเหวินอินทุบอกกระทืบเท้าอย่างเจ็บใจ โกรธที่ลูกของตนไม่เอาไหน "ทำไมแกไม่ไป?"

"แกไม่รู้เหรอว่าซิงจือเหยียนจะไปหาใคร?"

เซิ่นหรูซวงพูดอย่างใจเย็น "หนูรู้"

เหยียนเหวินอินกัดฟันแน่นกว่าเดิม "แล้วทำไมแกไม่ตามไป ปล่อยให้ซิงจือเหยียนกับแฟนเก่าหวนคืนความสัมพันธ์เก่า ๆ แบบนั้นเหรอ? ถึงตอนนั้นข้างกายซิงจือเหยียน ก็จะไม่มีที่ยืนให้แกแล้วนะ!"

"ไม่มีก็ไม่มีสิคะ" เซิ่นหรูซวงพูดด้วยใบหน้าเย็นชา "แม่คะ พวกเขารักใคร่ชอบพอกัน จะเข้าไปแทรกทำไมคะ?"

เหยียนเหวินอินไม่ได้ฟังสิ่งที่เธอพูดเลยแม้แต่น้อย เธอจับหูของเธออย่างแรงแล้วตะคอกใส่หูของเธอ

"ไม่ได้! ฉันต้องให้คุณท่านยอมให้แกตามไปให้ได้ แกต้องเชื่อฟังฉัน!"

เซิ่นหรูซวงไม่สนใจเธอแม้แต่น้อย

เหยียนเหวินอินยังคงฝันหวานที่จะให้เธอได้เป็นภรรยาของซิงจือเหยียน และเวลาจะทำให้เธอตาสว่างขึ้นเอง

เธอหยิบหนังสือแบบฝึกหัดออกมาจากตู้

แม้ว่าในชาติก่อนเธอจะมีที่พักพิงจากตระกูลซิง แต่เพื่อที่จะคู่ควรกับซิงจือเหยียน เธอจึงตั้งใจเรียนอย่างหนักทั้งวันทั้งคืน และไม่ทิ้งการเรียน

เพียงแต่น่าเสียดายที่ก่อนวันสอบเข้ามหาวิทยาลัยหนึ่งวัน เธอดันเกิดอุบัติเหตุขึ้น จึงพลาดการสอบไป

หลังจากนั้นเมื่อเกิดเรื่องราวต่าง ๆ ขึ้น เธอก็ไม่ได้กลับมาเรียนซ้ำชั้น และไม่ได้เข้าเรียนในมหาวิทยาลัยเลยด้วยซ้ำ

ในชาตินี้ เธอจะตั้งใจใช้โอกาสการสอบเข้ามหาวิทยาลัยนี้ให้ได้ เลือกมหาวิทยาลัยที่อยู่ไกลจากตระกูลซิง และไกลจากซิงจือเหยียนเพื่อที่จะหนีไปให้ไกล

เพียงแต่ ความแค้นในชาติก่อน เธอจะไม่มีวันลืมและจะไม่ลืมมันเด็ดขาด

สักวันหนึ่ง คนที่ทำร้ายกั่วกั่ว จะต้องชดใช้กรรมที่สมควรได้รับ

เมื่อเรียนจนถึงตอนกลางคืน เหยียนเหวินอินเดินเข้ามาจากนอกห้องทันที พร้อมกับลากกระเป๋าเดินทางเพื่อที่จะจัดกระเป๋าให้เธอ

เซิ่นหรูซวงแย่งกระเป๋าเดินทางจากมือเธอ "แม่ทำอะไรเนี่ย?"

เหยียนเหวินอินใช้นิ้วจิ้มที่หน้าผากของเธอ พร้อมกับรอยยิ้มเต็มใบหน้าว่า "คุณท่านยอมให้แกตามคุณซิงไปทำงานแล้ว นี่ยังไม่รีบเก็บกระเป๋าอีกเหรอ? ถึงตอนนั้น แกต้องพูดจากับซิงจือเหยียนให้มาก ๆ อย่าไปทำให้เขาโกรธเหมือนวันนี้อีกล่ะ"
Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • มรสุมรัก CEO ซาตาน   บทที่ 450

    เซิ่นหรูซวงค่อย ๆ พบว่าแก้วน้ำของเธอไม่เคยว่างเปล่าเลย อุณหภูมิของน้ำในแต่ละครั้งที่ดื่มก็พอดีเป๊ะ ดื่มแล้วรู้สึกชุ่มคอมากเซิ่นหรูซวงเบ้ปากเธอโกรธก็คือโกรธจริง ๆ และก็ไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าทำไมวันนั้นสือเหยาถึงได้โกรธรุนแรงขนาดนั้น ราวกับว่าซิงจือเหยียนเป็นศัตรูคู่อาฆาตของเขาอย่างไรก็ตาม ถึงแม้เธอจะโกรธมากแค่ไหน ก็ไม่มีทางที่จะโกรธสือเหยาได้นานสือเหยาช่วยเธอไว้มากมายหลายเรื่อง เธอจดจำไว้ในใจเป็นอย่างดีเพียงชั่วพริบตา ก็ถึงเวลานัดพบกับซิงจือเหยียนแล้วตอนที่เซิ่นหรูซวงขึ้นรถ เธอได้เตือนสือเหยาอีกครั้งว่าอย่าตามมา ให้ติดตามเจียงเสี่ยวชุนอย่างว่านอนสอนง่ายสือเหยายืนพยักหน้าอย่างว่าง่ายอยู่ที่ข้างรถเซิ่นหรูซวงไม่ค่อยเชื่อว่าสือเหยาจะว่าง่ายขนาดนี้ เธอจึงดึงเจียงเสี่ยวชุนมาต่อหน้าเขา พร้อมกับกำชับว่าให้จับตาดูสือเหยาให้ดี อย่าให้เขาตามมาเจียงเสี่ยวชุนเข้าใจเรื่องราวในอดีตของเซิ่นหรูซวงกับซิงจือเหยียนเป็นอย่างดี และเข้าใจเหตุผลที่เซิ่นหรูซวงตัดสินใจทำแบบนั้น เธอจึงพยักหน้าโดยไม่ต้องคิดมาก “ได้ เธอไปจัดการธุระได้เลย ถ้ามีอะไรก็โทรหาฉันนะ”เซิ่นหรูซวงพยักหน้าแล้วให้คนขับขับรถออก

  • มรสุมรัก CEO ซาตาน   บทที่ 449

    รอยที่แก้มแดงก่ำกว่าเดิมหลายเท่าสือเหยาหอบหายใจอย่างหนัก ความรู้สึกที่เสียใจ จนใจ หงุดหงิด หึงหวง และอารมณ์วุ่นวายอื่น ๆ อีกมากมาย หลั่งไหลเข้ามา กระแทกที่หัวใจจนสับสนอลหม่าน ทำให้เขารู้สึกเจ็บปวดไปทั้งร่างกายเป็นฝ่ามือของเซิ่นหรูซวงที่เรียกสติของเขากลับคืนมาเขาได้แต่สำนึกผิดอย่างไม่มีที่สิ้นสุด เมื่อรู้สึกตัวถึงท่าทีและสิ่งที่พูดออกไปใส่เซิ่นหรูซวงแล้ว ตอนนี้สือเหยาแทบอยากจะวิ่งกลับเข้าไปในห้องทำงาน และยอมให้เซิ่นหรูซวงตบอีกสองสามครั้ง จนกว่าเธอจะหายโกรธเขาพูดคำพูดแบบนั้นกับเซิ่นหรูซวงได้อย่างไรเขาทำไปได้อย่างไร?เมื่อสติกลับคืนมา สือเหยาได้แต่เจ็บแค้นตัวเองที่ไม่สามารถควบคุมตนเองต่อหน้าผู้หญิงที่เขารักได้ ทั้งยังขาดความสุภาพ ขาดความยับยั้งชั่งใจ พูดไม่คิดจนทำร้ายจิตใจเซิ่นหรูซวง และทำให้ระยะห่างระหว่างเขากับเซิ่นหรูซวงไกลออกไปจนเกินเอื้อมอีกแล้วเป็นครั้งแรกที่เขารู้สึกว่าตัวเองเป็นสัตว์เดรัจฉาน เป็นคนเลวทรามที่ไม่น่าให้อภัยสือเหยาคอตก ใช้มือทั้งสองข้างบีบขมับตัวเองแล้วถอนหายใจอย่างหนักเซิ่นหรูซวงคงจะโมโหมากแล้วแน่ ๆเขาไม่เคยเห็นเซิ่นหรูซวงเฉียบขาดและดุดันขนาดนี้ม

  • มรสุมรัก CEO ซาตาน   บทที่ 448

    สือเหยายืนนิ่งไม่ขยับไปไหน ส่วนแขนก็ยังคงจับพยักเก้าอี้ไว้เหมือนเดิมเซิ่นหรูซวงโกรธจัด ยกเท้าขึ้นเตะเข้าที่หน้าท้องของสือเหยาอย่างแรงเธอไม่ได้ยั้งแรง สือเหยาจึงถูกแตะถอยหลังไปหลายก้าวจนชนเข้ากับหน้าต่างบานใหญ่อย่างทุลักทุเลเซิ่นหรูซวงเห็นสภาพของเขาแล้วรู้สึกหงุดหงิด ทั้ง ๆ ที่เห็นได้ชัดว่าเธอต่างหากที่ถูกโดนต่อว่าอย่างไร้เหตุผล แต่สือเหยากลับทำท่าทางที่ดูทุลักทุลเและเหมือนน้อยใจแบบนั้นเธอหมุนเก้าอี้อย่างหัวเสีย หันมองคอมพิวเตอร์ด้วยใบหน้าเย็นชา ไม่มองสือเหยาอีก ผ่านไปสักพัก สือเหยาพูดด้วยเสียงแหบพร่า “หรูซวง ขอโทษนะ ความผิดของฉัน…”เซิ่นหรูซวงเคาะแป้นพิมพ์ด้วยสีหน้าเย็นชา “รีบไปให้พ้น”สือเหยาพูดด้วยเสียงแหบพร่า “ฉันไม่ไป ฉันไม่ไปได้ไหม?”เซิ่นหรูซวงไม่ตอบคำถามเขา เคาะแป้นพิมพ์เสียงดังลั่นจนน่าตกใจสือเหยาเงยหน้าขึ้นมองเซิ่นหรูซวงด้วยความลำบากใจแลดูน่าสงสาร“…งั้นฉันไปแล้วนะ?”เซิ่นหรูซวงยังคงไม่ตอบสือเหยาก้มหน้าลง กำหมัดแน่น เดินผ่านด้านข้างของเซิ่นหรูซวงไปอย่างเงียบเชียบ และเดินออกจากห้องทำงานของเธอโดยไม่ลืมที่จะปิดประตูเซิ่นหรูซวงเงยหน้าขึ้นผลักแป้นพิมพ์ออกด้วยสี

  • มรสุมรัก CEO ซาตาน   บทที่ 447

    เซิ่นหรูซวงเกิดความหงุดหงิดขึ้นมาในใจลึก ๆไม่ใช่ความหงุดหงิดที่เกิดจากสือเหยา แต่เป็นความหงุดหงิดที่เกิดจากการที่จะต้องไปพบซิงจือเหยียนเธอทำหน้าเย็นชาอย่างไม่เคยทำมาก่อน แล้วหันหน้าไปพูด “ฉันไม่รู้ว่านายกำลังคิดอะไรอยู่ และฉันก็บอกไปแล้วว่า ฉันไปเจรจาด้วยตัวเองได้”สือเหยาเห็นใบหน้าเย็นชาของเซิ่นหรูซวง ก็คิดไปอีกอย่างในใจของสือเหยาโกรธ กระวนกระวาย และรู้สึกน้อยใจเป็นอย่างมากเขากัดฟันถามเธออย่างห้ามไม่อยู่ “เธอรังเกียจที่ฉันยุ่งมากเกินไปใช่ไหม?”เซิ่นหรูซวงขมวดคิ้วและพูดขึ้นว่า “ไม่ใช่ ฉันแค่บอกว่าฉัน…”สือเหยาหัวเราะเยาะเย็นชาและพูดแทรกขึ้นมาทันที “เธอต้องการไปคนเดียวแน่นอน ถ้าหากให้ฉันไปด้วย ก็เท่ากับว่าไปขัดขวางเธอรื้อฟื้นความสัมพันธ์เก่า ๆ กับซิงจือเหยียนใช่ไหมล่ะ?”เซิ่นหรูซวงเริ่มงงในตัวเองว่าเธอฟังผิดไปหรือเปล่า “นายพูดอะไรนะ?”สือเหยายกมือกำพนักเก้าอี้ของเซิ่นหรูซวงไว้แน่น แล้วดึงเก้าอี้เข้ามาหาอย่างรวดเร็ว ทำให้เซิ่นหรูซวงหันหน้าเข้าหาเขา ส่วนเขาโน้มตัวลง โดยที่มือทั้งสองข้างวางอยู่บนที่พนักทั้งสองข้าง ราวกับเป็นการกักขัง เขามองลงมาด้วยแววตาที่ขุ่นเคืองคล้ายกับจะคร

  • มรสุมรัก CEO ซาตาน   บทที่ 446

    “มีปัญหาสิ มีปัญหาแน่นอน ทั้งที่ปล่อยให้ผู้ช่วยจัดการก็ได้ ทำไมต้องให้เธอไปเจรจาด้วยตัวเอง ไม่รู้มีแผนร้ายอะไร เซิ่นหรูซวง เธออย่าโดนเขาหลอกเชียวนะ”เมื่อเขาพูดจบ ก็เพิ่งนึกได้ว่าเซิ่นหรูซวงพูดอะไรไป“เธอพูดว่าอะไรนะ?”เซิ่นหรูซวงพูดอย่างไม่ใส่ใจ “ฉันไม่ได้พูดอะไร นายพูดอยู่คนเดียวไม่ใช่หรือไง?”สือเหยาจับจ้องดวงตาของเธอ “ไม่ใช่สิ เธอพูดแล้ว เธอพูดว่าสมองของซิงจือเหยียนมีปัญหา”เซิ่นหรูซวงสารภาพตอบ “ใช่น่ะสิ ฉันพูดเอง ทำไมหรือ?”สือเหยาจ้องมองดวงตาของเธออย่างแน่วแน่ ด้วยแววตาที่เปี่ยมด้วยชีวิตชีวา และไม่ได้พูดอะไรออกมาเซิ่นหรูซวงพูด “นายไม่ต้องมองหน้าฉันแล้ว ลิขสิทธิ์เกมเฮยไป๋ทู่มีความสำคัญสำหรับเกมใหม่ ฉันต้องได้มันมา ในเมื่อทางอวิ๋นเหยียนเรียกร้องให้ฉันไป ฉันก็ต้องทำตาม ถ้านายไม่ยินยอม งั้นก็ช่วยฉันแย่งลิขสิทธิ์เกมมาสิ”สือเหยาพูดซ้ำด้วยความประหลาดใจว่า “เธอพูดว่าสมองเขามีปัญหา”เซิ่นหรูซวง : ?สือเหยาเน้นเสียงหนัก “เธอพูดว่าสมองเขามีปัญหา”เซิ่นหรูซวง : …เซิ่นหรูซวง “ถ้านายจะพูดซ้ำอีก คนที่สมองมีปัญหาไม่ใช่เขา แต่เป็นนายแล้ว”สือเหยาเดินเข้าไปใกล้อีก คว้าข้อมือของเธอ

  • มรสุมรัก CEO ซาตาน   บทที่ 445

    ในขณะที่พูด ก็เหลือบหางตามองสีหน้าของสือเหยา และก็เห็นสีหน้าบูดบึ้งตามที่คาดไว้จางหลานเอ๋อร์เดินเข้ามาด้วยสีหน้าลำบากใจเล็กน้อยโดยเห็นได้จากระหว่างคิ้วที่ขมวดอย่างงดงามนั้น “ประธานเซิ่นคะ ทางฝ่ายอวิ๋นเหยียนได้ตอบกลับเรื่องการขอซื้อลิขสิทธิ์เกมเฮยไป๋ทู่มาแล้วค่ะ”เซิ่นหรูซวงเคลื่อนสายตา “ว่ามาได้เลยค่ะ”จางหลานเอ๋อร์พูด “ทางประธานซิงจากอวิ๋นเหยียนเทคโนโลยีมีความประสงค์ว่า ต้องการให้คุณไปเจรจาด้วยตัวเองค่ะ”เซิ่นหรูซวงขมวดคิ้วเล็กน้อย “ซิงจือ... ประธานซิงเป็นคนพูดออกมาเองหรือ?”จางหลานเอ๋อร์ส่ายหน้า “ไม่ใช่ค่ะ ฉันไม่ได้พูดคุยกับประธานซิงโดยตรง คำพูดนี้มาจากผู้ช่วยเขาค่ะ แต่ก็สามารถถือเป็นความประสงค์ของประธานซิงโดยตรงค่ะ”ในห้องทำงานเงียบไปชั่วขณะ จางหลานเอ๋อร์พูดเสริมว่า “ความหมายของผู้ช่วยคือ ท่านประธานซิงจะมาทำธุระที่นี่ในวันมะรืน และจะมีเวลาว่างช่วงบ่ายของวันมะรืน คุณสามารถนัดหมายในช่วงเวลานี้ได้เลยค่ะ”เซิ่นหรูซวงพูด “สรุปว่าพวกเขามีแนวโน้มที่จะเต็มใจขายลิขสิทธิ์เกมเฮยไป๋ทู่ใช่ไหม?”จางหลานเอ๋อร์ส่ายหน้าอย่างลำบากใจ “ตั้งแต่ได้รับมอบหมายงานมา ฉันก็ติดต่อกับทางอวิ๋นเหยียนมาตล

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status