หลังจากบุกเข้าไปถามรัชภาคย์ในห้องทำงาน พราวพิชชาแทบอดใจรอไม่ไหวที่จะต่อสายหาผู้ให้กำเนิดที่อยู่คนละทวีป แต่เมื่อมองเวลา คำนวณว่าทางนั้นคงหลับอยู่ หล่อนถึงได้ตัดใจข่มตาหลับ แล้วตื่นมาในเวลารุ่งสาง
โดยไม่รอช้า หล่อนหยิบโทรศัพท์มือถือมาค้นหาคำตอบที่ต้องการให้แน่ใจ ก่อนจะวางแผนรับมือการเป็นลูกหนี้หลักสิบล้านต่อด้วยตัวเองเธอโทร.เข้าเบอร์ของพ่อ แต่แม่เป็นคนรับสาย เสียงของแม่ดีอกดีใจ ถามความเป็นไปแม้เธอจากมาแค่ไม่กี่วัน ทำให้พราวพิชชาฝืดเฝื่อนในลำคอ ไม่ว่าจะอย่างไรเธอก็ไม่เคยโกรธพ่อกับแม่ เธอจะรู้สึกอย่างนั้นได้อย่างไร ในเมื่อสิ่งที่พวกท่านทำลงไปล้วนก็เพื่อตัวเธอเองในฐานะลูก จึงเป็นหน้าที่ของเธอที่จะตามเคลียร์ปัญหาและชดใช้ให้กับทุกคนที่ครอบครัวติดค้างอยู่“เรื่องหนี้ แม่ไม่รู้เรื่องหรอก แหววคงต้องคุยกับคุณพ่อเอง แต่แม่เชื่อเลยว่าคุณพ่อต้องไม่ชอบใจที่แหววขุดคุ้ยเรื่องเก่าๆ มาถาม มันผ่านมานานแล้ว และมันก็จบไปแล้ว เราใช้คืนให้เจ้าหนี้เขาหมดแล้วนะลูก”“แต่แหววอยากรู้ค่ะ...แหววขอโทษที่พูดเรื่องพวกนี้ ทำให้แม่ไม่สบายใจ”“ตามใจ คุณพ่อมร่างงดงามกลมกลึงที่กำลังก้มๆ เงยๆ อยู่ตรงจุดเดิม แม้แสงแดดยามสายจะแผดกล้า แต่หล่อนก็ยังทำเช่นเดิม จนคนที่ลงจากรถกระบะคันสีน้ำตาลที่แวะมาเมื่อวานต้องเขม้นมองซ้ำ เขาจำเธอได้ทันทีที่เห็นแวบแรก แต่ที่มองอยู่เพราะอยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่“ทำไมยังแบกจอบขุดดินอยู่อีกล่ะป้า นี่เมื่อคืนเขาไม่ได้เคลียร์กันเหรอ”ธนัทถามป้ามิ่งที่เดินเอื่อยมาส่งปิ่นโตให้ตามที่เจ้าตัวโทร.มาอ้อนขอ ด้วยเหตุผลว่าเบื่อกับข้าวโรงอาหารในเหมืองจนกระเดือกไม่ลงอยู่แล้ว และวันนี้ก็ออกไปทำธุระในเมือง ขากลับจึงเลือกใช้เส้นทางนี้แทน ดังนั้นไหนๆ ก็ผ่านบ้านของเจ้านายอยู่แล้ว จึงขอให้ป้ามิ่งบอกแม่ครัวฝีมือดีจัดอาหารอร่อยๆ มาให้สักปิ่นโต“ป้าก็ไม่รู้ เมื่อวานป้ากลับบ้านไปก่อนที่คุณเล็กจะกลับมา แต่คิดว่าคงได้คุยกันแล้วละ เพราะเมื่อเช้าก็เห็นคุณเล็กดีๆ อยู่ แต่ตกสายคุณพราวพิชชาลงมาข้างล่าง หน้างี้ตึงเชียว ข้าวปลาตั้งโต๊ะไว้ให้ก็ไม่กิน แล้วเป็นอย่างที่คุณนัทเห็นนี่แหละ”ป้ามิ่งเล่าแล้วบุ้ยใบ้ไปในทิศทางที่พราวพิชชาถือจอบขุดดินอยู่อย่างแรงไม่ตก“แล้ว...สองคนนี้เขามีอะไร
รถจี๊ปสปอร์ตคันสีดำเคลื่อนด้วยความเร็วสูง จนรถญี่ปุ่นคันหลังตามเกือบไม่ทันอยู่หลายหน จนเข้าเขตที่ดินของตัวเอง รอบอาณาบริเวณเกือบพันไร่ รถคันหลังถึงชะลอตัว เคลื่อนตามช้าๆ เหมือนยังลังเล จนใกล้ป้อมด้านหน้าสักร้อยเมตร รถคันนั้นก็ถอยกลับออกไปรัชภาคย์บังคับรถผ่านเข้าสู่ประตูรั้วใหญ่ของเขตชั้นในของพื้นที่บ้านที่เขาสร้างไว้เกือบสองปี เมื่อรถจอดและดับเครื่องเสร็จจึงก้าวลงมา กวาดสายตาไปยังมุมหนึ่ง ไร้วี่แววว่าจะมีใครสักคนอยู่ตรงนั้นร่างสูงใหญ่ทอดเท้าเอื่อยไปยังแปลงทดลองปลูก นายดี๋เห็นเจ้านายก็รีบวิ่งมาหา“ทำไมถึงเละเทะอย่างนี้”รัชภาคย์ถามเสียงเรียบเรื่อย ชี้ไปยังมุมด้านนอกของแปลงทดลองที่มีร่องรอยการขุดจนไม่เป็นรูปเป็นร่างอย่างที่คนงานทำคนถูกถามทำหน้าแหย มองตามเจ้านาย ดินบางส่วนถูกขุดลึกกว่าหน้าดินพลิกขึ้นมา ซึ่งไม่มีทางเป็นฝีมือของคนทำงานอย่างพวกเขา“คุณผู้หญิงมาขุดอยู่สองวันแล้วครับ”“เขาทำอะไร”“ไม่ทราบเหมือนกันครับ ผมไม่กล้าถาม”...เพราะคุณผู้หญิงคนสวยแบกจอบมาแต่ละที ใบหน้าก็
รัชภาคย์ถามเสียงขรึม แม้ความสงสัยมีอยู่มาก แต่เขาก็คิดว่าควรปรามหล่อนไว้ก่อน“เมื่อวานคุณพูดเรื่องหนี้สินกับฉัน คุณจำได้ไหมว่าพูดอะไรไปบ้าง คนทุเรศ จะเล่าก็เล่าไม่หมด พูดเอาดีใส่ตัว คุณทำได้ยังไง ทวงหนี้แทนพี่ชายคุณ พอเก็บหนี้ไม่ได้ก็ปาระเบิดใส่บ้านฉันงั้นเหรอ บ้าไปแล้วหรือไง ติดนิสัยคนบ้านป่าเมืองเถื่อนหรือยังไง”รัชภาคย์ชะงักกึก แวบแรกนึกงุนงงว่าหล่อนพูดเรื่องอะไรกัน แต่ไม่นานก็นึกถึงเหตุการณ์ครั้งนั้นออก...เหตุการณ์ที่หล่อนกำลังถามถึง และมันเกิดขึ้นจริงด้วยฝืมือเขา“หน้าตัวเมีย ทำร้ายคนแก่กับผู้หญิง ถ้าพ่อแม่กับน้องฉันบาดเจ็บหรือตาย นายจะรับผิดชอบยังไง คนเลว เลวไม่มีที่ติ ฉันนึกไม่ถึงเลยว่าจะมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นในบ้านฉัน”พราวพิชชากรีดเสียงใส่ ยิ่งรัชภาคย์ยังนิ่งเฉย ตีสีหน้าเรียบ ไม่แสดงอารมณ์ใดๆ เธอก็ยิ่งโมโหหนักพลันร่างเล็กก็โผนหา เป้าหมายเป็นคนตัวใหญ่ที่ยืนปักหลักนิ่ง เล็บคมๆ จิกหมับที่แผงอกกว้าง แล้วกรีดลากอย่างต้องการให้เขาเจ็บพราวพิชชาประเมินเขาต่ำไป ข้างในรัชภาคย์กำลังเดือดปุดเมื่อได้ยินคำด่าทอ พอหล่อนพุ่งเข้าหา และ
ถึงอารมณ์หวามไหวที่น่าหวั่นกลัว ขณะเดียวกันก็เย้ายวนชวนให้โอนอ่อนตาม“คุณเล็ก...”เสียงครวญหลุดออกมา ดวงหน้านวลแหงนหงาย เสียงครางอือดังในลำคอระหงเมื่อเขาจูบไล้เนินเนื้อนวล ระเรื่อยลงกวาดชิมส่วนลี้ลับของกายเธอจนสัมผัสว่าหญิงสาวพรั่งพร้อมด้วยหยาดน้ำผึ้งหวานที่ฉ่ำเยิ้ม รัชภาคย์ปีนป่ายขึ้นมาทาบทับ ดันเรียวขางามเปิดกว้างเพื่อรองรับตัวตนของเขาพราวพิชชาผวาเฮือกขึ้นเมื่อความแข็งขึงร้อนผ่าวจดจ่ออยู่กับส่วนอ่อนนุ่มของตัวเอง หล่อนเม้มริมฝีปากแน่น สองมือเกาะไหล่กำยำแน่นอย่างหวาดหวั่นและจำยอมความเจ็บตึงแผ่ซ่านเมื่อความใหญ่โตขยับเบียดแทรกสู่ช่องทางอุ่นนุ่มที่คับแน่น เสียงครางกระหึ่มดังในลำคอหนาเมื่อเขาต้องบอกตัวเองให้ใจเย็นและอดทนรอ ค่อยๆ ขยับดันแก่นกายตนเข้าสู่ร่างเธอ“พอ...เจ็บ ออกไป”รัชภาคย์กอดรัดร่างงามไว้แน่น กดแก่นกายลึกลง จมดิ่งในความอุ่นชื้นที่รองรับอยู่“นอนนิ่งๆ อย่าต่อต้านผม ผ่อนคลายนะคนดี”เขากระซิบแผ่วเมื่อรู้สึกถึงความคับแคบในช่องทางที่พยายามแทรกผ่าน ข่มกลั้นอารมณ์ดิบที
พราวพิชชาตื่นขึ้นมานั่งอยู่กลางเตียง นานนับนาทีที่นิ่งงัน ทบทวนตัวเองอยู่ จนรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นเมื่อภาพเหตุการณ์ย้อนกลับมาเป็นฉากๆหล่อนรีบยกมือขึ้นปิดปาก กลัวเสียงร้องจะลอดออกมา ค่อยๆ เบือนมองผู้ชายที่นอนคว่ำหน้าอยู่ข้างๆ ได้ยินเสียงกรนเบาๆ ...เขากำลังหลับสนิทมันเป็นความรู้สึกที่พราวพิชชาบอกตัวเองไม่ได้ว่าคืออะไร สับสน หวาดหวั่นหรือใจหาย ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าทำไมถึงยอมให้เหตุการณ์ลงเอยแบบนี้ร่างเปลือยเปล่าของหญิงสาวเลื่อนออกมา พลันต้องคู้ตัวงอเมื่อความปวดเมื่อยทั่วตัวเริ่มสำแดงฤทธิ์ ยังความเจ็บแปลบในบริเวณที่ถูกรุกรานอย่างหนักตลอดที่โรมรันกัน...ความบอบช้ำที่เกิดกับกายตอกย้ำให้พราวพิชชารู้ว่าเหตุการณ์เมื่อบ่ายต่อเนื่องมาจนถึงหัวค่ำนั้นเป็นความจริง เธอไม่อาจคิดเป็นอื่นได้อีกสองมือสั่นเทาก้มหยิบเสื้อผ้าที่ถูกถอดทิ้งลงข้างเตียง หล่อนเก็บมาสวมอย่างเร่งรีบ แต่ยิ่งรีบเท่าไหร่ก็ยิ่งเชื่องช้าอย่างน่าขัดใจ จนต้องคุมสติใหม่ เมื่อจัดการตัวเองจนเสร็จจึงออกจากห้องนอนเขา ผ่านทางห้องทำงานออกมา จนอยู่ในห้องพักส่วนตัวได้สำเร็จสายน้ำเย็นเฉียบราดรดทั่วกายอรชรที
หญิงสาวพลิกกายเหยียดร่างไล่ความเมื่อยขบ เปลือกตาบางปรือเปิด เมื่อนึกขึ้นได้ว่าก่อนนอนหลับไปนั้นมีใครอยู่ด้วย แต่พอหันมองด้านหลัง...เพราะรู้สึกถึงไออุ่น หากพบแต่ความว่างเปล่าความหวิวโหวงก่อเกิดในอก...ความอบอุ่นที่ซุกซบอยู่ทั้งคืนคงเป็นสิ่งที่เธอคิดไปเองพราวพิชชามองทั่วห้องนอนที่อยู่ในความสลัวรางด้วยแสงไฟข้างนอกส่องผ่านเข้ามา ยังงุนงง ไม่รู้ว่าตอนนี้กี่นาฬิกา แต่รู้สึกว่าตัวเองนอนหลับเต็มตื่น...แม้ร่างกายจะยังเจ็บอยู่ก็ตามหญิงสาวกดเปิดสวิตช์ไฟ แล้วเดินลากขาไปยังบานหน้าต่างที่เปิดแง้ม มองอย่างครุ่นคิด สงสัยอยู่ว่าทำไมหน้าต่างถึงได้เปิดอยู่ตลอดเวลาที่เจอ แม้อากาศข้างนอกจะเย็นสบายและแสนบริสุทธิ์ แต่ด้วยความเคยชินเธอจึงปิดมันสนิทอยู่เสมอ...และก่อนนี้ก็เหมือนกันเสียงเคาะประตูดังขึ้น หล่อนไม่สงสัยอีกแล้วว่าจะเป็นใคร แม้เสียงเคาะคราวนี้จะเป็นจังหวะหนักกว่าเมื่อช่วงค่ำก็ตามลูกบิดประตูถูกเปิดออก พราวพิชชาหยิบหมอนมากอดไว้แน่น เป็นเชิงปกป้องตัวเอง ดวงตาจับมองเขาที่เดินเข้ามา สีหน้ายิ้มกริ่มชวนให้โมโหตงิดๆ“เห็นไฟในห้องเปิด เลยรู้ว่าตื่นแล้ว”&n
“ผมให้เขาจัดมาเมื่อชั่วโมงก่อน เชฟดอนด่าผมฝากมากับป้ามิ่งซะยกใหญ่ เพราะหาวัตถุดิบไม่ทัน ที่เห็นทั้งหมดนี้มาจากของที่เขาตุนไว้สอนเชฟในภัตตาคารนายใหญ่ พรุ่งนี้เห็นว่าต้องรีบตื่นไปหาของสดมาเก็บทดแทนให้ทันใช้ช่วงบ่าย”รัชภาคย์เล่าอารมณ์ดี เขาดูพูดมากผิดปกติ หรือเป็นอย่างนี้มาตั้งนานแล้วก็ไม่รู้...แต่พราวพิชชาไม่เห็นจะอยากรู้ด้วยเลยชายหนุ่มตักอาหารใส่จานหล่อน แล้วจ้องมองจริงจัง ดวงตาคู่คมดูอ่อนโยน ไร้แววล้อเลียน ยั่วเย้า หรือแม้กระทั่งโลมเลีย“ผมอยากให้คุณทำตัวสบายๆ เราจะคุยกันทุกเรื่อง”พราวพิชชาเงยหน้าสบตาเขาอย่างไม่หลบ ค้นหาความจริงในคำพูดนั้น“จะบอกความลับให้”รัชภาคย์ขยับตัวเหมือนกำลังไล่ความอึดอัด หลุบดวงตาคมลงต่ำ รอยยิ้มเก้อเขินจุดบนใบหน้าบางๆ พราวพิชชาได้แต่จ้องมองอย่างแปลกตา“ผม...ไม่คุ้นกับการดูแลผู้หญิงหรอก แต่สำหรับคุณ ผมตั้งใจทำให้ดีที่สุด เริ่มตั้งแต่วันนี้และเวลานี้ คุณยังไม่ต้องบอกให้ผมใจแป้วว่ายอมรับกันแค่ไหน แค่นิ่งๆ ไว้ แล้วรับรู้ด้วยหัวใจของคุณก็พอ ส่วนเรื่องเก่าระหว่างครอบ
หญิงสาวเข้าห้องน้ำ ไม่อยากอ้อยอิ่งนาน เพราะไม่อยากเห็นเนื้อตัวตัวเองที่ยังปรากฏรอยจ้ำอยู่ โดยเฉพาะทรวงอกที่เคยขาวเนียน ตอนนี้มีแต่รอยสัมผัสของเขาทั่วไปหมดความวาบหวามเกิดขึ้นในช่องท้องโดยพลัน ยอดอกแข็งชูชันแค่นึกถึง พราวพิชชาหน้าร้อนผ่าว นึกละอายใจที่เกิดความรู้สึกนี้ ยิ่งเมื่อภาพเนื้อกายหนาหนั่นทาบทับลงมา สัมผัสบดเบียดแทบเป็นเนื้อเดียวกันตลอดช่วงการโรมรัน หญิงสาวก็อยากจะตายเสียให้ได้ทำไมภาพและความรู้สึกจึงยังตรึงอยู่ในหัวของเธอนะ...และยิ่งน่ากลัวคือเธออยากเกลียดเขาใจแทบขาด แต่มันกลับไม่มีเลยหญิงสาวรีบออกจากห้องน้ำ เปิดตู้เสื้อผ้า หาเครื่องแต่งกายที่ปิดบังเนื้อกายได้มากที่สุด จนได้เสื้อแขนยาวกับกางเกงขายาวผ้ายืดมาวางบนเตียง เอียงคอมองก็เห็นว่ามันคงตลก เพราะอากาศช่วงสองวันมานี้ไม่ได้หนาวเย็นสักนิด ติดจะร้อนเสียด้วยซ้ำ...แต่ช่างเถอะ ดีกว่าจะให้หลักฐานบนร่างกายโชว์หราให้คนอื่นเห็นรัชภาคย์นั่งทำงานในสำนักงานใกล้ขุมเหมือง หลังจากที่ออกไปตรวจงานตั้งแต่เช้ามืด ก่อนคนงานจะเข้ามา ยอมรับว่าวันนี้สมาธิที่จะจดจ่อกับงานคอยจะปลิวหายอยู่ตลอด สมองของเขามีแต่ภาพเจ้าเนื้อนวลผ
บ้านพักส่วนตัวของรัชภาคย์ มองจากภายนอกดูคล้ายรีสอร์ต สร้างด้วยไม้ซุงทั้งหลัง แต่พอเข้ามาข้างในเธอถึงกับเบิกตาโต มองรอบแล้วยิ้มกว้างเครื่องเรือน เฟอร์นิเจอร์ ของตกแต่งบ้านล้วนทำอย่างประณีต...ข้าวของราคาแพงรูปแบบสมัยใหม่แต่สามารถปรับให้เข้ากับลวดลายธรรมชาติของเนื้อไม้ได้อย่างกลมกลืนงดงาม“ใครออกแบบคะ”พราวพิชชาถามขณะยกมือไล้โคมไฟแสงสีนวล มีไม้เปลือยเปลือกไขว้สานเป็นฐานรองรับอยู่“ธนัท...เพิ่งทำไม่นาน เผื่อไว้ให้คุณมาพัก เมื่อก่อนไม่ได้เป็นอย่างนี้ ผมอยู่มาไม่รู้กี่ปี หมอนั่นไม่เคยทำอะไรให้สักอย่าง”รัชภาคย์ทำหน้าเบื่อๆ พราวพิชชาเดินมาหา ยกมือโอบรอบลำคอหนาแล้วเขย่งขึ้นจูบปลายคางสากระคายอย่างประจบประแจง“ฝากขอบคุณเขาด้วยค่ะ เพราะเขารักเจ้านายอย่างคุณ แหววเลยพลอยได้น้ำใจจากเขาด้วย”พราวพิชชาปากหวานใส่คนขี้งอน ได้ผลว่าเขาสีหน้าดีขึ้นทันตา“ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่เถอะ จะพาไปกินข้าวที่สโมสร คุณคงหิวแล้ว”รัชภาคย์ดูใจดี อ่อนโยนและเอาใจเธอ ผิดกับตาคนหื่นที่คอยแต่จะกระโจนเข้าใส่ตอนอ
ในเส้นทางกลับสำนักงานของเหมืองที่รัชภาคย์เคยพาพราวพิชชามา เธอนั่งมองวิวข้างทางเพลินตาอยู่ จนเกือบถึงจุดหมายก็เห็นรถเก๋งสีขาวจอดเลียบไหล่ทาง คงเลยผ่านไปถ้าพราวพิชชาไม่เห็นใครสักคนที่คุ้นตาว่าเปิดประตูก้าวลงจากรถ แค่เสี้ยววินาทีที่ประตูปิดได้ รถคันนั้นก็กระชากตัวออกอย่างรวดเร็ว“คุณญาณิน ลูกน้องคุณนี่คะ”พราวพิชชานึกประหลาดใจ ระยะทางจากนี่กว่าจะถึงสำนักงานเหมืองก็เกือบกิโลเมตร แต่ทำไมรถคันนั้นถึงไม่ไปส่งพนักงานสาวสวยของรัชภาคย์ให้ถึงที่เสียก่อน มาจอดทิ้งกลางทางทำไม“จอดค่ะ เธอคงอยากไปด้วย” พราวพิชชารีบบอกรัชภาคย์เพราะเห็นญาณินมองมายังรถอยู่รถคันสีน้ำตาลชะลอความเร็วแล้วจอดตรงที่หญิงสาวร่างโปร่งบางหยุดยืนอยู่ ผมยาวสลวยในวันนี้ถูกรวบมัดเป็นหางม้า เผยให้เห็นวงหน้ารูปไข่งดงามนั้นชัดเจนขึ้น พวงแก้มขาวสุกปลั่งแดงระเรื่อ แม้อากาศจะเย็นลงกว่าหลายวันก่อนแต่ก็ยังแสงแดดส่องอยู่ โดยเฉพาะตอนใกล้เที่ยงวันแบบนี้พราวพิชชามองเห็นความงดงามของญาณินฉายชัด นึกตำหนิเจ้าของรถคันนั้นว่าช่างไม่คิดหน้าคิดหลังที่ปล่อยให้เธอเดินกลับในเส้นทางเปลี่ยวๆ คนเดียว
“คุณเล็ก พอค่ะ...พอแล้ว”พราวพิชชาครวญแทบขาดใจเมื่อร่างของตนที่เอนราบบนแผ่นหินเรียบชื้นในซอกมุมที่ดูมิดชิดถูกร่างหนาใหญ่เข้ามาคลุกเคล้า ทั้งที่เพิ่งจบเกมพิศวาสกันไปหมาดๆ ยังไม่นับรวมถึงการโรมรันในลำธารท่ามกลางสายน้ำไหลรินอยู่หลายรอบ“ไม่เอาแล้ว แหววเหนื่อยจะขาดใจ แหววโกรธคุณเล็กแล้วนะ”หล่อนต่อว่าเสียงหงุงหงิง รัชภาคย์หัวเราะอย่างนึกขันระคนเอ็นดูเธอนัก มองเนื้อกายขาวผ่องที่แดงช้ำเป็นจ้ำๆ ด้วยฝีมือเขาด้วยเคล้นคลึงหนักมือไปหน่อย ชายหนุ่มยื่นใบหน้ามาจุมพิตร่องรอยเหล่านั้นอย่างปลอบประโลมเขาไม่ได้ตั้งใจจะเลยเถิดกับเธอ แค่จะชวนลงเล่นน้ำในลำธาร เพราะพราวพิชชาไม่เคยสัมผัสกับชีวิตลุยๆ เช่นนี้นัก จึงอยากให้เธอได้ลองทุกอย่างที่เป็นตัวเขา แต่พอเห็นเงือกสาวเริงร่าอยู่กลางสายน้ำ เสื้อผ้าเปียกลู่กับเรือนร่างเต็มตึงอรชร อารมณ์หนุ่มจึงคุโชนอย่างไม่อาจห้ามมันไว้ สุดท้ายพราวพิชชาเลยได้ประสบการณ์กลางแจ้งร่วมกับเขาเร็วกว่าที่คิดรัชภาคย์จับหญิงสาวลุกนั่ง ส่วนตัวเขาลงไปยืนแช่อยู่ในน้ำ เรือนกายล่ำสันมีกางเกงยีนส์เกาะเกี่ยวสะโพกเพรีย
นายวัฒนะขยับตัวเมื่อสำเหนียกถึงบางอย่างที่ดูผิดปกติอยู่บนรถลีมูซีนคันยาวเฟื้อยที่ไปรับเขามาจากสนามบินนานาชาติเชียงราชตั้งแต่อยู่บนเครื่องก็มีพนักงานต้อนรับของสายการบินคอยเดินมาถามไถ่ว่าเขาและภรรยาต้องการอะไร คอยดูแลอย่างไม่พร่อง จนเครื่องบินลงจอดเทียบท่าก็ยังมีพนักงานของท่าอากาศยานสนามบินพาไปยังห้องรับรองพิเศษ นั่งอยู่สักห้านาทีก็มีผู้ชายใส่สูทสีดำสองคนตรงมาค้อมตัวแล้วบอกว่ามีหน้าที่คอยบริการเขา และจะพาไปยังห้องพักของโรงแรมหรูที่สุดของเมืองเชียงราชนายวัฒนะนึกชอบใจ ลำพองตนอยู่ว่าคนพวกนั้นคงเห็นบางสิ่งในตัวเขาฉายชัดออกมา จึงให้ความสำคัญเป็นพิเศษ...แต่พอตอนนี้กลับฉุกคิดระแวงขึ้นเป็นครั้งแรกเชียงราช ถิ่นของรัชตะเจ้าหนี้เก่า รวมถึงรัชภาคย์ที่เคยมีเรื่องขัดแย้งกันมาแต่หนหลัง แถมเมื่อวานซืนเขาเพิ่งรู้จากภรรยาว่ารัชภาคย์ได้ทำเรื่องที่เรียกว่าขยี้หัวใจของเขาจนแหลกไปแล้วนายคนป่าเถื่อนคนนั้นล่อลวงลูกสาวที่แสนดีของเขาไปพราวพิชชาเป็นเด็กดีเสมอมา ไม่เคยทำเรื่องเสื่อมเสีย ไม่เคยคบหาเพศตรงข้ามมาก่อน เขารู้ทุกเรื่องของลูกสาวผ่านภรรยา อีกทั้งยังติดตามสอบถามจากคนที่
“เฮ้ย! ชิบหายแล้วไง นายใหญ่จะตายไหมวะนั่น”แค่ได้ยินเสียงของพี่ชายที่ลอดออกมาหลังสิ้นเสียงหัวเราะนั้น รัชภาคย์ก็รู้ทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น ด้วยสัญชาตญาณการเอาตัวรอดเป็นเยี่ยม เขาจึงตัดสายฉับไว ปล่อยหน้าที่เอาตัวรอดให้เป็นของพี่ชายคนเดียวนายเก่งอยู่แล้ว ฉันยกนายให้เป็นฮีโร่เลยนะโว้ย หาทางเอาเองแล้วกัน อย่าให้สิ้นชื่อเพราะโดยเมียข่วนล่ะอวยพรพี่ชายอยู่ในใจ รัชภาคย์ก็ค่อยๆ เบือนหน้ามองรอบ พอเห็นว่าตนยังคงอยู่ตามลำพังก็พ่นลมหายใจพรูออกมา...รู้สึกโล่งใจเป็นที่สุดร่างสูงใหญ่ทอดฝีเท้าด้วยท่วงท่ามั่นอกมั่นใจกลับเข้าบ้านทางประตูด้านข้างที่เชื่อมกับห้องรับประทานอาหาร หลังจากบอกพราวพิชชาที่นั่งร่วมโต๊ะว่าจะออกไปคุยงานสำคัญเป็นการส่วนตัวและเมื่อกลับมาถึงจึงเห็นเธอนั่งรอเขาอยู่ ชายหนุ่มยิ้มอ่อนโยน แล้วพาเธอมาทางด้านหน้าของบ้าน ตั้งใจว่าวันนี้จะกระเตงหล่อนเข้าเหมืองด้วยกันระยะนี้เขาต้องพาพราวพิชชาติดตัวด้วยตลอดเวลา ลองปิ่นลดามาได้ยินเรื่องที่รัชตะพูดกับเขาแล้ว เธอคงไม่อยู่เฉยอย่างกับนัดกันไว้ พ่อตาแม่ยายก็มา แถมน้องเมียหรืออีกนัยคือพี่สะใภ้มา
เมื่องานของพราวพิชชาเป็นตามแผนที่รัชภาคย์คุยกับไรวินทร์ จึงไม่มีอะไรให้ห่วง ส่วนหญิงสาวที่ตั้งหน้าตั้งตารอโทรศัพท์จากมารดา อยากรู้ความคืบหน้าที่บอกว่าจะคุยกับบิดาให้เองนั้นผลจะเป็นอย่างไร แต่รอแล้วรอเล่าก็ไม่ได้รับการติดต่อกลับ“อย่าคิดมาก คุณแม่คุณรู้เรื่องของเราแล้ว ถือว่าผู้ใหญ่รับรู้ ท่านบอกจะคุยกับคุณพ่อของคุณให้ คุณก็รออีกหน่อย เดี๋ยวก็ติดต่อกันมาเอง”รัชภาคย์บอกเสียงเรียบ แม้จะคิดว่าสาเหตุที่แม่ของพราวพิชชาเงียบไปแบบข้ามวัน เพราะยังไม่อาจทำใจมากกว่า เรื่องมันคงปุบปับเกินไป อีกอย่างพ่อกับแม่เธอจะหายเงียบไปได้อย่างไร ทางนี้ก็ลูกสาวคนเดียวทั้งคนแต่เขาก็ไม่ได้บอกเหตุผลนี้กับเธอ เพราะเชื่อว่าหญิงสาวคิดอยู่ก่อนแล้ว จึงไม่อยากย้ำให้คิดมากขึ้นไปอีก“ผมว่าไหนๆ คุณต้องอยู่เชียงราชอยู่แล้ว...บอกน้องสาวสักทีดีไหม”รัชภาคย์หยั่งเสียงถาม รู้ทันว่าหล่อนกำลังลืมเรื่องที่สำคัญไม่ยิ่งหย่อนกว่ากันบางอย่าง และเป็นจริง พอได้ยินพราวพิชชาถึงกับออกอาการตกใจ“ตายจริง แหววลืมลดาไปเลย โอ๊ย! ปวดหัวจัง แหววไม่น่าโกหกน้องบ้าๆ แบบนี้เลย&rdq
“งั้นตามใจคุณ แต่สัญญานะว่าถ้ามีอะไร อย่าเก็บไปคิดหาทางออกคนเดียวอีก มีผัวก็รู้จักใช้ให้เป็นประโยชน์บ้าง”“คุณนี่ พูดอะไรก็ไม่รู้ ไม่ให้พูดแบบนี้อีกนะ”ดูเขาพยายามยัดเยียดตัวเองเหลือเกิน จนพราวพิชชาเหนื่อยใจที่จะปราม“ถ้าอย่างนั้นคุณก็อย่าทำให้ผมขัดใจ”“คุณนั่นแหละที่ทำให้แหววเป็นแบบนี้ รู้ตัวบ้างหรือเปล่า”“โอเค ผมยอมรับ อย่างที่คุณว่า ผมไม่ยอมพูดเรื่องของเราให้เคลียร์ตั้งแต่ต้น เลยทำให้คุณไม่มั่นใจ”“ยังมีอีก”หล่อนสวนทันควัน รัชภาคย์หรี่ตามองสงสัย แล้วถามอย่างไม่อยากให้คาใจนาน“เรื่องอะไร”“แหววจะบอกคุณเรื่องงานที่โทร.หาคุณไรวินทร์อยู่หลายครั้ง แต่แค่คุณเห็นแหววคุยกับเขา คุณก็ไม่พอใจแล้ว ถึงคุณไม่พูดแต่แหววดูออก อย่างนี้แหววจะกล้าบอกคุณทุกเรื่องได้ยังไง”“คุณไม่กล้าบอกผมด้วยเรื่องแบบนี้ด้วยเหรอ”รัชภาคย์ทำเสียงประหลาดใจสุดฤทธิ์ แววตาบ่งบอกว่าไม่อยากเชื่อ จนคนตั้งใจบอกต้องพยักหน้าแรงๆ พร้อมยืนยันด้วยคำพ
“เอาไว้ให้ถึงเวลานั้นแล้วค่อยว่ากัน”“ได้ค่ะแม่”ตัดสายจากกันแล้ว แม้จะไม่รู้ว่าต่อจากนี้จะออกหัวหรือก้อย แต่พราวพิชชาก็รู้สึกดีที่ไม่ต้องเก็บเรื่องราวหนักอกให้อยู่แค่ในใจอีกหญิงสาวยกมือกอดอกเมื่อลมหนาวพัดผ่านมา เช้าวันนี้อากาศเย็นลงกว่าปกติ พราวพิชชามองรอบตัว เริ่มเคยชินกับการเห็นทิวเขาไกลๆ ที่โอบล้อม คุ้นกับบ้านหลังใหญ่ที่มีอาณาบริเวณกว้างขวาง มองเห็นกำแพงสูงล้อมรอบไกลๆ ยังมีอีกหลายส่วนของบ้านที่หล่อนยังเดินไปไม่ถึง...วันนี้เกิดนึกอยากรู้ อยากรู้จักมันทุกตารางนิ้วความมั่นคงและความตรึงใจกำลังคืบคลานมาหาพราวพิชชา ต่อจากนี้เธอจะเดินหน้าในเส้นทางที่เลือกแล้วด้วยหัวใจ...หากสัญญากับตัวเองว่าถึงอย่างไรก็จะไม่ทิ้งหน้าที่ของลูกที่ดีเช่นกันหญิงสาวหันกายกลับ ชั่วขณะหนึ่งปรายตาไปยังมุมซึ่งอยู่เยื้องทางด้านหลังของบ้าน ด้วยรู้สึกเหมือนตนตกเป็นเป้าสายตาของใครอยู่ผู้ชายเรือนกายล่ำสันที่เปิดเปลือยเนื้อตัวท่อนบนจนเห็นกล้ามเนื้อหนั่นแน่นไกลๆ กำลังยืนอยู่ตรงหน้าต่างห้องนอน...ห้องนอนที่เธอเพิ่งจากมา และเขากำลังทอดสายตามองเธออยู่พราว
น้ำเสียงห้าวแหบพร่าออกคำสั่งท่ามกลางอารมณ์พิศวาสที่ยังกรุ่นๆ พราวพิชชาปรือตามองแล้วแย้มรอยยิ้มอย่างยั่วยวน ทุกกิริยาเป็นไปตามอารมณ์ที่นำพา หากสำหรับหัวใจเธอรู้ตัวเองชัดเจนแล้ว“แหววรักคุณเล็ก”“ผมรักคุณ...คุณแหวว”เขาบอกก่อนจะซบกับซอกคอหอมกรุ่นของหญิงสาว แล้วพลิกร่างเธอขึ้นมานอนเกยบนกายของเขา กกกอดไว้อย่างแสนรักและหวงแหนพราวพิชชาตื่นนอนตั้งแต่เช้า หลบคนที่กกกอดเธออยู่ทั้งคืนเพื่อจะอยู่กับตัวเอง หลังจากมั่นคงในการตัดสินใจแล้ว เธอนึกหาทางออกที่สวยงาม ครอบครัว และคนสำคัญที่เปิดรับเข้ามา...คนคนนั้นก็คือรัชภาคย์เหลือเวลาอีกแค่สามวันก็ครบกำหนดลาพักร้อน พราวพิชชาไม่อาจยื้อเวลาอีก เมื่อตัดสินใจแล้วก็ควรเดินหน้าต่อ ความลังเลหวาดกลัวไม่เคยเกิดกับเธอมาก่อน จนกระทั่งเวลานี้ซึ่งนับเป็นเรื่องใหญ่ในชีวิต...พราวพิชชารู้สึกเหมือนตัวเองกำลังเป็นกบฏอยู่กลายๆโทรศัพท์มือถือถูกยกมาดูอีกครั้ง เป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ แล้วเลือกติดต่อไปยังเจ้าของเบอร์โทร.ที่คิดว่าจะเข้าใจเธอมากที่สุดเสียงตอบรับจากปลายสาย ถามว่าเธอจะกลับไฟล์ทไหนเพื่อจะเ