รัชตะเสียงกร้าวขึ้น มันไม่ใช่เรื่องเล็กๆ สำหรับเขาที่จะมีใครมาหยามกันถึงเพียงนี้ แต่อีกฝ่ายกลับใจเย็นจนดูผิดเป็นคนละคนเสียอย่างนั้น
“ไม่ต้องถึงขนาดนั้น แค่นี้ฉันรับมือไหว” รัชตะต้องหรี่ตามองน้องชายฝาแฝดอย่างแปลกใจอีกรอบ...ก็เมื่อกี้มันยังทำฉุนเฉียวตอนบอกว่าต้องเจ็บตัวเพราะเกิดการเข้าใจผิดกัน คงเข้าอีหรอบตีผิดคนนั่นแหละ เขาก็อยากรู้ว่าตัวเองมีศัตรูที่ไหนเหมือนกัน แต่พอคิดจะจัดการมือดีพวกนั้นให้ น้องชายตัวดีกลับทำเหมือนมีลับลมคมในเสียนี่ “เอาเป็นว่าจบเรื่องนี้ นายไม่ต้องยุ่ง เพราะฉันจะจัดการเอง” รัชภาคย์ย้ำตัดบท ทำท่าทางว่ารำคาญพี่ชายเสียอย่างนั้น “แล้ววันนี้ฉันก็จะเข้าประชุม แต่จะเป็นตัวของฉันเอง และสัญญาว่าจะไม่ทำให้หุ้นส่วนของนายแตกตื่น ฉันแค่เบื่อไอ้พวกเสื้อผ้าอย่างของนาย ทีหลังไม่ต้องให้คุณทิพย์มาจัดหาของพวกนี้มาให้อีกนะ อย่าให้ต้องใส่สูท ผูกเนกไทเป็นคุณชายอย่างนายด้วยเลย เห็นแล้วเอือมตัวเองชะมัด” รัชภาคย์ทำเสียงและสีหน้าว่าเบื่อหน่ายเต็มทน ยกมือลูบปลายผมที่ท้ายทอยอย่างแสนเสียดายที่ต้องตัดเล็มออก พอไล่มาจนถึงปลายคางที่เมื่อวานยังเกลี้ยงเกลา แต่วันนี้สัมผัสหนวดเคราสั้นๆ จนเมื่อเหลือบมองพี่ชายก็กระตุกยิ้มพอใจขึ้น “ฉันไม่เห็นจะสนใจ พ่อแม่แยกพวกเราออกทุกครั้ง นายจำได้ไหม ไม่ว่าเราจะแกล้งสลับตัวกันยังไง คุณทิพย์ก็อีกคน และคนล่าสุดที่พิสูจน์ได้ คือลดา ลดามองปราดเดียวก็รู้ว่าฉันเป็นฉัน และนายก็คือนาย ไม่ว่าเราจะแต่งตัวเหมือนหรือต่างกัน” “เมื่อวานยายผู้หญิงตาถั่วเอาเหยือกเบียร์ปาหัวฉัน เพราะคิดว่าฉันเป็นนาย” รัชภาคย์เล่าเชิงแย้ง “เธอทำร้ายนายเพราะคิดว่าเป็นฉันงั้นหรือ ใครกัน” รัชตะงงเป็นไก่ตาแตก ยิ่งเป็นผู้หญิงแล้วนึกไม่ออกจริงๆ ว่าเธอคนไหนจะเป็นศัตรูคอยจ้องจะทำร้ายเขา จนรัชภาคย์ต้องมารับเคราะห์แทน “ใช่ เธอเห็นฉันอยู่กับผู้หญิงอื่น เธอคงคิดว่าคนที่อยู่ข้างฉันควรเป็นพี่สะใภ้ฉันคนเดียวเท่านั้นน่ะสิ เข้าใจหรือยังนายคุณใหญ่” “อย่าบอกนะว่า...นายหมายถึงคุณแหววใช่ไหม แล้วนี่เธอรู้ความจริงหรือยัง” ไม่มีผู้หญิงคนไหนที่กล้าทำอย่างนี้กับเขาหรือรัชภาคย์ นอกเสียจากว่ามีแรงจูงใจมากพอจนมองข้ามความกลัวและกริ่งเกรงได้ ดังนั้นรัชตะจึงเพ่งไปที่พราวพิชชา พี่สาวที่แสนจะหวงและห่วงปิ่นลดาอย่างเสมอต้นเสมอปลาย “ไม่รู้ ยายป้านั่นน่าจะยังหูหนวกตาบอดอยู่เหมือนเดิม” รัชภาคย์ว่าอย่างเผ็ดร้อน ไม่เคยนึกถึงคู่กรณีอย่างหล่อนในแง่ผู้หญิงที่ควรให้เกียรติมากกว่านี้หรอก ก็ดูที่หล่อนทำกับเขาสิ...อย่างนี้มันน่าจะตาต่อตา ฟันต่อฟันชะมัด “มิน่าล่ะ เมื่อเช้าคุณแหววโทร.หาลดา ไม่รู้ว่าสองคนนั้นพูดอะไรกัน แต่ฉันก็เห็นลดาสีหน้าไม่ค่อยดี” “ระวังพี่เมียของนายไว้หน่อยแล้วกัน ยายคนนี้จ้องแต่จะพาเมียนายหนีตั้งแต่ที่พบหน้ากันในวันแต่งงาน ผู้หญิงบ้าอะไรก็ไม่รู้ ไม่มีความอ่อนหวานเหมือนน้องสาวสักนิด ความคิดก็แปลกประหลาด” “นายพูดเกินไปหรือเปล่า อย่างน้อยคุณแหววก็เป็นผู้หญิง ฉันว่าที่เธอทำลงไปมันก็มีเหตุผลที่เข้าใจได้ และที่สำคัญเธอเป็นคนที่เมียฉันรักมากด้วย” “ถ้าอย่างนั้นนายโอ๋เมียเสร็จ ก็อย่าลืมโอ๋พี่เมียไปด้วยเลยนะนายใหญ่ ชีวิตนายคงสดใสดีพิลึก” “เอ๊ะ! ไอ้นี่ พูดยังไงของมัน อย่าพาลนอกเรื่องสิ” “ฉันรู้สึกรำคาญยายนั่นตั้งแต่เห็นครั้งแรกแล้ว ไม่คิดอยากยุ่งด้วยเลย แต่เมื่อวานฉันมันดวงซวย นัดผู้หญิงเอาไว้กะจะกินให้อิ่มก่อนเข้าเหมือง ดันมาเจอยายป้านี่ปาหัวแตก จนต้องให้นายแฟรงค์เย็บตั้งสองเข็ม คิดแล้วอยากจับหล่อนหักคอหมกป่าซะให้รู้แล้วรู้รอด” “อย่าแม้แต่คิด” รัชตะปรามเสียงเรียบ ไม่อยากเสี่ยงกับคนบ้าดีเดือดอย่างน้องชายสักเท่าไร “นายนี่ก็กลัวฉันแตะพี่เมียจริงๆ” “เรื่องมันแล้วไปแล้ว ก็ปล่อยไปเถอะ ฉันจะบอกลดาให้ เธอจะได้คุยกับพี่สาวให้เข้าใจ เย็นนี้เห็นว่าจะไปหากันที่รีสอร์ต คุณแหววเธอไม่ได้อยู่เชียงราชนานหรอก เห็นว่ากำลังรอเพื่อนตามมาสมทบแล้วจะไปเที่ยวที่อื่นกันต่อ” “นายว่าอะไรนะ ยายนั่นไม่ได้อยู่เชียงราชทั้งสิบห้าวันหรือ” “สิบห้าวัน?” รัชตะทวนตามแล้วเลิกคิ้วดูงงๆ จนอีกฝ่ายต้องย้ำคำพูดเขา “อ้าว ก็ยายป้ามีช่วงพักร้อนสิบห้าวันไม่ใช่หรือ นายพูดเองนะ” “เหรอ ฉันจำไม่ได้ สงสัยลดาเคยบอก แต่อย่างที่ว่านั่นแหละ อย่ามีปัญหากับเธอมากกว่านี้ ถือว่าฉันขอ ฉันสงสารเมีย แค่นี้เธอก็ยังเคว้งเพราะครอบครัวเธอเหลือคุณแหววคนเดียวพอให้เธอยึดอยู่” “ทำไมต้องเคว้ง เธอมีนายอยู่ทั้งคน” “นั่นพี่สาวของเขา มันเหมือนกันที่ไหน” รัชภาคย์เหลือบมองคนพูดแวบหนึ่ง แล้วเมินหนี ลุกเดินไปยังตู้เสื้อผ้า คิดจะจัดการตัวเอง เตรียมตัวเข้าร่วมประชุมในห้องประชุมใหญ่ที่จัดขึ้นในโรงแรมแห่งนี้ ในสมองครุ่นคิดถึงบางเรื่องอยู่ พลันก็หันขวับมามองพี่ชายตัวเอง “เอาเป็นว่าฉันเข้าใจนาย เข้าใจลดา” คำพูดรับปากง่ายๆ ทำให้รัชตะเลิกคิ้ว แล้วไหวไหล่เมื่อคิดว่ารัชภาคย์ก็เป็นแบบนี้เสมอ ตามอารมณ์ไม่ค่อยทัน นึกจะดีก็ดี พอจะร้ายก็ไม่ค่อยมีสัญญาณเตือนให้รู้ก่อนอย่างใครเขา “แล้วนาย เอ่อ...ไม่ต้องบอกลดา เรื่องที่พี่สาวเขาตีหัวผิดคน” “หืม...ทำไม” “เห็นใจคนอยากเอาใจเมียท้องแก่ ฉันก็ไม่อยากให้เธอเครียดด้วย” รัชตะหัวเราะออกมาได้ แม้จะไม่อยากเชื่อสักเท่าไรว่าเป็นเหตุผลแท้จริง แต่ก็ถือว่าจบเรื่องนี้กันไป...เพราะไม่ว่าอย่างไร เขายังคงทำหน้าที่พี่ชายใหญ่ในการดูแล ไว้ใจ และให้เกียรติน้องชายที่เกิดหลังสิบกว่านาทีเสมอรัชภาคย์จูงมือภรรยาตามนิตินัยและพฤตินัยเข้ามาในร้านอาหาร หลังจากสองคนได้ทะเบียนสมรสมาไว้ในมือ และเป็นนานกว่าเขาจะบอกให้คนขี้เห่อเก็บใบทะเบียนสมรสนั้นไว้ในรถได้พราวพิชชาดูร่าเริง ดวงตาเปล่งประกายระยิบ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าความสุขกำลังท่วมท้นตัวเธออยู่ รัชภาคย์ยิ้มอ่อนโยน ดูแลเทกแคร์อย่างดี ทุกจังหวะท่าทางของหญิงสาวอยู่ในสายตาเขาตลอดเวลา รัชภาคย์แทบไม่อาจละสายตาจากเธอได้สองคนกำลังตกหลุมรักกัน ไม่ต้องมีใครบอก คนภายนอกที่พบเจอก็สามารถสัมผัสได้ไม่เว้นแม้แต่ผู้หญิงสองคนที่ยืนอยู่ตรงลานจอดรถ คนหนึ่งมองตามด้วยสายตากรุ่นโกรธ เหมือนว่ามีเรื่องกันตั้งแต่ชาติปางไหน ขณะอีกคนหลบหน้าหลบตาเหมือนกลัวว่าคนคู่นั้นจะมองมาเห็น“กลับเถอะพี่เมี่ยง แตงหวานงอแงใหญ่แล้ว อยู่ตรงนี้แดดร้อน”ถ้อยคำนั้นมาจากหญิงสาวร่างเพรียวบาง เรือนผมยาวถูกมัดเป็นหางม้า โชว์ดวงหน้างดงามเกลี้ยงเกลา เธอกำลังอุ้มเด็กหญิงวัยขวบเศษที่หลับพับอยู่บนบ่าบอบบาง เสียงร้องครางของเด็กน้อยบอกให้รู้ว่าเจ้าตัวอยู่ในภาวะไม่สบายตัวสักเท่าไร แต่หญิงสาวอีกคนดูจะไม่สนใจ“ฉันอยากจะมองหน้าแม
รัชภาคย์ตื่นนอนตั้งแต่เช้ามืด หากพอควานมือหาคนร่างนุ่มนิ่มกลับไม่พบ เขาจึงรีบผุดลุก กดเปิดโคมไฟหัวเตียงจนสว่าง‘แหววจัดของอยู่ในห้องค่ะ’ชายหนุ่มดึงกระดาษโน้ตที่เขียนด้วยลายมือน่ารัก ปิดท้ายด้วยรูปหัวใจสองดวง นึกขันตัวเองนัก นี่พราวพิชชาคงรู้ว่าถ้าเขาตื่นมาไม่เจอเธอแล้วคงตกใจ ถึงได้เขียนโน้ตบอกไว้ และหล่อนก็คาดถูกจริงๆรัชภาคย์ตื่นนอนเต็มตา เพราะเมื่อคืนนอนหลับตั้งแต่หัวค่ำ เป็นผลจากการกรำงานมาอย่างหนักทั้งวันทั้งคืนก่อนนี้ แถมได้นางฟ้าประจำตัวมาให้กกกอด เป็นคืนที่เขาฝันดีและนอนหลับลึกอย่างที่สุดก็ว่าได้ชายหนุ่มเข้าห้องน้ำ อาบน้ำแต่งตัวอย่างรวดเร็ว ไม่คิดอ้อยอิ่งด้วยความเคยชิน แล้วตรงไปยังห้องของหญิงสาว เห็นแสงไฟลอดออกมา ยกมือเคาะส่งสัญญาณ ไม่รอให้ตอบรับก็ผลักเข้าไปทันทีพราวพิชชาหันมายิ้มให้ รัชภาคย์เลื่อนสายตาลง...สมุดบันทึกสีหวานอยู่ในมือเธอ“แหววลืมไว้ แต่จำได้ว่าเก็บไว้ข้างในลิ้นชักจนลึกสุด ไม่ได้วางหมิ่นเหม่ไว้อย่างที่เห็นเมื่อกี้”หล่อนย่นจมูกใส่ แล้วยกมากอดไว้เหมือนเป็นของรักของหวง“คิดว่าตั้งใจลืม
รัชภาคย์ยังนั่งหน้างออยู่กลางเตียง มองเธอเหมือนว่ากำลังทำอะไรขัดใจเขาอยู่“คุณไม่ดีใจหรือคะที่แหววกลับมา”“ดีใจสิ ดีใจก็ส่วนดีใจ แต่ผมกำลังไม่พอใจที่ถูกลูกน้องปั่นหัว มันรู้ว่าคุณกำลังมา แต่มันยุส่งให้ผมไปหาคุณ บอกว่าเตรียมตั๋วเครื่องบินให้พรุ่งนี้ เออ...ผมให้ป้ามิ่งมาจัดของให้ แต่มาถึงก็เพลียๆ เพราะเคลียร์งานทั้งคืน หลับเพิ่งตื่นตอนคุณกระโจนใส่ ไม่รู้ทำไปถึงไหนกัน”พราวพิชชาถึงบางอ้อละคราวนี้ นี่เธอกับรัชภาคย์ถูกคนรอบข้างร่วมกับหลอกกันเป็นขบวนการทีเดียว งานนี้ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ แล้ว“แหววว่าคุณอย่าโกรธคุณธนัทเลย เธอไม่ได้ทำคนเดียวหรอก ไม่งั้นจะแนบเนียนจนทั้งคุณและแหววไม่เอะใจกันได้หรือคะ”“หมายความว่าไง”รัชภาคย์ตีหน้ามึน คว้าร่างของเธอมานั่งบนตักตัวเอง พอได้สัมผัสใกล้ชิดแล้ว เรื่องจะให้หยุดแค่นี้คงยากแล้ว มือหนาซอกซอนเข้าไปเฟ้นฟอนอกอวบตึงภายใต้เสื้อยืดสีเทาดีไซน์เก๋ของเธอ แล้วเคล้นคลึงอย่างเอาแต่อารมณ์ พอเห็นว่าอีกฝ่ายไม่ห้ามก็ยิ่งชักได้ใจ ไม่คิดจะหยุดมือกันละคราวนี้“จะฟังหรือเปล่าคะ คุณ
ใกล้ค่ำแล้ว สองข้างทางมืดมิด สายลมหนาวกระโชกแรงจนกิ่งไม้โน้มเอนลู่ไปทางเดียวกัน นึกถึงวันแรกที่มาในเส้นทางนี้ พราวพิชชามีแต่ความหวาดหวั่นใจ นั่งคาดเดาตลอดทาง กระทั่งความตกใจสุดขีดก็ประดังเข้ามาหา เมื่อตระหนักว่าคนที่พาตัวเธอมาในครั้งนั้นไม่ใช่รัชตะผู้เป็นน้องเขย หากเขาคือรัชภาคย์แฝดผู้น้องที่เคยมีเรื่องประคารมกันต่างหากในความตกใจนั้น พราวพิชชาไม่ได้รู้สึกถึงความกลัวเมื่อรู้ความจริงนั้นแล้ว แม้บ้านหลังใหญ่ของเขาที่พาเธอมาจะปลูกสร้างท่ามกลางขุนเขา มองไปทางไหนก็เห็นแต่ต้นไม้ใหญ่และทิวเขาไกลๆ อีกทั้งเจ้าของบ้านตัวใหญ่ก็ตีหน้ายักษ์ สีหน้าไม่เคยเป็นมิตรกับแขกอย่างเธอพราวพิชชานึกถึงเหตุการณ์เหล่านั้นแล้วนึกกระวนกระวายใจ ป่านนี้เขาจะเป็นอย่างไรบ้างก็ไม่รู้ ธนัทที่บอกว่าติดต่อเจ้านายไม่ได้ ไม่รู้ว่าจะมีความคืบหน้าอย่างไรเพิ่มเติมเข้ามาบ้างรถแล่นนิ่งเงียบ ฝ่าความมืดมิดลึกไปเรื่อยๆ จนเห็นบ้านคนเป็นกลุ่มชุมชนที่เธอเคยจดจำได้...มองแล้วเลยผ่านไป เพราะรู้ว่าอีกไม่ไกลก็จะถึงบ้านของรัชภาคย์ จุดหมายปลายทางของเธอจนรถมาจ่อตรงประตูรั้ว พราวพิชชายิ่งกระวนกระวายหนัก เธอนึกอยากจะรู้
รัชภาคย์ลงไปชั้นล่าง แล้วชะงักเท้าเมื่อเห็นรถของลูกน้องคนสนิทปราดมาจอดพอดี ธนัททักทายเขาอย่างร่าเริง สีหน้ายิ้มแย้มตามบุคลิก เมื่อก่อนรัชภาคย์รู้สึกเฉยๆ แต่นับจากเมียหนีหายไป เห็นหน้าระรื่นของเจ้านี่ทีไร เป็นหงุดหงิดใจทุกทีนี่มันไม่คิดจะเศร้าไปกับเขาเลยหรือไง ไอ้ลูกน้องกิตติมศักดิ์คนนี้“ไปเหมืองหรือครับคุณเล็ก”“อืม จะแวะดูสักหน่อย มีนัดคุยกับคนของนายพลยานเปงด้วย บ่ายๆ นายกลับไปเฝ้าเหมืองด้วยแล้วกัน ช่วงนี้พวกนกกระจิบนกกระจอกรู้ว่าเหมืองเราขนสินแร่ออกล็อตใหญ่”“ครับนาย”รับคำพร้อมสีหน้าไม่เปลี่ยนจากเดิม รัชภาคย์มองแล้วเดินผ่านหน้าไปขึ้นรถจี๊ปสปอร์ตที่จอดอยู่ โดยมีคนขับรถพ่วงตำแหน่งคนคุ้มกันนั่งประจำพร้อมทำหน้าที่ธนัทมองตามรถของนายจนลับหายไปจากประตูรั้ว แล้วนึกถึงสีหน้าของนายเมื่อครู่“คุณเล็กดูไม่ดีขึ้นเลยแฮะ น่าสงสารจริงๆ พวกเมียหนี ระทมห่อเหี่ยวเปลี่ยวใจอย่างนี้ทุกรายหรือเปล่า เฮ้อ! น่าสงสารๆ”“พูดถึงนายอย่างนี้ได้ยังไง หนูโกรธคุณนัทแล้วด้วย”เสียงโพล่งดังขึ้น ทำให้คนอ
“คุณวาด พูดอะไรของคุณ เข้าห้องไปเดี๋ยวนี้”นายวัฒนะตกใจซ้ำ หลังจากเห็นภรรยาที่เขาเสนอให้ลงไปเดินเล่นข้างล่างแก้เบื่อ แท้จริงเพื่อจะขอพื้นที่คุยกับรัชภาคย์นั่นเอง แต่เธอก็ขึ้นมาเร็วเกินไปจนได้ยินในเรื่องที่เธอคงรู้อยู่แล้ว หากเขาก็ไม่อยากให้ได้ยินจากปากเขา...แต่ก็พลาดจนได้“พอเถอะค่ะ จบเรื่องนี้ไปเถอะ จะไม่มีการเรียกเงินจากคุณเล็กสักบาทเดียว ส่วนหนี้สิบล้าน ฉันไม่อยากให้คุณไปยุ่งกับลูก ถ้ายายแหววตั้งใจจะใช้คืนคุณใหญ่ ฉันขอสั่งห้ามคุณไปบังคับกะเกณฑ์แกอีก แค่นี้ชีวิตลูกก็ป่นปี้ไปหมดแล้ว”ไม่เคยมีสักครั้งที่เพียงวาดจะขึ้นเสียงกับสามี แต่ครั้งนี้สุดจะทนจริงๆ ละอายใจกับเรื่องเก่าก่อนยังไม่พอ ยังสร้างเงื่อนใหม่ให้เป็นมลทินกับชีวิตลูกสาวคนเดียวไม่จบสิ้นนายวัฒนะไม่ได้เห็นด้วย และไม่คิดจะยอมทำตามเงื่อนไขของภรรยา มันไร้สาระเกินกว่าที่จะมายกเลิกกันตอนนี้ ทั้งที่รัชภาคย์ก็ตอบรับไปแล้วแต่พอเห็นร่างของคนสองคนที่เดินตรงมาหา คนนำหน้ามีท่าทีเหมือนจะอ่อนพับอยู่รอมร่อ ส่วนคนข้างหลังเดินตามอย่างเนิบช้า แม้อยู่ในวัยชราแต่ก็ยังสง่างาม...