ทั้งสองฝ่ายเริ่มทะเลาะกันรุนแรงมากขึ้นและดูเหมือนว่าจินเยว่จะเป็นฝ่ายเสียเปรียบพวกนางไม่น้อย เพราะความตรงไปตรงมาไม่เสแสร้งของนางทำให้ไม่อาจเทียบได้กับหลิวอี้หลันที่อยู่ท่ามกลางสังคมที่สวมหน้ากากนี้มาเนิ่นนาน
ในขณะที่ซิ่วจื่อหลิงกำลังจะก้าวเข้าไป ใครบางคนก็ปรากฏตัวขึ้นเมื่อนางได้เห็นเขาดวงตาทั้งสองข้างก็เบิกกว้างด้วยความแปลกประหลาดใจยิ่ง
เหตุใดเขาจึงมาอยู่ที่นี่ได้เล่า ?
"ให้ร้ายเชื้อพระวงศ์มีโทษสถานหนัก พวกเจ้ารู้หรือไม่ ?"
"พระชายาเพคะ เหตุใดบ่าวจึงรู้สึกว่าเมิ่งฮองเฮามิชมชอบพระองค์นัก" องค์หญิงม่านสวียกยิ้มยามเมื่อได้ยินวาจาของนางกำนัลคนสนิท"ก็มิแปลกมิใช่หรือ ?""มิแปลกหรือเพคะ ?" ผินหมัวมัวเอ่ยด้วยความสงสัย"นางไม่ชอบข้าย่อมไม่แปลกอันใด เดิมทีเยี่ยอ๋องก็เป็นผู้ที่มีสิทธิ์ในราชบัลลังก์ หากแต่เขากลับมอบมันให้กับเป่ยติ้งหรงอ๋อง ยามที่เห็นข้านางย่อมไม่พึงใจเป็นธรรมดา เจ้าเองก็อย่าได้กล่าวมากเกินไป หากว่าเยี่ยอ๋องมาได้ยินเข้าย่อมต้องรู้สึกไม่พอใจเป็นแน่""เพคะ บ่าวทราบแล้ว""เอาละ ช่างเถิดนางจะคิดเช่นไรก็ช่างนางเถิดขอเพียงยังอยู่ในขอบเขตก็เพียงพอแล้ว ข้าเองก็หาได้เป็นผู้ใหญ่ใจแคบไม่""เพคะ"องค์หญิงม่านสวีได้ยินข่าวลือเกี่ยวกับเรื่องที่หรงเซ่อฮ่องเต้เป็นโอรสนอกสมรสของเยี่ยอ๋องมานานแล้ว นางเคยคิดที่จะเอ่ยถามเรื่องนี้กับสามีของตนหากแต่อีกฝ่ายดูเหมือนว่าจะไม่อยากกล่าวถึงมันเท่าใดนัก ส่วนบุตรชายเพียงคนเดียวของนางก็ดูเหมือนจะเข้ากันได้ดีกับเขาคนนั้นอยู่ไม่น้อยถึงขนาดเรียกขานอีกฝ่ายว่าพี่ใหญ่ได้อย่างเต็มปาก
ในตอนเช้าวันแรกของการถูกกักบริเวณนั้น ซิ่วจื่อหลิงก็ถูกปลุกให้ลุกขึ้นมาตั้งแต่เช้าในขณะที่ท้องฟ้ายังไม่สว่างดี ทำเอานางถึงกับโมโหจนควันออกหู ได้แต่ก่นด่าบุรุษผู้นั้นภายในใจอย่างไม่มีชิ้นดี หากแต่ยามที่เขาปรากฏตัวนางก็ทำได้เพียงส่งมอบรอยยิ้มไปให้เขาเท่านั้น ช่างน่าแค้นใจยิ่งนักนางถูกบังคับให้ต้องนั่งเรียน เขียน อ่านตำรานานหลายชั่วยามต่อวันกว่าจะถูกปล่อยตัวให้กลับไปพักผ่อนได้ ทำเอาหญิงสาวหมดสิ้นเรี่ยวแรงเลยทีเดียวซิ่วจื่อหลิงล้มตัวลงนอนบนเตียงของนางอย่างหมดแรงในสภาพที่แทบจะดูไม่ได้ ใต้ตาคล้ำเหมือนกับคนที่นอนพักผ่อนไม่เพียงพอ"
ต่อมามีฎีการ้องเรียนเกี่ยวกับความประพฤติที่ไม่เหมาะสมของคุณหนูหลิวอี้หลัน คุณหนูลี่อิน คุณหนูไป๋ถิง และท่านหญิงซูฉีในเรื่องที่พวกนางเอ่ยให้ร้ายองค์หญิงใหญ่ซิ่วจื่อหลิง ฎีกานี้เขียนขึ้นโดยเสิ่นชิงหลวนก่อนจะถูกส่งให้กับฝ่าบาทโดยตรง ทำให้สตรีเหล่านั้นถูกลงโทษด้วยการถูกโบยคนละยี่สิบไม้พร้อมกับถูกกักบริเวณหนึ่งเดือน และคัดพระคัมภีร์เป็นจำนวนหนึ่งร้อยจบเรื่องราวการร้องเรียนนี้ทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ทั้งในที่ลับและในที่แจ้งกันอย่างคึกคัก ผู้ใดบ้างไม่รู้ว่าฝ่าบาททรงเอ็นดูองค์หญิงใหญ่มากเพียงใด การกล่าววาจาให้ร้ายองค์หญิงใหญ่ต่อหน้าสาธารณชนเช่นนี้ สตรีเหล่านั้นช่างไม่รู้จักเกรงกลัวเสียบ้างบ้างก็กล่าวว่าเป็นการกระทำที่รุนแรงมากเกินไป สตรีกลุ่มนั้นล้วนแต่เป็น
ทั้งสองฝ่ายเริ่มทะเลาะกันรุนแรงมากขึ้นและดูเหมือนว่าจินเยว่จะเป็นฝ่ายเสียเปรียบพวกนางไม่น้อย เพราะความตรงไปตรงมาไม่เสแสร้งของนางทำให้ไม่อาจเทียบได้กับหลิวอี้หลันที่อยู่ท่ามกลางสังคมที่สวมหน้ากากนี้มาเนิ่นนานในขณะที่ซิ่วจื่อหลิงกำลังจะก้าวเข้าไป ใครบางคนก็ปรากฏตัวขึ้นเมื่อนางได้เห็นเขาดวงตาทั้งสองข้างก็เบิกกว้างด้วยความแปลกประหลาดใจยิ่งเหตุใดเขาจึงมาอยู่ที่นี่ได้เล่า ?"ให้ร้ายเชื้อพระวงศ์มีโทษสถานหนัก พวกเจ้ารู้หรือไม่ ?"
หากจะกล่าวถึงเสด็จปู่ของนางหรือว่าเยี่ยอ๋อง การทวงคืนบัลลังก์ของท่านปู่ในคราวนั้นนับว่ายังตราตรึงในความทรงจำของนางเป็นอย่างยิ่ง นับว่าท่านปู่ของนางนั้นเป็นยอดบุรุษที่หาผู้ใดเปรียบได้ยาก แม้ว่าจะได้พบเจอกับสตรีที่ร้ายกาจเช่นเผิงฮองเฮา หากแต่สุดท้ายแล้วยังได้พบกับสตรีที่รักในที่สุด องค์หญิงม่านสวีคือน้องสาวของฮ่องเต้แคว้นหนานเฉินในปัจจุบัน ทั้งคู่มีบุตรด้วยกันเพียงคนเดียวนั่นก็คือตู๋กูอันชิงหรือว่าท่านอาเล็กของนางนั่นเอง การย้อนกลับมาในครั้งนี้นางมีโอกาสได้มีครอบครัวใหญ่ ทุกคนล้วนสำคัญกับนางต่างจากชาติก่อนที่นางไม่เหลือใครเลยสักคน ต่อให้ได้นั่งอยู่บนบัลลังก์ที่ทรงอำนาจนั้นแล้วเช่นไร แม้แต่คนที่นางรักก็ไม่เคยจริงใจกับนางสักนิด ในชีวิตใหม่นี้นางจะจดไว้ให้ดีจดจำในสิ่งที่คนผู้นั้นเคยได้ทำกับนาง ไม่ได้คาดหวังจะแก้แค้นเพราะไม่ต้องการนำความเดือดร้อนมาสู่ครอบครัวและขออยู่ให้ห่างไกลไม่ต้องพบเจอกันอีก ณ ตำหนักหนิงอัน "หว่านหว่าน นี่เจ้ายังไม่เลิกเขียนบันทึกอีกหรือ ?" หรงเซ
องค์ชายโจวเต๋อและองค์หญิงซิ่วจื่อหลิงถูกนำทางให้เข้ามาในห้องเรียนในวันแรกก็ได้รับความสนใจจากผู้คนในสำนักศึกษาเป็นอย่างมากทั้งสองพี่น้องถูกเชิญให้นั่งโต๊ะพิเศษด้านหน้าหากแต่ซิ่วจื่อหลิงนั้นปฏิเสธ นางให้เพียงน้องชายนั่งตรงนั้นส่วนตัวนางกลับเดินไปด้านหลังสุดของห้องก่อนจะนั่งลงบนโต๊ะธรรมดาตัวหนึ่งไม่ต่างจากศิษย์คนอื่น ๆ ท่านอาจารย์เฉิงที่เห็นท่าทางเช่นนั้นของนางก็รู้สึกพอใจเป็นอย่างมากหากแต่ไม่คิดแสดงออก"เจ้านั่งที่ตรงนี้เถิด พี่ไม่ชอบนั่งหน้าจะไปนั่งตรงโน้นแทนก็แล้วกัน""ขอรับ" โจวเต๋อไม่คิดเอ่ยเหนี่ยวรั้งผู้เป็นพี