ช่วงปีใหม่ผ่านพ้นไปแล้ว ซิ่วจื่อหลิงเองก็กลับมาที่แคว้นหนานเฉินได้หลายเดือนแล้วคงถึงแก่เวลาที่จะต้องกลับไปทำหน้าที่ของตนเอง หญิงสาวทำหน้าเศร้าก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองบิดามารดาด้วยแววตาอ้อนวอน แม้ว่าทั้งคู่จะอยากกอดบุตรสาวของตนเอาไว้แนบอกเพียงใด หากแต่ว่าพวกเขาไม่อาจอยู่กับนางไปได้ตลอดชีวิต ซิ่วจื่อหลิงจำเป็นต้องมีคนข้างกายที่อยู่กับนางและดูแลนางได้ดีไม่ต่างจากผู้เป็นบิดามารดา
"เด็กโง่ จากกันแล้วมิใช่ว่าจะมิได้พบกันอีก หากพ่อกับแม่ว่างเมื่อใดต้องไปหาเจ้าแน่"
"จริงนะเพคะ เสด็จพ่อกับเสด็จแม่ห้ามหลอกให้ลูกดีใจเล่น"
"ฮ่า ๆ เจ้าเด็กแสบนี่ ช่างไม่รู้จักโตเสียจริง" หรงเซ่อฮ่องเต้เอ่ยหยอกเย้าบุตรสาว
"เสด็จพ่อ... "
"เอาละ เวลาไม่เช้าแล้วเจ้ารีบออกเดินทางเถิดประเดี๋ยวจะมืดค่ำเสียก่อน"
"เจ้าค่ะ ลูกทูลลาเพคะ"
ซิ่วจื่อหลิงถูกประคองขึ้นรถม้า ในขณะที่สามีของนางขึ้นควบบนหลังม้าอย่างองอาจ หญิงสาวเปิดม่านขึ้นก่อนส่งสายตาเศร้าสร้อยมายังบิดามารดาอีกครั้งพร้อมกับโบกมือลาอย่างไม่เต็มใจนัก เมิ่งจิ่วซือทำได้เ
ช่วงปีใหม่ผ่านพ้นไปแล้ว ซิ่วจื่อหลิงเองก็กลับมาที่แคว้นหนานเฉินได้หลายเดือนแล้วคงถึงแก่เวลาที่จะต้องกลับไปทำหน้าที่ของตนเอง หญิงสาวทำหน้าเศร้าก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองบิดามารดาด้วยแววตาอ้อนวอน แม้ว่าทั้งคู่จะอยากกอดบุตรสาวของตนเอาไว้แนบอกเพียงใด หากแต่ว่าพวกเขาไม่อาจอยู่กับนางไปได้ตลอดชีวิต ซิ่วจื่อหลิงจำเป็นต้องมีคนข้างกายที่อยู่กับนางและดูแลนางได้ดีไม่ต่างจากผู้เป็นบิดามารดา"เด็กโง่ จากกันแล้วมิใช่ว่าจะมิได้พบกันอีก หากพ่อกับแม่ว่างเมื่อใดต้องไปหาเจ้าแน่""จริงนะเพคะ เสด็จพ่อกับเสด็จแม่ห้ามหลอกให้ลูกดีใจเล่น""ฮ่า ๆ เจ้าเด็กแสบนี่ ช่างไม่รู้จักโตเสียจริง" หรงเซ่อฮ่องเต้เอ่ยหยอกเย้าบุตรสาว"เสด็จพ่อ... ""เอาละ เวลาไม่เช้าแล้วเจ้ารีบออกเดินทางเถิดประเดี๋ยวจะมืดค่ำเสียก่อน""เจ้าค่ะ ลูกทูลลาเพคะ"ซิ่วจื่อหลิงถูกประคองขึ้นรถม้า ในขณะที่สามีของนางขึ้นควบบนหลังม้าอย่างองอาจ หญิงสาวเปิดม่านขึ้นก่อนส่งสายตาเศร้าสร้อยมายังบิดามารดาอีกครั้งพร้อมกับโบกมือลาอย่างไม่เต็มใจนัก เมิ่งจิ่วซือทำได้เ
ข่าวคราวที่องค์หญิงใหญ่กลับบ้านเดิมหลังจากงานแต่งงานได้เพียงสามวันดูเหมือนจะเป็นที่โจษจันกันไปทั่วทั้งเมืองหลวง เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะบุรุษที่นางแต่งด้วยเป็นถึงองค์รัชทายาทแคว้นหนานเฉินที่อยู่ห่างไกลนับพันลี้ หากแต่หลังวันแต่งงานสามีกลับพานางกลับบ้านเดิมทันทีไม่บอกก็พอรู้ว่าอีกฝ่ายนั้นมีใจรักใคร่ในตัวนางมากเพียงใดจึงมิได้สนใจในกฎระเบียบรีบพาภรรยากลับมาบ้านเดิมทั้งยังอยู่รอฉลองวันปีใหม่ที่นี่อีกด้วย ใครๆ ต่างก็กล่าวว่าองค์หญิงใหญ่นั้นช่างโชคดียิ่งนัก"นางกลับมาแล้วงั้นหรือ? " หลิวอวี้หลันเอ่ยกับสาวใช้"เจ้าค่ะ เห็นว่ากลับมาพร้อมกับองค์รัชทายาทแคว้นหนานเฉินเจ้าค่ะ และที่น่าตกใจเป็นอย่างยิ่งก็คือ...""อันใดงั้นหรือ? " หลิวอวี้หลันที่กำลังส่องใบหน้าที่งดงามของนางผ่านกระจกทองเหลืองหันมาถามสาวใช้ด้วยความสนใจ สาวใช้ผู้นั้นทำทีเป็นหันซ้ายมองขวาเพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่มีผู้ใดได้ยินที่นางกำลังจะกล่าวเรื่องต่อไปนี้"บ่าวได้ยินมาว่าองค์รัชทายาทแคว้นหนานเฉินนั้นเดิมทีเคยเป็นอาจารย์สอนอยู่ที่สำนักศึกษาหลวงชั้นสูงเ
ครั้งแรกที่หรูเจิ้งหยวนลืมตาขึ้นเขากลับพบว่าตนเองได้ย้อนกลับมาในอดีตอีกครั้งในตอนอายุสิบสาม มือทั้งสองข้างนับว่ายังเป็นเพียงเด็กหนุ่มที่ยังไม่เติบโตเต็มวัยผู้หนึ่งเท่านั้นย้อนกลับไปในตอนที่เขาสามารถบุกยึดแคว้นหนานเฉินได้สำเร็จ หรูเจิ้งหยวนเดินเข้าไปยังห้อง ๆ หนึ่งที่เป็นสถานที่เก็บบรรจุโลงศพของตู๋กูรั่วหวาความเย็นแผ่ปกคลุมไปทั่วทั้งห้อง ชายหนุ่มค่อย ๆ ก้าวเข้าไปก่อนจะหยุดอยู่ข้าง ๆโลงศพของนางอย่างใจเย็น มือหนาเลื่อนเปิดฝาโลงก่อนจะมองเห็นใบหน้าที่เป็นสีขาวซีดเซียวไร้สีเลือดแม้จะกลายเป็นเพียงร่างที่ไร้วิญญาณหากแต่สำหรับเขาแล้ว นางงดงามที่สุดเสมอมือหนายื่นออกไปแล้วค่อยๆ กุมข้างแก้มที่เย็นจัดของนางด้วยความอ่อนโยนราวกับกลัวว่านางจะได้รับบาดเจ็บหากว่าเขาแตะต้องหญิงสาวแรงเกินไปก่อนที่ดวงตาทั้งสองข้างของเขาจะแดงก่ำ"เหตุใดเจ้าจึงได้ใจร้ายนัก ทิ้งกันได้ลงคอ" ชายหนุ่มกล่าวตัดพ้อก่อนที่จะค่อย ๆ กลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่ให้ไหลออกมามือหนาถูกยื่นออกไปยังร่างที่นอนแน่นิ่งก่อนที่บนฝ่ามือของเขาจะปรากฏร่างของจิ้งจอกสีเงินตัวน้อยที่ค่อยๆ เติบโตขึ้นอย่างช้า ๆ เจ้าจิ้งจอกน้อยราวกั
"ข้าไม่เคยรักเจ้า มันเป็นเพียงแผนการที่ข้าต้องการครอบครองแผ่นดินของเจ้าเท่านั้น" หรูจางเหว่ยเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบและเย็นชาโดยไม่ยอมหันกลับมามองใบหน้าของนางเลยแม้แต่หางตาสตรีที่คิดว่าตนเองนั้นอยู่เหนือผู้ใดบนแผ่นดินเช่นนาง สุดท้ายกลับพ่ายแพ้หัวใจให้กับบุรุษใจร้ายตรงหน้า เขาเข้ามาทำให้นางที่เดิมไม่เคยไว้ใจผู้ใด ความอ่อนโยนของเขาทำให้นางใจอ่อนก่อนจะคิดว่าทั้งชีวิตนี้นางจะขออยู่เคียงข้างบุรุษผู้นี้ไปจนกว่าจะสิ้นลมหายใจแต่แล้ว... นางกลับได้รับรู้ความจริงว่าสิ่งที่เขาทำไปทุกอย่างนั้นเป็นเพียงการหลอกลวง ตู๋กูรั่วหวาไม่คิดว่าที่ผ่านมามันจะเป็นเพียงเรื่องโกหกหลอกลวง หัวใจของนางแตกสลายไม่มีชิ้นดี ชีวิตที่ไม่หลงเหลือผู้ใดในยามที่มีเขาเข้ามากลั
ต่อมาในงานเลี้ยงในวังองค์ชายสิบสามซึ่งเป็นองค์ชายพระองค์เดียวที่หลงเหลืออยู่ของแคว้นหนานเฉินก็ได้ขึ้นรับตำแหน่งองค์รัชทายาทอย่างสมบูรณ์ท่ามกลางความยินดีของขุนนางทั้งหลาย ชายหนุ่มเรียนรู้จากหรงเซ่อฮ่องเต้ที่มีการเปิดให้เหล่าบัณฑิตได้มีโอกาสสอบคัดเลือกเพื่อรับตำแหน่งขุนนางและรับใช้ฝ่าบาทด้วยความสามารถที่มีอยู่ของตนแม้ว่าการสอบจะเป็นไปด้วยความทุลักทุเลมีทั้งการโกงข้อสอบหากแต่สุดท้ายหรูเจิ้งหยวนก็จัดการกับคนเหล่านั้นได้ก่อนที่พวกเขาจะถูกปลดและเนรเทศออกไปนับพันลี้ท่ามกลางความยินดีครั้งใหญ่เมื่อองค์รัชทายาทได้มีพิธีสมรสกับองค์หญิงใหญ่ซิ่วจื่อหลิงแห่งแคว้นต้าซ่ง สองแคว้นผูกสัมพันธ์เป็นดั่งพี่น้องกันนับแต่นี้
เช้าวันรุ่งขึ้นหญิงสาวถูกปลุกให้ตื่นตั้งแต่เช้าก่อนจะถูกสาวใช้จวนตระกูลเจียวจับอาบน้ำชำระร่างกายแล้วสวมชุดแต่งงานสีแดงที่เตรียมเอาไว้ สาวใช้ทั้งสองแม้จะแปลกใจอยู่ไม่น้อยที่เจ้าสาวนั้นไม่ยิ้มแย้มทั้งยังมีอาการเหม่อลอยแปลก ๆ เพียงแต่เพราะพวกนางได้ยินว่าเจ้าสาวเองก็ถูกบังคับให้มาแต่งงานกับคุณชายของพวกนาง สาวใช้ทั้งสองก็พอที่จะเข้าใจได้เจียวหมัวมัวเดินเข้ามาดูความเรียบร้อยในห้องของเจ้าสาวในขณะที่สาวใช้ทั้งสองกำลังแต่งหน้าแต่งตัวจนกระทั่งใกล้เสร็จแล้ว นางมองเห็นใบหน้าที่ไม่ยินดียินร้ายของสาวใช้รั่วหวาก็ให้นึกรังเกียจ หากไม่เป็นเพราะบุตรชายนั้นรักใคร่ในตัวนางเป็นอย่างมากมีหรือที่นางจะรับสตรีที่มีชาติกำเนิดต่ำต้อยเป็นเพียงแค่สาวใช้มาเป็นภรรยาของบุตรชายเช่นนี้ หึ แต่ก็นับว่าสาวใช้รั่วหวาผู้นี้ยังรู้ความอยู่บ้างที่ไม่เอะอะโวยวายให้เสียการ