Share

ตอนที่ 58 กำจัดภัย

last update Last Updated: 2025-05-23 20:59:10

จอมมารที่เหลือเพียงเงาดำจาง ๆ เดินทางร่อนเร่กลับภพมารตัวคนเดียว ระหว่างทางคอยสูบกินพลังชั่วร้ายที่ผุดขึ้นมาทีละนิดเพื่อฟื้นฟูสภาพร่างมารปีศาจของตนเอง

หากแต่ครั้งนี้ทำไปเพื่อกลับคืนร่างเดิมให้เร็วที่สุดเพื่อที่จะได้ปกป้องครอบครัว

เวลานั้นเขาลืมนึกไปเลยว่าตำแหน่งผู้ปกครองภพมารสามารถสั่นคลอนได้ทุกเมื่อ มัวแต่เป็นห่วงกลัวว่าสวีลู่ชิงจะถูกอสนีบาตจนแหลกสลายจึงรีบไปห้ามนาง

ถ้าครั้งนี้กลับมาได้คงต้องวางแผนจัดการไม่ให้มีมารปีศาจตนใดคิดกระด้างกระเดื่องอยากชิงพลังอันกล้าแกร่งของอีนั่วหรือทำร้ายเขา

แม้ว่าจะต้องสลายไปอีกครั้งเพราะกฎของสวรรค์ที่มารปีศาจอย่างเขาไม่อาจมีชีวิตอยู่ได้ กงจื่อเย่คิดแล้วว่าแปลงร่างเป็นนกน้อยอยู่กับนางและลูกไม่ได้แย่สักเท่าใดนัก อย่างน้อยก็ได้อยู่ด้วยกันพร้อมหน้าพร้อมตา

เงาดำของจอมมารแอบอยู่มุมหนึ่งคอยดูสถานการณ์อย่างใจเย็น จดจำได้หมดว่าผู้ใดคิดล้มล้างอำนาจของเขาจึงหมายหัวเอาไว้แล้วว่าจะกลับมาจัดการในภายหลัง

“ยังตามหาไม่เจออีกรึ” เสียงทุ้มหยาบโพล่งถามใครบางคนไม่สบอารมณ์ “ทำงานไม่ได้เรื่องจริง ๆ”

“พวกข้าตามหาทุกที่แล้วขอรับนายท่าน มารน้อยนั่นอาจจะตายไปแล้วก็ได้จึงทำให้หาไม่เจอเสียที” ลูกสมุนของเขาเอ่ยปากด้วยสีหน้าเลิ่กลั่กกลัวเจ้านายจะจับตัวเองกินเป็นอาหารเย็น

“เป็นไปไม่ได้ พวกสวรรค์ยังไม่รู้ว่าสายเลือดจอมมารยังคงอยู่ คงไม่มีผู้ใดทำอันตรายเขาหรอกเพราะฉะนั้น มารน้อยนั่นต้องหลบซ่อนตัวอยู่ที่ไหนสักแห่งแน่ ๆ” ปีศาจตัวใหญ่ขบคิดด้วยสีหน้าจริงจังพลางมองไปรอบโต๊ะไม้ยาวที่มีบรรดามารปีศาจและสัตว์อสูรที่รู้ความนั่งอยู่ราวกับกำลังร่วมมือกันหาวิธีกำจัดมารน้อยอย่างไรอย่างนั้น

“ถ้าเป็นเช่นนั้น เราช่วยกันกวนน้ำให้ขุ่นดีหรือไม่” สัตว์อสูรเขายาวแสยะยิ้มคิดว่าแผนของตนดีที่สุด “ถึงจะชิงพลังนั่นมาได้แต่ว่าให้พวกสวรรค์กำจัดมารน้อยก็ดีเหมือนกัน”

“ข้าเห็นด้วย ต่อให้ไม่ได้พลังมา มารน้อยนั่นก็จะได้ไม่กลายเป็นเสี้ยนหนามคอยขัดขวางพวกเราปกครองภพมาร” ปีศาจตนหนึ่งลูบคางแหลมยาวของตนเองรอดูท่าทีของผู้อื่น

“เช่นนั้น เจ้าไปปั่นหัวพวกชาวสวรรค์เสียว่าจอมมารผู้ยิ่งใหญ่ยังหลงเหลือสายเลือดหนึ่งเดียวเอาไว้ วันข้างหน้าที่เขาเติบโตขึ้นมา สวรรค์จะถูกถล่มราบเป็นหน้ากลอง”

เสียงหัวเราะร่าดังก้องจนไม่รู้ตัวเลยว่าเวลานี้เงาดำทะมึนของจอมมารที่ว่ากำลังคืบคลานเข้าใกล้เพราะรู้สึกไม่สบอารมณ์ที่พวกมันคิดหาทางยืมมือเทพสวรรค์มากำจัดบุตรชายของตนเอง

พรึ่บ!

จู่ ๆ สมุนปีศาจหนึ่งตนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เจ้านายก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย ไม่มีผู้ใดสังเกตเลยว่าบนพื้นตรงนั้นมีเลือดหยดซึมลงไปใต้ดิน

กงจื่อเย่เช็ดปากหลังกินอาหารเสร็จเรียบร้อย สีหน้าเหยเกเล็กน้อยเพราะรสชาติไม่ถูกปากเหมือนเลือดเนื้อของพวกเทพเซียน พลันนึกถึงเลือดและกลิ่นหอมหวานของสวีลู่ชิงขึ้นมาทันใด

“เฮ้อ จากกันไม่นานก็คิดถึงเจ้าเสียแล้ว ไม่รู้ว่าข้าโดนคำสาปอันใดถึงได้ยึดติดกับเจ้าผู้เดียวมากถึงเพียงนี้” เขาถอนหายใจเฮือกใหญ่นึกอยากหายตัวกลับหมู่บ้านดอกท้อเสียตั้งแต่ตอนนั้น

ทว่า จอมมารที่ร่างกายอ่อนแอทำได้แค่หลบซ่อนอยู่ในภพมารคอยสูบกินพลังที่ล่องลอยอยู่ในแดนนี้ทีละนิดเพื่อฟื้นฟูตัวเองให้กลับมาเป็นดังเดิม ทั้งยังคอยกำจัดมารปีศาจที่คิดเล่นงานบุตรชายของตนโดยไม่ออมมือ

หากคิดกำจัดให้หมดควรต้องไล่ล่าตั้งแต่ตัวเล็ก ๆ เพื่อสะสมพลังแล้วค่อย ๆ ทำลายพวกดึกดำบรรพ์ที่อาศัยมานาน

มารปีศาจและสัตว์อสูรในตำนานล้วนหลบซ่อนตัวอยู่ในมุมมืด ไม่อยู่ใต้อำนาจผู้ใดและมีบริวารเป็นของตนเอง คงเป็นเพราะได้ข่าวว่ากองกำลัง

สวรรค์อ่อนแอตอนถูกกงจื่อเย่โจมตี พวกมันเลยนึกได้ใจฉวยจังหวะนี้ปรากฏตัวยกให้ตัวเองเป็นผู้เหมาะสมที่จะปกครองภพมารแล้วสั่งการกองทัพกระหายเลือดถล่มแดนสวรรค์ซ้ำอีกครั้ง

ประวัติศาสตร์ของพวกนี้ไม่มีบันทึกเป็นกิจจะลักษณะ ไม่มีใครรู้สักเท่าใดนักว่ามารปีศาจตนใดมีพลังอำนาจกล้าแกร่งมากที่สุด พวกที่เขาเห็นในเวลานี้เป็นเพียงแค่ปลาซิวปลาสร้อยที่คิดว่าตนเองคือผู้ยิ่งใหญ่เท่านั้น

กงจื่อเย่พลันนึกถึงสัตว์อสูรเผ่าหนึ่งที่อาศัยอยู่ในหุบเขาสีชาด พวกมันดำรงชีวิตตามสัญชาตญาณ หากมีผู้ใดล่วงล้ำเข้าไปในอาณาเขต จ่าฝูงจะส่งสัญญาณให้บริวารลอบโจมตีโดยที่อีกฝ่ายไม่ทันได้ตั้งตัว

จอมมารเลิกคิ้วเล็กน้อยพลางคำนวณถึงผลประโยชน์ที่จะได้รับหากเขาสังหารมันเพราะในตอนนี้เขาคือมารปีศาจที่อยู่ชั้นล่างสุดของห่วงโซ่อาหาร ไม่มีแรงใด ๆ จะต่อกรกับฝ่ายตรงข้ามได้เลย กระนั้นยังคิดในใจว่า ข้าไม่มีวันพ่ายแพ้ง่าย ๆ หรอก

ระหว่างการเดินทางไปยังหุบเขาซ่อนเร้นทางตอนใต้ของภพมาร เขาค่อย ๆ สูบไอมารที่แผ่กระจายมาตลอดทาง ร่างกายจึงแข็งแรงขึ้นเล็กน้อย อีกทั้งยังคว้าปีศาจตัวเล็กตัวน้อยติดมือมาด้วยเพื่อเก็บเอาใช้เป็นเกราะกำบังให้เขาหาจังหวะสังหารสัตว์อสูร

ทันทีที่เข้าสู่อาณาเขตของมัน บรรยากาศรอบตัวพลันมืดครึ้ม อากาศเย็นยะเยือกจนแทบขยับตัวไม่ได้ กลิ่นเลือดคละคลุ้งสมเป็นหุบเขาสีชาด

หากเป็นเพียงมารปีศาจทั่วไปคงจะรับรู้ได้ถึงแรงกดดันมหาศาลแต่เพราะความสามารถพิเศษของสัตว์อสูรตัวนี้จะทำให้กงจื่อเย่รู้ว่ามารตนใดคือมารผู้ยิ่งใหญ่ในเวลานี้จึงย่างกรายเข้าไปโดยไร้ซึ่งความกลัว

“เยว่ชิง อีนั่ว ข้าจะปกป้องพวกเจ้าให้ได้” เขาพึมพำฝากเสียงนั้นไปกับสายลม “รีบจัดการให้เรียบร้อยดีกว่า ข้าเริ่มคิดถึงไออุ่นของนางเสียแล้ว”

ไม่รู้ว่ามีรางวัลหอมหวานรอคอยอยู่หรืออย่างไร จอมมารจึงเดินดุ่มปะทะกับสัตว์อสูรตรง ๆ ไม่รีรอปล่อยให้เสียเวลา

“เจ้าบ้านั่น ไม่กลัวตายเรอะ พลังอ่อนแอปานนั้นยังจะทู่ซี้เข้าไปอีก” มารตนหนึ่งที่อยู่รอบนอกหุบเขายืนดูอย่างใจจดใจจ่อ

“ข้าว่าไม่ทันนับถึงสิบ มันคงได้ตายสมใจ” มารอีกตนเกาคางไม่รู้เหตุผลของกงจื่อเย่และไม่รู้ด้วยว่าเจ้ามารพลังอ่อนแอตนนั้นเคยเป็นถึงจอมมารที่บุกถล่มสวรรค์

“หนึ่ง สอง อ้าว!” พวกมันนั่งนับเวลาถอยหลังอยู่ดี ๆ ก็ประหลาดใจที่เหยื่อกลับกลายเป็นผู้ล่า “โอ้!”

เวลานั้นกงจื่อเย่ปล่อยปีศาจที่จับมาในหุบเขาร่ายอาคมสั่งให้มันวิ่งพล่านไปทั่วดึงดูดความสนใจของบริวารสัตว์อสูร

“ข้านึกว่าพวกมันเป็นสหายกันเสียอีก” มารที่สังเกตการณ์พูดกับคู่หูของตน “แต่ทำไมไอ้เจ้าดวงตาสีม่วงแดงนั่นจึงกินพวกเดียวกันเล่า”

“ดวงตาสีม่วงแดงเรอะ” มันครุ่นคิดเหมือนเคยได้ยินจากที่ใดมาก่อน เผ่าพันธุ์มารปีศาจไม่มีผู้ใดดวงตาสีม่วงแดงยกเว้นแต่ว่า “เจ้านั่น...เจ้านั่น...”

“ทำไม”

“กงจื่อเย่ไม่ใช่เรอะ ใครบอกว่ามันตายไปแล้วเล่า ก็เห็นอยู่ทนโท่ว่ามันยืนอยู่ตรงนั้น”

เพียงแค่เอ่ยชื่อเขาผู้นั้น จอมมารหันมาทางต้นเสียง แสยะยิ้มชั่วร้าย หรี่ตามองราวกับเตือนให้พวกมันรู้ว่าอะไรควรไม่ควร หากมีผู้ใดล่วงรู้ว่าข้ามีชีวิตอยู่ พวกเจ้าคงต้อง...

ไม่ทันที่เขาจะได้พูดจนจบประโยคดี มารสองตนก็สั่นกลัวลนลานพากันหายวับจากตรงนั้นในพริบตาเดียว จอมมารจึงหันกลับมาสนใจจ่าฝูงของสัตว์อสูรที่กำลังหายใจฮึดฮัด ขวิดเท้าตะกุยดินพร้อมพุ่งชนเข้าเต็มที

แม้เป็นการปะทะกันระหว่างสองฝั่งที่พลังต่างกันลิบลับแต่กงจื่อเย่มีแต้มเป็นต่อมากกว่าเพราะคู่ต่อสู้ของเขา “ช่างโง่เง่าเสียจริง มิน่าเล่าถึงได้ใกล้สูญพันธุ์อยู่ร่ำไป”

เขาปรายตามองพวกมันอย่างไม่แยแส ร่ายพลังมารเรียกดาบเขี้ยวอสูรของตนเองออกมาจัดการมัน แต่ถึงไม่มีความคิดอ่าน สัญชาตญาณของมันกลับแม่นยำยิ่งนัก จอมมารถูกพุ่งชนไม่รู้กี่ครั้งจนกระอักเลือด ร่างกายยามนี้เลือนรางราวกับจะหายไปอีกครั้ง

สติเริ่มไม่อยู่กับเนื้อกับตัวจนได้ยินเสียงหนึ่งในใจ “ท่านพ่อ ช่วยข้าด้วย พวกมันจับท่านแม่ไปแล้ว อ๊าก!”

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • มารเร้นกายดับแสงดารา   ตอนที่ 76 หญิงคณิกา

    คุณหนูสกุลสวีตื่นขึ้นมากลางดึกเพราะได้ยินเสียงร้องของพวกเขาภาพที่เห็นตรงหน้าทำให้ตะลึงงันจนทำอะไรไม่ถูก หันไปดูบิดาทางซ้าย กวาดตามองไล่เลี่ยมาทางขวา มารดาและพี่ชายกลับอยู่ในอาการไม่ต่างกัน“ท่านพ่อ ท่านแม่” นางตะโกนเสียงดังเรียกสติพวกเขา พยายามประคองใครคนหนึ่งขึ้นมา ร้องเรียกทหารนอกคุกที่ยืนเฝ้าเวรยามด้วยความกลัวสุดขีดทุกคนที่มาถึงต่างมองหน้ากันเพราะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับนักโทษชั้นสูง หากแต่ประเมินแล้วว่าอาการที่แสดงออกมาเหมือนโดนพิษอะไรสักอย่างจึงทำท่าครุ่นคิดขึ้นมาทันใด“ข้าขอร้อง ตามหมอมารักษาครอบครัวข้าได้หรือไม่” นางอ้อนวอนคนตรงหน้า น้ำตาเอ่อคลอเบ้า“แต่ว่า...” หนึ่งในนั้นลังเลเพราะไม่รู้ว่าคนสกุลสวีถูกใบสั่งจากผู

  • มารเร้นกายดับแสงดารา   ตอนที่ 75 สอบเค้น

    หลังจากถูกจับตัวไปครบเจ็ดวันทางการยังคงไม่ได้ข้อมูลใดเพิ่มเติมจากคนสกุลสวี พวกเขายืนยันอย่างเดิมเหมือนทุกครั้งว่าตนเองบริสุทธิ์ใจ ไม่เคยคิดร่วมมือกับผู้ใดก่อกบฏอย่างที่ถูกกล่าวหา แต่คำพูดของพวกเขาเป็นเพียงลมปากไร้หลักฐานใด ๆ จึงไม่มีใครเชื่อ อีกทั้งคนเหล่านั้นยังทำหูทวนลมเพราะเป็นพวกเดียวกันกับขุนนางชั่วคืนนั้น“ท่านพ่อ ท่านพี่” สวีลู่ชิงกระซิบเรียกคนทั้งสองที่นิ่งงันสลบไปอย่างไร้เรี่ยวแรง ใบหน้าและลำตัวมีแต่รอยเขียวช้ำเต็มไปหมด เลือดสีแดงแห้งติดเสื้อผ้าเป็นทางคุณชายสวีลืมตามองผู้เป็นน้องสาว นึกโกรธตัวเองไม่น้อยที่เป็นต้นเหตุทำให้ครอบครัวต้องมาผจญความลำบากเช่นนี้ เขาไม่นึกมาก่อนเลยว่าจะตกหลุมพรางง่ายดายเพียงนั้น“พวกเขาทำอันใดเจ้าหรือไม่

  • มารเร้นกายดับแสงดารา   ตอนที่ 74 ถูกใส่ร้าย

    จากนั้นไม่นานใต้เท้าสวี ฮูหยินและสวีลู่ชิงถูกนำตัวออกมาจากจวน นางหันมองบ้านที่เคยอยู่ เวลานี้ผู้คนในนั้น บ่าวรับใช้ เสี่ยวมู่กำลังดิ้นรนบอกว่าตนเองไม่รู้ไม่เห็นอะไรทั้งนั้นระหว่างถูกควบคุมตัวไปสอบสวน พวกเขาต้องเดินผ่านตลาดและหมู่บ้าน แม้จะเป็นสถานที่คุ้นเคยแต่ครั้งนี้ความรู้สึกนั้นกลับไม่เหมือนเดิมเพราะแววตาที่ชาวบ้านมองมากำลังกล่าวโทษว่าพวกเขาเป็นคนทรยศต่อบ้านเมืองสวีลู่ชิงเดินรั้งท้ายขบวนจึงตกเป็นเป้าโจมตีได้ง่ายเมื่อชาวบ้านคนหนึ่งขว้างสิ่งของเพื่อจะลงโทษนางให้สมกับความผิดที่ได้ทำทว่า ใครบางคนกลับพุ่งตัวเข้ามาโอบกอดนางไว้ไม่ยอมให้ของเหล่านั้นเฉียดร่างกายแม้เพียงเสี้ยว“คุณหนู” น้ำเสียงห่วงใยทำให้สวีรู้ชิงรู้สึกตัวว่าไม่ได้อยู่ในความฝัน &ldquo

  • มารเร้นกายดับแสงดารา   ตอนที่ 73 เอ่ยคำรัก

    ปิ่นหยกลายดอกโบตั๋นจึงปรากฏบนเรือนผมของคุณหนูสกุลสวีนับตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมาเจ้าของดวงตาสีม่วงแดงมองคนตรงหน้าไม่วาง ยิ้มกว้างปลื้มใจที่นางรับของขวัญจากเขาไปราวกับรับความรักที่เขามีให้ไปด้วยสวีลู่ชิงรู้สึกได้ว่าคนผู้นั้นจริงใจกับนางมากแค่ไหน แม้จะให้สถานะเป็นเพียงสหายแต่ก็ยอมปักปิ่นให้เขาได้ชื่นใจเวลานี้นางไม่เคยได้ออกไปเยี่ยมเขาที่นอกหมู่บ้านอีกเลย เพราะกงจื่อเย่มักแอบมาหานางในยามซวีทุก ๆ สองหรือสามวันเพื่อนำดอกซือเมิ่งสีฟ้าที่นางโปรดปรานมาให้“ทำงานทั้งวันไม่เหนื่อยหรืออย่างไรจึงมาหาข้าถึงจวน” สวีลู่ชิงเอ่ยถามคนข้างกาย รู้ว่าอีกฝ่ายตั้งใจทำงานมากแค่ไหนและพยายามมาหานางถึงที่นี่ทั้ง ๆ ที่เดินทางมายากลำบากนัก“ไม่เหนื่อยเลยขอรับ” เ

  • มารเร้นกายดับแสงดารา   ตอนที่ 72 ยกเลิกหมั้นหมาย

    สวีต้าเฟิงไม่ได้ลงมาตามจับหลานชายของตัวเองเพียงเท่านั้นแต่ยังมาเตือนกงจื่อเย่ผู้เป็นบิดาของมารน้อยด้วยสีหน้าจริงจังเหมือนทุกครั้งจอมมารนิ่งเฉยเพราะรู้อยู่แล้วว่าเขาต้องการพูดเรื่องอะไร แต่มักทำหูทวนลมอยู่ร่ำไป คิดอยากทำตามใจตัวเองตามประสาเป็นทุนเดิม“ข้าเคยบอกเจ้าแล้วมิใช่หรือว่าอย่ายุ่งเกี่ยวกับโชคชะตาของนาง เหตุใดเจ้าถึงไม่ฟังข้าบ้างเล่า” เทพวายุพยายามข่มใจลดน้ำเสียงลงราวกับวอนขอให้อีกฝ่ายทำตามที่เขาบอก“เจ้ามาโทษข้าเรื่องอันใด ไม่เห็นหรือว่าข้าอยู่ในสภาพแทบพิการ ต่ำต้อย ไม่มีชื่อเสียงเงินทอง มิหนำซ้ำสุขภาพยังย่ำแย่ทรุดโทรมจะมีเวลาไปสร้างเรื่องอันใดให้เจ้าหนักใจอีก” กงจื่อเย่นิ่วหน้าพูดตามความจริง“ดาบเขี้ยวอสูรของเจ้าบินว่อนภพสวรรค์สร้างความแตกตื่นให้ผู้คนบนนั้นคิดว่าเจ้าจะยึดคร

  • มารเร้นกายดับแสงดารา   ตอนที่ 71 ฝีมือของใคร

    ช่วงจังหวะนั้นเสี่ยวมู่ถูกบ่าวสกุลลั่วกันออกมาไม่ให้เข้าไปวุ่นวายใกล้เจ้านายทั้งสอง สวีลู่ชิงจึงได้อยู่กับคุณชายลั่วตามลำพังอย่างเงียบ ๆครั้นเดินไปจนถึงพุ่มดอกไม้สีฟ้าแล้ว เขาชี้ให้นางดูพื้นดินข้างล่าง ดอกไม้จุดเล็ก ๆ พลิ้วไหวไปตามลมล่องลอยขึ้นฟ้า ทว่า มันไม่ใช่ดอกซือเมิ่งที่นางโปรดปรานบุรุษร่างสูงเข้าประชิดตัวนางเพื่อแต้มบุหงายั่วยวนแต่ไม่ทันได้ทำอย่างนั้น บ่าวสกุลลั่วกลับวิ่งหน้าตั้งเข้ามาหาเจ้านายด้วยความกลัวสุดขีด“คุณชาย!” เสียงตะโกนของบ่าวคนหนึ่งทำให้เขาตกใจจนเผลอปล่อยขวดเล็ก ๆ หล่นพื้น “คุณชาย!”สวีลู่ชิงหรี่ตามองกลุ่มคนที่กำลังวิ่งมาทางนาง ไม่รู้ว่าเกิดเหตุอันใดขึ้นจนกระทั่งได้ยินเสียงที่บอกว่า “งูขอรับ งูดำตัวใหญ่&rd

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status