มาร์คัสมอบประสบการณ์อันเร่าร้อนให้กับมิรันดาจนหญิงสาวหมดแรงอยู่ในอ้อมกอด เสียงกรีดร้องของเธอยังก้องอยู่ในหู เขาผ่านผู้หญิงมาก็มากมายจนนับไม่ถ้วนแต่ไม่เคยมีใครทำให้เขารู้สึกแบบเธอมาก่อน
มิรันดาทำให้เขากลายเป็นคนไม่รู้จักพอ อยากได้แล้วอยากได้อีกถ้าเธอไม่หมดแรงจนหลับเขาก็ไม่หยุด
เช้านี้ชายหนุ่มตื่นขึ้นมาอย่างมีความสุข เขามองหน้ามิรันดาแล้วยิ้มเป็นรอยยิ้มที่ออกมาจากใจเป็นยิ้มที่เขาไม่เคยมีมานานกว่าห้าปีแล้ว
ร่างที่นอนหลับอยู่ขยับเข้าหาความอบอุ่นในเวลาเกือบเที่ยง มิรันดารู้สึกหนักอึ้ง ร่างกายปาดร้าวไปทั้งตัว
“ตื่นแล้วเหรอ”
“คุณมาร์ค” น้ำเสียงของเธอฟังดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่
“ลุกไหวไหมครับ หิวหรือเปล่า” น้ำเสียงและกิริยาของชายหนุ่มเปลี่ยนไปจากเดิมจนเธอรู้สึกได้
“ไหวค่ะ คุณพาฉันมานอนห้องนี้เหรอคะ”
“ครับ ห้องนั้นมันเละเทะเกินกว่าจะนอน”
“ค่ะ” เธอก้มหน้าซุกกับผ้าห่มไม่กล้าสบตาเขา
“รัน หน้าคุณแดงมาก” เขาคิดว่าอาจจะเป็นเพราะเธออาย แต่พอเอามือไปเกลี่ยไรผมออกจากไปหน้าก็รู้สึกถึงความร้อนที่ปลายนิ้ว
“คุณตัวร้อน”
“ฉันก็ว่าอย่างนั้นแหละ”
“งั้นรอก่อนนะเดี๋ยวผมให้คนไปซื้อยาให้”
“ค่ะ”
พอมาร์คัสเดินออกจากห้องนอนไปแล้วมิรันดาก็พยายามพยุงตัวเองลุกขึ้นจากเตียงนอนของเขาแล้วกลับเข้าไปในห้องอีกครั้ง
สภาพห้องของเธอกลับมาเป็นปกติแล้ว คงเพราะแม่บ้านเข้ามาจัดการ จากความคิดที่ว่าอยากเจอแม่บ้านของเขาสักครั้งคงต้องเก็บไปคิดใหม่เพราะเธออายเกินกว่าจะเจอ
มิรันดาฝืนตัวเองไปยังห้องน้ำ แล้วตาคู่สวยก็เบิกกว้างใบหน้าร้อนผ่าวเมื่อตอนนี้ผิวของเธอเต็มไปด้วยรอยสีกุหลาบกระจายไปทั่ว
ระหว่างอาบน้ำก็ได้ยินเสียงมาร์คัสเคาะประตูห้อง แต่เธอไม่ได้ตอบอะไรเพราะอีกเดี๋ยวก็จะอาบเสร็จแล้ว
“ว้าย คุณเข้ามาได้ยังไง” มิรันดาตกใจที่เห็นเขานั่งอยู่บนเตียงของตัวเอง หญิงสาวรีบกระชับชุดคลุมอาบน้ำแน่นเพราะกลัวว่าเขาจะเข้ามาทำอะไรเธออีก
“ไม่เห็นต้องกลัวขนาดนั้น ผมเป็นห่วงก็เลยเข้ามาดู อาบน้ำเหรอ ไม่สบายอยู่นะ”
“อาบแป๊บเดียวไม่เป็นไรหรอกค่ะคุณออกไปรอข้างนอกได้ไหม ฉันจะแต่งตัว”
“ผมเห็นมาหมดแล้วทั้งตัวนะ”
“อย่าทำให้ฉันอายมากกว่านี้เลยค่ะ ออกไปรอข้างนอกนะคะ ไม่เกิน 5 นาทีค่ะ นะคะ”
มาร์คัสออกไปจากห้องของอย่างว่าง่ายไม่ใช่เพราะเชื่อฟังคำสั่งแต่เพราะถ้ายังอยู่ในห้องนี้ต่อคงได้กดเธอลงเตียงนอนอย่างแน่นอน
มิรันดารีบสวมเสื้อผ้าชุดที่มิดชิดที่สุดก่อนจะออกมาจากห้องนอน
“กินข้าวก่อนจะได้กินยา”
“ทำไมมันหลายเม็ดจัง”
“ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน ถ้าคุณอยากรู้ว่ามียาอะไรบ้างเดี๋ยวผมเรียกแพทริคมาถามดีไหม”
“ไม่ต้องหรอกค่ะ ถึงคุณจะวางยาฉันคุณก็ไม่ได้ประโยชน์อะไรเพราะไม่มีสมบัติอะไรเลย”
“คิดไปนู่น ใครเขาจะวางยาคุณกันล่ะ รีบกินเถอะ จะได้กินยาแล้วนอนพัก ตอนบ่ายผมจะออกไปข้างนอก คุณอยู่ห้องคนเดียวได้ไหม”
“ได้ค่ะ”
“ผมจะไปกับยุทธนานะ แพทริคจะรออยู่ชั้นล่างถ้าคุณมีอะไรก็เรียกใช้เขาได้เบอร์โทรของเขาผมเมมให้แล้ว” ชายหนุ่มส่งมือถือรุ่นใหม่ล่าสุดให้เธอ
“คุณให้ฉันเหรอคะ”
“ชอบไหม ถ้าไม่ชอบจะเปลี่ยนรุ่นก็ได้”
“ไม่เป็นไรค่ะ แต่มันแพงกว่าของฉันมาก”
“รัน อย่าคิดมากเรื่องเงิน ไม่ว่าอะไรแพงแค่ไหนถ้าคุณอยากได้ผมยินดี”
“คุณจ่ายให้ผู้หญิงทุกคนแบบนี้เหรอคะ”
“ไม่หรอกครับ ผมเลือกจ่ายเฉพาะคนที่อยากจ่ายเท่านั้น”
“ค่ะ”
มิรันดานั่งทานเงียบๆ อย่างใช้ความคิด เธอสับสนว่าจะเอายังไงกับชีวิตของตนเองต่อ ถ้าจะตอบตกลงเป็นผู้หญิงของเขาก็กลัวว่าวันหนึ่งตัวเองจะเจ็บเพราะถูกเขี่ยทิ้ง ในเมื่อเขาทั้งหล่อทั้งรวยขนาดนี้ก็ย่อมต้องมีผู้หญิงเข้ามาเขามากมายอย่างแน่นอน
แล้วตัวเองจะเทียบอะไรกับผู้หญิงคนอื่นได้ เธอยังเรียนไม่จบ ไม่มีงาน ไม่มีครอบครัวคอยสนับสนุน แล้วถ้าวันหนึ่งมาร์คัสต้องแต่งงานมีครอบคัวกับคนที่เหมาะสมเธอก็คงจะโดนเขาเขี่ยทิ้งอย่างนอน
“รัน คิดอะไรอยู่ ไหวไหม ให้ผมพาไปนอนนะ”
“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันไหว คุณจะออกไปข้างนอกไม่ใช่เหรอคะ”
“ผมอยากอยู่เป็นเพื่อนคุณก่อน”
“ฉันไม่ใช่เด็กนะคะอยู่คนเดียวได้”
“งั้นผมรอให้คุณอิ่มก่อน แล้วค่อยออกไปก็ได้”
“ตามใจคุณเถอะค่ะฉันขี้เกียจจะเถียงด้วยแล้ว”
มิรันดาทานข้าวต้มไปครึ่งชามก็ทานยาตามไป ขณะกำลังจะลุกมาร์คัสก็เข้ามาช้อนตัวเธอแล้วอุ้มเข้าไปยังห้องนอนของเขา
“พามาที่นี่ทำไม”
“ก็อยากให้นอนที่นี่ นอนด้วยกัน”
“แต่ฉันชอบห้องนั้นนะคะ”
“ที่ชอบห้องนั้นเพราะเป็นห้องที่เรามีอะไรกันครั้งแรกหรือเปล่า”
“โอเคค่ะ ฉันนอนห้องนี้ก็ได้ แต่ขอเข้าไปเอาโน้ตบุ๊กกับหนังสือได้ไหม”
“รออยู่นี่ผมไปหยิบให้ ผมรู้ว่าคุณน่ะ เดินลำบาก” มาร์คัสพูดอย่างรู้ทันก็เมื่อคืนเขาเอาแต่ใจขนาดนั้นนเธอจะเจ็บมาถึงตอนนี้มันก็ไม่แปลก
ชายหนุ่มถือโน้ตบุ๊กและหนังสือมาให้เธออีกสองเล่ม เขามองโน้ตบุ๊กของเธอแล้วส่ายหัว
“รันมันยังใช้ได้ใช่ไหม”
“ใช้ได้สิคะ ใช้ได้ดีด้วยมันทนมาก ฉันใช้มาตั้งแต่เรียน ม .5 แล้วมันยังใช้ได้ดีอยู่เลยนะคะ”
“ผมไม่ได้ดูถูกอะไรคุณนะครับ แต่จะว่าอะไรไหมถ้าผมจะซื้อให้ใหม่”
“ไม่จำเป็นหรอกค่ะ เดี๋ยวก็เรียนจบแล้ว”
“แต่คุณยังต้องใช้อยู่นะ แล้วก็อีกหนึ่งปีกว่าคุณจะจบ”
“ในนั้นมันงานและรูปภาพของฉันทั้งหมด”
“เรื่องงานเรื่องรูปรับรองว่ามันจะอยู่ครบ เดี๋ยวผมให้แพทริคไปจัดการให้ คุณอยากไปเลือกเองไหม”
“คุณคิดว่าวันนี้ฉันจะเดินไปข้างนอกได้ไกลแค่ไหนล่ะคะ”
“โอเค ผมเข้าใจและ เดี๋ยวให้แพทริคไปที่ร้านแล้วเขาจะโทรหาคุณว่าอยากแบบไหน”
“แบบไหนก็ได้ค่ะ ขอแค่มันเป็นสีดำก็พอ”
“ชอบสีดำเหรอ”
“ก็สีดำมันดูสุภาพที่สุดนี่คะ ฉันเป็นครูนะคะ ขืนไปใช้สีฉูดฉาดคงไม่ค่อยดีเท่าไหร่”
“งั้นระหว่างนี้นอนพักนะครับ ผมไปนะ”
“ค่ะ”
“รัน”
“ผมอยากให้คุณหอมแก้มผมก่อนออกไปข้างนอก”
“ทำไม”
“ไม่ถามได้ไหม”
“ก็ได้ค่ะ” มิรันดายื่นหน้ามาหอมแก้มเขาแต่คนเจ้าเล่ห์กลับหันปากเข้าหาอย่างรวดเร็ว ปากบางถูกประจบจูบลงไปอย่างแผ่วเบา ลิ้นสากไล้ไปตามกลีบปากอาศัยความช่ำชองจนเธอยอมเปิดให้เขาเข้าไปหาความหวาน
“อื้อ” เธอครางประท้วงพลางผลักอกแกร่งให้ถอยเพราะรสจูบของเขามันทำเธอแทบขาดอากาศ
“จูบคุณหวานมากนะรัน”
“ถ้าแกล้งอีกครั้งต่อไปจะไม่หอมแล้วนะคะ” หญิงสาวรับขู่เพราะกลัวว่าเขาจะทำมากกว่าแค่การจูบ
มาร์คัสยื่นแก้มซ้ายให้เธอจูบจากนั้นชี้ที่แก้มขวาอีกครั้ง กว่าจะออกจากห้องเขาก็ขอให้เธอหอมแก้มไม่รู้ตั้งกี่รอบกว่าจะยอมออกจากห้อง
ชายหนุ่มสั่งให้แพทริคไปจัดการเรื่องโน้ตบุ๊กให้มิรันดาส่วนตัวเองนั้นตรงไปยังบ้านน้องสาวแล้วเรียกจอมทัพให้เข้าไปคุยด้วยอีกคนเพราะคิดว่าจอมทัพคงเข้าใจอะไรผิดไป
งานแต่งเล็กๆ ผ่านไปอย่างเรียบง่าย แม้หลายคนจะแปลกใจที่ทุกอย่างมันดูรวดเร็ว แต่เมื่อเห็นแววตาที่ทั้งสองคนมองกันและกัน ต่างก็ต้องยอมรับว่าความรักของคนนั้นสองนั้นสุกงอมมากแค่ไหนความรักและความจริงใจที่เฟลิกซ์แสดงออกนั้นทำให้เพื่อนครู และเพื่อนสมัยเรียนของมิรันดาต่างพากันอิจฉา แม้จะไม่มีงานแต่งที่เลิศหรู แต่เฟลิกซ็ก็มอบแหวนเพชรเม็ดโตให้กับเจ้าสาว รวมถึงชุดเครื่องเพชรอีกหลายต่อหลายชุด ที่เขามอบทุกอย่างให้เธอต่อหน้าแขกวันนี้ก็เพราะรู้ว่าถ้าให้สองต่อสองมิรันดาจะต้องไม่ยอมรับแน่ ๆ นอกจากเครื่องเพชรแล้วยังมีเงินในบัญชีอีกจำนวนหนึ่งซึ่งเฟลิกซ์ไม่ยอมให้มิรันดาเห็นจนกระทั่งเธอยอมรับจึงจะเปิดดูจำนวนเงินได้ “พี่เฟย์ รันว่ามันมากเกินไปนะคะ” “ถ้าไม่รับจำเพิ่มจำนวนนะครับ” เขากระซิบกลับจำนวนเงินมากขนาดนั้นทำให้แขกต่างสงสัยว่าชายหนุ่มเป็นแค่เจ้าของร้านจริงหรือเปล่า เฟลิกซ์เลยบอกกับทุกคนไปว่าแต่ก่อนเข้าเป็นนักธุรกิจทางด้านอสังหาริมทรัพย์จึงมีเงินมากขนาดนั้น แต่ตอนนี้เงินทุกบาททุกสตางค์ของเขาได้ยกให้มิรันดาไปหมดแล้วงานเลี้ยงเลิกในเวลาสี่ทุ่มเฟลิกซ์กับมิรันดาก็กลับ
วันนี้มาร์คัสพามิรันดามายังบ้านของจัสมินซึ่งกลับมาจากอิตาลีพร้อมกับจอมทัพ “พี่มาร์ค เรื่องมันเป็นยังไงกันแน่ ทำไมต้องทำตัวลึกลับแบบนี้ รู้ไหมว่าน้องกับรันเสียใจมากแค่ไหนที่รู้ว่าพี่จากพวกเราไปแล้ว พี่ใจร้ายมากที่ทำแบบนี้กับพวกเรา” “พี่ขอโทษนะจัสมิน พี่รู้ว่าเราต้องเสียใจมาก” “พี่วางแผนมานานแล้วใช่ไหมคะ” “พี่เคยวางแผนกับแพทริคไว้ แต่ไม่คิดว่าเรื่องจะเป็นแบบนี้ วันนั้นก่อนสลบพี่ก็เลยบอกให้โรแบร์โต้เป็นคนจัดการ พี่เองก็ไม่รู้ว่าตัวเองจะอยู่ในห้อง ICU นานขนาดนั้นแถมยังไฟไหม้ไปทั้งหน้า” “แล้วทำไมพี่ถึงไม่บอกน้องเรื่องนี่ละคะ น้องจะได้ไปดูแล” “พี่อยากให้ทุกอย่างเรียบร้อยก่อน ถ้าจัสมินกับมิรันเห็นหน้าพี่ก็คงพากันกลัวจนไม่กล้าเข้าใกล้” “ไม่มีใครคิดอย่างนั้นเลย แล้วจากนี้พี่จะเอายังไงต่อ พี่จะเป็นมาร์คัสมาเฟียหนุ่มหรือจะเป็นเฟลิกซ์เจ้าของร้านอาหาร” “พี่อยากเป็นมาร์คัสของจัสมินและมิรัน” “บอสครับ ผมว่าถ้าบอสคิดจะวางมือจริงก็ควรจะทิ้งทุกอย่างรวมทั้งตัวตนเดิมของบอสด้วย” จอมทัพที่นั่งฟังอยู่เสนอขึ้น
ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบ ก่อนที่เสียงเครื่องอบผ้าจะร้องเตือนว่าตอนนี้มันทำงานเสร็จแล้ว “เสื้อคุณแห้งแล้ว เดี๋ยวฉันเอามาให้นะคะ” “เดี๋ยวสิ มิรันคุยกับพี่ก่อน” “พี่เหรอคะ เราไม่สนิทกันขนาดนั้น” เธอแทบจะกรีดร้องด้วยความดีใจที่ได้ยินคำเรียกนั้นออกมาจากปากของเขา “มิรันครับพี่ขอโทษ ที่ปิดบังมิรันแต่พี่มีเหตุผล” “เอาไว้คุยกันวันหลังเถอะค่ะ คืนนี้ดึกแล้วคุณควรกลับบ้าน” “มิรันอย่าใจร้ายกับพี่เลยนะครับ ที่ผ่านมาพี่ยอมรับว่าพี่ผิดที่ไม่รีบกลับมาหามิรันตั้งแต่แรก” “แล้วทำไมอยู่ๆ ถึงกลับเข้ามาอีก” “พี่ยังจำเรื่องของเราไม่ได้ทั้งหมด แต่พอพี่เจอในสวนวันนั้นพี่ตกหลุมรักมิรันอีกครั้ง พอพี่บอกจะจีบรันก็บอกว่ามีสามีแล้ว พี่ยิ่งสับสนไปใหญ่ ดีใจที่มิรันยังรักพี่ แต่ก็เสียใจที่พี่จำเรื่องของเราไม่ได้” “แล้วทำไม่คิดจะบอกถ้ารันจับไม่ได้ก็จะโกหกไปแบบนี้เรื่อยๆ ใช่ไหม” “พี่กลัวว่ามิรันจะรังเกียจพี่ พี่ไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว ทั้งแผลเป็นที่ตัวและที่หน้า มันน่าเกลียดมาก” “มันไม่น่าเกลียดเลยเวลา
จัสมินโทรศัพท์มาหามิรันดาหลังจากที่เธอบินไปถึงอิตาลีได้เพียงสองชั่วโมง “โรแบร์โต้ยอมรับแล้วว่าเขาช่วยมาร์คัสออกมาจากรถคันนั้นจริง แต่ก่อนที่มาร์คัสจะหมดสติเขาบอกให้โรแบร์โต้แจ้งทุกคนไปว่าเขาเสียชีวิตแล้ว” “แต่ทำไม่เขาถึงไม่ติดต่อเรามาเลย เขาใจร้ายมากนะคะพี่จัสมิน เขาสนุกไหมที่เห็นเราเสียใจ” “รันฟังพี่ก่อนนะ” จัสมินเล่าให้ฟังต่อว่ามาร์คัสเจ็บหนักและนอนอยู่ในห้องICU ถึงสามเดือนเขาต้องทำศัลยกรรมหลายครั้งเพราะใบหน้าโดนเปลวไฟจนผิวหนังชั้นนอกได้รับความเสียหาย กว่าทุกอย่างจะเข้าที่เข้าทางก็ใช้เวลาเกือบหกเดือน “รันสงสารเขา ช่วงที่เขาลำบากรันไม่มีโอกาสได้อยู่ใกล้ ได้ดูแลเข้าเลย” จากที่จะโกรธกลายเป็นว่าเห็นใจที่เขาต้องต่อสู้อย่างโดดเดี่ยวตามลำพัง “ตอนนี้เขาไม่เป็นไรแล้วเขาแข็งแรงดีแล้ว พี่มีอีกเรื่องที่จะบอก” “อะไรคะ” “โรแบร์โต้บอกว่าเขาจำเรื่องราวก่อนหน้านั้นไม่ได้” “หมายความว่ายังไง” “พอเขาหายดีแล้ว โรแบร์โต้ก็ตามแพทริคมาเจอกับเขา แพทริคบอกเขาเรื่องของรัน แต่เขาไม่เชื่อว่าตัวเอ
หนึ่งเดือนที่ผ่านมาริมันดากลายเป็นลูกค้าประจำของร้านทิรามิสุ เพราะชนิศาขอย้ายออกไปอยู่กันแฟนทำให้เธอฝากท้องที่นั่นเกือบทุกวัน และความสนิทสนมของเธอกับเจ้าของร้านก็มีมากขึ้น เขามักจะเป็นคนเอาอาหารมาส่งให้เธอที่บ้าน หรือถ้าวันไหนเธอไปทานที่ร้านเขาก็จะดูแลเอย่างดี มิรันดาเลยถามเขาไปตรงๆ ว่าเขากำลังจะจีบเธอใช่ไหม และเมื่อรู้คำตอบเธอก็บอกให้เขาเลิกคิดเพราะไม่ว่ายังไงเธอก็ไม่มีทางมองผู้ชายคนอื่นอย่างเด็ดขาด แต่ดูเหมือนสิ่งที่เธอพูดนั้นจะไม่เข้าหูเขาเลยเพราะเขายังคงทำตัวเหมือนเดิม จนเธอเริ่มชินกับการมีเฟลิกซ์อยู่ข้างๆ ความรู้สึกเวลาที่อยู่ใกล้เขามันเหมือนกับตอนที่อยู่กับมาร์คัสจนบางครั้งก็เผลอคิดว่าเขาคือคนคนเดียวกัน และเธอก็จะต้องรู้ให้ได้เพราะไม่อยากจะปวดหัวมากไปกว่านี้อีกแล้ว วันนี้มิรันดาชวนจัสมินมาทานข้าวที่บ้านโดยสั่งอาหารจากร้านทิรามิสุและกำชับว่าให้เจ้าของร้านมาส่งเองเพราะเธอมีเรื่องจะคุยกับเขานิดหน่อย จอมทัพขับรถมาส่งจัสมินจากนั้นก็ขับรถออกไปตรวจงานที่ผับ ตอนนี้ที่บ้านหลังเล็กจึงเหลือสองสาวที่กำลังนั่งรออาหารด้วยความร้อนใจ
มาถึงร้านอาหารพี่ครูท่านอื่นก็กำลังเริ่มสั่งอาหารกันพอดี มิรันดาเข้าไปนั่งเก้าอี้ตัวที่ติดกับครูรัตนาซึ่งเป็นครูที่เธอสนิทที่สุดเพราะมาทำงานที่นี่ด้วยกันตั้งแต่วันแรก “สั่งอะไรเพิ่มไหมคะครูรัน” ครูวิลาวัลย์ถามคนที่เพิ่งมาถึง “เอาเท่าที่ครูหนิงสั่งก่อนก็ได้ค่ะ ถ้าไม่พอเราค่อยสั่งเพิ่มก็ได้ค่ะ ของหวานก็น่าสนใจนะคะ เมื่อวานรันสั่งไปทานที่บ้านเจลาโต้กับทิรามิสุก็อร่อยใช้ได้เลยค่ะ” “จริงสิ เราลืมได้ยังไงว่ามาร้านทิรามิสุก็ต้องสั่งทิรามิสุมากินด้วย” “หนูนามองหาอะไร” “ก็มองหาเจ้าของร้านน่ะสิครูหนิงบอกว่าเจ้าของร้านหล่อแต่นี่หนูนายังไม่เห็นมีใครหล่อเข้าตาเลยสักคน” “ลูกค้าเต็มร้านอย่างนี้ บางทีเจ้าของร้านคงกำลังยุ่งอยู่ก็ได้นะ” “นั่นสิ เราไปถ่ายรูปข้างนอกกันได้ไหมมีมุมถ่ายรูปเยอะเลย” “ไปสิ” สองสาวขอตัวออกไปถ่ายรูประหว่างที่รออาหารมาเสิร์ฟ ระหว่างนั้นมิรันดาก็เห็นคนรูปร่างคุ้นตาเดินเข้ามาพอดี “พี่มาร์ค” มิรันดาเรียก แต่เขาก็เดินผ่านไปโดยไม่สนใจ “รันรู้จักเหรอ แต่เหมือนเขาจะไม่