ครั้งหนึ่ง...เธอเคยยื่นหัวใจให้เขา แต่เขากลับไม่เคยมองเห็น วันนี้เธอหวนกลับมาในฐานะ เลขาคนสำคัญของเขา เธอต้องเลือกระหว่าง "โอกาสครั้งใหม่" หรือ "ตัดใจจากรักที่ไม่มีวันสมหวัง"
더 보기“Z Z Z Z Z Z Z”
“โอววว์ ซีสสส์”
“อ๊ะ! อ๊ะ พะ-พี่วิชญ์ขา มะ-เมย์ไม่ไหว อะ!”
บทรักอันร้อนแรงของชายหญิงคู่หนึ่ง เสียงครวญครางดังระงมลั่นห้องกว้าง สองร่างสอดประสานกันอย่างลงตัวบนเตียงขนาดคิงไซส์!
แอ๊ดดด! เสียงประตูถูกเปิด
“กรี๊ดดดดดดดดดดด” เสียงกรีดร้องดังกึกก้อง
“พี่วิชญ์!!!!!!!!”
“ตังค์!”
……….……….
ปึ่ง! ปึ่ง! เสียงประตูถูกเคาะดังลั่น
“ตังค์ ตังค์ แกเป็นอะไร!”
“ฮึก!”ร่างบางสะดุ้งเฮือก เหลือบมองต้นเหตุของเสียง ที่ดังสนั่นจนแก้วหูแทบแตกดับ!
“ฉะ-ฉันไม่ได้เป็นอะไร...แกหยุดเคาะประตูได้แล้วพีร์”
“แกก็เปิดประตูสิ...นี่มันจะแปดโมงแล้วนะตังค์”
พรึบ! ร่างบางลุกและเดินไปยังประตูทันที
“เฮ้ย! นี่แกยังไม่อาบน้ำแต่งตัวอีก!”
“เออ...ฉันตื่นสาย นอนไปแค่สี่ชั่วโมงเอง”
ร่างบางเดินไปหยิบเสื้อผ้าในตู้ เตรียมตัวจะเข้าห้องน้ำ
“นาตาลีได้หยุ๋มหัวแกแน่ๆ ถ้าวันนี้แกเข้าสาย!...แกลืมไปแล้วเหรอว่าแกนัดคุณนาตาลีไว้”
“หือ! นัดอะไรวะ” ใบหน้าสวยหันขวับมาทันที
“นัดเรื่องพี่วิชญ์แกไง...เมื่อคืนแกน่าจะหนักล่ะสิ จำอะไรไม่ได้สักอย่าง”
“ห๊ะ! ตายล่ะ!” ร่างบางวิ่งปรู๊ดเข้าห้องน้ำ
“เอ๊า...ไอ่ตังค์”
....................
ณ ท้องถนน...ใจกลางเมืองกรุง
“แกช่วยเหยียบให้เร็วกว่านี้ได้มั้ยพีร์ แกขับช้าหยั่งกับเต่าป่วยแบบนี้ เมื่อไหร่จะถึงสักทีวะ”
“และถ้าแกรีบ! ทำไมแกไม่นั่งแท็กซี่ไปวะตังค์ ฉันก็ขับไวสุดแล้วเนี่ย...ใครบอกให้แกดื่มหนักขนาดนี้ ไม่ดูสังขารตัวเองเลย”
“แหม...แกพูดเหมือนกับว่าแกไม่ไปด้วยกันเลยนะ...แกนั่นแหละตัวดีไอ่พีร์ดันไปท้าประลองกับไอ่นนท์...ไงล่ะ”
“แต่ฉันตื่นเช้ากว่าแกละกัน”
“แกก็ตื่นเช้าดิ...เมียแกโทรมาปลุกนี่...ป่านนี้นางคงบ่นจนออฟฟิศแทบแตกแล้วมั้ง”
“แกอย่ามาว่า...นาตาลีฉันนะ”
“เฮอะ! นาตาลีฉัน! นาตาลีของพวกแกสองคนต่างหาก แกกับไอ่นนท์ ต้องเป็นพวกวิปริตแน่ๆ คนอะไรมีเมียคนเดียวกัน...ฉันล่ะปวดจิตจริงๆ ที่มีเพื่อนแบบพวกแก แย่งกันได้ทุกวัน สาวๆ มีเป็นร้อยเป็นล้านไม่เลือก ดันมาเลือกหญิงวัย 45!”
“แต่หญิงวัย 45 คือเจ้านายแกนะตังค์ แกต่อว่าเจ้านายตัวเองได้ยังไงฮึ! และนั่น...อาจจะเป็นแม่ผัวในอนาคตของแกด้วย”
“แม่ผัวบ้าอะไรล่ะ คุณนาตาลีก็แค่หลอกใช้ฉันแค่นั้นแหละ นางเห็นว่าฉันรักพี่วิชญ์น่ะสิ เลยใช้ฉันเป็นเครื่องมือ”
“แต่แกก็ทำนี่ จะมาบ่นอะไร”
“T-T”
“เมื่อกี้ ที่แกแหกปากร้อง...เพราะแกฝันอีกแล้วใช่มั้ยตังค์”
“อือ”
“มันผ่านมาตั้ง 11 ปีแล้ว แกยังฝันแบบนั้นอยู่อีกเหรอ”
“ก็ใช่ดิ มันเป็นภาพติดตาฉันมาตลอด พี่วิชญ์คือรักครั้งแรกและรักเดียวของฉัน ก็เลยฝังใจฉันอยู่แบบนี้ ไม่ไปไหนสักที”
“เดี๋ยวก่อนนะ! มันจะเป็นรักแรกของแกได้ยังไงวะ พี่วิชญ์ไม่เคยรักแกเลยนะโว้ย ไม่เคยมองแกด้วยซ้ำ แกจะมาเรียกรักครั้งแรกของตัวเองได้ไง...มโนล้วนๆ ฉันว่าแกก็วิปริตไม่ต่างกันกับพวกฉันแหละตังค์”
“เออ...ฉันรู้แล้ว แต่รักแรกและรักเดียวของฉันมันสวยงามกว่าพวกแกก็แล้วกัน ดูพวกแกสิ...รักบ้าอะไรกัน ‘ชายสองหญิงหนึ่ง’ แถมยังเป็นหญิงผู้สูงวัยอีกต่างหาก!”
“แกพูดไปเถอะ...ยังไงคุณนาตาลีก็สวยสำหรับฉันเสมอ แกคงอิจฉาเธอละสิตังค์ อายุ 25 แล้วยังฝันลมๆ แล้งๆ อยู่กับอดีต เหมือนสาววัย 15 ฝันอะไรไม่ฝัน ^<>^ ไปฝันถึงตอนเขากำลังเข้าด้ายเข้าเข็มกับสาวๆ ฮ่า ฮ่า แกนี่มันจริงๆ เล้ยตังค์”
“แกพูดจบยัง...”
“ยัง...เอาไว้ต่อวันอื่น ตอนนี้ถึงออฟฟิศแล้ว แกรีบไปเลย”
“เออ”
ณ บริษัทโพรเกรสเอนจิเนียร์...
“ตังค์...เจ้ใหญ่เรียกแกด่วน! ระเบิดจะลงลูกที่สองแล้ว”
“ลูกแรกลงนานหรือยังดรีม”
“ประมาณยี่สิบนาทีเห็นจะได้ รีบเลยแกอย่ามัวถาม”
ก๊อก! ก๊อก!
“เข้ามา!”
“สวัสดีค่ะ”
“ฉันนัดเธอกี่โมงตังค์!”
“ขอโทษค่ะ ตังค์ตื่นสายค่ะ”
“เหรอ...ตื่นสาย! เมื่อคืนฉลองครบ 25 ปีบริบูรณ์หรือไง สนุกจนลืมงานเลยละสิ!”
“ค่ะ คุณนาตาลีพูดมาเลยค่ะ จะให้ตังค์ทำอะไรบ้าง บ่นไปก็ไม่มีประโยชน์หรอกค่ะ”
“อืม...ฉันล่ะเบื่อเธอจริงๆ เลยตังค์...ถ้าไม่ติดว่าเธอทำงานเก่งล่ะก็ ป่านนี้เธอคงได้ไปเตะฝุ่นอยู่ที่บ้านสวนเธอเป็นแน่”
“...”
“อีกสองวันตาวิชญ์จะกลับมาแล้ว ฉันให้เธอเตรียมตัว แล้วทำไมไม่เอามานำเสนอฉันสักทีตังค์ จะต้องให้ฉันบ่นเธอไปจนถึงทศวรรษหน้าเลยหรือไง เธอถึงจะมา!”
“งานที่คุณนาตาลีบอก คือ ให้ตังค์ไปเป็นเลขาพี่วิชญ์น่ะเหรอคะ ตังค์เตรียมเรียบร้อยแล้วค่ะ เอกสารต่างๆ ที่จะเสนอ ตังค์ก็เตรียมไว้แล้ว...นี่ค่ะ”
หญิงสาวยื่นแฟ้มเอกสารของบริษัทให้กับเจ้านายสาว
“ฉันไม่ได้หมายถึงเรื่องนี้!”
“-..-”
“ฉันหมายถึง ให้เธอเตรียมตัวเข้าไปอยู่ในบ้าน ก่อนที่ตาวิชญ์จะกลับมา เธอเตรียมแล้วหรือยัง”
“เอ่อ...ข้าวของตังค์ไม่มีอะไรมากค่ะ แค่กระเป๋าใบเดียวไม่เป็นปัญหาค่ะ...แต่ปัญหามีอยู่ว่าคุณนาตาลีจะให้ตังค์ไปอยู่แค่คอยขัดขวางบรรดาผู้หญิงของพี่วิชญ์เหรอคะ ทำไมคุณถึงไม่จ้างสาวๆ สวยๆ ไปล่ะคะ ทำไมต้องให้ตังค์ไป ขอเหตุผลหน่อยค่ะ”
“เหตุผลเพราะเธอรักตาวิชญ์ไง ฉันเลยเลือกเธอไป เธอยังไม่เข้าใจอีกเหรอตังค์...ไหนพีร์บอกว่าจะอธิบายเธอไง ทำไมถึงยังมึนงงอยู่แบบนี้อีก”
“พีร์มันอธิบายแล้วค่ะ แต่ตังค์แค่ไม่เข้าใจคุณนาตาลีค่ะ จริงๆ แล้วคุณก็เป็นแค่แม่เลี้ยงนี่คะ ไม่ใช่แม่จริงๆ ของพี่วิชญ์ซะหน่อย ทำไมต้องไปหวังดีกับพี่วิชญ์คะ ทั้งๆ ที่พี่วิชญ์ก็ไม่เคยมองคุณดีเลยสักครั้ง”
“T-T”
“ตังค์แค่สงสัยค่ะ…ถ้าคุณจะบอกว่าเพราะตังค์รักพี่วิชญ์ มันยิ่งไม่มีทางเป็นไปได้อยู่แล้วค่ะ เพราะพี่วิชญ์ไม่เคยเห็นตังค์อยู่ในห้วงสมองสักครั้ง!”
“เธอเพ้อเรื่องของเธอจบยังตังค์”
“จบค่ะ -..-”
“ฉันเลือกเธอ ให้เข้าไปอยู่ในบ้านกับตาวิชญ์ก็เพราะ ตัวฉันเองไม่เคยเข้าถึงตาวิชญ์ได้ เขากับฉันเจอหน้ากันทีไรเขาก็มึนตึงใส่ฉัน...มองฉันเหมือนไส้เดือนกิ้งกือน่ารังเกียจมาตลอด ตั้งแต่พ่อเขาเสียไป ฉันก็พยายามจะเป็นแม่ที่ดีกับเขามาตลอด แต่เขาก็ไม่เคยสนใจฉันเลย การที่ฉันจะเข้าไปพูดหรือก้าวก่ายเรื่องของเขา ฉันไปทำแบบนั้นไม่ได้ตังค์...แค่นี้เขาก็เกลียดฉันเข้าไส้อยู่แล้ว”
“แล้วอะไรที่ทำให้คุณมั่นใจคะว่าตังค์จะทำได้ ขนาดตังค์รักพี่วิชญ์มาตั้งแต่อายุ 14 ผ่านมา 11 ปีพี่วิชญ์ก็ไม่เคยแม้แต่จะชายตามองตังค์เลยค่ะ”
“อืม...แกบ้าจริงๆ แหละดรีม...”รณพีร์กวาดสายตามองดวงหน้าสวยของเธออย่างจริงจัง ‘แต่เขาก็ถูกใจความบ้าของเธอนะ’ “ถ้าไม่บ้าฉันคงไม่ได้แกหรอกพีร์” “แกจะตอบฉันได้หรือยังดรีม...ว่าแกจะไม่ไปแต่งงานแล้ว” “ฉันคิดดูก่อนนะ” “แกจะคิดทำไมอีกวะดรีม...แกจะฆ่าฉันหรือไง ฉันต้องบ้าแน่ๆ ที่รอคำตอบแกแบบนี้” “ก็แล้วแกไม่คิดเหรอ ว่าเจ็ดปีที่ฉันรอน่ะ ฉันจะบ้าแค่ไหน” “มันไม่เหมือนกันดรีม...แกแอบรักฉันมาเจ็ดปี โดยที่แกไม่เคยสารภาพรักกับฉันเลย...แต่สำหรับฉันตอนนี้ ฉันบอกแกแล้ว และสารภาพแกแล้ว ว่าฉันชอบแก” “ฉันดีใจที่สุดเลยรู้มั้ยพีร์ ฉันต้องขอบคุณป๊าฉัน ที่ช่วยให้ฉันรู้ใจแกเร็วมากขึ้น” “อืม...จริง! ป๊าแกทำให้ฉันอยู่ไม่ได้...เออ...พูดถึงป๊าแก...ท่านจะยอมให้แกคบกับฉันหรือวะดรีม” “ป๊าแค่อยากได้หลาน...ถ้าแกทำหลานให้ป๊าฉันได้ ท่านคงไม่ติดใจอะไรหรอก อีกอย่างหนึ่งป๊าตามใจฉันอยู่แล้ว ฉันรักใครป๊าไม่เคยขัด” “ดรีม...” มือหนาจับร่างของเธอให้หันมาที่เขา “หือ...” ใจเธอเต้นผิดจังหวะทันที เมื่อหันมาสบตากับชายหนุ่ม ควา
“อือ...ก็คงต้องเป็นแบบนั้นแหละ” “ทำไมแกต้องตามใจพ่อกับแม่แกด้วยวะ นี่มันยุคไหนแล้วที่จะต้องมาจับคู่คลุมถุงชนแบบนี้”ในน้ำเสียงของรณพีร์เหมือนจะมีแววตําหนิแฝงอยู่ ซึ่งตัวเขาเองก็น่าจะไม่รู้ตัวเช่นกัน “ก็ไม่เชิงจับคู่หรอกนะ ป๊าไม่ได้บังคับฉันเลยพีร์ แค่ฉันไม่ขัดท่านเฉยๆ”เมวิกามองหน้าเพื่อนรักอีกครั้ง เธอรู้สึกราวกับว่ารณพีร์แปลกไปจากเดิม “แกจะบ้าเหรอวะดรีม...แกจะไปแต่งงานได้ยังไง ในเมื่อแก เอ่อ แกไม่บริสุทธิ์แล้ว แกจะไปหลอกผู้ชายคนนั้นทำไมวะ”รณพีร์เริ่มเดือดขึ้นเป็นระยะๆ อกซ้ายของเขากระตุกอย่างแรง ตั้งแต่ได้ฟังบทสนทนาสองพ่อลูกเมื่อครู่ “ผู้ชายที่ป๊าหาให้เขาก็ผ่านการแต่งงานมาแล้ว เขาไม่มาแคร์เรื่องนี้หรอกพีร์ และอีกอย่างฉันมีอะไรกับแกแค่ครั้งเดียว มันไม่ได้ทำให้ฉันสึกหรออะไรขนาดนั้นหรอก”เมวิกาฉงนใจกับท่าทีของรณพีร์เป็นอย่างมาก เขาจะเอาเรื่องนี้มาพูดทำไม “แล้วแกรักเขาหรือไง แกถึงจะแต่งงานกับเขา ทำไมแกไม่คิดให้มันมากกว่านี้วะดรีม แกอายุ 25 แล้วนะไม่ใช่เด็กที่จะต้องให้พ่อกับแม่ต้องคอยตัดสินใจให้แกตลอด”รณพีร์พูดอธิบายกับเธอเป็นฉากๆ เขาต้อ
“พี่เลิกกับแพรวาไปแล้ว จริงๆ พี่กับแพรวาก็ไม่ได้อยู่ในสถานะแฟนกันตั้งแต่แรกคบแล้ว ระหว่างพี่กับเขาเราคบกับแบบมีอิสระต่อกัน” “แล้วพี่แพรยอมเหรอคะ ที่พี่วิชญ์ปฏิเสธเธอแบบนี้” “เราคุยกันแล้วก่อนหน้านี้ แพรวาเข้าใจและเรายังเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน ถ้าพี่กับแพรยังฝืนคบกันต่อไป มันก็ไม่ได้ช่วยให้เราสองคนดีขึ้นมา มันกลับเลวลงด้วยซ้ำ เมื่อวันหนึ่งพี่ได้รู้ใจตัวเองแล้วว่าพี่รักเขาไม่ได้ เพราะใจของพี่มันอยู่ที่ตังค์ไปแล้วนี่ไง” “พี่วิชญ์รักตังค์จริงหรือคะ...ตังค์สงสัยค่ะ เวลาผ่านมาตั้งนานพี่วิชญ์ไม่เคยสนใจตังค์เลย มาตอนนี้พี่วิชญ์กลับสนใจตังค์ มันเกิดอะไรขึ้นคะพี่วิชญ์ หรือเป็นเพราะวันนั้นที่เรามีอะไรกัน พี่วิชญ์เลยต้องแสดงความรับผิดชอบกับตังค์หรือเปล่าคะ” “อืม...เธอนี่เป็นคนชอบคิดอะไรแปลกประหลาดอยู่เรื่อยเลยนะ พี่รักเธอมานานแล้วนะตังค์ เพียงแต่พี่อาจไม่รู้ตัวเองก็เท่านั้น วันที่ตังค์เดินจากพี่มา พี่ถึงได้รู้ใจตัวเอง และตัวพี่เองต้องทำอะไรสักอย่างที่จะเหนี่ยวรั้งตังค์เอาไว้ได้”เมธาวินนึกย้อนเรื่องราววันวานที่เขาโดนตมิสาปฏิเสธ เขาคิดว่าการที่เธอมีอะไรกับเขาแ
“อ๊ะ! พะ-พี่วิชญ์”เสียงของตมิสาร้องดังขึ้นเมื่ออกอวบของเธอโดนจู่โจมอย่างหนัก มือบางเผลอขยุ้มเข้ากับกลุ่มผมดกดำของชายหนุ่มเอาไว้ ความซาบซ่านทะยานเข้าสู่กายสาวอย่างหนัก เธอไม่อาจต้านทานสัมผัสนี้ได้เลย“อุ๊บ!”ริมฝีปากบางถูกประกบ จูบอันหนักหน่วงกดย้ำมาอย่างถี่ๆ เนิ่นนานเหมือนต้องการสูบร่างกายสาวเข้าสู่กายกำยำ เมธาวินเล่นบทหนักกับเธอ รุกด้วยริมฝีปากและมือ บีบเคล้นอกอวบอย่างเต็มอารมณ์ มือหนาปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตออกอย่างรวดเร็ว ตามด้วยกางเกง เผยให้เห็นร่างกายกำยำเปล่าเปลือย แผงอกแกร่ง กล้ามท้องเป็นลอนไร้ไขมันส่วนเกินฝ่ามือใหญ่แนบวนไปทั่วเรือนร่างของเธอ จนร่างบางสะท้านสั่น กลีบกุหลาบถูกสำรวจด้วยปลายนิ้วแกร่งที่สอดแทรกเข้าตรงกลางของช่อกุหลาบนั้น ไฟในกายของตมิสาแผ่ซ่านไปทั่วร่างราวกับทะเลเดือด กรีดเสียงร้องออกมาอย่างอดมิได้ เมื่อปลายนิ้วดีดเด้งเกี่ยวเข้ากับเม็ดทับทิมสีชมพู เขากระตุกข้อมือระรัวจนร่างของเธอบิดขึ้นดีดเด้งเข้าหาสัมผัสอย่างอัตโนมัติ“อ๊ะ! อ๊ะ! พะ-พี่วิชญ์ อื้อ...”เสียงเล็กครางออกมาอย่างไม่เป็นภาษา ความเสียวซ่านเข้าแทรกทั่วทั้งร่างอวบอิ่มของเธอ เล็บจากนิ้วเรียวบางจิกเข้าไปที่ไหลหนา
“พี่วิชญ์”ตมิสาเรียกชายหนุ่ม แต่ก็ไม่มีปฏิกิริยาโต้กลับจากเขาเลยแม้แต่น้อย ทำให้เธอต้องก้าวเข้าไปหาเขาอย่างทันที “พี่วิชญ์!”ตมิสาชะโงกใบหน้าเข้าไปใกล้ๆ เขาเพื่อสำรวจลมหายใจของอีกฝ่าย ลมหายใจยังสม่ำเสมอ ‘เขาหลับนี่’ “อ๊ะ!” ตมิสาร้องเสียงหลง เมื่อมือหนาคว้าตัวเธอจนร่างบางถลาล้มลงทับทาบบนตัวเขา “ว่าไงตังค์...”เมธาวินมองใบหน้าสวยของตมิสา ที่ยังมีอาการตื่นตระหนกอย่างเห็นได้ชัด ร่างอวบอิ่มอยู่บนตัวเขา มือบางยันอกแกร่งเอาไว้ ใบหน้าเขาและเธออยู่ใกล้กันจนได้ยินเสียงลมหายใจของกันและกัน “พี่วิชญ์...ปล่อยตังค์นะ นี่พี่แกล้งตังค์เหรอคะ”ตมิสาดิ้นอยู่บนร่างหนา เพื่อให้เขาปล่อยตัวเธอ มีความร้อนบางอย่างแล่นอยู่บนตัวเธอไปทั่วร่าง หัวใจของเธอเต้นเร็วระรัว เมื่อสัมผัสแนบชิดระหว่างเธอกับเขา “ไม่ปล่อย!”อ้อมแขนแข็งแรงรัดร่างอวบอิ่มของเธอเอาไว้ “พี่วิชญ์! เราต้องไปทานข้าวนะคะ ตังค์เตรียมไว้เรียบร้อยแล้วนะคะ”ตมิสาพยายามเบี่ยงเบนความสนใจของเขา “พี่ยังไม่หิวเลยตังค์”ดวงตาคมกริบหรี่ลงต่ำจับจ้องไปที่เรียวปากอวบอิ่มเย้ายวน ร่างกำยำเริ่มมี
ณ เวลาหลังเลิกงาน (ประเทศไทย) “ดรีม” “มีไรพีร์” “ฉันมีเรื่องจะคุยกับแกหน่อย แกพอจะว่างไปหาอะไรกินแถวนี้ก่อนกลับบ้านดีมั้ย”รณพีร์รวบรวมความกล้าเพื่อเอ่ยชวนเมวิกา เมื่อวันก่อนเขาเองทำเสียเรื่องเพราะแอลกอฮอล์ ทำให้โพล่งเรื่องของเธอและเขาให้ตมิสากับชานนท์ได้รู้ เมวิกาโกรธเขาเป็นอย่างมาก หลบหน้าเขาไม่ยอมที่จะสนทนากับเขาเลย จนวันนี้เขาเลยตัดสินที่จะมาดักรอเพื่อพบเธอ “ฉันไม่มีอะไรจะคุยกับแกแล้วพีร์” “แกโกรธฉันมากเลยเหรอ...ฉันจะต้องขอโทษแกสักกี่ครั้ง แกถึงจะหายโกรธวะ” “ฉันหายโกรธแกแล้วพีร์ ฉันไม่โทษแกหรอก เรื่องทั้งหมดมันเกิดจากฉันเอง ถ้าฉันไม่ขอร้องแกให้มีอะไรกับฉัน เรื่องมันคงไม่เป็นแบบนี้...เอาเป็นว่าฉันไม่โกรธแกแล้ว สบายใจเถอะ...มีอะไรอีกไหมฉันจะกลับบ้านแล้ว” “แกพูดแบบนี้ฉันก็ไปไม่เป็นแล้วดรีม...วันนี้ฉันตั้งใจจะมาเคลียร์เรื่องแกกับฉัน...ตอนนี้ฉันจะหาเหตุผลอะไรได้อีกที่จะคุยกับแกวะ” “แล้วแกต้องการอะไรล่ะพีร์...ฉันบอกแกไปหมดแล้วนี่” “ตกลงแกต้องการแค่มีอะไรกับฉันแค่นั้นเหรอดรีม ฉันถามจริง แกต้องบ้าเบอ
댓글