คนที่ถูกกล่าวหาว่าเรื่องมากพามิรันดามายังแผนกเสื้อผ้าบุรุษที่อยู่บนชั้นสามของห้างสรรพสินค้า พนักงานขายดูจะไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่เพราะเหลือเวลาอีกไม่ถึงชั่วโมงพวกเธอก็จะเลิกงานแล้ว พนักงานบางส่วนเริ่มเก็บของและเช็กสต๊อกกันแล้ว
“คุณจะซื้อชุดของตัวเองเหรอคะ แล้วพาฉันมาทำไม”
“ก็พาคุณมาช่วยเลือกไง คุณจะได้ไม่ว่าผมใส่แต่ชุดสีดำ”
“คุณจะถือสาคำพูดของฉันทำไมอยากใสแบบไหนก็ตามใจคุณเลย”
“บางทีผมก็อยากเปลี่ยน แต่ทุกชุดที่ใส่เลขาผมเป็นคนจัดให้”
“แล้วคุณจะใส่แบบไหน”
“แบบไหนก็ได้เลือกมาเถอะ”
“เลือกแล้วต้องใส่นะ”
“อือ ขออย่าฉูดฉาดมากก็พอ”
มิรันดาถามไซซ์เสื้อผ้าที่เขาสวมจากนั้นก็เดินไปเลือกกับพนักงานที่ดูเหมือนจะยิ้มออกเมื่อเธอบอกว่าอยากได้เสื้อเชิ้ตสัก 20 ตัว
“คุณ เอาเนกไทด้วยไหมคะ” หญิงสาวเดินเข้ามาถามเมื่อได้เสื้อครบ 20 ตัวแล้ว”
“คุณอยากซื้ออะไรก็ซื้อเลย”
“อ๋อ ฉันเข้าใจแล้ว”
มิรันดายิ้มพราว หญิงสาวหยิบเนกไทสีฟ้าน้ำทะเล สีโอลโรส สีเทา สีครีมและสีขาวมาอย่างละหนึ่งเส้นจากนั้นก็ไปเลือกสูทซึ่งมีทั้งแบบและสีที่ต่างกันรวมแล้วก็ 20 ชุด
ระหว่างที่มาร์คัสกำลังเดินดุอย่างอื่นอยู่เธอก็โทรไปขอเบอร์โทรศัพท์ของแม่บ้านจากแพทริค จากนั้นก็โทรศัพท์ไปบอกแม่บ้านเพื่อให้ช่วยทำงานบางอย่างให้
“ผมว่ามันเยอะไปแล้วนะครับ” มาร์คัสมองถุงเสื้อผ้าที่พนักงานนำมาวางให้มันมากกว่าที่เขาคิดไว้
“ทีใครทีมันค่ะ ทีคุณซื้อให้ฉันก็เยอะแบบนี้ ฉันยังไม่ว่าอะไรคุณเลยนี่ค่ะ”
“ผมว่าเรากลับกันเถอะ แค่นี้ก็ถือไม่ไหวแล้วนะครับ”
“ฉันบอกคุณแพทริคแล้วว่าให้ตามมาเอาชุดที่ร้าน”
“แล้วจะไปไหนแต่อีกไม่กี่นาทีห้างก็จะปิดแล้ว”
“ก็แค่จะปิดนี่คะ ยังไม่ปิดสักหน่อย มาทางนี้คะ” มิรันดาใช่เวลาที่เหลืออย่างคุ้มค่าที่สุด เวลาไม่กี่นาทีเธอก็ได้ชุดลำลองและชุดนอนให้เขาอีกอย่างละ 5 ชุด
“ผมว่ายังขาดอีกอย่าง” ไหนๆ เธอก็เลือกชุดมาตั้งเยอะเขาเลยอยากให้มิรันดาช่วยเลือกอีกสักอย่าง
“คุณคงหมายถึงรองเท้า ฉันว่าที่ใส่อยู่มันก็โอเคอยู่แล้วล่ะคะ”
“ผมหมายถึงชั้นใน”
“โอ๊ยคุณ นั่นมันอยู่ข้างในจะใส่แบบไหนก็แล้วแต่คุณเลยค่ะ”
“ที่ผมยังช่วยคุณเลือกเลย”
“เว้นไว้สักอย่างก็ได้ของแบบนั้นคุณคงซื้อเองได้มั้งคะ”
“ผมไม่เคยซื้อเอง”
“อย่าบอกนะคะว่าเลขาซื้อ”
“ครับ เขาจัดการให้ทุกอย่าง”
“ห้างจะปิดแล้วค่อยมาวันหลังเถอะค่ะ”
“คุณไม่อยากช่วยเลือกเหรอ อายเหรอ”
“ใครจะอายกัน แต่ของพวกนั้นมันต้องใช้เวลาเลือก ถ้าซื้อไปแล้วมันใส่สบายขึ้นมาคุณก็จะโทษว่าเป็นความผิดของฉันอีก”
“งั้นพรุ่งนี้ค่อยมาอีกรอบก็ได้”
“คุณดูว่างงานมากนะคะ แต่พรุ่งนี้ฉันไม่ว่าง”
“ไหนว่ายังไม่เปิดเทอม”
“ฉันจะดูซีรีส์ค่ะ”
“งั้นผมดูด้วย”
“มีผู้ชายที่ไหนเขาดูกัน”
“ก็ผมนี่ไง”
กลับมาถึงเพนเฮาส์ได้ไม่ถึงชั่วโมงมาร์คัสก็เตรียมตัวออกไปข้างนอก คืนนี้เขาจะไปตรวจผับอีกแห่งหนึ่งซึ่งที่นั่นเป็นผับที่น้องเขยของเขามักจะไปเที่ยวอยู่บ่อยๆ เผื่อว่าโชคดีมาร์คัสอาจจะเจอเขมทัต
ชายหนุ่มแต่งตัวเสร็จก็เดินไปบอกมิรันดาที่กำลังนอนเล่นมือถืออยู่บนเตียงกว้างภายในห้องนอนของเขา
“ผมจะไปข้างนอกนะ”
“ค่ะ”
“ไม่ถามเหรอว่าไปไหน”
“ไม่ค่ะ”
“ทำไมล่ะ”
“ฉันไม่อยากยุ่งเรื่องส่วนตัวของคุณ”
“แล้วถ้าผมออกไปนอนกับคนอื่นคุณจะโอเคไหม”
“นั้นก็เรื่องของคุณ”
“ไม่หึงเหรอ”
“จะหึงทำไม คนอย่างคุณก็คงนอนกับผู้หญิงไปทั่วนั่นแหละ”
“ผมก็แค่ล้อเล่นหรอกน่า ผมมีธุระต้องไปจัดการนิดหน่อย ถ้าง่วงก็นอนก่อนเลยนะ”
“ค่ะ”
มาร์คัสเดินเข้ามายื่นหน้าให้เธอแล้วชี้ไปที่แก้มตัวเองทั้งสองข้าง มิรันดาส่ายหน้าก่อนจะหอมแก้มสากของเขาทั้งซ้ายขวา
“ออกไปด้วยกันไหม” จู่ๆ เขาก็ไม่อยากทิ้งให้เธอเหงาอยู่คนเดียว
“ไม่หรอกค่ะ คุณไปทำงาน ฉันไม่อยากเกะกะ”
“ถ้างั้นผมจะรีบกลับมากอดคุณนะ”
“ไม่ต้องรีบก็ได้มั้งคะ”
“ทำไมกลัวเหรอ”
“มีอะไรต้องกลัวกันละ”
“โอเค ผมไปล่ะ ถ้าคิดถึงก็โทรหาผมนะ หรือถ้าอยากได้อะไรก็โทรไปบอกคนของผม”
“เขาไม่ไปกับคุณเหรอคะ”
“ไปสามคนครับ เหลืออยู่กับคุณอีก 2 คน”
“ฉันอยากรู้จักว่าคุณเป็นใครกันแน่ทำไมถึงต้องมีลูกน้องเยอะขนาดนี้”
“ถ้าอยากรู้ก็อย่าเพิ่งรีบนอนเดี๋ยวผมจะกลับมาเล่าให้คุณฟังทุกเรื่อง”
“ฉันก็อยากรู้นะคะว่าคุณเป็นใคร แต่ฉันว่าเอาไว้พรุ่งนี้เช้าดีกว่าเพราะคุณยังไม่ออกจากห้องฉันก็ง่วงแล้ว”
“ง่วงก็นอนครับ ฝันดีนะมิรันดาผมไปล่ะ
“โชคดีนะคะ”“ขอบคุณครับ” เขาก้มลงหอมไปบนหน้าผากของเธออีกครั้งก่อนจะออกจากห้อง
มิรันดาตื่นตอนมาในเวลาหกโมงเช้า เธอไม่รู้ว่าเมื่อคืนมาร์คัสกลับมาตอนไหน รู้ตัวอีกทีเธอก็ตื่นมาอยู่ในอ้อมกอดของเขาแล้ว
หญิงสาวย่องออกมาจากห้องของเขาอย่างเบาที่สุด เธอกลับมาที่ห้องของตัวเองอาบน้ำและเตรียมตัวจะออกไปข้างนอกก่อนที่เขาจะตื่น วันนี้เธอมีนัดไปสัมภาษณ์งานที่ร้านกาแฟซึ่งอยู่ไม่ไกลจากที่นี่เท่าไหร่
เธอลงลิฟต์มาถึงชั้นล่างก็เจอกับแพทริคที่กำลังจะออกไปข้างนอกพอดี
“คุณจะไหนครับคุณมิรันดา”
“ไม่ต้องเรียกชื่อเต็มขนาดนั้นก็ได้ค่ะคุณแพทริค”
“ครับ คุณรัน คุณจะออกไปไหนครับ บอสรู้หรือเปล่าว่าคุณจะออกไปข้างนอก”
“ฉันไม่ได้บอกเขา ก็แค่อยากออกไปร้านกาแฟตรงหัวมุม”
“คุณอยากดื่มกาแฟเหรอครับเดี๋ยวผมไปสั่งให้คุณขึ้นไปรอข้างบนเลย”
“ฉันอยากไปเอง”
“งั้นรอตรงนี้เดี๋ยวผมเรียกคนเดินไปเป็นเพื่อน”
“มันใกล้แค่นี้เองนะคะ อย่ารบกวนคนอื่นเลยค่ะ”
“ไม่รบกวนหรอกครับ แต่ถ้าคุณไปคนเดียวแล้วบอสรู้คนอื่นที่คุณพูดถึงจะเดือดร้อน”
“คุณแพทริคคะ ทำไมเจ้านายคุณจะต้องมีลูกน้องเยอะแยะด้วยล่ะคะ”
“เรื่องนี้คุณไปถามเขาเองดีกว่า”
“ใครจะกล้าถามกันล่ะ ฉันกลัวเขาโกรธที่ไปยุ่งเรื่องส่วนตัวของเขา”
“ลองถามเถอะครับ ผมว่าเขาไม่โกรธคุณหรอก”
“คุณแน่ใจได้ยังไง ว่าเขาจะไม่โกรธ”
“ผมแน่ใจก็แล้วกันครับ”
“ฉันเปลี่ยนใจแล้ว ฉันว่าฉันกลับขึ้นไปบนห้องดีกว่า ในห้องก็มีเครื่องชงกาแฟเดี๋ยวฉันทำเองก็ได้”
“ครับ ถ้าขาดเหลืออะไรก็โทรลงมานะครับ พวกนั้นน่ะเอาแต่นอนสบายๆ อยู่ห้องมาหลายวันแล้ว คุณไม่เรียกใช้งานสักที”
“ไม่ดีเหรอคะ พวกคุณจะได้สบายไง”
“ดีครับ” แพทริคหัวเราะ ตั้งแต่เห็นผู้หญิงของบอสมาก็ไม่เคยมีใครเรียบง่ายเป็นกันเองเหมือนกับมิรันดาสักคน
มิรันดากลับขึ้นมายังชั้นบนสุดอีกครั้ง เธอโทรศัพท์ไปขอโทษเจ้าของร้านกาแฟพร้อมกับบอกว่าเธอคงไม่ไปทำงานที่นั่นแล้วเนื่องจากมีปัญหาส่วนตัวนิดหน่อย
กลับเขามาบนห้องก็เห็นว่ามาร์คัสนั่งหน้าบึ้งอยู่หน้าทีวี
“เป็นอะไรคะ ทำไมหน้าบูดแต่เช้าเลย”
“ผมตื่นมาไม่เจอคุณ”
“ฉันลงไปข้างล่างกะว่าจะไปซื้อกาแฟ สักหน่อย แต่นึกขึ้นได้ว่าข้างบนก็มีเครื่องทำกาแฟ คุณจะเอาไหมฉันจะทำให้”
“ก่อนจะชงกาแฟคุณมาช่วยผมเลือกเสื้อผ้าก่อนดีไหม” “ปกติก็เห็นคุณเลือกเอง”
“ก็แต่ก่อนผมไม่ต้องเลือกครับ เพราะมันมีแต่สีดำและก็แบบเดิมๆ แต่ที่คุณซื้อมาเมื่อวานนอกจากจะไม่มีสีดำแล้ว แต่ละตัวยังแบบไม่ซ้ำกันอีกแล้วผมจะรู้ไหมว่าตัวไหนใส่คู่ตัวไหน”
“อย่ามาโบ้ยว่าเป็นความผิดของฉันนะ คุณบอกให้ฉันเลือก ฉันเลือกให้เองนะ ทีเมื่อวานไม่เห็นคุณจะท้วงตอนจ่ายเงิน”
“งั้นคุณช่วยเลือกให้ผมหน่อยได้ไหม นะครับ ผมเลือกไม่ถูกจริงๆ นะ” เขาทำหน้าอ้อนพลางเดินเข้ามากอดอย่างประจบ
“ปล่อยฉันก่อนค่ะ ถ้ากอดอย่างนี้จะเลือกได้ยังไง”
มาร์คัสยอมปล่อยจากนั้นเขาก็เดินตามเธอเข้ามาที่ห้องแต่งตัวซึ่งอยู่ระหว่างห้องนอนกับห้องน้ำ
“วันนี้จะออกไปไหนหรือเปล่าคะ”
“ไม่ครับ”
“งั้นก็ใส่ชุดสบายๆ แล้วกันนะคะ ชุดนี้เป็นไง” เธอหยิบเสื้อโปโลแบรนด์หรูสีขาวแต่งลายตรงปลายแขนเล็กน้อยกับกางเกงผ้าเนื้อดีสีน้ำตาลสั้นแค่เข่า
“ครับ” มาร์คัสรับมาอย่างไม่ค่อยแน่ใจ ห้าปีแล้วที่เขาไม่เคยใส่เสื้อผ้าสีอื่นนอกจากสีดำ
“ไม่ได้บังคับนะคะ ถ้าไม่ใส่ก็แล้วแต่” มิรันดาเห็นสีหน้าค่อนข้างลำบากใจของเขาแล้วก็ไม่อยากบังคับ
“ถึงผมไม่ยากใส่ก็คงต้องใส่ เพราะคุณเอาชุดสีดำผมไปทิ้งหมดแล้ว”
“ไม่ได้ทิ้งค่ะ แค่เก็บเอาไว้อย่างดี ในเมื่อคุณอยากเปลี่ยนฉันก็จะช่วยคุณเปลี่ยน แต่ถ้ามันฝืนจนเกินไป คุณจะกลับมาใส่แบบเดิมฉันก็ไม่ว่าอะไรหรอกค่ะ แค่อยากให้ลองเปลี่ยน อยากให้ลงออกมาจากเซฟโซนบ้าง เมื่อคืนคุณบอกว่าจะเล่าให้ฉันฟังว่าคุณเป็นใครมาจากไหนแล้วทำไมถึงชอบใส่แต่สีดำ”
“ถ้าวันนี้คุณว่างจากการดูซีรีส์ผมจะเล่าให้คุณฟังเอง”
“ฉันคิดว่าไม่ดูซีรีส์วันหนึ่งก็คงไม่เป็นไรหรอกมั้งคะ”
“งั้นตกลงครับ กินข้าวเสร็จแล้วผมจะเล่าให้ฟังว่าผมเป็นใคร มาจากไหนละทำไมต้องใส่ชุดสีดำ”
งานแต่งเล็กๆ ผ่านไปอย่างเรียบง่าย แม้หลายคนจะแปลกใจที่ทุกอย่างมันดูรวดเร็ว แต่เมื่อเห็นแววตาที่ทั้งสองคนมองกันและกัน ต่างก็ต้องยอมรับว่าความรักของคนนั้นสองนั้นสุกงอมมากแค่ไหนความรักและความจริงใจที่เฟลิกซ์แสดงออกนั้นทำให้เพื่อนครู และเพื่อนสมัยเรียนของมิรันดาต่างพากันอิจฉา แม้จะไม่มีงานแต่งที่เลิศหรู แต่เฟลิกซ็ก็มอบแหวนเพชรเม็ดโตให้กับเจ้าสาว รวมถึงชุดเครื่องเพชรอีกหลายต่อหลายชุด ที่เขามอบทุกอย่างให้เธอต่อหน้าแขกวันนี้ก็เพราะรู้ว่าถ้าให้สองต่อสองมิรันดาจะต้องไม่ยอมรับแน่ ๆ นอกจากเครื่องเพชรแล้วยังมีเงินในบัญชีอีกจำนวนหนึ่งซึ่งเฟลิกซ์ไม่ยอมให้มิรันดาเห็นจนกระทั่งเธอยอมรับจึงจะเปิดดูจำนวนเงินได้ “พี่เฟย์ รันว่ามันมากเกินไปนะคะ” “ถ้าไม่รับจำเพิ่มจำนวนนะครับ” เขากระซิบกลับจำนวนเงินมากขนาดนั้นทำให้แขกต่างสงสัยว่าชายหนุ่มเป็นแค่เจ้าของร้านจริงหรือเปล่า เฟลิกซ์เลยบอกกับทุกคนไปว่าแต่ก่อนเข้าเป็นนักธุรกิจทางด้านอสังหาริมทรัพย์จึงมีเงินมากขนาดนั้น แต่ตอนนี้เงินทุกบาททุกสตางค์ของเขาได้ยกให้มิรันดาไปหมดแล้วงานเลี้ยงเลิกในเวลาสี่ทุ่มเฟลิกซ์กับมิรันดาก็กลับ
วันนี้มาร์คัสพามิรันดามายังบ้านของจัสมินซึ่งกลับมาจากอิตาลีพร้อมกับจอมทัพ “พี่มาร์ค เรื่องมันเป็นยังไงกันแน่ ทำไมต้องทำตัวลึกลับแบบนี้ รู้ไหมว่าน้องกับรันเสียใจมากแค่ไหนที่รู้ว่าพี่จากพวกเราไปแล้ว พี่ใจร้ายมากที่ทำแบบนี้กับพวกเรา” “พี่ขอโทษนะจัสมิน พี่รู้ว่าเราต้องเสียใจมาก” “พี่วางแผนมานานแล้วใช่ไหมคะ” “พี่เคยวางแผนกับแพทริคไว้ แต่ไม่คิดว่าเรื่องจะเป็นแบบนี้ วันนั้นก่อนสลบพี่ก็เลยบอกให้โรแบร์โต้เป็นคนจัดการ พี่เองก็ไม่รู้ว่าตัวเองจะอยู่ในห้อง ICU นานขนาดนั้นแถมยังไฟไหม้ไปทั้งหน้า” “แล้วทำไมพี่ถึงไม่บอกน้องเรื่องนี่ละคะ น้องจะได้ไปดูแล” “พี่อยากให้ทุกอย่างเรียบร้อยก่อน ถ้าจัสมินกับมิรันเห็นหน้าพี่ก็คงพากันกลัวจนไม่กล้าเข้าใกล้” “ไม่มีใครคิดอย่างนั้นเลย แล้วจากนี้พี่จะเอายังไงต่อ พี่จะเป็นมาร์คัสมาเฟียหนุ่มหรือจะเป็นเฟลิกซ์เจ้าของร้านอาหาร” “พี่อยากเป็นมาร์คัสของจัสมินและมิรัน” “บอสครับ ผมว่าถ้าบอสคิดจะวางมือจริงก็ควรจะทิ้งทุกอย่างรวมทั้งตัวตนเดิมของบอสด้วย” จอมทัพที่นั่งฟังอยู่เสนอขึ้น
ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบ ก่อนที่เสียงเครื่องอบผ้าจะร้องเตือนว่าตอนนี้มันทำงานเสร็จแล้ว “เสื้อคุณแห้งแล้ว เดี๋ยวฉันเอามาให้นะคะ” “เดี๋ยวสิ มิรันคุยกับพี่ก่อน” “พี่เหรอคะ เราไม่สนิทกันขนาดนั้น” เธอแทบจะกรีดร้องด้วยความดีใจที่ได้ยินคำเรียกนั้นออกมาจากปากของเขา “มิรันครับพี่ขอโทษ ที่ปิดบังมิรันแต่พี่มีเหตุผล” “เอาไว้คุยกันวันหลังเถอะค่ะ คืนนี้ดึกแล้วคุณควรกลับบ้าน” “มิรันอย่าใจร้ายกับพี่เลยนะครับ ที่ผ่านมาพี่ยอมรับว่าพี่ผิดที่ไม่รีบกลับมาหามิรันตั้งแต่แรก” “แล้วทำไมอยู่ๆ ถึงกลับเข้ามาอีก” “พี่ยังจำเรื่องของเราไม่ได้ทั้งหมด แต่พอพี่เจอในสวนวันนั้นพี่ตกหลุมรักมิรันอีกครั้ง พอพี่บอกจะจีบรันก็บอกว่ามีสามีแล้ว พี่ยิ่งสับสนไปใหญ่ ดีใจที่มิรันยังรักพี่ แต่ก็เสียใจที่พี่จำเรื่องของเราไม่ได้” “แล้วทำไม่คิดจะบอกถ้ารันจับไม่ได้ก็จะโกหกไปแบบนี้เรื่อยๆ ใช่ไหม” “พี่กลัวว่ามิรันจะรังเกียจพี่ พี่ไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว ทั้งแผลเป็นที่ตัวและที่หน้า มันน่าเกลียดมาก” “มันไม่น่าเกลียดเลยเวลา
จัสมินโทรศัพท์มาหามิรันดาหลังจากที่เธอบินไปถึงอิตาลีได้เพียงสองชั่วโมง “โรแบร์โต้ยอมรับแล้วว่าเขาช่วยมาร์คัสออกมาจากรถคันนั้นจริง แต่ก่อนที่มาร์คัสจะหมดสติเขาบอกให้โรแบร์โต้แจ้งทุกคนไปว่าเขาเสียชีวิตแล้ว” “แต่ทำไม่เขาถึงไม่ติดต่อเรามาเลย เขาใจร้ายมากนะคะพี่จัสมิน เขาสนุกไหมที่เห็นเราเสียใจ” “รันฟังพี่ก่อนนะ” จัสมินเล่าให้ฟังต่อว่ามาร์คัสเจ็บหนักและนอนอยู่ในห้องICU ถึงสามเดือนเขาต้องทำศัลยกรรมหลายครั้งเพราะใบหน้าโดนเปลวไฟจนผิวหนังชั้นนอกได้รับความเสียหาย กว่าทุกอย่างจะเข้าที่เข้าทางก็ใช้เวลาเกือบหกเดือน “รันสงสารเขา ช่วงที่เขาลำบากรันไม่มีโอกาสได้อยู่ใกล้ ได้ดูแลเข้าเลย” จากที่จะโกรธกลายเป็นว่าเห็นใจที่เขาต้องต่อสู้อย่างโดดเดี่ยวตามลำพัง “ตอนนี้เขาไม่เป็นไรแล้วเขาแข็งแรงดีแล้ว พี่มีอีกเรื่องที่จะบอก” “อะไรคะ” “โรแบร์โต้บอกว่าเขาจำเรื่องราวก่อนหน้านั้นไม่ได้” “หมายความว่ายังไง” “พอเขาหายดีแล้ว โรแบร์โต้ก็ตามแพทริคมาเจอกับเขา แพทริคบอกเขาเรื่องของรัน แต่เขาไม่เชื่อว่าตัวเอ
หนึ่งเดือนที่ผ่านมาริมันดากลายเป็นลูกค้าประจำของร้านทิรามิสุ เพราะชนิศาขอย้ายออกไปอยู่กันแฟนทำให้เธอฝากท้องที่นั่นเกือบทุกวัน และความสนิทสนมของเธอกับเจ้าของร้านก็มีมากขึ้น เขามักจะเป็นคนเอาอาหารมาส่งให้เธอที่บ้าน หรือถ้าวันไหนเธอไปทานที่ร้านเขาก็จะดูแลเอย่างดี มิรันดาเลยถามเขาไปตรงๆ ว่าเขากำลังจะจีบเธอใช่ไหม และเมื่อรู้คำตอบเธอก็บอกให้เขาเลิกคิดเพราะไม่ว่ายังไงเธอก็ไม่มีทางมองผู้ชายคนอื่นอย่างเด็ดขาด แต่ดูเหมือนสิ่งที่เธอพูดนั้นจะไม่เข้าหูเขาเลยเพราะเขายังคงทำตัวเหมือนเดิม จนเธอเริ่มชินกับการมีเฟลิกซ์อยู่ข้างๆ ความรู้สึกเวลาที่อยู่ใกล้เขามันเหมือนกับตอนที่อยู่กับมาร์คัสจนบางครั้งก็เผลอคิดว่าเขาคือคนคนเดียวกัน และเธอก็จะต้องรู้ให้ได้เพราะไม่อยากจะปวดหัวมากไปกว่านี้อีกแล้ว วันนี้มิรันดาชวนจัสมินมาทานข้าวที่บ้านโดยสั่งอาหารจากร้านทิรามิสุและกำชับว่าให้เจ้าของร้านมาส่งเองเพราะเธอมีเรื่องจะคุยกับเขานิดหน่อย จอมทัพขับรถมาส่งจัสมินจากนั้นก็ขับรถออกไปตรวจงานที่ผับ ตอนนี้ที่บ้านหลังเล็กจึงเหลือสองสาวที่กำลังนั่งรออาหารด้วยความร้อนใจ
มาถึงร้านอาหารพี่ครูท่านอื่นก็กำลังเริ่มสั่งอาหารกันพอดี มิรันดาเข้าไปนั่งเก้าอี้ตัวที่ติดกับครูรัตนาซึ่งเป็นครูที่เธอสนิทที่สุดเพราะมาทำงานที่นี่ด้วยกันตั้งแต่วันแรก “สั่งอะไรเพิ่มไหมคะครูรัน” ครูวิลาวัลย์ถามคนที่เพิ่งมาถึง “เอาเท่าที่ครูหนิงสั่งก่อนก็ได้ค่ะ ถ้าไม่พอเราค่อยสั่งเพิ่มก็ได้ค่ะ ของหวานก็น่าสนใจนะคะ เมื่อวานรันสั่งไปทานที่บ้านเจลาโต้กับทิรามิสุก็อร่อยใช้ได้เลยค่ะ” “จริงสิ เราลืมได้ยังไงว่ามาร้านทิรามิสุก็ต้องสั่งทิรามิสุมากินด้วย” “หนูนามองหาอะไร” “ก็มองหาเจ้าของร้านน่ะสิครูหนิงบอกว่าเจ้าของร้านหล่อแต่นี่หนูนายังไม่เห็นมีใครหล่อเข้าตาเลยสักคน” “ลูกค้าเต็มร้านอย่างนี้ บางทีเจ้าของร้านคงกำลังยุ่งอยู่ก็ได้นะ” “นั่นสิ เราไปถ่ายรูปข้างนอกกันได้ไหมมีมุมถ่ายรูปเยอะเลย” “ไปสิ” สองสาวขอตัวออกไปถ่ายรูประหว่างที่รออาหารมาเสิร์ฟ ระหว่างนั้นมิรันดาก็เห็นคนรูปร่างคุ้นตาเดินเข้ามาพอดี “พี่มาร์ค” มิรันดาเรียก แต่เขาก็เดินผ่านไปโดยไม่สนใจ “รันรู้จักเหรอ แต่เหมือนเขาจะไม่