Masuk“ทำไมภาพของเราสองคน ถึงไปอยู่ในหัวของผม?” ปีเตอร์เป็นฝ่ายเปิดบทสนทนา ตั้งคำถามต่อข้อสงสัย “ภาพ?...ภาพอะไร?” หนูนาถามกลับอย่างไม่เข้าใจ “เราสองคนกำลัง เมคเลิฟกัน” คำตอบที่ตรงประเด็นของปีเตอร์ ทำให้หนูนาหยุดการนำอากาศเข้าปอดอย่างกะทันหันและทำตาโต และหน้าคงแดงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว “หายใจ” ปีเตอร์ต้องร้องเตือนเพราะเมื่อสิ้นคำคำตอบของเขา เธอก็จะฆ่าตัวเองตายซะด้วยการหยุดหายใจซะงั้น “น่ารักแฮะ” ปีเตอร์คิดในใจแบบขำๆ “............” ไม่มีคำตอบอะไรออกมาจากหนูนา แล้วจะให้ตอบอย่างไรละ “บอกว่า ใช่ เราสองคนมีอะไรกันทุกวันตั้งแต่ที่เราสองคนบอกรักกัน อย่างงั้นเหรอ คนบ้าฉันจะพูดมันไปได้อย่างไร มองเห็นเองก็หาความจำส่วนนั้นกลับมาเองเถอะคนบ้าพูดมาได้“เห็นภาพเราสองคนกำลัง เมคเลิฟกัน”” จ้างให้ก็ไม่พูดออกไปแน่นอน “ตกลงจะไม่บอกใช่หรือเปล่า” “.......”
Lihat lebih banyakปีเตอร์ดูดรั้งยอดเกสรดอกไม้ตูมตามอารมณ์และแรงการขยับมือนั้นที่จังหวะเปลี่ยนไปจนเร็วขึ้นเรื่อยๆ ความเสียวซ่านที่เกิดขึ้นในตัวของเขาทำให้ระบบการเต้นของหัวใจเป็นจังหวะที่เร็วขึ้น เขาผละออกจากดอกไม้ตูมหนูนาก็ขยับตามแต่มือเล็กทั้งสองยังไม่ยอมหยุดกระทำการต่อไปจนปีเตอร์แหงนหน้าพิงกับพนักโซฟาหายใจใบหน้าแดงก่ำจากการกระทำอย่างต่อเนื่องของมือเล็กๆของเธอ หนูนาเร่งจังหวะมือให้เร็วขึ้นเมื่อเสียงครางอย่างพึงพอใจของสามีดังออกมาอย่างต่อเนื่อง หนูนาผละมือออกข้างหนึ่งเพื่อที่จะดึงกางเกงยีนส์ออกจากสามีแต่มืออีกข้างก็ยังคงทำหน้าที่สร้างความกระสันเสียวซ่านให้กับสามีต่อไป ปีเตอร์ให้ความร่วมมือกับหนูนาเป็นอย่างดีจนตอนนี้ตัวเขาไม่มีอาภรณ์ชิ้นใดบนร่างกาย หนูนาแทรกตัวเองเข้าไประหว่างขาของปีเตอร์ที่เขาขยับให้กว้างขึ้น เธอย่อตัวคุกเข่าลงนั่งกับพื้นปากอิ่มเปิดกว้างและเข้าครอบครองแก่นกายที่ขยายพองตัวแข็งแรง และกระทำการสร้างความเสียวให้กับปีเตอร์เพิ่มเป็นทวีคูณ ป
“พ่อพีทครับ...ผมเก่ง...สมเป็นลูก...พ่อมั้ย...ครับ” คราวนี้เด็กชายอลันพูดเป็นภาษาอังกฤษ ปีเตอร์หันมายิ้มกับหนูนา “รักพ่อ...กับแม่มากๆ...ครับ” เด็กชายอลันโบกมือบ้ายบายกับกล้อง และกล่าวเป็นภาษาอังกฤษกับผู้เป็นพ่อ และเมื่อเขาพูดกับผู้เป็นแม่เขาจะพูดเป็นภาษาไทย หนูนาหันไปมองปีเตอร์และอดยิ้มไม่ได้ เมื่อคิดไปถึงเช้าวันหนึ่งที่จู่ๆ ปีเตอร์ตื่นนอนขึ้นมาและเขารู้สึกวิงเวียนศีรษะและมีอาการคลื่นไส้ “พีท...เป็นอะไรคะ...” หนูนารู้สึกตัวตื่น เมื่อได้ยินเสียงสามีอาเจียนอยู่ในห้องน้ำ “ขอโทษนะที่ทำให้หนูนาต้องตื่น...ผมไม่รู้เป็นอะไรจู่ๆก็คลื่นไส้” “อาหารเป็นพิษหรือเปล่าคะ?
ทีมที่ถูกจัดให้เดินทางไปประเทศไทยคือ โคล ฌอว์น และมาเรียที่เดินทางกลับมาพร้อมกับฌอว์น โดยที่มาเรียต้องปลอมตัวมา เพื่อไม่ให้เป็นที่เห็นของสมาชิกแก๊งของพ่อเธอและแน่นอนแผนนี้ อีธาน เบนเน็ต รู้เป็นอย่างดีและอีกคนในสมาชิกแก๊งที่รู้ก็คือ ดอม มือขวาของอีธานนั้นเอง เพราะดอมเป็นผู้อารักขาเด็กชายอลัน ซาวันเดอร์ ไปประเทศไทย และสมาชิกที่ติดตามไปอีกกว่าสิบคนจะเป็นคนของฌอว์นที่จะปะปนไปกับเครื่องบินที่จะบินไปประเทศไทยในวันนี้ เพราะเครื่องบินเที่ยวพิเศษถูกจองกว่าครึ่งลำเพื่อทีมอารักขาทุกคนโดยทันที แผนการณ์นี้ถูกเตรียมไว้ทันที เมื่อหนูนารู้ตัวว่าท้องและทุกอย่างยังคงดำเนินต่อไปเมื่อเด็กในท้องของหนูนาเป็นผู้ชาย เพราะเขาจะต้องเกิดมาเป็น อลัน เบนเน็ต ไม่ใช่ อลัน ซาวันเดอร์ แต่หนูนาไม่สามารถที่จะให้ลูกของตัวเองต้องเข้าไปเติบโตในแก๊งที่ยังคงเป็นสีเทา เพราะเธอไม่ต้องการให้ลูกของเธอต้องแปดเปื้อนกับสิ่งเหล่านี้ เพราะจนถึงตอนนี้ปีเตอร์เองก็เป็นเพียงทายาทเพราะอีธาน ยังคงรับตำแหน่งต่อไป เพราะอีธานเองก็คิดเหมือนหนูน
ปีเตอร์ หยุดยืนอยู่หน้าห้องโดยที่ยังไม่ผลักประตูเข้าไป เพราะว่าตอนนี้เขาเองก็รู้สึกอ่อนแอและเจ็บปวดเช่นกัน ปีเตอร์ได้รับแจ้งจากมาเซลหลังจากที่เขาทำการแสดงจบ ว่าลูกชายเขาหายตัวไปจากโรงพยาบาลในขณะที่เขากำลังวาดลวดลายทั้งร้องทั้งเต้นบนเวทีแสดงคอนเสิร์ตให้เหล่าแฟนเพลง มาเซลต้องรอให้เขาแสดงจบก็กว่าชั่วโมงแล้วที่ลูกเขาถูกลักพาตัวไป มาเซลได้ประสานงานกับทีมค้นหากันโดยตลอด ข่าวที่ลูกชายของเขาได้หายไปล่วงรู้ไปยังสมาชิกแก๊งมาเฟียแล้ว อีธาน เบนเน็ต ได้จัดทีมเฉพาะกิจขึ้นมาเพื่อติดตามหาหลานชายของตนเองทั่วทุกรัฐในอเมริกา ปีเตอร์ต้องเดินทางกลับจากลานคอนเสิร์ตด้วยเฮลิคอปเตอร์ที่ถูกส่งไปรอรับเขาทันที ปีเตอร์สูดหายใจยาวๆเข้าออกก่อน และเขาค่อยๆเอื้อมมือไปจับลูกบิดประตูและค่อยๆผลักเข้าไป พร้อมกับสมาชิกในวงที่ต่างก็เดินตามเขาเข้ามา หลังจากที่ไรอัลกับพอลได้พยุงตัวมาเซล ส่งให้กับการ์ดที่ยืนมองไม่ห่าง ต่างเข้ามาช่วยเพื่อพามาเซลไปทำแผล เหล่าสมาชิกต่างมองกลับมาที่
Ulasan-ulasan