“ทำไมภาพของเราสองคน ถึงไปอยู่ในหัวของผม?” ปีเตอร์เป็นฝ่ายเปิดบทสนทนา ตั้งคำถามต่อข้อสงสัย “ภาพ?...ภาพอะไร?” หนูนาถามกลับอย่างไม่เข้าใจ “เราสองคนกำลัง เมคเลิฟกัน” คำตอบที่ตรงประเด็นของปีเตอร์ ทำให้หนูนาหยุดการนำอากาศเข้าปอดอย่างกะทันหันและทำตาโต และหน้าคงแดงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว “หายใจ” ปีเตอร์ต้องร้องเตือนเพราะเมื่อสิ้นคำคำตอบของเขา เธอก็จะฆ่าตัวเองตายซะด้วยการหยุดหายใจซะงั้น “น่ารักแฮะ” ปีเตอร์คิดในใจแบบขำๆ “............” ไม่มีคำตอบอะไรออกมาจากหนูนา แล้วจะให้ตอบอย่างไรละ “บอกว่า ใช่ เราสองคนมีอะไรกันทุกวันตั้งแต่ที่เราสองคนบอกรักกัน อย่างงั้นเหรอ คนบ้าฉันจะพูดมันไปได้อย่างไร มองเห็นเองก็หาความจำส่วนนั้นกลับมาเองเถอะคนบ้าพูดมาได้“เห็นภาพเราสองคนกำลัง เมคเลิฟกัน”” จ้างให้ก็ไม่พูดออกไปแน่นอน “ตกลงจะไม่บอกใช่หรือเปล่า” “.......”
Узнайте больше“เฮ้ย...เสร็จสักที” หนูนา หรือ นีน่า ถอนหายใจอย่างโล่งอก หลังจากทำความสะอาดห้องพักนักร้องชื่อดังของอเมริกา ที่ตอนนี้ไปทัวร์คอนเสิร์ตมีกำหนดกลับวันนี้ หนูนา หรือ นีน่า ที่ต้องมีสองชื่อเพราะตอนนี้เธอกำลังศึกษาระดับปริญญาโทอยู่ที่ประเทศอเมริกาด้วยแหล่งเงินทุนของตัวเอง จึงต้องหางานทำระหว่างเรียนสำหรับค่าอยู่ค่ากิน ‘นีน่า’ จึงเป็นชื่อที่คนที่นี่ใช้เรียกเธอ เพื่อง่ายต่อการออกเสียงสำหรับชาวตะวันตก
วันนี้เธอรีบเข้าสตูดิโอของค่ายเพลงดังแห่งหนึ่งในอเมริกา เพื่อรีบจัดการงานที่ได้รับว่าจ้างเพราะช่วงบ่ายเธอมีเรียน หนูนาได้งานที่นี่เมื่อสองอาทิตย์ก่อนจากการช่วยเหลือของรุ่นพี่ในมหาวิทยาลัยเดียวกัน ที่ช่วยแนะนำให้ในตำแหน่งพนักงาน Part Time ที่ดูแลเรื่องทั่วไปที่เกี่ยวกับการทำความสะอาด สำหรับหนูนางานจะหนักแค่ไหน เธอไม่เกี่ยงอยู่แล้ว ขอให้เป็นงานสุจริตเพราะการเป็นนักศึกษาจะหางานทำในต่าแดน...มันไม่ง่ายเลย
เกือบสองเดือนแล้วที่เธอเข้ามาเป็นนักศึกษาในอเมริกา ตอนนี้เธอกำลังเรียนปรับภาษาปรับพื้นฐานให้ครบสามเดือน เธอจะต้องอยู่ที่นี่อีกสองปีตามหลักสูตรการศึกษา ด้วยค่าครองชีพที่สูงสำหรับหญิงสาวที่มีต้นทุนชีวิตที่ต่ำ เธอทำงานหาเงินเรียนตั้งแต่เริ่มเรียนมหาวิทยาลัยในเมืองไทยแล้ว และหลังจากเรียนจบก็ทำงานในบริษัทเอกชนแห่งหนึ่งในเมืองไทย เพื่อเก็บเงินเก็บประสบการณ์ เพื่อที่จะมาเรียนต่อที่อเมริกา
หนูนายังหารายได้พิเศษจากการเป็นนักเขียนนวนิยาย นามปากกาว่า ‘รุ่งอรุโณทัย’ ให้กับสำนักพิมพ์ในไทยด้วย ถึงแม้ผลงานของเธอจะมีออกมาแค่สองเล่ม แต่ก็เป็นที่ชื่นชอบและมียอดจำหน่ายระดับที่พอให้เธอมีเงินทุนในการเรียนต่อ ตอนนี้เธอพักงานเขียนมากว่าห้าเดือนแล้ว เนื่องจากไม่มีเวลาและยังคิดเรื่องใหม่ไม่ออก ซึ่งทางสำนักพิมพ์ได้สอบถามเธอมาเป็นระยะเช่นกัน
ทันใดนั้นเมื่อสายตาเหลือบหันไปมองนาฬิกาข้างผนัง “ว้ายยยย!!!!...สายแล้ว” ร้องบ่นกับตัวเองเป็นภาษาไทยรีบเก็บของและหยิบเป้คู่ใจวิ่งออกจากห้องไป โดยไม่รู้ตัวว่าได้ทำบางอย่างร่วงจากช่องกระเป๋าเล็กของเป้ที่ปิดไม่สนิท
“แกร้ง...”
หลังจากหนูนาออกไปได้ไม่นาน ประตูห้องพักก็ถูกผลักเข้าอีกครั้งโดยเจ้าของห้องในสตูดิโอแห่งนี้ ซึ่งหลังจากผ่านการทัวร์คอนเสิร์ตตลอดสองเดือนที่ผ่านมาของทวีปเอเซียในหกประเทศ ปีเตอร์ มาร์ส นักร้องหนุ่มที่กำลังถูกกล่าวถึงเป็นอย่างมากอีกหนึ่งคน ด้วยวัยยี่สิบเก้าปี อเมริกันโดยแท้ มากมายด้วยความสามารถทั้งในการร้องเพลง เล่นดนตรี แต่งเพลง แต่กลับมีเบื้องหลังชาติกำเนิดที่ไม่ธรรมดาเหนือกว่าความสามารถทางดนตรี...และอีกทั้งยังเพียบพร้อมในเรื่องของรูปร่างหน้าตาที่ทำให้สาวๆเห็นแล้วต้องโหวตให้เขาติดอันดับหนึ่งในสิบของผู้ชายเซ็กซี่ที่เป็นที่ต้องการของหญิงแท้และหญิงเทียม
“อืม!...” ทันทีที่ปีเตอร์ก้าวเข้ามาก็แปลกใจกับสภาพห้องที่เปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด ความสะอาดเป็นระเบียบที่มีมากกว่าที่ผ่านมา มีกลิ่นหอมอ่อนๆเมื่อได้กลิ่นแล้วก็รู้สึกผ่อนคลาย พร้อมด้วยแจกันดอกไม้ที่มีดอกไม้สดที่เขาก็ไม่แน่ใจในชื่อเพราะมีหลายชนิด แต่ที่แน่นอนคือดอกกุหลาบสีขาวที่มีมากกว่าดอกไม้ชนิดอื่น เห็นแล้วทำให้รู้สึกสดชื่นขึ้นไปอีก
WOW!!!
THE GOODNESS!!!!
เมื่อสมาชิกในวงต่างก็เดินตามกันมาร้องอุทานด้วยความประหลาดใจ ต่างก็คิดว่า...เกิดอะไรขึ้นกับห้องพักของพวกเขากัน
จอนนี่ หนึ่งสมาชิกในวงก็ถอยออกมาจากห้อง เพื่อมองขึ้นไปที่ป้ายตรงประตูว่า...ใช่ห้องพักของพวกเขาไหม? เพราะอาจเป็นไปได้ที่พวกเขาจะเข้าผิดห้องแต่เมื่อเห็นป้ายก็ยังเป็นชื่อ ปีเตอร์ มาร์ส ไม่ผิด!! แล้วมันเกิดอะไรขึ้นกับห้องของพวกเขา หลังจากกลับทัวร์คอนเสิร์ตครั้งนี้
ปีเตอร์ซึ่งตอนนี้อยู่ข้างหน้าทุกคน เดินไปที่โซฟาที่วางอยู่ริมห้องอีกฝั่ง ขณะที่กำลังจะนั่งก็รู้สึกถึงว่ากำลังเหยียบอะไร ก้มมองดูเห็นเป็นพวงกุญแจมีกุญแจอยู่สามดอกที่มีพวงกุญแจเป็นตุ๊กตาเด็กผู้หญิงตัวเล็กผมหยิกยาวในชุดเอี๊ยมกางเกงยีนส์ขายาว และตรงหน้าอกปักตัวอักษรที่เขาอ่านไม่ออก แต่จากที่เขาพึ่งไปทัวร์คอนเสิร์ตล่าสุด ซึ่งหนึ่งในนั้นมีประเทศไทย น่าจะเป็นภาษาไทยเพราะพอคุ้นๆอยู่บ้าง
“อะไร?” สตีฟ อีกหนึ่งสมาชิกในวงถามหลังจากเดินมานั่ง
“กุญแจนะ คงเป็นของใครมาทำตกไว้” ขณะที่พูด ตาก็มองอยู่ที่หน้าตุ๊กตาแอบยิ้มนิดๆ โดยที่ไม่มีใครได้ทันสังเกตุเห็นรอยยิ้มนั้น และคิดว่า ‘น่ารักดี!’
“ว่าแต่ว่า มันเกิดอะไรขึ้นในห้องพักของพวกเรากัน” ไรอัล สมาชิกอีกคนหนึ่งที่อายุมากที่สุดในวงด้วยวัยสามสิบสองปี กล่าวออกมาด้วยเสียงที่ราบเรียบตามลักษณะนิสัยที่ใจเย็น
“ก๊อก..ก๊อก!!!” ซึ่งยังไม่มีใครได้พูดหรือถกเถียงกันต่อถึงห้องพักที่เปลี่ยนไป เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นเพื่อขออนุญาตเปิด ปรากฎร่างชายใส่สูทชาวอเมริกันเข้ามา
“เป็นไงบ้างทุกคน คงเหนื่อยกันละสิ” ทักด้วยร้อยยิ้ม และกวาดสายตามองรอบๆห้องพร้อมกับยิ้มและคิดในใจ “นีน่าใช้ได้จริงๆ” เพราะตัวเขาเองก็ไม่ได้เข้ามาห้องนี้นานกว่าสองอาทิตย์แล้ว ครั้งสุดท้ายก็ตอนที่พานีน่ามา
“สวัสดีครับ...นิดหน่อยครับ” ไรอัลหันไปมองและทักทายพร้อมตอบคำถามแทนทุกคนเป็นประจำอยู่แล้ว เพราะใครจะรู้นักร้องของวงอย่างปีเตอร์กลับเป็นคนที่พูดน้อยที่สุด เขาจะนั่งเงียบๆ แต่เมื่อขึ้นเวทีเขากลับเป็นอีกคนไม่ว่าจะร้องเพลงและคุยกับแฟนเพลงพร้อมด้วยรอยยิ้มที่แทบจะไม่มีใครได้เห็นเลยถ้าเป็นเวลาอื่น
“คุณเอียน พอจะทราบไหมครับ...ว่าเกิดอะไรขึ้นที่นี่” พอล สมาชิกคนสุดท้ายของวงที่อายุน้อยที่สุดเพียงยี่สิบห้าปี เป็นฝ่ายเอ่ยถาม ซึ่งจอนนี่และสตีฟพวกเขาเป็นเพื่อนรุ่นเดียวกันกับปีเตอร์
ปีเตอร์เมื่อได้ยินก็ละสายตาจากตุ๊กตาพวงกุญแจในมือมองมาที่เอียน ผู้จัดการที่กำลังเดินมานั่งที่เก้าอี้ที่ว่างใกล้ๆ อย่างคุ้นเคยโดยไม่จำเป็นต้องเชิญ
“ นีน่า นักเรียนไทยที่มาทำงานพาร์ทไทม์ที่นี่ เธอมีหน้าที่ดูแลพวกคุณและทุกอย่างในสตูดิโอแห่งนี้ สงสัยคงมีเรียนคิดว่าพรุ่งนี้คงได้เจอกัน แล้วจะมาแนะนำให้พวกคุณรู้จัก” เมื่อได้รับคำตอบทุกคนต่างก็พยักหน้าเป็นที่รับรู้ และคุยกันในเรื่องการทัวร์คอนเสิร์ตที่ผ่านมาเป็นปกติ และเป็นที่รู้และเข้าใจว่าหนึ่งในนั้นจะมีผู้ฟังที่ดี นานๆจะมีคำพูดออกมาเมื่อจำเป็นต้องแสดงความเห็นความคิดและตอบคำถามต่อผู้ร่วมงานที่เปรียบเสมือนพี่น้อง ที่รู้จักและร่วมงานกันมากว่าแปดปีแล้ว
“อื้ม...!ช่วย…ด้วย” หนูนาพยายามร้องขอความช่วยเหลือ เธอรู้สึกเหมือนกำลังถูกดูดลงสู่ก้นบึ้งสายธารา หนูนาพยายามจะถีบตัวเองและแวกว่ายขึ้นสู่ผิวน้ำ แต่เหมือนมีบางอย่างเป็นเงามืดกดทับตัวไว้ แล้วจู่ๆบริเวณหน้าท้องก็ร้อนวูบวาบบอกไม่ถูก ทั้งๆที่ตอนนี้เธอกำลังดำดิ่งสู่ความมืดมิดใต้ผิวน้ำ แต่แปลกทำไมใต้น้ำถึงมีฝูงผีเสื้อบินในน้ำได้ และนี้เธอก็จมมาหลายนาทีแล้วทำไมเธอยังรับรู้ถึงความรู้สึกวูบวาบไปทั้งตัว มันควรจะหนาวสิไม่ใช่ร้อนดั่งโดนไฟเผาแบบนี้ “อ๊ะ!!!....” หนูนาตกใจเมื่อทั้งแขนทั้งมือในฝันเธอกำลังแวกว่ายที่กำลังพยายามจะเอาชีวิตรอดกลับกลายเป็นว่ากำลังโอบจับอะไรบางอย่าง หนูนาค่อยๆลืมตาขึ้นที่นี่มันห้องนอนไม่ใช่ใต้ผิวน้ำ และปีเตอร์กำลังคลอเคลียดอมดมบริเวณลำคอของเธอ “พีท” หนูนาเอ่ยออกไป เมื่อตอนนี้ปีเตอร์กำลังไล่ลงไปที่ดอกไม้ตูมซึ่งกำลัง ชูชันต้อนรับเขา ปีเตอร์ไม่รอช้าทั้งดูดทั้งกัดเพื
หนูนาได้แต่ค่อยๆเดินไปที่ตู้เสื้อผ้าและเปิดมันทีละตู้ “มันจะมีที่ให้กับเสื้อผ้าของเธอเหรอเปล่านะ แล้วข้าวของเธอเนี่ยมันจะคู่ควรกับสถานที่ข้างใน เหรอเปล่า” คิดอย่างปลงๆ อีกครั้ง “เอ๊ะ!...” ร้องออกมาทันที นี่มันเสื้อผ้าผู้หญิงยังใหม่เหมือนยังไม่ผ่านการใช้งานเลยมากมายหลายแบบ ทั้งชุดกระโปรงที่หนูนาไม่มีมันเลยในกระเป๋าเดินทางที่เธอขนมาจากเมืองไทย แต่ใช่ว่าเธอจะไม่ใส่กระโปรง แต่ที่อเมริกาเธอยังไม่เคยใส่มันเลยสักครั้ง หนูนาไม่เสียเวลาคิดเลยว่ามันจะเป็นของผู้หญิงคนอื่น ความเชื่อมั่นในตัวเขาอยู่ๆมันก็มาแบบไม่ทันตั้งตัวเลย แต่แค่แปลกใจและคาดไม่ถึงว่าเขาจะใส่ใจเธอได้มากมายขนาดนี้ แต่ว่าเสื้อผ้าพวกนี้มันมาได้ไง? เพราะเมื่อเช้ามันยังไม่มีและตัวเขาก็ต้องไปแสดงคอนเสิร์ต และกลับเข้ามาพร้อมกัน คิดแบบนั้นก็ได้แต่หันไปที่ประตูห้องน้ำที่ยังคงปิดสนิท เมื่อตอนนี้ไม่รู้จะไปหาคำตอบจากที่ไหนได้ ก็ตัดสินใจไปเปิดกระเป๋าจัดของเข้
“งั้นก็มานั่งรอตรงนี้ หนูนาอยากทานอะไร” ปีเตอร์ได้แต่เลิกคิ้วและให้เธอมานั่งเก้าอี้ตรงหน้าท๊อป ถามออกไปแล้วยิ้มมองหน้าเธอรอคำตอบ“อืม...พีท ทำอะไรได้บ้าง”“ก็หลายอย่างยกเว้นอาหารไทย เฉพาะตอนนี้นะ ผมจะฝึกทำอาหารไทยให้ หนูนาได้ทาน แต่ขอเวลาสักหน่อยนะคนดี”“ค่ะ...อะไรก็ได้ค่ะ หนูนาทานได้ทุกอย่าง” ตอบไปและยิ้มกว้างด้วยความดีใจ “โอเค งั้นรอสักครู่”หลังจากนั้นปีเตอร์ก็เดินไปเปิดตู้เย็นหยิบของสดออกมาอย่างคล่องแคล่ว หนูนามองภาพนั้นอย่างเพลิดเพลินนี่ก็คงเป็นอีกอย่างในตัวผู้ชายคนนี้“พีท ดูคล่องแคล่วจัง” หนูนาพูดออกไปตามที่เห็นปีเตอร์หันมายิ้มและพูดต่อว่า “ผมชอบทำอาหารกินเอง ไม่ชอบออกไปข้างนอกให้วุ่นวาย ช่วงเวลาหลังจากทำงานผมก็จะกลับมาที่นี่”“ที่นี่? เอ่อ....พีทพูดเหมือนกับว่าที่นี่ไม่ใช่บ้านของพีท”“ไม่ใช่บ้าน แต่ที่นี่เป็นของผม แต่ไม่ใช่บ้าน แล้วผมจะพาหนูนาไปที่บ้านผมนะครับ” เขาบอ
“นี้เขากำลังบอก ‘รัก’ เราหรือเปล่า? แล้วเคยคิดจะถามเรามั้ย? ว่าอยากได้มั้ย?” หนูนาคิดได้แค่นั้นแต่เป็นความคิดที่ค่อนข้างเข้าข้างตัวเองสุดๆ ไม่ใช่ว่าจะไม่รู้สึกดีนะ แต่ที่เงียบไม่รู้จะพูดอะไรต่อจริงๆ เขามาไม้นี้ไปต่อไม่ถูกเลย และรู้สึกถึงอุณภูมิสูงที่ใบหน้าอีกแล้ว สำหรับปีเตอร์ถึงแม้จะไม่มีคำพูดอะไรออกมาจากหนูนา แต่เขาก็รับรู้ถึงความผ่อนคลายในตัวเธอได้ หลังจากนั้นต่างก็ไม่มีคำพูดใดๆ จนกระทั่งรถเลี้ยวเข้ามาจอดที่ประจำใต้อาคารคอนโดหรู ปีเตอร์ก็ไปยกกระเป๋าที่มีเพียงใบเดียวมือหนึ่งก็ลากกระเป๋า อีกมือก็ไปขว้ามืออีกข้างของหนูนาและจูงมือเดินไปที่ลิฟท์ พอถึงหน้าลิฟท์ก็ก้มหน้ามาทาง หนูนาและยิ้มไปด้วย“หนูนาจ๋า กดลิฟท์หน่อยสิจ๊ะ” หนูนารีบหันควับไปมองหน้าเจ้าของเสียงนั้นทันที “มีอารมณ์แบบนี้ด้วยเหรอ” ได้แต่คิดและยิ้มตอบกลับใบหน้านั้นที่หันมายิ้มรออยู่แล้วเอื้
เมื่อหนูนาเดินไปที่ส่วนของห้องครัวที่เมื่อวานเธอไม่ได้สนใจมันเลยออกแบบสไตล์โมเดิ้ลโทนดำเงา เหมาะและลงตัวกับห้องนี้จริงๆและที่ท๊อบของครัว หนูนาก็เห็นกระดาษโน๊ตแปะไว้บนฝาครอบอลูมิเนียมสีเงิน“ทานให้อร่อยนะครับ หนูนา” เมื่อเปิดออกเป็นอาหารเช้าแบบอเมริกัน ทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นไข่ดาว ไส้กรอก ข้าวกระเทียม เป็นรูปหัวใจจนหนูนาอดยิ้มไม่ได้ ก่อนจะทานก็ขอถ่ายรูปเก็บเป็นที่ระลึกสักหน่อย เลยหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเก็บภาพ และลงมือกินอย่างอร่อยเสร็จก็เก็บล้างเก็บเข้าที่เรียบร้อย และเตรียมกำลังจะออกไปจากห้องนี้เพราะเธอต้องเดินทางไปเรียนอีก แต่ก็เหมือนจะนึกได้ว่าแล้วเธอจะออกจากห้องนี้ได้อย่างไร...แต่แล้วสายตาก็ไปเห็นกระดาษอีกใบที่โต๊ะอาหาร“คีย์การ์ดเข้าออกห้องนี้ ใบนี้เป็นของหนูนาและพร้อมรหัสลิฟท์ที่จะพาคุณขึ้นมาที่นี่ จำให้ได้นะ! และสองทุ่มวันนี้ผมจะไปรับที่หอพัก เก็บแต่ของที่จำเป็น และแจ้งย้ายออกจากเจ้าของห้องไปเลยนะ และย้ายเข้ามาอยู่ด้วยกันตั้งแต่วันนี้ไป สองทุ่มนะถ้าเก็บไม่เสร็จเท่าไหร่ก็เท่านั้น พีท...” &ld
ปีเตอร์เดินกลับมาพร้อมผ้าขนหนูผืนใหญ่สีขาวได้กลิ่นหอมอ่อนๆของน้ำยาปรับผ้านุ่มกับเสื้อแขนยาวสีน้ำเงินตัวใหญ่ส่งให้เธอ และพาเธอเดินไปอีกประตูอีกฝั่งของห้อง เดาได้ไม่ยากห้องน้ำนั่นเองเปิดประตูพร้อมหันมาพูด “ใช้ได้ทุกอย่าง” และเอื้อมไปหยิบแปรงสีฟันที่มีเพียงหนึ่งบีบยาสีฟันแล้วส่งให้เธอพร้อมกับยิ้มหนูนารับมา “แปรงสีฟันอันเดียวกัน”ได้แต่คิดในใจไม่กล้าพูดออกไปเพราะยังจำประโยคสุดท้ายของเขาที่กระซิบข้างหูได้ “หนึ่งคำถามแลกด้วยหนึ่งจูบ และถ้ามากกว่าหนึ่งคำถามคำตอบแลกด้วยตัวหนูนาทั้งตัว” “ยี่สิบนาทีเท่านั้น ถ้ายังอาบไม่เสร็จจะเข้ามาช่วย” แล้วปีเตอร์ก็ออกจากห้องน้ำพร้อมปิดประตู หนูนาก็เริ่มขั้นตอนแรกทันทีเมื่อได้ยินแบบนั้น คือ แปรงฟัน ตามเ
Комментарии