ณ สถานีขนส่งผู้โดยสารจังหวัดขอนแก่นแห่งที่ 3
ขาเล็กก้าวลงจากรถโดยสารประจำทางปรับอากาศพลางส่ายหัวให้เหล่ารถมอเตอร์ไซค์รับจ้างที่กรูกันเข้ามาถามว่าจะเดินทางไปที่ไหนต่อ
4 ปีแล้วสินะที่เธอไม่ได้กลับมาเหยียบจังหวัดภูมิลำเนาของตนเอง
ปี๊ดๆ!
เสียงบีบแตรดังขึ้นไม่ไกลก่อนดวงตากลมจะหันไปเห็นรถกระบะสีเขียวเข้มอันแสนคุ้นตา รถยนต์คันเก่าไร้กระจกตรงประตูทั้งสองข้างเผยให้เห็นใบหน้าของชายอายุ 48 ปี
‘บุญเกื้อ ทิพย์ลออ’
บิดาของบุญแก้ว ผู้ทำอาชีพชาวนาและรับจ้างทั่วไปเพื่อหาเงินเลี้ยงลูกตั้งแต่ตีนเท่าฝาหอยจนเติบโตเป็นสาววัย 27 ปี
“พ่อ! หวัดดีจ้า”
“ไหว้พระสาลูก มาขึ้นมา”
ชายผอมบางผิวคล้ำกร้านแดดกวักมือเรียกลูกสาวให้ขึ้นไปนั่งตรงเบาะด้านข้าง
หมับ!
“คึดฮอดแท้” (คิดถึงจัง)
“คึดฮอดอีหล่าคือกัน” (คึดถึงหนูเหมือนกัน)
พ่อลูกกอดกันกลมด้วยความคิดถึง รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนริมฝีปากสีหม่น นานแค่ไหนแล้วที่บุญเกื้อไม่ได้เจอหน้าลูกสาว
“ปะ เมือบ้าน แม่ใหญ่เกิดส่องทางถ่าโดนแล้ว” (ปะ กลับบ้าน ย่าเกิดส่องทางรอนานแล้ว)
ในชีวิตของบุญแก้ว บุพการีที่ยังมีชีวิตและเปรียบเสมือนโลกทั้งใบของหญิงสาว ก็คือพ่อและย่า
“มาแล้วเบาะ มา ๆ กินเข่าเที่ยงพอดี” (มาแล้วเหรอ มา ๆ กินข้าวเที่ยงพอดี)
หมับ!
“คึดฮอดหล่าบ่” (คิดถึงหลานมั้ย)
“คึดฮอดตั๊ว หลานผู้เดียวแหม” (คิดถึงสิ หลานคนเดียวอะ)
บุญแก้วเปิดประตูลงจากรถพลางพุ่งเข้าไปกอดหญิงอาวุโสร่างท้วมวัย 69 ปี ผู้เปรียบเสมือนแม่แท้ ๆ
หลังจากที่ต้องเสียมารดาไปเพราะอาการเจ็บป่วย ก็มีเพียง ‘ย่าบุญเกิด ทิพย์ลออ’ ที่ดูแลทารกน้อยอย่างทะนุถนอม
“เอาจั่งใด๋บาดหนิ” (เอายังไงทีนี้)
หญิงมีอายุทักขึ้น ท่านตกใจตั้งแต่รู้ข่าวทางโทรศัพท์ว่าหลานสาวหย่าขาดกับสามี และลาออกจากงานเรียบร้อย แต่ด้วยความเป็นห่วงหลานเพียงคนเดียวท่านเลยบอกให้บุญแก้วกลับมาตั้งหลักอยู่บ้านก่อน
“ขอพักจักหน่อยก่อนเด้อแม่ บาดหนิบ่เฮ็ดดอกงาน สิหาผัวรวยเอาโลด” (ขอพักสักหน่อยก่อนนะแม่ คราวนี้ไม่ทำแล้วงาน จะหาผัวรวยเอาเลย)
“เอาจั่งซั่นติ มีแม่หมอมาเปิดสำนักใหม่อยู่ท้ายหมู่บ้าน มา ๆ สิพาไปเบิ่งนำเลาจักหน่อยกะดู๊ มันสิเป็นแนวใด๋ผัวรวยหนิ” (เอางั้นเหรอ มีแม่หมอมาเปิดสำนักใหม่อยู่ท้ายหมู่บ้าน มา ๆ จะพาไปดูกับแกสักหน่อย มันจะเป็นยังไงผัวรวยเนี่ย)
ข้าวปลาไม่ใช่สิ่งที่น่าสนใจอีกต่อไปเมื่อบุญแก้วจุดประเด็นให้ผู้เป็นย่านึกฮึกเหิมขึ้นมา
มือยับย่นคว้าเอาข้อมือหลานสาวพลางเดินนำไปยังรถจักรยายนต์พ่วงข้างหรือที่ชาวบ้านเรียกกันว่า ‘รถซาเล้ง’
“มาแหมะบักเกื้อ มาพากูกับหลานไปหาแม่หมอทองย้อยแหน่” (มาสิไอ้เกื้อ มาพากูกับหลานไปหาแม่หมอทองย้อยหน่อย)
“แม่ใหญ่อันนี้กะดาย ลูกข่อยทันได้กินฮอดเข่าฮอดน้ำกะสิพาไปหาหมอดู” (ยายคนนี้นี่ ลูกผมยังไม่ทันได้กินข้าวกินน้ำก็จะพาไปหาหมอดู)
บุญเกื้อบ่นตามหลังผู้เป็นมารดาที่พาลูกสาวขึ้นไปนั่งรอตรงส่วนบรรทุกด้านข้างของมอเตอร์ไซค์คันเก่าเป็นที่เรียบร้อย
เห็นดังนั้นลมหายใจอุ่นพลันพ่นพรวดออกมาอย่างปลงตก
“ว่าจั่งใด๋แม่ใหญ่ อยากเบิ่งอิหยังให้ไผ” (ว่ายังไงยาย อยากดูอะไรให้ใคร)
แม่หมอทองย้อย หรือ หมอดูหญิงอายุราว 50 ต้น ๆ ผู้สวมชุดผ้าฝ้ายสีน้ำเงินเข้มคาดด้วยสไบผ้าขาวม้าลายตารางสีแดงสลับขาวและผ้าซิ่นสีดำทึบ นั่งอยู่ในท่าขัดสมาธิพลางเอ่ยถามย่าบุญเกิดที่พาหลานสาวนั่งนบนั่งไหว้อย่างนอบน้อม
“อั่นแม่หมอ เบิ่งให้แหน่ว่าหลานสาวสิมีผัวรวยบ่ซาดนี้ ข่อยอยากให้มันส่ำบาย” (คือแม่หมอ ดูให้หน่อยว่าหลานสาวจะมีสามีรวยมั้ยชาตินี้ ฉันอยากให้มันสบาย)
“ใด๋ บอกวันเดือนปีเกิดมาเบิ่งดู๊อีหล่า” (ไหน บอกวันเดือนปีเกิดมาซิแม่หนู)
บุญแก้วบอกวันเดือนปีเกิดกับแม่หมอก่อนหญิงมีอายุจะคำนวณอะไรบางอย่างในสมุด
กลิ่นธูปโชยไปทั่วทั้งสำนักชั้นเดียวที่มีรูปปั้นของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่าง ๆ วางอยู่ตรงแท่นด้านหลัง
ผ่านไปสักพักรอยยิ้มพลันผุดขึ้นบนใบหน้าอิ่มเอิบของแม่หมอร่างท้วมพอ ๆ กับย่าของเธอ
“มื้อนี้ล่ะ มื้อนี้!” (วันนี้แหละ วันนี้!)
“มื้อนี้อิหยังแม่หมอ” (วันนี้อะไรแม่หมอ)
“ผัวรวยสิมาแล้วแม่ใหญ่ เป็นลูกเคิง ไฮโซ สิพ้อมื้อนี้ล่ะ!” (สามีรวยจะมาแล้วยาย เป็นลูกครึ่ง ไฮโซ จะเจอวันนี้แหละ)
สิ้นคำประกาศของแม่หมอ ดวงตาของย่าบุญเกิดก็ทอประกายระยิบระยับขึ้นมาทันที ต่างกับบุญแก้วที่ขมวดคิ้วมุ่นอยู่ด้านข้าง
จะเจอผัวรวยวันนี้?
อะไรมันจะสั่งได้ขนาดนั้น เธอไม่ได้ลบหลู่ แต่คำนายของแม่หมอมันฟังดูเป็นไปได้ยากเหลือเกิน
เย็นวันนั้น
เอี๊ยด!
“ถึงแล้วครับนาย”
รถซีดานสีดำเงาวับสัญชาติเยอรมันจอดลงตรงหน้าบ้านกึ่งปูนกึ่งไม้สองชั้น โดยชั้นล่างเปิดเป็นร้านขายของชำขนาดเล็ก
ดวงตาคมก้มลงมองไอแพดในมือด้วยสายตาเรียบนิ่ง เทพทัตเพิ่งกลับมาจากการเจรจาทางธุรกิจที่กรุงเทพฯ และได้รับรายงานจากลูกน้องมาว่า ลูกหนี้รายหนึ่งมียอดค้างชำระทั้งต้นทั้งดอก ซึ่งกู้มาจากบริษัทของชายหนุ่มหลายเดือนแล้ว
แต่เพราะกู้ผ่านทางแม่ของเขา ทำให้ไม่มีใครกล้าบากหน้ามาทวง เทพทัตเลยต้องมาเยือนบ้านหลังนี้ด้วยตัวเอง
ถึงผู้เป็นมารดาจะนึกสงสาร แต่เขาไม่
ยืมก็ต้องคืน ไม่มีเงินก็ต้องใช้แรง ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ไม่ใช่ให้เจ้าหนี้เงินกู้นอกระบบอย่างเขาคว้าน้ำเหลวกลับมา
พรวด!
เรือนขายาวก้าวลงจากรถก่อนจะหันไปสำรวจด้านในบริเวณร้านชำ
“หืม?”
จู่ ๆ ดวงตาคมดุจเหยี่ยวดันไปสะดุดเข้ากับร่างเล็กซึ่งกำลังนั่งยกขวดแก้วสีน้ำตาลขึ้นกระดกอยู่บนแคร่ไม้ไผ่ด้านหน้า
ใบหน้ามนสวยแม้ไร้เครื่องสำอางจัดจ้านเหมือนคืนนั้น แต่ท่ายกแอลกอฮอล์เข้าปากแบบนั้น เทพทัตจำได้ขึ้นใจ
“ผู้หญิงคนนั้น?”
“เห็นว่าเป็นลูกสาวของนายบุญเกื้อครับ”
“อืม”
อคินรายงานข้อมูลที่ได้รับมาจากทางบริษัทเมื่อผู้เป็นนายเอ่ยขึ้นเหมือนตั้งคำถามถึงผู้หญิงที่กำลังนั่งถกผ้าถุงและยกขวดเบียร์ขึ้นดื่มเหมือนสาวขี้เมา
“เอาไงครับนาย จะเอาปืนเข้าไปขู่เลยดีมั้ยครับ”
“ไม่ต้อง กลับ!”
“ครับ?”
คนกำลังจจะแทรกตัวเข้าไปในรถเพื่อหยิบปืนสั้นออกมาหนึ่งกระบอกถึงกับหยุดชะงัก ปกติเจ้านายของเขาเลือดเย็นและโหดเหี้ยมยิ่งกว่าอะไร...
“ไม่ต้องทวงแล้ว พากูตรงไปบ้านแม่เลย”
“กลับตัวเปล่าแบบนี้เลยเหรอครับ”
เขาถามเพื่อความแน่ใจ เพราะหากชายหนุ่มทรงอิทธิพลได้ก้าวขาลงเหยียบหน้าบ้านของลูกหนี้คนไหน ไม่มีทางเลยที่เขาจะได้กลับไปตัวเปล่า
มีบ้านนี้หลังแรก
“ใครว่า กูหาลูกสะใภ้ให้แม่กูได้แล้ว”
และแล้วความปรารถนาของพวกเขาก็เป็นจริง เทพทัตและบุญแก้วมีลูกชายตัวน้อยด้วยกันหนึ่งคนชื่อว่า ‘บุญใต้ อนันไชยเดช’ ลูกสาวรูปร่างหน้าตาเหมือนแม่ ส่วนลูกชายเองก็ถอดแบบมาจากผู้เป็นพ่อเป๊ะ ๆ และที่สำคัญนิสัยยังเหมือนกันอีกต่างหาก เวลาล่วงเลยผ่านมาจนบุญเหนืออายุ 12 และบุญใต้อายุ 9 ขวบ เวลาไปซื้อของพี่สาวกับผู้เป็นแม่มักหายจ้อยเข้าร้านพวกของจุ๊กจิ๊กน่ารักกันเป็นชั่วโมง ปล่อยให้ลูกชายกับผู้เป็นพ่อยืนรอด้านหน้าจนขาเป็นตะคริว แม้พี่สาวจะดูเป็นผู้หญิงห้าว ๆ แต่เธอก็ยังชอบของน่ารักไปตามวัย “พ่อ ใต้เมื่อยแล้วอะ ตอนไหนแม่กับเหนือจะออกมา” “เหนื่อยก็ต้องอดทน การจะเป็นมาเฟียเราต้องมีร่างกายที่แข็งแรง ยืนแค่นี้จะเป็นไรไป” “มาแล้ว น่ารักมั้ย” สองพ่อลูกยืนขาแข็งอยู่หน้าร้านนานนับชั่วโมง สุดท้ายคนที่พวกเขารอคอยก็เดินออกมาเสียที บุญใต้มองตุ๊กตาหมีแพนด้าโง่ ๆ ในมือพี่สาวก่อนจะถอนหายใจ เขาอยากจะบ้า ถ้าวันหนึ่งมีแฟนแล้วต้องมายืนรอสาวจนปวดขาเหมือนพ่อ เขาไม่ขอมีหรอก แค่พี่สาวคนเดียว บุญใต้ก็ปวดหัวจะแย่อยู่แล้ว
ฟุบ! คู่สามีภรรยาทิ้งตัวลงนอนบนเตียงนุ่มพลางมองท้องฟ้ายามค่ำคืนด้านนอกประตูกระจกใส พวกเขาถูกบุพการีทั้งสองบ้านไล่ตะเพิดมาฮันนีมูน แต่จริง ๆ คือให้มาทำหลานอีกคนให้พวกท่าน ไม่ติดไม่ต้องหันหลังกลับ โดยเรื่องนี้เจ้าเหนือเป็นคนต้นคิด เด็กแสบชอบนักการถูกตามใจจากผู้หลักผู้ใหญ่ และไม่ต้องฝึกซ้อมหนักกับผู้เป็นพ่อ แค่เห็นหน้าเทพทัตเด็กหญิงตัวน้อยก็กรอกตามองบนรอแล้ว เด็กฉลาดและเจ้าเล่ห์เกินวัยคิดแผนการให้ผู้เป็นพ่อไปฝึกซ้อมหนัก ๆ กับแม่ของตนดีกว่า แบบนั้นเจ้าเด็กก็จะได้ทั้งน้องมาเป็นเบ๊ พ่อได้เพื่อนและเลิกยุ่งกับตน แถมยังได้กินของอร่อยไม่อั้นจากทั้งย่าและทวดอีก “วิวสวยเนาะ” เทพทัตเอ่ยขึ้นแหวกความเงียบ แต่พอหันไปมองดวงหน้ามนกลับเห็นภรรยาคนสวยถอนหายใจออกมา “สวย แต่บนนี้อาหารไม่ถูกปากเท่าไหร่เลย” บุญแก้วย่นหน้าด้วยความรู้สึกเซ็ง ๆ วิวด้านบนสวยก็จริง แต่ถ้าต้องมากินข้าวต้มหรืออาหารตามสั่งทั่วไป เธอรู้สึกว่ามันไม่ค่อยคุ้มกับการมาเที่ยวทั้งทีเท่าไรนัก “งั้นเหรอ ทำไมเมียพูดเหมือนอ่านใจผัวออกเลย” ใบหน้าคมก
บุญแก้วได้แต่ลอบถอนหายใจเมื่อตนปล่อยลูกสาวไว้กับผู้เป็นสามี ลูกสาววัยเตาะแตะโตขึ้นอย่างมหัศจรรย์ (ประชด) บุญเหนือเปลี่ยนไปเป็นคนละคน จากที่เคยเล่นตุ๊กตาและอยากเป็นเจ้าหญิง ตอนนี้กลับกลายเป็นเด็กห้าวคนหนึ่ง หากมีใครมาแหย่เข้า หมัดน้อย ๆ พร้อมสวนกลับไปทันที ก็สามีของเธอเล่นสอนศิลปะการต่อสู้ให้ลูกสาวตัวกะเปี๊ยกทั้งหมด ไม่ว่าจะมวย เทควันโด ยูโด ยิงปืน ไม่รู้จะสอนให้ลูกไปเป็นนักรบหรืออย่างไร “ย่า!” เสียงเล็กร้องดังมาจากสนามมวยกลางโรงยิมส่วนตัวพร้อมกับร่างเล็กของลูกสาว ซ้อมกับพ่อมาตั้งแต่เช้าจนสายยังไม่หยุดพักจนแก้มกลมขาวขึ้นสีแดงอย่างน่าเอ็นดู “วันนี้พอแค่นี้เถอะค่ะ” “เอางั้นก็ได้ครับเมีย” ร่างสูงหันมาพยักหน้าให้เมียก่อนจะยกมือขึ้นบอกลูกสาวให้หยุดพักได้ “เหนือ วันนี้พอแค่นี้ก่อนลูก” โครม! พอได้ยินเสียงสั่งหยุดจากพ่อ เด็กตัวเล็กวัย 4 ขวบพลันทิ้งตัวลงอย่างเหนื่อยล้า “วันนี้แม่ทำของโปรดลูกด้วยน้า” “กลับบ้านกันเถอะค่ะ!” บุญแก้วหลุดหัวเราะอย่างขบขันเจ้าของดวงตากลมส่องประ
3 ปีผ่านไป~ “เชิญครับองค์หญิง” มือใหญ่ผายมือไปทางประตูรถก่อนจะมีเด็กผู้หญิงตัวกลมจิ๋วก้าวขึ้นไปนั่งตรงเบาะด้านหลังของรถซีดานหรู ใบหน้าเล็กเชิดขึ้นจนมงกุฎบนหัวเอียงกะเท่เร่ “คิก ๆ” บุญแก้วในร่างอวบอั๋นกว่าเมื่อก่อนหลุดขำสามีของตนแล้วเดินขึ้นมานั่งบนเบาะข้างลูกสาว ปัง! “ออกรถเลยคิน!” ร่างสูงก้าวขึ้นมานั่งตรงเบาะข้างคนขับพลางสั่งการผู้เป็นลูกน้อง “อุบ!” แทนที่มันจะตอบรับคำสั่ง เจ้าตัวกลับหุบปากกลั้นขำจนหน้าดำหน้าแดง “มึงจะขำ มึงก็ขำออกมาดังๆ!” เทพทัตถอนหายใจแรงอย่างปลงตกกับโชคชะตา “ว้ากกกกกกกกกก ฮ่าๆ” แล้วลูกน้องเขาก็ขำจริง ขำแบบไม่เกรงใจใบหน้าเคร่งขรึมของเขาเลยแม้แต่น้อย “ขำมากมั้ย เดี๋ยวแม่งตัดลิ้นไปให้กากิน” “ชู่! อย่าเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีให้ลูกสิคะ” เสียงห้ามดังขึ้นมาจากด้านหลังเหมือนกองเซนเซอร์ มือขาวของภรรยาปิดหูเล็กทั้งสองข้างของเด็กหญิงในชุดกระโปรงเจ้าหญิงฟูฟ่อง นั่นทำให้เทพทัตหายใจแรงออกมาอีกครั้ง ผู้ชายตัวโตอย่
บุญแก้วมองตามควันโขมงจากธูปที่ปักอยู่เต็มกระถางบูชาหน้าสำนักหมอดูชื่อดังท้ายหมู่บ้านของตน สำนักหมอดูแม่ทองย้อยที่เดียวที่เดิม ซึ่งมีผู้คนต่อแถวยาวรอคิวอย่างมีความหวัง และแม่สามีของเธอก็เป็นหนึ่งในนั้น “คุณแม่พาแก้วมาที่นี่ทำไมเหรอคะ” “ก็พามาดูดวงน่ะสิจ๊ะว่าตอนไหนแม่จะได้อุ้มหลาน” ลูกสะใภ้ลอบถอนหายใจ เธอกับสามีเคยมีอะไรกันแบบไม่ใส่ถุงหนึ่งครั้ง แต่ยังไม่มีวี่แววว่าจะมีลูกน้อยมาเกิด ตอนอยู่กับอดีตสามีคนแรกเธอก็ท้องยากแบบนี้ หญิงสาวไปตรวจเพื่อเช็กให้แน่ใจว่าตนเข้าข่ายภาวะมีบุตรยากหรือไม่มาแล้ว แต่หมอกลับบอกว่าร่างกายของเธอปกติ ไม่มีปัญหา แล้วอะไรกันที่มันมีปัญหา? แม่หมอทองย้อย...จะให้คำตอบได้จริง ๆ อย่างนั้นหรือ “อยู่ในหมู่บ้านของหนูแก้วเลย หนูเคยมาดูดวงกับแม่หมอบ้างมั้ยลูก แม่นรึเปล่า” แม่ย่าที่ได้ยินกิตติศัพท์ของแม่หมอทองย้อยมาจากคนอื่นเอ่ยถามไถ่ลูกสะใภ้ที่กำลังยืนขบคิดกับคำทายทักเมื่อหลายเดือนก่อน จะว่าแม่นไหมน่ะหรือ แม่หมอทักว่าตนจะได้ผัวรวยเป็นลูกครึ่ง สรุปได้ผัวรวย ล
“จะโอนให้ฉันจริง ๆ เหรอคะ” บุญแก้วมองสามีตาปริบ ๆ ไม่รู้ว่าวันนี้เขาเป็นอะไรถึงได้ใจป้ำขึ้นมาผิดปกติ “อืม เอาไปหมดเลย” เทพทัตลากภรรยาตัวน้อยออกจากบ้านตั้งแต่เช้าเพื่อมาจดทะเบียนสมรสใหม่ ทั้งยังโอนอสังหาริทรัพย์ที่ตนถือครองทั้งหมดให้เธออีกต่างหาก ทรัพย์สินทุกอย่างเขารื้อออกมาหมดเพื่อยกให้เธอ ไม่รู้มันเกิดอะไรขึ้นกับผู้เป็นสามีกันแน่ถึงได้ตื่นมากลายเป็นสายเปย์เกินเหตุขนาดนี้ “โอนให้เมียหมด จะได้ไม่มีคนมาแย่งผัวไปเพื่อหวังฮุบเอาสมบัติอีก” “แล้วไม่กลัวฉันชิ่งหนีเหรอคะ” “ถ้าเธออยากให้ผัวกลายเป็นขอทานข้างถนนก็ลองดู” บุญแก้วหลุดยิ้มกับคำพูดของคนด้านข้าง ที่แท้ก็กลัวประวัติศาสตร์ซ้ำรอยนี่เอง “นั่นน่ะสิคะ ใครจะอยากได้ผู้ชายที่มีแค่ตัวกับเสื้อแถมปุ๋ยกัน” “ถึงจะมีแค่ตัว แต่พกปลาข่อใหญ่นะครับ” เพียะ! “พูดอะไรเนี่ย” “หรือเมียจะเถียงว่ามันไม่เร้าใจ?” มือเล็กตีแขนอัดแน่นไปด้วยมัดกล้ามเมื่อสามีเริ่มเปิดประเด็นเรื่องใต้น้ำ... “อะฮึ่ม! ผมว่าเจ้าหน้าที่น่าจะรอนา