“แก้ว!!”
เสียงร้องดังขึ้นในเวลารุ่งเช้าจนเจ้าของชื่อเรียกซึ่งตั้งใจว่าจะนอนตื่นสาย ๆ ต้องดึงผ้าห่มขึ้นคลุมหัว
ย่าของเธอจะแข่งขันกับไก่ไปทำไมกัน
“อีแก้วว!! ตื่นถะแหมะ อย่าให้กูได้ถือแส้ขึ้นไปฟาดดากมึงเด้อ ผู้ใหญ่เอิ้นแล้วบ่ฟ้าวลงมาหนิ” (อีแก้วว ตื่นได้แล้ว อย่าให้กูได้ถือแส้ขึ้นไปฟาดตูดมึงนะ ผู้ใหญ่เรียกแล้วไม่รีบลงมาน่ะ)
พรวด!
“ถ่าคาวนึงแม่ เดี๋ยวหล่าย่างลงไป” (รอแป๊บนึงแม่ เดี๋ยวหนูเดินลงไป)
เมื่อชื่อของเธอเริ่มมีคำนำหน้าว่า ‘อี’ คนตัวเล็กพลันลุกพรวดขึ้นจากที่นอนโดยอัตโนมัติ
ทำอย่างไรได้ เธอกำลังตกงานอยู่นี่นา กลัวขัดใจย่าแล้วถูกไล่ออกจากบ้านน่ะสิ
หญิงสาววิ่งปรูดลงมาจากชั้นบนของบ้านด้วยสภาพงัวเงีย ผมเผ้าฟูฟ่องเหมือนกองฟาง ขี้ตายังเกาะอยู่เต็มหัวตา และสวมชุดนอนลายหมีน้อย
“หาววว~ แม่มีหยัง” (แม่มีไร)
หญิงสาวหาวหวอด ๆ พลางลืมตามองไปยังโซฟาไม้ด้านในร้านชำที่ตอนนี้มีคนนั่งรอเธออยู่ 4 คนถ้วน
2 คนที่นั่งฝั่งขวาคือพ่อกับย่า ส่วนแขกอีก 2 คนคือผู้หญิงอายุน่าจะราว ๆ พ่อของเธอแต่ดูมีราศีเหมือนคุณหญิงคุณนาย กับชายหนุ่มสวมเสื้อเชิ้ตสีดำ ใบหน้าคมคายดูหล่อเหลาเหมือเคยเจอที่ไหนมาก่อน
เจอที่...
“…”
ภาพความทรงจำในค่ำคืนอันเร่าร้อนลอยมากระแทกหัวจนหญิงสาวได้แต่ยืนตัวแข็งค้างด้วยความช็อก
ไม่ใช่แค่เธอที่อึ้ง ย่าบุญเกิดก็ตกตะลึงกับสภาพของหลานสาวเช่นเดียวกัน
“หลานสาวของคุณยายบุญเกิดนี่... น่ารักธรรมชาติจังเลยนะคะ”
รอยยิ้มแห้งปรากฏขึ้นบนริมฝีปากซึ่งถูกทาทับด้วยลิปสติกสีแดงเพลิงราวกับนางพญา ไม่ต่างกับย่าของเธอที่กำลังพยายามกระตุกยิ้มตอบ ทว่าบุญแก้วกลับเห็นเขี้ยวยาวงอกออกมาจากปากของผู้เป็นย่าเสียมากกว่า
“เดี๋ยวหล่าลงมาใหม่เด้อแม่!” (เดี๋ยวหนูลงมาใหม่นะแม่!)
ไม่ใช่แค่ย่า แต่เธอเองก็อายจนแทบมุดแผ่นดินหนีแล้วเหมือนกันหลังจากหันกลับมามองสารรูปของตัวเอง
คนตัวเล็กรีบวิ่งสี่คูณร้อยเมตรกลับขึ้นไปยังชั้นบนเพื่อล้างหน้าและแต่งตัวใหม่
ระหว่างนั้นก็ตั้งสติไปด้วย
โลกมันจะแคบอะไรถึงขนาดที่ต้องวนกลับมาเจอชายหนุ่มผู้เคยมีอะไรด้วยแบบสุดเหวี่ยง...เพราะเข้าห้องผิด
“นี่เจ๊ประภา แล้วก็นี่คุณเทพทัต ลูกซายผู้เดียวของเจ๊เขา”
“สวัสดีค่ะ”
แม้จะสับสนอยู่ว่าทำไมเธอต้องมาไหว้แม่ของพ่อหนุ่มวันไนซ์ตามการแนะนำของย่า แต่หญิงสาวต้องทำตัวเป็นคนมือไม้อ่อนอย่างมีมารยาทไว้ก่อน
“สวัสดีจ้ะหนูแก้ว เข้าเรื่องเลยแล้วกันนะจ๊ะ แม่อยากมาสู่ขอหนูแก้วให้ตาทัตจ้ะ”
“คะ!? จะมาสู่ขอหนูทำไมคะ หนูกับลูกชายของเจ๊ยังไม่รู้จักกันเลย”
“ผม ‘เทพทัต อนันไชยเดช’ อายุ 30 ปีครับ”
“คะ?”
“เราเคยเจอกันมาแล้ว หรือจะให้ผมเล่า?”
“!!”
คนที่เธอบอกว่าไม่รู้จักอยู่ ๆ ก็แนะนำตัวขึ้นมา พร้อมทั้งยังเปรยความลับระหว่างเธอและเขากลางวงสนทนาอีกต่างหาก
“อ้าว ทั้งสองคนเคยเจอกันมาก่อนด้วยเหรอจ๊ะ เจอกันที่ไหนเหรอ”
เจ๊ประภาเอ่ยขึ้นอย่างสนใจใคร่รู้ทำเอาบุญแก้วถึงกับเหงื่อตก
“ที่โรงแรมครับ”
“ฮะ!?”
“เอ่อ หนูไปอบรมเรื่องงานที่โรงแรมน่ะค่ะ แล้วไปเจอเขาเข้าพอดี”
หญิงสาวแก้ตัวด้วยท่าทางลุกลี้ลุกลน ต่างกับชายหนุ่มผู้เปิดเผยเรื่องคืนนั้นออกมาอย่างหน้าตาย เขาทำให้เสียงตกใจดังขึ้นลั่นร้านชำ
ตาของย่าเธอแทบถลนออกนอกเบ้าแล้วนั่น
ขนาดแค่รู้ว่าเจอกันที่โรงแรมนะ ถ้ารู้ว่าสีสี่สี้กันแล้ว ผู้เป็นย่าจะไม่เส้นเลือดในสมองแตกไปเลยเหรอ
“อ๋อ งั้นเหรอลูก แม่แค่อยากยื่นขอเสนอให้หนูแก้วน่ะจ้ะ ถ้าหนูแก้วแต่งงานกับตาทัต แม่จะยกหนี้ที่พ่อเกื้อติดไว้ทั้งหมดให้ แถมสินสอดเพิ่มอีกไม่อั้น”
“หนี้? หนี้อะไรคะ”
หญิงสาวถึงกับมึนงงเมื่อได้ยินสิ่งที่เจ๊ประภาพูด บ้านของเธอไม่เคยมีหนี้ บุญแก้วส่งเงินให้ที่บ้านทุกเดือน อีกอย่างพ่อกับย่าของเธอก็ใช้ชีวิตอย่างสมถะจะตาย
ดวงตากลมหันไปมองย่ากับพ่ออย่างขอคำอธิบาย แต่ท่านทั้งสองกลับมองตอบกลับมาด้วยแววตารู้สึกผิด โดยเฉพาะคนเป็นพ่อ
“ถ้าฉันไม่แต่งและขอผ่อนหนี้ส่งแทนได้มั้ยคะ แต่อาจจะส่งได้ทีละไม่มาก”
บุญแก้วเอ่ยถามชายหนุ่มที่นั่งอยู่เบาะด้านข้าง ตอนนี้พวกเธอทั้งสองขึ้นรถมาด้วยกันเพื่อคุยเรื่องการแต่งงานอย่างเป็นส่วนตัว
“ถ้าไม่แต่งก็ต้องจ่ายทั้งต้นทั้งดอกมา”
เจ้าของเสียงทุ้มต่ำกดเปิดหน้าจอไอแพดก่อนจะสไลด์ข้อมูลหนี้ส่งไปให้เจ้าตัวดู
“ไม่งั้นจะยึดบ้าน แล้วก็เอาพ่อของเธอไปใช้แรงงานเพื่อชดใช้หนี้”
ร่างบางอ้าปากค้างเมื่อเห็นจำนวนหนี้เกือบเจ็ดหลัก แถมพ่อหนุ่มวันไนซ์ยังขู่อีกว่าจะจับพ่อของเธอไปใช้แรงงาน
“พูดอย่างกับมาเฟียในซีรีส์แน่ะ”
“ก็พวกผมเป็นมาเฟียจริง ๆ นี่ครับ”
ไม่ใช่เทพทัตที่ตอบ แต่เป็นชายหนุ่มหน้าละอ่อนกว่าเขาเล็กน้อยซึ่งนั่งอยู่ตรงตำแหน่งคนขับ
ไม่พูดเปล่า เจ้าตัวยังยกปืนสั้นสีดำขึ้นมาถูคิ้วโชว์ ทำเอาบุญแก้วนั่งช็อกตาตั้ง
เธอควรตกใจกับเรื่องไหนก่อนดี
เรื่องที่พ่อของเธอไปกู้เงินนอกระบบมาเป็นแสนจนดอกบานสะพรั่งเกือบทะลุ 7 หลัก
เรื่องที่ชายหนุ่มผู้เคยนัดสีสี่สี้ด้วยพาแม่มาสู่ขอเธอถึงที่บ้านเพื่อแลกกับหนี้
หรือเรื่องที่ว่า...เขาคนนี้เป็นมาเฟีย
และแล้วความปรารถนาของพวกเขาก็เป็นจริง เทพทัตและบุญแก้วมีลูกชายตัวน้อยด้วยกันหนึ่งคนชื่อว่า ‘บุญใต้ อนันไชยเดช’ ลูกสาวรูปร่างหน้าตาเหมือนแม่ ส่วนลูกชายเองก็ถอดแบบมาจากผู้เป็นพ่อเป๊ะ ๆ และที่สำคัญนิสัยยังเหมือนกันอีกต่างหาก เวลาล่วงเลยผ่านมาจนบุญเหนืออายุ 12 และบุญใต้อายุ 9 ขวบ เวลาไปซื้อของพี่สาวกับผู้เป็นแม่มักหายจ้อยเข้าร้านพวกของจุ๊กจิ๊กน่ารักกันเป็นชั่วโมง ปล่อยให้ลูกชายกับผู้เป็นพ่อยืนรอด้านหน้าจนขาเป็นตะคริว แม้พี่สาวจะดูเป็นผู้หญิงห้าว ๆ แต่เธอก็ยังชอบของน่ารักไปตามวัย “พ่อ ใต้เมื่อยแล้วอะ ตอนไหนแม่กับเหนือจะออกมา” “เหนื่อยก็ต้องอดทน การจะเป็นมาเฟียเราต้องมีร่างกายที่แข็งแรง ยืนแค่นี้จะเป็นไรไป” “มาแล้ว น่ารักมั้ย” สองพ่อลูกยืนขาแข็งอยู่หน้าร้านนานนับชั่วโมง สุดท้ายคนที่พวกเขารอคอยก็เดินออกมาเสียที บุญใต้มองตุ๊กตาหมีแพนด้าโง่ ๆ ในมือพี่สาวก่อนจะถอนหายใจ เขาอยากจะบ้า ถ้าวันหนึ่งมีแฟนแล้วต้องมายืนรอสาวจนปวดขาเหมือนพ่อ เขาไม่ขอมีหรอก แค่พี่สาวคนเดียว บุญใต้ก็ปวดหัวจะแย่อยู่แล้ว
ฟุบ! คู่สามีภรรยาทิ้งตัวลงนอนบนเตียงนุ่มพลางมองท้องฟ้ายามค่ำคืนด้านนอกประตูกระจกใส พวกเขาถูกบุพการีทั้งสองบ้านไล่ตะเพิดมาฮันนีมูน แต่จริง ๆ คือให้มาทำหลานอีกคนให้พวกท่าน ไม่ติดไม่ต้องหันหลังกลับ โดยเรื่องนี้เจ้าเหนือเป็นคนต้นคิด เด็กแสบชอบนักการถูกตามใจจากผู้หลักผู้ใหญ่ และไม่ต้องฝึกซ้อมหนักกับผู้เป็นพ่อ แค่เห็นหน้าเทพทัตเด็กหญิงตัวน้อยก็กรอกตามองบนรอแล้ว เด็กฉลาดและเจ้าเล่ห์เกินวัยคิดแผนการให้ผู้เป็นพ่อไปฝึกซ้อมหนัก ๆ กับแม่ของตนดีกว่า แบบนั้นเจ้าเด็กก็จะได้ทั้งน้องมาเป็นเบ๊ พ่อได้เพื่อนและเลิกยุ่งกับตน แถมยังได้กินของอร่อยไม่อั้นจากทั้งย่าและทวดอีก “วิวสวยเนาะ” เทพทัตเอ่ยขึ้นแหวกความเงียบ แต่พอหันไปมองดวงหน้ามนกลับเห็นภรรยาคนสวยถอนหายใจออกมา “สวย แต่บนนี้อาหารไม่ถูกปากเท่าไหร่เลย” บุญแก้วย่นหน้าด้วยความรู้สึกเซ็ง ๆ วิวด้านบนสวยก็จริง แต่ถ้าต้องมากินข้าวต้มหรืออาหารตามสั่งทั่วไป เธอรู้สึกว่ามันไม่ค่อยคุ้มกับการมาเที่ยวทั้งทีเท่าไรนัก “งั้นเหรอ ทำไมเมียพูดเหมือนอ่านใจผัวออกเลย” ใบหน้าคมก
บุญแก้วได้แต่ลอบถอนหายใจเมื่อตนปล่อยลูกสาวไว้กับผู้เป็นสามี ลูกสาววัยเตาะแตะโตขึ้นอย่างมหัศจรรย์ (ประชด) บุญเหนือเปลี่ยนไปเป็นคนละคน จากที่เคยเล่นตุ๊กตาและอยากเป็นเจ้าหญิง ตอนนี้กลับกลายเป็นเด็กห้าวคนหนึ่ง หากมีใครมาแหย่เข้า หมัดน้อย ๆ พร้อมสวนกลับไปทันที ก็สามีของเธอเล่นสอนศิลปะการต่อสู้ให้ลูกสาวตัวกะเปี๊ยกทั้งหมด ไม่ว่าจะมวย เทควันโด ยูโด ยิงปืน ไม่รู้จะสอนให้ลูกไปเป็นนักรบหรืออย่างไร “ย่า!” เสียงเล็กร้องดังมาจากสนามมวยกลางโรงยิมส่วนตัวพร้อมกับร่างเล็กของลูกสาว ซ้อมกับพ่อมาตั้งแต่เช้าจนสายยังไม่หยุดพักจนแก้มกลมขาวขึ้นสีแดงอย่างน่าเอ็นดู “วันนี้พอแค่นี้เถอะค่ะ” “เอางั้นก็ได้ครับเมีย” ร่างสูงหันมาพยักหน้าให้เมียก่อนจะยกมือขึ้นบอกลูกสาวให้หยุดพักได้ “เหนือ วันนี้พอแค่นี้ก่อนลูก” โครม! พอได้ยินเสียงสั่งหยุดจากพ่อ เด็กตัวเล็กวัย 4 ขวบพลันทิ้งตัวลงอย่างเหนื่อยล้า “วันนี้แม่ทำของโปรดลูกด้วยน้า” “กลับบ้านกันเถอะค่ะ!” บุญแก้วหลุดหัวเราะอย่างขบขันเจ้าของดวงตากลมส่องประ
3 ปีผ่านไป~ “เชิญครับองค์หญิง” มือใหญ่ผายมือไปทางประตูรถก่อนจะมีเด็กผู้หญิงตัวกลมจิ๋วก้าวขึ้นไปนั่งตรงเบาะด้านหลังของรถซีดานหรู ใบหน้าเล็กเชิดขึ้นจนมงกุฎบนหัวเอียงกะเท่เร่ “คิก ๆ” บุญแก้วในร่างอวบอั๋นกว่าเมื่อก่อนหลุดขำสามีของตนแล้วเดินขึ้นมานั่งบนเบาะข้างลูกสาว ปัง! “ออกรถเลยคิน!” ร่างสูงก้าวขึ้นมานั่งตรงเบาะข้างคนขับพลางสั่งการผู้เป็นลูกน้อง “อุบ!” แทนที่มันจะตอบรับคำสั่ง เจ้าตัวกลับหุบปากกลั้นขำจนหน้าดำหน้าแดง “มึงจะขำ มึงก็ขำออกมาดังๆ!” เทพทัตถอนหายใจแรงอย่างปลงตกกับโชคชะตา “ว้ากกกกกกกกกก ฮ่าๆ” แล้วลูกน้องเขาก็ขำจริง ขำแบบไม่เกรงใจใบหน้าเคร่งขรึมของเขาเลยแม้แต่น้อย “ขำมากมั้ย เดี๋ยวแม่งตัดลิ้นไปให้กากิน” “ชู่! อย่าเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีให้ลูกสิคะ” เสียงห้ามดังขึ้นมาจากด้านหลังเหมือนกองเซนเซอร์ มือขาวของภรรยาปิดหูเล็กทั้งสองข้างของเด็กหญิงในชุดกระโปรงเจ้าหญิงฟูฟ่อง นั่นทำให้เทพทัตหายใจแรงออกมาอีกครั้ง ผู้ชายตัวโตอย่
บุญแก้วมองตามควันโขมงจากธูปที่ปักอยู่เต็มกระถางบูชาหน้าสำนักหมอดูชื่อดังท้ายหมู่บ้านของตน สำนักหมอดูแม่ทองย้อยที่เดียวที่เดิม ซึ่งมีผู้คนต่อแถวยาวรอคิวอย่างมีความหวัง และแม่สามีของเธอก็เป็นหนึ่งในนั้น “คุณแม่พาแก้วมาที่นี่ทำไมเหรอคะ” “ก็พามาดูดวงน่ะสิจ๊ะว่าตอนไหนแม่จะได้อุ้มหลาน” ลูกสะใภ้ลอบถอนหายใจ เธอกับสามีเคยมีอะไรกันแบบไม่ใส่ถุงหนึ่งครั้ง แต่ยังไม่มีวี่แววว่าจะมีลูกน้อยมาเกิด ตอนอยู่กับอดีตสามีคนแรกเธอก็ท้องยากแบบนี้ หญิงสาวไปตรวจเพื่อเช็กให้แน่ใจว่าตนเข้าข่ายภาวะมีบุตรยากหรือไม่มาแล้ว แต่หมอกลับบอกว่าร่างกายของเธอปกติ ไม่มีปัญหา แล้วอะไรกันที่มันมีปัญหา? แม่หมอทองย้อย...จะให้คำตอบได้จริง ๆ อย่างนั้นหรือ “อยู่ในหมู่บ้านของหนูแก้วเลย หนูเคยมาดูดวงกับแม่หมอบ้างมั้ยลูก แม่นรึเปล่า” แม่ย่าที่ได้ยินกิตติศัพท์ของแม่หมอทองย้อยมาจากคนอื่นเอ่ยถามไถ่ลูกสะใภ้ที่กำลังยืนขบคิดกับคำทายทักเมื่อหลายเดือนก่อน จะว่าแม่นไหมน่ะหรือ แม่หมอทักว่าตนจะได้ผัวรวยเป็นลูกครึ่ง สรุปได้ผัวรวย ล
“จะโอนให้ฉันจริง ๆ เหรอคะ” บุญแก้วมองสามีตาปริบ ๆ ไม่รู้ว่าวันนี้เขาเป็นอะไรถึงได้ใจป้ำขึ้นมาผิดปกติ “อืม เอาไปหมดเลย” เทพทัตลากภรรยาตัวน้อยออกจากบ้านตั้งแต่เช้าเพื่อมาจดทะเบียนสมรสใหม่ ทั้งยังโอนอสังหาริทรัพย์ที่ตนถือครองทั้งหมดให้เธออีกต่างหาก ทรัพย์สินทุกอย่างเขารื้อออกมาหมดเพื่อยกให้เธอ ไม่รู้มันเกิดอะไรขึ้นกับผู้เป็นสามีกันแน่ถึงได้ตื่นมากลายเป็นสายเปย์เกินเหตุขนาดนี้ “โอนให้เมียหมด จะได้ไม่มีคนมาแย่งผัวไปเพื่อหวังฮุบเอาสมบัติอีก” “แล้วไม่กลัวฉันชิ่งหนีเหรอคะ” “ถ้าเธออยากให้ผัวกลายเป็นขอทานข้างถนนก็ลองดู” บุญแก้วหลุดยิ้มกับคำพูดของคนด้านข้าง ที่แท้ก็กลัวประวัติศาสตร์ซ้ำรอยนี่เอง “นั่นน่ะสิคะ ใครจะอยากได้ผู้ชายที่มีแค่ตัวกับเสื้อแถมปุ๋ยกัน” “ถึงจะมีแค่ตัว แต่พกปลาข่อใหญ่นะครับ” เพียะ! “พูดอะไรเนี่ย” “หรือเมียจะเถียงว่ามันไม่เร้าใจ?” มือเล็กตีแขนอัดแน่นไปด้วยมัดกล้ามเมื่อสามีเริ่มเปิดประเด็นเรื่องใต้น้ำ... “อะฮึ่ม! ผมว่าเจ้าหน้าที่น่าจะรอนา