 LOGIN
LOGIN“ครับ ว่าจะไปส่งเกตุแก้วที่บ้านและคงยาวเลย” ยาวของเขาอาจจะไม่ได้ไปส่งเกตุแก้ว แต่อาจจะจบที่อื่น แม้แต่ปอฝ้ายยังเข้าใจ
มาร์กัสพยักหน้ารับรู้ ส่วนคนเป็นน้องหันมองปอฝ้ายอีกรอบ
“ว่าแต่เราก็อย่ากลับดึก” พูดจบก็เดินไปสองก้าว ก่อนจะเดินกลับมาใหม่ “หรือว่าจะให้เราไปส่ง ไหนๆ ก็ทางผ่านอยู่ งั้นกลับเลยไหม”
ปอฝ้ายอ้าปากจะปฏิเสธ เพราะไม่อยากไปกับพวกเขาสองคน แต่มาร์คัสก็พูดเองเออเอง จากนั้นก็ลากเธอกลับบ้านจนได้
มาร์กัสมองท่าทางของน้องชายคิ้วหนาก็ขมวดเข้าหากัน น้องชายกำลังทำตัวเป็นหมาหวงก้างทั้งที่ตัวเองมีแฟนอยู่แล้ว
คนที่กลายเป็นคนนอกอย่างปอฝ้ายกำลังนั่งอยู่หลังรถ มองพวกเขาสองคนคุยกันอย่างสนุก ก่อนที่เกตุแก้วจะหันมาชวนคุยต่อ
“ว่าแต่ฝ้ายเถอะ เรียนจบแล้วจะมาอยู่เชียงใหม่เลยไหม”
“อืม ก็วางแผนแล้วว่าจะทำโรงงานที่จะเปิดใหม่”
เกตุแก้วยิ้มแล้วหันไปถามมาร์คัสต่อ “แล้วนายล่ะ สรุปจะมาอยู่เชียงใหม่ไหม”
มาร์คัสหันมองเกตุแก้ว “ไม่แน่ใจคงต้องดูก่อน เพราะธุรกิจที่ กทม. ก็ต้องมีคนดูแล เท่าที่คุยกับมาดามท่านอยากให้เราอยู่ที่ กทม.มากกว่า”
พอเกตุแก้วได้ยินแบบนั้นก็ทำเสียงง้องอนใหญ่ ปอฝ้ายเหล่มองเพื่อนจากนั้นก็หันมองกระจกด้านนอก นายไม่มานะดีแล้วเพราะเธอไม่อยากเห็นภาพของพวกเขาสองคนบ่อยๆ
รถจอดถึงบ้านปอฝ้าย เธอลงจากรถจากนั้นก็เข้าบ้านไป เมื่อขึ้นไปยังห้องตัวเองก็เดินไปยังโต๊ะหนังสือ เปิดลิ้นชักออกมาในนั้นมีภาพของเธอและมาร์คัสอยู่
ความสัมพันธ์ของพวกเราคงเป็นมากกว่านี้ไม่ได้แล้ว เธอควรจะตัดใจได้แล้ว เมื่อคิดแบบนั้นเธอก็เก็บมันใส่กล่องแห่งความทรงจำแล้ววางไว้บนตู้เสื้อผ้า คิดว่าไม่นานก็คงลืม
สามวันถัดมาเธอก็ได้มาทำงานที่โรงงานจริงๆ หันมองป้ายโรงงาน M & A RICEMILL CO., LTD. ที่เด่นอยู่เบื้องหน้าก็รู้สึกว่าตัวเองคิดไม่ผิด
“ตกใจใช่ไหม” มาร์กัสที่ขับรถหันมองคนนั่งข้าง ปอฝ้ายจึงพยักหน้ารับ
“ไม่คิดว่าของจริงจะใหญ่แบบนี้ ทั้งหมดกี่ไร่ค่ะ”
“พื้นที่ทั้งหมดประมาณ 1 พันไร่ แต่ตอนนี้ตัวโรงงานมีประมาณแค่ครึ่งเดียว คงต้องค่อยๆ ขยายไป”
ก็เยอะมากจริงๆ พ่อเธอที่มีหุ้นส่วนแค่สิบเปอร์เซ็นต์ก็ดูยิ่งใหญ่กับขนาดโรงงาน เมื่อเข้าไปด้านในก็พบว่ามาร์กัสจัดห้องทำงานให้เธอ เป็นห้องฝั่งตรงกันข้าม
“ลองดูว่าขาดเหลืออะไรไหม ถ้ามีก็แจ้งเลขาได้เลย พี่เข้าไปเคลียร์งานตอนเช้าก่อน”
ปอฝ้ายพยักหน้าเข้าใจ จากนั้นก็เดินสำรวจห้องตัวเอง ก่อนจะเปิดแฟ้มเพื่อตรวจสอบเครื่องจักรที่นำเข้ามาใช้ในโรงงานแล้ว
เสียงมือถือดังขึ้น ทำให้มาร์กัสหันมองโต๊ะทำงาน ตอนนี้โรงงานแปรรูปยังไม่เข้าที่เข้าทาง อีกทั้งเกิดเรื่องต่างๆ มากมายไม่เว้นแต่ละวัน ช่วงที่เขาปวดหัวกับปัญหาอยู่นั้น ก็เลยไม่รับโทรศัพท์ที่ดังอยู่
แต่หนึ่งรอบกว่ามากแล้ว แต่นี่เล่นโทรไม่หยุดเขาจึงตัดปัญหากดรับสายปลายทาง “มาร์คัสพี่ทำงานอยู่” เสียงเข้มบอกเลยว่ากำลังอารมณ์ไม่ดี
ส่วนปลายสายก็รีบบอก “พี่เจนล้มตอนนี้กำลังอยู่ในห้องผ่าตัด เด็กหัวใจเต้นอ่อนลงหมอกำลังเร่งช่วยชีวิตทั้งเด็กและแม่อยู่ ตอนนี้ผมกำลังติดงานมหาวิทยาลัยอยู่ อาจจะไปสนามบินเพื่อบินไปภูเก็ตช้ากว่าสักชั่วโมงหนึ่ง”
มาร์กัสได้ยินก็นิ่งงันอย่างตกใจ “งั้นพี่ล่วงหน้าไปก่อน” มาร์กัสรีบวางสายจากนั้นก็จัดเตรียมกระเป๋าของจำเป็นกำลังจะสะพายกระเป๋าก็มีคนโผล่เข้ามา
ปอฝ้ายหันมองหุ้นส่วนธุรกิจ “พี่มาร์กัสจะไปไหนหรือคะ”
“พอดีพี่เจนเกิดเรื่องต้องเข้าห้องฉุกเฉิน พี่ต้องไปภูเก็ตด่วน”
พี่เจด้าเกิดเรื่อง ถ้าจำไม่ผิดไม่กี่วันพี่เจด้าก็ถึงกำหนดคลอดแล้ว ถ้าเกิดเรื่องตอนนี้ก็ยิ่งอันตรายทั้งแม่และลูก
“ฝ้ายขอตามไปด้วยนะคะ”
มาร์กัสเงยหน้ามองคนขอตามไปด้วย “ยังไงก็ต้องบินไปกรุงเทพอยู่แล้ว ให้ปอฝ้ายไปเยี่ยมพี่เจนก่อนแล้วเดี๋ยวค่อยบินวนกลับมามหาลัย”
ถ้าไม่เพราะผิดพลาดเรื่องงานชิ้นสุดท้าย ตอนนี้เธอคงได้ตั้งใจทำงานเรียบร้อยแล้ว พอเกิดเรื่องก็ต้องกลับไปแก้ใหม่อีกรอบรู้สึกเสียเวลาการทำงานจริงๆ
สองคนจึงพร้อมใจกันออกจากโรงงาน ขึ้นไปยังชั้นดาดฟ้าด้านบนสุดที่เป็นที่จอดเฮลิคอปเตอร์ ตอนที่แม่วางแผนลานจอดเฮลิคอปเตอร์ตอนนั้นเขามองว่าเป็นเรื่องน่าขำ
แต่ตอนนี้เริ่มคิดว่าแล้วถ้ามีเรื่องจำเป็นด่วนสิ่งนี้ก็ถือว่าเป็นความสะดวกอันดับแรก
เจลโล่ที่กลายมาเป็นบอดี้การ์ดส่วนตัวของเขา จอดเฮลิคอปเตอร์ได้สำเร็จ แม้อย่างนั้นเขาก็รู้สึกกังวลกับเฮลิคอปเตอร์คันนี้อยู่ดี เพราะเป็นเครื่องใหม่ที่พึ่งได้มาไม่นานและยังไม่ได้เช็คทดสอบเลย แต่พอคิดว่าเป็นเครื่องใหม่เอี่ยมก็เลยคิดว่าคงไม่มีปัญหาอะไร
“ไปกันเถอะ” ถ้าเดินทางตอนนี้สองชั่วโมงเราก็คงถึงภูเก็ต
มาร์กัสหันไปหยิบหูปิดเสียง ให้ปอฝ้ายจากนั้นก็สวมให้อีกฝ่าย หยิบที่คาดนิรภัยจัดให้หญิงสาวเพื่อเตรียมพร้อมขึ้นบิน
ปอฝ้ายยิ้มขอบคุณจากนั้นก็หันมองเครื่องบินที่กำลังบินขึ้นท่ามกลางสายฝนที่เริ่มเทลงมากะทันหัน
“จะเป็นอะไรมากไหมคะ” เสียงเธอเอ่ยขึ้นเพราะนี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้ขึ้นเครื่องบิน
มาร์กัสหันไปปลอบคนกลัวที่ไม่ค่อยได้เห็นนัก
“ไม่เป็นไร พี่นั่งครั้งแรกก็กลัวแบบนี้แหละ”
คนขับเครื่องบินมองกระจกไปยังด้านหลังคนพูด เขาหูฟาดหรือว่าภาพหลอนกันแน่ คุณมาร์กัสเคยกลัวอะไรด้วยหรือ ว่าแต่น้ำเสียงอ่อนแบบนี้เขาก็ไม่เคยได้ยินมาก่อน
สองคนนี้เป็นไงมาไงกันนะ แต่เพราะตอนนี้เขาต้องเร่งความเร็วเพื่อไปให้จุดหมายปลายทาง จึงหันมาสนใจขับเฮลิคอปเตอร์ต่อ สายฝนก็ไม่ยอมหยุด ยังคงตกหนักและดูเหมือนจะหนักขึ้นเรื่อย ๆ

เพี๊ยง ๆ เสียงฟ้าผ่าลงมากลางอากาศทำให้ปอฝ้ายตกใจแล้วก้มหน้าปิดตาเอาไว้ สองมือก็ท่องพุธโธเพื่อให้เธอไปถึงที่หมายโดยเร็ว หวังเพียงให้ตัวเองมีชีวิตรอดก็พอคิ้วมาร์กัสก็ขมวดเช่นกัน ดูเหมือนสภาพอากาศวันนี้จะเลวร้ายพอสมควร หลังจากที่ประเมินแล้วดูเหมือนพวกเราต้องหาที่จอดก็เลยบอกคนขับเฮลิคอปเตอร์ด้านหน้าเจลโล่รับคำพยายามจะเลี้ยวกลับไปยังโรงงานดังเดิมหรือไม่ก็ขอลงจอดที่สนามบินที่เชียงใหม่แทน แต่จังหวะเลี้ยวกลับนั้นจู่ๆ ก็มีเสียงสัญญาณเตือน จากนั้นเสียงฟ้าผ่าลงมาใกล้หูชิปหายแล้ว เจลโล่มองสัญญาณใบพัดด้านบนเสียหายไปสองใบ หันมองมาร์กัสที่เริ่มหยิบร่มชูชีพขึ้นมาอย่างรวดเร็วให้พวกเราใส่เอาไว้ จากนั้นก็เตรียมตัวให้พร้อมเมื่อเครื่องบินกำลังสั่นขึ้นเรื่อยๆ เสียการทรงตัวอย่างหนัก“บินไปภูเขาลูกโน่น” แม้จะฝนตกแต่ก็พอมองเห็นว่าภูเขาลูกนั้นโล่งเตียนพอที่จะสามารถลงจอดได้ แต่แล้วไม่ทันจะหักเลี้ยวพายุลูกใหม่ก็พัดเข้ามาทำให้เฮลิคอปเตอร์หมุนเข้าไปในพายุดังกล่าวจากนั้นเสียงร้องของปอฝ้ายก็ดังขึ้น มาร์กัสโอบหญิงสาวไว้ในอกจากนั้นทุกอย่างก็ดับวูบไป....หรือว่าพวกเราตายแล้วตอนที่มาร์กัสรู้สึกตัวลืมตาขึ้นมาก็พบว่า
“ครับ ว่าจะไปส่งเกตุแก้วที่บ้านและคงยาวเลย” ยาวของเขาอาจจะไม่ได้ไปส่งเกตุแก้ว แต่อาจจะจบที่อื่น แม้แต่ปอฝ้ายยังเข้าใจมาร์กัสพยักหน้ารับรู้ ส่วนคนเป็นน้องหันมองปอฝ้ายอีกรอบ“ว่าแต่เราก็อย่ากลับดึก” พูดจบก็เดินไปสองก้าว ก่อนจะเดินกลับมาใหม่ “หรือว่าจะให้เราไปส่ง ไหนๆ ก็ทางผ่านอยู่ งั้นกลับเลยไหม”ปอฝ้ายอ้าปากจะปฏิเสธ เพราะไม่อยากไปกับพวกเขาสองคน แต่มาร์คัสก็พูดเองเออเอง จากนั้นก็ลากเธอกลับบ้านจนได้มาร์กัสมองท่าทางของน้องชายคิ้วหนาก็ขมวดเข้าหากัน น้องชายกำลังทำตัวเป็นหมาหวงก้างทั้งที่ตัวเองมีแฟนอยู่แล้วคนที่กลายเป็นคนนอกอย่างปอฝ้ายกำลังนั่งอยู่หลังรถ มองพวกเขาสองคนคุยกันอย่างสนุก ก่อนที่เกตุแก้วจะหันมาชวนคุยต่อ“ว่าแต่ฝ้ายเถอะ เรียนจบแล้วจะมาอยู่เชียงใหม่เลยไหม”“อืม ก็วางแผนแล้วว่าจะทำโรงงานที่จะเปิดใหม่”เกตุแก้วยิ้มแล้วหันไปถามมาร์คัสต่อ “แล้วนายล่ะ สรุปจะมาอยู่เชียงใหม่ไหม”มาร์คัสหันมองเกตุแก้ว “ไม่แน่ใจคงต้องดูก่อน เพราะธุรกิจที่ กทม. ก็ต้องมีคนดูแล เท่าที่คุยกับมาดามท่านอยากให้เราอยู่ที่ กทม.มากกว่า”พอเกตุแก้วได้ยินแบบนั้นก็ทำเสียงง้องอนใหญ่ ปอฝ้ายเหล่มองเพื่อนจากนั้นก็หันมองก
“ฝ้าย” เสียงใสหนึ่งดังขึ้นทำให้ปอฝ้ายหันมอง พบว่าเป็นเกตุแก้วจริงๆ หญิงสาวดูสีหน้าตกใจเล็กน้อย จากนั้นก็เดินมาหาเธอก่อนจะหันมองคนข้างตัวเธอ“เจอกันอีกแล้วนะ”ปอฝ้ายหันมองมาร์คัสที่นิ่งเงียบผิดปกติ “พวกเธอสองคนรู้จักกัน?” เป็นคำถามที่มาร์คัสเองไม่อยากตอบเมื่อคืนเขาไปเที่ยวผับแล้วก็ได้เจอกับเกตุแก้วก่อนที่พวกเราจะจบกันบนเตียง และเขาก็ให้เธอได้ลิ้มรสบทรักที่แสนร้อนแรงตอนเช้า แต่ไม่จบเพราะมีคนมาขัดเสียก่อนเกตุแก้วยิ้มแล้วถามปอฝ้าย “แฟนฝ้ายหรือเปล่า”ปอฝ้ายรีบส่ายหน้าปฏิเสธอย่างรวดเร็ว “เปล่าเขาเป็นเพื่อนฝ้าย”“ออ อย่างนั้นถ้าเกตุจะขอจีบพ่อหนุ่มคนนี้ได้ไหม” มุมปากเกตุแก้วยิ้มอย่างมีเลศนัยปอฝ้ายหันมองคนข้างหลัง ก่อนจะมองเกตุแก้วอีกรอบ และนั่นก็ทำให้พวกเขาสองคนได้คบกัน โดยที่เธอเองก็ไม่มีสิทธิที่จะปริปากบอกความรู้สึกตัวเองได้อีกเลยพวกเขาไปด้วยกันแล้ว แต่เธอก็ยังนั่งอยู่ร้านกาแฟต่อ คิดจะหยิบหนังสือมาอ่านเล่น สมองก็ดูเหมือนจะไม่ทำงาน สายตาหันมองผู้คนที่รถที่กำลังวิ่งไปมาสี่ปีที่ผ่านมา ความรู้สึกที่เธอให้เขาแม้จะไม่ปริปากบอกแต่เธอก็คิดว่าเขาอาจจะรับรู้ แต่สุดท้ายเธอก็เป็นได้แค่เพื่อนของเขา
เสียงบรรเลงบทเพลงรักดังไปทั่วห้องนอน สองคนขับประสานกันส่งผ่านความสุขให้แก่กัน ชายหนุ่มรูปร่างราวเทพบุตรซาตาน ดวงตาคมเต็มไปด้วยแววตากระหายหื่นเขายืนอยู่ปลายเตียงในมือมีเชือกเส้นใหญ่ ร่างเทพบุตรซาตานนั้นค่อยคืบคลานเข้ามาหาหญิงสาวที่นอนอยู่บนเตียง สองมือจับรวบที่ขาเธอจากนั้นก็แยกขามัดไว้กับเสาเตียงทีละฝั่ง ก่อนจะขยับไปยังด้านบนนำมือสองข้างมารวบติดเอาไว้“มันจะเจ็บไหม”มุมปากคนถูกถามยกยิ้มแต่ไม่ตอบ ซาตานตนนั้นเดินวนรอบเตียงก่อนจะเดินไปหยิบแสสีดำขึ้นมา จากนั้นก็ฟาดลงบนตัวของเธอ“อ๊ะ” เสียงหญิงสาวร้องด้วยความตกใจ ไม่คิดว่าเขาจะรุนแรงกับเธอแบบนี้ ความหวาดกลัวกับเกมรักที่เขาบอกว่าสนุก เธอเริ่มไม่อยากสนุกด้วยแล้ว“มาร์คัสหยุดเถอะ เกตุเริ่มกลัวแล้ว” เกตุแก้วมองชายหนุ่มที่ไม่มีทีท่าว่าจะหยุด ภายนอกเขาเป็นหนุ่มเจ้าสำราญ เสเพล และเอาแต่ใจ แต่ใครจะคิดว่าบนเตียงเขาจะร้อนแรงกว่าอามรณ์เสียอีก“ไม่ต้องกลัว สิ่งเหล่านี้จะกระตุ้นอารมณ์ให้เกตุยิ่งต้องการมากขึ้น” ใจเธอหวาดหวั่นกับเกมรัก พยายามขยับตัวหนีแต่มือและขาที่ถูกรั้งเอาไว้ก็ไม่อาจทำให้เธอหลุดพ้นเขาได้เทพบุตรซาตานตนนั้น เริ่มขยับเข้าหาเธอ ใบหน้าซาต
พวงกุญแจตุ๊กตาเน่าที่แขวนอยู่บนกระเป๋าเอกสารของเขานั้น เหมือนเป็นเครื่องย้ำเตือนว่าอดีตเมื่อสิบปีก่อนเขาเคยเจอใครมาก่อนมาร์กัสหันมองนอกหน้าต่างนึกถึงเหตุการณ์ในครั้งนั้น ตอนที่เขาได้กลับมาอยู่กับครอบครัวตัวเองอีกครั้ง หลังจากที่ปู่และย่าพาตัวเขาไปเลี้ยงดูตั้งแต่เด็กๆความทรงจำในวัยเยาว์นั้นเขามักจะได้คิดเสมอว่าตัวเขาอาจจะไม่ใช่ลูกรัก หรือลูกที่พ่อแม่ต้องการ ยามที่เห็นพี่และน้องมาเยี่ยมแล้วพวกเขาสนิทสนมกันหัวเราะมีความลับต่อกันเขาก็มักจะคิดว่าตัวเองเป็นคนนอกเสมอ ถึงแม้ตอนหลังเขาได้กลับมาอยู่กับพ่อแม่แล้ว แต่เวลามันล่วงเลยผ่านไปสิบปีเสียงเรียกของแอร์เพื่อรับเครื่องดื่มทำให้เขาหลุดจากความคิดหันมารับเครื่องดื่ม ในชั้นเฟิร์สคราสมองเห็นเด็กน้อยด้านหน้าเกตกำลังวิ่งเล่นอยู่ตรงห้องน้ำ ความทรงจำครั้งเดิมก็กลับมาอีกครั้งสิบปีที่เขาได้บินกลับมาไทยพร้อมพ่อแม่ครั้งแรก ครั้งนั้นเขาเดินไปยังด้านหลังคิดจะเข้าห้องน้ำชั้นเฟิร์สคลาสแต่พบว่ามีคนเข้าอยู่แล้ว เขารู้สึกปวดหนักจึงเลือกเดินไปยังด้านหลังชั้นรองแทน มาถึงห้องน้ำก็มีคนเปิดประตูพอดี เขาจะเข้าแต่แล้วก็มีเด็กสาวที่ไหนไม่ทราบวิ่งเข้ามาตัดหน้าเขาจา
