로그인เพี๊ยง ๆ เสียงฟ้าผ่าลงมากลางอากาศทำให้ปอฝ้ายตกใจแล้วก้มหน้าปิดตาเอาไว้ สองมือก็ท่องพุธโธเพื่อให้เธอไปถึงที่หมายโดยเร็ว หวังเพียงให้ตัวเองมีชีวิตรอดก็พอ
คิ้วมาร์กัสก็ขมวดเช่นกัน ดูเหมือนสภาพอากาศวันนี้จะเลวร้ายพอสมควร หลังจากที่ประเมินแล้วดูเหมือนพวกเราต้องหาที่จอดก็เลยบอกคนขับเฮลิคอปเตอร์ด้านหน้า
เจลโล่รับคำพยายามจะเลี้ยวกลับไปยังโรงงานดังเดิมหรือไม่ก็ขอลงจอดที่สนามบินที่เชียงใหม่แทน แต่จังหวะเลี้ยวกลับนั้นจู่ๆ ก็มีเสียงสัญญาณเตือน จากนั้นเสียงฟ้าผ่าลงมาใกล้หู
ชิปหายแล้ว เจลโล่มองสัญญาณใบพัดด้านบนเสียหายไปสองใบ หันมองมาร์กัสที่เริ่มหยิบร่มชูชีพขึ้นมาอย่างรวดเร็วให้พวกเราใส่เอาไว้ จากนั้นก็เตรียมตัวให้พร้อมเมื่อเครื่องบินกำลังสั่นขึ้นเรื่อยๆ เสียการทรงตัวอย่างหนัก
“บินไปภูเขาลูกโน่น” แม้จะฝนตกแต่ก็พอมองเห็นว่าภูเขาลูกนั้นโล่งเตียนพอที่จะสามารถลงจอดได้ แต่แล้วไม่ทันจะหักเลี้ยวพายุลูกใหม่ก็พัดเข้ามาทำให้เฮลิคอปเตอร์หมุนเข้าไปในพายุดังกล่าว
จากนั้นเสียงร้องของปอฝ้ายก็ดังขึ้น มาร์กัสโอบหญิงสาวไว้ในอกจากนั้นทุกอย่างก็ดับวูบไป....
หรือว่าพวกเราตายแล้วตอนที่มาร์กัสรู้สึกตัวลืมตาขึ้นมาก็พบว่าตัวเองอยู่ท่ามกลางความมืด และเหมือนอยู่บนรถอะไรสักอย่างข้างกายมีปอฝ้ายนอนสลบไม่ได้สติ
ส่วนเขาเองก็รู้สึกเจ็บที่ขาและแขน มองดูผ้าพันแผลที่พันลวก ก่อนจะลืมตาขึ้นให้ชัดอีกครั้งก็พบว่ามีปืนจ่อตรงหน้าเขาตอนนี้ถึงสี่คน
จากนั้นเขาก็พบว่าคนพวกนั้นล้วนพูดภาษาไทยไม่ได้แต่เหมือนจะเป็นภาษาพม่ามากกว่า เขาหันมองรอบกระบะก็ไม่พบเจลโล่มีเพียงแค่พวกเราสองคน
หลังจากประเมินสถานการณ์ตรงหน้าแล้วตอนนี้เขาทำได้อย่างเดียวก็คือ ตามน้ำไปก่อน
รถกระบะเคลื่อนย้ายไปตามทางของถนนดินแดงไม่นานก็จอดที่หมู่บ้านกลางป่าแห่งหนึ่ง มาร์กัสหันมองปอฝ้ายที่ฟื้นขึ้นมาพอดี หญิงสาวจะร้องแต่อีกฝ่ายก็เรียกสติ
“เงียบอย่าเสียงดัง” ไม่ให้เธอเสียงดัง เธอที่กลัวอยู่แล้วก็รีบหุบปากเพราะกระบอกปืนยาวกำลังจ่ออยู่ตรงหน้า
ปอฝ้ายลงจากรถพร้อมกับมาร์กัส จากนั้นพวกคนที่จับตัวพวกเรามาก็พาพวกเราไปขังที่กระท่อมไม้เหมือนกรงขัง จากนั้นก็คล้องโซ่พวกเราเหมือนหมูตัวหนึ่ง ตอนนั้นเองที่พวกเราได้สังเกตว่ามีคนอยู่ด้านหลังอีกสองสามคน
มาร์กัสจึงเดินสำรวจกรงหมู คนที่ถูกจับมาก่อนก็พูดขึ้น
“คุณหนีไม่พ้นหรอก ถ้าหนีแล้วพวกมันจับได้ก็มีแต่ตายกับตายเท่านั้น”
เสียงคนไทยที่ถูกจับมาก่อนพูดขึ้น ทำให้มาร์กัสเดินมาหาปอฝ้ายอีกรอบ ก่อนจะหาที่นั่งที่มุมซ้ายของกระท่อมพยายามคิดหาวิธีหนีจากกลุ่มโจรพม่าพวกนี้
คนที่ถูกจับมาก่อนสำรวจมองผู้หญิงคนเดียวในนี้ จากนั้นก็เอ่ยเตือนคนที่มาด้วยกัน “ระวังนะพ่อหนุ่ม สาวๆ แบบนั้นพวกมันจะจับไปเป็นเมีย”
มาร์กัสหันมองสีหน้าปอฝ้ายที่ซีดเผือกทันที “มีผมอยู่ผมจะไม่ยอมให้เกิดเรื่องแบบนั้นแน่นอน”
เธอก็หวังจะเป็นอย่างนั้นตอนนี้เขาคือความหวังสุดท้ายของเธอที่จะพาเธอให้รอดกับเหตุการณ์ไม่คาดฝันครั้งนี้ ปอฝ้ายจึงขยับแนบชิดกับตัวเขา
พอเสียงประตูโซ่ดังขึ้นเธอก็ผวาสะดุ้งอย่างตกใจ มองคนที่เดินเข้ามาถือปืนแล้วมองรอบกระท่อมจากนั้นก็ใช้ปืนเล็งมาที่พวกเราสองคน
“ออกมา!!” เสียงขู่เป็นภาษาไทยทำให้พวกเรารีบลุกขึ้น จากนั้นก็ถูกพวกมันพาไปยังกระท่อมที่ดูสภาพดีกว่าที่พวกเราอยู่ เมื่อขึ้นไปถึงด้านบนก็พบว่ามีคนนั่งอยู่บนโซฟาสีดำเก่าในมือก็มีปืนถืออยู่เช่นกัน
พวกเขาถูกผลักลงคุกเข่ากับพื้น มาร์กัสมองโดยรอบอย่างระวังก่อนจะมองปืนที่พวกเขาถือเอาไว้ ดูเหมือนจะเป็นปืนไรเฟิลรุ่นเก่า
จากนั้นไม่นานก็มีผู้หญิงคนหนึ่งเดินเข้ามาแล้วนั่งลงใกล้กับคนที่เป็นหัวหน้า คนเป็นหัวหน้าพูดภาษาพม่ากับผู้หญิงไม่นานอีกฝ่ายก็หันมาแปลให้ฟัง
“พวกคุณเป็นใคร ทำไมถึงตกเครื่องบินราคาแพงนั้นใช่เศรษฐีไหม”
มาร์กัสเงยหน้ามองคนถาม ถ้าบอกว่าเศรษฐีได้โดนเรียกค่าไถ่แล้ว “พวกเราสองคนเป็นผัวเมียกัน กำลังจะขับเครื่องบินไปส่งให้คนซื้อไม่ใช่เจ้าของเอง”
ผู้หญิงที่พูดไทยได้หันไปแปลคำของมาร์กัสให้คนข้างตัวฟัง อีกฝ่ายก็ตะโกนเสียงดังเหมือนไม่เชื่อสิ่งที่เขาพูด จากนั้นคนถือปืนก็ตรงเข้ามา เขามองเห็นอีกฝ่ายกำลังจะยิงปืนก็ลุกขึ้นจากนั้นก็จับปืนดึงมาเป็นของตัวก่อนจะแกะสลายแยกเป็นชิ้นส่วน
ความเร็วที่เขาทำทำให้หัวหน้าโจรพวกนั้นรู้สึกตกใจ จึงหันไปพูดกับหญิงสาวข้างตัว “คุณประกอบปืนเป็นแล้วยิงปืนเป็นไหม”
มาร์กัสส่ายหน้าลูกมาเฟียแบบเขาถูกฝึกยิงปืนตั้งแต่ห้าขวบ ถ้ายิงไม่เป็นก็เสียชื่อแย่ “เป็น”
อองยี้หัวหน้าก็พูดขึ้นอีกหนึ่งประโยค ชบาจึงพูดต่อ “นายอยากให้คุณพิสูจน์คำพูดว่าจริงไหม ถ้าโกหกผู้หญิงคนนั้นจะต้องเป็นเมียนาย”
สีหน้าของชบาดูไม่ชอบคำสุดท้าย เมื่อก่อนตัวเองเป็นผู้หญิงที่สวยที่สุดในค่าย มาตอนนี้กลับมีอีกคนเข้ามาแทนที่ ดังนั้นเธอจึงเอาใจช่วยคนที่บอกว่าเป็นผัว
มาร์กัสถูกลากมาที่ลานฝึกอาวุธ เขามองปืนไรเฟิลที่แยกประกอบอยู่ตรงหน้า ชายหนุ่มรวบรวมสมาธิเพียงหนึ่งนาทีจากนั้นก็ประกอบมันไม่ถึงห้าสิบวินาทีด้วยซ้ำ
คนที่มองดูเวลาแล้วตกใจ และตกใจยิ่งกว่าเมื่ออีกฝ่ายใช้ปืนไรเฟิลที่ประกอบยิงเป้าทั้งหมด 5 เป้าถูกภายในหนึ่งนาทีโดยไม่ต้องเล็งเลยด้วยซ้ำ
ความสามารถแบบนี้พอจะเลี้ยงอีกฝ่ายเป็นคนฝึกอาวุธให้กองกำลังของเขาได้ ดังนั้น จึงต้องทำดีกับอีกฝ่ายหน่อย
“นายจะให้คุณฝึกอาวุธพวกเรา และให้กระท่อมคุณอยู่อย่างสบาย แต่คุณห้ามหนีเด็ดขาดไม่งั้นตายศพไม่สวยแน่”
มาร์กัสมองหน้าที่ที่ได้รับ แม้จะเป็นงานถนัดแต่ก็ไม่ถูกต้องเท่าไร ที่ฝึกให้กับพวกโจรเก่งขึ้นมา แต่ตอนนี้เขาไม่มีทางเลือกก็เลยยอมรับข้อเสนอไปก่อน
ไม่นานผู้หญิงคนนั้นก็พาไปยังกระท่อมใกล้กับกระท่อมของนาย รอบด้านมีคนคุ้มกันแน่นหนา “ฉันชื่อชบานะ ถ้ามีอะไรขาดเหลือก็บอกได้”
ชบาเดินมายืนตรงหน้าปอฝ้าย “ฉันขอเตือนคุณก่อนนะ สิ่งไหนที่คุณโกหกแล้วก็ทำให้เป็นจริงด้วย เพราะถ้านายเกิดจับได้ขึ้นมาผู้หญิงของคุณไม่ได้มีผัวคนเดียวแน่”
มาร์กัสหันมองหญิงสาวก่อนมองรอบกายที่มีผู้ชายยืนมองไม่วางตา เขาจึงรีบให้เธอขึ้นไปบนกระท่อมจากนั้นก็ปิดประตูที่เปิดอยู่ให้สนิทกว่าเดิม
“ยังไงก็ต้องตามน้ำไปก่อน”
ตามน้ำไปก่อนหมายความว่ายังไง “หมายถึงฝ้ายต้องนอนกับพี่จริงๆ ใช่ไหม”
เจอโจรก็ว่าแย่แล้ว ต้องมามีผัวที่ไม่พร้อมอีกปอฝ้ายก็ยิ่งหน้าซีดเผือกมากกว่าเดิม “ไม่ต้องถึงขนาดนั้นแค่ทำเสียงประกอบก็พอ”
เสียงประกอบก็พอ หมายถึงยังไง ปอฝ้ายรู้สึกเรื่องที่เจอหนักที่สุดในชีวิตแล้วนะ ยังต้องมาทำเสียงครางกระเส่าหลอกคนด้านนอกอีกเธอจะบ้าตาย!!!
จากที่คิดขยับหนี ปอฝ้ายก็เริ่มเร่งเร้าอารมณ์เขาต่อ ขยับจากเตียงนอนไปยังโซฟา อ่างอาบน้ำ และสุดท้ายก็จบลงที่เตียงนอนอีกครั้งความสุขครั้งนี้มีให้เธอไม่รู้จบความทรงจำครั้งนี้ทำให้เธอรู้ว่าการมีสามีเป็นมาเฟียนั้น โอกาสที่ได้นอนนั่นยากเหลือเกินจริงๆ แต่เธอก็ชอบมันที่สุดบนน่านน้ำอิตาลี เรือยอร์ชของมาร์โกลอยลำอย่างปลอดภัย รอบด้านห่างออกไปประมาณหนึ่งกิโลเมตรมีคนของเขาคุ้มกันอยู่หากเกิดเหตุร้ายก็สามารถเรียกใช้งานได้ทันทีมือเขาหยิบไวน์ชั้นเลิศขึ้นมาจิบ มองเมียที่กำลังเดินผ่านด้วยชุดว่ายน้ำเซ็กซี่ ไม่ได้เห็นภาพแบบนี้นานแล้วตั้งแต่มีลูกมีหลานก็วุ่นวายจนไม่มีเวลาว่างของตัวเอง“พวกเราน่าจะอยู่ที่นี่สักสองเดือน”“ก็แล้วแต่คุณ” แอนนารู้สึกว่าตัวเองแก่แล้ว ลูกหลานเองก็สบายต่างมีหน้าที่ของตัวเองสืบต่อจากพวกเขา ในเมื่อปล่อยวางได้แล้วพวกเราก็ควรพักผ่อนบ้าง อย่างเช่นตอนนี้ที่เธอกำลังจะว่ายน้ำในสระว่ายน้ำบนดาดฟ้าเรือเรือนร่างยั่วยวนที่ไม่ได้เปลี่ยนไปเลยสักนิด กำลังแหวกว่ายอยู่ในน้ำแบบนี้แล้วเขาจะยอมอยู่นิ่งได้เช่นไร มาร์โกวางแก้วไวน์ลงจากนั้นก็ถอดเสื้อออก เผยให้เห็นซิกแพคแน่นคนมองอยู่ในน้ำมองอย่างภูมิใจ
ปอฝ้ายหันไปสนใจเด็กสามคนที่กำลังนั่งทำหน้าสำนึกผิดหลังจากที่คิดจะหนีเที่ยวลำพัง “ครั้งนี้แม่คิดว่าลูกอาจคิดได้แล้ว ที่มาดามทำก็ล้วนเพื่อความปลอดภัยของเราทั้งนั้น”สามคนพยักหน้าพร้อมเพรียงเป็นแดลเนียลที่ยกมือก่อนใคร “ผมอยากฝึกอาวุธ โตขึ้นจะได้ปกป้องพี่ได้”เห็นแบบนี้แล้วคนเป็นพ่อก็เข้ามาอุ้ม “เรายังเด็ก”“ผมโตแล้ว” โตแล้วอะไรเพิ่งจะหกขวบ ตอนเขาฝึกอาวุธก็ตอนใกล้สิบขวบ ถ้าฝึกตอนนี้โตมาลูกเขาไม่กลายเป็นมาเฟียตั้งแต่เด็กหรือยังไง ทุกวันนี้ดื้อรั้นยิ่งกว่าเขาตอนเด็กอีกเคยได้ยินคำพระไทยที่กล่าวว่า กรรมตามทัน เห็นท่าจะจริงทุกวันนี้มาดามยังหัวเราะตามหลังเขาอยู่เลย ลอร่ารับลูกชายที่คิดจะฝึกปืนตั้งแต่เด็กเข้าไปนอน ส่วนมาร์กัสกับปอฝ้ายก็อุ้มอลิซไปนอนเช่นกัน ต่างคนต่างแยกย้ายเหลือเพียงเจด้าที่ยังอยู่ที่เดิมกับไนร่าดวงตาเธอมองพี่คนโตสุด “ให้แม่ดุไหม” คนที่ชวนน้องทำเรื่องไม่ดีสำนึกผิดจริงๆ เจด้าไม่ทันเอ่ยอะไรเสียงมือถือก็ดังขึ้น ปลายเสียงดูร้อนรนคงทราบแล้วว่าเกิดอะไร“ทำไมไม่บอกผม” พีรพัฒน์เอ่ยเสียงดุไม่พอใจ แม้เขาจะทำงานอยู่ต่างเมืองแต่เขาก็อยากรับรู้ทุกอย่างเช่นเดียวกับภรรยาคนที่เป็นห่วงกลัวเขา
มาร์โกและแอนนาก็ถูกเบียดไปยังมหาวิหารนิส “ไม่ต้องห่วงไปดูพวกเขาก่อน” เขาจูงมือเมียเข้าไปในวิหาร มีผู้คนวิ่งตามเขาเข้ามาเช่นกัน ดวงตาคมหันมองซ้ายขวาของวิหารจำได้ว่าหากลัดเลาะไปไม่นานจะมีท่าเรือยอร์ช ตรงนั้นมีเรือยอร์ชของบริษัทเขาอยู่ คิดว่าทางนั้นปลอดภัยที่สุดแอนนาทั้งห่วงลูกและหลาน แต่ก็ต้องพยายามหนี เมื่อเสียงปืนเงียบลงแล้ว มาร์โกจึงแวะพักเพื่อให้เธอหายใจ แอนนาทรุดลงหันมองเหมือนจะเป็นสุสาน“คุณคิดว่าเสียงระเบิดนั่น”“ผมไม่แน่ใจ” เสียงมือถือเขาดังขึ้น เป็นลูคัสที่โทรมาบอกว่าเจด้าปลอดภัยดี ตอนนี้ก็เหลือพวกหลานๆ“กลับไปยังโรงแรมแล้วดูแลเจด้าให้ดี ส่วนพวกมาร์กัสถ้ามีอะไรคืบหน้าก็รีบโทรมา”“ครับ” เสียงปลายสายรีบบอก มาร์โกหันมองเมียที่ดูกังวลไม่ผิดกับเขา มืออุ่นส่งมือให้แอนนาแต่มือบางไม่ทันจะแตะมือเขาก็มีเสียงปืนดังขึ้นปัง!!! ตอนแรกไม่แน่ใจว่าเกี่ยวกับพวกเขาไหม ตอนนี้รู้แล้วว่าเป้าหมายของพวกมันคือพวกเรา แล้วพวกเราจะรออะไรก็วิ่งสิ เมียมาเฟียอย่างแอนนาก็รีบหยิบปืนออกมาป้องกันตัวหลายปีที่ผ่านมาทำให้เธอรู้จักเตรียมตัวมากขึ้น ฝีมือการยิงก็แม่นเหมือนจับวาง คิดไม่ทันขาดคำก็โดนพวกมันไปหนึ่งคน
เมื่อลงไปยังด้านล่างของโรงแรมหรูก็พบกับรถตู้สีดำสี่คันรถ เหมือนพวกเราจะพาทำให้คนเยอะกว่าเดิมไหม การเดินทางก็ลำบากแม้รถจะขยับเคลื่อนได้ไม่เท่าไรก็ต้องจอดนิ่งดังเดิมมาร์กัสหันมองบรรดาลูกๆ ด้านหลัง ที่ทำสีหน้าเบื่อหน่าย “ลงเดินไหม” คำเดียวถึงได้เห็นรอยยิ้ม“ไม่ได้” แอนนาถึงกับค้านขึ้นมา แต่มาร์กัสและมาร์คัสเหมือนจะไม่ฟังเท่าไร พวกเขาเปิดประตูจากนั้นก็จับจูงลูกลงจากรถแล้ววิ่งไปตามทาง ปล่อยให้บอดี้การ์ดวิ่งตามหลังแทนเจด้าที่นั่งอยู่กับมาดามก็พยายามปลอบใจคนกลัว “ไม่มีอะไรหรอกค่ะ” เสียดายพีรพัฒน์มาไม่ได้ ทำให้เธอรู้สึกเหงาเช่นกัน เมื่อเข้าใจความรู้สึกนี้ก็ทำให้เธอรู้ว่าเด็กๆ คิดเช่นไรมางานสนุกแต่ก็เหมือนไม่ได้มา แบบนี้แล้วมีหรือที่พวกเขาจะสนุก พอได้วิ่งเล่นลงด้านล่างมาร์โกและแอนนาพร้อมเจด้าก็ลงจากรถเดินตามไปอีกกลุ่มแอนนามองเห็นด้านหน้าชัดเจนก็เลยหมดกังวล ยิ่งเห็นรอยยิ้มของหลานๆ ดูเหมือนเธอจะคิดมากไปจริงๆ เมื่อคิดแบบนั้นก็เลยพยายามปล่อยวางแต่สงบใจได้ไม่นานก็มีเสียงระเบิดดังขึ้นเสียงดัง “เด็กๆ” แอนนารีบตะโกนทำให้บอดี้การ์ดรีบขยับตัวไปคุ้มกันเจลโล่รีบไปด้านหน้าทันที เหลือเพียงลูคัสรีบขยับม
บ้านคฤหาสน์มาร์เรนถูกประดับประดาด้วยแสงไฟสีเหลืองทองทั่วงาน ด้านในถูกประดับประดาด้วยดอกไม้นับนานาพันธุ์ ผู้คนที่เข้ามาร่วมฉลองในค่ำคืนนี้ล้วนเป็นคนสนิทที่พวกเขาคุ้นเคยดีจังหวะที่พวกเรากำลังมีความสุขนั้น จู่ๆ แขกที่ไม่ได้รับเชิญก็มา ปอฝ้ายหันมองลูเฟีย แต่กลับไม่พบเมญ่า ชายหนุ่มจะเดินเข้ามาในงาน แต่บอดี้การ์ดคู่หู เจลโล่และลูคัสก็ขวางทางเสียก่อน“แขกไม่ได้รับเชิญ ไม่อนุญาตให้เข้าไปครับ”ลูเฟียที่มาในสภาพไม่เต็มร้อย บอดี้การ์ดได้กลิ่นเหล้าจากกลิ่นตัวของอีกฝ่ายเหมือนเขาไปตกลงในถังเหล้าแช่อยู่สักสามสี่วันเห็นจะได้“ออกไป กูจะเข้าไป!!” เสียงตะโกนทำให้ทุกคนในงานหันมองเจด้าที่ยืนอยู่อีกฝั่งจะเดินเข้าไปห้าม แต่พีรพัฒน์ก็ดึงแขนห้าม“เดี๋ยวผมไปเอง” สีหน้าคนเป็นสามีหวงเมียยังคงเหมือนเดิม เจด้าจึงได้แต่พยักหน้าเดินไปหามาดามแอนนา ฟังเสียงคนไม่ได้สติยังคงโวยวายเหมือนคนบ้าอยู่“ออกมาสิโวย เมญ่า!!”คิ้วปอฝ้ายขมวดเข้ามากัน “ให้ฝ้ายไปดูเขาได้ไหม” เธอหันไปถามมาร์กัส คนเป็นสามีมีสีหน้าครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง “พี่จะเดินไปด้วย” เธอเห็นด้วย เพราะดูจากสภาพมาเฟียเลือดร้อนตรงหน้าแล้วเธอก็ไม่วางใจพอเดินไปถึงลูเ
เสียงระฆังดังขึ้นอีกครั้ง ปอฝ้ายหันมองรอบงานต่างกับงานแต่งงานของเธอพอสมควร ทุกอย่างเหมือนแทบไม่ตกแต่งอะไร คนที่มาร่วมงานก็นับคนเห็นจะได้ตอนที่นั่งเครื่องบินนั่น ทำให้เธอรู้ว่ามาร์คัสกำลังป่วย แต่ป่วยขนาดไหนเธอก็ไม่รู้ จนกระทั่งเห็นชายหนุ่มที่อยู่ในสภาพสูบผอม ศีรษะไร้ผม ใบหน้าไร้เลือดหญิงสาวยิ้มให้อีกฝ่าย จากนั้นก็เดินไปหาเจ้าบ่าวที่ยืนอยู่ในห้องแต่งงาน มาร์คัสทักทายพี่ชายก่อนจะทักทายพี่สะใภ้“สบายดีไหมฝ้าย”“สบายดี ว่าแต่นายเถอะอาการดีขึ้นยัง”“ตอนทำคีโมครั้งสุดท้าย หมอบอกว่ามะเร็งเหมือนจะหยุดการเติบโต แต่ก็ยังไม่ชัวร์ต้องรอสักระยะแล้วไปตรวจใหม่อีกรอบหนึ่ง”“ดีใจด้วยนะ ขอให้หายป่วยไม่มีโรคภัยอีก และดีใจที่นายได้เจอคนที่นายรักจริงๆ” ปอฝ้ายอวยพรด้วยใจเป็นเจ้าบ่าวที่ยิ้มขอบคุณ เงยหน้ามองพี่ชายอย่างเกรงใจแต่ก็อยากเอ่ยออกมา “ความรู้สึกที่เรามีให้ฝ่ายก็ไม่ใช่เรื่องโกหกเสียหน่อย”“จะแต่งงานอยู่แล้ว ยังจะมาพูดแบบนี้อีก” มือเล็กยกขึ้นตีอีกฝ่าย ไม่นานก็มีเสียงเด็กน้อยวิ่งเข้ามา ปอฝ้ายอุ้มอลิซให้รู้จักเขา“เธอเหมือนฝ้ายมาก”“อืม” ฝ้ายยิ้มก่อนจะปล่อยลูกสาวตัวน้อย วิ่งไปหาพี่สาวไนร่าที่กำลังเดิ







