Share

บทที่ 2 ใครบ้างไม่เกลียดชังนาง

last update Terakhir Diperbarui: 2025-12-11 07:45:00

บทที่ 2

ใครบ้างไม่เกลียดชังนาง

ยามเซิน(15.00 – 16.59 น.) ท้องทั่วฟ้าเมืองหลวงยังไม่มืดนัก แสงแดดปลายวันลอดผ่านเมฆหม่นเป็นริ้วอ่อน

หลินอวี้เซียนผลักบานประตูไม้หลังเรือนท้ายจวนออก ลมชื้นอ้าวพัดปลายผมให้ไหวเบาทำให้รู้ได้เลยว่าหากนางไม่รีบไปรีบกลับอาจต้องเจอกันฝนที่สาดเทแน่ อวี้เซียนอยู่ในชุดผ้าฝ้ายสีเทาเรียบ ใบหน้าคลุมผ้าบางปิดครึ่งล่าง มีเพียงดวงตาคมที่สะท้อนแสงอ่อนจากฟ้า

วันนี้ทั้งจวนมัวอยู่กับงานเลี้ยงหลังพิธีบรรพชน ไม่มีใครทันเห็นว่านางออกมาหรอก นางใช้ทางลับที่สำรวจและเจอได้จากวันก่อน ลัดเลาะเงียบสู่ถนนด้านนอก

ลมหอบกลิ่นขนมนึ่งมายังปลายจมูก ทำให้หัวใจที่นิ่งมานานกระเพื่อมขึ้นเล็กน้อย คล้ายได้หายใจคล่องอีกครั้งในโลกที่ไม่คุ้นเคย

ตลาดบนถนวนพลันคึกคัก ผู้คนขวักไขว่ เสียงเร่ขายสินค้าปะทะกันเป็นจังหวะ ชา เครื่องหอม ผ้าแพร เครื่องประดับ ละลานตาไปหมด นางก้าวช้า ๆ ทอดสายตามองรอบด้าน ใบหน้าหลังผ้าคลุมซ่อนรอยยิ้มบาง ๆ

อวี้เซียนหยุดหน้าร้านสมุนไพร กลิ่นรากแห้งและใบยาที่ตากแดดจนควันอุ่นอบอวลอยู่เต็มอากาศ

“แม่นาง สนใจยาชนิดใดหรือ?” พ่อค้าชราเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเป็นมิตร

“ขอดูก่อน” เสียงนางเรียบ “ร้านท่านอยู่มานานเพียงใดแล้วหรือ?”

“นานจนข้าจำไม่ได้เสียแล้ว คนเจ็บมีอยู่ทุกยุค โรคภัยไม่เคยหมดไป ข้าจึงยังขายยาได้ทุกวันนั่นล่ะ”

มุมปากนางยกขึ้นจาง ๆอย่างเห็นด้วยเพราะยุคที่นางจากมาก็ยังมีร้ายสมุนไพรแม้จะอย่างอื่นจะเปลี่ยนแปลงไปมากมายแล้ว

“ของที่ผู้คนต้องการไม่หมดสิ้น ผู้มองเห็นย่อมอยู่รอด...”

อวี้เซียนเอ่ยถามอีกเล้กน้อยก็เดินจากมา นางเดินต่อผ่านร้านชา กลิ่นใบชาที่กำลังอบลอยอ้อยอิ่ง ผสานกลิ่นกำยานอ่อนหวานในอากาศทำให้ดวงตานางสะท้อนความคิดบางอย่าง

...บางที หากต้องเริ่มต้นใหม่ การค้าขายคงเป็นหนทางที่จับต้องได้ที่สุดแล้ว

แต่ทันใดนั้นเสียงกลองที่ดังขึ้นก็ฉับพลันตัดจบความสงบในใจให้ขาดสะบั้น ธงสีแดงโบกสะบัด ลมแรงพัดผ่านแนวแผงค้าจนกระดาษปลิวว่อน

“หลีกทางให้ขบวนแม่ทัพไป๋อี้เหวินเดินทางออกไปจัดการโจรร้ายนอกเมือง!”

เสียงตะโกนดังก้อง ถนนทั้งสายโล่งในพริบตา ธงสีเลือดสะบัด ที่หัวขบวนมีม้าดำสนิทและบุรุษใบหน้าเคร่งขรึมสวมเกราะเหล็กแวววาวใต้แสงสุดท้ายของวัน ผู้คนล้วนก้มหน้าหลบระคนตื่นกลัวไม่กล้ามอง

...คนผู้นี้สมเป็นพระเอกในนิยายที่ขึ้นชื่อเรื่องพระเอกธงแดงที่ดีกับนางเอกนิยายคนเดียวเท่านั้นเสียจริง

“หลบเร็ว!”

พ่อค้าคนหนึ่งคว้าแขนนางที่ยืนมองค้างที่เดิมให้ออกมาจากวิถีทางม้าและขบวนทัพ

นางเพิ่งก้าวถอยไม่ไกลก็เหลือบมองเห็นเด็กเล็กที่ส่งเสียงร้องไห้ดังขึ้นอยู่บนแผนขายของ

“แง แม่จ๋า!”

ร่างเล็กที่พยายามคลานหาแม่กลิ้งล้มจากแผงสู่กลางถนน ที่กำลังมีม้าพุ่งเข้าหาอย่างไม่มีใครคาดคิด ในพริบตาที่ใครต่อใครแข็งทื่ออวี้เซียนขยับก่อนจะทันได้คิด ร่างบางพุ่งออกไปคว้าเด็กแล้วกลิ้งหลบข้างทาง ฝุ่นฟุ้งขึ้นพร้อมเสียงหยุดขบวนดังสะท้อนถ่ายทอดไปตาม ๆ กัน

ผ้าคลุมหน้าของอวี้เซียนหลุดออกเผยใบหน้าขาวผ่องเปื้อนฝุ่นดิน ดวงตาคมตกใจสะท้อนเงาระยิบ เป็นแม่เด็กที่วิ่งเข้ามาอุ้มลูกแนบอกแน่น น้ำเสียงสั่นด้วยความตื้นตัน

“ขอบคุณเจ้าค่ะ แม่นาง ถ้าไม่ได้ท่าน--”

ก่อนบทสนทนาจบอวี้เซียนที่กำลังลุกขึ้นปัดกายก็ถูกมือหยาบกระชากแขนนางจากด้านหลัง

“คุณหนูรอง หลินอวี้เซียน ท่านก่อเรื่องอันใดอีก!”

ทันทีที่นามถูกเอ่ยออกไปก็เหมือนคมมีดเฉือนความอุ่นในทันใด นางหันมองนายทหารหนุ่มที่จำหน้านางได้ด้วยดวงตาแสนจะเบื่อหน่าย บัดนี้ความสงบที่นางชอบหายไปแล้วเหลือเพียงเสียงซุบซิบจากฝูงชนลุกพรึบราวเพลิงไหม้ที่ลุกลาม

“ใช่ คุณหนูรองที่พยายามฆ่าน้องสาวตัวเอง!”

แม่เด็กที่เพิ่งขอบคุณไปไม่ทันจบประโยคก็รีบอุ้มลูกถอยหลัง ความหวาดในแววตานั้นเย็นเสียยิ่งกว่าฝนที่กำลังตั้งเค้ามา

ริมฝีปากนางขยับน้อย ๆ รอยยิ้มคล้ายเย้ยตนเอง หัวใจคนเปลี่ยนทิศเร็วยิ่งกว่าลมเสียอีก ต่อมาก็ได้ยินเสียงย่ำเท้าของม้ามาหยุดลงตรงหน้า ไป๋อี้เหวินที่อยู่บนหลังม้าส่งดวงตาคมดุดันมองลงมา

“อวี้เซียน สตรีเช่นเจ้าบรรพชนคงไม่แม้แต่ยอมรับ เจ้ายังกล้าออกมาก่อเรื่องที่กลางตลาดอีกหรือ!”

“ข้าน่ะหรือก่อเรื่อง ข้ามาเดินตลาดมิได้ทำสิ่งใดผิดเสียหน่อย พวกท่านต่างหากที่วางท่าทีใหญ่โตจนเกือบทำร้ายผู้บริสุทธิ์!”

อวี้เซียนเงยหน้าขึ้นสบตาอีกฝ่ายโดยไม่หลบสายตาก่อนจะส่งสายตามองไปทางตำแหน่งที่สองแม่ลูกอยู่ก็พบเข้ากับความว่างเปล่าเสียแล้ว พวกนางถอนออกไปห่างรวมกับชาวเมืองเรียบร้อย

“อย่าได้มาเปลี่ยนเรื่อง ตลาดนี้ไม่ต้องการสตรีชั่วร้ายเช่นเจ้า!”

มุมปากนางยกนิด ๆ กลั้วหัวเราะก่อนเอ่ยเสียงทีเล่นทีจริงไป “อ้อ ข้าว่าท่านแม่ทัพไป๋คงกลัวว่าผู้คนจะจำได้ว่าแม่ทัพผู้สูงศักดิ์เคยหมั้นกับหญิงที่ท่านเองตราว่าเลวสินะ”

“หุบปาก!”

เสียงคำรามสะเทือนอากาศโดยรอบและผลักชาวเมืองให้ถอยหลังห่างอีกหลายช่วงเท้า ทว่าอวี้เซียนที่อยู่ใกล้สุดกลับยังคงยืนนิ่งไม่ไหวติง

“ข้าเพียงพูดในสิ่งที่หลายคนน่าจะคิด แต่ไม่มีใครกล้าพูดเท่านั้น หากไม่ใช่ท่านแม่ทัพไป๋ก็ปล่อยผ่านเถอะ”

แววตาของเขาแข็งกร้าวขึ้นยิ่งกว่าเคย สายตาดุดันหันกลับไปก่อนสะบัดคำสั่ง ลากนางออกไปทิ้งนอกตลาด!

มือสวมเกราะของทหารผู้เดิมกระชากแขนอวี้เซียนก่อนจะนำผ้ากระสอบคลุมร่างไว้แน่น พลั่งพร้อมด้วยเสียงคนรอบข้างโห่ดังก้องทันใด

“ดีแล้ว เอานางออกไป!”

“หญิงใจทราม น่าขยะแขยง!”

“นางช่วยเด็กก็คงเพื่อต้องการเอาหน้า!”

“ใช่ คนชั่วอย่างไรก็ยังเป็นคนชั่วอยู่ดี!”

ฝนเริ่มโปรยลงหลังจากตั้งเค้าอยู่นานแล้ว เสียงหยดน้ำกระทบพื้นหินดังแผ่ว กลบเสียงคนด่าทอจนเหลือเพียงความเงียบแสนจะขมขื่น

ภายใต้ผ้ากระสอบ อวี้เซียนหลับตา สูดลมหายใจยาวปล่อยให้ความเย็นของฝนไหลผ่านแก้ม นางแค่นหัวเราะเบา ๆ

โลกนี้...ไม่ต่างจากโลกเดิมของนางเลย

ไม่ว่าจะเกิดมาเป็นลูกสาวมาเฟียหรือสวมร่างเป็นนางร้ายในนิยายล้วนถูกคนตัดสินก่อนจะได้รู้จักตัวตนนางจริง ๆ เสียอีก

...

เสียงเกือกม้าของขบวนแม่ทัพค่อย ๆ ละลายหายไปกับสายลม ทิ้งเพียงฝุ่นขาวที่คลุ้งเหนือประตูเมืองหลวงและสตรีนางหนึ่งผู้ถูกโยนทิ้งไว้เพียงลำพัง

หลินอวี้เซียนที่ถูกปล่อยทิ้งไว้ลงกับพื้นถูกหินกรวดบาดผิวจนเลือดซึม แต่เพียงยกมือเช็ดฝุ่นออกจากแก้มอย่างเงียบงันเท่านั้น ไม่เอื้อนร้องขอคำใด

สายตาเย็นเฉียบเงยมองขบวนนำด้วยธงแดงที่กำลังเคลื่อนห่างออกไปทีละน้อย  เงาของไป๋อี้เหวินชัดเจนบนหลังม้า เขาไม่ได้หันกลับมาเลยแม้แต่น้อย

นางหัวเราะเบา ๆ  เสียงแผ่วแต่ขมจนแทบกลืนไม่ลง

“บุรุษผู้มากด้วยอำนาจกลับใช้กลั่นแกล้งสตรีนางหนึ่ง ช่างน่ายกย่องยิ่งนัก”

บัดนี้ท้องฟ้ามืดลงแล้ว อวี้เซียนสูดลมหายใจลึก ลุกขึ้นและก้าวเดินช้า ๆ บนถนนเปียกชื้น เส้นทางกลับจวนหลินนั้นยาวไหลและเงียบสงัด เงียบจนได้ยินเพียงเสียงฝีเท้าตัวเองกระทบแอ่งน้ำ...

ฝนตกหนักขึ้นเรื่อย ๆ เส้นผมเปียกแนบแผ่นหลังแต่ดวงตานางยังคงมุ่งมั่นและเย็นเฉียบ ฝีเท้าจะยังคงก้าวถัดไปหากไม่เพราะมีเสียงแหบหยาบโลนของชายกลุ่มหนึ่งดังขึ้นจากตรอกด้านข้างที่นางเดินผ่านมา

“โอ้...แม่นางคนงาม เดินคนเดียวกลางฝนเช่นนี้ ไม่กลัวหรือ?”

“ให้พวกข้าพาไปส่งดีไหม...จะได้ไม่เหนื่อยไปมากกว่านี้”

อวี้เซียนไม่หยุดเท้าเลย นางพลิกข้อมือกำหมัดเตรียมไว้ใต้แขนเสื้อ สายตานิ่งสนิทไม่มีแววหวาดกลัวยามเห็นกลุ่มคนพวกนั้นตามมาจึงเอ่ยตอบไป

“ไม่ต้อง ข้ากลับเองได้”

“อ้าว พูดเสียงแข็งเชียวนะ พวกข้าหวังดีแบบนี้น่าจะพูดให้อ่อนหวานลงหน่อยสิ” ชายคนหนึ่งหัวเราะพลางก้าวเข้ามาใกล้

เสียงฝีเท้าอีกสองคนตามมาเป็นจังหวะล้อมไว้ทั้งสามด้านแล้ว

อวี้เซียนหยุดเดินนางยกคางขึ้นเล็กน้อย สายตาเยือกเย็นตะโกนกร้าว “ถ้าอยากรอด ก็จงถอยไปซะ”

พวกนั้นหัวเราะลั่น “นังนี่คิดจะขู่ข้ารึ!”

ยังไม่ทันพูดจบ ร่างบอบบางก็ขยับเท้าเหยียบดันพื้นพุ่งเข้าหาชายตรงหน้าที่ขวางทางตนไว้ มือหมุนพลิกคว้าข้อมือเขาไว้แล้วดึงกระชากเข้าจากนั้นใช้ศอกกระแทกเข้าชายโครงตรงจุดที่รวมเส้นประสาท ร่างนี้บอบบางและอ่อนแอกว่าร่างเก่ามากหากเน้นออกท่าที่ใช้แรงมีแต่จะแพ้ต้องอาศัยจังหวะเผลอนี่ล่ะ

เสียงกระดูกดังแกร็กดังขึ้นชายที่ถูกโจมตีร้องจ๊ากจนสหายอีกสองคนเซถอยหลังอย่างตกใจ

“นังนี่อยากลองดีนี่หว่า!”

อีกคนสบถเมื่อกลับไปตั้งตัวได้ก่อนจะพยักหน้าให้สหายอีกคนให้พุ่งเข้ามาพร้อมกัน อีกคนมีมีดสั้นในมือด้วย

อวี้เซียนหลบเฉียง ฉวยแขนเขาไว้แล้วใช้แรงเหวี่ยงกลับ แต่จำนวนคนมากกว่ากำลังและความว่องไวของร่างนี้ที่มีกล้ามเนื้อน้อยนิด ชายอีกคนเข้าประชิดจากด้านหลังใช้มือกระชากผมนางจนหลังลากนางล้มลงบนพื้นโคลนทันเ

แรงกระแทกทำให้แผ่นกลังเจ็บแปลบ แต่แววตานางยังไม่มอดดับ มือที่ถูกจับไว้โดยอีกคนสะบัดหลุดใช้เท้าเตะท้องคนด้านหน้าอย่างแม่นยำ เสียงร้องโหยดังขึ้นคราแล้วคราเล่า

“ช่วยกันจับนางไว้!”

อีกคนกลับมาร่วมวงแล้ว สามต่อหนึ่ง ต่อให้สู้เก่งแค่ไหนก็ยากจะรอดด้วยร่างกายบอบบางและอ่อนแรงนี้ แขนขวาถูกจับตรึงไว้กับพื้น อีกคนทำท่าจะมาคร่อมนางแต่อวี้เซียนนั้นใช้เท้าเขี่ยดินโคลนขึ้นจนมันสาดกระเซ้นใส่หน้าเข้าตาไป ก่อนจะเตะเข้าที่กลางผ่าหมากของของชายคนหนึ่งจนทรุด เสียงสบถดังระงม

ทว่าในความชุลมุนนั้นเองก็มีเสียงเกือกม้าดังแผ่ว ๆ ใกล้เข้ามาจากถนนใหญ่

อวี้เซียนหอบหายใจแรง หัวใจเต้นแรงในอก  โอกาสเดียวของนาง!

อวี้เซียนใช้โอกาสที่ทุกคนนิ่งคิดรีบพุ่งตัวออกจากวงล้อม ฝ่าพื้นโคลนไปยังกลางถนน

“หยุดนะ! จับนางไว้!”

ร่างเปียกปอนปะทะแสงคบไฟส่องจับร่างที่เต็มไปด้วยโคลนและน้ำให้เห็นชัดในยามฝนพรำ ๆ ในที่สุดม้าก็ม้าหยุดลงตรงหน้า สายตาแข็งกร้าวแต่แฝงประกายของคนไม่ยอมแพ้

และในวินาทีนั้นเองที่สายตาทั้งคู่ก็สบกัน

...หนึ่งคนแสงแห่งความหวังพาดผ่าน

...ส่วนอีกหนึ่งกลับแปรเปลี่ยนเป็นรังสีแห่งความเกลียดชังฉาบทับ

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • มาเฟียสาวทะลุมิติเป็นนางร้ายในนิยายจบแล้ว   บทที่ 4 พระรองกับนางร้าย

    บทที่ 4พระรองกับนางร้าย“พระราชโองการนี้...ช่างประหลาดนัก”คำพูดของอวี้ซินเฉือนผ่านความเงียบอย่างเฉียบคม ทุกสายตาเงยขึ้นแทบพร้อมกัน เหมือนถูกแรงบางอย่างดึงไว้“ฝ่าบาทจะพระราชทานสมรสให้ข้าที่ชื่อเสียงเสื่อมเสีย ทั้งที่หากจะให้สองตระกูลเชื่อมสัมพันธ์กันไว้อย่างที่ว่าก็มีน้องสามที่หมั้นหมายกับคุณชายใหญ่อี้เหวินอยู่แล้วไม่ใช่หรือ อีกทั้งข้าก็ยังเป็นคนตระกูลเดียวกัน เหตุใดต้องให้ข้าแต่งอีก การให้ตระกูลไป๋รับสะใภ้จากตระกูลหลินถึงสองคน...ไม่ชวนให้สงสัยอย่างนั้นหรือ?”น้ำเสียงของนางนิ่งราวน้ำในบ่อลึก แต่แรงสะท้อนกลับหนักพอจะทำให้คนฟังหายใจติดขัดอนุฮวาเสียนที่ขวัญอ่อนจากการเห็นดาบทาบคอเมื่อครู่สีหน้าเปลี่ยนวูบก่อนโพล่งเสียงสูงอย่างอดไม่อยู่ทันใด“คุณหนูรองช่างกล้าสงสัยและลบหลู่ราชโองการเช่นนี้หรือ! พูดสามหาวถึงเพียงนั้นได้อย่างไรจะให้ตระกูลเราตายตกไปตามเจ้าหรือ!”อวี้เซียนปรายตามองช้า ๆ แววตาเย็นจนคนถูกมองหดคอถอยล่นไม่กล้าดังเดิม“ข้าเพียงสังสัยเท่านั้น หากไม่คิดอันใดเลยตระกูลหลินมีหรือจะรอดชะ--”“เงียบ!” หลินเจิ้งหาวตวาดเขาลุกขึ้นยืนหันหลังให้กับอวี้เซียน “จวนหลินจะไม่ขัดราชโองการ!”อวี้เซี

  • มาเฟียสาวทะลุมิติเป็นนางร้ายในนิยายจบแล้ว   บทที่ 3 พระราชโองการที่นางไม่อยากได้

    บทที่ 3พระราชโองการที่นางไม่อยากได้บุรุษที่ลงมาจากหลังม้ายืดตัวตรง เส้นผมดำเปียกแนบข้างแก้มแต่เจ้าตัวก็ยังคงดูดี หยดน้ำฝนไหลจากขมับผ่านแนวกรามคม ริมฝีปากบีบแน่น เงียบ บรรยากาศรอบข้างแผ่กำจายเต็มไปด้วยอำนาจจนแม้แต่อวี้เซียนยังเผลอกลั้นหายใจชั่วขณะแสงไฟส่องผ่านม่านฝนกระทบใบหน้าคม ดวงตาของเขาเยือกเย็น...เย็นเสียจนคล้ายมองสิ่งที่เขารังเกียจมากที่สุดอวี้เซียนเปลี่ยนจากสีหน้าดีใจฉายความไม่เข้าใจชั่วครู่ที่เห็นว่าแววตาเขาเปลี่ยนเป็นเช่นนี้ แต่บัดนี้ไม่มีเวลาให้ไขข้อสงสัยอวี้เซียนต้องรับขอความช่วยเหลือเสียก่อน“ท่าน...” อวี้เซียนขยับปากน้ำเสียงแผ่วไปบ้างเพราะหอบเหนื่อยแต่ชัดถ้อยพร้อมระบุชี้ไปทางที่ตนจากมา “ช่วยข้าไล่คนพวกนั้นไปทีพวกนั้นจะทำร้ายข้า”ทว่าบุรุษตรงหน้ากลับไม่ขยับ ไม่พูดใดใด เพียงยังมองนางนิ่ง สายตานั้นเย็นราวคมมีด เดี๋ยวขมวดคิ้วเดี๋ยวกัดฟันแน่น“ได้ยินหรือไม่ ข้าขอแค่ให้ช่วยที ข้าจะถูกพวกมันทำร้ายแล้ว ชะ--”พูดยังไม่ทันจบเขาขยับออกไปเหวี่ยงตนเองขึ้นบังคับม้า แล้วก็ทำท่าจะจากไปด้วยซ้ำหากไม่เพราะเขาเปลี่ยนท่าทำให้ม้าตัวโตยกสองขาขึ้นขู่ไปจากพวกอันธพาลจากวิ่งจากไปแทบมาทันแทน คว

  • มาเฟียสาวทะลุมิติเป็นนางร้ายในนิยายจบแล้ว   บทที่ 2 ใครบ้างไม่เกลียดชังนาง

    บทที่ 2ใครบ้างไม่เกลียดชังนางยามเซิน(15.00 – 16.59 น.) ท้องทั่วฟ้าเมืองหลวงยังไม่มืดนัก แสงแดดปลายวันลอดผ่านเมฆหม่นเป็นริ้วอ่อนหลินอวี้เซียนผลักบานประตูไม้หลังเรือนท้ายจวนออก ลมชื้นอ้าวพัดปลายผมให้ไหวเบาทำให้รู้ได้เลยว่าหากนางไม่รีบไปรีบกลับอาจต้องเจอกันฝนที่สาดเทแน่ อวี้เซียนอยู่ในชุดผ้าฝ้ายสีเทาเรียบ ใบหน้าคลุมผ้าบางปิดครึ่งล่าง มีเพียงดวงตาคมที่สะท้อนแสงอ่อนจากฟ้าวันนี้ทั้งจวนมัวอยู่กับงานเลี้ยงหลังพิธีบรรพชน ไม่มีใครทันเห็นว่านางออกมาหรอก นางใช้ทางลับที่สำรวจและเจอได้จากวันก่อน ลัดเลาะเงียบสู่ถนนด้านนอกลมหอบกลิ่นขนมนึ่งมายังปลายจมูก ทำให้หัวใจที่นิ่งมานานกระเพื่อมขึ้นเล็กน้อย คล้ายได้หายใจคล่องอีกครั้งในโลกที่ไม่คุ้นเคยตลาดบนถนวนพลันคึกคัก ผู้คนขวักไขว่ เสียงเร่ขายสินค้าปะทะกันเป็นจังหวะ ชา เครื่องหอม ผ้าแพร เครื่องประดับ ละลานตาไปหมด นางก้าวช้า ๆ ทอดสายตามองรอบด้าน ใบหน้าหลังผ้าคลุมซ่อนรอยยิ้มบาง ๆอวี้เซียนหยุดหน้าร้านสมุนไพร กลิ่นรากแห้งและใบยาที่ตากแดดจนควันอุ่นอบอวลอยู่เต็มอากาศ“แม่นาง สนใจยาชนิดใดหรือ?” พ่อค้าชราเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเป็นมิตร“ขอดูก่อน” เสียงนางเรียบ “ร้

  • มาเฟียสาวทะลุมิติเป็นนางร้ายในนิยายจบแล้ว   บทที่ 1 วันไหว้บรรพบุรุษที่ไม่จำเป็นต้องมีนาง

    บทที่ 1วันไหว้บรรพบุรุษที่ไม่จำเป็นต้องมีนางเช้าวันนี้อากาศสดใส แสงแดดอุ่นส่องลอดผ่านกิ่งเหมยที่ผลิบานผ่านหน้าต่างเข้ามา อวี้เซียนยืนอยู่ริมหน้าต่าง มองออกไปยังลานที่ไร้ผู้คน เข้าวันที่สามแล้วแต่วันนี้ไม่เหมือนเคย เสียงฝีเท้าเบาๆ ดังขึ้นจากหย้าประตูเรือน บ่าวสาวนางหนึ่งก็มาถึงพร้อมถาดมื้อเช้า ท่าทางของอีกฝ่ายดูเหมือนถูกบังคับเต็มหน้า“คุณหนูรอง...บ่าวนำอาหารเช้ามาให้เจ้าค่ะ”น้ำเสียงนั้นทั้งเกรงกลัวทั้งรังเกียจในคราวเดียวคงเพราะภาพจำเมื่อวานที่นางจงใจแสดงอำนาจอย่างน้อยก็ได้ผลอวี้เซียนปรายตามอง “บ่าวส่วนตัวข้าไปไหน ทำไมไม่มาทำหน้าที่?”บ่าวผู้นั้นชะงัก มือสั่นจนเกือบทำถาดหล่น “หมายถึง...ซูม่านหรือเจ้าคะ ก็ยังอยู่ แต่ตอนนี้ไปอยู่ฝ่ายซักล้างแล้วเจ้าค่ะ...บ่าวเช่นนั้นมีบุญแล้วที่ไม่ถูกตีตาย มะ--”“ข้ารู้แล้ว เจ้ากลับไปได้ตอนที่ข้ายังอารมณ์ดีอยู่”คำพูดเรียบง่ายแต่แฝงแรงกดดันจนอีกฝ่ายกลืนคำที่จะพูดต่อลงคอ รีบวางถาดแล้วเผ่นออกไปแทบไม่ทันอวี้เซียนมองชามข้าวในถาด ข้าวขาวกับผักต้มไม่กี่ชิ้น เห็นได้ชัดว่าไม่ได้ใส่ใจจะปรุงให้นางกินจริง ๆ ไว้เดี๋ยวไปหากินที่ครัวเองจะดีกว่าบัดนี้บ่าวส่วนตัวขอ

  • มาเฟียสาวทะลุมิติเป็นนางร้ายในนิยายจบแล้ว   บทนำ

    บทนำ“ไม่ว่าเจ้าจะเสแสร้งแกล้งทำอย่างไร…ก็ไม่มีใครหลงกลเจ้าแล้ว หลินอวี้เซียน!”คำพูดนั้นราวกับฟ้าผ่า กลืนหายไปพร้อมสายฝนและลมกรรโชกที่พัดซัดปลายผมให้เปียกชื้น ความหนาวชอนไชถึงกระดูก นิ้วเรียวบนเตียงเก่ายกขึ้นคว้าอากาศราวกับไขว่หาความจริง แต่ก่อนจะคว้าได้ ลมหายใจกระตุกวูบก่อนร่างบนเตียงนั้นสะดุ้งตื่นโดยพลันแสงเช้าสางส่องลอดช่องฝาไม้ผุ กลิ่นฝุ่นและความชื้นตีจมูก นางนิ่งอยู่ครู่หนึ่งก่อนหายใจยาว กลืนแรงสะท้านจากฝันร้ายให้จมหาย หัวใจยังเต้นแรงจนรู้สึกถึงจังหวะในอกที่สั่นระรัว ผ้าห่มขาดวิ่นโอบกายไม่มิด ลมเย็นแทรกเข้าทุกช่องไม้ ไม่มีสิ่งใดในเรือนนี้บ่งบอกว่าเป็นถึงชีวิตของคุณหนูรองเลยวันนี้คือวันที่สองที่จีน่า เหวิน ลืมตาในร่างหลินอวี้เซียน ตั้งแต่เมื่อวานไม่มีบ่าวแม้คนเดียวมาเหยียบเรือนนี้ เสียงท้องร้องทักเตือนยิ่งชัด นางกัดฟันสูดลมหายใจลึก กลืนความหิวลงคออย่างคนที่รู้ดีว่าไม่มีทางเลือกอื่นครั้งแรกที่ตื่นขึ้น นางยังหลงคิดว่าตนอยู่ในฉากถ่ายละคร ทุกสิ่งดูสมจริงเกินไป จนได้พบหีบข้างหมอนและสมุดบันทึกเล่มนั้น เมื่อเปิดอ่านทีละหน้า หัวใจกลับหนักขึ้นทุกบรรทัด เสียงสาปแช่งและแค้นเคืองของหลินอว

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status