ห้องวีไอพีตั้งอยู่บนชั้นสามของผับซึ่งมีอยู่ประมาณห้าห้องด้วยกัน วรรษมนเดินขึ้นมายังชั้นสองก็เจอเพื่อนที่เดินสวนลงมาพอดี
“เมล่อน รับงานด้วยเหรอ”
“เปล่า แต่แขกไม่ยอมฟังเถ้าแก่เราเลยจะไปบอกเขาว่าเราไม่รับงานนี้ โบว์ว่างใช่ไหม”
“อือ มีอะไร”
“เราอยากให้โบว์ไปด้วยเผื่อเขาจะเปลี่ยนใจ” เพราะเพื่อนที่ชื่อโบว์คนนี้มีรูปร่างและผิวพรรณใกล้เคียงกับตนเองมากที่สุดวรรษมนเลยพาเธอขึ้นไปด้วย
“เรารอนอกห้องนะ เมล่อนเข้าไปคนเดียวก่อนได้เรื่องแล้วค่อยออกมาตามก็ได้”
วรรษมนเคาะประตูก่อนจะเปิดเข้าไปด้านใน
“สวัสดีค่ะ”
“อ้อ มาแล้วเหรอมานั่งนี่สิ”
“ได้ค่ะ ท่านจะแค่ดื่มใช่ไหมคะ” หญิงสาวถามอย่างตรงประเด็น
“ถ้าแค่ดื่มอย่างเดียวฉันคงไม่เหมาถึงร้อยดริ๊งค์หรอกนะ นี่ก็ใกล้จะถึงเวลาปิดแล้วเธอก็เข้าใจการทำงานของที่นี่ดี”
“แต่หนูไม่รับงานแบบนี้ค่ะ ที่ขึ้นมาหาก็เพราะอยากจะมาปฏิเสธด้วยตัวเอง”
“จะโก่งค่าตัวหรือเปล่า จะเอาเท่าไหร่ล่ะฉันยินดีจ่าย”
“ไม่รับก็คือไม่รับค่ะ มีคนที่พร้อมรับงานนี้แล้วเขาก็รออยู่ข้างนอก ถ้าคุณสนใจหนูจะเรียกเขาเข้ามา”
“ฉันสนใจแค่เธอ”
“แต่หนูไม่รับงานแบบนี้”
“ฉันให้แสนหนึ่ง”
“ไม่ค่ะ”
“แล้วถ้าเพิ่มเป็นสองแสนล่ะ”
“จะเท่าไหร่หนูก็ไม่รับค่ะ”
“เธอลองคิดดูดีๆ นะ เงินเยอะขนาดนี้เป็นคนอื่นก็รีบตะครุบไปแล้ว”
“เงินมันก็มากจริงๆ แต่หนูก็ไม่อยากทำแบบนี้หรอกนะคะ คุณลองไปเสนอคนอื่นนะคะ” แม้ว่าอยากจะได้เงินไปใช้หนี้ออสตินแต่วรรษมนก็ไม่อยากทำงานนี้ เธอยอมนอนกับออสตินยังดีกว่านอนกับชายแปลกหน้าคนนี้”
“ถ้าล้านหนึ่งล่ะ”
“หนูก็อยากได้เงินนะคะ เงินหนึ่งล้านมันมากเกินกว่าที่คิดไว้ แต่หนูไม่รับก็คือรับค่ะ”
“เธอนี่จนแล้วหยิ่งนะ”
“ถึงหนูจะจนแต่หนูก็มีศักดิ์ศรีต่อให้เงินมากกว่านี้ถ้าหนูไม่อยากนอนด้วยหนูก็ไม่รับค่ะ ตอนนี้ถึงเวลาปิดร้านแล้วหนูขอตัวก่อน ส่วนคนที่จะรับงานเขามารออยู่ข้างนอกแล้ว หวังว่าคุณคงจะชอบเธอนะคะ”
วรรษมนเดินออกมาจากห้องแล้วบอกให้เพื่อนเดินเข้าด้านในแทนส่วนตัวเธอก็เตรียมเลิกงาน
“เมล่อนให้พี่ไปส่งไหม”
“ไม่เป็นไรค่ะพี่โต้งเมล่อนเอารถมาเอง”
“แต่พี่อยากไปส่งเราไม่ได้คุยกันเลยนะ พี่นึกว่าเราจะไม่กลับมาทำงานที่นี่แล้ว”
“เอาไว้วันหลังเถอะค่ะพี่เมล่อนง่วงมาก”
“เมล่อนจะกลับมาทำงานที่นี่ตลอดใช่ไหม”
“ใช่ค่ะ คงกลับมาทำตลอด เมล่อนไปก่อนนะคะพรุ่งนี้เจอกันค่ะ”
“ได้สิ พรุ่งนี่รีบมาหน่อยนะจะได้คุยกัน”
“ได้ค่ะ” วรรษมนโบกมือให้รุ่นพี่ก่อนจะเดินไปยังถนนอีกด้านซึ่งเธอจอดรถจักรยานยนต์ไว้ที่นั่น ถึงแม้จะเป็นเวลาดึกแต่ถนนเส้นนี้ก็ยังครึกครื้นจึงทำให้หญิงสาวเดินไปที่รถด้วยความสบายใจแต่ยังไม่ทันได้ข้ามถนนรถคันหนึ่งก็ขับปาดหน้ามาเสียก่อน
“โอ๊ย ขับรถยังไงเนี่ยไม่เห็นคนหรือไง” หญิงสาวโวยวาย
“เมล่อน ขึ้นรถ” เสียงเข้าที่ตะโกนออกมาจากรถทำให้คนที่โวยวายอยู่เงยหน้ามามอง
“คุณออสติน”
“เธอยังจำฉันได้นี่”
“ใครจะลืมผู้มีพระคุณล่ะคะ”
“ขึ้นมาก่อน”
“แต่เมล่อนเอารถมา”
“เดี๋ยวฉันให้คนเอาไปเก็บที่บ้านให้”
“เอาไปเก็บที่คอนโดไม่ได้เหรอคะ เผื่อเมล่อนอยากออกไปไหน”
“เธอคิดว่าจากนี้จะได้ออกไปไหนอีกเหรอ ขึ้นมาบนรถเดี๋ยวนี้ก่อนที่จะหมดความอดทน”
“ก็ได้ค่ะ” หญิงสาวส่งกุญแจให้คนของเขาก่อนที่ตัวเองจะขึ้นมาบนรถตู้คันเดิมที่เคยนั่ง
“คุณรู้ได้ยังไงคะว่าเมล่อนอยู่ที่นี่”
“ฉันรู้ทุกอย่างนั่นแหละ”
“ไม่จริงเลย ถ้าคุณรู้ทุกอย่างจริงคุณก็คงรู้ว่าเมล่อนไม่อยากอยู่ที่คอนโดนั่น”
“ทำไมล่ะ ฉันว่าที่นั่นสะดวกสบายดีนะ”
“ข้อนั้นไม่เถียงค่ะ แต่อยู่แบบนั้นมันไม่มีประโยชน์อะไรเลย สู้ออกมาหางานทำดีกว่า”
“เธอจะมาทำงานให้คนอื่นได้ยังไงในเมื่อเธอยังไม่ทำงานใช้หนี้ฉันเลย”
“เมล่อนนึกว่าคุณลืมไปแล้ว”
“ฉันไม่มีทางลืมแต่ฉันก็แค่งานยุ่ง เธอถามฉันแบบนี้แสดงว่าเธอพร้อมทำงานเหรอ”
“เมล่อนไม่มีทางพร้อมหรอกค่ะ แต่ก็อยากจะทำงานให้มันจบๆ ไป เมื่อกี้มีคนเสนอเงินให้เมล่อนด้วยนะคะ”
“เหรอ เยอะไหมล่ะ”
“ก็เยอะอยู่ค่ะ ตอนแรกเขาให้แสนหนึ่งพอเมล่อนปฏิเสธก็เพิ่มเป็นสองแสนแล้วสุดท้ายก็เสนอหนึ่งล้านค่ะ แต่เมล่อนไม่รับหรอกนะคะ”
“ทำไม่ละ เงินเยอะขนาดนั้นเธอเอามาใช้หนี้ฉันได้สบายเลยนะ”
“ถึงเมล่อนจะจนก็มีศักดิ์ศรีนะคะ”
“แต่เธอก็ยอมฉันนี่”
“ค่ะ เพราะคุณช่วยเมล่อนในเวลาที่เมล่อนกำลังลำบาก”
“แล้วถ้าเธอไม่เป็นหนี้สองแสนล่ะยังจะยอมอยู่ไหม”
“เมล่อนก็บอกไปแล้วว่าจะยอมคุณทุกอย่าง คุณออสตินอย่าเพิ่งชวนคุยมากได้ไหม ตอนนี้เมล่อนง่วงมากขอนอนก่อน ถ้าถึงแล้วปลุกด้วยนะคะ” พูดจบหญิงสาวก็หลับตาลงโดยไม่สนใจคนที่นั่งอยู่ข้างๆ
ออสตินมองใบหน้าสวยที่วันนี้แต่งหน้าอ่อนแล้วยิ้ม เมื่อตอนกลางวันที่บอดี้การ์ดโทรไปบอกว่าวรรษมนหนีออกมาเขาก็รู้เลยว่าเธอจะต้องกลับมาทำงานที่เดิมแน่ แล้วมันก็เป็นอย่างที่คิด
เขาวางแผนลองใจเธอด้วยการให้คนไปเหมาเครื่องดื่มและเสนอเงินให้และพอรู้ว่าหญิงสาวปฏิเสธก็รู้สึกดีใจอย่างบอกไม่ถูกถึงแม้เงินจะมากกว่าที่เป็นหนี้เขาแต่หญิงสาวก็ไม่ยอมรับ มันก็พอจะพิสูจน์ได้แล้วว่าเธอโดนหลอกไปขายตัวที่กาสิโนอย่างที่พูดจริงๆ ไม่ใช่แต่งเรื่องโกหกอย่างที่เขาระแวง
“เมล่อนถึงคอนโดแล้ว”
“เหรอคะไวจัง ขอบคุณนะคะที่มาส่ง” พูดจบหญิงสาวก็ลงจากรถโดยไม่สนใจอะไรแต่แล้วก็ต้องแปลกใจเมื่อเห็นเขาเดินตามเข้ามาในลิฟต์
“คุณตามมาทำไมคะ”
“เธอง่วงเป็นเดียวหรือไงฉันก็ง่วงเป็นเหมือนกันนะ”
“เมล่อนคิดว่าคุณจะกลับไปค้างที่โรงแรม”
“พรุ่งนี้วันหยุดฉันไม่ต้องทำงาน” เขาไม่ได้ตั้งใจจะมาค้างที่นี่ตั้งแต่แรกแต่เพราะวรรษมนทำให้เขาเปลี่ยนความคิด
“ค่ะ” วรรษมนยืนตัวลีบเมื่ออยู่ในลิฟต์กับเขาและบอดี้การ์ดอีกสองคน
เธอไม่รู้ว่าการมาค้างที่นี่ของเขามีจุดประสงค์อื่นหรือเปล่าแต่ก็ไม่อยากจะคิดให้ปวดหัวเพราะไม่ว่าเร็วหรือช้าเธอก็ต้องนอนกับเขาตามที่คุยกันไว้ วรรษมนรู้สึกว่าเธอจะกังวลเกินกว่าเหตุเพราะพอมาถึงห้องเขาก็แยกไปทางห้องนอนใหญ่ส่วนเธอก็ตรงเข้าห้องนอนเล็กซึ่งอยู่คนละฝั่งกับห้องนอนของเขา
วรรษมนอยู่อิตาลีเกือบสองสัปดาห์ก็กลับมาเมืองไทยเพราะอีกไม่กี่วันก็จะเปิดเทอม เธอกลับมาพร้อมกับออสตินส่วนบิดามารดาของเขานั้นกำลังจัดการเรื่องธุรกิจและวางแผนจะบินตามมาอยู่ที่เมืองไทยถ้าทุกอย่างที่นั่นเรียบร้อยแล้ว “พี่ออสตินไม่อยู่เมล่อนขอไปเดินซื้อของกับเพื่อนได้ไหมคะ เมล่อนว่าตอนนี้ตัวเองอ้วนขึ้นคงต้องไปซื้อชุดนักศึกษาเพิ่มใหม่หรือว่าจะลดความอ้วนดีคะ” “อ้วนที่ไหนพี่ว่าแบบนี้ดีออกเวลากอดก็เต็มไม้เต็มมือดี ส่วนเรื่องชุดพี่ว่าซื้อใหม่เถอะแล้วอย่าเอากระโปรงสั้นมากนะ เสื้อก็อย่ารัดรูป เขาแค่พอดีตัว” “พี่ออสตินหวงเหรอคะ” “หวงสิ เมียทั้งสวยทั้งเซ็กซี่แบบนี้เป็นใครก็หวง” ตั้งแต่ตกลงว่าจะแต่งงานกับออสตินก็มักจะเรียกเธอว่าเมียจนติดปากแต่วรรษมนก็ไม่ได้ว่าอะไรเพราะเธอก็ชอบที่ได้ยินเขาเรียกแบบนี้ ถึงแม้ว่าตอนนี้ยังเป็นแค่เมียลับๆ ของเขาก็ตาม“พี่จะไปนานไหมคะ”“ไปแค่สองวันเองแล้วก็จะรีบกลับมากอดเมีย”“เมล่อนอยากไปด้วยนะคะถ้าไม่ติดว่าต้องเตรียมตัวก่อนเปิดเทอมเมล่อนจะขอไปด้วย”“เอาไว้ครั้งหน้าที่จะเลือกวันไปทำงานให้ตรงกับวันหยุดดีไหมเมล่อนจะได้ไปดูโร
คุณจิโอวานนี่กลับมายังห้องนั่งเล่นอีกครั้งพร้อมกับกล่องกำมะหยี่อีกหลายกล่อง “นี่มันอะไรคะ” “เปิดดูสิผมว่าคุณน่าจะชอบนะ” เขาบอกภรรยา เธอเปิดกล่องที่วางตรงหน้าออกทุกใบซึ่งในนั้นมีสร้อยเพชรและต่างหูที่เขาชุดกันจะขาดก็แต่สร้อยข้อมือซึ่งเธอรู้ดีกว่าใครว่าสร้อยข้อมือนั้นอยู่ที่ไหน “คุณซื้อทั้งชุดเหรอคะ ฉันนึกว่ามีแต่สร้อยข้อมือ” “ใช่สิ ผมอยากให้คุณใส่ทั้งชุดแต่คุณไม่ยอมสวมเสื้อเปิดคออีกเลย ผมไม่อยากให้คุณคิดมากก็เลยเอาแค่สร้อยข้อมือให้คุณ” ที่ผ่านมาเขาซื้อชุดเครื่องเพชรให้ภรรยามาตลอดแต่ก็จะเก็บสร้อยคอและต่างหูแยกไว้ เขารอวันที่ภรรยาจะกล้าใส่เสื้อที่เปิดให้เห็นคอซึ่งมีรอยแผลนิดเดียวและถ้าไม่สังเกตหรือจ้องนานก็ไม่มีใครเห็น “ขอบคุณนะคะที่ซื้อมาให้ ต่อไปนี้ฉันคงจะได้ใส่ครบชุด” “ผมถามหน่อยสิ ทำไมคุณถึงได้กล้าสวมชุดแบบนี้ล่ะ” “ก็แผลมันนิดเดียวนี่ถ้าไม่มองดีๆ ก็ไม่มีใครเห็นหรอก จริงไหมเมล่อน” “จริงค่ะ ถ้าคุณแม่ไม่บอกหนูก็ไม่เห็น” “ผมกับลูกก็เคยบอกคุณแล้วแต่คุณไม่ยอมฟังเราเลย” “ก็
กลับมาถึงบ้านวรรษมนและคุณอลิษาก็ช่วยกันเข้าครัวซึ่งวันนี้คุณอลิษาเป็นคนลงมือทำอาหารเองทั้งหมดโดยมีป้าวิไลและวรรษมนคอยเป็นลูกมือ “อร่อยมากเลยค่ะคุณผู้หญิง วิไลว่าวันนี้คุณผู้ชายกับคุณออสตินคงได้ทานข้าวกันหลายจานแน่ๆ” “อย่าลืมตักไปแบ่งกันกินด้วยนะฉันทำเผื่อทุกคน” “ขอบคุณค่ะคุณผู้หญิงมาเรียว่าคงต้องหุงข้าวเพิ่มล่ะคะ กับข้าวฝีมือคุณผู้หญิงอร่อยมากจริงๆ” “อร่อยจริงหรือแกล้งชมกันล่ะมาเรีย” คุณผู้หญิงของบ้านถามเพราะไม่ค่อยมั่นใจเนื่องจากตนเองไม่ได้เข้าครัวมานานหลายปีแล้ว “อร่อยจริงๆ ค่ะ” สาวใช้พยักหน้า เธอเคยทานอาหารไทยมาแล้วแต่ไม่เคยทานอาหารไทยที่อร่อยแบบนี้มาก่อน “ถ้าพวกเธอชอบฉันจะพยายามเข้าครัวบ่อยๆ” คุณผู้หญิงของบ้านยิ้ม “ชอบสิคะ แต่มาเรียกลัวคุณผู้หญิงเหนื่อยคุณผู้หญิงสอนมาเรียได้ไหมคะ มาเรียอยากทำเก่งๆ” “สอนหนูด้วยนะคะหนูก็อยากทำเก่งๆ” วรรษมนอยากเรียนรู้เพื่อจะเอากลับไปทำให้ออสตินทาน “ถ้าอยากจะเรียนกันจริงก็จะสอนให้” “ขอบคุณค่ะคุณผู้หญิง” / “ขอบคุณค่ะแม่” สองสาวที่วัย
เป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่คุณอลิษาเลือกซื้อเสื้อผ้าอย่างมีความสุข เธอเข้าร้านนั้นออกร้านนี้อยู่นานก็ได้เสื้อผ้ามาเกือบยี่สิบชุดจนวรรษมนต้องโทรศัพท์ตามคนขับรถมาเอาไปเก็บ ส่วนเธอกับมารดาของคนรักก็เดินไปช้อปปิ้งกันต่อ “แม่คะ เราแวะร้านนั้นกันไหม” วรรษมนชี้ไปยังร้านเครื่องประดับแบรนด์ดังที่อยู่ถัดออกไปอีกไม่มากนัก “ก็เอาสิ” เพราะตนเองได้ของที่ถูกใจแล้วก็เลยอยากจะตามใจหญิงสาวบ้าง พอเข้ามาถึงในร้านวรรษมนก็เดินไปยังมุมที่มีสร้อยคอโชว์อยู่เต็มตู้ “เธออยากได้สร้อยเหรอ” “เปล่าค่ะ คุณแม่นั่นแหละค่ะที่ต้องซื้อ” “ฉันเหรอ” “ค่ะ ก็ชุดที่เราซื้อเมื่อกี้คอมันกว้างและคุณแม่ก็ต้องมีสร้อยสวยๆ ไว้ใส่คู่กันนะคะจะให้คอโล่งไม่ได้” “แต่เครื่องเพชรที่บ้านฉันก็มีอยู่แล้ว” “นั่นมันคือเครื่องเพชรสำหรับใส่ออกงานค่ะ แต่ที่เรามาซื้อมัยเป็นสร้อยที่เราจะใส่ได้ทุกวันเอาหลายๆ แบบเลยนะคะจะได้เปลี่ยนไปตามชุดที่เราใส่” “ทีซื้อกระเป๋าเธอทำเป็นว่าแล้วทำไมสร้อยพวกนี้ถึงไม่ว่าล่ะ” “เมล่อนอยากให้คุณแม่แต่งตัวส
ออสตินพาวรรษมนลงมาจากห้องนอนเพื่อจะพาเธอไปส่งที่โรงแรมแต่ยังไม่ทันได้ออกจากบ้านมารดาของชายหนุ่มก็เรียกทั้งสองเอาไว้ก่อน “เดี๋ยวสิออสติน” “มีอะไรครับแม่” “แม่รู้ว่าวันนี้ลูกจะไปทำธุระกับพ่อ” “ครับแม่ แม่มีอะไรหรือเปล่าถ้าไม่มีผมจะรีบไปส่งเมล่อนก่อนแล้วจะตามพ่อไป” “วันนี้อยากจะไปช้อปปิ้งแล้วบังเอิญว่าไม่มีคนช่วยถือของก็เลยอยากจะให้คนของลูกไปช่วยถือหน่อย” “จะให้หนูไปช่วยถือของใช่ไหมคะ” วรรษมนถามอย่างรู้ทันก็มุกพวกนี้เธอเคยอ่านเจอในนิยายมาเยอะแล้ว “แล้วเธอจะไปถือให้ฉันไหมล่ะ” คุณอลิษาหันมาถามด้วยใบหน้ามึนตึง “ไม่มีปัญหาอยู่แล้วค่ะ กลับไปโรงแรมหนูก็ไม่มีอะไรทำอยู่ดี ไปกับคุณแม่น่าจะสนุกกว่านะคะ” “ถ้าไม่อยากไปก็ไปก็ไม่ต้องฝืนนะเมล่อน” ออสตินกลัวว่าคนรักของตนเองจะลำบากใจ “ไม่หรอกค่ะ เมล่อนเต็มใจคุณรีบไปทำงานเถอะนะคะเดี๋ยวเมล่อนไปกับคุณแม่เองแล้วเจอกันตอนเย็นค่ะ” “งั้นผมไปนะ” ก่อนไปออสตินก็ขโมยหอมแก้มของหญิงสาวอีกฟอดใหญ่ทำให้มารดาของเขาแต่เบะปากด้วยความหมั่นไส้ คุณ
วรรษมนตื่นนอนตั้งแต่เช้าและลงมาด้านล่างก่อนที่เจ้าของบ้านจะตื่นเธอเห็นแม่ครัวกำลังเตรียมอาหารเลยคิดจะเดินเข้ามาช่วย “คุณลงมาทำอะไรตั้งแต่เช้ากันคะ” ป้าวิไลแม่ครัวใหญ่ตกใจที่เห็นว่าคนรักของเจ้านายลงมาตั้งแต่เช้าตรู่ “ป้าเป็นคนไทยเหรอคะ ดีจังตั้งแต่หนูมาที่นี่ก็เจอคนไทยไม่กี่คนเอง” “ป้าเป็นคนไทยจ้ะแต่มาอยู่ที่นี่เกือบสามสิบว่าปีแล้ว” “นานมากเลยนะคะ แล้วป้าทำอะไรคะให้หนูช่วยไหม” “เมื่อวานป้าไปตลาดเอเชียแล้วได้ขนมจีนมาก็เลยจะทำขนมจีนแกงเขียวหวานให้คุณๆ ทานจ้ะ” “ให้หนูช่วยไหมคะ” “หนูทำเป็นเหรอ” “ค่ะ หนูเคยทำให้คุณออสตินทานค่ะ แต่ไม่รู้ว่าจะได้รสชาติเหมือนที่ป้าเคยทำไหม” “หนูทำอย่างที่หนูเคยทำเลย ป้ามาอยู่ที่นี่นานบางครั้งรสชาติก็ไม่เหมือนกับของต้นฉบับเท่าไหร่ แต่ขออย่าให้เผ็ดมากก็พอ” “ป้าจะให้หนูทำจริงๆ เหรอคะ หนูกลัวว่าจะทำออกมาไม่อร่อย” “ไม่ต้องกลัวป้าจะคอยดูอยู่ใกล้ๆ” วรรษมนลงมือทำแกงเขียวหวานอย่างที่ตนเองถนัดโดยมีป้าแม่ครัวและเด็กรับใช้อีกคนยืนดูอยู่ห่างๆ ใช