ออสตินกลับมาถึงห้องก็อาบน้ำและออกมานั่งดื่มที่ห้องรับแขกด้วยความสบายใจเพราะงานที่ติดขัดตั้งแต่ช่วงต้นสัปดาห์นั้นจัดการเรียบร้อยแล้ว ช่วงวันหยุดเขาคงมีเวลาอยู่กับวรรษมนมากขึ้นและเธอก็คงไม่คิดจะหนีออกไปข้างนอกอีก
เขานั่งดื่มพักใหญ่เสียงโทรศัพท์ของวรรษมนที่วางไว้บนโต๊ะหน้าโซฟาก็ดังขึ้นออสตินไม่คิดจะก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวของเธอเลยแต่คนที่โทรเข้ามาก็ดูจะพยายามติดต่อกับหญิงสาวจนเขารู้สึกรำคาญ
ออสตินลังเลว่าจะกดรับดีไหม แต่คนที่โทรเข้ามาก็วางสายไปอีกครั้งจากนั้นก็มีข้อความปรากฏขึ้นมา เขาเลยถือวิสาสะเปิดอ่าน
‘เมล่อนนอนแล้วเหรอ’
‘พี่กดออดเรียกตั้งนานแต่เมล่อนไม่ยอมออกมาเปิดสักที พี่ซื้อก๋วยเตี๋ยวมาให้ ตอนนี้แขวนไว้หน้าประตูนะ’
‘ถ้าตื่นแล้วก็ออกมาเอาด้วย พรุ่งนี้เจอกันที่ผับนะ มาเร็วๆ หน่อยก็ดีพี่มีเรื่องจะคุยด้วย’
ออสตินอ่านข้อความทั้งหมดซ้ำอีกครั้งเพื่อทำความเข้าใจเพราะไม่ค่อยสันทัดในภาษาไทยเท่าไหร่ ชายหนุ่มเริ่มโมโหเมื่อคิดได้ว่าที่วรรษมนหนีออกไปวันนี้ก็เพราะอยากออกไปเจอคนอื่นแล้วถ้าคืนนี้เขาไม่ไปรับเธอที่ผับป่านนี้เธอกับผู้ชายที่ส่งข้อความมาก็คงจะพากันไปค้างที่บ้าน
มาเฟียหนุ่มไม่ชอบให้ใครมายุ่งกับคนของตนในเมื่อตอนนี้วรรษมนยอมที่จะเป็นคนของเขาเธอก็ควรจะต้องตัดขาดกับผู้ชายคนอื่น เขาจะไม่สนใจเรื่องในอดีต แต่หลังจากนี้วรรษมนจะต้องมีเขาแค่คนเดียว ถ้าหากหญิงสาวอยากจะไปจากเขาก็ต้องเป็นเพราะเขาไม่ต้องการเธอเท่านั้น
ชายหนุ่มดื่มเหล้าที่เหลือจนหมดแก้วแล้วเดินตรงไปยังห้องของวรรษมนเพราะอยากรู้ว่าเธอกับผู้ชายที่ส่งข้อความมานั้นกำลังแอบทำอะไรลับหลังตนเองอยู่หรือเปล่า
พอเปิดประตูห้องเข้ามาแล้วก็ไม่เห็นคนที่อยากจะคุยด้วยเขาได้ยินเสียงเธออยู่ในห้องน้ำจึงนั่งอยู่บนเตียงด้วยความร้อนใจ
ผ่านไปสักพักวรรษมนก็เปิดประตูห้องน้ำออกมา เธอสวมชุดคลุมอาบน้ำและก้มหน้าเช็ดผมไปด้วยจนไม่รู้ว่าตอนนี้มีใครอีกนั่งรออยู่ แต่เมื่อเดินมาถึงหน้ากระจกก็ต้องตกใจที่เห็นภาพสะท้อนของเขาอยู่ด้านหลัง
“คุณออสติน เข้ามาได้ยังไง”
“เรามีเรื่องต้องคุยกันนะเมล่อน”
“ขอเมล่อนแต่งตัวก่อนได้ไหม คุณไปรอข้างนอกนะคะ”
“ฉันนั่งรอเธออาบน้ำมาเกือบสิบนาทีแล้วยังจะให้รออีกเหรอ” เขาเริ่มโมโหเมื่อเห็นท่าทางที่เหมือนไม่รู้เรื่องของเธอ
“แล้วมันเรื่องด่วนอะไรที่จะต้องมาคุยตอนนี้ล่ะคะ เมื่อกี้ตอนนั่งรถคุณบอกว่าคุณง่วงไม่ใช่เหรอคะ”
“นั้นมันตอนที่ฉันไม่รู้ว่าเธอหนีกลับไปที่บ้านเพราะอะไร”
“เมล่อนก็บอกคุณไปแล้วว่าอยู่ห้องคนเดี๋ยวมันเบื่อก็เลยอยากออกไปหางานทำ”
“ออกไปหางานหรือหาผู้ชายกันแน่”
“คุณหมายถึงอะไรคะ” วรรษมนไม่เข้าใจว่าออสตินกำลังพูดถึงเรื่องอะไร ใบหน้าสวยนั้นเต็มไปด้วยคำถาม
“ก็ไอ้ผู้ชายที่มันไปหาเธอที่บ้านเมื่อกี้ไงถ้าฉันไม่พาเธอกลับมาที่นี่คืนนี้เธอกับมันก็คงได้อยู่ด้วยกัน นี่คงนัดกันไว้ล่ะสิ” ออสตินโมโหเสียงดังลั่น
“ผู้ชายที่ไหนคะ”
“ถามแบบนี้เธอมีผู้ชายหลายคนนักเหรอ” เขาถามด้วยความโมโห
“ที่เมล่อนถามก็เพราะไม่รู้ว่าคุณกำลังพูดถึงใคร คุณออสตินคะ ถึงคุณจะเป็นเจ้าหนี้แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าคุณจะดูถูกฉันได้นะคะ” หญิงสาวเริ่มเถียงกลับ
“ฉันพูดเรื่องจริง อย่าคิดว่าฉันไม่รู้นะว่าเธอกับมันนัดกันไว้ที่บ้าน”
“จะให้บอกอีกกี่ครั้งล่ะว่าฉันไม่ได้นัดใครทั้งนั้น”
“หลักฐานคาตายังจะเถียงนะ หรือเพราะฉันไม่มาหาสักทีเธอก็เลยต้องออกไปหาผู้ชายข้างนอก”
“มันจะมากเกินไปแล้วนะ”
“ฉันว่ามันยังน้อยไปด้วยซ้ำกับผู้หญิงอย่างเธอ ถ้าอยากมากนักเดี๋ยวฉันจะจัดให้จะได้ไม่ต้องออกไปหาผู้ชายคนอื่นอีก” เขาพูดออกมาด้วยความโมโหเพราะรู้สึกเหมือนกำลังโดนวรรษมนหักหลัง ยิ่งเห็นท่าทางใสซื่อก็ยิ่งทำให้เขาโมโหมากขึ้นไปอีกชายหนุ่มลุกขึ้นยืนแล้วดึงคนที่นั่งอยู่บนสตูลหน้ากระจกเข้าหาโดยที่เธอไม่ทันได้ตั้งตัว
“ว้าย คุณจะทำอะไรคะ” วรรษมนถูกเขาดึงขึ้นมาปะทะกับอกแกร่งสองแขนรวบเธอไว้จนหญิงสาวรู้สึกอึดอัด
“ก็ทำสิ่งที่ฉันควรจะทำตั้งนานแล้ว อย่าทำเป็นไม่รู้เรื่องหน่อยเลยเมล่อน”
“คุณเคยบอกว่าจะรอให้เมล่อนพร้อม” เมื่อเห็นท่าทางเขากำลังโกรธเธอจึงพูดกับเขาด้วยน้ำเสียงที่อ่อนลง เพราะตอนนี้ดูเหมือนว่าออสตินจะไม่ใช่ผู้ชายใจดีคนเดิม
“แต่วันนี้ฉันเปลี่ยนใจแล้ว ฉันว่าเธอเองก็น่าจะรู้นะว่าผู้ชายเขาไม่ชอบรออะไรนานๆ”
เสียงที่กระซิบข้างแก้มเนียนทำเอาวรรษมนขนลุกและรู้สึกว่าคืนนี้เขาคงไปไม่ปล่อยเธอไปแน่ๆ
ชายหนุ่มกอดเอวเธอไว้ ใบหน้านั้นโน้มเข้าใกล้จนหญิงสาวถอยร่นไปทางด้านหลังแล้วล้มหงายลงไปบนเตียงนอนอย่างไม่ทันได้ระวัง
“ถึงเตียงเธอจะเล็กไปหน่อยแต่มันไม่ใช่ปัญหาหรอกเพราะฉันไม่คิดจะนอนอยู่แล้ว”
“คุณออสติน”
วรรษมนเรียกด้วยเสียงแผ่วเบาหวังให้เขาเปลี่ยนใจแต่ชายหนุ่มกลับทำตรงกันข้ามเพราะตอนนี้เขาคร่อมทับลงมาก่อนจะโน้มใบหน้าเขาใกล้แล้วประกบริมฝีปากหยักลงบนเรียวปากบางที่กำลังจะพูดอะไรบางอย่าง
“อื้ม...”
เธอพยายามครางประท้วงเมื่อเขาส่งลิ้นร้อนแทะเล็มริมฝีปากทั้งบนร่างจนหญิงสาวยอมเผยอปากออก เขาไม่รอช้าที่จะส่งลิ้นร้อนเขาไปหาความหวานด้านใน
วรรษมนทำตัวไม่ถูกปลายลิ้นเล็กหลบเลี่ยงลิ้นสากแต่นั่นกลับทำให้ออสตินพอใจ เขาเคยเจอแต่ผู้หญิงที่เชี่ยวชาญเรื่องบนเตียงแต่พอเจอจูบไม่ประสาของวรรษมนก็รู้สึกแทบคลั่ง
“จูบเธอหวานนะเมล่อน ฉันชักอย่างรู้แล้วสิว่าส่วนอื่นจะหวานไหม”
มือใหญ่ดึงชุดคลุมอาบน้ำออกให้พ้นทาง ตาคมมองหน้าอกที่อวบอิ่มราวกับมันเป็นของหวาน
“สวยมากนะเมล่อน”
“อ๊ะ!..อื้ม...”
เธอสะดุ้งครางหวานเมื่อสองมือเคล้นคลึงความนุ่มหยุ่นอย่างหนัก ความเสียวแล่นพล่านทั่วทั้งตัวยิ่งเขาบีบแรงเธอก็ยิ่งรู้สึกอยากให้เขาสัมผัสมากขึ้น
ออสตินมองคนที่นอนดิ้นเนื้อตัวแดงระเรื่อแล้วกระตุกยิ้มก่อนจะจูบลงไปบนเรียวปากเธออย่างหนักหน่วงอีกครั้ง แต่ครั้งนี้หญิงสาวนั้นเริ่มจะจูบกลับนั่นยิ่งทำให้เขาพอใจมากยิ่งขึ้น ปากร้อนเริ่มแทะเล็มไปตามผิวเนียนสวยกลิ่นกายสาวที่ปะทะจมูกกระตุ้นเลือดลมในกายของเขาให้มากขึ้น
“อื้ม...”
หญิงสาวสะดุ้งอีกครั้งเมื่อเขาครอบครองยอดเต้างามเข้าปากร้อน ความเปียกชื้นที่ไล้เลียบนยอดอกทำเอาวรรษมนรู้สึกปั่นป่วนไปทั่วท้องน้อย เธอรู้สึกว่าร่างกายนั้นร้อนขึ้นทุกขณะ แม้ว่าในห้องจะเปิดเครื่องปรับอากาศไว้ก็ตาม
เสียงสูดปากและเสียงครางหวานของหญิงสาวช่างน่าฟังจนเขาอยากได้ยินอีกเรื่อยๆ
มือใหญ่เคลื่อนต่ำลงไปตามเอวคอดและสะโพกอวบอิ่มก่อนจะใช้เข่าดันให้เรียวขาทั้งสองข้างแยกออก
“ของเธอยังสวยนะเมล่อน”
เขาจ้องกลีบกุหลาบที่ปิดสนิทแล้วกลืนน้ำลายลงคอ ยิ่งเห็นน้ำหวานไหลซึมก็ยิ่งอยากจะลิ้มลองแต่ก็ต้องอดใจไว้เพราะไม่รู้ว่าเธอผ่านอะไรมาบ้าง
“อ๊ะ...”
หญิงสาวดิ้นพล่านเมื่อเขาใช้ปลายนิ้วลากขึ้นลงไปบนกลีบกุหลาบเธอรู้สึกทั้งเสียวและทรมานอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน
“เสียวเหรอเมล่อน”
หญิงสาวไม่ตอบแต่เธอกัดริมฝีปากแน่นด้วยกลัวเสียงครางจะเล็ดลอดออกมาให้เขาได้ยิน
“ถ้าเสียวก็ครางออกมาสิ ฉันอยากได้ยินเสียงเธอครางนะเมล่อน”
ยิ่งเขาพูดเธอก็ยิ่งกัดริมปากแน่นเพราะไม่อยากทำตามที่เขาบอก ออสตินหัวเราะเมื่อเห็นเธอต่อต้าน เขาก้มใบหน้าเข้าหาเต้าอวบอีกครั้งขณะที่นิ้วร้ายก็เริ่มทำงานอย่างชำนาญ
“อื้อ...คุณออสติน...”
ในที่สุดเสียงหวานก็ครางออกมากอีกครั้งอย่างห้ามไม่อยู่เมื่อเขากดนิ้วเข้าไปกลางกลีบดอกสวยแล้วขยับให้น้ำหวานอาบไปทั่วปลายนิ้ว
วรรษมนอยู่อิตาลีเกือบสองสัปดาห์ก็กลับมาเมืองไทยเพราะอีกไม่กี่วันก็จะเปิดเทอม เธอกลับมาพร้อมกับออสตินส่วนบิดามารดาของเขานั้นกำลังจัดการเรื่องธุรกิจและวางแผนจะบินตามมาอยู่ที่เมืองไทยถ้าทุกอย่างที่นั่นเรียบร้อยแล้ว “พี่ออสตินไม่อยู่เมล่อนขอไปเดินซื้อของกับเพื่อนได้ไหมคะ เมล่อนว่าตอนนี้ตัวเองอ้วนขึ้นคงต้องไปซื้อชุดนักศึกษาเพิ่มใหม่หรือว่าจะลดความอ้วนดีคะ” “อ้วนที่ไหนพี่ว่าแบบนี้ดีออกเวลากอดก็เต็มไม้เต็มมือดี ส่วนเรื่องชุดพี่ว่าซื้อใหม่เถอะแล้วอย่าเอากระโปรงสั้นมากนะ เสื้อก็อย่ารัดรูป เขาแค่พอดีตัว” “พี่ออสตินหวงเหรอคะ” “หวงสิ เมียทั้งสวยทั้งเซ็กซี่แบบนี้เป็นใครก็หวง” ตั้งแต่ตกลงว่าจะแต่งงานกับออสตินก็มักจะเรียกเธอว่าเมียจนติดปากแต่วรรษมนก็ไม่ได้ว่าอะไรเพราะเธอก็ชอบที่ได้ยินเขาเรียกแบบนี้ ถึงแม้ว่าตอนนี้ยังเป็นแค่เมียลับๆ ของเขาก็ตาม“พี่จะไปนานไหมคะ”“ไปแค่สองวันเองแล้วก็จะรีบกลับมากอดเมีย”“เมล่อนอยากไปด้วยนะคะถ้าไม่ติดว่าต้องเตรียมตัวก่อนเปิดเทอมเมล่อนจะขอไปด้วย”“เอาไว้ครั้งหน้าที่จะเลือกวันไปทำงานให้ตรงกับวันหยุดดีไหมเมล่อนจะได้ไปดูโร
คุณจิโอวานนี่กลับมายังห้องนั่งเล่นอีกครั้งพร้อมกับกล่องกำมะหยี่อีกหลายกล่อง “นี่มันอะไรคะ” “เปิดดูสิผมว่าคุณน่าจะชอบนะ” เขาบอกภรรยา เธอเปิดกล่องที่วางตรงหน้าออกทุกใบซึ่งในนั้นมีสร้อยเพชรและต่างหูที่เขาชุดกันจะขาดก็แต่สร้อยข้อมือซึ่งเธอรู้ดีกว่าใครว่าสร้อยข้อมือนั้นอยู่ที่ไหน “คุณซื้อทั้งชุดเหรอคะ ฉันนึกว่ามีแต่สร้อยข้อมือ” “ใช่สิ ผมอยากให้คุณใส่ทั้งชุดแต่คุณไม่ยอมสวมเสื้อเปิดคออีกเลย ผมไม่อยากให้คุณคิดมากก็เลยเอาแค่สร้อยข้อมือให้คุณ” ที่ผ่านมาเขาซื้อชุดเครื่องเพชรให้ภรรยามาตลอดแต่ก็จะเก็บสร้อยคอและต่างหูแยกไว้ เขารอวันที่ภรรยาจะกล้าใส่เสื้อที่เปิดให้เห็นคอซึ่งมีรอยแผลนิดเดียวและถ้าไม่สังเกตหรือจ้องนานก็ไม่มีใครเห็น “ขอบคุณนะคะที่ซื้อมาให้ ต่อไปนี้ฉันคงจะได้ใส่ครบชุด” “ผมถามหน่อยสิ ทำไมคุณถึงได้กล้าสวมชุดแบบนี้ล่ะ” “ก็แผลมันนิดเดียวนี่ถ้าไม่มองดีๆ ก็ไม่มีใครเห็นหรอก จริงไหมเมล่อน” “จริงค่ะ ถ้าคุณแม่ไม่บอกหนูก็ไม่เห็น” “ผมกับลูกก็เคยบอกคุณแล้วแต่คุณไม่ยอมฟังเราเลย” “ก็
กลับมาถึงบ้านวรรษมนและคุณอลิษาก็ช่วยกันเข้าครัวซึ่งวันนี้คุณอลิษาเป็นคนลงมือทำอาหารเองทั้งหมดโดยมีป้าวิไลและวรรษมนคอยเป็นลูกมือ “อร่อยมากเลยค่ะคุณผู้หญิง วิไลว่าวันนี้คุณผู้ชายกับคุณออสตินคงได้ทานข้าวกันหลายจานแน่ๆ” “อย่าลืมตักไปแบ่งกันกินด้วยนะฉันทำเผื่อทุกคน” “ขอบคุณค่ะคุณผู้หญิงมาเรียว่าคงต้องหุงข้าวเพิ่มล่ะคะ กับข้าวฝีมือคุณผู้หญิงอร่อยมากจริงๆ” “อร่อยจริงหรือแกล้งชมกันล่ะมาเรีย” คุณผู้หญิงของบ้านถามเพราะไม่ค่อยมั่นใจเนื่องจากตนเองไม่ได้เข้าครัวมานานหลายปีแล้ว “อร่อยจริงๆ ค่ะ” สาวใช้พยักหน้า เธอเคยทานอาหารไทยมาแล้วแต่ไม่เคยทานอาหารไทยที่อร่อยแบบนี้มาก่อน “ถ้าพวกเธอชอบฉันจะพยายามเข้าครัวบ่อยๆ” คุณผู้หญิงของบ้านยิ้ม “ชอบสิคะ แต่มาเรียกลัวคุณผู้หญิงเหนื่อยคุณผู้หญิงสอนมาเรียได้ไหมคะ มาเรียอยากทำเก่งๆ” “สอนหนูด้วยนะคะหนูก็อยากทำเก่งๆ” วรรษมนอยากเรียนรู้เพื่อจะเอากลับไปทำให้ออสตินทาน “ถ้าอยากจะเรียนกันจริงก็จะสอนให้” “ขอบคุณค่ะคุณผู้หญิง” / “ขอบคุณค่ะแม่” สองสาวที่วัย
เป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่คุณอลิษาเลือกซื้อเสื้อผ้าอย่างมีความสุข เธอเข้าร้านนั้นออกร้านนี้อยู่นานก็ได้เสื้อผ้ามาเกือบยี่สิบชุดจนวรรษมนต้องโทรศัพท์ตามคนขับรถมาเอาไปเก็บ ส่วนเธอกับมารดาของคนรักก็เดินไปช้อปปิ้งกันต่อ “แม่คะ เราแวะร้านนั้นกันไหม” วรรษมนชี้ไปยังร้านเครื่องประดับแบรนด์ดังที่อยู่ถัดออกไปอีกไม่มากนัก “ก็เอาสิ” เพราะตนเองได้ของที่ถูกใจแล้วก็เลยอยากจะตามใจหญิงสาวบ้าง พอเข้ามาถึงในร้านวรรษมนก็เดินไปยังมุมที่มีสร้อยคอโชว์อยู่เต็มตู้ “เธออยากได้สร้อยเหรอ” “เปล่าค่ะ คุณแม่นั่นแหละค่ะที่ต้องซื้อ” “ฉันเหรอ” “ค่ะ ก็ชุดที่เราซื้อเมื่อกี้คอมันกว้างและคุณแม่ก็ต้องมีสร้อยสวยๆ ไว้ใส่คู่กันนะคะจะให้คอโล่งไม่ได้” “แต่เครื่องเพชรที่บ้านฉันก็มีอยู่แล้ว” “นั่นมันคือเครื่องเพชรสำหรับใส่ออกงานค่ะ แต่ที่เรามาซื้อมัยเป็นสร้อยที่เราจะใส่ได้ทุกวันเอาหลายๆ แบบเลยนะคะจะได้เปลี่ยนไปตามชุดที่เราใส่” “ทีซื้อกระเป๋าเธอทำเป็นว่าแล้วทำไมสร้อยพวกนี้ถึงไม่ว่าล่ะ” “เมล่อนอยากให้คุณแม่แต่งตัวส
ออสตินพาวรรษมนลงมาจากห้องนอนเพื่อจะพาเธอไปส่งที่โรงแรมแต่ยังไม่ทันได้ออกจากบ้านมารดาของชายหนุ่มก็เรียกทั้งสองเอาไว้ก่อน “เดี๋ยวสิออสติน” “มีอะไรครับแม่” “แม่รู้ว่าวันนี้ลูกจะไปทำธุระกับพ่อ” “ครับแม่ แม่มีอะไรหรือเปล่าถ้าไม่มีผมจะรีบไปส่งเมล่อนก่อนแล้วจะตามพ่อไป” “วันนี้อยากจะไปช้อปปิ้งแล้วบังเอิญว่าไม่มีคนช่วยถือของก็เลยอยากจะให้คนของลูกไปช่วยถือหน่อย” “จะให้หนูไปช่วยถือของใช่ไหมคะ” วรรษมนถามอย่างรู้ทันก็มุกพวกนี้เธอเคยอ่านเจอในนิยายมาเยอะแล้ว “แล้วเธอจะไปถือให้ฉันไหมล่ะ” คุณอลิษาหันมาถามด้วยใบหน้ามึนตึง “ไม่มีปัญหาอยู่แล้วค่ะ กลับไปโรงแรมหนูก็ไม่มีอะไรทำอยู่ดี ไปกับคุณแม่น่าจะสนุกกว่านะคะ” “ถ้าไม่อยากไปก็ไปก็ไม่ต้องฝืนนะเมล่อน” ออสตินกลัวว่าคนรักของตนเองจะลำบากใจ “ไม่หรอกค่ะ เมล่อนเต็มใจคุณรีบไปทำงานเถอะนะคะเดี๋ยวเมล่อนไปกับคุณแม่เองแล้วเจอกันตอนเย็นค่ะ” “งั้นผมไปนะ” ก่อนไปออสตินก็ขโมยหอมแก้มของหญิงสาวอีกฟอดใหญ่ทำให้มารดาของเขาแต่เบะปากด้วยความหมั่นไส้ คุณ
วรรษมนตื่นนอนตั้งแต่เช้าและลงมาด้านล่างก่อนที่เจ้าของบ้านจะตื่นเธอเห็นแม่ครัวกำลังเตรียมอาหารเลยคิดจะเดินเข้ามาช่วย “คุณลงมาทำอะไรตั้งแต่เช้ากันคะ” ป้าวิไลแม่ครัวใหญ่ตกใจที่เห็นว่าคนรักของเจ้านายลงมาตั้งแต่เช้าตรู่ “ป้าเป็นคนไทยเหรอคะ ดีจังตั้งแต่หนูมาที่นี่ก็เจอคนไทยไม่กี่คนเอง” “ป้าเป็นคนไทยจ้ะแต่มาอยู่ที่นี่เกือบสามสิบว่าปีแล้ว” “นานมากเลยนะคะ แล้วป้าทำอะไรคะให้หนูช่วยไหม” “เมื่อวานป้าไปตลาดเอเชียแล้วได้ขนมจีนมาก็เลยจะทำขนมจีนแกงเขียวหวานให้คุณๆ ทานจ้ะ” “ให้หนูช่วยไหมคะ” “หนูทำเป็นเหรอ” “ค่ะ หนูเคยทำให้คุณออสตินทานค่ะ แต่ไม่รู้ว่าจะได้รสชาติเหมือนที่ป้าเคยทำไหม” “หนูทำอย่างที่หนูเคยทำเลย ป้ามาอยู่ที่นี่นานบางครั้งรสชาติก็ไม่เหมือนกับของต้นฉบับเท่าไหร่ แต่ขออย่าให้เผ็ดมากก็พอ” “ป้าจะให้หนูทำจริงๆ เหรอคะ หนูกลัวว่าจะทำออกมาไม่อร่อย” “ไม่ต้องกลัวป้าจะคอยดูอยู่ใกล้ๆ” วรรษมนลงมือทำแกงเขียวหวานอย่างที่ตนเองถนัดโดยมีป้าแม่ครัวและเด็กรับใช้อีกคนยืนดูอยู่ห่างๆ ใช