LOGINยามเย็นในชนบทห่างไกล แสงอาทิตย์อ่อนแรงทอดยาวเหนือทุ่งนาเขียวขจี เสียงจักจั่นดังประสานกับสายลมที่พัดผ่านความเงียบสงบ บ้านเรือนไม้หลังเล็กๆ ตั้งเรียงรายอยู่ท่ามกลางธรรมชาติ ฝูงนกบินกลับรังในท้องฟ้าที่กำลังโพล้เพล้ ขอบฟ้าแต่งแต้มด้วยสีส้มทองและม่วงอ่อน สร้างบรรยากาศอบอุ่นและเงียบสงบ
“อืม บรรยากาศดีจัง ~” วิระชัย พงษ์พิสิฐ ชายหนุ่มร่างโปร่ง ใบหน้าละมุนราวภาพวาดที่ถูกถ่ายทอดมาจากบิดา ผิวของเขาขาวอมชมพูเปล่งประกายเมื่อกระทบแสงสุดท้ายของวัน เขายกมือปลดแว่นกันแดดออก เผยดวงตาลุ่มลึกที่สะท้อนความอบอุ่นของทิวทัศน์โดยรอบ การปรากฏตัวของเขาเพียงชั่วครู่ก็ทำเอาสาวน้อยสาวใหญ่ที่เดินผ่านบนถนนดินสายเล็กๆ นี้ ต่างหันมามองด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความหลงใหล ราวกับเขาคือบทกวีที่ก้าวเดินออกมาจากหน้ากระดาษของนิยายคลาสสิกในค่ำย่ำสนธยาแห่งนี้ “บรรยากาศยามเย็นในเขตชนบทแบบนี้ ดีที่สุดเลย” ชายหนุ่มกล่าว พลางกวาดสายตามองไปรอบๆ อย่างชื่นชม “เฮ้! ระวัง!!” เขารีบปิดประตูรถของตัวเองในทันที และวิ่งไปยังหญิงวัยกลางคนที่เดินมาล้มอยู่กลางถนน “ขอโทษครับ” เขาวิ่งไปหยุดรถที่กำลังวิ่งมาเพื่อไม่ให้พวกเขาเผลอชนผู้หญิงคนนั้น “เป็นอะไรหรือเปล่าครับ?” วิระชัยถามด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง “ช่วยหน่อย...ฉันหายใจไม่ออกค่ะ!” สถานีอนามัย “เป็นยังไงบ้างครับ คุณโอเคแล้วหรือยัง?” ชายหนุ่มเดินเข้ามาหาหญิงแก่ที่เขาช่วยพามาส่งที่นี่ หญิงคนดังกล่าวที่กำลังเงยหน้ามองเพดานด้วยสีหน้างุนงง ค่อยๆ หันมามองหน้าเขา “อ้อ คุณนี่เอง” เธอกล่าวพร้อมยกมือไหว้ขอบคุณเขาด้วยท่าทีซาบซึ้ง “อะ! ไม่ต้องไหว้ผมหรอกครับ” วิระชัยรีบยกมือห้าม “แต่ฉันอยากขอบคุณคุณ ถ้าคุณไม่เข้ามาช่วย ฉันคงถูกรถชนตายไปแล้ว” เธอกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง แต่แฝงไปด้วยความเศร้า “ไม่เป็นไรครับ ผมยินดีช่วย” “อืม แต่คุณเหมือนไม่ใช่คนแถวนี้ใช่ไหม? เพราะฉันไม่เคยเห็นหน้าคุณมาก่อนเลย” หญิงแก่ถามด้วยความสงสัย วิระชัยก็ยิ้มอ่อนให้ “ใช่ครับ ผมเป็นคนในเมืองใหญ่ทางนู้น ผมแค่ขับรถออกมาหาแรงบันดาลใจในการทำงาน แล้ววันนี้ก็ขับเพลินมาไกลถึงที่นี่เลย” เขาตอบพร้อมหัวเราะเบาๆ “แล้วคุณชื่ออะไรล่ะคะ?” เธอถามเขาด้วยความสนใจเหมือนดั่งว่าในหัวของเธอกำลังรับรู้ถึงอะไรบางอย่างที่ยังไม่มาถึง “อ้อ ผมลืมแนะนำตัวเลย เรียกผมว่า ‘นีวาย’ ก็ได้ครับ” ชายหนุ่มหัวเราะเล็กน้อย ทำให้คนที่คุยด้วยรู้สึกผ่อนคลายขึ้น “แล้วคุณชื่อกมลใช่ไหมครับ? พอดีผมได้ยินหมอบอกว่าคุณมาซื้อยาที่นี่บ่อย แต่ไม่ยอมไปรักษากับหมอในเมือง” นีวายกล่าวถาม เพราะเขาได้พูดคุยกับหมอและรู้เรื่องราวของหญิงแก่มาพอสมควร เมื่อกมลได้ยินเช่นนั้น เธอก็หน้าเสียเล็กน้อยก่อนจะยิ้มอ่อนออกมา “ใช่ค่ะ แต่จะให้ฉันไปตรวจในเมือง ฉันคงไม่ไปหรอกนะ เพราะสิ่งที่ฉันเป็นอยู่ ต่อให้รักษายังไงก็ไม่พ้นต้องตายอยู่ดี” กมลเผยยิ้มให้กับคำพูดของตัวเอง เนื่องจากว่าเธอนั้นเป็นคนมีลางสังหรณ์ที่แม่นย้ำ เธอจึงรู้อยู่แล้วว่าตัวเองกำลังจะจากไปเร็วๆ นี้ แต่คำพูดของเธอกลับทำให้นีวายรู้สึกสงสาร “แต่การรักษาจะช่วยยื้อชีวิตเราให้ได้อยู่กับคนที่เรารักได้นานขึ้นนะครับ” นีวายพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง จึงทำให้กมลฉุกคิด เธอมีสีหน้าเป็นกังวลในทันที “ถ้าคุณไม่มีเงินรักษา ผมรู้จักโรงพยาบาลที่ช่วยเหลือคนยากจนฟรีนะ หากคุณอยากไป ผมจะพาคุณไป!” การรักษาฟรีนั้นไม่มีหรอก เขาก็แค่ถูกชะตาและสงสารจึงได้พูดไปแบบนั้น ส่วนการรักษาถ้าเธอตกลงไป เขาคงไปพูดกับบิดาได้ เพราะบิดาของเขาก็คงจะสงสารเธอเช่นกัน ในขณะที่ชายหนุ่มคิดกมลก็ยิ้มจางๆ ส่งให้ “ไม่ต้องลำบากหรอกค่ะ เพราะฉันเองก็ไม่อยากอยู่เจ็บปวดทรมานบนโลกใบนี้อีกแล้ว ฉันพอแล้วกับชีวิตนี้” คำตอบของเธอทำให้นีวายรู้สึกเศร้าและหมดหนทางที่จะโน้มน้าวต่อไป “อืม...แล้วตอนนี้ คุณโอเคแล้วใช่ไหมครับ? เพราะหมอบอกว่าถ้าคุณตื่นก็สามารถกลับไปพักผ่อนที่บ้านได้ ให้ผมช่วยโทรหาญาติของคุณให้ดีไหม...” “แม่!!” เสียงเรียกดังแทรกขึ้นจากด้านหลัง ทำให้นีวายรีบหันไปมองตามเสียง ก่อนจะสบตากับเด็กสาวคนหนึ่ง ซึ่งมีดวงตาเปล่งประกาย กลมโตดั่งลูกแก้ว เธอถักเปียสองข้างมองดูแล้วน่ารักซุกซน ร่างน้อยๆ นั่นยืนหลบอยู่หลังประตู ก่อนที่เธอจะเดินเข้ามาหาเพราะมั่นใจแล้วว่าคนบนเตียงนั้นคือมารดา ชายหนุ่มเมื่อเห็นหน้าหญิงสาวได้ชัดขึ้น เขาก็ถึงกับนิ่งไปชั่วครู่สายตาเอาแต่จ้องมองเธอไม่ละไปไหน “ แม่! แม่เป็นอะไร” เสียงของเธอเร่งร้อน ขณะที่สายตากวาดมองแม่ตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า เหมือนพยายามหาบาดแผลหรือสัญญาณผิดปกติ “ แก้มได้ยินชาวบ้านพูดกันว่าแม่เป็นลมล้มอยู่ที่กลางถนน หมอได้ตรวจให้แม่ละเอียดหรือยังจ๊ะ แม่เป็นอะไรมากหรือเปล่า ช่วงนี้แม่ก็ดูสูบผอมลงด้วย !” เธอขยับเข้าใกล้คนบนเตียงจนแทบแนบชิด แววตาสะท้อนความหวาดหวั่นและกังวลอย่างถึงที่สุด ร่างเล็กดูสั่นไหวเหมือนใบไม้ในสายลมแรง ใจของเธอสั่นระรัวไม่ต่างจากคำพูดที่พรั่งพรูออกมาอย่างรวดเร็วและไม่ปะติดปะต่อ กมลเห็นลูกเป็นแบบนั้นเธอก็รีบลุกนั่งอย่างรวดเร็ว เพื่อหวังจะอวดให้ลูกสาวเห็นว่าเธอไม่ได้เห็นอะไรมาก “ แม่ไม่ได้เป็นอะไร แม่แค่มึนหัวหน้ามืดเฉยๆ น่ะ เรากลับบ้านกันเถอะ” กมลที่ไม่อยากให้ลูกสาวเป็นกังวลใจ เธอจึงได้พูดโกหกออกมาอย่างเรียบเนียนผ่านสายตาของนีวายที่มองอยู่อย่างเข้าใจ และรู้สึกสงสารในเวลาเดียวกัน เด็กสาวตรงหน้าเขาคงจะยังไม่รู้ว่าแม่ป่วยหนัก เขาคิดพลางมองที่ใบหน้าอันมอมแมมแต่ก็ยังคงเห็นความน่ารักและงดงามของเธอ “ แล้วแม่เดินกลับไหวไหมจ๊ะ” คำถามจากเสียงแว่วหวานทำให้นีวายหลุดจากความคิด เขารีบเสนอตัว “ อะ! ให้ผมไปส่งพวกคุณที่บ้านนะครับ”พระอาทิตย์ของวันลาลับฟ้าไป แก้มขวัญที่อยู่ในสวนมาเกือบทั้งวันก็เดินถือตะกร้าผักกลับมาบ้าน “ อ้าว พี่เอลิกจะกลับแล้วเหรอ” ก่อนจะเข้าบ้านเธอเห็นเอลิกเดินออกมาจึงรีบทักทายเขา “ ใช่ครับ เห็นบอสบอกว่าตอนนี้กำลังจะกลับ ผมก็เลยว่าจะกลับก่อน อ้าว นั่นบอสมาถึงพอดีเลย” เอลิกทักเมื่อเห็นรถของเจ้าไฟแล่นมาจอดที่หน้าบ้าน แก้มขวัญหันไปมองตามพลางรีบยัดตะกร้าผักใส่มือเอลิก “ อ้าว!” เอลิกก็ทำตัวไม่ถูกเขาได้แต่ยืนมองแก้มขวัญเดินขึ้นบันไดไปยังชั้นสอง “ บอสครับ อ้าวๆ นี่อีกคน” ตามด้วยเจ้าไฟซึ่งลงรถปุบปับก็รีบวิ่งตามหญิงสาวเข้าบ้านไป “อะไรกันวะ” เอลิกส่ายหน้าอย่างไม่เข้าใจให้คนมีความรัก เขาเอาตะกร้าผักไปเก็บไว้ก่อนจะเดินกลับที่พักของตัวเอง “ อ๋าย!!” แก้มขวัญร้องออกมาเสียงดัง ตอนที่เห็นชายหนุ่มวิ่งตามมา เธอพยายามปิดประตูห้องแต่ก็โดนเขาวิ่งมาจับประตูไว้ไม่ยอมให้ปิด “ ปล่อย!!” “ เธอเป็นอะไรไปเนี่ยหะ!!” เขาใช้แรงผลักประตูไปเล็กน้อย ร่างเล็กก็กระเด็นไปนั่งกองที่พื้นห้อง “ โอ้ย..” “ อะ! นั่นไง ผลของความดื้อนะ!” เขาต่อว่าพลันคุกเข่าลงเพื่อจะช่วยดึงเธอลุกนั่ง “ เป็นอะไรไป” เขาถามพลางจ้องหน้าบูดบ
“ พี่ไฟปล่อยได้แล้ว จะพาแก้มไปไหนคะ” แก้มขวัญโดนลากเข้ามาในห้องทำงานของชายหนุ่ม เขาดันตัวเธอชิดกับโต๊ะทำงาน เธอจึงต้องรีบหันหน้ามาเผชิญกับเขา ผู้ชายตรงหน้าที่ทำหน้านิ่งไร้ความรู้สึกยกมือขึ้นจับเอวของเธอและยกเธอให้ขึ้นนั่งบนโต๊ะ “ พี่ไฟ!” “ เมื่อกี้เธอขายอะไรฉัน ให้ไอ้นีวายฟัง” “ กะ..ก็” หญิงสาวเลิ่กลั่กพูดไม่ออกยิ่งเขาเอาแต่จ้องจับผิดปากเธอก็ยิ่งไม่ขยับ เมื่อเขาเริ่มยื่นหน้าเข้ามาใกล้ เธอก็รีบเอ่ยปรามไว้ “ พี่ก็น่าจะได้ยินหมดแล้วไม่ใช่เหรอ แต่แก้มยังพูดไม่จบนะ สิ่งที่แก้มจะพูดมีเยอะกว่านั้นอีก” เธอคิดหาทางรอด เนื่องจากในห้องมองไปทางไหนก็มีแค่เธอกับเขา ถ้าเธอทำเขาโมโหมีหวังได้โดนตรงนี้แน่ “ ยังมีอะไรอีก!” ปากสวยเผยยิ้มก่อนยื่นมือจับแก้มชายหนุ่ม “ พี่ไฟหล่อมาก ทั้งดูดี มีเสน่ห์อีกด้วย จริงไหมคะ” “ หึ!” คนฟังถึงกับแสยะยิ้มมุมปากให้กับความช่างเอาตัวรอดของเธอ ก่อนเขาจะตะโกนใส่หน้าเธอกลับเสียงดัง “ โกหก!!” “ อ๋าย! พี่ไฟแก้มขอโทษค่ะ” ขณะนั้นแก้มขวัญที่ตกใจก็รีบหลับตายกมือขึ้นปิดใบหน้าเอาไว้ “ ฮาฮ่า” ชายหนุ่มขำออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ แก้มขวัญจึงคลายมือออกและจ้องมองเขาที่กำลังย
มือใหญ่เอื้อมมารวบเอวของหญิงสาวในทันทีเมื่อทั้งคู่ก้าวขาเข้ามาภายในบ้านพัก มืออันซุกซนนั้นลูบล้วงพยายามจะปลดกระดุมและซิปกางเกงของหญิงสาว “ พี่จะทำอะไร! แก้มเป็นเมนส์อยู่!” มือเล็กจับห้ามมือของเขาไว้ พร้อมทำหน้านิ่วคิ้วขมวด “ ห๊ะ! เมนส์?” เธอหันมาสบตาเขา “ ใช่! เมนส์ ประจำเดือนน่ะ รู้จักไหม” คนฟังถึงกับยืนนิ่ง คลายอ้อมกอดออกจากน้องพร้อมยืนหลังตรงก้มมองคนตัวเล็ก ไม่น่าล่ะ ถึงได้กล้าต่อปากต่อคำอย่างไม่เกรงกลัว “ แล้วกี่วันหาย” เมื่อตัวเล็กหันหลังให้เขาก็เอ่ยถาม “ 5-6 วัน” แก้มขวัญตอบเขาไปด้วยคำโกหก เนื่องจากรู้ว่าตอนนี้ชายหนุ่มคิดจะทำอะไร เธอขอเวลาพักผ่อนเพิ่มสักสามวันคงไม่เป็นอะไรหรอกมั้ง “ 1 2 3” พอน้องเดินหายไปแล้วเจ้าไฟก็ยืนนับนิ้วตัวเองดู ว่ากี่วันแล้วที่เขายังไม่ได้ทำกับเธอ เมื่อนับเพิ่มมาอีกหกวัน คิ้วของเขาก็ขมวดมุ่นยิ่งกว่าตอนเครียดเรื่องงานเสียอีก ในค่ำคืนของวันนั้น “ อย่า…อย่านะ กีรติกร อย่า!!” ร่างใหญ่สะดุ้งลุกดีดตัวนั่งบนเตียง เนื่องจากฝันร้าย “ บ้าเอ่ย ฝันบ้าอะไรวะ” เขาบ่นออกมาอย่างไม่พอใจ เพราะสิ่งที่เขาฝันคือแก้มขวัญเดินจูงมือเข้าประตูวิวาห์ไปกับนีวาย พอคิดเ
ปลีก!!! เจ้าไฟรีบบึ่งรถเข้ามาตัดหน้าแก้มขวัญซึ่งกำลังเดินเข้ามาในรั้วบ้าน “ อ้าวๆ เดี๋ยวก็ชนน้องเอาหรอก!” อนาคินนั่งเล่นอยู่กับพ่อและพี่ชายฝาแฝดบนระเบียงบ้านเหลือบเห็นเข้าจึงตะโกนร้องอุทานออกมาอย่างตกใจ ทำพ่อกับพี่ต้องรีบชะเง้อคอมองตาม “ ไหนแม่เคยบอกว่าตอนพ่อเป็นหนุ่ม พ่อเจ้าชู้มาก ทำไมพี่ไฟเขาไม่ได้เลือดพ่อมาบ้างเลยล่ะครับ” คีรินแซวขึ้นด้วยน้ำเสียงติดตลก ต่างจากคนโดนแซวอย่างเสี่ยโอมที่ทำได้เพียงกุมขมับและบ่นกับตัวเอง “ ใครเขาสอนมันจีบสาวแบบนี้วะ เสียชื่อเกิดเป็นลูกเสี่ยโอมหมด” “ หยุด!!!” “ ว๊าย!!!” แก้มขวัญเห็นว่ารถของคนพี่วิ่งมาจอดใกล้ เธอก็รีบหลีกตัวจะวิ่งเข้าบ้าน แต่เขาก็ลงรถอย่างไวและวิ่งมากระโดดจับเธอได้ทัน แก้มขวัญจึงพยายามดิ้นให้หลุดเนื่องจากแอบอายน้องชายและพ่อของชายหนุ่มที่นั่งอยู่บนระเบียงชั้นสอง “ อย่ามาจับแก้มน่ะ!!” “ เดี๋ยวนี้หวงตัว จับต้องไม่ได้เลยหรือไง!!” “ เอ้อ!” น้องตะคอกใส่หน้าเขาเจ้าไฟชะงัก ทำให้หญิงรีบสะบัดตัวออกและเดินหนีเข้าบ้านไปอย่างอารมณ์เสีย เจ้าพ่ออารมณ์ร้อนอย่างชายหนุ่มถึงกับงุนงงไปตามๆ กัน เขาทำอะไรผิดมากขนาดนั้นเลยเหรอ ? หลายชั่วโมงผ่านไป
“ นั่นเมียผมนะแม่!! แม่จะยกให้คนอื่นได้ยังไง!” ครีมหอมเหลือบจ้องหน้าลูกชาย แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรด้วย คนเป็นพ่อจึงเป็นคนเอ่ย “ ก็ลูกไปข่มขู่เธอมานี่ พ่อกับแม่สงสารก็เลยช่วยให้เธอหนีลูกไป แล้วอย่าคิดไปตามกลับมาด้วยนะ สงสารเธอหน่อย” คนพูดใช้ช้อนชี้ไปมากลางอากาศด้วยท่าทีสบายๆ เจ้าไฟเบ้ปากจ้องทุกคนบนโต๊ะที่มีท่าที ชิวๆ ไม่เดือดเนื้อร้อนใจอะไร มีแต่เขาเนี่ยแหละ ที่แทบจะระเบิดลงแล้ว “ แล้วพ่อไม่สงสารผมบ้างเหรอครับ” เขาพูดพลางยกมือทุบอกตัวเอง บิดาก็หันมาเลิกคิ้วใส่ ไม่พูดอะไรและปล่อยให้ลูกสาวพูดแทน “ ทำไมพ่อต้องสงสารพี่ด้วยล่ะพี่ไฟ พี่ได้เปรียบเธอทุกอย่างไม่ใช่เหรอ” ลลิซเอ่ยน้ำเสียงเธอดูกลั้นขำ แต่พี่ชายที่กำลังร้อนรนใจกลับดูไม่ออก เขาทำได้แค่มองดุไปหา ลลิซก็หลบหน้าทำเป็นก้มทานข้าวต่อ “ จะไปไหน!!” เสี่ยโอมร้องดังเมื่อเห็นลูกชายไม่ต่อความและกำลังจะเดินออกไป “ จะไปตามยัยนั่นกลับมาไงครับ” พอเจ้าไฟเดินหายออกไป ทุกคนบนโต๊ะก็หัวเราะขึ้นพร้อมเพรียงกัน “ แผนคุณแม่นี่สุดยอดไปเลยนะคะ ดูสิ พี่ไฟคงจะรักจะหลงแก้มขวัญมากแน่ๆ แต่แค่ทำเป็นไม่รู้ตัว แล้วก็ปากแข็งมากด้วย” ลลิซพูดขึ้นเพื่อเปิดการสน
ทำให้วันนี้ทั้งคู่จึงต้องค้างที่บ้าน เจ้าไฟพลิกตัวไปมาบนเตียงด้วยเพราะเขานอนไม่หลับ “ โอ้ย ..” ชายหนุ่มลุกและเดินออกมาด้านนอก ยืนแอบมองหน้าห้องของน้องสาว เนื่องจากแก้มขวัญไปนอนที่ห้องกับลลิซ แต่พอเห็นว่าหญิงสาวที่เขากำลังนึกถึงเปิดประตูออกมาจากห้อง เขาก็รีบเดินเข้าไปดึงตัวน้องมา “ ว้า—” มือใหญ่ยกปิดปากหญิงสาวไว้ “ เงียบ!!” พอเห็นแก้มขวัญทำตามเขาจึงคลายมือออกและดึงเธอเข้าไปในห้องนอนของตัวเอง “ พี่พาแก้มมาที่นี่ทำไม” เมื่อเข้าห้องมาเขาก็ปิดประตูบีบล็อก ก่อนหันมาจ้องหน้าเธอด้วยความโกรธ “ อยากมีสถานะเหรอ!” คำพูดของเขาทำให้หญิงสาวจ้องกลับอย่างงุนงง พอเห็นน้องไม่ตอบ มือใหญ่ก็จับเข้าที่สองบ่าพลันดันน้องหันหลังชิดประตู “ โอ้ย พี่ไฟแก้มเจ็บน่ะ!!” “ เธอตั้งใจมาที่นี่ใช่ไหม อยากจะเป็นสะใภ้ของพ่อแม่ฉันจนตัวสั่นล่ะสิ!!” แก้มขวัญนิ่งไปให้กับสิ่งที่เขาพูด เธอรู้สึกเสียใจที่เขาคิดกับเธอแบบนี้ “ แก้มทำแบบนั้นได้ด้วยเหรอ พี่เองก็ไม่เคยพูดเรื่องที่บ้านให้ฟังอยู่แล้วนี่ แก้มรู้ตัวดีเถอะว่าเป็นได้แค่ที่ระบายอารมณ์ของพี่นะ” “ พูดบ้าอะไร!!” เขาตะคอกใส่หน้าเธอ “ ปล่อยแก้มได้แล้ว แก้มจะไปกิ







