รถหรูวิ่งอยู่บนถนนใหญ่ในช่วงเวลาโพล้เพล้ พลางมีเสียงโทรศัพท์ของคนที่นั่งอยู่ภายในรถดังขึ้น
“ มันโทรมาทำไมวะ คงไม่ได้จะโทรมาขอเงินอีกหรอกนะ” อนาลาหรือเจ้าไฟล้วงมือถือขึ้นมาพลางบ่นกับมันด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ เนื่องจากบนจอมันปรากฏขึ้นว่าเป็นเบอร์ของน้องชายเขา “ ว่าไง ไอ้คำผาน” แต่กระนั้นเขาก็กดรับ [“ พี่ไฟ พี่รีบมาโรงพยาบาลตอนนี้เลยได้ไหม คีรินโดนรถชนเสียเลือดมาก”] “ ห๊ะ!!” หลังฟังเสียงลนลานของอนาคิน เขาก็ตกใจเป็นอย่างมาก เพราะว่า อนาวิน หรือ คีรินน้องชายคนนี้ของเขา โคตรจะเป็นคนดี แล้วนี่ใครมันกล้ามาทำร้ายคีรินแบบนี้! “ เอลิก! วนรถกลับไปโรงพยาบาลของอาไนเดี๋ยวนี้!” เจ้าไฟสั่งลูกน้องคนสนิทของเขาเสียงแข็งกร้าว และยังไม่ทันขาดคำ สิ่งที่เขากำลังสงสัยว่ามันไม่ใช่อุบัติเหตุก็ได้เฉลยออกมา เมื่อมีสายเรียกเข้ามาในมือถือ โชว์เป็นเบอร์ของ นาย พิทักษ์ พงษ์สกร หยกทอง “ มันโทรมา…!.” เขาเอ่ยด้วยสีหน้าไม่พอใจพลางรีบกดรับ [“ ว่าไงเจ้าไฟ เซอร์ไพรส์ที่กูทำ รับน้อง ให้น้องชายมึงเข้าสู่วงการธุรกิจเดียวกันเนี้ย ถูกใจมั้ยวะ ฮาฮ่าฮา”] เสียงแหบแห้งของคนในปลายสายพูดด้วยความเย้ยหยันแฝงสะใจไม่นิด ทำเอาคนฟังอย่างเจ้าไฟหัวร้อน เขาสบถคำหยาบออกมาเสียงดังลั่นรถ “ ไอ้ชาติชั่ว!!! สารเลว!!! โธ่เอ้ย!!!” แต่ปลายสายดันตัดสายทิ้ง ก่อนที่เขาจะได้ต่อว่าอะไรไปมากกว่านั้น มือใหญ่ที่ถือโทรศัพท์อยู่จึงโยนมันใส่เบาะคนขับสุดแรงตามอารมณ์ เล่นเอาเอลิกแม้จะชินแล้วแต่ก็ยังไม่กล้าเอ่ยปากพูดอะไรด้วยสักคำ โรงพยาบาลทูว์เอ็นวาย เจ้าไฟรีบมาที่โรงพยาบาลเพื่อที่จะช่วยอนาคินในการให้เลือดคีรินซึ่งกำลังผ่าตัดอยู่ในห้องฉุกเฉิน “ เป็นยังไงบ้างลูก!” เสี่ยโอมและเมียเมื่อรู้ข่าวเรื่องลูกชายคนรอง เขาก็รีบบินกลับมาจากการทำงานที่ต่างจังหวัด สีหน้าของทั้งคู่ดูตื่นตระหนกและลนลานเป็นอย่างมาก ด้วยเพราะเป็นห่วงลูก “ คุณหมอยังไม่ออกมาเลยครับคุณพ่อ” อนาคินที่ตอนนี้นั่งอยู่ที่เก้าอี้ยาวหน้าห้อง ได้เอ่ยบอกกับทั้งคู่ เล่นเอาครีมหอมที่ยืนอยู่ถึงกับยกมือกุมหน้าผาก “ โอ้ย แม่จะเป็นลม” ครีมหอมเหมือนจะหน้ามืดทรุดลงกับพื้น ดีที่สามีและลูกสาวคนเล็กซึ่งเพิ่งเดินตามกันเข้ามาเมื่อกี้ รีบมาช่วยกันประคับประคองเธอไว้ “ คุณแม่คะ ใจเย็นๆ นะคะ พี่คีรินต้องปลอดภัยค่ะ” อนาลิน หรือ ลลิซ ลูบแขนของคนเป็นแม่เบาๆ ในขณะเดียวกันที่พ่อรีบค้นเอายาดมขึ้นมาให้เมีย “ โธ่เอ้ย!!” เจ้าไฟที่นั่งเงียบขรึมอยู่ตั้งนานแล้ว เขาลุกโวยวายขึ้นมาพลางหันไปชกกำแพงเสียงดัง “ คีรินเป็นคนดีไม่เคยทำอะไรให้ใคร แล้วทำไม! ทำไมน้องต้องมารับเคราะห์เพราะเพื่อความสะใจของคนคนเดียวด้วย!” “ ไฟพูดอะไรลูก มันหมายความว่ายังไง” อศิรหรือเสี่ยโอมหันไปถามลูกชายคนโตด้วยสงสัยกับสิ่งที่ลูกพูดออกมา “ ก็ไอ้พิทักษ์ไงพ่อ เมื่อกี้ก่อนที่ผมจะมาที่นี่ มันโทรมาหัวเราะเยาะผม มันบอกว่ามันเซอร์ไพรส์รับน้องคีริน พูดแล้ว…ฮือ! ผมจะไปเอาเลือดหัวมันออก!” เจ้าไฟตอบอย่างเดือดดาลพลางจะรีบเดินไป แต่อนาคินก็รีบเข้ามาขวางเพื่อช่วยพ่อแม่จับพี่ชายเอาไว้ “ เฮ้ยๆ” “ ไฟอย่านะลูก!” เสี่ยอศิรรีบเข้ามาปรามลูก ไม่ใช่ว่าเขาไม่โกรธแต่เขาแค่ไม่อยากให้ลูกของเขาไม่ว่าจะคนไหนต้องเป็นอะไรไปอีก “ พ่ออย่าห้ามได้ไหม รอบนี้มันจะเอาถึงตายเลยนะพ่อ” เจ้าไฟก็หันมาตะคอกพ่อกลับ ความโกรธของเขาเหมือนจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ “ แต่เพราะว่าเราตอบโต้มันไม่ใช่เหรอมันถึงได้ไม่จบไม่สิ้นแบบนี้” อศิรจึงขึ้นเสียงกลับเพื่อหวังดึงสติลูกชายจอมหัวร้อน ก่อนเสียงจะอ่อนลง “ พ่อขอเถอะหากเราไม่ตอบโต้มัน มันก็คงจะเงียบไปเอง” เจ้าไฟเหมือนจะเงียบฟังที่พ่อพูด แต่กระนั้นมันก็ห้ามอารมณ์ร้อนของเขาไม่ได้ “ ไม่!! พ่อคิดว่ามันจะหยุดหรือไง!! ขนาดเมื่อก่อนผมไม่เคยไปทำอะไรให้มัน มันยังมาทำผมก่อนเลย แล้วพ่อคิดเหรอว่าถ้าผมหยุดตอบโต้ แล้วมันจะหยุดจริงๆ นะ” “ แต่ไฟ ถ้ามันคิดจะเอาชีวิตพวกเรา คิดจะเอาชีวิตน้องๆ ของลูกทุกคนขึ้นมาลูกจะทำยังไงหะ!!” ครีมหอมเริ่มโมโหเธอจึงเริ่มต่อว่าลูก เจ้าไฟหันมองน้องชายและน้องสาวที่กำลังยืนจ้องเขาอยู่ “ ผมก็จะทำให้มันไม่มีโอกาสนั้น! ปล่อยผม!!” เจ้าไฟสะบัดตัวออกจากการรัดกุมแล้วเร่งฝีเท้าเดินออกไปจากโรงพยาบาลด้วยความเดือดดาล เอลิกที่ยืนอยู่ไม่ไกลเห็นแบบนั้นเขาก็โค้งตัวลานายทั้งสองและรีบวิ่งตามบอสของเขาออกไป “ ทำยังไงดีคะคุณ” ครีมหอมจับแขนสามีของเธอแน่น พลางมองทางที่เจ้าไฟเดินไปอย่างเป็นห่วงแฝงความเสียใจไม่น้อย “ คงเป็นกรรมที่ผมเคยทำไว้กับพี่เอก” ครีมหอมรีบส่ายหัวให้กับสามีที่คิดแบบนั้น “ คุณกำลังกลุ้มใจกลัวว่าเจ้าไฟจะเป็นแบบพี่เอกเหรอคะ” เสี่ยก้มหน้าลงมาสบตากับเมีย สีหน้าของเขามีความกังวลพลางเสียใจแฝงอยู่ “ อืม ไฟอารมณ์ร้อนแล้วก็ไม่ฟังใครเหมือนกับพี่เอกเลย” ครีมหอมส่ายหน้าเบาๆ เพราะเธอรู้ดีว่าลูกชายของเธอเป็นอย่างไร “ แต่ยังไงเจ้าไฟก็ยังมีความคิดรักครอบครัว รักน้องๆ ทุกคน แม้จะไม่ค่อยแสดงออก แต่ฉันเลี้ยงลูกมาฉันรู้และเชื่อว่าไฟเป็นคนดีค่ะ” ครีมหอมรีบเอ่ยปัดคำพูดของสามี เนื่องจากเธอไม่อยากจะคิดว่าลูกชายคนโตของเธอจะมีจุดจบแบบอนันดา ถ้าเป็นแบบนั้นเธอรับไม่ได้ อศิรที่เห็นถึงความกังวลของเธอ เขาก็ยื่นมือมาลูบแขนเล็กของภรรยาเบาๆ “ อย่าคิดมากเลยนะครีม ต่อให้ลูกจะเป็นยังไง แต่ลูกก็เป็นลูกเรา เดี๋ยวผมจะออกไปโทรตามลูกก่อน” เสี่ยที่เหมือนมีอะไรในใจ เขาเดินออกไปและปล่อยให้เมียอยู่ตามลำพังกับลูก ลลิซจึงได้พาแม่ไปนั่งพัก “ แม่คะ พี่ไฟเหมือนกับลุงเอกอย่างนั้นเหรอ” เธอถามกับแม่ ครีมหอมรีบหันมามองพลางส่ายหน้า “ ไม่! พี่ชายของลูกนะยังมีหัวใจ ไม่เหมือนผู้ชายคนนั้น” คนเป็นแม่เสียงแข็ง แม้เวลาจะผ่านมานานก็ใช่ว่าครีมหอมจะจำเรื่องนั้นไม่ได้ กลับกันแม้จะอยากลืมแค่ไหน แต่เธอก็จำมันไม่เคยลืม อนาคินที่ยืนฟังอยู่เริ่มขมวดคิ้ว แล้วเดินขยับมาใกล้แม่กับน้อง “ เฮ้อ ไม่รู้สิครับ ตั้งแต่เกิดมาพวกเราก็ยังไม่เคยเห็นลุงเอกเลยนะครับคุณแม่” ครีมหอมยิ้มบางที่มุมปากตอนที่เงยมองลูกชาย “ ก็ตั้งแต่ลุงเอกเขาออกจากคุก พ่อเราก็ให้เงินเขาไปตั้งตัวก้อนหนึ่ง จากนั้นเขาก็ไม่ติดต่อมาอีก ได้ยินแค่ว่าไปใช้ชีวิตที่ต่างประเทศนะ” ครีมหอมพูดด้วยท่าทีสบายใจเพราะอย่างน้อยเอกก็ไม่มาวุ่นวายกับครอบครัวเธออีก โดยเฉพาะกับลูกๆ ของเธอ “ อืม แต่คงจะไม่บังเอิญเป็นประเทศเดียวกันกับตอนที่พี่ไฟไปเรียนต่อหรอกนะ” อนาคินบ่นออกมาอย่างไม่ได้คิดพลางมีเสียงขำน้อยๆ แต่มันกลับทำให้คนเป็นแม่ถึงกับชะงักพูดไม่ออก “ แม่คะ หมอออกมาแล้วค่ะ ” ก่อนจะได้คิดอะไรไปมากกว่านั้น คุณหมอก็ได้เดินออกมาจากห้องฉุกเฉินเสียก่อน….ครีมหอมจึงเปลี่ยนจุดโฟกัสและหันไปสนใจที่คุณหมอพูดแทน“ แม่ของเธออาการทรุด เพราะภาวะแทรกซ้อนกับโรคที่เป็นอยู่ ฉันเลยพาไปส่งโรงพยาบาล แล้วก็มารอเธอที่บ้านเพราะไปหาที่ตลาดแล้วไม่เจอ ตอนนี้แม่เธอรอเธออยู่” เจ้าไฟพูดด้วยเสียงไม่ค่อยพอใจเล็กน้อย เธอกล้าดียังไงมาทำร้ายเขาทั้งๆ ที่เขายอมลดตัวมานั่งรอเธอตั้งหลายชั่วโมง คิดแล้วเขาก็เหยียบคันเร่งจนมิด “ ไม่!! ไม่ใช่ความจริง แม่ฉันแข็งแรงจะตาย” แก้มขวัญไม่อาจจะเชื่อที่เขาพูด แต่ตัวเธอกลับสั่นไปมาเพราะความรู้สึกของเธอมันสังหรณ์บอกกับเธอว่าเขาไม่ได้โกหก แต่ใจของเธออยากให้เขาแค่โกหก ให้เขาหลอกเธอไปฆ่าไปขายทิ้งซะยังดีกว่าอีก คิดแล้วน้ำตาของเธอก็ไหลพร่า ดวงใจดวงน้อยสั่นไหวดั่งรับรู้ว่าแม่คงจะรอเธออยู่จริงๆ ระหว่างที่แก้มขวัญกำลังร้องไห้ เจ้าไฟก็แอบเหลือบมองเธออยู่หลายครั้ง ยิ่งเห็นริมฝีปากที่แดงระเรื่อของเธอ มือข้างหนึ่งของเขาก็เผลอยกขึ้นทาบปากตัวเอง เมื่อกี้เขาโมโหหนักแต่ก็ไม่คิดว่าตัวเองจะหยุดเธอด้วยการจูบ คิดแล้วเขาก็ไม่เข้าใจ เพราะถ้าเป็นคนอื่นมาแหกปากต่อหน้า เขาคงจะตบให้ปากแตกแทนที่จะคิดทำเช่นนั้น ไม่นานรถของเขาก็มาจอดที่โรงพยาบาล แก้มขวัญรีบเปิดประตูลงรถและวิ่งเข้าไปข้างใน “ แก้มขวัญ” เมื่อ
“ แกเป็นอะไรกมล” นุ่นเพื่อนรุ่นราวคราวเดียวกันกับกมล วันนี้ได้เดินมาหาหวังจะคุยเล่นกันที่บ้าน แต่ดันเจอเพื่อนนั่งซึมเศร้าอยู่บนแคร่ จึงได้เอ่ยถามอย่างห่วงใย “ นุ่น ฉันมีอะไรจะบอกแล้วก็ปรึกษาแกว่ะ” “ พูดมาสิ” นุ่นนั่งขัดสมาธิลงข้างเพื่อนพร้อมกับสีหน้ารอรับฟังซึ่งน่าจะเตรียมพร้อมมาตั้งแต่ที่บ้านแล้ว “ ฉันป่วยหนัก ใกล้ตายแล้วน่ะ” “ หะ ล้อเล่นปะ ฉันยังเห็นแกแข็งแรงดีอยู่เลยกมล อย่ามาอำกันสิ” “ ก็เพราะว่าฉันไม่อยากให้ใครรู้ว่าฉันใกล้ตายไงล่ะ” นุ่นฟังแบบนั้นจากที่มีสีหน้าขำขันก็พลันเงียบไปในทันที เธอจ้องหน้าเพื่อนที่กำลังก้มหน้าเศร้าก่อนเอ่ยถามแผ่วเบา “ แล้วแกเป็นโรคอะไรเหรอ” กมลถอนหายใจเบาๆ ให้กับคำถาม “ ฉันเป็นมะเร็งปอด แล้วก็มีภาวะหัวใจร่วมด้วย ตอนนี้ฉันไม่รู้ว่าตัวเองจะตายวันไหน มันอาจไปได้ทุกเมื่อเลยนะเว้ย” มือของกมลนั้นสั่นไปมาขณะที่เธอเอ่ย นุ่นรีบยื่นมือมาจับมือเพื่อนเอาไว้ “ แก…” “ สิ่งเดียวที่ฉันห่วงมากตอนนี้ก็คือแก้มขวัญ ถ้าฉันตายแก้มมันจะอยู่ยังไง ฉันไม่ต้องการให้มันกลับไปอยู่กับพ่อ ฉันอยากให้มีคนมาพามันหนีไอ้พิทักษ์ไปไกลๆ เลย ใครมันจะทำให้ฉันได้บ้างไหมวะแก” กมลพูด
“ ขอบใจนะจ้ะ โอกาสหน้ามาใหม่นะ ทำสดใหม่ทุกวันเลย” เมื่อแก้มขวัญขายขนมให้ลูกค้าคนสุดท้ายที่มารอซื้อเสร็จ เธอก็เท้าเอวหันมามองชายแปลกหน้า ตัวใหญ่อย่างกับหมี ที่แอบจิกขนมใส่ไส้ของเธอไปนั่งกินเต็มปากเต็มคำ และยังถือไว้ในมืออีกหลายห่อไม่ยอมวางลง “ นี่! คุณยังไม่ยอมกลับอีกเหรอ” เจ้าไฟหันมามองที่หญิงสาว ด้วยสีหน้าไม่รู้ร้อนรู้หนาวอะไรเลย “ เจ้าของแผงยังไม่มาอีกเหรอเนี่ย ลูกค้าเยอะขนาดนี้แต่ปล่อยให้เด็กประถมมาเฝ้าร้านให้ เดี๋ยวก็เจ๊งกันหมดพอดี” เขาเอ่ยพร้อมวางขนมในมือลง ก่อนลุกยืนแล้วปัดมือสองข้างใส่กันไปมากลางอากาศ ดวงตาคู่ดุก็จ้องมองที่หญิงสาวตรงหน้าที่กำลังชะเง้อคอยาวมองเขาตาไม่กระพริบ “ นี่ฉันไม่ได้ว่างขนาดนั้นนะ ที่จะมายืนรอ ต่อล้อต่อเถียงเล่นกับเธอน่ะ” เขาว่าพลางขมวดคิ้วใส่ “ ฉันก็บอกให้คุณพูดมาเลยไงค่ะ รีบพูดมาซะสิ!” เจ้าไฟถอนหายใจแรง “ ก็ฉันบอกว่าฉันจะพูดกับเจ้าของแผง ไม่ใช่เด็กน้อยแบบเธอ!” หญิงสาวเบ้ปากอย่างไม่ชอบใจ ก่อนจะถามเขากลับด้วยเสียงดังชัดถ้อยชัดคำ “ ใคร! ใครเด็กไม่ทราบ ฉันจะ 20 แล้ว ว๊าย!” แก้มขวัญพยายามจะเขย่งเท้าทำตัวให้สูงเพื่อหวังให้ชายหนุ่มเห็นว่าเธอไม่ใช่เด็ก แต
“ ขับเร็วๆ หน่อยสิเอลิก ฉันอยากเห็นหน้าผู้หญิงคนนั้นจะแย่อยู่แล้ว” เจ้าไฟที่นั่งกอดอกไขว่ห้างอยู่ในรถ บ่นออกมาเสียงดังเมื่อเห็นว่านั่งรถมาหลายชั่วโมงแล้วยังไม่มีวี่แววว่าจะถึงที่หมายสักที “ ครับๆ เอะ! นั่นไม่ใช่รถคุณนีวายเหรอครับบอส” เจ้าไฟหันไปมองตามที่เอลิกทัก ก็เห็นว่าเป็นนีวายจริงๆ แต่ฝ่ายนั้นดูเหมือนจะมีความสุขอะไรสักอย่าง จนไม่ได้สังเกตรถของเขาที่วิ่งสวนมา “ สงสัยคงเครียดเรื่องงาน แล้วออกมาหาที่พักผ่อนมั้ง ” เขาเดาสุ่มไปอย่างนั้น ก่อนจะเงยมองทางด้านหน้าต่อ เอลิกจึงชวนเขาคุย “ อืม สงสัยคงเครียดเรื่องแก้แบบรีสอร์ทที่บอสสั่งแน่เลย แต่ผมว่าคุณนีวายเนี่ยทำได้ดีมากนะครับ รีสอร์ทของบอสคงจะออกมาดีแน่ๆ” “ เอ้อ! แกไม่ต้องมาชวนฉันคุย รีบขับรถไปให้มันถึงเถอะ” “ ครับ” เอลิกรีบเม้มปากแน่นหดคอเข้าทันที เนื่องจากรู้ว่าตอนนี้เจ้านายของเขาคงหัวร้อนที่ความเร็วรถไม่ได้ดั่งใจเอาเสียเลย ไม่นานรถหรูก็แล่นเข้ามาจอดในลานกว้างหน้าตลาด “ แกพาฉันมาทำอะไรที่นี่” ชายหนุ่มโผล่ถามเสียงดังทันทีเมื่อรถจอดสนิท “ อ๋อ พอดีผมลืมบอกนะครับ ข้อมูลที่ผมได้มาคุณกีรติกรเธอมีแผงขายขนมที่ตลาดนี้ ผมคิดว
ศิลาแดง “ โธ่เอ้ย!!” เจ้าไฟโอดร้องคร่ำครวญทั้งยังปัดข้าวของบนโต๊ะในห้องทำงานของตัวเองกระจัดกระจายเกลื่อนพื้น สาเหตุเนื่องมาจากว่าเขาส่งคนไปเอาคืนพิทักษ์ แต่มันกลับไม่สำเร็จ “ ผมขอโทษนะครับบอส” การ์ดที่รับหน้าที่นี้ รีบก้มหน้าขอโทษยกใหญ่ ท่าทีของเขาลนลานเนื่องจากกลัวว่าจะโดนทำโทษ “ ช่างมัน! มันคงจะไหวตัวทัน เราก็เลยทำอะไรมันไม่ได้” เจ้าไฟถอนหายใจแรง มือของเขากำแน่น “ แต่อย่าคิดว่ากูจะยอมมันแค่นี้นะ มันทำกับน้องกูถึงขั้นเลือดตกอย่างออก มันก็ต้องชดใช้ให้สาสม” เขากัดฟันพูดด้วยความฉุนเฉียว “ ทำกูกูไม่ว่า แต่มาทำให้คนในครอบครัวกูแบบนี้ กูไม่ยอม!!!” ผัวะ!!!! ฝ่ามือของเขาที่เคยกำแน่น คลายออกและตบลงที่โต๊ะเสียงดัง แสดงออกถึงความโกรธแค้นของเจ้าของมันได้อย่างชัดเจน “ บอลครับ บอส!” เอลิกวิ่งพรวดพราดเข้ามาพร้อมซองเอกสารในมือท่าทีของเขาดูเหนื่อยหอบแต่แฝงความตื่นเต้นดีใจอยู่ในแววตา เจ้าไฟเห็นแบบนั้นเขาก็กอดอกพลันรีบหันไปมอง “ แกมีอะไร” เอลิกยิ้มจางพลางยื่นซองในมือให้นาย “ ที่บอสสั่งผมว่าให้ส่งคนไปตามสืบดู ผมได้รู้อะไรดีๆ มาด้วยครับ เป็นเรื่องที่นายพิทักษ์ปิดบังมาตลอดหลายปี” คนฟังดูมีท่า
ณ หมู่บ้านเล็กๆ ในชนบท นีวายนั่งอยู่บนแคร่ตรงใต้ทุนของบ้านไม้ทรงสูง เขานั่งมองบรรยากาศรอบๆ ซึ่งตอนนี้เริ่มมืดแล้ว ไม่นานแก้มขวัญก็ได้เดินถือขันน้ำเย็นๆ มาให้แก่เขา ชายหนุ่มมองหน้าหญิงสาวพลางแอบยิ้มเขินก่อนจะรับขันน้ำจากเธอมา ในน้ำนั้นดูใสสะอาดมากแถมยังโรยดอกมะลิลงไปเพื่อเพิ่มความหอมสดชื่นอีกด้วย “ ขอบคุณมากนะคะ ที่คุณช่วยแม่ของฉันไว้” “ อืม ไม่เป็นอะไรหรอก ก็คนเหมือนกันนี่” นีวายยกน้ำจิบเสร็จก็หันมาตอบกลับเธอด้วยเสียงแว่วหวาน แล้วยื่นขันน้ำคืนให้น้อง “ แม่บอกว่าคุณเป็นคนในเมืองไกล จริงเหรอคะ” แก้มขวัญเอ่ยถามเขาด้วยท่าทีเป็นกันเองจนทำให้นีวายแทบจะยิ้มไม่หุบ “ ครับ” “ แล้วคุณหาที่พักได้หรือยังล่ะคะ มันมืดแล้วนี่” ชายหนุ่มยิ้มแห้งส่งให้เธอเบาๆ พลันหันมองซ้ายขวาก็เจอแต่ทุ่งหญ้ากับทุ่งนาเขียวขจี ทำให้แก้มขวัญพอจะรู้คำตอบได้ เธอหัวเราะใส่เขาเบาๆ “ ฮ่าฮา ฉันคิดไว้แล้วเชียว แต่ไม่เป็นไรนะคะ คืนนี้คุณนอนค้างที่บ้านฉันก็ได้ ถ้าไม่รังเกียจพรุ่งนี้ค่อยกลับ เพราะมันมืดแล้วถนนหนทางแถวนี้ไม่มีไฟส่องนำทางเหมือนในเมือง พวกเรากลัวว่าคุณจะเป็นอันตรายเอานะ” เธอกล่าวบอกเขาด้วยท่าทีเป็นมิตรและแสด