ซินเยว่กลับมาเข้าสู่โหมดจริงจัง ทุกการทำงานของนางจะต้องมีการวางแผนเอาไว้ก่อนทุกครั้ง ก่อนที่จะหาเงินนางจะต้องหาทางหนีทีไล่เอาไว้เผื่อคนทั้งสามก่อน
"รู้เจ้าค่ะคุณหนูบ่าวใช้ทางนั้นออกไปนอกจวนประจำตอนที่บ่าวแอบไปทำงานที่เหลาอาหารในเมือง"
ฮุ่ยหลิงยืดอกตอบอย่างภูมิใจ
"ดี เช่นนั้นคืนนี้เจ้าบอกทางให้ข้าเราจะออกไปหาเงินกัน"
ซินเยว่จัดแจงวางแผนกับฮุ่ยหลิงหลังจากเซวี่ยฟังเฟยออกไปจากห้องแล้วนางไม่อยากให้มารดารู้ในสิ่งที่นางกับสาวใช้ตัวน้อยกำลังจะทำ ถ้าเซวี่ยฟังเฟยรู้คงต้องห้ามนางทั้งสองเป็นแน่
ยามจื่อ (23.00-24.59) ซินเยว่แต่งตัวด้วยชุดดำที่นางให้ฮุ่ยหลิงไปหามา นางรวบผมหางม้าขึ้นผูกด้วยผ้าสีดำจากนั้นนำหลัววั่งจื่อ (มะขาม) ที่ฮุ่ยหลิงแอบไปเอามาจากครัวใหญ่เมื่อตอนเย็นผสมน้ำแล้วคั้นเอาแต่เนื้อมาทาหน้าทาแขนจนเป็นสีกระดำกระด่างรอให้แห้งแล้ว จากนั้นจึงย่องไปที่กำแพงด้านหลังจวน ที่นางได้ดูลาดเลาไว้แล้วเมื่อตอนเย็น บริเวณมุมกำแพงด้านหลังมีเถาวัลย์และต้นไม้ขึ้นหนาทึบเพราะไม่ได้รับการดูแลเป็นเวลานาน ซินเยว่และฮุ่ยหลิงแหวกเถาวัลย์แล้วมุดลอดรอยแตกของกำแพงออกไปด้านนอกได้อย่างง่ายดาย
บริเวณด้านหลังจวนแม่ทัพหยางมีต้นไม้ขึ้นประปราย เลยออกไปเป็นภูเขาลูกเล็กๆ มีต้นไม้ขึ้นหนาแน่น คืนนี้เป็นคืนพระจันทร์เต็มดวงทำให้มองเห็นบริเวณโดยรอบได้อย่างชัดเจนเสียงหรีดหริงเรไรดังระงมมีลมพัดผ่านเบาๆ ทำให้รู้สึกวังเวงอย่างไรชอบกล
ทั้งสองขนลุกซู่ขึ้นมาพร้อมกันได้แต่มองหน้ากันไปมา
"คุณหนูจะทำแบบนี้จริงๆ หรือเจ้าคะบ่าวว่ามันน่ากลัวเกินไป"
ฮุ่ยหลิงพูดจบก็ขยับตัวเข้ามาจับแขนซินเยว่เอาไว้เเน่นแล้วกลอกตามองไปรอบๆ อย่างกล้าๆ กลัวๆ
"วันนี่แหละดีอย่าขี้ขลาดนักเลยนำทางข้าไปที่โรงเตี๊ยมอันดับหนึ่งของที่นี่"
ซินเยว่ดันหลังฮุ่ยหลิงให้ออกเดิน นางสองคนเดินลัดเลาะกำแพงด้านหลังจวนออกมาสักพักก็เจอกับถนนเส้นเล็กๆ ที่เป็นทางลัดเข้าสู่ใจกลางเมืองหลวง ถนนเส้นนี้ไม่ค่อยมีคนใช้เพราะเส้นทางเปลี่ยวและมีบรรดาขอทานมากมายที่จับจองใช้เป็นที่หลับนอน คล้ายๆ กับสลัมในเมืองหลวงของบางประเทศ ที่นางเคยเดินทางไปเมื่อต้องทำงานตามคำสั่งของสองสามีภรรยาเกา ด้านข้างมีเพิงที่มุงด้วยหญ้าแห้งประปรายตามรายทาง
เมืองหลวงเเคว้นฉิงดูรุ่งเรืองเฟื่องฟูสิ่งปลูกสร้างทำด้วยไม้เป็นส่วนใหญ่ แต่ดูแข็งแรงทนทานคล้ายเมืองจีนโบราณที่เคยดูในหนังหรือ ซีรีส์ย้อนยุค รอบด้านเงียบสงัดเพราะดึกมากแล้วได้ยินเพียงแว่วเสียงคนเดินยามขานบอกเวลา ซินเยว่ในชุดสีดำดูทะมัดทะแมงเดินตามถนนในเมืองหลวงอย่างไม่รีบร้อนท่าทางเอื่อยเฉื่อยสบายอารมณ์ยิ่ง ใช้เวลาเพียงหนึ่งเค่อ (15นาที) ก็มาถึงโรงเตี๊ยมที่หมายตา
"ถึงแล้วเจ้าค่ะคุณหนูที่นี่แหละโรงเตี๊ยม 'เทียนหลง' โรงเตี๊ยมอันดับหนึ่งในเมืองหลวง"
ฮุ่ยหลิงกระซิบเบาๆ ทั้งสองคนยืนหลบอยู่ในมุมมืด
"สมเป็นโรงเตี๊ยมอันดับหนึ่งเจ้ารอข้าอยู่ที่นี่ ข้าไปเดี๋ยวเดียว อย่าให้ใครเห็นเล่าหลบให้ดี"
ซินเยว่มองไปรอบๆ หาทางหนีทีไล่ไว้เผื่อโดนจับได้เพราะที่นี่ไม่เหมือนที่ที่นางจากมา ด้านหน้าทางเข้ามียามเฝ้าอยู่สองคน ซินเยว่เดินลัดเลาะเข้าตรอกเล็กๆ ด้านข้างโรงเตี๊ยมจนถึงด้านหลัง มีกำแพงสูงล้อมรอบด้านแต่ไม่เป็นปัญหาสำหรับซินเยว่เพราะนางถูกฝึกมาทุกรูปแบบตั้งแต่ห้าขวบ เพื่อให้เป็นนักโจรกรรมฝีมือดีและดูเหมือนนางจะมีพรสวรรค์ในด้านนี้
ตรงหัวมุมกำแพงมีต้นไม้ใหญ่ขึ้นด้านข้างซินเยว่ปีนขึ้นต้นไม้แล้วกระโดดเกาะกำแพง ปีนเข้าไปด้านในได้อย่างง่ายดาย นางมองซ้ายขวาเห็นว่าไม่มีใครจึงแอบเข้าไปด้านหลังปีนขึ้นชั้นสองที่มีระเบียงยื่นออกมา ตามคำบอกเล่าของฮุ่ยหลิง โรงเตี๊ยมเทียนหลงมีสี่ชั้นนางคิดว่าชั้นบนสุดเป็นห้องพิเศษที่คหบดีคนมีเงินเข้าพักหรือพวกองค์ชายองค์หญิง ขุนนางตระกูลใหญ่ส่วนมากจะนัดเจอกันที่นี่ ซินเยว่ใช้ทักษะที่เรียนรู้มาจากโลกเก่าอย่างชำนาญ
ถึงแม้ว่าร่างกายของหยางซินเยว่จะไม่เเข็งเเรงเท่าร่างเก่าของนางแต่ก็เล็กกะทัดรัด ทำให้การปีนป่ายไม่ใช่เรื่องที่เป็นปัญหา เมื่อถึงระเบียงชั้นสี่ซินเยว่จุดกำยานยาสลบ ที่นางทำขึ้นเองจากสมุนไพรง่ายๆ ที่ให้ฮุ่ยหลิงไปซื้อมาจากร้านขายสมุนไพร
นับเป็นความโชคดีของซินเยว่ที่นางชอบอ่านตำราสมุนไพรและสนใจการปรุงยา เพราะนางชอบออกปฏิบัติงานคนเดียวจึงต้องมีอะไรไว้ทุ่นแรงสักหน่อยไม่เพียงยาสลบที่นางสามารถปรุงขึ้นมาได้ยังมียาอีกหลายตัวที่นางสามารถทำได้ขอเพียงมีวัตถุดิบเท่านั้น
นี่ต้องขอบคุณสองสามีภรรยาแซ่เกาที่เคี่ยวเข็ญซินเยว่ตั้งแต่ยังเล็ก พึ่งผู้อื่นหรือจะเท่าพึ่งพาตนเองเพื่อไม่ให้ทิ้งร่องรอยเอาไว้ทั้งยาและอุปกณ์อาวุธซินเยว่เป็นผู้ที่ทำมันขึ้นมาด้วยตัวเอง หลังจากที่รอสักพักนางก็เปิดประตูอย่างแผ่วเบาเข้าไปสำรวจทีละห้องอย่าเงียบเชียบสมเป็นนักโจรกรรมมือฉกาจ
นางกวาดทรัพย์ผู้เข้าพักลงในห่อผ้าที่นางเย็บเองลักษณะคล้ายย่ามในโลกเก่า หลังจากดูทุกห้องแล้วเดินมาถึงห้องสุดท้ายนางค่อยๆ แง้มประตูเปิดออกเล็กน้อยให้เเสงจันทร์ลอดเข้ามาข้างในแล้วจุดกำยานยาสลบโยนเข้าไปในห้องรอสักพักนางจึงเดินเข้าไปด้านใน
ซินเยว่สังเกตว่าห้องนี้ตกแต่งอย่างหรูหราด้วยของประดับที่ดูราคาแพง ส่วนของห้องนอนแยกจากห้องรับเเขกมีห้องอาบน้ำแยกไปอีกด้านซินเยว่สอดส่ายสายตามองหาของมีค่าที่นางน่าจะหยิบฉวยไปได้
เดินเข้าไปด้านในสุดเป็นเตียงนอน ด้านข้างมีตู้สี่เหลี่ยมไม่สูงนักไว้เก็บของนางค่อยๆ เปิดออกข้างในไม่มีอะไรเลย
"ทำไมรู้สึกว่ามันมีอะไรแปลกๆ นะ"
ซินเยว่พึมพำกับตัวเองเบาๆ และอยู่ๆ นางก็รู้สึกเสียวสันหลังวาบกำลังจะหันกลับไปมอง พลันมีกระบีสีเงินวาววับพาดมาที่คอของนางซินเยว่สะดุ้งเฮือกหัวใจหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่ม
'เเย่แล้วโดนจับได้ตายแน่ๆ'
แสงสีเงินสะท้อนกับแสงจันทร์สว่างวาบสะท้อนเข้ามาในดวงตาหงส์ ความเย็นเยียบของกระบี่ที่พาดอยู่ที่ลำคอทำให้ซินเยว่ไม่กล้าขยับตัว ได้ยินเพียงเสียงหัวใจตัวเองที่กำลังเต้นโครมครามนี่เป็นครั้งแรกที่นางทำงานพลาด ถูกจับได้แล้วตอนนี้ในหัวของซินเยว่ขาวโพลนไปหมดลืมคิดกระทั่งต้องหาทางออกให้ตนเอง
"เจ้าเป็นใคร" -............-
"ข้าเป็นคนทำความสะอาด"
ซินเยว่ตอบออกไปโดยไม่ทันได้คิดลืมไปว่าตอนนี้เวลาไหน
-_-!
ไม่มีเสียงตอบกลับจากบุคคลด้านหลัง ซินเยว่หันกลับไปมองช้าๆ บุรุษผิวเข้มรูปร่างสูงใหญ่อายุราวๆ ยี่สิบปีแต่งกายด้วยชุดจีนโบราณสีน้ำเงินตัดเย็บอย่างดี รวบผมสูงหน้าตาหล่อเหลาคมคาย กำลังถือกระบี่พาดไว้ที่คอของนาง ซินเยว่แอบกลืนน้ำลายลงคอ
เห็นเขามองหน้านางอยู่นานแต่ไม่ยอมพูดอะไรสักที"เจ้ามีสิ่งใดที่ต้องการหรือไม่เขาถามซินเยว่เบาๆ นางส่ายหน้าไปมาทำสีหน้าเบื่อหน่าย"ท่านลากข้ามาจากบ้านเพื่อที่จะมาดูอะไรที่น่าเบื่อแบบนี้เนี่ยนะ ช่างเสียเวลาของข้าซะจริงท่านจะรับผิดชอบอย่างไร"ซินเยว่ทำหน้างอง้ำ พานางมาทั้งที่นางไม่เต็มใจแถมยังต้องมาเจอกับคนที่ไม่อยากเจอที่สุด"ข้าคิดว่ามีบางสิ่งที่เจ้าต้องการ"หลังจากที่ไป๋เยี่ยนหลงพูดจบด้านล่างก็บังเกิดเสียงฮือฮาของผู้คนดังขึ้น"เกิดอะไรขึ้นหรือ"ซินเยว่หันไปให้ความสนใจด้านล่าง ผู้ดูแลหอประมูลจันทราที่ก่อนหน้านี้เข้ามาทำความเคารพไป๋เยี่ยนหลงยืนอยู่กลางลานเวทีประมูลด้านข้างมีสาวงามชุดสีแดง ยืนถือถาดสีทองตรงกลางมีกล่องกำมะหยี่สีดำวางอยู่"สิ่งนี้คือของประมูลชิ้นสุดท้ายของวันนี้ บางท่านคงจะทราบดีอยู่แล้วว่าของที่อยู่ในกล่องนี้คือสิ่งใด"ผู้ดูแลกล่าวเสียงดังชัดเจน เขารับกล่องกำมะหยี่จากสาวงามมาวางไว้บนเเท่นศิลาสีดำกลางลานประมูล"สิ่งนี้ก็คือโอสถเพิ่มพลังปราณความบริสุทธิ์เต็มสิบส่วน ซึ่งยังไม่มีผู้ใดเคยมีในครอบครองมาก่อน ผู้ที่กินโอสถนี้เข้าไปสามารถเลื่อนระดับพลังได้ถึงสามขั้นย่อยหนึ่งขั้นให
ตอนนี้ซินเยว่เขินจนต้องมุดหน้าหลบที่ซอกคอของไป๋เยี่ยนหลงนางตัวสั่นน้อยๆ ด้วยความตกใจระคนขัดเขิน ถึงแม้นางจะเคยเกิดมาแล้วสองรอบแต่นี่เป็นจูบแรกของนางเลยนะ จูบแรกของนาง ใบหน้าเล็กแดงก่ำทำปากบ่นขมุบขมิบคนเดียวหลังจากที่ซินเยว่ได้สติคืนมานางไม่กล้าดื้อที่จะลงจากตักของไป๋เยี่ยนหลงอีกนางกลัวว่าจะถูกเขาทำโทษอีกครั้ง ซินเยว่ได้แต่บ่นในใจเจ้าคนหน้าหนาทำโทษอะไรกันเอาเปรียบนางชัดๆ คอยดูเถอะนางจะวางยาถ่ายในอาหารของเขาซินเยว่ได้เเต่บ่นในใจคนเดียวไม่กล้าเอ่ยออกมาแม้เพียงครึ่งคำกลัวเขาจะเอาคืนมากกว่าเดิม รถม้าออกจากเรือนของซินเยว่วิ่งตามถนนผ่านหมู่บ้านต้งเถียนไปอย่างช้าๆ หม่าชิวหนิงมองตามจนลับสายตาจากนั้นจึงหันมาพูดกับหญิงวัยกลางคนอายุราวสี่สิบปี"รถม้านั่นวิ่งมาจากบ้านของหญิงหม้ายแซ่เซวี่ยนี่นา........ หญิงเเพศยาไม่มีสามีแต่กลับพาบุรุษเข้ามาอยู่ในบ้าน"หม่าชิวหนิงบิดปากพูดออกไปด้วยความริศยา หวังให้หญิงวัยกลางคนเห็นด้วยกับตน ตั้งแต่ได้ยินชาวบ้านเล่าลือว่ามีหญิงหม้ายใบหน้างดงามมาอาศัยอยู่ท้ายหมู่บ้านกับบุตรสาว นางก็บังเกิดความรู้สึกเกลียดชังทั้งๆ ที่นางไม่เคยพบหน้าเซวี่ยฟังเฟยเลยสักครั้ง ยิ่งมีคนเล
ซินเยว่พูดไม่ออกนางได้แต่ยกมือขึ้นโบกไปมาพลางพยักหน้า"เยี่ยนหลง"นางเอ่ยเสียงแผ่วเบาเเต่ชัดเจนในโสตของเขา ซินเยว่เงยหน้าขึ้นสบสายตาที่กำลังมองมาที่นาง ใบหน้าของไป๋เยี่ยนหลงยังคงเรียบเฉยเช่นเดิมไม่เปลี่ยนแปลงมีเพียงใบหูเท่านั้นที่เเดงก่ำอย่างเห็นได้ชัด แต่ซินเยว่สังเกตเห็นมันได้นี่เขาอายหรือ ซินเยว่รู้สึกประหลาดใจเพียงแค่นางเอ่ยชื่อเขาเนี่ยนะ ซินเยว่มองหน้าไป๋เยี่ยนหลงตาปริบๆ ตอนนี้นางทำตัวไม่ถูกแล้วเสี่ยวเป่าที่เล่นดินอยู่ที่พื้นนอนกลิ้งไปมาส่งเสียง จิ๊ จ๊ะ คล้ายไม่พอใจที่พวกเขาไม่สนใจมัน"นายท่าน"เยี่ยเฉิงเดินเข้ามาคุกเข่ายกกำปั้นขวาขึ้นแนบอกด้านซ้ายทำท่าคารวะ เขาโบกมือหนึ่งทีให้เยี่ยเฉิงลุกขึ้น ซินเยว่เห็นว่าเยี่ยเฉิงมีเรื่องสำคัญจะคุยกับไป๋เยี่ยนหลงนางจึงอุ้มเสี่ยวเป่าเดินมาหามารดาที่นั่งคุยกับซ่งเว่ยหลงที่ระเบียงหน้าบ้าน คล้อยหลังซินเยว่เยี่ยเฉิงกางม่านพลังป้องกันเสียง"นายท่านมีการปะทะกันของสองกลุ่มทำให้เทพโอสถหนีไปได้ข้าน้อยไร้ความสามารถขอนายท่านโปรดลงโทษ "ไป๋เยี่ยนหลงยังคงเงียบเหม่อมองออกไปที่ซินเยว่"ตามต่อไป"พูดเพียงเท่านั้นไป๋เยี่ยนหลงก็เดินตรงไปหาซินเยว่ที่ระเบียงหน้าบ
"แม่จะไปรู้จักพวกเขาได้อย่างไรเขาบอกว่าเป็นสหายของลูกที่กำลังออกท่องเที่ยวผ่านมาทางนี้เลยแวะมาเยี่ยมเจ้า"ซินเยว่กลอกตาท่าทางหงุดหงิด ท่านแม่ท่าทางพวกเขาดูเหมือนเป็นสหายของข้าหรือท่านถูกคนพวกนั้นหลอกแล้วซินเยว่เค้นสมองคิดหาทางไล่สามคนนั้นกลับไป นางไม่อยากให้มารดารู้เรื่องที่นางเป็นตีนแมวย่องเข้าเรือนผู้อื่น ตอนนี้นางมีชนักติดหลังอยู่จึงโวยวายมากไม่ได้ อีกอย่างนางสู้พวกนั้นไม่ได้อย่างเเน่นอนหากสู้กันเรือนของนางคงพังไม่เหลือชิ้นดี และท่านแม่กับฮุ่ยหลิงอาจเป็นอันตรายได้ ซินเยว่ได้แต่ตอบรับไปส่งๆ เอาไว้ค่อยหาวิธีขับไล่พวกเขาไปทีหลัง"ชะ......ใช่ๆ ข้าลืมไปได้อย่างไรพวกเขาเป็นสหายของข้าเอง "ซินเยว่กัดฟันพูดนางลอบปาดเหงื่อบนหน้าผาก ได้แต่คาดโทษพวกเขาเอาไว้ในใจ"เช่นนั้นเราเข้าไปด้านในกันเถอะ”ซินเยว่ดันหลังมารดาเข้าไปก่อน เจ้าพวกนี้ทำให้อายุขัยของนางลดลงไปหลายปีเลยทีเดียว"คารวะคุณชาย..........."ซินเยว่ทำท่าประสานมือค้อมตัวแล้วมองหน้าบุรุษผมสีเงินสลับกับบุรุษทั้งสองที่อยู่ด้านหลัง เยี่ยจื่อเข้าใจสายตาที่ส่งมาเป็นคำถามของนางทันที" ข้าคือองครักษ์นามว่าเยี่ยจื่อและเยี่ยเฉิงส่วนท่านนี้คือคุณ
"นี่ นี่!!!......"คู่มือการใช้มิติจิตซินเยว่ถึงกับคิ้วกระตุกอะไรจะสะดวกขนาดนั้นอย่างกับซื้อของออนไลน์แล้วแถมคู่มือการใช้งานแบบนั้นเลย ซินเยว่อ่านวิธีใช้มิติจิตของนางคร่าว ๆ คือถ้าพลังเพิ่มในนี้ก็อุดมสมบูรณ์ เข้าออกโดยการใช้จิตควบคุม น้ำในบ่อ คือน้ำทิพย์มรกตใช้ดื่มเพื่อเพิ่มพลังปราณ ใช้ปรุงโอสถจะทำให้เม็ดยาที่หลอมขึ้นมามีคุณภาพมากกว่าเดิมห้าเท่าขวดที่วางบนชั้นคือโอสถหายากที่แผ่นดินชิวหลิงนี้ที่เคยบันทึกเอาไว้ในตำราโบราณ แต่ไม่เคยมีใครสามารถหลอมมันขึ้นมาได้มาก่อนตำราบนชั้นคือตำราสมุนไพรปราณธรรมดาหาง่ายไปจนถึงสมุนไพรปราณในตำนาน ถ้ารู้ว่าที่นี่มีตำราสมุนไพรตั้งแต่แรกนางคงไม่ต้องไปเสี่ยงตายที่ร้านตาเฒ่าคนนั้น และตำราฝึกพลังจิตหืม!!!"พลังจิตหรือ"ซินเยว่ให้ความสนใจตำราเล่มนี้เป็นพิเศษนางใช้เวลาในกระท่อมไปนานเท่าใดไม่รู้จนกระทั่งรู้สึกถึงเจ้าก้อนขนที่ตอนนี้ ใช้อุ้งเท้าหน้าเขี่ยๆ ที่ขาของนาง"ว่าอย่างไรเจ้าตัวน้อย ......ไม่สิเจ้ามีชื่อหรือไม่"ซินเยว่ถามมัน เจ้าก้อนขนส่ายหน้าทำตาปริบๆ"เช่นนั้นให้ข้าตั้งชื่อให้เจ้าดีหรือไม่ ชื่ออะไรดีนะที่ฟังดูแล้วไพเราะและจำได้ง่าย”ซินเยว่นิ่งคิดเล็กน
ยามห้าย (21.00-22.59) ท้องนภากระจ่างใสไร้เมฆหมอกดวงดารานับล้านกระจายเกลื่อนทั่วท้องฟ้า เสียงหวีดหวิวเป็นท่วงทำนองคล้ายเพลงพิณแว่วมาตามสายลมมองขึ้นไปไร้ที่สิ้นสุด ดวงตาสีดำสนิททอประกายแวววาวไม่ต่างจากสีของท้องนภาในยามนี้กะพริบขึ้นลงทำให้ขนตางอนยาวของนางกระพือตาม มองดูคล้ายปีกผีเสื้อสีดำกำลังโบยบิน ดวงหน้างามเด่นขาวราวหยกเหมันต์ชั้นดีตัดกับความมืดยามราตรีเห็นเด่นชัดซินเยว่ในชุดสีดำรวบผมตึงด้วยผ้าผูกผมสีแดงยืนอยู่หน้าร้านขายตำราร้านเล็กท้ายตลาดในเมืองเยว่กว่าง นางยกผ้าสีดำขึ้นมาปิดใบหน้าครึ่งล่างเห็นเพียงดวงตาดำขลับ ซินเยว่กระตุกยิ้มร้ายเมื่อนึกถึงสีหน้าตาเฒ่าเจ้าเล่ห์ในวันพรุ่งนี้ซินเยว่ทะยานตัวขึ้นไปบนหลังคาของร้านหนังสือ ไต่ไปตามแนวหลังคากระโดดลงไปในสวนที่น่าจะเป็นด้านหลังของร้านหนังสือ ไฟในห้องหลังร้านหนังสือดับลงไปนานแล้ว เพื่อความไม่ประมาทซินเยว่ได้จุดกำยานยาสลบโยนเข้าไปให้ห้องอีกที"หึหึ รับรองหลับยันเช้าแน่"ซินเยว่หัวเราะเบาๆ แล้วค้นหาตำรารายชื่อสมุนไพรปราณเล่มเก่าที่นางหมายตาทันที นางจำได้ว่าตาเฒ่าหยิบตำรามาจากตรงนี้นี่นา ซินเยว่มองไปที่ชั้นตำรารอบๆ ตัวนาง ตอนนี้ซินเยว่ไม่จำเ