แชร์

บทที่ 6

ผู้เขียน: ดอกถังร่วงหล่น
เฟิ่งชูอิ่งโพล่งออกไปว่า “ถ้าอย่างนั้นรบกวนท่านลุงสั่งให้ท่านป้าตบหน้าตัวเองสิบทีแล้วเอ่ยขอโทษข้า จากนั้นก็เอาทรัพย์สินทั้งหมดที่ฉกฉวยไปจากข้ามาคืนให้ครบถ้วนทีสิ”

หลินชูเจิ้ง “!!!!!!”

นางกล้าพูดออกมาได้อย่างไร!

เขาถลึงตามองนาง “เจ้ารู้ตัวไหมว่าพูดอะไรออกมา?”

เฟิ่งชูอิ่งตอบกลับ “รู้ตัวสิ ท่านลุงเพิ่งจะบอกว่าจะไม่ยอมให้ใครหน้าไหนมารังแกข้ามิใช่หรือ แต่หลายปีที่ผ่านมานี้ท่านป้าเอาแต่ตบตีด่าทอข้าตลอดเลย

“เมื่อกี้นี้ท่านป้าก็เพิ่งจะด่าข้าแบบสาดเสียเทเสีย หากนางยังเหลือความจริงใจอยู่บ้างก็ควรจะกล่าวขอโทษข้ามิใช่หรือ?

“ขอโทษเสร็จแล้ว ก็ช่วยเอาทรัพย์สินทั้งหมดของข้ามาคืนด้วยล่ะ ก่อนหน้านี้พวกท่านบอกว่าข้ายังเด็กไม่รู้ความ ก็เลยจะช่วยดูแลรักษาให้ก่อนชั่วคราว ตอนนี้ข้าโตแล้วก็สมควรได้คืนกระมัง!”

หลินชูเจิ้ง “......”

เขารู้สึกว่าเฟิ่งชูอิ่งแตกต่างไปจากความทรงจำของเขาอย่างสิ้นเชิง เมื่อก่อนขอแค่เขาพูดปลอบนางนิดเดียว เฟิ่งชูอิ่งก็จะยอมทำตามอย่างว่านอนสอนง่าย

ทว่าวันนี้นางกลับกล้าสั่งให้เขาคืนเงิน มันจะเป็นไปได้อย่างไรละ!

หลินชูเจิ้งมองเฟิ่งชูอิ่งแล้วกล่าวว่า “ชูอิ่ง ท่านป้าของเจ้าเป็นผู้ใหญ่...”

“อ๊า!” หลินหว่านถิงร้องเสียงหลง เพราะเฟิ่งชูอิ่งขยับมีดกรีดคอนางซ้ำอีกหนึ่งแผล

รอยกรีดคราวนี้หากเฟิ่งชูอิ่งขยับมีดสูงขึ้นอีกนิดหน่อยก็จะโดนใบหน้าของหลินหว่านถิง แต่หากกดมีดลงต่ำก็จะเฉือนคอหอยของนางเต็มๆ

เฟิ่งชูอิ่งกล่าวด้วยสีหน้าตระหนก “แสดงว่าสิ่งที่ท่านลุงพูดออกมาเมื่อครู่นี้ล้วนเป็นเรื่องโกหกสินะ!

“ในความคิดของท่าน ไม่ว่าท่านป้าจะทำอะไรกับข้าก็ไม่ใช่เรื่องผิดอย่างนั้นหรือ?

“ท่านอ๋องฉู่บอกว่า หากข้าแต่งเข้าจวนอ๋องไปโดยไม่มีสินเจ้าสาวที่สมน้ำสมเนื้อ เขาจะปลิดชีพข้าก่อนถึงวันแต่ง!

“ในเมื่อจะเลือกทางไหนข้าก็ต้องตายอยู่ดี ถ้างั้นวันนี้ข้าก็จะลากพี่สาวลงนรกไปกับข้าด้วย!”

นางพูดจบก็ทำท่าจะกดคมมีดลงบนคอหอยของหลินหว่านถิง

หลินชูเจิ้งกับฮว๋าซื่อจึงรีบตะโกนประสานเสียง “หยุดนะ!”

เฟิ่งชูอิ่งหันมองพวกเขานิ่งๆ ฮว๋าซื่อพลันกล่าวอย่างร้อนรน “มีอะไรก็พูดกันดีๆ เถอะ!”

เฟิ่งชูอิ่งกล่าวด้วยดวงตาแดงก่ำ “ขอโทษมาสิ!”

ฮว๋าซื่อขบเขี้ยวเคี้ยวฟันอย่างเคียดแค้น แต่ดันทำใจตบหน้าตัวเองไม่ได้

หลินหว่านถิงจึงร้อนรนแทน “ท่านแม่ ช่วยด้วยเจ้าค่ะ!”

นางเกิดกลัวขึ้นมาจริงๆ แล้ว ชีวิตของเฟิ่งชูอิ่งไม่มีค่าอะไร นางอยากจะตายก็ตายไปสิ แต่จะลากนางไปตายด้วยไม่ได้

อ๋องเฉินสัญญากับนางไว้แล้ว ว่าหากนางทำภารกิจของเขาให้สำเร็จลุล่วงได้ จะมาสู่ขอนางเป็นพระชายาเอก

ใครบ้างไม่รู้ว่าอ๋องเฉินเป็นบุตรชายที่ฮ่องเต้ทรงโปรดปรานมากที่สุด หากนางได้แต่งเป็นพระชายาของอ๋องเฉิน เมื่อไหร่ที่อ๋องเฉินได้ขึ้นครองราชย์ นางก็จะกลายเป็นฮองเฮา พระมารดาของแผ่นดิน!

ถึงฮว๋าซื่อจะไม่เต็มใจ แต่ก็ต้องยอมกล่าวว่า “ชูอิ่ง ขอโทษด้วย ตอนที่ข้าอบรมสั่งสอนเจ้าคงเผลอใช้อารมณ์มากเกินไป ดังนั้นเจ้าก็เลยเข้าใจข้าผิดเช่นนี้”

“ก่อนหน้านี้เจ้ายังอายุน้อย ดังนั้นข้าก็เลยช่วยเจ้าดูแลสมบัติของบิดามารเจ้าแทน

“เจ้าสบายใจได้เลย พอถึงเวลาที่เจ้าแต่งงานกับอ๋องฉู่ ข้าจะต้องเอาทรัพย์สินทั้งหมดของบิดามารดาเจ้าไปคืน ให้เจ้าใช้เป็นสินเดิมแต่งเข้าจวนอ๋องแน่นอน”

เฟิ่งชูอิ่งหันหน้าไปมองหลินชูเจิ้ง “ท่านลุง เป็นเรื่องจริงหรือเปล่า?”

หลินชูเจิ้งตอบ “ต้องจริงอยู่แล้วสิ ข้าอยู่ตรงนี้ทั้งคน รับรองว่าจะไม่แตะต้องสมบัติที่บิดามารดาเจ้าทิ้งเอาไว้แม้แต่นิดเดียว”

เฟิ่งชูอิ่งสูดหายใจแล้วกล่าวว่า “ท่านเขียนหนังสือสัญญามาสิ แล้วข้าจะยอมเชื่อ”

หลินชูเจิ้ง “......”

เขาลองสังเกตเฟิ่งชูอิ่งอีกครั้ง พบว่าเด็กสาวน้ำตาคลอเบ้า ร่างกายสั่นระริก แสดงออกชัดเจนว่ากำลังหวาดกลัว

เขาพลันรู้สึกเบาใจลง นางยังเป็นเด็กสาวขี้ขลาดตาขาวเหมือนเมื่อก่อน แค่วันนี้ถูกอ๋องฉู่บีบบังคับมาอย่างหนัก ถึงได้หอบความกล้ากลับมาอาละวาดที่จวน

เขากล่าวว่า “เจ้าเด็กคนนี้ แม้กระทั่งลุงแท้ๆ ของตัวเองก็ยังไม่เชื่อใจงั้นหรือ ช่างเถอะ ลุงจะทำตามที่เจ้าต้องการ”

เขากล่าวจบก็สั่งให้คนเตรียมกระดาษพู่กัน ก่อนจะเขียนหนังสือสัญญาว่าจะคืนสมบัติทั้งหมดที่บิดามารดาของนางทิ้งเอาไว้ให้

เฟิ่งชูอิ่งกวาดตามองรอบหนึ่ง เมื่อพบว่าเนื้อหาในสัญญาแผ่นนั้นไม่ได้กลอุบายอะไรแอบแฝง นางก็ยื่นมือไปรับหนังสือสัญญาจากอีกฝ่าย

หลังจากนางจับหนังสือสัญญาได้ มีดสั้นในมือก็บังเอิญหลุดมือไปเล็กน้อย จึงบาดโดนมือของหลินชูเจิ้งเข้าพอดี

ก่อนนางจะฉวยจังหวะตอนที่มีดบาดโดนมือของเขา ใช้ปลายมีดสะกิดเบาๆ จิ้มเอาเลือดของหลินชูเจิ้งเข้าไปเก็บในขวดเล็กๆ ที่ซ่อนอยู่ในแขนเสื้อ

พอหลินชูเจิ้งหันหน้ามาหานาง นางก็พลันโบกมือโบกไม้ด้วยความกังวล “ท่านลุง ข้าไม่ได้ตั้งใจจะทำร้ายท่านจริงๆ นะเจ้าคะ ท่านไม่เป็นอะไรใช่ไหม!”

ระหว่างที่นางเอ่ยถาม มีดในมือของนางก็เหวี่ยงไปมา จนมันเกือบจะเฉือนโดนคอหอยของหลินชูเจิ้ง

หลินชูเจิ้งตกใจจนผงะถอยหลังไปหลายก้าว “ข้าเชื่อว่าเจ้าไม่ได้ตั้งใจทำร้ายข้า เจ้ายืนอยู่ตรงนั้นแหละไม่ต้องขยับ!”

เฟิ่งชูอิ่งเปล่งเสียง ‘อ้อ’ สั้นๆ ก่อนจะเอ่ยว่า “ท่านลุง ข้าไม่มีอาภรณ์จะสวมใส่แล้วเจ้าค่ะ!”

หลินชูเจิ้งกลัวว่านางจะเหวี่ยงมีดส่งเดชอีก จึงรีบตอบเสียงดังว่า “ให้ท่านป้าของเจ้าเป็นคนจัดการ!”

เฟิ่งชูอิ่งแกว่งมีดในมือเบาๆ “ท่านลุง ข้าย้ายมาอยู่ที่จวนสกุลหลินตั้งหลายปีแล้ว แต่ท่านป้าไม่เคยจ่ายเบี้ยหวัดให้ข้าเลยสักเดือน”

หลินชูเจิ้งหยิบตั๋วเงินมูลค่าหนึ่งร้อยตำลึงใบหนึ่งจากอกเสื้อ ยื่นให้นางแล้วกล่าวว่า “ลุงชดเชยให้เจ้าเอง!”

เฟิ่งชูอิ่งรับตั๋วเงินจากอีกฝ่ายแล้วสูดหายใจ “ท่านลุงเป็นคนดีจริงๆ!”

เมื่อนางได้ของครบตามที่ต้องการ ก็คิดว่าควรจะหยุดเพียงเท่านี้ก่อน จึงเก็บตั๋วเงินและหนังสือสัญญา หันหลังเดินกลับห้องไปพักผ่อนทันที

นางเหมือนจะลืมไปสนิทเลยว่าฮว๋าซื่อยังไม่ได้ตบหน้าตัวเองตามที่นางสั่งเลย

พอนางจากไป ฮว๋าซื่อก็ปรี่เข้าไปประคองหลินหว่านถิงให้ลุกขึ้นมา “หว่านถิง ลูกไม่เป็นไรใช่ไหม?”

วันนี้หลินหว่านถิงเจอเรื่องน่าตื่นตระหนกจนเกินจะทนรับไหว นางจึงร้องไห้ออกมา “ท่านแม่ นังเฟิ่งชูอิ่งมันเสียสติไปแล้ว!”

ฮว๋าซื่อกล่าวอย่างเคียดแค้น “นางกำเริบเสิบสานยิ่งนัก วันนี้ถึงขั้นกล้าใช้อาวุธข่มขู่พวกเรา วันหน้านางมิลุกมาเผาจวนเลยหรือ!”

ฮว๋าซื่อเบนศีรษะไปทางหลินชูเจิ้ง “นายท่าน พวกเราจะต้องสั่งสอนเฟิ่งชูอิ่งให้หลาบจำนะเจ้าคะ!”

ทว่านางยังพูดไม่ทันจบ หลินชูเจิ้งก็สะบัดมือตบหน้านางอีกครั้ง “เมื่อก่อนข้าเคยเตือนเจ้าไปแล้วนะ ว่าอย่าทำอะไรรุนแรงจนเกินเหตุ เจ้ากลับไม่ยอมฟัง!

“สุนัขจนตรอกยังแว้งกัดได้ นับประสาอะไรกับคน!”

ฮว๋าซื่อรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ “หากข้าไม่ฉกฉวยเงินทองของนังเฟิ่งชูอิ่งมาให้นายท่านใช้จ่าย มีหรือที่ท่านจะเลื่อนยศเลื่อนขั้นได้ไวถึงเพียงนี้!

“อีกอย่างหนึ่ง ดวงชะตาแบบอ๋องฉู่คนนั้น เฟิ่งชูอิ่งนางไม่มีทางรอดชีวิตอยู่จนถึงวันแต่งงานอยู่แล้ว ทำเกินเหตุนิดหน่อยจะเป็นอะไรไป?”

หลินชูเจิ้งไม่ตอบคำถามของฮว๋าซื่อ เพียงเอ่ยว่า “ไม่ว่านางจะตายตอนไหน พวกเราก็ไม่ควรทำอะไรที่มันประเจิดประเจ้อมากเกินไปอยู่ดี”

“หลังจากนางได้รับพระราชทานสมรสให้แต่งงานกับอ๋องฉู่ คนมากมายก็เตรียมจะหมายหัวเอาชีวิตนาง พวกเราไม่จำเป็นจะต้องลงมือเองด้วยซ้ำ”

หลินหว่านถิงขบริมฝีปากล่างเบาๆ มือเล็กกำเข้าหากันแน่น เฟิ่งชูอิ่งกล้าทำกับนางถึงเพียงนี้ อีกฝ่ายก็ต้องตายด้วยน้ำมือของนางเท่านั้น ไม่ว่าข้างนอกนั่นจะมีคนอยากเอาชีวิตเฟิ่งชูอิ่งอยู่มากมายแค่ไหนก็ตาม!

มิฉะนั้นแล้วนางจะเป็นพระชายาเฉินได้อย่างไร?

ตอนนี้เฟิ่งชูอิ่งกลับมาถึงเรือนที่พักของตัวเองแล้ว เมื่อนางเห็นเรือนหลังเล็กที่ทรุดโทรมอย่างหนัก ก็พลันแสยะยิ้มออกมาเล็กน้อย

เรือนหลังนี้มีแค่หลังคาเท่านั้นที่พอดูได้ กำแพงสี่ด้านของเรือนล้วนมีรอยรั่วช่องโหว่ ไม่แตกต่างจากคอกเลี้ยงสัตว์ที่นางเคยเห็นในชาติที่แล้ว ระหว่างที่ออกไปเก็บข้อมูลตามพื้นที่ชนบทเลยสักนิด

คนในจวนสกุลหลินช่างขยันทดสอบขีดจำกัดความอดทนของนางเสียจริง

ในสถานการณ์แบบนี้ นางต้องทำอย่างไรถึงจะพาตัวเองออกไปจากที่นี่ได้ล่ะ?

นางยกมือข้างหนึ่งขึ้นแตะปลายคาง แล้วใช้หลังมืออีกข้างเท้าข้อศอกแขนข้างที่ยกแตะปลายคาง ใช้เวลาเพียงไม่นานก็คิดวิธีแก้ปัญหาออก

นางหัวเราะเบาๆ ก่อนจะเดินสำรวจเรือนผุพังของตัวเองจนครบทุกด้าน จากนั้นจึงเดินเข้าไปหาตะบันไฟที่อยู่ภายในเรือน

นางกระชากม่านหน้าต่างลงมาแล้วจุดไฟ เพียงพริบตาเดียว เพลิงก็ลุกไหม้ท่วมฟ้า...
อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทล่าสุด

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 997

    เฟิ่งชูอิ่งพูดต่อว่า “แต่ตอนนี้ข้าไม่เหลือทั้งบิดามารดาแล้ว เจ้าห้ามรังแกข้าเชียวนะ!”จิ่งโม่เยี่ยยกมือสาบานต่อฟ้าทันที “หากข้าทำไม่ดีกับเจ้าในภายภาคหน้า ขอให้สวรรค์ลงทัณฑ์ส่งฟ้ามาผ่าให้ตาย!”เฟิ่งชูอิ่งหัวเราะ “เรื่องฟ้าผ่าไม่ต้องถึงมือสวรรค์หรอก ข้าก็ทำได้”จิ่งโม่เยี่ย “......”เขาเกือบลืมไปแล้วว่านางวาดยันต์ได้เก่งมาก ตราบใดที่นางต้องการ ใช้ฟ้าผ่าเขาก็ไม่ใช่เรื่องยากเฟิ่งชูอิ่งเห็นท่าทางของเขาก็แอบหัวเราะเบาๆ เอื้อมมือไปกอดแล้วซุกศีรษะพิงอกเขา กล่าวว่า “ข้าเชื่อใจท่าน”“ตอนนี้เราทั้งสองล้วนไม่มีพ่อแม่แล้ว ชีวิตที่เหลืออยู่ก็มีเพียงกันและกัน”“ต่อไปข้าจะดูแลเจ้าอย่างเต็มที่ จะไม่ระแวงเจ้าอีก ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ข้าจะเชื่อใจเจ้า”หัวใจที่ตึงเครียดของจิ่งโม่เยี่ยก็ผ่อนคลายลงในทันทีเขากอดนางตอบ “กาลเวลาจะเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าการตัดสินใจของเจ้าถูกต้อง”เขาโน้มตัวลงจูบหน้าผากนางเบาๆ เอ่ยอย่างอ่อนโยนว่า “ข้าจะทุ่มเททุกอย่างเพื่อรักเจ้า”เมื่อเฟิ่งชูอิ่งได้ยินคำพูดนี้ หัวใจก็สั่นไหว นางช้อนตามองขึ้นไปที่เขา ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความอ่อนโยนนางรู้ว่าคำพูดของเขาในตอนนี้ล้วนมาจ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 996

    ก่อนหน้านี้เขาไม่รู้ฐานะของจิ้งจอกสือซานเหนียง แต่ตอนนี้เขาพอจะเข้าใจได้หลังจากได้ยินบทสนทนาระหว่างจิ้งจอกสือซานเหนียงและเฟิ่งชูอิ่งจิ้งจอกสือซานเหนียงเห็นสีหน้าเคร่งขรึมของเขาก็หัวเราะเบาๆ ก่อนจะหันหลังเดินจากไปเฟิ่งชูอิ่งถามว่า “เจ้าจะไปไหน? ข้ายังมีเรื่องอยากจะถามเจ้าอีกมาก”จิ้งจอกสือซานเหนียงตอบว่า “ข้าจะไปหาที่ขับไล่พลังชั่วร้ายออกจากร่างกาย พอขับไล่เสร็จแล้วข้าจะกลับมาหาเจ้า”ตลอดหลายปีที่ผ่านมา นางฝึกฝนวิชาสายชั่วร้ายมากมาย ทำให้พลังชั่วร้ายในร่างกายมีมากเกินไป หากอยู่ใกล้ใครนานๆ จะมีผลกระทบต่อคนรอบข้างเฟิ่งชูอิ่งจึงเตือนนางว่า “เจ้าอย่าผิดคำพูดล่ะ ข้าจะรอเจ้ากลับมา!”จิ้งจอกสือซานเหนียงโบกมือแล้วบอกว่า “วางใจเถอะ ข้าจะกลับมาแน่นอน”หลังจากนางเดินออกไปไกลแล้ว เฟิ่งชูอิ่งก็ถอนหายใจยาวๆ และเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นหลังจากแยกทางกันให้จิ่งโม่เยี่ยฟังหลังจากที่จิ่งโม่เยี่ยได้ยินเรื่องของเหมยตงยวน เขาก็เงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดว่า “เพราะรักถลำลึกจึงไม่ยืนยาว เรื่องระหว่างท่านพ่อกับท่านแม่ช่างน่าเศร้า”เฟิ่งชูอิ่งกล่าวอย่างแผ่วเบาว่า “ดังนั้นการสื่อสารจึงสำคัญ ต่อไปไม่ว่าจะมี

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 995

    สิ้นเสียงของนาง สายฟ้าก็ฟาดลงมาอีกครั้ง ทำให้พลังที่พุ่งพล่านของเขาสลายไปจิ่งสือเยี่ยน “!!!!!!!!”หลังจากถูกอสนีบาตฟาดใส่อย่างต่อเนื่องห้าครั้ง ร่างวิญญาณของเขาก็จางลงอย่างมากแต่ถึงอย่างนั้น เขาก็ยังไม่ตายเฟิ่งชูอิ่งถึงกับตกใจ ชีวิตของจิ่งสือเยี่ยนช่างแข็งแกร่งเสียจริง!นางอดสงสัยไม่ได้ว่าเขาจะกลายเป็นเทียนซือคนที่สอง และจะกลายเป็นภัยพิบัติในอนาคตนางกำลังจะม้วนแขนเสื้อขึ้นเพื่อเสกยันต์ใส่จิ่งสือเยี่ยนอีกครั้ง แต่กลับมีเงาร่างหนึ่งพุ่งเข้ามาแล้วกลืนเขาเข้าไปทั้งตัวเฟิ่งชูอิ่ง “!!!!!!”จิ้งจอกสือซานเหนียงเรอออกมาคำโตแล้วบอกว่า “เขาเป็นอาหารที่ข้าหมายตาไว้แต่แรก”“การปล่อยให้อาหารหลุดมือไป เป็นเรื่องที่ไม่อาจให้อภัยได้”เฟิ่งชูอิ่ง “......”นางเคยจินตนาการถึงความตายของจิ่งสือเยี่ยนไว้หลายแบบ แต่ไม่มีฉากจบแบบนี้อยู่เลยนางได้คงบอกได้แค่ว่าจิ้งจอกสือซานเหนียงเจ๋งสุดยอด!ขณะเดียวกันนั้นจิ่งโม่เยี่ยก็เดินเข้ามา เขาจ้องมองจิ้งจอกสือซานเหนียงด้วยความระแวดระวัง มือจับกระบี่เอาไว้ เตรียมพร้อมที่จะฟันจิ้งจอกสือซานเหนียงได้ทุกเมื่อเฟิ่งชูอิ่งบีบมือเขาเบาๆ ให้เขาผ่อนคลายจิ้งจอก

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 994

    แต่ทว่าคันธนูของจิ่งสือเยี่ยนเพิ่งจะยกขึ้นมา ก็มีลูกธนูที่เร็วกว่าพุ่งทะลุหัวใจของเขาในทันทีจิ่งสือเยี่ยนมองลูกธนูที่ปักอยู่บนอกด้วยความไม่อยากเชื่อ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองและเห็นดวงตาที่เย็นชาของจิ่งโม่เยี่ยเมื่อครู่นี้พวกเขาทั้งสองยังมีระยะห่างต่อกันอยู่แท้ๆ และตำแหน่งที่เขาหลบอยู่ก็เป็นมุมอับที่จิ่งโม่เยี่ยยิงมาไม่ถึงทว่าเพียงแค่อึดใจเดียว จิ่งโม่เยี่ยก็ปรับตำแหน่งได้อย่างรวดเร็วและยิงธนูทะลุหัวใจเขาได้ในนัดเดียวในตอนนี้จิ่งสือเยี่ยนกับจิ่งโม่เยี่ยไม่ได้อยู่ห่างกันมากนัก แต่ถ้าพูดคุยกันตามปกติก็คงไม่ได้ยินทว่าในเวลาเช่นนี้ จิ่งสือเยี่ยนกลับได้ยินเสียงของจิ่งโม่เยี่ย “คนที่กล้าทำร้ายชูอิ่งต้องตาย!”ก่อนหน้านี้จิ่งสือเยี่ยนคิดแค่ว่าจิ่งโม่เยี่ยดีต่อเฟิ่งชูอิ่งมาก ทว่าตอนนี้เขาเพิ่งได้รู้ซึ้งเรื่องบางอย่างเฟิ่งชูอิ่งไม่ใช่แค่จุดอ่อนของจิ่งโม่เยี่ย แต่เป็นทั้งชีวิตของเขาแต่มาเข้าใจเอาป่านนี้ก็สายไปแล้วในตอนนี้เฟิ่งชูอิ่งยังคงนอนคว่ำอยู่บนพื้นหิมะ นางได้ยินเสียงวัตถุแหวกอากาศจึงหันไปมอง และเห็นภาพของจิ่งสือเยี่ยนล้มลงกับพื้นในเวลานี้ เฟิ่งชูอิ่งก็เข้าใจใด้ทันทีว่าในโลกน

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 993

    ในเมื่อเขาไม่ได้ราชบัลลังก์และเฟิ่งชูอิ่งมาครอบครอง ราชบัลลังก์เขาอาจจะทำลายไม่ได้ แต่เฟิ่งชูอิ่งแค่คนเดียวเขาทำลายได้แน่นอนองครักษ์สองคนของเขารีบเปลี่ยนมาง้างคันธนูเล็งไปที่เฟิ่งชูอิ่ง ทว่าลูกธนูยังไม่ทันได้ยิงออกไป ก็ถูกบางสิ่งบางอย่างปัดออกไปอีกครั้งในตอนนี้จิ่งสือเยี่ยนก็พลันเข้าใจบางอย่างขึ้นมาทันทีตลอดทางที่ผ่านมา วิญญาณร้ายของเฟิ่งชูอิ่งถึงจะมาแล้ว แต่ก็ไม่ได้ลงมือ นั่นก็น่าจะมีเหตุผลที่ลงมือไม่ได้วิญญาณร้ายโจมตีองครักษ์ของเขา แต่กลับไม่โจมตีเขา นั่นก็หมายความว่าวิญญาณร้ายเหล่านั้นโจมตีเขาไม่ได้เขานึกถึงข่าวลือที่เคยได้ยินมาว่า พลังมังกรของผู้เป็นฮ่องเต้เป็นสิ่งที่ปราบภูตผีปีศาจได้วิญญาณร้ายไม่โจมตีเขา นั่นแสดงว่าวิญญาณร้ายทำอะไรเขาไม่ได้ แปลว่าเขามีพลังมังกรอยู่ในตัว?ความคิดนี้ทำให้จิตใจเขาฮึกเหิมขึ้นมาทันที เขารีบหยิบธนูของตัวเองขึ้นมา อดทนต่อความเจ็บปวดจากบาดแผลแล้วยิงธนูไปที่หลังของเฟิ่งชูอิ่งเฉี่ยวหลิงเห็นภาพนี้ก็ตกใจ รีบยื่นมือออกไปเพื่อจะรับลูกธนูนั้นทว่าลูกธนูนั้นเปื้อนเลือดของจิ่งสือเยี่ยน เลือดนั้นเป็นอันตรายต่อวิญญาณร้ายอย่างมาก มือของนางแค่เพียงสัมผ

  • ยอดชายานักพยากรณ์ : ท่านอ๋อง ชายาท่านเลี้ยงผี   บทที่ 992

    หิมะยังคงโปรยปรายลงมา โลกนี้เงียบสงัด มีเพียงเสียงฝีเท้ากระทบกับพื้นหิมะดังฟุ่บฟั่บช่วงใกล้รุ่งสาง ชวีเหลียงอวี่ก็มาปรากฏตัวและเอ่ยขึ้นทันทีว่า "ท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการรออยู่ข้างนอกแล้ว"เมื่อได้ยินดังนั้น เฟิ่งชูอิ่งก็เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยนางหันไปบอกกับจิ่งสือเยี่ยนว่า "เมื่อครู่ข้าลองคิดดูดีๆ แล้ว รู้สึกว่าที่เจ้าพูดก็มีเหตุผลอยู่บ้าง การมีชีวิตอยู่ก็ไม่เลว"จิ่งสือเยี่ยน “......”หลังจากผ่านมาทั้งคืน นางกลับปลงตกในเรื่องเช่นนี้ได้ ทำให้เขารู้สึกประหลาดใจอยู่เล็กน้อยแต่การที่นางคิดได้ในตอนนี้ก็เป็นเรื่องดีเขาจึงพูดว่า "หลายสิ่งหลายอย่างทำได้ตอนมีชีวิตอยู่เท่านั้น ตายไปแล้วทำไม่ได้""ตราบใดที่เจ้าพาข้าออกจากค่ายกลแห่งนี้ ข้าจะไม่สร้างความลำบากให้เจ้าอีก”เฟิ่งชูอิ่งพยักหน้า "ก็ได้ งั้นตอนนี้ข้าจะพาเจ้าไปทำลายค่ายกล"พูดจบนางก็ควบม้านำหน้าไป จิ่งสือเยี่ยนรีบนำทหารตามไปทันทีเพียงแต่พวกเขาเดินวนเวียนอยู่ที่นี่ทั้งคืน ทั้งเหนื่อยทั้งหิว พลังจึงลดลงไปมากเฟิ่งชูอิ่งมียันต์ป้องกันความหนาวติดตัวอยู่จึงไม่รู้สึกหนาว ก่อนหน้านี้ก็นอนหลับมาตลอดทาง ทำให้รักษาพลังงานไว้ได้มากที่สุ

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status