เข้าสู่ระบบ
“พี่เสือ ลูกไม่คิดจะแต่งงานมีครอบครัวบ้างเหรอ อายุเยอะ แล้วนะ”
“แม่ก็รู้ดีนี่ครับว่าผมโสด แล้วจะแต่งงานได้ยังไง” เสียงทุ้มนิ่งตอบผู้เป็นแม่เสียงเรียบอย่างไม่ทุกข์ร้อนอะไร
“ตกลงลูกหัวใจยังว่าง ไม่ได้รักหรือชอบใครอยู่ใช่ไหม...”
“ทำไมครับ แม่มีอะไรรึเปล่า?” เขาละสายตาจากจานอาหารมามอง คิ้วหนาขมวดมุ่นไม่เข้าใจว่าทำไมแม่เขาถึงถามเรื่องนี้ ทั้งที่ก็ไม่เคยก้าวก่ายชีวิตส่วนตัวของลูก ๆ เลย
“ก็แค่สงสัยว่าลูกแม่ทั้งหล่อ รวย เพอร์เฟกต์ขนาดนี้แต่ทำไมไม่เคยเห็นควงใครบ้าง เสียงหวานเอ่ยบอกอีกครั้งเริ่มช่างใจอยู่ครู่ใหญ่ก่อนจะพูดต่อ “แม่นัดดูตัวลูกสาวเพื่อนแม่ให้เอาไหมตาเสือ”
“ไม่ต้องเลยครับแม่” เสือ หรือ พยัคฆินทร์ เอ่ยขัดด้วยน้ำเสียงราบเรียบสีหน้าเบื่อหน่าย ไม่มีทีท่าจะสนใจเรื่องไร้สาระพวกนี้แม้แต่น้อย
“เย็นชาแบบพี่เสือ ใครจะเอาด้วยล่ะคะแม่ เป็นหงส์ก็ไม่เอาด้วยหรอก” เสียงหวานของหญิงสาวที่เพิ่งเดินเข้ามาสมทบดังขึ้น เป็นหงส์ หรือ กรรวี [1]ลูกสาวคนสุดท้องของครอบครัว
“ไหนบอกมีเคสด่วนไม่ใช่เหรอเรา” สิงห์ สิงหราช [2]บุตรชายคนที่สองเอ่ยถามน้องสาว
“เคสไม่หนักเท่าไหร่ค่ะ เรียบร้อยหมดแล้วเลยรีบกลับมากินข้าวด้วยนี่ไง พอดีว่าหงส์มีเรื่องอยากปรึกษากับพ่อแม่ด้วยค่ะ” กรรวีตอบพี่แล้วก็หันกลับมาคุยกับมารดาเสียงเครียดลงกว่าเก่า
“มีเรื่องอะไรเหรอลูก” วาคิมผู้เป็นพ่อเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง ปกติกรรวีเป็นคนร่าเริง น้อยครั้งที่จะมีสีหน้าจริงจังเช่นนี้
“กินข้าวกันก่อนดีกว่านะคะ คิคิ” กรรวีทำหน้าทะเล้นใส่ พร้อมกับตักข้าวเข้าปากเคี้ยวตุ้ย ๆ
“ยายเด็กคนนี้นี่ ชอบมายั่วให้แม่อยากรู้แล้วค้างไว้ตลอดเลยนะ” เวเนสซ่าดุทีเล่นทีจริงหากก็ไม่ได้เซ้าซี้ถามต่อ
เมื่อมื้ออาหารหลักจบลงบิดาและลูกชายทั้งสามก็นั่งพูดคุยปรึกษากันเรื่องธุรกิจตามประสาผู้ชาย อย่างที่ทำกันเป็นประจำเมื่อมีเวลาว่างแบบวันนี้ ตามกฎที่มารดาเคยตั้งไว้...
‘ไม่ว่าจะยุ่งแค่ไหน ทุกคนต้องมากินข้าวพร้อมหน้าพร้อมตากันและมีเวลาว่างให้ครอบครัวบ้างอย่างน้อยสัปดาห์ละหนึ่งวัน จนกว่าจะแต่งงานมีครอบครัวเป็นของตัวเอง’
“เรามีเรื่องอะไรจะปรึกษาแม่เหรอ” เวเนสซ่าถามอย่างอยากรู้ เรื่องที่เมื่อครู่ที่ลูกสาวตัวดีเปิดประเด็นไว้
“ก็เรื่องเกี่ยวกับเคสด่วนวันนี้แหละค่ะ...” กรรวีถอนหายใจเฮือกใหญ่ แล้วพูดต่อ
“…เคสวันนี้คือผู้ชายโดนแทงมาค่ะ เขาคือคุณเพชร ลูกเลี้ยงของน้าทิพย์เพื่อนคุณแม่น่ะแหละ”
“ตายแล้ว! จริงเหรอลูก แล้วตาเพชรเจ็บมากไหม” เวเนสซ่าร้องตกใจ เรื่องอะไรที่เกี่ยวกับทิพวรรณก็เหมือนเรื่องของเธอทั้งนั้น วาคิมผู้เป็นสามีที่ได้ยินดังนั้นจึงหยุดบทสนทนากับลูกชายและหันไปสนใจฟังด้วย
“ใจเย็นค่ะคุณแม่ ถ้าได้ยินเรื่องต่อไปนี้ คุณแม่ได้ตกใจกว่านี้แน่ หงส์รับรอง”
“รีบเล่าสิลูก” คิ้วสวยขมวดมุ่นขึ้นอีก
“คนที่แทงคุณเพชร คือพี่เพียวค่ะ”
“ฮะ! อะไรนะ! ทำไมกัน หนูเพียวจะทำร้ายพี่ชายตัวเองไปทำไม แม่ไม่เข้าใจเลย”
“เรื่องนี้หงส์ไม่แน่ใจค่ะ แค่ได้ยินตำรวจเจ้าของคดีที่มาขอสอบปากคำคนเจ็บพูดเหมือนว่าคุณเพชรพยายามจะข่มขืนน้องสาวตัวเองแต่น้องสาวขัดขืนต่อสู้ค่ะ” กรรวีเล่า
แม้ตามหลักจรรยาบรรณแล้วแพทย์ไม่ควรเอาเรื่องคนไข้มาบอกเล่าเม้าท์มอยหรือส่งต่อข้อความถึงใคร หากทว่าเคสนี้กรรวีไม่พูดไม่ได้
เธอรู้จักกับครอบครัวเพื่อนรักของแม่เพราะเวลาพวกท่านนัดเจอกันมักพาลูก ๆ ไปด้วย ทิพวรรณก็มักจะพาลูกสาวคนเดียวอย่าง เพียว หรือ พรนับพัน ไปด้วยเสมอ เพราะอยากให้ลูก ๆ สนิทและเป็นเพื่อนเล่นกันได้ กรรวีและพรนับพัน จึงสนิทสนมกันพอสมควร ด้วยเพราะอายุห่างกันแค่ไม่ถึงสองปีเท่านั้น
“จริงเหรอลูก อะไรกันเนี่ย แล้วทิพย์จะเป็นยังไงบ้าง แม่ก็ไม่ได้ติดต่อกันตั้งหลายเดือนแล้วด้วย มัวแต่เที่ยว งั้นแม่โทรหาทิพย์ดูดีกว่า” พูดจบเวเนสซ่าบก็ลุกพรวดหายไปทันที
วาคิมสั่งให้ลูกน้องสืบเรื่องนี้ทันทีก่อนเดินตามเวเนสซ่าไป เพราะรู้ดีว่าทิพวรรณคือเพื่อนรักที่สุดของภรรยา และเธอจะไม่ยอมอยู่เฉยเป็นแน่
“เพียวเป็นยังไงบ้างหงส์ แล้วตอนนี้อยู่ที่ไหน?” มังกร หรือภชุคินทร์ [3]บุตรชายคนที่สามที่นั่งเงียบอยู่นานถามน้องสาวทันทีที่พ่อและแม่หายกันขึ้นไปชั้นบน
“หงส์ไม่รู้เลยค่ะพี่กร ไม่ได้ติดต่อกันมาพักใหญ่แล้วด้วยสิ แอบเป็นห่วงเหมือนกันนะเนี่ย” กรรวีบ่นอุบ
“รู้จักกันด้วยเหรอ” สิงหราชถามน้อง ๆ ไปรู้จักกันตอนไหน ขนาดตนเองยังไม่รู้จักเลย แม้แต่ชื่อก็ไม่คุ้น
“ผมเคยเจอตอนแม่พาไปเที่ยวกับน้าทิพย์ตอนเด็ก แต่ก็ไม่บ่อยเท่ากับยายหงส์” ภชุคินทร์เคยเล่นด้วยกันกับพรนับพันตั้งแต่ยังเด็ก
เป็นเด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ หน้าตาน่ารักน่าชัง ตากลมโต แสบซนพอ ๆ กับน้องสาวของเขา แต่พอเริ่มเป็นหนุ่มก็ไม่ไปกับแม่อีกเลย มัวแต่เที่ยวเล่นตามประสาเด็กผู้ชายช่วงเข้าสู่วัยรุ่น
[1] นางเอกจากเรื่อง หงส์ฟ้ากับซาตาน โดย หญิงเพียว
[2] พระเอกจากเรื่อง ทัณฑ์รักสิงหราช โดย หญิงเพียว
[3] พระเอกจากเรื่อง ใจมังกร โดย หญิงเพียว
@เช้าวันต่อมา…“เรียกมาทำไมแต่เช้าเลยวะ” ไอ้สิงห์มันถามอย่างอารมณ์ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ที่วันนี้ผมเรียกทุกคนมารวมตัวทานข้าวพร้อมหน้ากันแต่เช้าที่บ้านใหญ่ ซึ่งช่วงนี้ไอ้น้องบ้านี่มันก็เหมือนจะมีเรื่องให้คิดให้หงุดหงิดใจอยู่ผมเลยไม่ได้ถือสาอะไรมันมากมายโดยตอนนี้มีทั้งครอบครัวผมและป๊ากับแม่ของเพียวอยู่ด้วย เพราะผมตั้งใจจะบอกข่าวดีเรื่องที่กำลังมีลูกอีกคนหรือสองคนไม่แน่ใจ อยู่ในท้องเมียผม กะว่าตั้งใจจะบอกให้รู้พร้อม ๆ กันเลยทีเดียว “ในเมื่อทุกคนมากันพร้อมแล้ว ผมก็จะขอแจ้งเลยแล้วกันนะครับ” ลุกขึ้นยืนแล้วทำน้ำเสียงจริงจังจนเพียวถึงกับหลุดขำพรืด“อะไรกันลูก ทำไม? มีเรื่องอะไรสำคัญเหรอ” แม่ผมหันมาถามในขณะที่มือก็ยังห้ามสองแฝดไม่ให้แย่งแตงกวาชิ้นเดียว ไม่รอช้าผมก็ยกที่ตรวจครรภ์ขึ้นมาวางไว้กลางโต๊ะอาหาร“กรี๊ส... เจ้จะมีน้องให้สองแฝดแล้วเหรอเนี่ย” แต่คนที่สายตาไวสุดดันเป็นยัยหงส์ตัวแสบนี่สิ ที่ยื่นมือมาปาดหน้าทุกคนแล้วหยิบที่ตรวจครรภ์ไปดูแล้วหวีดออกมาท่าทางดีใจ “เว่อร์ไปมั้ย ได้ข่าวว่าไม่ชอบเด็ก” ไอ้มังกรมันพูดว่าน้องสาวพลางยกมือกอดอกทำหน้าเอือมระอาใส่ ช่วงหลัง ๆ ไอ้สองคนนี้มันเป็นอะไร เหมือนคนที
ผมรู้ว่ามันคืออะไร แต่แค่อยากมั่นใจโดยการได้ยินออกมาจากปากเธอ“สองขีดค่ะ หนูเพิ่งตรวจมาเมื่อเช้านี้ ดีใจมั้ยคะ”“...” “ปะป๊า...”“...”“พี่เสือ!”“ห หา? ขา!” ผมผละสายตาออกจากขีดสีแดง ๆ สองขีดนั่นแล้วหันกลับไปมองหน้าเธอแบบอึ้ง ๆ“ทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะคะ หรือว่าพี่ยังไม่อยากมี”“เปล่าค่ะ”“หนูขอโทษนะคะที่หยุดกินยาคุมโดยที่ไม่ได้ปรึกษาพี่ หนูแค่คิดว่าอยากมีอีกท้องตอนนี้ ให้ลูกได้โตไล่ ๆ กัน ไม่อยากให้เค้าอายุห่างกันเกินไป แต่หนูลืมคิดไปว่าพี่อาจจะไม่โอเค” หลังจากที่ผมนิ่งเงียบไปสักพักเพียวก็พูดขึ้นมา น้ำตาเริ่มรื้นจนต้องก้มหน้าก้มตาอย่างคนไม่มั่นใจแล้วขอโทษผม“ไม่ใช่ค่ะ อย่าพูดแบบนั้น” ผมดึงเธอมากอดเอาไว้ในอ้อมอกอย่างเต็มรักแล้วลูบหัวปลอบใจก่อนที่เธอจะคิดน้อยใจไปมากกว่านี้จะขอโทษผมทำไม ผมนี่อยากมีลูกกับเธอใจจะขาด ไม่งั้นคงไม่ถึงขั้นต้องวางแผนแอบสลับยาคุมให้เธอท้องด้วยตั้งแต่แรกหรอก“พี่ไม่ได้ไม่พร้อมสักหน่อย คิดไปถึงไหนแล้วเนี่ย หืม” “ก็เห็นพี่เงียบไม่พูดอะไรเลยนี่นา”“พี่แค่กำลังคิดอยู่ว่าจะตั้งชื่อลูกว่าอะไรดี แล้วพี่จะขออะไรจากพวกอา ๆ มันให้รับขวัญลูกของเราต่างหากล่ะ” ผมไม่ได้ตั้งใจ
“หนูยังกินยาคุมอยู่ไหมคะ” ปากถามออกไป มือก็เริ่มลูบไล้หน้าขาอ่อนขาว ๆ แล้วเลื่อนมือสอดใต้สาบกระโปรงชุดนอนเข้าไปยังท้องแบนราบ กดน้ำหนักมือบีบขย้ำเอวบางเบา ๆ จนเธอเริ่มหายใจถี่ขึ้นเบา ๆ ผมจึงขยับตัวขึ้นคร่อมเธอเอาไว้ ผมรู้ดีว่าควรปรนเปรอเธอยังไงให้เธอมีอารมณ์ร่วมด้วยไวที่สุด“ถามทำไมเหรอคะ?” เพียวใช้สองมือประคองใบหน้าของผมไว้แล้วทำสายตายั่วยวนใส่อย่างที่ชอบทำเป็นประจำเวลาเราอยู่ด้วยกันสองต่อสองบนเตียงนอน บอกเลยว่าเมียผมแม่งโคตรร้อนแรงอะ ขนาดตอนไม่ทำสายตาแบบนี้ใส่ยังน่าขย้ำแล้วนี่ยิ่งทำผมจะเอาอะไรไปอดใจไหวกันละครับอยากรีดน้ำออกสุด ๆ แล้วตอนนี้ ไอ้เสือร้ายในกางเกงนี่แข็งปั๊กจนปวดหนึบแทบจะแตกอยู่แล้ว“มาทำน้องให้สองแฝดกันเถอะนะครับ คนดี” “หึ ไม่ทันแล้วละค่ะ” เพียวส่ายหน้าให้หัวเราะหึในลำคอเบา ๆ แล้วยกยิ้มหวานส่งมาให้ผม“ไม่ทันอะไรเหรอคะ น่า... นะ พี่ไม่ไหวแล้วเนี่ย” พูดไปก็เสยสะโพกสอบให้แก่นกายที่กำลังพองขยาดใหญ่ให้เบียดเสียดกับเนินเนื้ออวบอูมกลางกายสาว ตอนนี้ผมไม่มีสติจะมาสงสัยอะไรกับคำพูดเธอหรอกนะ เพราะว่าในสมองพร่าเบลอไปหมดแล้วหน้าก็ยั่ว ตัวก็โคตรหอม นมก็ใหญ่ ช่วงล่างนี่ก็ฟิต
“เป็นอะไรคะ ไปค้อนใส่เพื่อนหนูทำไมกันเนี่ย?” เพียวยื่นหน้ามากระซิบกระซาบใกล้หูผมให้พอได้ยินกันสองคนด้วยความสงสัย เธอคงเห็นแหละว่าผมมองหน้าไอ้แดเนียลตาเข้มขนาดไหน “เพื่อนอะไร แฟนเก่าชัด ๆ” ทำมาพูดว่าเพื่อน เหอะ! “รู้ได้ไงคะ ว่านั่นแฟนเก่าหนู” เพียวหันขวับมาถาม ทำหน้าเลิ่กลั่ก ร้อนตัวทำไม ไม่ได้ว่าอะไรเสียหน่อย เมียใครวะน่ารักชะมัด แต่ไหน ๆ ก็ไหนแล้ว แกล้งเล่นใหญ่ทำเป็นไม่พอใจให้เมียง้อสักหน่อยดีกว่า ถือว่าขอล้างตาที่เมื่อคืนไม่ได้เอาเพราะเมาหลับไปตอนไหนก็ไม่รู้“ก่อนจะถามว่าพี่รู้ได้ยังไง ตอบมาก่อนดีมั้ยว่าทำไมถึงไม่บอก ตั้งใจปิดพี่เหรอ หืม?”“ปะ เปล่านี่คะ ไม่ได้ตั้งใจจะปิดสักหน่อย แต่เรื่องมันผ่านไปแล้ว เลยไม่รู้จะพูดขึ้นมาทำไมให้พี่ไม่สบายใจนี่นา” เพียวพูดตอบมาพลางทำหน้าออดอ้อนให้ผมไม่ใจร้อนยิ่งไปกว่าเดิม ซึ่งพักหลัง ๆ เธอใช้ไม้นี้บ่อยมาก เพราะว่า มันได้ผล เห็นสายตาอ้อนปนยั่วยวนของเมียทีไร ไข่ขึ้นทุกทีเลยเว้ย ใครจะไปมีอารมณ์โกรธลงวะ มีแต่อารมณ์หื่นมากกว่า“ไม่โกรธหนูนะคะ”“ง้อพี่ก่อนสิคะ สัญญาว่าจะไม่โกรธถ้าหนูทำให้พี่พอใจได้” “ง้อยังไงเหรอคะ”“ไม่เอาน่า... อย่ามาทำซื่อบื้อ” “ห
เสือ พยัคฆินทร์ | talk : ผมตื่นขึ้นมาด้วยอาการปวดหัวหนักท้ายทอยสุด ๆ หันไปมองเวลาในนาฬิกาปลุกตรงหัวเตียงก็พบว่าเป็นเวลาบ่ายสองโมงกว่าแล้วก้มลงมองตัวเองก็พบว่ายังใส่เสื้อผ้าชุดเจ้าบ่าวแบบลำลอง เป็นเสื้อเชิ้ตสีขาวกับกางเกงสแลคสีเดียวกันชุดเดิมที่ใส่เมื่อคืนนี่คงเป็นครั้งแรกตั้งแต่เกิดมาที่เมาจนภาพตัด หลับไปตอนไหนก็ไม่รู้แล้วขึ้นมานอนบนห้องได้ยังไงวะ เท่าที่จำได้ตอนตีสามยังตั้งวงเมาอยู่กับเพื่อน ๆ น้อง ๆ อยู่เลยนี่ว่าเมื่อคืนโดนยื่นน้ำเมาให้หลายขนาน เจ้าบ่าวอย่างผมจะปฏิเสธได้ยังไง แขกผู้ใหญ่ไม่เท่าไหร่ แต่ไอ้บรรดาเพื่อน ๆ ผมที่มีตั้งแต่เพื่อนสมัยอนุบาลยันปริญญาโทที่พร้อมใจกันมารวมตัวร่วมแสดงความยินดีให้ เราเลยเอาให้สุดกันไปข้างหนึ่ง เรียกได้ว่ายิ่งกว่างานเลี้ยงรวมรุ่นเสียอีก และไหนจะพรรคพวกเพื่อน ๆ ของไอ้สิงห์กับไอ้มังกรที่ผมรู้จักอีกเพียบ ผมนี่กระดกเบียร์กระดกเหล้าแทนน้ำเปล่ากันเลยทีเดียวแต่จะว่าไปงานนี้มันเป็นความทรงจำที่ดีของผมครั้งหนึ่งในชีวิตเลย ได้แต่งงานกับผู้หญิงที่ผมรัก แล้วก็มีครอบครัวและเพื่อนทุกคนที่สำคัญในชีวิตผมมาร่วมแสดงความยินดี มีโมเมนต์ที่ดี ๆ ร่วมกัน ถึงกว่าจะจบงา
“กอดทักทายคงไม่เป็นไร แต่ถ้ากอดภรรยาผมนานเกินไปคงจะดูไม่ดีนะครับ” คุณเสือก็ตอบกลับไป ทั้งคู่สนทนากันพักใหญ่ คำพูดที่สนทนากันมันฟังออกแนวจิกกัดและเกทับกันมากกว่าที่จะเป็นมิตรด้วยคืออะไร? ทำไมเป็นงี้ แดเนียลอะฉันพอเข้าใจ เหมือนเขาจะตั้งใจยั่วโมโหพี่เสือนิดหน่อยนั่นแหละ ตามประสาแฟนเก่าและนิสัยเขาก็เคยเป็นคนหวงของใช้ได้เลยอาจจะโดนลมกับไอ้เฮียเพชรมันเป่าหูมาด้วยเลยเป็นอย่างนี้มั้ง แต่พี่เสือนี่สิตาเขียวปั๊ด ท่าทางคือพร้อมบวกมากแต่ต้องสะกดอารมณ์ไว้ เขาไม่เคยรู้เสียหน่อยว่าแดเนียลเป็นใคร ทำไมเหมือนหึงและไม่พอใจขนาดนั้น ..แต่ก็ช่างเถอะ ตอนนี้ต้องรีบห้ามศึกก่อน“มาค่ะ มาถ่ายรูปกัน”หลังจากนั้นไม่นานฉันต้องแยกตัวออกมาเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดอาฟเตอร์ปาร์ตี้ กว่าจะออกมาอีกทีก็เกือบเย็น ตอนนั้นเองที่ฉันได้เห็นแสง สี เสียงอลังการ แขกเหรื่อเยอะมากกว่าตอนกลางวัน พนักงานเสิร์ฟที่จ้างมาก็เดินกันให้วุ่นวายละลานตาเลยก่อนหน้านี้ฉันก็ไม่ค่อยเข้าใจว่าทำไมที่บ้านพี่เสือถึงมีบอดี้การ์ดเยอะแยะไปหมด เพราะดูการใช้ชีวิตของทุกคนปกติดีมีการมีงานทำที่ถูกกฎหมาย ไม่ใช่มาเฟียหรือพวกทำงานสีเทาอะไรแต่วันนี้เริ่มเข้าใจแ







