และตอนนี้เอง สือหลินกับชายหน้าบากกลุ่มคนที่ทรยศออกมาจากตำหนักเซินหลัวสีหน้าก็เปลี่ยนไปทันทีเปลี่ยนไปจนปั้นยากเลยทีเดียว มีความหวาดกลัวออกมาอย่างไม่ปิดบังตอนนี้เอง ในที่สุดพวกเขาก็นึกออกแล้วพวกเขานึกออกแล้วเพราะอะไรก่อนหน้านี้ตอนที่พวกเขาได้ยินเสียงหึ่งๆ รางๆ ถึงได้รู้สึกคุ้นเคยนัก รู้สึกว่าเคยได้ยินมาจากที่ไหน...เพราะพวกเขาเคยได้ยินคนพูดถึงแล้วจริงๆนั่นเป็นช่วงที่พวกเขายังไม่ได้ทรยศตำหนักเซินหลัวพวกเขาทำตัวเป็นเครื่องจักรสังหารคนไม่ได้จริงๆ และเคยเจ็บปวดทรมานกับสับสนเพราะเรื่องนี้ด้วยเช่นกันกระทั่งยังเคยสงสัยด้วย ว่ามีตัวตนคนแบบนี้อยู่จริงหรือ?จากนั้นจึงได้ล่วงรู้ถึงตัวตนหนึ่งเข้าคนที่ฝึกฝนออกมาจากตำหนักเซินหลัวในระยะเวลาที่สั้นที่สุดได้ยินว่า เขาคือคนที่อาภัพทางครอบครัว ไม่มีญาติพี่น้องใดเลยสำหรับญาติของคนอื่น เขาก็ไม่ได้มีจิตใจเห็นใจสงสารให้เขาสังหารใครเขาก็ไปสังหารกระทั่งไม่มีลังเลด้วยซ้ำพวกเขายังจำได้ถึงคำที่นำมาพรรณนาคนผู้นี้ในตอนนั้น...เขาคือมือสังหารแต่กำเนิดดังนั้นพวกเขาจึงเคยถาม ว่าคนผู้นี้แกร่งมากไหม?คำตอบที่ได้รับคือ...แข็งแกร่งมาก แกร่งขนาด
ไม่นานนัก เงาดำร่างหนึ่ง ก็ค่อยๆ เดินเข้ามาไม่ได้ใช้วิชาร่างแพรวพราว หรือการโจมตีฉับพลันที่คาดไม่ถึงอะไรเขากระทั่งแค่...เดินเข้ามาอย่างสบายแบบนี้หรือ?นี่มันจะเปิดเผยเกินไปแล้วคนที่ทำตัวเปิดเผยแบบนี้ ถ้าไม่ใช่คนโง่จริงๆ ก็ต้องเป็นยอดฝีมือสุดยอดเชื่อมั่นอย่างเด็ดขาดต่อพลังของตนเอง ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องหลบซ่อน เดินเข้ามาตรงๆ ได้เลยจะสนทำไมว่าพวกเจ้ามีฝีมือแค่ไหน มีคนมากแค่ไหนที่แท้นี่ก็คือถังฉือ...เขาอยู่ในชุดดำ เส้นผมดำขลับถูกรวบมัดไว้ด้านหลังศีรษะรูปร่างดูทะมัดทะแมงและดูเรียบง่ายมากนอกจากผ้าคาดหัวที่คาดไว้ตรงหน้าผาก ก็ไม่มีเครื่องประดับอื่นอยู่อีก ดำมืดไปทั้งตัว ที่หน้าอกกอดกระบี่ยาวเอาไว้กระบี่ยาวนั่นดูแล้วก็เรียบง่ายมากไม่มีอัญมณีอะไรประดับไว้ ไม่มีลวดลายแกะสลักซับซ้อนไม่ว่าจะด้ามกระบี่หรือฝักกระบี่ ดูแล้วเรียบง่ายเอามากๆบนด้านกระบี่มีเชือกป่านเส้นเล็กๆ พันไว้รอบๆ ดูแล้วรู้สึกจับถนัดมือมากแต่ก็ไม่ใช่รูปร่างของอาวุธเทพอะไรแบบนั้นยิ่งไปกว่านั้น บนตัวคนผู้นี้ กระทั่งไม่มีจิตสังหารเลยด้วยเหมือนคนที่ไม่ได้เป็นพิษเป็นภัยอะไรเลยคนแบบนี้...คือกระบี่อันดับ
พอได้ยินคำนี้ของจั๋วซือหราน พวกเขาก็รู้ว่าจั๋วซือหรานไม่ได้พูดโกหกในสายตาพวกเขา ล้วนเป็นอารมณ์สั่นสะเทือนตกตะลึงนี่มันยากเกินไปแล้วเพราะก่อนหน้านี้จั๋วซือหรานพบว่า คนที่ตำหนักเซินหลัวชุบเลี้ยงออกมา จะเป็นพวกอารมณ์เฉยเมยสีหน้าไม่แสดงชัดเจนบนใบหน้าต่อให้เห็นสือหลินยังมีชีวิตอยู่ สีหน้าพวกเขาก็แค่รู้สึกผ่อนคลายลงมาเล็กน้อยเท่านั้นทว่าตอนนี้ บนสีหน้าพวกเขากลับมีความตกตะลึงอย่างเห็นได้ชัดชายหน้าบากคนนั้นพูดขึ้นมาก่อนว่า "เจ้าบ้าไปแล้ว"เขายืนยันได้เลย ว่าหญิงสาวคนนี้บ้าไปแล้วนางไม่รู้หรือไงว่าพูดอะไรอยู่? จะเป็นศัตรูกับสภาผู้อาวุโสเนี่ยนะ?ถ้าหากพวกเขาสามารถเป็นศัตรูกับสภาผู้อาวุโสได้!พวกเขาก็ไม่ต้องมาหลบอยู่ในซื่อหนานเหมือนหนูในท่อแล้ว!"เจ้าจะต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ" เขาเอ่ยซ้ำขึ้นมาอีกครั้ง"ข้าไม่ได้บ้า" จั๋วซือหรานตอบ "คนเราน่ะ มันก็ต้องมีความฝันอยู่บ้าง""ไอ้ของเจ้านั่นมันไม่ใช่ความฝัน" ชายหน้าบากส่ายหัว "เจ้าก็แค่ละเมอเพ้อพกคิดถึงสิ่งที่จับต้องไม่ได้เท่านั้น เป็นศัตรูกับสภาผู้อาวุโสเนี่ยนะ? เจ้ารู้ไหมว่าสภาผู้อาวุโสคืออะไร?"จั๋วซือหรานยิ้มๆ "คือความมืดมิด การกดขี่
เทียบกับชายหนุ่มที่เขาจนปัญญาจะรับมือคนนั้น เขาคิดว่าหญิงสาวคนนี้ตึงมือยิ่งกว่าหญิงสาวคนนึง ถ้าสามารถทำให้ชายหนุ่มเชื่อฟังนางได้ จริงอยู่ที่อาจเป็นเพราะความงามของนาง แต่ที่มากกว่านั้นต้องเป็นเพราะความสามารถที่แท้จริงแน่นอน"เจ้าคิดจะทำอะไร?" สือหลินถาม น้ำเสียงระแวดระวังจั๋วซือหรานเลิกคิ้ว "ข้าจะทำอะไรได้ ข้าก็ไม่ได้ทรมานเจ้าเสียหน่อย"นางเชิดคางไปทางชายหน้าบาก "คนของเจ้าเอาเงื่อนไขมาต่อรองกับข้าอยู่นะ"สือหลินตกตะลึง มองไปทางเนี่ยคุนที่ถูกมัดไว้แน่นหนาเข้าใจว่าเงื่อนไขในคำพูดจั๋วซือหรานคืออะไรและเข้าใจขึ้นมาทันที สือหลินรู้ว่าเงื่อนไขนี้ยังไม่พอนางต้องมีแผนการอื่นอยู่อีกแน่และตอนนี้เอง จั๋วซือหรานก็มองไปทางชายหน้าบาก "นี่ คนของพวกเจ้ายังมีชีวิตอยู่นะ แล้วข้อแลกเปลี่ยนก่อนหน้านี้ พิจารณาไปถึงไหนแล้วล่ะ?"ชายหน้าบากมองสือหลิน จากนั้นก็มองจั๋วซือหรานเขานิ่งเงียบครุ่นคิด เอ่ยถามเสียงต่ำว่า "ถ้าพวกเราจะไปตอนนี้ เจ้าอาจจะขวางเราไว้ไม่ได้""นั่นใช่นั่นล่ะ เหล่าอสูรที่ตำหนักเซินหลัวชุบเลี้ยงออกมา ฝีมือแต่ละคนต้องไม่ธรรมดาอยู่แล้ว" จั๋วซือหรานเอ่ยขึ้นเสียงเรียบพอนางพูดคำนี
จั๋วซือหรานมองพวกเขา แต่ยังไม่ได้บอกอะไร ถามต่อว่า "แลกเปลี่ยนอะไร"นางจ้องหน้าบากตรงหน้าคนนี้ แม้ท่าทางของอีกฝ่ายจะดูดุดันมากจริงๆ ก็ตามแต่จั๋วซือหรานเองก็เห็นสถานการณ์ใหญ่ๆ มาเยอะมากแล้วจริงๆ นางไม่ได้กลัวคนที่มีท่าทางดุดันแบบนี้เลยอำนาจตัดสินใจอยู่ในมือนาง นางไม่จำเป็นต้องประนีประนอมอะไรชายหน้าบากนิ่งงันไม่พูดอะไรไปครู่หนึ่ง แม้ในใจจะเข้าใจเรื่องนี้ชัดเจน...ว่าอำนาจตัดสินใจอยู่ที่นางดังนั้นหลังจากที่หน้าบากเงียบไปครู่หนึ่ง ก็เอ่ยขึ้นว่า "ข้าจะเอาชีวิตของเนี่ยคุนส่งให้เจ้า"เนี่ยคุนพอได้ยินคำนี้ก็อึ้งไปแล้ว ดิ้นรนขึ้นมา ทั้งตัวบิดไปมาเหมือนปลาไหลจั๋วซือหรานพอได้ยินก็เหลือบมองเนี่ยคุนผาดหนึ่ง จากนั้นก็หัวเราะเสียงเรียบ "ก็แค่ชีวิตไร้ค่าชีวิตนึง ไม่ได้สลักสำคัญอะไรกับข้าเลย"นางมองไปทางชายหน้าบาก "เงื่อนไขนี้สำหรับข้าไม่ได้มีแรงดึงดูดมากพอ"ชายหน้าบากขมวดคิ้ว ดวงตาเย็นชา "งั้นเจ้าต้องการอะไร"ถ้าหากไม่ใช่เงื่อนไขที่เกินไปล่ะก็ เพื่อสือหลินแล้ว พวกเขาก็ไม่ใช่จะรับปากไม่ได้แต่ถ้าหากเงื่อนไขมากเกินไป ก็ต้องมาพิจารณากันใหม่จั๋วซือหรานมองพวกเขา "ข้าคิดดูแล้ว พวกเจ้ายอมไปร
"เจ้าเองก็ไปกับพวกข้าด้วย"พอได้ยินคำนี้ เนี่ยคุนก็อึ้งไป "ทำไมข้าต้องไปด้วยล่ะ? ข้าจ้างพวกเจ้าเข้ามาทำงานนะ! ข้าว่าพวกเจ้าคงไม่อยากอยู่ในซื่อหนานแล้วใช่ไหม!? อย่าลืมนะว่า นอกจากซื่อหนานของข้า พวกเจ้าจะไปอยู่ที่ไหนได้อีก?"แต่คำนี้ของเขาก็ไม่ได้ทำให้ชายหน้าบากคนนี้ตกใจเลยชายหน้าบากคนนี้แค่หัวเราะเย็นชา "นั่นไม่ต้องให้เจ้ามากังวลหรอก ก่อนเราจะไปต้องพาเจ้าไปด้วยแน่ๆ เจ้าเมืองเนี่ย ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะตึงมือมากเลยนี่ เจ้าใช้เราเป็นเครื่องมือ ก็ควรจะคาดการณ์ไว้แล้ว ว่าจะต้องจ่ายอะไรออกมา!"สีหน้าเนี่ยคุนปั้นยากขึ้นมาแล้ว"ถ้าหากสือหลินเกิดเรื่อง เจ้าคือคนแรกที่ต้องมาสังเวยให้เขา" หน้าบากพูดคำนี้จบ ก็ส่งสัญญาณให้คนด้านหลังแล้วก็มีคนจับเนี่ยคุนมัดทันที ไม่มีใครคัดค้านคำพูดเมื่อครู่ของเขาเลยแม้แต่น้อยอันที่จริงเนี่ยคุนก็รู้ว่าคนกลุ่มนี้ไม่ธรรมดา ระเบียบวินัยแบบนี้ แค่มองก็รู้ว่าได้รับการฝึกฝนมาอย่างเข้มงวดแต่ก่อนที่เคยให้พวกเขาทำงานก็ราบรื่นมากมาเสมอไม่คิดว่าครั้งนี้...ดันมาพลาดท่าเสียทีแบบนี้!เนี่ยคุนไม่มีทางเลือก ทำได้แค่ไปจวนเจ้าเมืองกับพวกเขาในคืนนี้เท่านั้นพูดให้ถูกต้อง