เดิมทีจั๋วซือหรานคิดว่าฉูนจวีนจะยืนครานไปอีกสักหน่อย ผู้พิทักษ์เงาที่ภักดีคนนี้มักจะเป็นห่วงเจ้านายของเขามากแต่ใครจะรู้ว่าหลังจากฉูนจวีนรู้สึกโล่งใจ ความกังวลในน้ำเสียงของเขาก็หายไปด้วยจั๋วซือหรานจ้องตาโต ๆ เล็กน้อยเฟิงเหยียนมองไปที่นางแล้วพูดอย่างจงใจว่า "เช่นนั้นข้าขอเข้าไปดื่มชาขอรับ"อวิ๋นเหนียงไม่ได้สังเกตคลื่นใต้น้ำระหว่างทั้งสอง นางแค่ฟังคำพูดของเฟิงเหยียน และก็ดีใจอย่างมาก "เข้ามาเร็ว ๆ เข้ามาสิ"ขณะที่พวกเขาเดินเข้าไปในจวนด้วยกัน เฟิงเหยียนก็หยุดก้าวเท้าเมื่อเดินผ่านจั๋วซือหรานจั๋วซือหรานพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา " ท่านอ๋องไม่ติดธุระหรือ"เฟิงเหยียนหยุดก้าวเท้าครู่หนึ่ง และน้ำเสียงที่ปกติแล้วต่ำและไม่แยแสของเขาก็กลายเปลี่ยนเป็นการหยอดมากขึ้น และเขาก็พูดว่า "เวลาแค่นี้ ไม่เป็นไร"เฟิงเหยียนกล่าว และโน้มตัวไปข้างหน้าเล็กน้อย โน้มตัวเข้าไปใกล้หูของนางแล้วพูดว่า "บังเอิญว่าข้ามีตราแพทย์ด้วย ดังนั้นข้าจึงสามารถรักษาอาการบาดเจ็บของเจ้าได้ เจ้าได้รับผลประโยชน์แล้วแล้วไม่ถีบหัวส่ง"จั๋วซือหรานจ้องตาโต ๆ เล็กน้อย "ข้าได้รับผลประโยชน์แล้วแล้วถีบหัวส่งหรือ"นางอยากถามจริง ๆ ว่
จั๋วหวายจะต้านทานความอยากรู้อยากเห็นภายในของเขาได้อย่างไรจั๋วหวายเอียงศีรษะและพยายามมองผ่านช่องว่างในเส้นด้าย แต่อวิ๋นเหนียงขมวดคิ้วและจ้องเขาจั๋วหวายหดคอ แต่ก็ยังไม่สามารถกลั้นความอยากรู้อยากเห็นได้ และถามด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาว่า “ทำไมท่านถึงสวมผ้ากอซขอรับ”“เพราะสภาพร่างกายไม่เหมือนผู้อื่น เลยสมผัสแสงอาทิตย์มิได้” เฟิงเหยียนไม่ได้ปิดบังอะไร และเขาตอบเหมือนนี่เป็นเรื่องปกติ "ลักษณะโดยกำเนิดของพลังวิเศษของตระกูลเฟิง เจ้าคงได้ยินเรื่องนี้มาบ้าง"“ธาตุไฟสะท้อนกลับเช่นนั้นหรือ…” แน่นอนว่าจั๋วหวายเคยได้ยินมาก่อน แต่เขาไม่คิดว่า อาการของเฟิงเหยียนจะร้ายแรงถึงขนาดนี้ เห็นดวงอาทิตย์เลยหรือเพราะเขาเคยเห็นสมาชิกบางคนของตระกูลเฟิงด้วย พวกเขาเดินออกจากบ้านในกลางวัน ก็ไม่เห็นพวกเขาต่างจากคนทั่วไป“สิ่งที่เกิดขึ้นวันนี้อาจเป็นเพียงจุดเริ่มต้น” เฟิงเหยียนพูดเบา ๆ แล้วจ้องมองจั๋วซือหราน ตอนนี้นางกำลังเป่าใบชาที่อยู่ในถวยชาอยู่จั๋วซือหรานรู้สึกถึงการจ้องมองของเขา แล้วนางหันกลับมา"ข้าทราบดี" จั๋วซือหรานพูดเบา ๆ "ในเมื่อวันนี้ปัญหามาถึงระดับนี้แล้ว ข้าคาดว่านี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้น และตระกูลจั
เมื่อได้ยินคำพูดของเฟิงเหยียน จั๋วซือหรานก็ตกใจ "อะ...อะไรนะ"เฟิงเหยียนเหลือบมองนางหลังจากได้ยินคำถามของนาง นี่เป็นเรื่องยากที่จะเห็นนางพูดติดอ่าง แต่ตอนนี้ประโยคเดียวถูกแบ่งออกเป็นสามส่วน ซึ่งแสดงให้เห็นว่านางตกใจมาก“เจ้าตกใจมากจนแทบไม่เชื่อ ดังนั้นในตอนแรก ตระกูลจั๋วก็ไม่เชื่อเช่นกัน ไม่มีใครคิดว่าจะมีคนฆ่าพ่อแม่ของตัวเพียงเพื่อตำหนิคนอื่น กฎของตระกูลจั๋วห้ามมิให้ทำร้ายพี่น้องตระกูลเดียวกันนั้นและลงโทษอย่างหนัก และผู้อาวุโสของตระกูลจั๋วตัดสินอย่างรวดเร็วในเวลานั้น” เฟิงเหยียนกล่าวจั๋วซือหรานขมวดคิ้วและถามว่า " ตระกูลจั๋วไม่สงสัยใด ๆ หรือ ข้ายังคิดอยู่ว่าเหล่าผู้อาวุโสจะคิดออกได้บ้าง อย่างน้อย ผู้อาวุโสใหญ่ ควร... ช่างเถิด"จั๋วซือหรานโบกมือ ใช่สิ ช่างมันเถิด ไม่ว่านางจะมีความหวังใด ๆ จากตระกูลจั๋วหรือผู้อาวุโสใหญ่ ตอนนี้นางไม่อยากหวังอะไรจากพวกเขาแล้วอวิ๋นเหนียงถอนหายใจเบา ๆ ที่ด้านข้างและพูดว่า "ไม่ใช่ว่าไม่มีข้อสงสัยเลย หากไม่มีข้อสงสัยเลยจริงๆ เรื่องเช่นนี้จะไม่แพร่กระจายจนเฟิงซื่อจื่อทราบ และมันจะไม่แพร่กระจายถึงผู้หญิงที่อยู่ลานในหรอก”จั๋วซือหรานหันไปมองท่านแม่ของนาง
เมื่อเฟิงเหยียนได้ยินคำพูดของจั๋วซือหราน เขาก็อดไม่ได้ที่ต้องมองนาง จากนั้นเขาเงียบไปไม่กี่วินาที เขาก็พูดว่า "เจ้าไม่จำเป็นต้องว่าตัวเองเป็นหนูข้างถนนหรอกน่ะ"“แต่นั่นคือความหมายของท่านอ๋องไม่ใช่หรือ” จั๋วซือหรานมองดูเขา “พูดตามตรง หากท่านอ๋องไม่พูดถึงเรื่องนี้ ข้าคงคิดไม่ถึงจุดนี้ ความคิดของจั๋วหยุนเฟิงช่างเลวร้ายเหลือเกิน ฉวยโอกาสนี้กลับมา…”จั๋วซือหรานหรี่ตาลง “คนที่ควรจะเป็นหนูข้ามถนน กลับมาพอดีและกลายเป็นวีรบุรุษที่ปกป้องเกียรติและผลประโยชน์ของตระกูลเช่นนั้นหรือ”“นั่นน่ะสิ” เฟิงเหยียนมองจั๋วซือหราน “ข้าเดาว่าจั๋วหยุนเฟิงรอมาหลายปีแล้ว แต่เขาอาจไม่เคยคิดเลยว่าวันหนึ่งเขาจะได้รับโอกาสที่ดีเช่นนี้”“เชอะ” จั๋วซือหรานโกรธเล็กน้อยเฟิงเหยียนคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า "ดังนั้น ก่อนที่นางจากไป ไม่ว่าเจ้าใส่อะไรเข้าปากของจั๋วหยุนเฟิง ต้องเป็นอะไรที่ทรมานเขาอย่างมาก เจ้าจึงไม่เสียเปรียบ แต่จั๋วหยุนเฟิงคงคาดไม่ถึงแน่นอน ว่าเจ้าจะปลุกพลังทางจิตวิญญาณของไม้ได้ และการเคลื่อนไหวของเจ้าจะค่อนข้างใหญ่ ในกรณีนี้ เกรงว่าตระกูลจั๋ว จะไม่ละทิ้งเจ้าง่าย ๆ "เมื่อได้ยินคำพูดนี้ จั๋วซือหรานก็กร
ฉูนจวีนกังวลแทบจะตาย เขายกมือขึ้นและเกาผมแรง ๆ แล้วพูดอย่างเป็นกังวลว่า "ท่านขอรับ เราไปตอนกลางคืนไม่ได้หรือขอรับ"“ไม่ได้” เฟิงเหยียนกล่าวอย่างเย็นชาฉูนจวีนทำได้แค่เดินตามเท่านั้นแต่เมื่อเขาเห็นเจ้านายของเขาเดินถึงครึ่งทาง เขาก็ยืนมือออกจากแขนเสื้อที่รัดแน่น นิ้วที่สวยงามและข้อต่อที่ชัดเจนก็จับหน้ากากแล้วเหยียดเข้าไปในผ้ากอซฉูนจวีนสามารถมองเห็นจากด้านข้างผ่านช่องว่างในเส้นด้าย เขาเห็นเจ้านายสวมหน้ากากบนใบหน้าของเขา ภายในไม่กี่ลมหายใจ รูปแบบเปลวไฟสีแดงก็เริ่มปรากฏขึ้นบนหน้ากาก ซึ่งคู่กับแนวสวดมนต์ที่คอและด้านหลังของเขา หูของเขาเหมือนกับว่ามันปะปนกันฉูนจวีนตกตะลึงเมื่อเห็นเจ้านายของเขาสวมหน้ากาก จากนั้นเขาก็รู้ทิศทางที่พวกเขากำลังไป - จวนจั๋วภายในจวนจั๋ว“เอ่อ——! อ่า——!” เสียงกรีดร้องดังมาจากห้องอย่างต่อเนื่อง เสียงนั้นพร้อมกับเสียงคำรามที่ไร้ความสามารถและโกรธจัด “ จั๋วจิ่ว ข้าจะฆ่าเจ้า ข้าจะฆ่าเจ้าแน่ ๆ ข้าจะฆ่าเจ้า ข้าต้องให้เจ้าตายโดยไม่มีศพ หักกระดูกและโปรยขี้เถ้าเจ้า”เหล่าผู้อาวุโสและผู้คนที่มีสถานะสูงในตระกูลรวมตัวกันอยู่นอกห้อง พวกเขาฟังคำสาป คำราม และเสียงกรีดร้องแ
จั๋วอี้พูดแค่นี้ เขาก็หันหลังกลับและจากไปผู้อาวุโสสาม จั๋วยูง และ ผู้อาวุโสห้า จั๋วฉี่ ยืนอยู่ที่นั่นด้วยสีหน้าที่เขินอายผู้อาวุโสสามเหลือบมองผู้อาวุโสห้า “ตอนนี้เราควรทำอย่างไรดี”ผู้อาวุโสห้ามักจะมีอารมณ์รีบร้อนอยู่เสมอ แม้ว่าเขายังได้รับบาดเจ็บ แต่เขาก็ยังไม่สามารถเปลี่ยนความจริงที่ว่าเขามีอารมณ์ไม่ดีทันใดที่เขาพูดว่า "เจ้าถามข้า แล้วข้าต้องไปถามใครล่ะ"สีหน้าของผู้อาวุโสสามก็เปลี่ยนไปอย่างแย่ “โถ แต่ก่อนจั๋วหลานเป็นคนที่ตัดสินใจเรื่องเช่นนี้ตลอด แต่ทีนี้ เขาไม่ยุ่งเลยสักนิด”เสียงกรีดร้องและเสียงคำรามในห้องยังคงดังต่อไปผู้อาวุโสสามที่ไปหาจั๋วหยุนชินและพูดว่า " หยุนชิน เจ้าไปดูอาการของพี่ของเจ้าหน่อย"แม้ว่าใบหน้าของจั๋วหยุนชินมีรอยยิ้มอยู่ แต่รอยยิ้มนั้นก็ไปไม่ถึงดวงตาของเขาเลยเขาและจั๋วหยุนเฟิงมีอายุใกล้เคียงกัน ดังนั้นจั๋วหยุนชินจึงเคยได้ยินการกระทำของจั๋วหยุนเฟิงแม้ว่าจั๋วหยุนชินไม่ใช่คนดีมากนัก และเขาชอบเอาเปรียบเสมอ แต่เขาไม่ชอบการกระทำอันเลวร้ายของจั๋วหยุนเฟิงนักแต่เนื่องจากผู้อาวุโสสามมาเชิญเขาเช่นนี้ ไม่ว่าจั๋วหยุนชินจะไม่ยอมมากเช่นใด และท่านพ่อของเขา คุณท่า
หลังจากได้ยินคำพูดของเจ้านาย ฉูนจวีนพยักหน้าและพูดว่า "จริงสิ จั๋วหยุนชินได้แสดงให้เห็นชัดเจนว่า เขาต้องการเปลี่ยนเส้นทางปัญหา ฟังจาคำพูดของเขา เกรงว่าเขาอยากให้เหล่าผู้อาวุโสของตระกูลจั๋วและจั๋วหยุนเฟิงไปต่อสู้กับแม่นางจิ่ว ให้สู้จนตายเลย และเขาจะสามารถยึดผลประโยชน์จากการต่อสู้ทั้งสองฝ่าย”เฟิงเหยียนพยักหน้าเล็กน้อย แสดงว่าเขาเห็นด้วยคำพูดของฉูนจวีน แต่เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่ดูถูกและเหยียดหยาม “ตระกูล จั๋วมีเวลาและความฉลาดเช่นนี้ ไปทำอะไรก็ได้ เอาความฉลาดนี้ไปหาเรื่องกับคนกันเอง ”“ใช่สิ นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมตระกูลนี้ถึงเหี่ยวเฉาไปในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา” ฉูนจวีนพยักหน้า เขาคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วถามว่า “ดังนั้นท่านมาที่นี่เพื่อแก้แค้นให้แม่นางจิ่วหรือขอรับ”มิฉะนั้น ฉูนจวีนรู้สึกเขาไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าทำไมเจ้านายถึงไปที่ จวนจั๋ว ทั้ง ๆ ที่ต้องเสี่ยงต่อการถูกเผาเขาคิดได้เพียงเหตุผลนี้ แม้ว่าฉูนจวีนจะรู้สึกว่าเหตุผลนี้ค่อนข้างฝืนไปหน่อย เพราะเขาไม่เคยเห็นเจ้านายของเขาหนุนหลังให้ใครมาก่อนเลยแต่แม่นางจิ่วก็ยังแตกต่างจากคนอื่น ๆแต่เฟิงเหยียนกลับถามเขา "หนุนหลังหรือ"“เพราะ...” ฉูนจวีน
ไม่มีใครรู้ว่าเขาต้องทนกับความเจ็บปวดสาหัสขนาดไหน แต่ จั๋วหยุนเฟิงหวาดกลัว จนเขาต้องพยายามดิ้นรนลงจากเตียงในขณะนี้เขาอยู่บนพื้นที่อยู่หน้าเตียง ตัวสั่น และแทบจะเสียสติเสียงฝีเท้าค่อย ๆ เดินเข้ามาใกล้ ๆ และรองเท้าบูทผ้าต่วนที่เป็นสีทองคู่หนึ่งก็ยืนอยู่ตรงหน้าเขารองเท้าคู่นั้นถูกปักด้วยด้ายสีทองและสีแดงพร้อมลวดลายเปลวไฟที่ซับซ้อนดวงตาของจั๋วหยุนเฟิงแดงก่ำ น้ำลายของเขายังคงแดงก่ำ ไหลออกมาจากมุมปาก และร่างกายของเขาก็เละเทะอยู่แล้วเห็นได้ชัดว่าสภาพของเขาไม่แตกต่างจากสภาพที่น่าสังเวชของ เหยียนชางในตอนนั้นมากนักหากจั๋วซือหรานได้เห็นสภาพที่น่าสังเวชของจั๋วหยุนเฟิงด้วยตาของนางในตอนนี้ นางคงจะพอใจกับประสิทธิภาพของยาที่นางกลั่นขึ้นมาอย่างแน่นอน และนางอจรู้สึกว่านางเหมาะเป็นพ่อค้ายาปลอมแน่ ๆอย่างไรก็ตาม 'ของเล่นเล้ก ๆ น้อย ๆ ' ที่เวินป๋อยวนกลั่นมาค่อนข้างดีจริง ๆ และ'ของเล่นเล็ก ๆ น้อย ๆ 'สั่งสอนทุกคนที่ไม่พอใจอย่างเท่าเทียมกันเฟิงเหยียนค่อย ๆ ยกรองเท้าของเขาขึ้น เดิมทีเขาตั้งใจจะเตะ ด้านข้างของจั๋วหยุนเฟิงเพื่อเรียกความสนใจของเขาแต่เมื่อเขาเห็นความเละเทะที่อยู่ภายใต้จั๋วหยุนเฟิง
พอได้ยินคำนี้ของจั๋วหวาย สีหน้าจั๋วซือหรานก็ชะงักไปพอนึกถึงจั๋วเฮ่ออิงที่สีหน้าเปลี่ยนแล้วรีบร้อนออกไปวันนั้นนางรู้สึกว่าการคาดเดาของเสี่ยวหวาย...ดูสมเหตุสมผลดียังไม่ต้องพูดถึงว่าจั๋วเฮ่ออิงไปหาเซี่ยอวิ๋นซี แล้วจะมีผลลัพธ์อย่างไรจั๋วซือหรานแม้จะไม่ใช่เจ้าของร่างเดิม แต่ก็มีความรู้สึกรักอย่างจริงใจต่อเซี่ยอวิ๋นซีด้วยความเข้าใจต่อตัวเซี่ยอวิ๋นซีของนาง จั๋วซือหรานรู้สึกว่า เซี่ยอวิ๋นซีเป็นคนที่อ่อนนอกแข็งในการที่นางสามารถเลี้ยงลูกสองคนจนโตได้เพียงลำพังก็มองออกได้ไม่ยากคนแบบนี้ ในสถานการณ์ปกติขีดจำกัดจะชัดเจนมากนางจะอ่อนโยนกับคนของตนเอง แต่มีนิสัยที่แข็งกร้าวในสายตาไม่อาจทนเห็นสิ่งไม่ดีได้ ยอมหักแต่ไม่ยอมงอตอนที่นางรักจั๋วเฮ่ออิงก็คือรักจริงๆ ถ้าหากไม่มีลูกน้อยสองคนคอยรั้งนางไว้ นางคงฆ่าตัวตายตามจั๋วเฮ่ออิงไปตั้งแต่ตอนรู้ว่าเขาตายแล้วแต่พอมีตัวตนอย่างสุ่ยจิ้งหลาน เซี่ยอวิ๋นซีก็ไม่แน่ว่าจะอดทนต่อจั๋วเฮ่ออิงได้อีกตอนที่ไม่รัก ก็อาจจะไม่รักได้จริงๆแต่แล้วทำไมล่ะ แค่จั๋วเฮ่ออิงไปบอกเรื่องของนาง ด้วยนิสัยของเซี่ยอวิ๋นซี ต่อให้ฟ้าถล่มก็คงจะรีบมาหาอยู่ดีจั๋วซือหรานถอนห
ตอนนี้ จั๋วซือหรานเห็นหน้าตนเองในน้ำได้เห็นสภาพของตนเองชัดๆ ดีขึ้นมากแล้วจริงๆแต่นางยังรู้สึกได้อย่างชัดเจน ว่าสภาพของตนเองก็กำลังแย่ลงอย่างรวดเร็วดังนั้น ตนเองตอนนี้...อยู่ห่างจากชายคนนั้นไม่ได้จริงๆถ้าแค่ห่างจากชายคนนั้น ตนเองก็อาจจะทนต่อไปไม่ไหว แล้วกลับไปอยู่ในสภาพก่อนหน้านี้อีก นั่นมันอันตรายเอามากๆส่วนตนเองถ้าหากยังตามชายคนนี้อยู่ตลอดล่ะก็...จั๋วซือหรานขมวดคิ้ว ในใจก็อดคิดไม่ได้ ตอนนี้ตนเองอย่างน้อยยังพอทนไหว ไม่ต้องตัวติดกับเขาตลอดเวลาก็ได้แต่...นี่มันเพิ่งจะเริ่มต้นนะจั๋วซือหรานเป็นคนที่เตรียมพร้อมล่วงหน้าอยู่เสมอ นางยกมือขึ้นลูบท้องน้อยเบาๆในใจยังคิดขึ้นอย่างกังวล ถ้าหากอายุครรภ์มากขึ้น สถานการณ์แบบนี้ก็น่าจะยิ่งรุนแรงขึ้นด้วยถึงตอนนั้นหากตนเองต้องอยู่กับเขาตลอดเวลาถึงจะรักษาสภาพให้คงที่ได้ล่ะ?ถ้าตนเองเป็นอย่างที่เขาบอกล่ะ ที่ว่าต้องการแสงแดดแล้วในเวลากลางวันแบบนั้น...คนนึงต้องการแสงแดด แต่อีกคนกลับถูกแสงแดดทำร้ายสถานการณ์แบบนี้ มันเป็นสถานการณ์ที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกจริงๆนางผ่อนคลายลงหน่อย แต่เขากลับทรมานขึ้นมาถ้าพอนางทรมาน เขาถึงจะผ่อนคลายลงมาได
ขณะที่ตระหนักถึงจุดนี้ จั๋วซือหรานก็ตระหนักได้ถึงอีกจุดหนึ่งถ้าบอกว่า ตนเองหลังจากนี้อยู่ห่างเขาไม่ได้ แต่หลังจากนี้ยังต้องการแสงแดดล่ะก็เช่นนั้นก็เท่ากับว่า...นางมองชายหนุ่มที่โผล่หัวออกมาจากผ้าห่ม เห็นอักขระคำสาปประหลาดบนหน้าตาคนสมองทื่อนี้ ปรากฏขึ้นมาต่อเนื่อง หายไป แล้วก็โผล่ออกมารักษาแผลไฟไหม้...จั๋วซือหรานจึงเดินเข้าไปสองก้าวอย่างอดไม่อยู่ พอมาถึงตรงหน้าเขา ก็ยกมือขึ้นมาเบาๆเขาไม่ขยับ จ้องมองนางนิ่งจั๋วซือหรานแตะลงไปบนหน้าเขาเบาๆ ราวกับว่าแค่สัมผัสเพียงเล็กน้อยเท่านั้นนางขมวดคิ้วแน่นเขามองนางเงียบๆจั๋วซือหรานนิ่งงันไปครู่หนึ่ง จึงเอ่ยเสียงต่ำขึ้นว่า "พลังวิญญาณของข้า ช่วยอะไรท่านไม่ได้แล้วหรือ"น่าจะเพราะตนเองตั้งท้องจนงงๆ ไปแล้วจริงๆ หรืออาจเป็นเพราะไม่พอใจเจ้าคนสมองมีปัญหาตรงหน้านี้ ดังนั้นจึงไม่ได้สนใจอะไรมากกระทั่งถึงตอนนี้ จั๋วซือหรานจึงเพิ่งรู้สึกตัวพลังของตนเองก่อนหน้านี้ ทั้งๆ ที่สามารถบรรเทาอาการทำร้ายตนเองของเฟิงเหยียนได้แท้ๆ แล้วยังทำให้เขาต้านทานแสงแดดได้ระดับหนึ่งอีกด้วยแต่ตอนนี้ทำไมเหมือน...มันไม่มีประโยชน์แล้วล่ะ?ทว่าเฟิงเหยียน ดูเหมือนจะ
ขณะที่จั๋วซือหรานขมวดคิ้วคิดว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่ ทำไมถึงมุดเข้ามาด้วยกัน...กับเขาในผ้าห่มที่มืดสนิทนี้ ก็ได้ยินเสียงหัวเราะทุ้มๆ ดังขึ้นเสียงหัวเราะทุ้มต่ำ ในผ้าห่มมืดๆ ภายใต้ระยะใกล้ชิดที่แทบจะเบียดกันของคนทั้งสองนี้ จึงยิ่งชัดเจนเป็นพิเศษ...กระทั่งความหยาบกร้านแหบพร่าเล็กๆ ในน้ำเสียง ก็ยังชัดเจน ชัดเจนเอามากๆ!ยิ่งไปกว่านั้น เพราะความใกล้ชิดมากๆ ยังมีกระแสลมแผ่วๆ ที่เหมือนจะพัดผ่านข้างหูนางไปเหมือนกับแม้กระทั่งตอนที่เขาหัวเราะเสียงทุ้ม การสั่นสะเทือนของทรวงอก ตนเองก็ยังสัมผัสได้อย่างชัดเจนด้วย!จั๋วซือหรานกัดริมฝีปากเบาๆจึงได้ยินเสียงของตาคนสมองทื่อ ยังคงเป็นเส้นเสียงหยาบๆ ที่ชวนหลงใหลนั่นอยู่บอกกับนางว่า "นี่เจ้ากำลัง...เชื้อเชิญข้าหรือ?"จั๋วซือหรานเพิ่งตื่นขึ้นจากความฝันที่อยู่กับคนรัก ถือว่าถูกกวนให้ตื่นก็ได้ มีอารมณ์ขุ่นเคืองอยู่บ้างก็เรื่องปกติดังนั้นนางจึงไม่มีเวลามาปรับอารมณ์กับตาคนสมองทื่อนี่จั๋วซือหรานเอ่ยขึ้นว่า "ข้าควรจะมองท่านถูกเผาตายทั้งเป็นไปซะ"ตาสมองทื่อนี่ก็ไม่รู้ทำไมผ่านไปคืนนึงนิสัยก็เปลี่ยนไป จู่ๆ อารมณ์ก็ดีขึ้นมาเสียอย่างนั้นบางทีคงเพร
จั๋วซือหรานได้ยินอารมณ์เจ็บปวดจากในน้ำเสียงเขา และได้ยินถึงอารมณ์เสียใจด้วยอันที่จริงสำหรับสำหรับอาการข้าหึงตัวข้าเองที่แปลกใหม่นี้ จั๋วซือหรานก็รู้สึกจนใจอยู่หน่อยๆ แล้วยังดูน่าขำอีกด้วยผลลัพธ์คือพอแหงนตามอง สีหน้ารอยยิ้มบนหน้าจั๋วซือหรานเหล่านั้น ก็แข็งทื่อไปทันทีอารมณ์ที่เรียกว่าความกังวล ก่อตัวขึ้นมาในดวงตามิน่าในน้ำเสียงเขาถึงมีความเจ็บปวดอยู่ตอนนี้ อักขระคำสาปปรากฏขึ้นบนตัวเขาแล้ว แสดงรูปลักษณ์ที่ประหลาดออกมา"นี่คือ..." จั๋วซือหรานยกมือมากำข้อมือเขาแต่นี่ไม่ใช่ความจริง เป็นแค่เขตแดนจิตใต้สำนึกบางอย่าง เป็นแค่ในความฝันเท่านั้น แน่นอนว่าจับชีพจรเขาไม่ได้"ไม่เป็นไร" บนสีหน้าชายหนุ่มแม้จะเต็มไปด้วยอักขระคำสาปประหลาด สายตาที่ก้มลงมามองนางกลับดูอบอุ่น "ไม่เป็นไร"เหมือนกลัวว่านางจะกังวล เขาจึงบอกว่าไม่เป็นไรขึ้นมาอีกครั้งจั๋วซือหรานตระหนักได้ถึงอะไรบางอย่าง ขมวดคิ้วขึ้นมานิ้วโป้งของชายหนุ่มกดลงเบาๆ ที่หว่างคิ้วนาง นวดๆ เหมือนติดจะนวดคลายสีหน้าอารมณ์ที่ยุ่งเหยิงเหล่านั้นออก"พักผ่อนให้ดี กินข้าวให้ดีด้วย" เขาเอ่ยขึ้นจั๋วซือหรานเบ้ปากเบาๆ เหลือบมองเขา "ถ้าหากเจ้าส
จั๋วซือหรานไม่ส่งเสียง ครู่เดียว จึงถอนใจเบาๆ เอ่ยขึ้นว่า "อันที่จริง ข้าเองก็ไม่ได้ยืนหยัดขนาดนั้น แค่ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลาจนตรอกจริงๆ ข้าก็ยังไม่อยากละทิ้งทั้งที่ยังไม่ได้ลอง"เฟิงเหยียนกอดนาง ในสีหน้ามีความเจ็บปวดเสียงยิ่งแหบพร่า เอ่ยขึ้นว่า "ข้าไม่อยากให้เจ้าต้องมาเหยียบซ้ำรอยมารดาของข้า และข้าก็ไม่อยากให้ลูกของเราเติบโตมาเป็นเหมือนข้าด้วย หากเรื่องนี้ ไม่มีวิธีอื่นแก้ไขได้นอกจากปล่อยให้มีฝันร้ายแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ ...ข้าก็หวังให้ฝันร้ายนี้หยุดลงที่ตัวข้าพอ"เสียงของชายหนุ่มแหบพร่ามาก ในน้ำเสียง...ก็มีความสิ้นหวังที่ปิดไว้ไม่มิดอยู่ ทิ่มแทงเข้ามาที่ใจของจั๋วซือหรานต้องเป็นแบบไหนกันนะ...ถึงบีบคั้นให้คนดีๆ ที่หยิ่งทะนงและยอดเยี่ยมคนหนึ่งตกอยู่ในสภาพนี้...ราวกับสัตว์ที่ถูกกักขังไว้จั๋วซือหรานมองเขา ครู่ต่อมา ก็ถอนหายใจเบาๆเอ่ยขึ้นว่า "จริงๆ แล้ว...เดิมทีข้าเองก็ยังไม่ค่อยแน่ใจ การวางแผนและความคิดของข้าจึงไม่ได้เล่าใด้คนอื่นฟัง"เฟิงเหยียนไม่พูดอะไร แค่แหงนตามองนางเงียบๆจั๋วซือหรานยิ้มๆ "ข้ารู้สึกจริงๆ ว่าไม่แน่ข้าอาจมีวิธี แม้ตอนนี้ข้ายังพูดถึงเหตุผลออกมาให้ชัดเจนไม่ได้ แต
แม้จะบอกว่าเป็นความฝัน แต่อันที่จริงจั๋วซือหรานก็ค่อยๆ เข้าใจแล้ว ว่าเพราะอะไรหลังจากฝันถึงเขาครั้งที่แล้วจนมาถึงครั้งนี้ นานมากแล้วที่ไม่ได้ฝันถึงเขาอีกพอมาคิดอย่างละเอียด เหมือนว่าตอนฝันถึงเขาครั้งที่แล้ว จะเป็นหลังจากที่นางมีสัมพันธ์ทางกายกับเขาดังนั้นจั๋วซือหรานจึงค่อยๆ เข้าใจ บางทีน่าจะเป็นเพราะสาเหตุนี้การดูดหยางบำรุงหยินของนางก็ดูดซับมาจนพอเข้าใจแล้ว เหมือนว่าพอดูดซับมาถึงระดับหนึ่ง ก็จะเกิด...ถ้าจะพูดว่าเป็นความฝัน สู้บอกว่าเป็นการสื่อสารทางจิตใต้สำนึกกับความทรงจำของเฟิงเหยียนส่วนที่ถูกผนึกไปจะดีกว่า?และไม่ว่าจะ 'ความฝัน' ครั้งที่แล้ว หรือว่าครั้งนี้ก็มองออกได้ไม่ยากเฟิงเหยียนน่าจะเข้าใจต่อสถานการณ์อยู่ ดังนั้นบางทีจิตใต้สำนึกเขายังคงอยู่มาตลอด เพียงแต่ถูกสมองทื่อๆ นี่กดเอาไว้ หรือบางทีคงถูกสภาผู้อาวุโสลงมือสะกดเอาไว้ไม่แน่ว่า อาจจะต้องมีชนวนเหตุบางอย่าง ถึงจะสามารถปลุกขึ้นมาได้จั๋วซือหรานอยากจะรู้ชนวนเหตุนั้นว่าคืออะไรกันแน่"ต้องทำยังไงเจ้าถึงจะดีขึ้นมา?" จั๋วซือหรานถามแต่เฟิงเหยียนกลับเหมือนจะจำจุดสำคัญนั้นไม่ได้แล้ว ขมวดคิ้ว สีหน้าดูเหมือนขมขื่น เหมือนว
ในห้วงฝันนางมองมือตัวเอง สับสนไปหมดทั้งตัว เหมือนยังตั้งตัวกลับมาไม่ได้เพราะนางถ้าไม่หลับลึก ก็จะเอาจิตใต้สำนึกส่งเข้าไปในมิติ จึงฝันน้อยครั้งมากดังนั้นตอนที่ดำดิ่งสู่ห้วงฝัน นางยังรู้สึกไม่คุ้นอยู่หน่อยๆ มองมือตนเอง รู้สึกไม่คอ่ยเป็นจริงสักเท่าไรวินาทีต่อมา มือข้างหนึ่งก็ทาบมาบนมือของนางมือข้างนั้น ข้อต่อกระดูกชัดเจน นิ้วเรียวยาว เล็บตัดมาดูสะอาดสะอ้าน ผิวหนังขาวซีดเย็นเหมือนไม่โดนแดดมานานสายตาของจั๋วซือหรานจ้องนิ่งอยู่บนมือข้างนี้ จากนั้นจึงค่อยๆ ยกขึ้นมามองไปยังเจ้าของมือนี้ ใบหน้าหล่อเหลาไม่มีที่ตินั่นทั้งที่เป็นใบหน้าที่เพิ่งเห็นไปก่อนหลับตาลงเมื่อครู่แท้ๆ แต่ตอนนี้พอมอง กลับยังคงทำให้นางรู้สึกเหมือนไม่เจอกันเสียนานสายตาของชายหนุ่มอบอุ่น ด้านในมีความรู้สึกอารมณ์เหมือนความเจ็บปวดแฝงอยู่"จั๋วเสียวจิ่ว..." เขาก้มหน้าลงเรียกนางจั๋วซือหรานมองเขา จากนั้นจึงออกแรงบีบมือเขา และน่าจะเพราะออกแรงมากเกินไปปลายเล็บจึงเหมือนจิกลงไปในเนื้อเขาฝันถึงเขาอีกแล้วจั๋วซือหรานมีปฏิกิริยาขึ้นมา ครั้งนี้เหมือนกับครั้งนั้นเลย ฝันถึงเฟิงเหยียนยิ่งไปกว่านั้นยังดูเหมือนจริงเป็นพิ
กลางดึก จั๋วซือหรานกัดริมฝีปาก กอดหมอน เดินเท้าเปล่าจากห้องด้านนอกเข้าไปยังห้องด้านใน!คิ้วงามของนางขมวดแน่น สีหน้าที่มีสีเลือดฟื้นมาบ้างแล้ว ตอนนี้กลับขาวซีดขึ้นมาในใจนางเองก็พูดไม่ออก เดิมทีตอนที่หลับก็ยังดีอยู่ พอกลางดึกจู่ๆ ก็ไม่ไหวขึ้นมาเสียแล้วหน้าอกปั่นป่วนอย่างรุนแรง เป็นความรู้สึกทรมานแบบที่นางผ่านมาก่อนหน้าไม่ผิดเพี้ยนถ้าบอกว่าคนคนนี้ไม่เข้ามาก็ว่าไปอย่าง แต่นี่ก็เข้ามาแล้วว่ากันว่าพอเคยสบายแล้ว จะยากที่จะกลับไปลำบากตอนนี้จะให้นางปล่อยชายหนุ่มที่เหมือนกับ 'ยาบำรุงครรภ์' นี้ไว้ข้างในเฉยๆ โดยไม่ใช้ แล้วต้องมานั่งทนกระอักเลือดต่อล่ะก็...ขอโทษด้วย สกุลจั๋วอย่างนางไม่ใช่คนประเภทนั้นนางเข้าใจแล้ว ก่อนที่จะหลับไปเมื่อคืนนี้ ตอนที่เฟิงเหยียนบอกว่าจะนอนด้านนอก ริมฝีปากที่เม้มแน่นนั้นกำลังอดกลั้นเรื่องอะไรน่าจะคิดไว้แล้วว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้สารเลว!จั๋วซือหรานครั่นเนื้อครั่นตัวตื่นมากลางดึก ต่อให้เป็นคนที่มีสติเยือกเย็นแค่ไหน ก็ยังมีอาการหงุดหงิดงัวเงียหลังตื่นนอนนางเดินเท้าเปล่าเข้าไปห้องด้านใน อากาศในหุบเขาตอนกลางคืนเย็นมากนางสวมแค่เสื้อบางๆ ชุดหนึ่ง ทั้งตัวเย