Share

บทที่ 1327

Penulis: หว่านชิงอิ๋น
เมื่อคำพูดของเฉินชีหลุดออกมา ฝูงชนรอบตัวก็แตกตื่น

“หนึ่งแสนตำลึงหรือ? สวรรค์โปรด แพงถึงเพียงนี้เลยรึ?”

ในขณะที่ลั่วชิงยวนคิดว่าต้องได้มาแน่นอนแล้ว

ท่ามกลางฝูงชนก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้น “หนึ่งแสนห้าหมื่นตำลึง!”

ลั่วชิงยวนใจหายวาบ

หันไปมอง แต่กลับมองมิเห็นว่าเสียงนั้นมาจากผู้ใด

เนื่องจากคนที่นั่งอยู่เหล่านั้นดูธรรมดาทั่วไป

ฝูงชนส่งเสียงจอแจด้วยความฮือฮา ทุกคนต่างตกตะลึงกับราคานี้

เมื่อก่อนขายบัวถวายได้แพงสุดหนึ่งร้อยตำลึง ยามนี้ราคากลับพุ่งขึ้นไปถึงหนึ่งแสนห้าหมื่นตำลึง

นี่มันเกิดอะไรขึ้น

สายตาเย็นเยียบของเฉินชีเหลือบมองไปยังทิศทางที่เสียงนั้นดังขึ้น แล้วตะโกนในทันที “สามแสน!”

รอบด้านเงียบสงัดไปชั่วขณะ

ทว่าเงียบไปเพียงชั่วครู่ เสียงเดิมก็ดังขึ้นอีกครั้ง “สามแสนห้าหมื่น!”

ลั่วชิงยวนใจหาย

ราคาสูงถึงเพียงนี้ อีกฝ่ายกลับยังเพิ่มราคาขึ้นอีกห้าหมื่นตำลึง

สำหรับสมุนไพรชนิดหนึ่ง ราคานี้มิคุ้มค่าเลย

คนผู้นี้สามารถทุ่มเงินได้มากมายเช่นนี้ แสดงว่าบัวถวายนี้มิเพียงแต่สำคัญต่อเขามากเท่านั้น แต่เงินจำนวนนี้ยังมิถือว่ามีค่าอะไรสำหรับเขาด้วย

เฉินชีปวดหัว ไม่มีเงินเหลือแล้ว

ในตลาดมืดแห่งนี
Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi
Bab Terkunci

Bab terkait

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1328

    สำนักเทียนฉยง?!แท้จริงแล้วคือสำนักเทียนฉยง!เฉินชีเป็นคนที่มิยอมพ่ายแพ้ผู้ใด จึงคิดจะลงมือสังหารชายตรงหน้าทันทีลั่วชิงยวนรีบดึงเฉินชีไว้“เก็บกระบี่ก่อน!”ตอนนี้นางยังมิอยากไปยั่วยุสำนักเทียนฉยงมิใช่ว่ายั่วยุมิได้เพียงแต่มิต้องการเพิ่มปัญหาที่ยากจะแก้ไขในยามนี้เฉินชีลดกระบี่ลงขณะนี้ชายคนนั้นยกยิ้มพลางมองลั่วชิงยวน “หากแม่นางลั่วเต็มใจเข้าร่วมสำนักเทียนฉยงของพวกข้า ข้าก็จะมอบบัวถวายนี้ให้โดยไม่มีค่าใช้จ่าย!”ลั่วชิงยวนตกตะลึงเล็กน้อยเข้าร่วมสำนักเทียนฉยงช่างน่าขันสำนักนักบวชและสำนักเทียนฉยงมีวิถีทางที่แตกต่างกันมาตั้งแต่แรก ถึงขั้นเป็นศัตรูกันด้วยซ้ำนางเคยเป็นถึงนักบวชระดับสูง มีหรือจะเข้าร่วมสำนักเทียนฉยงเพียงแต่มิคาดคิดว่าสำนักเทียนฉยงจะสังเกตเห็นนางแล้วหรือว่าเรื่องของตระกูลมู่จะทำให้สำนักเทียนฉยงสนใจ?“ข้าจะมิเข้าร่วมสำนักเทียนฉยง”กล่าวจบ ลั่วชิงยวนก็ดึงเฉินชีและอวี๋โหรวออกจากโรงประมูลเฉินชีบ่นตลอดทาง “เจ้ามิควรขัดขวางข้า ควรให้ข้าฆ่ามันไปเสีย!”“คิดว่าข้าจะกลัวสำนักเทียนฉยงรึ?”“บัวถวายนี้หามานานกว่าจะพบในตลาดมืด กลับพลาดไปเช่นนี้”หลังจากเดินมาไ

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1329

    ส่วนเขาก็หันกลับไปขี่ม้าออกจากเมือง มุ่งหน้าไปยังตลาดมืดอีกครั้งภายใต้ความมืดมิดในป่ายามราตรีชายคนนั้นยังคงถือหีบใหญ่ที่บรรจุตั๋วเงินไว้ ขณะวางแผนว่าจะใช้เงินนี้อย่างไรอย่างมีความสุขทว่าทันใดนั้นเมื่อเงยหน้าขึ้น ร่างในความมืดทำให้เขาใจหายวาบเขารีบหันหลังเดินไปอีกทางหนึ่งทว่าเพิ่งเดินไปได้มิกี่ก้าว เงาร่างนั้นก็เคลื่อนมาปรากฏขึ้นตรงหน้าเขาในทันทีสายตาของเฉินชีเย็นเยียบ คว้าคอของเขาในทันที“สามแสนตำลึง ขอบคุณที่เจ้าเห็นแก่หน้าข้า อุตส่าห์ลดให้ข้าถึงห้าหมื่นตำลึง”ชายคนนั้นหวาดกลัวจนหีบในมือร่วงหล่นลงพื้นด้วยความที่หายใจมิออกเพราะถูกบีบคอ เขาจึงเอ่ยปากได้อย่างยากลำบาก“มิเอาแล้ว... ข้ามิคิดเงินแล้ว...”“ข้าจะหาให้พวกท่านโดยมิคิดเงิน”ดวงตาของเฉินชีเย็นชา แววตาเปี่ยมไปด้วยเจตนามุ่งสังหาร “สายไปแล้ว”เสียงแผ่วเบาดังขึ้นครู่ต่อมา เฉินชีก็ออกแรงที่มือมีเสียงดังกร๊อบแล้วศีรษะของชายคนนั้นก็ห้อยลงมาผิดรูปเขาถูกเฉินชีบีบคอจนหักเฉินชีทิ้งศพของเขาลงอย่างมิใส่ใจ แล้วหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาเช็ดมือก่อนจะหันหลังกลับไปอย่างมิแยแส......ยามเช้าเวินซินถงนั่งอยู่ในห้องเนิ่

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1330

    จวนแม่ทัพหลานจีกำลังรออยู่ในเรือนเฉินชีกลับมากลางดึก หลานจีที่นั่งอยู่บนขั้นบันไดก็รีบลุกขึ้นเฉินชีมองนางด้วยสีหน้าเรียบเฉย มิได้เอ่ยคำใดและเพียงแค่เดินผ่านไปเมื่อหลานจีเห็นเช่นนั้นก็ร้อนใจ รีบเดินเข้าไปขวางไว้ “ท่านแม่ทัพ!”เฉินชีกลับมิได้หยุดฝีเท้า ยังคงเดินไปข้างหน้าหลานจีรีบตามไปกอดเฉินชีจากด้านหลัง “ท่านแม่ทัพ เหตุใดช่วงนี้ท่านจึงเย็นชากับข้าถึงเพียงนี้”“ท่านแม่ทัพมิต้องการหลานจีแล้วจริงหรือเจ้าคะ?”เมื่อก่อนมิได้เป็นเช่นนี้ เมื่อก่อนท่านแม่ทัพรักใคร่เอ็นดูนางถึงเพียงนั้นปฏิบัติต่อนางด้วยความจริงใจเหตุใดความรู้สึกเช่นนี้จึงเปลี่ยนไปได้เฉินชีมิสบอารมณ์ อยากจะดึงนางออกไปทว่าเมื่อลมพัดมา พลันได้กลิ่นหอมของดอกกล้วยไม้อย่างชัดเจนชั่วขณะนั้น ดวงตาของเฉินชีพลันฉายแววเย็นเยียบ ความหนาวเย็นแผ่ซ่านไปทั่วจู่ ๆ เขาก็ดึงตัวนางออกอย่างแรงพร้อมกับโทสะที่ปะทุออกมา“ผู้ใดให้เจ้าใช้กลิ่นดอกกล้วยไม้อีก?”“ข้ามิได้บอกเจ้าหรือว่าห้ามใช้กลิ่นหอมของดอกกล้วยไม้!”ท่าทางโกรธเกรี้ยวของเฉินชีทำให้หลานจีใจหายวาบแต่นางก็ยังรวบรวมความกล้าคว้าจับชายเสื้อของเฉินชี แล้วกล่าวว่า “ท่า

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1331

    เลียนแบบคนที่อยู่ในภาพวาดหลานจีตกตะลึงเสียงเย็นชาของเฉินชีดังขึ้นช้า ๆ “เห็นหรือไม่? สำหรับข้าแล้ว เจ้าก็เป็นเพียงหนึ่งในพวกนางเท่านั้น”“ที่ข้าให้เจ้าอยู่ในจวนข้ามานาน ถือว่าเจ้าโชคดีกว่าพวกนางมาก”“พวกนางมิเคยมีโอกาสได้แตะต้องตัวข้าเลยด้วยซ้ำ”“เจ้ายังมิพอใจอีก”หลานจีตกตะลึงมองเขา น้ำตาพลันไหลรินอย่างห้ามมิอยู่“พวกนางและข้าล้วนเป็นเพียงตัวแทนเท่านั้นหรือ?”“คนที่พวกนางกำลังเลียนแบบ ก็คือคนที่คล้ายกับข้าหรือ?”หลานจียังจดจำได้ถึงครั้งแรกที่พบกันได้ สายตาที่เฉินชีมองนางราวกับกำลังมองคนที่ตกหลุมรักมานานก็เพราะสายตานั้นนางจึงตกหลุมรักเฉินชี จากนั้นก็ยากจะถอนตัวแต่วันนี้ นางกลับเข้าใจแล้วสายตาของเฉินชีในวันนั้นมิได้มองนางแต่มองคนอื่นเฉินชีตอบโดยมิลังเล “ใช่”“สิ่งที่เจ้าแตกต่างจากคนที่นี่คือเจ้ามิจำเป็นต้องเลียนแบบ ก็มีส่วนคล้ายคลึงกับนางสามส่วน”“แต่เมื่อเทียบกับนางจริง ๆ ก็ยังห่างไกลนัก”“ของปลอมก็ยังคงเป็นของปลอมเสมอ”ในสมองของเฉินชีหวนนึกถึงครั้งแรกที่พบกับลั่วชิงยวนในแคว้นเทียนเชวียเขารู้สึกคุ้นเคยมาก และถึงกับถูกนางดึงดูดใจอย่างลึกซึ้งเป็นไปตามคาด นางค

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1332

    ในมุมมืด เซี่ยหลิงที่ติดตามมาตลอดทางนอนอยู่บนหลังคา เมื่อเห็นภาพในเรือนก็ตกใจยิ่งนักเฉินชีถึงกับเลี้ยงดูสตรีมากมายไว้ที่นี่เพื่อให้เลียนแบบลั่วเหลา!เฉินชีที่ควบม้าจากไปไกลแล้วหันกลับมามองสายตาของเขาจับจ้องไปยังร่างที่นอนอยู่บนหลังคารอยยิ้มเย็นชาพลันปรากฏที่มุมปากของเขา......วันนั้นเวินซินถงถูกเซี่ยหลิงพาไปยังคฤหาสน์ชิงซานเมื่อเห็นหญิงงามมากมายในเรือน เวินซินถงก็ตกตะลึง“เห็นหรือไม่ขอรับ? นี่คือสิ่งที่เฉินชีทำมาโดยตลอด เขาฝึกคนมากมายเพื่อให้เลียนแบบลั่วเหลา”“และลั่วชิงยวนก็เป็นหนึ่งในนั้น!”“จุดประสงค์ของเขาตั้งแต่ต้นจนจบก็คือการแย่งชิงตำแหน่งนักบวชระดับสูงของท่าน แล้วท่านยังจะกล้าเชื่อคำพูดของลั่วชิงยวนอีกหรือขอรับ”เวินซินถงรู้สึกยากจะเชื่อ “แต่นางรู้เรื่องราวมากมายระหว่างข้ากับนาง”เซี่ยหลิงดึงนางเข้ามา ขณะยืนเผชิญหน้ากับนาง “แค่นางรู้มิได้หมายความว่านางคือลั่วเหลานะขอรับ!”“ใต้หล้านี้ไม่มีกำแพงใดที่ลมมิอาจลอดผ่าน เป็นไปได้ว่าเฉินชีจะรู้เรื่องราวในอดีตของพวกท่าน”“ยิ่งไปกว่านั้น ด้วยความสามารถของเฉินชี หากเขาต้องการรู้ บางทีก็อาจจะรู้ได้”เมื่อได้ยินเช่นนี้ เวิ

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1333

    ในเรือนมีกลิ่นสุราชั้นดีหอมอบอวลในอากาศยามนี้เวินซินถงกำลังนั่งรอคอยนางอยู่ลั่วชิงยวนประหลาดใจเล็กน้อยส่วนเวินซินถงเมื่อเห็นนางมาก็มีสีหน้าประหม่า“ท่านนักบวชระดับสูง” ลั่วชิงยวนเป็นฝ่ายเอ่ยปากก่อนสีหน้าของเวินซินถงอ่อนโยนลงมาก มิเย็นชาเหมือนเมื่อก่อน “นั่งเถิด”ลั่วชิงยวนพยักหน้า จากนั้นเดินเข้าไปนั่งลงเวินซินถงรินสุราสองจอกยื่นให้นางจากนั้นมองนางด้วยสีหน้าจริงจัง “ข้าจะถามเจ้าเป็นครั้งสุดท้าย เจ้าคือศิษย์พี่ของข้าจริงหรือ?”“เช่นนั้นข้าอยากรู้ว่าเมื่อก่อนเจ้าตายอย่างไร? เหตุใดจึงหายตัวไปอย่างกะทันหัน? แม้แต่ศพก็หายไปด้วย?”“ผู้ใดทำร้ายเจ้า?”เมื่อลั่วชิงยวนได้ยินดังนั้นก็ตกตะลึงคำถามนี้ทำให้นางมิรู้จะตอบอย่างไร“ข้าก็มิรู้ว่าผู้ใดสังหารข้า ข้ามองมิเห็นใบหน้าของคนผู้นั้น”กล่าวจบ นางก็มองเวินซินถงด้วยสายตาจริงใจ “เจ้ายังมีข้อสงสัยอะไรอีกหรือไม่?”“อันที่จริงข้ายังมีของอีกสิ่งหนึ่ง หากเจ้าได้เห็น เจ้าก็น่าจะเชื่อ”ริมฝีปากของลั่วชิงยวนยกยิ้มจางเมื่อเวินซินถงได้ยินดังนั้นก็ขมวดคิ้วด้วยความสงสัย “สิ่งใด?”ในใจของลั่วชิงยวนเกิดความตื่นเต้นเล็กน้อยหลังจากมาถึงแค

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1334

    เมื่อลั่วชิงยวนเห็นสีหน้าท่าทางของนาง ในใจก็ไหววูบกล่าวว่า “ข้าตายในหอเทียนฉี ข้าเลยอยากจะเข้าไปอีกครั้งเพื่อดูว่าจะพบเบาะแสใดหรือไม่”“หรือทำให้ความทรงจำของข้าชัดเจนขึ้น ดูว่าจะนึกอะไรออกหรือไม่”“แต่ที่นั่นมีเพียงนักบวชระดับสูงที่สามารถเข้าไปได้ เจ้าพาข้าเข้าไปได้หรือไม่?”เมื่อเวินซินถงได้ฟังแล้วก็พยักหน้าโดยมิลังเลแม้แต่น้อย “ได้เจ้าค่ะ”“เดือนนี้ข้ายังมิได้เข้าไปเลย สามวันหลังจากนี้ ข้าจะพาท่านเข้าไปด้วยกัน”ลั่วชิงยวนพยักหน้า “ได้”จากนั้นเวินซินถงก็คีบอาหารให้นางด้วยความตื่นเต้น “รีบกินเถิดเจ้าค่ะ ศิษย์พี่”“ครั้งนี้ข้าจะมิปล่อยให้ท่านจากข้าไปอีก”“รอจนกว่าจะหาตัวฆาตกรที่สังหารท่านได้ แล้วข้าจะคืนตำแหน่งนักบวชระดับสูงให้ท่าน”“แต่ละวันที่ข้าอยู่ในตำแหน่งนี้ล้วนทรมานยิ่งนัก”ลั่วชิงยวนพยักหน้า แล้วยกชามข้าวขึ้นมาบรรยากาศที่อบอุ่นทำให้ลั่วชิงยวนอดมิได้ที่จะดื่มด่ำคิดว่าเวินซินถงดำรงตำแหน่งนักบวชระดับสูงคงมิง่าย หลายปีมานี้คงลำบากมิน้อย“นั่นก็เป็นเพราะเมื่อก่อนเจ้าเอาแต่เกียจคร้าน หากข้ามิกลับมาคราวนี้ ก็ไม่มีทางรู้หรอกว่าเจ้าจะดำรงตำแหน่งนักบวชระดับสูงได้เช่นนี้”

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1335

    เพราะหากจะนับกันจริง ๆ แล้ว ศัตรูของนางก็มีมิน้อยทว่าหากจะกล่าวว่าผู้ใดเกลียดชังนางถึงขั้นจะฆ่าให้ตายก็ดูเหมือนจะไม่มีขอบเขตกว้างเกินไป ทำให้มิอาจสืบหาสิ่งใดได้ลั่วชิงยวนตรวจสอบไปรอบ ๆ หอเทียนฉีเวินซินถงถามนาง “ท่านกำลังทำอะไรหรือเจ้าคะ?”“ข้าอยากดูว่าที่นี่จะมีกลไกหรือห้องลับหรือไม่ บางทีศพอาจจะถูกซ่อนไว้ที่นี่ในตอนนั้น แล้วฆาตกรค่อยย้ายศพออกไปในภายหลัง”เวินซินถงตกใจเล็กน้อย “ก็มีความเป็นไปได้เจ้าค่ะ”สายตาของเวินซินถงล้ำลึก “แต่ท่านกับข้าก็รู้ว่าหอเทียนฉีไม่มีห้องลับ และไม่มีกลไกใดนี่เจ้าคะ”“ท่านคุ้นเคยกับที่นี่ที่สุด”อย่างไรก็ตาม ลั่วชิงยวนมิทันสังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงในสายตาของเวินซินถง นางเพียงแต่ตรวจสอบผนัง โต๊ะและตู้ อย่างตั้งใจ“ก่อนที่เราจะเป็นนักบวชระดับสูงก็มีหอเทียนฉีอยู่แล้ว”“บางทีอาจจะมีกลไก เพียงแต่พวกเรามิเคยเห็น”ลั่วชิงยวนยังคงต้องการตรวจสอบอย่างละเอียด เพราะต้องการหาเบาะแสบางอย่างเวินซินถงตอบอย่างจนใจ “ก็ได้เจ้าค่ะ ท่านหาที่นี่ ส่วนข้าจะไปค้นหาในห้องข้าง ๆ”ลั่วชิงยวนตรวจสอบอย่างตั้งใจ มิได้หันกลับไปมอง“ดี”จากนั้นเวินซินถงก็ออกจากห้องและปิด

Bab terbaru

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1422

    ร่างที่ไร้ศีรษะร่างหนึ่งถือกระบี่เดินเข้ามาหาลั่วชิงยวน โซ่เหล็กด้านหลังลากคนสามคนไว้แม้จะออกแรงสุดกำลังแล้วก็ยังฉุดรั้งโหยวจิ้งเฉิงไว้มิได้แต่ร่างของโหยวจิ้งเฉิงในตอนนี้ไม่มีศีรษะแล้ว ยากที่จะควบคุมร่างกายได้ลั่วชิงยวนถือกระบี่เงื้อฟันไปยังร่างของฝูเหมิ่ง เช่นเดียวกับตอนที่โหยวจิ้งเฉิงตัดแขนขาของอวี๋ตันเฟิ่งนางกำลังแก้แค้นและระบายความแค้นอย่างบ้าคลั่งตัดแขนของเขาขาดทีละข้างกระบี่ห้วงสวรรค์ร่วงลงสู่พื้นไปพร้อมกับแขนจากนั้นขาทั้งสองข้างของเขาก็ขาดกระเด็นอวี๋ตันเฟิ่งอาละวาดแก้แค้นอย่างบ้าคลั่งเมื่อมองไปยังซากศพที่กองอยู่บนพื้น ดวงตาของลั่วชิงยวนก็ราวกับถูกย้อมไปด้วยสีแดงฉานใต้หล้าเต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือดทั้งสามที่อยู่มิไกลต่างตกตะลึงมิเคยเห็นฉากที่นองเลือดเช่นนี้มาก่อนแต่ถึงแม้ร่างกายจะแหลกละเอียด โหยวจิ้งเฉิงก็ยังมิตายทันใดนั้นมีร่างหนึ่งพุ่งออกมาจากซากศพ แล้วลอยละลิ่วไปอวี๋ตันเฟิ่งกรีดร้องแหลม “โหยวจิ้งเฉิง เจ้าอย่าหวังว่าจะหนีไปไหนได้อีก! ข้าจะทำให้เจ้ามิได้ผุดได้เกิด!”พลังในร่างของนางพลันเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เกิดเป็นลมพายุโหมกระหน่ำ ลั่วชิงยวนรู้สึกราว

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1421

    ใบหน้านั้นบ่งบอกชัดเจนว่าเป็นโหยวจิ้งเฉิง“ต่อไปก็ถึงตาพวกเจ้าแล้ว” เขาเอ่ยด้วยเสียงแหบแห้งเย็นเยือกโฉวสือชีกำกระบี่ในมือแน่น ปกป้องคนใบ้และอวี๋โหรวไว้ส่วนลั่วชิงยวนค่อย ๆ ก้าวเท้าไปข้างหน้าในดวงตาค่อย ๆ ก่อเกิดจิตสังหารนางหลับตาลง แล้วกล่าวว่า “อวี๋ตันเฟิ่ง ไปแก้แค้นของเจ้าเถิด”ลั่วชิงยวนมอบร่างของตนให้อวี๋ตันเฟิ่งโดยสมบูรณ์เมื่อลืมตาขึ้นอีกครั้ง ใบหน้าของนางยังคงเป็นใบหน้าเดิม เพียงแต่แววตานั้นกลับดุดันยิ่งนัก ดวงตาสีแดงก่ำเต็มไปด้วยความแค้นเสียงของอวี๋ตันเฟิ่งดังขึ้น “โหยวจิ้งเฉิง ความแค้นระหว่างข้ากับเจ้า วันนี้ถึงคราวสะสางแล้ว”“สิบกว่าปีที่ผ่านมา ข้าคิดอยู่ตลอดเวลาว่าจะฉีกร่างเจ้าเป็นชิ้น ๆ อย่างไรถึงจะสาสมกับความแค้นในใจข้า”“แต่คาดมิถึงว่าเจ้าจะตายไปแล้ว”“แต่ก็มิเป็นไร วันนี้ข้าจะฉีกร่างเจ้าให้เป็นชิ้น ๆ ให้ได้!”เมื่อกล่าวจบ ลั่วชิงยวนก็กระโจนเข้าไปเสียงอาวุธปะทะกันอย่างรุนแรงดังขึ้นแต่ในเวลานี้เอง โหยวจิ้งเฉิงก็พุ่งไปยังกำแพง คว้ากระบี่ห้วงสวรรค์มาได้ จากนั้นกระโจนออกนอกห้องไปอวี๋ตันเฟิ่งรีบไล่ตามไปสีหน้าคนใบ้เปลี่ยนไป กระบี่ห้วงสวรรค์! หากฝูเหมิ่ง

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1420

    ต่งอวิ๋นซิ่วตกใจจนหน้าซีดเผือด รีบยกมือขึ้นมาป้องกัน แล้วต่อสู้กับฝูเหมิ่งแต่พลังในตอนนี้ของต่งอวิ๋นซิ่วเทียบกับฝูเหมิ่งแล้วยังอ่อนแอกว่ามากนักสุดท้ายก็ถูกฝูเหมิ่งบีบคอไว้แน่นลั่วชิงยวนเห็นชัดเจนว่าในร่างของฝูเหมิ่งตอนนี้คือโหยวจิ้งเฉิง!เขาเป็นบ้าไปแล้วหรือ? เขาจะฆ่าต่งอวิ๋นซิ่วภรรยาของตนหรือ?เมื่อเห็นดังนั้น โหยวเซียงก็ชักกระบี่พุ่งเข้าไปหมายจะช่วยต่งอวิ๋นซิ่ว แต่ฝูเหมิ่งกลับมิหลบเลยแม้แต่น้อย ปล่อยให้กระบี่ในมือนางแทงทะลุร่างจากนั้นฝูเหมิ่งก็ฟาดมือไปทีหนึ่ง โหยวเซียงจึงกระเด็นปลิวไปโหยวเซียงกระอักเลือดออกมาต่งอวิ๋นซิ่วร้อนใจยิ่งนัก “เซียงเอ๋อร์ มิต้องสนใจแม่ รีบหนีไป!”โหยวเซียงจะทนมองดูมารดาของตนถูกฆ่าได้อย่างไร นางพยายามลุกขึ้นมาสู้ต่อแต่ฝูเหมิ่งกลับมองโหยวเซียงอย่างดุดัน แล้วกล่าวขู่ “คนที่ข้าต้องการฆ่ามีเพียงต่งอวิ๋นซิ่วเท่านั้น เจ้าจงหลีกไป”“มิเช่นนั้นอย่าหาว่าข้ามิเห็นแก่ความเป็นพ่อลูก”เมื่อได้ยินดังนั้น โหยวเซียงก็ตกใจจนยืนอึ้งไปกับที่ แล้วกล่าวเสียงสั่นเครือ “พ่อ… พ่อลูกหรือ?”ตอนนี้เสียงของฝูเหมิ่งก็มิใช่เสียงของฝูเหมิ่งอีกต่อไปแล้วเมื่อต่งอวิ๋นซิ่ว

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1419

    ขณะนี้เอง โหยวเซียงก็ฉวยโอกาสหลบหนีจากมือของลั่วชิงยวนไปได้ต่งอวิ๋นซิ่วมองพวกเขาอย่างเย็นชา “ในเมื่อมาถึงที่นี่แล้วก็เตรียมตัวตายได้เลย!”ทันใดนั้นบนคานเรือนก็ปรากฏชายชุดดำจำนวนมากพร้อมถือหน้าไม้เล็งมาที่พวกเขาลูกดอกอันคมกริบประกายแสงเย็นลั่วชิงยวนยกยิ้มมุมปาก หัวเราะอย่างเย็นชา “ดูเหมือนว่าเจ้าจะเตรียมการมาอย่างดี ตอนนี้พวกข้าคงหนีออกจากห้องนี้ไปมิได้แล้วใช่หรือไม่?”ลั่วชิงยวนสังเกตประตูห้อง รวมถึงผนังห้องทุกด้าน แล้วพบว่ามีกลไกบนประตูเหนือศีรษะ ต่งอวิ๋นซิ่วหัวเราะเบา ๆ “แน่นอน นี่คือห้องกลไกที่สร้างขึ้นมาเพื่อรับมือพวกเจ้าที่บุกรุกเข้ามาบนเขา”“วันนี้พวกเจ้าอย่าหวังว่าจะได้ออกไปแม้แต่คนเดียว!”ลั่วชิงยวนจับกระบี่ห้วงสวรรค์แน่นแล้วพุ่งไปที่กลไกจุดหนึ่งบนผนังห้อง ฟาดฟันกระบี่ลงไปอย่างแรงต่งอวิ๋นซิ่วรีบดึงโหยวเซียงหลบหลีกไปแต่ใครเล่าจะรู้ว่าลั่วชิงยวนมิได้โจมตีพวกนาง แต่กลับฟันกลไกบนผนังห้องทำให้ประตูห้องลงกลอนอย่างสมบูรณ์เมื่อเห็นเช่นนั้น ต่งอวิ๋นซิ่วก็หัวเราะเยาะ “เจ้าช่างรนหาที่ตายยิ่งนัก”ลั่วชิงยวนยกยิ้มอย่างมีความหมาย “เช่นนั้นรึ? ยังมิรู้เลยว่าใครกันแน่ที่จะ

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1418

    ร่างที่เดินออกมาจากฝูงชนนั้นมีท่าทางคุกคามยิ่งนักลั่วชิงยวนหรี่ตาลงเล็กน้อย นั่นคือสตรีที่นางเห็นในความทรงจำของอวี๋ตันเฟิ่งต่งอวิ๋นซิ่ว!โหยวเซียงดิ้นรนพลางเงยหน้ามองต่งอวิ๋นซิ่วด้วยดวงตาแดงก่ำ “ท่านแม่… เป็นความผิดของลูกเองที่ปล่อยให้พวกมันขึ้นเขามาได้”หากมิใช่เพราะลั่วชิงยวนรู้ทางลับของวัดร้างแห่งนั้น พวกนางคงไม่มีทางขึ้นเขามาได้ง่ายดายถึงเพียงนี้!ต่งอวิ๋นซิ่วมองด้วยความเจ็บปวดแล้วตวาดใส่ลั่วชิงยวน “ปล่อยลูกสาวข้าเดี๋ยวนี้! มิเช่นนั้นข้าจะทำให้พวกเจ้าตายเยี่ยงไร้ที่ฝัง!”ลั่วชิงยวนหัวเราะเบา ๆ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงดูถูกเหยียดหยาม “เมื่อคืนยังพยายามทำลายวิญญาณที่เหลือของอวี๋ตันเฟิ่งอยู่เลย วันนี้เจ้าลืมไปแล้วหรือว่าศัตรูของเจ้าคือใคร?”“ใครกันแน่ที่จะตายแบบไร้ที่ฝัง ยังบอกมิได้หรอก”เมื่อได้ยินดังนั้น ต่งอวิ๋นซิ่วก็สะดุ้งเฮือก สีหน้าเปลี่ยนไปอย่างมากท่าทางของนางดูตึงเครียดขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด แต่ก็ยังพยายามซ่อนไว้ได้ดีนางมองลั่วชิงยวนอย่างใจเย็น แล้วกล่าวว่า “ในเมื่อพวกเจ้ามาถึงเมืองแห่งภูตผี ก็คงต้องการของล้ำค่าของเมืองแห่งภูตผีสินะ”“พวกเจ้าอยากได้อะไร ข้าสามารถให้เจ

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1417

    นางปฏิเสธอย่างหนักแน่นลั่วชิงยวนกลับยกยิ้มอย่างพึงพอใจแล้วค่อย ๆ ลุกขึ้น “พานางไปด้วย ไปวัดร้าง!”พวกเนางมุ่งหน้าไปทางทิศใต้ โหยวเซียงดิ้นรนตลอดทาง แต่โฉวสือชีและคนใบ้จ้องมองทุกการกระทำของนางอย่างใกล้ชิด มิเปิดโอกาสให้นางหลบหนีไปได้แม้แต่น้อยเมื่อเดินไปได้ไกลมากพอสมควร เสียงไก่ขันยามรุ่งอรุณก็ดังขึ้นแล้วในที่สุดพวกเขาก็มาถึงวัดร้างแห่งนั้นในวัดร้างมีพระพุทธรูปที่เป็นซากปรักหักพังล้มลงบนพื้น ดูเหมือนว่าที่นี่จะไม่มีใครมานานแล้วเมื่อมองหาอย่างละเอียดก็พบรอยเท้าบนพื้นลั่วชิงยวนมั่นใจยิ่งขึ้น นี่คือสถานที่ที่ถูกต้อง!โหยวเซียงจ้องมองทุกการกระทำของลั่วชิงยวนอย่างกระวนกระวาย เกรงว่าลั่วชิงยวนจะพบกลไกเข้าแต่ลั่วชิงยวนกลับสังเกตปฏิกิริยาของโหยวเซียง ค่อย ๆ เดินไปในแต่ละที่โดยอาศัยการสังเกตปฏิกิริยาโหยวเซียงสุดท้ายลั่วชิงยวนจึงเพ่งเล็งไปที่ผนังด้านหนึ่งแล้วเริ่มค้นหากลไกเสียงเปิดกลไกดังแกร๊กดังขึ้นประตูบานหนึ่งบนพื้นพลันเปิดออกหลังจากที่ลั่วชิงยวนเปิดประตูแล้วก็พบว่าด้านล่างยังมีประตูอีกบานหนึ่ง และบนนั้นก็มีกลไกเช่นกันแต่สำหรับลั่วชิงยวนแล้วเรื่องนี้ง่ายมากเมื่อประต

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1416

    “เจ้ารีบอะไรนักหนา รอมาตั้งนานแล้ว รออีกสักหน่อยจะเป็นกระไร”เมื่อได้ยินดังนั้น อวี๋ตันเฟิ่งก็หยุดมือลั่วชิงยวนเดินเข้าไปคว้าตัวโหยวเซียงไว้ให้โฉวสือชีมัดนางไว้แน่นหนา จากนั้นจึงปลุกโหยวเซียงให้ฟื้นขึ้นมาเมื่อฟื้นคืนสติ โหยวเซียงก็จ้องหน้าลั่วชิงยวนเขม็งอย่างโกรธแค้น “เจ้ากล้าจับข้า เจ้าคอยดูเถอะว่าจะตายอย่างไร!”ลั่วชิงยวนย่อตัวลงนั่งตรงหน้านาง แล้วหัวเราะเบา ๆ “ใช่แล้ว ใครจะกล้าแตะต้องคุณหนูใหญ่เมืองแห่งภูตผีเล่า”“น่าเสียดาย เมืองแห่งภูตผีแห่งนี้ บิดามารดาของเจ้าไปปล้นเขามา มิใช่ของพวกเขามาแต่เดิม ย่อมมิใช่ของเจ้าเช่นกัน”“ถึงเวลาคืนเจ้าของตัวจริงแล้ว”โหยวเซียงจ้องเขม็งนางอย่างโกรธแค้น “เจ้าพูดจาเหลวไหลอะไร! เมืองแห่งภูตผีแห่งนี้เป็นของบิดามารดาข้ามาแต่เดิม!”เมื่อได้ยินดังนั้น ลั่วชิงยวนก็ประหลาดใจ “หรือว่าต่งอวิ๋นซิ่วมิได้บอกความจริงแก่เจ้า”“ก็ถูกแล้ว เรื่องน่าอับอายเช่นนี้ นางจะบอกลูกสาวได้อย่างไร”“เมืองแห่งภูตผีแห่งนี้มิใช่เพียงถูกบิดามารดาเจ้ายึดมาเท่านั้น แต่ยังใช้วิธีการที่น่ารังเกียจในการยึดครองด้วย!”“เดาว่าจนถึงตอนนี้เจ้าก็คงยังมิรู้เลยว่าศัตรูของเจ้าคือผ

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1415

    โหยวเซียงกัดฟันพูดด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบลั่วชิงยวนมองไปที่อวี๋โหรว หลายวันมานี้อวี๋โหรวผอมซูบไปมาก“เจ้าจับตัวอวี๋โหรวมาเพื่อล่อข้ามาที่นี่รึ?”ลั่วชิงยวนหรี่ตามองโหยวเซียง“แต่เจ้ามิน่าจะมีความสามารถพอที่จะพาอวี๋โหรวออกจากวังหลวงไปได้”“เวินซินถงเป็นคนทำใช่หรือไม่?”“เจ้าทำข้อตกลงอะไรกับนางไว้?”โหยวเซียงหัวเราะเยาะ “อยากรู้รึ?”“คุกเข่าอ้อนวอนข้าสิ”“เจ้าอ้อนวอนข้า ข้าถึงจะบอกเจ้าว่าผู้ใดจับตัวอวี๋โหรวมา และผู้ใดร่วมมือกับข้าวางแผนให้เจ้ามาที่เมืองแห่งภูตผี”ลั่วชิงยวนมองท่าทีหยิ่งยโสของโหยวเซียงแล้วก็อดมิได้ที่จะหัวเราะเบา ๆ นางกวาดสายตามองไปรอบ ๆ แล้วถามว่า “ต่งอวิ๋นซิ่วมิมาด้วยรึ?”“เมื่อครู่นี้คนที่ต่อสู้กับข้าก็คือนางใช่หรือไม่?”เมื่อได้ยินน้ำเสียงเยาะเย้ยของลั่วชิงยวน โหยวเซียงก็โกรธจัด ในใจนางตกใจ ลั่วชิงยวนรู้แล้วหรือว่ามารดาของนางเป็นใคร“สารเลว!”นางบีบคออวี๋โหรวอย่างแรงเพื่อข่มขู่ลั่วชิงยวน “จะคุกเข่าหรือไม่?!”“ลั่วชิงยวน เจ้ามีโอกาสแค่ครั้งเดียว!”“หากเจ้ามิยอมคุกเข่ายอมจำนนแต่โดยดี ข้าจะหักคอนางเดี๋ยวนี้!”กล่าวจบ โหยวเซียงก็ออกแรงบีบบีบจนอวี๋โหรวหาย

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1414

    ทันทีที่คนใบ้หันมาเห็นจึงรีบเข้ามาย่อตัวลงข้างนางแล้วช่วยประคองนางไว้ลั่วชิงยวนเช็ดเลือดที่มุมปาก ใบหน้าซีดเผือดกว่าเดิม“ข้ามิเป็นอะไร”นางเงยหน้าขึ้นมองอวี๋ตันเฟิ่งที่อยู่กลางอากาศ ในที่สุดจิตวิญญาณของนางก็สมบูรณ์แล้วบนใบหน้าซีดขาวนั้นปรากฏรอยยิ้ม รอยยิ้มนั้นทั้งพึงพอใจและเย่อหยิ่ง“ในที่สุดข้าก็ได้… เป็นอิสระแล้ว! ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า...”อวี๋ตันเฟิ่งหัวเราะลั่น ทำเอาป่าทั้งผืนเกิดพายุโหมกระหน่ำคนใบ้รีบยกมือขึ้นช่วยลั่วชิงยวนปัดป้องฝุ่นและใบไม้ที่ปลิวว่อน......จู่ ๆ ต่งอวิ๋นซิ่วก็กระอักเลือดออกมาเต็มปาก จากนั้นหมดสติล้มลงบนพื้น“ท่านแม่!”โหยวเซียงตกใจ รีบเข้าไปประคองนาง “ท่านแม่! ท่านแม่! ท่านเป็นอะไรไป!”หลังจากตะโกนเรียกอยู่นาน มารดาของนางก็มิฟื้นโหยวเซียงโกรธจนกัดฟันพูด “ลั่วชิงยวน สารเลว!”“เจ้าคอยดูเถอะ!”......ผ่านไปครู่ใหญ่ อวี๋ตันเฟิ่งถึงจะสงบสติอารมณ์ลงได้ลมพายุในป่าก็สงบลงเช่นกันถูหมิงที่อยู่ข้าง ๆ จึงค่อย ๆ ขยับเข้ามาใกล้ฉีเสวี่ยเวยที่ยังคงตกตะลึงมองภาพเหตุการณ์เมื่อครู่ด้วยความมิอยากเชื่อ “เมื่อกี้เกิดอะไรขึ้น?”“ต่อไปพวกเราต้องทำอะไร?”ลั่วชิงยวน

Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status