ลั่วชิงยวนกวาดสายตามองไปทั่วห้องของนางด้วยสีหน้าเรียบเฉย ห้องของหลายจีเรียบง่ายแต่สะอาดสะอ้านยิ่งนักสิ่งของที่จัดวางหลายอย่างดูเหมือนจะเป็นของใช้ของบุรุษ คิดว่าคงมีไว้ให้เฉินชีช่างเป็นความรักที่ลึกซึ้งจริง ๆลั่วชิงยวนค่อย ๆ เดินเข้าไปนั่งลง “เจ้ายังมิได้ให้ยาถอนพิษข้า”หลานจีจึงรีบไปนำยาถอนพิษมามอบให้แก่นางลั่วชิงยวนดมเพื่อตรวจสอบ แล้วกินยาถอนพิษเข้าไปหลานจีตื่นตระหนกและประหม่า “ข้า... ขอโทษสำหรับเรื่องที่เกิดขึ้นในคืนนี้”“และขอบคุณท่านที่ช่วยพูดให้ข้า”ลั่วชิงยวนหันไปมองหลานจีแล้วยกยิ้มมุมปาก “ขอบคุณด้วยวาจามิได้หรอก”หลานจีอึ้งไปครู่หนึ่ง นางรู้ว่าลั่วชิงยวนจะมิช่วยเหลือนางเปล่า ๆ“เช่นนั้นท่านต้องการให้ข้าทำอันใด?”ลั่วชิงยวนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนกล่าวว่า “ยามนี้ยังมิต้องการให้เจ้าทำอันใด บุญคุณครั้งนี้ติดค้างไว้ก่อน”หลานจีพยักหน้า “เจ้าค่ะ”ลั่วชิงยวนตรงไปตรงมาเช่นนี้ก็ทำให้ในใจของหลานจีสงบลงเล็กน้อยนางกลัวว่าลั่วชิงยวนจะช่วยเหลืออย่างเปิดเผย แต่ลับหลังกลับแค้นเคืองและแก้แค้นนางแต่ลั่วชิงยวนกลับบอกนางตามตรงว่าให้นางติดหนี้บุญคุณครั้งนี้ไปก่อน นั่นก็คือ
“ดี! ข้าหวังว่าแผนการของเจ้าจะสำเร็จ”“แต่ข้ามิต้องการให้เรื่องเยี่ยงเมื่อคืนเกิดขึ้นอีก เพราะมันจะดึงข้าเข้าไปเกี่ยวข้องด้วย”ฉินอี้หวาดกลัวว่าฟู่เฉินหวนจะถูกเปิดโปงต่อหน้าเฉินชีเพราะการที่ฟู่เฉินหวนสามารถหลบหนีการไล่ล่าของเฉินชี และลอบเข้าเมืองหลวงได้ เป็นเพราะมีเพียงองค์ชายใหญ่อย่างเขาช่วยเหลือถึงตอนนั้นเฉินชีจะมิปล่อยเขาไปแน่นอน และแม้กระทั่งความปรองดองเพียงผิวเผินก็ยากจะรักษาไว้ได้ปฏิเสธมิได้ว่าเขามิอาจยั่วยุเฉินชีผู้บ้าคลั่งได้“ข้ารู้แล้ว”ฟู่เฉินหวนกล่าวจบก็ออกจากห้องไปแต่เขาก็มิเสียใจกับการตัดสินใจในคืนนี้จุดประสงค์ของเขาในการมายังแคว้นหลีก็เพื่อช่วยนางถึงแม้ว่าเขาจะไม่มีความสามารถที่จะปกป้องนางมิให้ได้รับบาดเจ็บเลยแม้แต่น้อยแต่ก็จะพยายามอย่างสุดกำลัง นี่คือเหตุผลทั้งหมดที่ค้ำจุนให้เขายังมีชีวิตอยู่จู่ ๆ ก็มีเสียงของไป๋ซูดังขึ้นนอกประตูห้อง “ข้าเห็นว่าท่านมีความคิดเป็นของตนเอง ท่านมิใช่องครักษ์ที่ดี”“พวกเราที่เป็นองครักษ์ลับเพียงต้องฟังคำสั่ง”“ท่านลงมือเช่นนี้จะนำปัญหามาสู่เจ้านาย”ฟู่เฉินหวนมองนางด้วยสีหน้าเรียบเฉย แล้วก้าวเดินจากไปทิ้งท้ายไว้ด้วยน้
ทันใดนั้น ลั่วชิงยวนก็ลืมตาขึ้นในทันที พลันกำมือของเขาไว้เตี่ยฉุยก็ถูกดูดเข้าไปในร่างของนางในทันทีแล้วใช้มือข้างหนึ่งคว้าข้อมือของเซี่ยหลิงไว้ อีกมือหนึ่งต่อยไปที่หน้าอกของเซี่ยหลิงอย่างแรงสีหน้าเซี่ยหลิงเปลี่ยนไปรีบยกเท้าหมายจะหนีออกไปทางประตูลั่วชิงยวนกระโดดขึ้นไปขวางหน้าประตู ขวางทางหนีของเซี่ยหลิงเซี่ยหลิงกัดฟันโต้ตอบในทันที ต่อสู้กับลั่วชิงยวนเป็นพัลวันในตอนแรกเซี่ยหลิงยังคงควบคุมตัวเองได้ จึงมิได้ใช้กำลังทั้งหมดแต่การโจมตีของลั่วชิงยวนที่รุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้เซี่ยหลิงต้านทานมิไหว สุดท้ายก็จำต้องเปิดเผยความสามารถทั้งหมดของตนดวงตาของลั่วชิงยวนเปลี่ยนเป็นเย็นชา หลังจากต้านทานหมัดของเซี่ยหลิงแล้วทั้งสองก็ถอยห่าง“ในที่สุดความจริงก็เปิดเผย วันนั้นคนผู้นั้นก็คือเจ้า!”“เจ้าถึงกับซ่อนเร้นความสามารถมานานถึงเพียงนี้!” ลั่วชิงยวนตกตะลึงเป็นเรื่องที่รู้กันดีวว่าวรยุทธ์ของเซี่ยหลิงนั้นมิได้แข็งแกร่ง คาดมิถึงว่าเขาจะแกล้งทำด้วยความสามารถที่แท้จริงของเขา เขาสามารถเป็นหัวหน้าหน่วยราชองครักษ์เกราะเหล็กได้มิยากแต่เขากลับซ่อนเร้นความสามารถมาโดยตลอดเขาซุ่มซ่อนมาหลายปี
“เกิดเรื่องอันใดขึ้น?”“นี่คือเสียงของเซี่ยหลิงใช่หรือไม่?”เมื่อเวินซินถงได้ยินเสียงก็รีบมาในขณะที่ลั่วชิงยวนกำลังจะลงมือครั้งสุดท้ายกับเซี่ยหลิงเวินซินถงก็กระโจนเข้ามาในห้องในทันที“ลั่วชิงยวน! เจ้ากำลังทำอะไร!”เวินซินถงตวาดด้วยความเดือดดาลการกระทำของลั่วชิงยวนหยุดชะงักกลางอากาศ เมื่อเห็นเวินซินถง ริมฝีปากของนางก็ยกยิ้มเย็นชาสายตาแฝงไว้ด้วยความท้าทายนางใช้ฝ่ามือตบลงบนแผ่นหลังของเซี่ยหลิงอย่างแรงความเจ็บปวดที่กระดูกสันหลังทำให้เซี่ยหลิงหมดสติไปในทันทีเวินซินถงหายใจสะดุด มองลั่วชิงยวนด้วยความตกตะลึง ลั่วชิงยวนถึงกับกล้าลงมือสังหารเซี่ยหลิงต่อหน้านาง!ขณะมองเซี่ยหลิงที่นอนจมกองเลือดอยู่บนพื้น เวินซินถงก็โกรธจนตัวสั่น“ลั่วชิงยวน! ผู้ใดให้ความกล้าแก่เจ้า! ถึงกับกล้าสังหารคนเชียวรึ!”ลั่วชิงยวนลุกขึ้นยืนอย่างมิใส่ใจ ตอบว่า “เซี่ยหลิงต้องการสังหารข้า ข้าเพียงป้องกันตัว”“หากมิใช่เขาที่ลอบเข้ามาในห้องของข้า ข้าจะลงมือกับเขาได้อย่างไร?”“เรื่องนี้มิใช่ความผิดของข้า”เวินซินถงโกรธมากจนจะลงมือ ลั่วชิงยวนหัวเราะเยาะ ชี้ให้เวินซินถงดูคนที่มุงดูอยู่นอกเรือน“หากท่านนักบว
เมื่อเห็นร่างของเวินซินถงเดินจากไปอย่างมิลังเล เซี่ยหลิงก็เจ็บปวดรวดร้าว เขากำมือแน่น เล็บจิกฝ่ามือจนเลือดออก“ข้ากลายเป็นเช่นนี้ก็เพราะเจ้า...” เซี่ยหลิงกัดฟันแน่น ในดวงตาเต็มไปด้วยความมิพอใจเขาซ่อนเร้นความสามารถมาหลายปี ปล่อยให้คนนอกเยาะเย้ยเขาทั้งต่อหน้าและลับหลังว่าเป็นคนไร้ประโยชน์เขาทำเพื่อที่จะได้อยู่เคียงข้างนาง เพื่อให้นางได้ขึ้นสู่ตำแหน่งนักบวชระดับสูงทุ่มเททั้งชีวิตเพื่อปกป้องนาง เพื่อรักษาสถานะนักบวชระดับสูงของนางแต่สุดท้ายเมื่อวรยุทธ์ของเขาถูกทำลาย นางกลับทอดทิ้งเขาช่างเด็ดขาด ไม่มีแม้แต่ความลังเล!ในดวงตาของเซี่ยหลิงลุกโชนด้วยความเคียดแค้นเขามิยินยอม!เหตุใดสวรรค์จึงต้องกระทำต่อเขาเช่นนี้!ไม่มีผู้ใดขัดขวางมิให้เขาได้สิ่งที่เขาต้องการได้!ตอนนี้เวินซินถงเดินออกจากห้อง แล้วเรียกคนมาสั่งการ “ดูแลเซี่ยหลิงให้ดี”จากนั้นดวงตาของเวินซินถงก็เปี่ยมด้วยกลิ่นอายสังหาร ขณะออกจากวังไปกล้าทำร้ายคนของนาง นางจะให้ลั่วชิงยวนต้องชดใช้!......ลั่วชิงยวนถือเข็มทิศอาณัติสวรรค์ นั่งสมาธิบำเพ็ญเพียรตลอดทั้งคืนเพื่อดูดซับพลังจากสุริยันจันทรา จึงทำให้สีหน้าของนางดูดีขึ้น
โฉวสือชีพยักหน้าจากนั้นลั่วชิงยวนก็รีบไปเตรียมของบางอย่างจนกระทั่งฟ้ามืดคณะเดินทางก็เริ่มออกเดินทางทุกคนรู้ดีว่าการเดินทางครั้งนี้อาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้แต่พวกเขาก็ไม่มีทางเลือก เพราะในเมื่อเชื่อมั่นในตัวลั่วชิงยวนแล้วก็จะยอมเสี่ยงชีวิตเพื่อนางเพื่อตนเองและเพื่อญาติมิตรในหุบเขาทาสทุกคนคณะเดินทางควบม้าออกเดินทาง เดินทางทั้งวันทั้งคืนโดยมิหยุดพักสามวันต่อมาก็มาถึงเชิงเขาเมืองแห่งภูตผีหลายคนลงจากม้า มองป่าเขาที่ปกคลุมไปด้วยม่านหมอกที่ดูลึกลับราวกับมิเคยมีผู้ใดเหยียบย่างเข้าไปแฝงไว้ด้วยความหวาดกลัวที่มิอาจหยั่งรู้ลั่วชิงยวนเดินทางมาหลายวัน ใบหน้าของนางซีดเซียวเล็กน้อย โฉวสือชีช่วยประคองนางลงจากม้า“คืนนี้พักผ่อนที่เชิงเขาหนึ่งราตรี วันพรุ่งค่อยขึ้นเขา พักผ่อนให้เต็มที่”“ได้”ทุกคนก่อกองไฟพักผ่อนกันอยู่ตรงนั้น แล้วนำอาหารออกมาแบ่งกันกินหงไห่หัวเราะ แล้วกล่าวว่า “หลายปีมานี้ข้าไปมาแล้วทุกที่ กระทั่งค่ายทาสก็เคยเข้าไปมากกว่าหนึ่งครั้ง”“ก็มีแต่เมืองแห่งภูตผีแห่งนี้ที่ยังมิเคยเยือน พอดีคราวนี้ได้บุกเข้ามา มิว่าผลลัพธ์จะเป็นเช่นไรก็จะได้จารึกชื่อสิบมหาโจรของพวกเ
จู่ ๆ ลั่วชิงยวนก็รู้สึกหนาวเย็นลงไปถึงกระดูกสันหลัง และคิดว่าตัวเองยังคงฝันอยู่นางหยิกตนเองหลายครั้งเพื่อให้แน่ใจว่านี่มิใช่ความฝันทุกสิ่งที่อยู่ตรงหน้านางคือความจริง!และยามนี้ทุกคนหายไปหมดแล้ว เหลือเพียงนางผู้เดียว!พวกเขาอยู่ที่ใด?กองไฟดับไปนานแล้ว กระทั่งบนพื้นก็ไม่มีร่องรอยใดหลงเหลือ มองมิเห็นอะไรทั้งสิ้นลั่วชิงยวนลุกขึ้นยืน พบว่าบนร่างของนางมีเสื้อคลุมของโฉวสือชีคลุมไว้“โฉวสือชี!”“หงไห่!”ลั่วชิงยวนมองหาพวกเขารอบด้าน สิ่งที่ตอบกลับนางกลับมีเพียงความเงียบสงัดพวกเขาจะมิหนีไปเพราะกลัวตายแน่นอน ต้องมีอะไรบางอย่างเกิดขึ้นเป็นแน่!แต่เหตุใดนางจึงมิเป็นอะไร?นางรออยู่ที่เดิมครู่หนึ่ง รอจนแสงแห่งรุ่งอรุณปรากฏ โฉวสือชีและคนอื่น ๆ ก็ยังมิกลับมาลั่วชิงยวนลุกขึ้นยืน มองไปยังภูเขาที่ปกคลุมไปด้วยหมอกหนาทึบเมืองแห่งภูตผีคิดว่าตอนนี้เท้าของพวกเขาคงเหยียบอยู่บนแผ่นดินของเมืองแห่งภูตผีแล้วดังนั้นจึงได้เกิดเรื่องขึ้นกับสิบมหาโจรลั่วชิงยวนก็ออกเดินทางขึ้นเขาในทันทีถึงแม้จะเป็นการไปเพียงลำพังก็ตามขณะขึ้นเขา ลั่วชิงยวนก็กลืนยาหนึ่งเม็ดเพื่อให้ตนเองตื่นตัวอยู่ตลอดเวลา
“เจ้าจะไปด้วยกันหรือไม่? การเดินขึ้นภูเขามิใช่เรื่องง่ายสำหรับสตรี การมีใครสักคนไปด้วยจะปลอดภัยกว่า”สิบกว่าคนหรือ?คนเหล่านี้อยู่รวมกันหมดเลยหรือ?หรือว่าทุกคนมารวมตัวกันอยู่ในหมู่บ้านนี้?พวกโฉวสือชีจะอยู่ที่นั่นด้วยหรือไม่?เมื่อคิดถึงตรงนี้ ลั่วชิงยวนก็ตอบตกลง “ได้ ข้าจะไปกับเจ้า ถือโอกาสส่งเจ้ากลับด้วย”ดูจากท้องของซูเซียงแล้ว อย่างน้อยก็เจ็ดแปดเดือน มิใช่เรื่องง่ายเลยที่นางจะขึ้นภูเขามาด้วยท้องใหญ่ถึงเพียงนี้เดิมทีลั่วชิงยวนคิดจะเกลี้ยกล่อมว่าบนภูเขานี้มิใช่สถานที่ที่คนธรรมดาจะมาได้แต่เมื่อคิดอีกทีเหตุผลที่เมืองแห่งภูตผีถูกเรียกว่าเมืองแห่งภูตผี ก็เพราะเมื่อขึ้นเขาแล้วจะมิสามารถบอกได้เลยว่าทุกคนที่พบนั้นเป็นมนุษย์หรือภูตผีกอปรกับเรื่องแปลกประหลาดที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้ผู้คนต่างหวาดกลัวแต่หลายปีมานี้ ผู้คนมิรู้ว่าบนภูเขาเมืองแห่งภูตผีมีอะไร ดังนั้นยังคงมีผู้คนจำนวนมากขึ้นไปบนภูเขาแห่งนี้บางคนก็เพื่อยา บางคนก็เพื่อทรัพย์สมบัติแต่ละคนต่างมีสิ่งที่ต้องการลั่วชิงยวนนำสมุนไพรออกมามอบให้ซูเซียง ให้นางกลับไปต้มดื่มเพื่อช่วยบำรุงครรภ์ซูเซียงก็รู้สึกขอบคุณมา
ร่างที่ไร้ศีรษะร่างหนึ่งถือกระบี่เดินเข้ามาหาลั่วชิงยวน โซ่เหล็กด้านหลังลากคนสามคนไว้แม้จะออกแรงสุดกำลังแล้วก็ยังฉุดรั้งโหยวจิ้งเฉิงไว้มิได้แต่ร่างของโหยวจิ้งเฉิงในตอนนี้ไม่มีศีรษะแล้ว ยากที่จะควบคุมร่างกายได้ลั่วชิงยวนถือกระบี่เงื้อฟันไปยังร่างของฝูเหมิ่ง เช่นเดียวกับตอนที่โหยวจิ้งเฉิงตัดแขนขาของอวี๋ตันเฟิ่งนางกำลังแก้แค้นและระบายความแค้นอย่างบ้าคลั่งตัดแขนของเขาขาดทีละข้างกระบี่ห้วงสวรรค์ร่วงลงสู่พื้นไปพร้อมกับแขนจากนั้นขาทั้งสองข้างของเขาก็ขาดกระเด็นอวี๋ตันเฟิ่งอาละวาดแก้แค้นอย่างบ้าคลั่งเมื่อมองไปยังซากศพที่กองอยู่บนพื้น ดวงตาของลั่วชิงยวนก็ราวกับถูกย้อมไปด้วยสีแดงฉานใต้หล้าเต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือดทั้งสามที่อยู่มิไกลต่างตกตะลึงมิเคยเห็นฉากที่นองเลือดเช่นนี้มาก่อนแต่ถึงแม้ร่างกายจะแหลกละเอียด โหยวจิ้งเฉิงก็ยังมิตายทันใดนั้นมีร่างหนึ่งพุ่งออกมาจากซากศพ แล้วลอยละลิ่วไปอวี๋ตันเฟิ่งกรีดร้องแหลม “โหยวจิ้งเฉิง เจ้าอย่าหวังว่าจะหนีไปไหนได้อีก! ข้าจะทำให้เจ้ามิได้ผุดได้เกิด!”พลังในร่างของนางพลันเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เกิดเป็นลมพายุโหมกระหน่ำ ลั่วชิงยวนรู้สึกราว
ใบหน้านั้นบ่งบอกชัดเจนว่าเป็นโหยวจิ้งเฉิง“ต่อไปก็ถึงตาพวกเจ้าแล้ว” เขาเอ่ยด้วยเสียงแหบแห้งเย็นเยือกโฉวสือชีกำกระบี่ในมือแน่น ปกป้องคนใบ้และอวี๋โหรวไว้ส่วนลั่วชิงยวนค่อย ๆ ก้าวเท้าไปข้างหน้าในดวงตาค่อย ๆ ก่อเกิดจิตสังหารนางหลับตาลง แล้วกล่าวว่า “อวี๋ตันเฟิ่ง ไปแก้แค้นของเจ้าเถิด”ลั่วชิงยวนมอบร่างของตนให้อวี๋ตันเฟิ่งโดยสมบูรณ์เมื่อลืมตาขึ้นอีกครั้ง ใบหน้าของนางยังคงเป็นใบหน้าเดิม เพียงแต่แววตานั้นกลับดุดันยิ่งนัก ดวงตาสีแดงก่ำเต็มไปด้วยความแค้นเสียงของอวี๋ตันเฟิ่งดังขึ้น “โหยวจิ้งเฉิง ความแค้นระหว่างข้ากับเจ้า วันนี้ถึงคราวสะสางแล้ว”“สิบกว่าปีที่ผ่านมา ข้าคิดอยู่ตลอดเวลาว่าจะฉีกร่างเจ้าเป็นชิ้น ๆ อย่างไรถึงจะสาสมกับความแค้นในใจข้า”“แต่คาดมิถึงว่าเจ้าจะตายไปแล้ว”“แต่ก็มิเป็นไร วันนี้ข้าจะฉีกร่างเจ้าให้เป็นชิ้น ๆ ให้ได้!”เมื่อกล่าวจบ ลั่วชิงยวนก็กระโจนเข้าไปเสียงอาวุธปะทะกันอย่างรุนแรงดังขึ้นแต่ในเวลานี้เอง โหยวจิ้งเฉิงก็พุ่งไปยังกำแพง คว้ากระบี่ห้วงสวรรค์มาได้ จากนั้นกระโจนออกนอกห้องไปอวี๋ตันเฟิ่งรีบไล่ตามไปสีหน้าคนใบ้เปลี่ยนไป กระบี่ห้วงสวรรค์! หากฝูเหมิ่ง
ต่งอวิ๋นซิ่วตกใจจนหน้าซีดเผือด รีบยกมือขึ้นมาป้องกัน แล้วต่อสู้กับฝูเหมิ่งแต่พลังในตอนนี้ของต่งอวิ๋นซิ่วเทียบกับฝูเหมิ่งแล้วยังอ่อนแอกว่ามากนักสุดท้ายก็ถูกฝูเหมิ่งบีบคอไว้แน่นลั่วชิงยวนเห็นชัดเจนว่าในร่างของฝูเหมิ่งตอนนี้คือโหยวจิ้งเฉิง!เขาเป็นบ้าไปแล้วหรือ? เขาจะฆ่าต่งอวิ๋นซิ่วภรรยาของตนหรือ?เมื่อเห็นดังนั้น โหยวเซียงก็ชักกระบี่พุ่งเข้าไปหมายจะช่วยต่งอวิ๋นซิ่ว แต่ฝูเหมิ่งกลับมิหลบเลยแม้แต่น้อย ปล่อยให้กระบี่ในมือนางแทงทะลุร่างจากนั้นฝูเหมิ่งก็ฟาดมือไปทีหนึ่ง โหยวเซียงจึงกระเด็นปลิวไปโหยวเซียงกระอักเลือดออกมาต่งอวิ๋นซิ่วร้อนใจยิ่งนัก “เซียงเอ๋อร์ มิต้องสนใจแม่ รีบหนีไป!”โหยวเซียงจะทนมองดูมารดาของตนถูกฆ่าได้อย่างไร นางพยายามลุกขึ้นมาสู้ต่อแต่ฝูเหมิ่งกลับมองโหยวเซียงอย่างดุดัน แล้วกล่าวขู่ “คนที่ข้าต้องการฆ่ามีเพียงต่งอวิ๋นซิ่วเท่านั้น เจ้าจงหลีกไป”“มิเช่นนั้นอย่าหาว่าข้ามิเห็นแก่ความเป็นพ่อลูก”เมื่อได้ยินดังนั้น โหยวเซียงก็ตกใจจนยืนอึ้งไปกับที่ แล้วกล่าวเสียงสั่นเครือ “พ่อ… พ่อลูกหรือ?”ตอนนี้เสียงของฝูเหมิ่งก็มิใช่เสียงของฝูเหมิ่งอีกต่อไปแล้วเมื่อต่งอวิ๋นซิ่ว
ขณะนี้เอง โหยวเซียงก็ฉวยโอกาสหลบหนีจากมือของลั่วชิงยวนไปได้ต่งอวิ๋นซิ่วมองพวกเขาอย่างเย็นชา “ในเมื่อมาถึงที่นี่แล้วก็เตรียมตัวตายได้เลย!”ทันใดนั้นบนคานเรือนก็ปรากฏชายชุดดำจำนวนมากพร้อมถือหน้าไม้เล็งมาที่พวกเขาลูกดอกอันคมกริบประกายแสงเย็นลั่วชิงยวนยกยิ้มมุมปาก หัวเราะอย่างเย็นชา “ดูเหมือนว่าเจ้าจะเตรียมการมาอย่างดี ตอนนี้พวกข้าคงหนีออกจากห้องนี้ไปมิได้แล้วใช่หรือไม่?”ลั่วชิงยวนสังเกตประตูห้อง รวมถึงผนังห้องทุกด้าน แล้วพบว่ามีกลไกบนประตูเหนือศีรษะ ต่งอวิ๋นซิ่วหัวเราะเบา ๆ “แน่นอน นี่คือห้องกลไกที่สร้างขึ้นมาเพื่อรับมือพวกเจ้าที่บุกรุกเข้ามาบนเขา”“วันนี้พวกเจ้าอย่าหวังว่าจะได้ออกไปแม้แต่คนเดียว!”ลั่วชิงยวนจับกระบี่ห้วงสวรรค์แน่นแล้วพุ่งไปที่กลไกจุดหนึ่งบนผนังห้อง ฟาดฟันกระบี่ลงไปอย่างแรงต่งอวิ๋นซิ่วรีบดึงโหยวเซียงหลบหลีกไปแต่ใครเล่าจะรู้ว่าลั่วชิงยวนมิได้โจมตีพวกนาง แต่กลับฟันกลไกบนผนังห้องทำให้ประตูห้องลงกลอนอย่างสมบูรณ์เมื่อเห็นเช่นนั้น ต่งอวิ๋นซิ่วก็หัวเราะเยาะ “เจ้าช่างรนหาที่ตายยิ่งนัก”ลั่วชิงยวนยกยิ้มอย่างมีความหมาย “เช่นนั้นรึ? ยังมิรู้เลยว่าใครกันแน่ที่จะ
ร่างที่เดินออกมาจากฝูงชนนั้นมีท่าทางคุกคามยิ่งนักลั่วชิงยวนหรี่ตาลงเล็กน้อย นั่นคือสตรีที่นางเห็นในความทรงจำของอวี๋ตันเฟิ่งต่งอวิ๋นซิ่ว!โหยวเซียงดิ้นรนพลางเงยหน้ามองต่งอวิ๋นซิ่วด้วยดวงตาแดงก่ำ “ท่านแม่… เป็นความผิดของลูกเองที่ปล่อยให้พวกมันขึ้นเขามาได้”หากมิใช่เพราะลั่วชิงยวนรู้ทางลับของวัดร้างแห่งนั้น พวกนางคงไม่มีทางขึ้นเขามาได้ง่ายดายถึงเพียงนี้!ต่งอวิ๋นซิ่วมองด้วยความเจ็บปวดแล้วตวาดใส่ลั่วชิงยวน “ปล่อยลูกสาวข้าเดี๋ยวนี้! มิเช่นนั้นข้าจะทำให้พวกเจ้าตายเยี่ยงไร้ที่ฝัง!”ลั่วชิงยวนหัวเราะเบา ๆ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงดูถูกเหยียดหยาม “เมื่อคืนยังพยายามทำลายวิญญาณที่เหลือของอวี๋ตันเฟิ่งอยู่เลย วันนี้เจ้าลืมไปแล้วหรือว่าศัตรูของเจ้าคือใคร?”“ใครกันแน่ที่จะตายแบบไร้ที่ฝัง ยังบอกมิได้หรอก”เมื่อได้ยินดังนั้น ต่งอวิ๋นซิ่วก็สะดุ้งเฮือก สีหน้าเปลี่ยนไปอย่างมากท่าทางของนางดูตึงเครียดขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด แต่ก็ยังพยายามซ่อนไว้ได้ดีนางมองลั่วชิงยวนอย่างใจเย็น แล้วกล่าวว่า “ในเมื่อพวกเจ้ามาถึงเมืองแห่งภูตผี ก็คงต้องการของล้ำค่าของเมืองแห่งภูตผีสินะ”“พวกเจ้าอยากได้อะไร ข้าสามารถให้เจ
นางปฏิเสธอย่างหนักแน่นลั่วชิงยวนกลับยกยิ้มอย่างพึงพอใจแล้วค่อย ๆ ลุกขึ้น “พานางไปด้วย ไปวัดร้าง!”พวกเนางมุ่งหน้าไปทางทิศใต้ โหยวเซียงดิ้นรนตลอดทาง แต่โฉวสือชีและคนใบ้จ้องมองทุกการกระทำของนางอย่างใกล้ชิด มิเปิดโอกาสให้นางหลบหนีไปได้แม้แต่น้อยเมื่อเดินไปได้ไกลมากพอสมควร เสียงไก่ขันยามรุ่งอรุณก็ดังขึ้นแล้วในที่สุดพวกเขาก็มาถึงวัดร้างแห่งนั้นในวัดร้างมีพระพุทธรูปที่เป็นซากปรักหักพังล้มลงบนพื้น ดูเหมือนว่าที่นี่จะไม่มีใครมานานแล้วเมื่อมองหาอย่างละเอียดก็พบรอยเท้าบนพื้นลั่วชิงยวนมั่นใจยิ่งขึ้น นี่คือสถานที่ที่ถูกต้อง!โหยวเซียงจ้องมองทุกการกระทำของลั่วชิงยวนอย่างกระวนกระวาย เกรงว่าลั่วชิงยวนจะพบกลไกเข้าแต่ลั่วชิงยวนกลับสังเกตปฏิกิริยาของโหยวเซียง ค่อย ๆ เดินไปในแต่ละที่โดยอาศัยการสังเกตปฏิกิริยาโหยวเซียงสุดท้ายลั่วชิงยวนจึงเพ่งเล็งไปที่ผนังด้านหนึ่งแล้วเริ่มค้นหากลไกเสียงเปิดกลไกดังแกร๊กดังขึ้นประตูบานหนึ่งบนพื้นพลันเปิดออกหลังจากที่ลั่วชิงยวนเปิดประตูแล้วก็พบว่าด้านล่างยังมีประตูอีกบานหนึ่ง และบนนั้นก็มีกลไกเช่นกันแต่สำหรับลั่วชิงยวนแล้วเรื่องนี้ง่ายมากเมื่อประต
“เจ้ารีบอะไรนักหนา รอมาตั้งนานแล้ว รออีกสักหน่อยจะเป็นกระไร”เมื่อได้ยินดังนั้น อวี๋ตันเฟิ่งก็หยุดมือลั่วชิงยวนเดินเข้าไปคว้าตัวโหยวเซียงไว้ให้โฉวสือชีมัดนางไว้แน่นหนา จากนั้นจึงปลุกโหยวเซียงให้ฟื้นขึ้นมาเมื่อฟื้นคืนสติ โหยวเซียงก็จ้องหน้าลั่วชิงยวนเขม็งอย่างโกรธแค้น “เจ้ากล้าจับข้า เจ้าคอยดูเถอะว่าจะตายอย่างไร!”ลั่วชิงยวนย่อตัวลงนั่งตรงหน้านาง แล้วหัวเราะเบา ๆ “ใช่แล้ว ใครจะกล้าแตะต้องคุณหนูใหญ่เมืองแห่งภูตผีเล่า”“น่าเสียดาย เมืองแห่งภูตผีแห่งนี้ บิดามารดาของเจ้าไปปล้นเขามา มิใช่ของพวกเขามาแต่เดิม ย่อมมิใช่ของเจ้าเช่นกัน”“ถึงเวลาคืนเจ้าของตัวจริงแล้ว”โหยวเซียงจ้องเขม็งนางอย่างโกรธแค้น “เจ้าพูดจาเหลวไหลอะไร! เมืองแห่งภูตผีแห่งนี้เป็นของบิดามารดาข้ามาแต่เดิม!”เมื่อได้ยินดังนั้น ลั่วชิงยวนก็ประหลาดใจ “หรือว่าต่งอวิ๋นซิ่วมิได้บอกความจริงแก่เจ้า”“ก็ถูกแล้ว เรื่องน่าอับอายเช่นนี้ นางจะบอกลูกสาวได้อย่างไร”“เมืองแห่งภูตผีแห่งนี้มิใช่เพียงถูกบิดามารดาเจ้ายึดมาเท่านั้น แต่ยังใช้วิธีการที่น่ารังเกียจในการยึดครองด้วย!”“เดาว่าจนถึงตอนนี้เจ้าก็คงยังมิรู้เลยว่าศัตรูของเจ้าคือผ
โหยวเซียงกัดฟันพูดด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบลั่วชิงยวนมองไปที่อวี๋โหรว หลายวันมานี้อวี๋โหรวผอมซูบไปมาก“เจ้าจับตัวอวี๋โหรวมาเพื่อล่อข้ามาที่นี่รึ?”ลั่วชิงยวนหรี่ตามองโหยวเซียง“แต่เจ้ามิน่าจะมีความสามารถพอที่จะพาอวี๋โหรวออกจากวังหลวงไปได้”“เวินซินถงเป็นคนทำใช่หรือไม่?”“เจ้าทำข้อตกลงอะไรกับนางไว้?”โหยวเซียงหัวเราะเยาะ “อยากรู้รึ?”“คุกเข่าอ้อนวอนข้าสิ”“เจ้าอ้อนวอนข้า ข้าถึงจะบอกเจ้าว่าผู้ใดจับตัวอวี๋โหรวมา และผู้ใดร่วมมือกับข้าวางแผนให้เจ้ามาที่เมืองแห่งภูตผี”ลั่วชิงยวนมองท่าทีหยิ่งยโสของโหยวเซียงแล้วก็อดมิได้ที่จะหัวเราะเบา ๆ นางกวาดสายตามองไปรอบ ๆ แล้วถามว่า “ต่งอวิ๋นซิ่วมิมาด้วยรึ?”“เมื่อครู่นี้คนที่ต่อสู้กับข้าก็คือนางใช่หรือไม่?”เมื่อได้ยินน้ำเสียงเยาะเย้ยของลั่วชิงยวน โหยวเซียงก็โกรธจัด ในใจนางตกใจ ลั่วชิงยวนรู้แล้วหรือว่ามารดาของนางเป็นใคร“สารเลว!”นางบีบคออวี๋โหรวอย่างแรงเพื่อข่มขู่ลั่วชิงยวน “จะคุกเข่าหรือไม่?!”“ลั่วชิงยวน เจ้ามีโอกาสแค่ครั้งเดียว!”“หากเจ้ามิยอมคุกเข่ายอมจำนนแต่โดยดี ข้าจะหักคอนางเดี๋ยวนี้!”กล่าวจบ โหยวเซียงก็ออกแรงบีบบีบจนอวี๋โหรวหาย
ทันทีที่คนใบ้หันมาเห็นจึงรีบเข้ามาย่อตัวลงข้างนางแล้วช่วยประคองนางไว้ลั่วชิงยวนเช็ดเลือดที่มุมปาก ใบหน้าซีดเผือดกว่าเดิม“ข้ามิเป็นอะไร”นางเงยหน้าขึ้นมองอวี๋ตันเฟิ่งที่อยู่กลางอากาศ ในที่สุดจิตวิญญาณของนางก็สมบูรณ์แล้วบนใบหน้าซีดขาวนั้นปรากฏรอยยิ้ม รอยยิ้มนั้นทั้งพึงพอใจและเย่อหยิ่ง“ในที่สุดข้าก็ได้… เป็นอิสระแล้ว! ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า...”อวี๋ตันเฟิ่งหัวเราะลั่น ทำเอาป่าทั้งผืนเกิดพายุโหมกระหน่ำคนใบ้รีบยกมือขึ้นช่วยลั่วชิงยวนปัดป้องฝุ่นและใบไม้ที่ปลิวว่อน......จู่ ๆ ต่งอวิ๋นซิ่วก็กระอักเลือดออกมาเต็มปาก จากนั้นหมดสติล้มลงบนพื้น“ท่านแม่!”โหยวเซียงตกใจ รีบเข้าไปประคองนาง “ท่านแม่! ท่านแม่! ท่านเป็นอะไรไป!”หลังจากตะโกนเรียกอยู่นาน มารดาของนางก็มิฟื้นโหยวเซียงโกรธจนกัดฟันพูด “ลั่วชิงยวน สารเลว!”“เจ้าคอยดูเถอะ!”......ผ่านไปครู่ใหญ่ อวี๋ตันเฟิ่งถึงจะสงบสติอารมณ์ลงได้ลมพายุในป่าก็สงบลงเช่นกันถูหมิงที่อยู่ข้าง ๆ จึงค่อย ๆ ขยับเข้ามาใกล้ฉีเสวี่ยเวยที่ยังคงตกตะลึงมองภาพเหตุการณ์เมื่อครู่ด้วยความมิอยากเชื่อ “เมื่อกี้เกิดอะไรขึ้น?”“ต่อไปพวกเราต้องทำอะไร?”ลั่วชิงยวน