Share

บทที่ 93

Author: หว่านชิงอิ๋น
เป็นเพราะลั่วชิงยวนนั้นขี้ขลาดและไม่มีความมั่นใจในตัวเองทำให้ลั่วเยวี่ยอิงสามารถทำร้ายนางได้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า

ยามนี้ลั่วเยวี่ยอิงมีฟู่เฉินหวนคอยคุ้มครองก็ยิ่งเหิมเกริม หากว่านางไม่ตอบโต้กลับแล้วใครจะมาออกหน้าเรียกร้องความยุติธรรมแทนนางกันเล่า?

ลั่วเยวี่ยอิงนั่นมีแต่คนคอยประคบประหงมและโดดเด่นมาตั้งแต่เกิดและไม่เคยต้องหัวเสียขนาดนี้ นางไม่อยากจะเป็นเหมือนลั่วชิงยวนคนก่อน

ลั่วเยวี่ยอิงจ้องนางอยู่พักหนึ่ง ก่อนที่จะเดินน้ำตาคลอจากไปอย่างโกรธเกรี้ยวคับแค้น

……

เป็นดังคาดว่าไม่นานนัก ก็มีคนมาเชิญให้นางไปที่เรือนของท่านอ๋อง

เมื่อนางไปถึงที่ห้องตำรา ลั่วเยวี่ยอิงก็นั่งอยู่บนเก้าอี้ท่าทางโศกเศร้าอย่างมากราวกับบุพการีตาย

เฉียงเวยนั้นคุกเข่าอยู่ที่พื้นและดูเป็นทุกข์

“ลั่วชิงยวน ข้าบอกเจ้าว่าอย่างไร?” ดวงตาฟู่เฉินหวนฉายแววโทสะ

เขาเตือนนางแล้วว่าไม่ให้รังแกลั่วเยวี่ยอิงอีก

ลั่วชิงยวนยังคงรู้สึกว่า ตนไม่ได้ทำอะไรผิด นางไม่ได้เป็นฝ่ายไปยั่วยุลั่วเยวี่ยอิงและไม่ได้ไปรังแกนาง แต่ว่าเป็นลั่วเยวี่ยอิงที่มาหาเรื่องนางถึงที่ แล้วเช่นนี้จะตำหนินางได้อย่างไร?

แต่นางก็ไม่ได้อธิบายและไม่คิดว่าจะอ้าปากอธิ
Patuloy na basahin ang aklat na ito nang libre
I-scan ang code upang i-download ang App
Locked Chapter

Kaugnay na kabanata

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 94

    ”ท่าน… ร้อย…กลาง… องค์ชาย”จือเฉาอ่านอย่างตั้งใจ แต่คนรอบตัวที่ฟังอยู่ล้วนไม่มีใครฟังเข้าใจฟู่เฉินหวนรู้ได้ในทันทีว่าจือเฉาอ่านอักษรบนนี้ไม่ได้หมดทุกตัวลั่วเยวี่ยอิงยังไม่เข้าใจ นางเพียงคิดว่าเฉียงเวยลงมือหนักนัก ทำให้จือเฉาพูดได้ไม่เป็นภาษาเยี่ยงนี้แถมฟังแทบไม่รู้เรื่องฟู่เฉินหวนนิ่วหน้าและถามเสียงเย็น “จือเฉา ข้าถามเจ้าว่าเจ้าลงนามในหนังสือนี้เพื่อเหตุใด?”จือเฉาตอบอย่างตรงไปตรงมา “กราบทูลท่านอ๋อง บนนี้เขียนว่าการทดลองยานั้นมีความเสี่ยง บ่าวต้องลงนามก่อนถึงจะทำการทดลองได้ เขาบอกว่านี่เป็นกฎเพคะ”สีหน้าฟู่เฉินหวนบิดเบี้ยวดูไม่ได้ กฎเช่นนั้นหรือ? ใครเป็นคนตั้งกฎนี้ขี้นมากัน?“ผู้ใดบอกให้เจ้าลงนามในหนังสือนี้?”“กราบทูลท่านอ๋อง เป็นแม่นางสวีเซียงเซียงจากตำเรือนโอสถเพคะ” จือเฉาตอบอย่างสงบเสงี่ยม “พระชายาทรงบาดเจ็บ บ่าวเลยไปขอโอสถบำรุงโลหิตมาให้ แต่แม่นางสวีเซียงเซียงบอกว่า บ่าวต้องทดสอบยาก่อน ไม่เช่นนั้นนางจะไม่ให้ยาพิเศษกับบ่าวเพคะ”เมื่อได้ยินเช้นนี้ฟู่เฉินหวนก็อดไม่ได้ที่จะกำหมัดแน่นตอนนั้นเองลั่วเยวี่ยอิงถึงได้เข้าใจว่า จือเฉาอ่านหนังสือไม่ออก แล้วเช่นนี้การให้นางลงนามใ

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 95

    ซูโหยวรีบเข้ามาช่วยฟู่เฉินหวน “ท่านอ๋อง เป็นอะไรไปพ่ะย่ะค่ะ?”ฟู่เฉินหวนนั่งอยู่บนเก้าอี้ ในทรวงร้อนรุ่มดั่งไฟสุม หัวก็ปวดแทบระเบิด ความเจ็บปวดนั้นมันมากเกินทนไหว เหมือนว่าหัวจะแตกออกเป็นเสี่ยง“รีบไปตามท่านหมอกู้มาเร็ว”เซียวชูรีบไปตามท่านหมอกู้มา ท่านหมอกู้ตรวจชีพจรดูลิ้นและดาของฟู่เฉินหวน เขาลอบตกใจ ปกติแล้วสุขภาพของฟู่เฉินหวนนั้นแข็งแรงมาโดยตลอด แต่เหตุใดถึงมีคนฉวยโอกาสจากเขาได้ง่ายนัก?“ท่านหมอกู้ ท่านอ๋องเป็นอะไรหรือขอรับ?” ซูโหยวถาม“ไม่มีอะไรร้ายแรงหรอก เพียงท่านอ๋องฉุนเฉียวมากไป และอ่อนล้าจากหลายเรื่อง น่าจะต้องกินยาสักเดือนก็จะฟื้นกำลังมาได้แล้ว” หมอกู้ตอบ“ถ้าอย่างนั้นข้าจะไปกับท่านหมอกู้เพื่อรับยามา” ซูโหยวเดินไปส่งท่านหมอกู้เมื่อเขาหันหลังไป ก็มีรอยยิ้มแฝงนัยปรากฏบนริมฝีปากของหมอกู้ครึ่งชั่วยามต่อมาซูโหยวก็กลับมาพร้อมยา หลังจากที่ฟู่เฉินหวนกินยาเข้าไป อาการปวดหัวของเขาก็ทุเลาลงอย่างมาก“ท่านอ๋อง ช่วงนี้ท่านอ๋องอย่าเพิ่งกังวลกับเรื่องในตำหนักอ๋องดีกว่าพ่ะย่ะค่ะ แม่บ้านเติ้งนั้นรับผิดชอบเรื่องของเรือนชั้นใน กระหม่อมจะดูแลเรื่องอื่น ๆ เอง สุขภาพของท่านอ๋องสำคัญที่ส

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 96

    พิษในร่างจือเฉาโดนถอนออกไปและสามารถรักษาชีวิตไว้ได้ส่วนสวีเซียงเซียงและคนอื่น ๆ จากเรือนโอสถก็โดนขับไล่ออกไป ชุนเยวี่ยซึ่งทำงานในเรือนโอสถได้รับการสนับสนุนจากแม่นมเติ้งเพื่อเป็นการขอบคุณเธอสำหรับคำให้การของนางแม่นมเติ้งนำยาตามใบเทียบยาของลั่วชิงยวนกลับมาให้ และลั่วชิงยวนเองก็นั่งบดยาอยู่“พระชายา บ่าวคิดว่า สวีเซียงเซียงคงมิกล้าคิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นมาเองเป็นแน่ อย่างน้อยก็ภายใต้การดูแลของบ่าว นางมิกล้าประมาทเยี่ยงนี้” แม่นมเติ้งยังคงคิดไม่ตกลั่วชิงยวนยิ้ม “แน่นอนว่านางมิกล้า ข้าถามจือเฉาโดยละเอียดแล้ว นางบอกว่ามีเฉียงเวยเป็นคนคอยชี้นำอยู่”“เช่นนั้นเหตุใดสวีเซียงเซียงจึงไม่เอ่ยถึงเรื่องเฉียงเวยเล่าเจ้าคะ?” แม่นมเติ้งตกใจ“เรื่องนี้ก็เข้าใจได้ไม่ยาก ต้องมีคนอื่นอยู่เบื้องหลังเฉียงเวยซึ่งมอบตำลึงเงินให้สวีเซียงเซียงมากพอที่จะให้นางหุบปากสนิท หรือสวีเซียงเซียงก็อาจโดนผู้นั้นข่มขู่จึงไม่กล้าสารภาพออกมา” นางเดาว่าเรื่องทั้งหมดนี้ต้องเกี่ยวพันกับลั่วเยวี่ยอิงมีเพียงลั่วเยวี่ยอิงเท่านั้นที่จ้องเล่นงานและอยากเห็นนางตาย“บ่าวเข้าใจแล้วเจ้าค่ะ เช่นนั้นพระชายาจะยอมปล่อยวางเรื่องในคราวน

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 97

    เมื่อลั่วเยวี่ยอิงตามมาทัน นางก็เห็นยาที่กลิ้งออกมาจากกล่อง นี่มันยาที่ท่านหมอกู้มอบให้นางเพื่อรักษาแผลมิใช่รึ? ยาพวกนี้ทำจากเครื่องยาสมุนไพรที่ล้ำค่าทั้งนั้น นางยังรู้มาอีกว่า ยาพวกนี้จะช่วยให้บาดแผลบนใบหน้าของนางไม่เป็นรอยแผลเป็น“ลั่วชิงยวน นี่เจ้ามาขโมยยาของข้าสินะ” ลั่วเยวี่ยอิงเข้าใจได้ในทันที นางจะต้องมาขโมยยานี้เพื่อเอาไปรักษานางบ่าวไร้ค่าจือเฉานั่นเป็นแน่สารเลวนัก ข้าวของของนาง ทาสไร้ค่าคู่ควรมาแตะต้องหรือ?เมื่อโดนจับได้ ลั่วชิงยวนก็ยิ่งตื่นตระหนก นางรีบคว้ากล่องยาแล้ววิ่งหนีต่อลั่วเยวี่ยอิงกัดฟันกรอดแล้วรีบไล่ตาม“หยุดนะ”ลั่วชิงยวนนั้นตื่นตระหนกเหมือนโจรที่โดนไล่ตามจับ นางวิ่งสุดฝีเท้าจนหอบหายใจแทบไม่ทัน ลั่วเยวี่ยอิงเองก็ตามนางมาไม่ลดละจนมาถึงเรือนเล็กลั่วชิงยวนเกือบจะล้มกลิ้งไปแล้ว นางโผเข้าหาจือเฉาแล้วรีบเปิดกล่องยา ละล่ำละลักพูดว่า “เร็วเข้า จือเฉารีบกินเร็ว”จือเฉาหยิบยาขึ้นมาพร้อมอ้าปากเตรียมกลืนลงไปลั่วเยวี่ยอิงรุดตามมาและไม่รอช้ายกมือขึ้นฟาดอย่างแรงจนเม็ดยากระเด็นร่วงจากมือจือเฉาเม็ดยานั้นกลิ้งไปตามแผ่นหินปูทางเดิน ลั่วชิงยวนรีบพุ่งตัวตามไปเก็บ มีหรือ

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 98

    ในสวน แม่นมเติ้งและคนอื่น ๆ ต่างก็พากันอึ้งงัน พวกเขาไม่คิดว่าวิธีการที่พระชายาใช้จะทำให้ลั่วเยวี่ยอิงฉวยยานั้นขึ้นมาแล้วกินลงไปเองหากว่ามีปัญหาอะไรเกิดขึ้นกับอาการบาดเจ็บของลั่วเยวี่ยอิง ก็ไม่มีอันใดที่เกี่ยวข้องกับพระชายาทั้งสิ้น ในสายตาของทุกคนเห็นว่า ลั่วเยวี่ยอิงนั้นเป็นฝ่ายที่แย่งชิงยาไปกินเองแม่นมเติ้งห็นว่า งานที่แสนยากนั้นเมื่ออยู่ในมือพระชายาก็สำเร็จได้อย่างง่ายดาย นางไม่เพียงเล่นลูกไม้กับลั่วเยวี่ยอิง ทำตามแผนได้สำเร็จและยังได้แก้แค้นอีกด้วย นี่มันน่าพึงพอใจยิ่งนักนางยิ่งรู้สึกชื่นชมพระชายามากขึ้นหากว่าไม่ใช่เพราะเป็นการไม่สะดวกที่จะพูดคุยกันตรงนี้ นางก็คงจะเอ่ยชื่นชมพระชายาออกมาแล้วที่ทางเดินนอกสวน ฟู่เฉินหวนเองก็แอบยืนมองอยู่เงียบ ๆเด็กรับใช้อดไม่ได้ที่จะบอกว่า “กระหม่อมคิดว่า พระชายาโดนคุณหนูรองลั่วเล่นงานเสียอีก ไม่คาดเลยว่าแท้จริงเป็นพระชายาที่วางแผนเล่นงานคุณหนูรองลั่ว”แววตาสงบนิ่งของฟู่เฉินหวนเกิดคลื่นระลอกหนึ่ง ในดวงตาฉายแววคมกล้า เขายิ้ม “ข้ากลัวว่านางไม่ได้มีเจตนาเพียงแค่จะกลั่นแกล้งคุณหนูรองลั่วเท่านั้นหรอก”“ข้าไม่คิดมาก่อนว่า บุตรสาวสายตรงที่ไร้ค่

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 99

    ลั่วชิงยวนตอบโดยไม่คิดมาก “หากว่าเขาเป็นที่เคารพอย่างสูงเช่นนั้น เขาก็คงไม่สนใจว่าของขวัญจะสูงค่าหรือไม่ หากแต่ต้องมอบให้ด้วยใจ”“หากว่าท่านอยากให้ท่านมหาราชครูลั่วพอใจท่าน ก็ต้องย่อมหาของที่เขาชมชอบ หากว่าเขาชอบอะไรแล้วยังไม่มีของสิ่งนั้น หม่อมฉันก็จะมอบของสิ่งนั้นให้เขา”ลั่วชิงยวนก็คิดว่าตนควรจะไปร่วมงานฉลองวันเกิดนี้ดีหรือไม่บางทีอาจจะมีโอกาสดี ๆ รอนางอยู่ก็เป็นได้นางไม่สามารถทุ่มเทลงพนันที่ฟู่เฉินหวนคนเดียวได้แล้วตอนนี้ทันใดนั้นก็มีเสียงก่นด่าดังใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ ลั่วชิงยวนมองตามเสียงไปก็เห็นลั่วเยวี่ยอิงเดินจูงมือมากับหญิงสาวงดงามผู้หนึ่ง“น่าแปลกนัก ที่เดี๋ยวนี้คางคกเองก็ทะยานไปเกาะยอดไม้ได้ แสดงว่าเจ้าอ่อนแอเลยโดนรังแกเอาได้ หากว่าเป็นข้า ข้าจะถลกหนังคางคกนั่นแล้วเอาไปทอดในกระทะเสียเลย”“หากว่ามันทะยานไปเกาะยอดไม้ แล้วจะยังนับว่าเป็นคางคกอยู่ไหม? หรืออาจจะเป็นคางคกมีปีก เจ้าคิดว่าตัวอะไรก็จะกลายร่างเป็นหงส์ได้ทั้งหมดเช่นนั้นหรือไร?”ขณะที่พูดเช่นนั้น พวกนางก็เดินเข้ามาในสวนหญิงสาวผู้นั้นสวมกระโปรงสีชมพู นางดูงดงามและเฉลียวฉลาดทว่าเด็มไปด้วยโทสะ นางมองลั่วชิงยวนด

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 100

    ”บ้านเจ้าน่ะสิ ที่มีวิญญาณร้าย!”หลังจากที่พูดออกมาแล้ว ลั่วอวิ๋นซีก็วิ่งหนีไปอย่างโกรธเกรี้ยว นางดูเหมือนว่าโมโหอย่างมากแต่ลั่วชิงยวนเข้าใจดีว่าที่จริงแล้วนางเพียงหนีไปเพราะความกลัว“อวิ๋นซี อวิ๋นซี” ลั่วเยวี่ยอิงตื่นตระหนกเล็กน้อย นี่แม้แต้ลั่วอวิ๋นซีก็ไม่อาจจัดการลั่วชิงยวนได้หรือนางถลึงตามองลั่วชิงยวนอย่างเกลียดชังและรีบวิ่งตามลั่วอวิ๋นซีไปลั่วชิงยวนนั่งลงช้า ๆ นางนิ่วหน้าเล็กน้อยและครุ่นคิดการที่ใช้คำพูดไม่กี่คำขู่ให้ลั่วอวิ๋นซีกลัวจนหนีไปนั้นไม่ได้เป็นเรื่องง่าย จะต้องมีเรื่องร้ายแรงบางอย่างเกิดขึ้นที่จวนของนางเป็นแน่ นั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้นางหวาดกลัวเพียงนั้น“อะแฮ่ม… ชิงยวน ที่เจ้าพูดเมื่อกี้นี้จริงเหรอ? นางเป็นหลานสาวของอารองของเจ้า มหาราชครูลั่ว แล้วในจวนของมหาราชครูลั่ว…” ฟู่อวิ๋นโจวดูกังวลนั่นสินะลั่วอวิ๋นซีคนนี้เป็นหลานสาวของมหาราชครูลั่วและก็เป็นลูกพี่ลูกน้องของนางเองเมื่อเป็นเช่นนี้ ลั่วชิงยวนจึงรู้สึกกังวลเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นที่จวนของอารองขึ้นมาในร่างกายของลั่วอวิ๋นซีนั้นมีพลังหยินนางหัวเราะเบา ๆ “ท่านถือเป็นจริงเป็นจังด้วยรึ? ข้าก็เพียงตั้ง

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 101

    หลังอาหารเที่ยง ลั่วชิงยวนก็พาแม่นมเติ้งออกจากตำหนักอ๋อง ทิ้งให้จือเฉาคอยอยู่เฝ้าเรือน“พระชายา หากว่าท่านต้องการหาของกำนัลวันเกิดให้กับท่านมหาราชครูลั่ว ของนั้นต้องพิถีพิถันหน่อยเจ้าค่ะ ไยเราถึงไม่ไปลองดูของล้ำค่าที่ศาลาทรัพย์สุขาวดีล่ะเจ้าคะ? เพราะอย่างไรก็ลงบัญชีของตำหนักอ๋องไว้”“มิต้องหรอก ของกำนัลที่ข้าจะให้ต้องไม่ใช้เงินของฟู่เฉินหวน”นางไม่อยากให้มีคนมาตำหนิเอาได้ในอนาคต“เราไปที่จวนมหาราชครูดูก่อนดีกว่า”หากว่ามีสิ่งที่เป็นปัญหาที่จวนมหาราชครู การช่วยกำจัดภัยนั้นก็ต้องมีค่ามากกว่าของล้ำค่าจากศาลาทรัพย์สุขาวดีแน่หลังจากที่ต้องผ่านตลาดอันแสนจอแจมา พวกนางก็มาถึงถนนสวีสี่ที่เงียบสงบ นางก็มองเห็นจวนมหาราชครูที่ใหญ่โตตอนนั้นบิดาของนางท่านอัครเสนาบดีก็ยืนอยู่ที่หน้าจวนมหาราชครูด้านหลังของเขาก็มีนักพรตเต๋าที่สวนชุดคลุมแบบนักบวชลัทธิเต๋าอยู่“น้องหญิงหรง เจ้าลองดูก่อน นี่มิใช่เรื่องหลอกลวงต้มตุ๋นแน่ ช่วงนี้ในจวนมีเรื่องแปลก ๆ เกิดขึ้นมากมาย ต้องมีสิ่งใดที่ไม่ดีอยู่เป็นแน่” ลั่วไห่ผิงแนะนำอย่างจริงใจสตรีที่ดูมีสง่าราศีตรงหน้าประตูนั้นมีท่าทางดุร้ายและไม่อาจรับมือได้โดยง่าย

Pinakabagong kabanata

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1422

    ร่างที่ไร้ศีรษะร่างหนึ่งถือกระบี่เดินเข้ามาหาลั่วชิงยวน โซ่เหล็กด้านหลังลากคนสามคนไว้แม้จะออกแรงสุดกำลังแล้วก็ยังฉุดรั้งโหยวจิ้งเฉิงไว้มิได้แต่ร่างของโหยวจิ้งเฉิงในตอนนี้ไม่มีศีรษะแล้ว ยากที่จะควบคุมร่างกายได้ลั่วชิงยวนถือกระบี่เงื้อฟันไปยังร่างของฝูเหมิ่ง เช่นเดียวกับตอนที่โหยวจิ้งเฉิงตัดแขนขาของอวี๋ตันเฟิ่งนางกำลังแก้แค้นและระบายความแค้นอย่างบ้าคลั่งตัดแขนของเขาขาดทีละข้างกระบี่ห้วงสวรรค์ร่วงลงสู่พื้นไปพร้อมกับแขนจากนั้นขาทั้งสองข้างของเขาก็ขาดกระเด็นอวี๋ตันเฟิ่งอาละวาดแก้แค้นอย่างบ้าคลั่งเมื่อมองไปยังซากศพที่กองอยู่บนพื้น ดวงตาของลั่วชิงยวนก็ราวกับถูกย้อมไปด้วยสีแดงฉานใต้หล้าเต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือดทั้งสามที่อยู่มิไกลต่างตกตะลึงมิเคยเห็นฉากที่นองเลือดเช่นนี้มาก่อนแต่ถึงแม้ร่างกายจะแหลกละเอียด โหยวจิ้งเฉิงก็ยังมิตายทันใดนั้นมีร่างหนึ่งพุ่งออกมาจากซากศพ แล้วลอยละลิ่วไปอวี๋ตันเฟิ่งกรีดร้องแหลม “โหยวจิ้งเฉิง เจ้าอย่าหวังว่าจะหนีไปไหนได้อีก! ข้าจะทำให้เจ้ามิได้ผุดได้เกิด!”พลังในร่างของนางพลันเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เกิดเป็นลมพายุโหมกระหน่ำ ลั่วชิงยวนรู้สึกราว

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1421

    ใบหน้านั้นบ่งบอกชัดเจนว่าเป็นโหยวจิ้งเฉิง“ต่อไปก็ถึงตาพวกเจ้าแล้ว” เขาเอ่ยด้วยเสียงแหบแห้งเย็นเยือกโฉวสือชีกำกระบี่ในมือแน่น ปกป้องคนใบ้และอวี๋โหรวไว้ส่วนลั่วชิงยวนค่อย ๆ ก้าวเท้าไปข้างหน้าในดวงตาค่อย ๆ ก่อเกิดจิตสังหารนางหลับตาลง แล้วกล่าวว่า “อวี๋ตันเฟิ่ง ไปแก้แค้นของเจ้าเถิด”ลั่วชิงยวนมอบร่างของตนให้อวี๋ตันเฟิ่งโดยสมบูรณ์เมื่อลืมตาขึ้นอีกครั้ง ใบหน้าของนางยังคงเป็นใบหน้าเดิม เพียงแต่แววตานั้นกลับดุดันยิ่งนัก ดวงตาสีแดงก่ำเต็มไปด้วยความแค้นเสียงของอวี๋ตันเฟิ่งดังขึ้น “โหยวจิ้งเฉิง ความแค้นระหว่างข้ากับเจ้า วันนี้ถึงคราวสะสางแล้ว”“สิบกว่าปีที่ผ่านมา ข้าคิดอยู่ตลอดเวลาว่าจะฉีกร่างเจ้าเป็นชิ้น ๆ อย่างไรถึงจะสาสมกับความแค้นในใจข้า”“แต่คาดมิถึงว่าเจ้าจะตายไปแล้ว”“แต่ก็มิเป็นไร วันนี้ข้าจะฉีกร่างเจ้าให้เป็นชิ้น ๆ ให้ได้!”เมื่อกล่าวจบ ลั่วชิงยวนก็กระโจนเข้าไปเสียงอาวุธปะทะกันอย่างรุนแรงดังขึ้นแต่ในเวลานี้เอง โหยวจิ้งเฉิงก็พุ่งไปยังกำแพง คว้ากระบี่ห้วงสวรรค์มาได้ จากนั้นกระโจนออกนอกห้องไปอวี๋ตันเฟิ่งรีบไล่ตามไปสีหน้าคนใบ้เปลี่ยนไป กระบี่ห้วงสวรรค์! หากฝูเหมิ่ง

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1420

    ต่งอวิ๋นซิ่วตกใจจนหน้าซีดเผือด รีบยกมือขึ้นมาป้องกัน แล้วต่อสู้กับฝูเหมิ่งแต่พลังในตอนนี้ของต่งอวิ๋นซิ่วเทียบกับฝูเหมิ่งแล้วยังอ่อนแอกว่ามากนักสุดท้ายก็ถูกฝูเหมิ่งบีบคอไว้แน่นลั่วชิงยวนเห็นชัดเจนว่าในร่างของฝูเหมิ่งตอนนี้คือโหยวจิ้งเฉิง!เขาเป็นบ้าไปแล้วหรือ? เขาจะฆ่าต่งอวิ๋นซิ่วภรรยาของตนหรือ?เมื่อเห็นดังนั้น โหยวเซียงก็ชักกระบี่พุ่งเข้าไปหมายจะช่วยต่งอวิ๋นซิ่ว แต่ฝูเหมิ่งกลับมิหลบเลยแม้แต่น้อย ปล่อยให้กระบี่ในมือนางแทงทะลุร่างจากนั้นฝูเหมิ่งก็ฟาดมือไปทีหนึ่ง โหยวเซียงจึงกระเด็นปลิวไปโหยวเซียงกระอักเลือดออกมาต่งอวิ๋นซิ่วร้อนใจยิ่งนัก “เซียงเอ๋อร์ มิต้องสนใจแม่ รีบหนีไป!”โหยวเซียงจะทนมองดูมารดาของตนถูกฆ่าได้อย่างไร นางพยายามลุกขึ้นมาสู้ต่อแต่ฝูเหมิ่งกลับมองโหยวเซียงอย่างดุดัน แล้วกล่าวขู่ “คนที่ข้าต้องการฆ่ามีเพียงต่งอวิ๋นซิ่วเท่านั้น เจ้าจงหลีกไป”“มิเช่นนั้นอย่าหาว่าข้ามิเห็นแก่ความเป็นพ่อลูก”เมื่อได้ยินดังนั้น โหยวเซียงก็ตกใจจนยืนอึ้งไปกับที่ แล้วกล่าวเสียงสั่นเครือ “พ่อ… พ่อลูกหรือ?”ตอนนี้เสียงของฝูเหมิ่งก็มิใช่เสียงของฝูเหมิ่งอีกต่อไปแล้วเมื่อต่งอวิ๋นซิ่ว

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1419

    ขณะนี้เอง โหยวเซียงก็ฉวยโอกาสหลบหนีจากมือของลั่วชิงยวนไปได้ต่งอวิ๋นซิ่วมองพวกเขาอย่างเย็นชา “ในเมื่อมาถึงที่นี่แล้วก็เตรียมตัวตายได้เลย!”ทันใดนั้นบนคานเรือนก็ปรากฏชายชุดดำจำนวนมากพร้อมถือหน้าไม้เล็งมาที่พวกเขาลูกดอกอันคมกริบประกายแสงเย็นลั่วชิงยวนยกยิ้มมุมปาก หัวเราะอย่างเย็นชา “ดูเหมือนว่าเจ้าจะเตรียมการมาอย่างดี ตอนนี้พวกข้าคงหนีออกจากห้องนี้ไปมิได้แล้วใช่หรือไม่?”ลั่วชิงยวนสังเกตประตูห้อง รวมถึงผนังห้องทุกด้าน แล้วพบว่ามีกลไกบนประตูเหนือศีรษะ ต่งอวิ๋นซิ่วหัวเราะเบา ๆ “แน่นอน นี่คือห้องกลไกที่สร้างขึ้นมาเพื่อรับมือพวกเจ้าที่บุกรุกเข้ามาบนเขา”“วันนี้พวกเจ้าอย่าหวังว่าจะได้ออกไปแม้แต่คนเดียว!”ลั่วชิงยวนจับกระบี่ห้วงสวรรค์แน่นแล้วพุ่งไปที่กลไกจุดหนึ่งบนผนังห้อง ฟาดฟันกระบี่ลงไปอย่างแรงต่งอวิ๋นซิ่วรีบดึงโหยวเซียงหลบหลีกไปแต่ใครเล่าจะรู้ว่าลั่วชิงยวนมิได้โจมตีพวกนาง แต่กลับฟันกลไกบนผนังห้องทำให้ประตูห้องลงกลอนอย่างสมบูรณ์เมื่อเห็นเช่นนั้น ต่งอวิ๋นซิ่วก็หัวเราะเยาะ “เจ้าช่างรนหาที่ตายยิ่งนัก”ลั่วชิงยวนยกยิ้มอย่างมีความหมาย “เช่นนั้นรึ? ยังมิรู้เลยว่าใครกันแน่ที่จะ

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1418

    ร่างที่เดินออกมาจากฝูงชนนั้นมีท่าทางคุกคามยิ่งนักลั่วชิงยวนหรี่ตาลงเล็กน้อย นั่นคือสตรีที่นางเห็นในความทรงจำของอวี๋ตันเฟิ่งต่งอวิ๋นซิ่ว!โหยวเซียงดิ้นรนพลางเงยหน้ามองต่งอวิ๋นซิ่วด้วยดวงตาแดงก่ำ “ท่านแม่… เป็นความผิดของลูกเองที่ปล่อยให้พวกมันขึ้นเขามาได้”หากมิใช่เพราะลั่วชิงยวนรู้ทางลับของวัดร้างแห่งนั้น พวกนางคงไม่มีทางขึ้นเขามาได้ง่ายดายถึงเพียงนี้!ต่งอวิ๋นซิ่วมองด้วยความเจ็บปวดแล้วตวาดใส่ลั่วชิงยวน “ปล่อยลูกสาวข้าเดี๋ยวนี้! มิเช่นนั้นข้าจะทำให้พวกเจ้าตายเยี่ยงไร้ที่ฝัง!”ลั่วชิงยวนหัวเราะเบา ๆ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงดูถูกเหยียดหยาม “เมื่อคืนยังพยายามทำลายวิญญาณที่เหลือของอวี๋ตันเฟิ่งอยู่เลย วันนี้เจ้าลืมไปแล้วหรือว่าศัตรูของเจ้าคือใคร?”“ใครกันแน่ที่จะตายแบบไร้ที่ฝัง ยังบอกมิได้หรอก”เมื่อได้ยินดังนั้น ต่งอวิ๋นซิ่วก็สะดุ้งเฮือก สีหน้าเปลี่ยนไปอย่างมากท่าทางของนางดูตึงเครียดขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด แต่ก็ยังพยายามซ่อนไว้ได้ดีนางมองลั่วชิงยวนอย่างใจเย็น แล้วกล่าวว่า “ในเมื่อพวกเจ้ามาถึงเมืองแห่งภูตผี ก็คงต้องการของล้ำค่าของเมืองแห่งภูตผีสินะ”“พวกเจ้าอยากได้อะไร ข้าสามารถให้เจ

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1417

    นางปฏิเสธอย่างหนักแน่นลั่วชิงยวนกลับยกยิ้มอย่างพึงพอใจแล้วค่อย ๆ ลุกขึ้น “พานางไปด้วย ไปวัดร้าง!”พวกเนางมุ่งหน้าไปทางทิศใต้ โหยวเซียงดิ้นรนตลอดทาง แต่โฉวสือชีและคนใบ้จ้องมองทุกการกระทำของนางอย่างใกล้ชิด มิเปิดโอกาสให้นางหลบหนีไปได้แม้แต่น้อยเมื่อเดินไปได้ไกลมากพอสมควร เสียงไก่ขันยามรุ่งอรุณก็ดังขึ้นแล้วในที่สุดพวกเขาก็มาถึงวัดร้างแห่งนั้นในวัดร้างมีพระพุทธรูปที่เป็นซากปรักหักพังล้มลงบนพื้น ดูเหมือนว่าที่นี่จะไม่มีใครมานานแล้วเมื่อมองหาอย่างละเอียดก็พบรอยเท้าบนพื้นลั่วชิงยวนมั่นใจยิ่งขึ้น นี่คือสถานที่ที่ถูกต้อง!โหยวเซียงจ้องมองทุกการกระทำของลั่วชิงยวนอย่างกระวนกระวาย เกรงว่าลั่วชิงยวนจะพบกลไกเข้าแต่ลั่วชิงยวนกลับสังเกตปฏิกิริยาของโหยวเซียง ค่อย ๆ เดินไปในแต่ละที่โดยอาศัยการสังเกตปฏิกิริยาโหยวเซียงสุดท้ายลั่วชิงยวนจึงเพ่งเล็งไปที่ผนังด้านหนึ่งแล้วเริ่มค้นหากลไกเสียงเปิดกลไกดังแกร๊กดังขึ้นประตูบานหนึ่งบนพื้นพลันเปิดออกหลังจากที่ลั่วชิงยวนเปิดประตูแล้วก็พบว่าด้านล่างยังมีประตูอีกบานหนึ่ง และบนนั้นก็มีกลไกเช่นกันแต่สำหรับลั่วชิงยวนแล้วเรื่องนี้ง่ายมากเมื่อประต

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1416

    “เจ้ารีบอะไรนักหนา รอมาตั้งนานแล้ว รออีกสักหน่อยจะเป็นกระไร”เมื่อได้ยินดังนั้น อวี๋ตันเฟิ่งก็หยุดมือลั่วชิงยวนเดินเข้าไปคว้าตัวโหยวเซียงไว้ให้โฉวสือชีมัดนางไว้แน่นหนา จากนั้นจึงปลุกโหยวเซียงให้ฟื้นขึ้นมาเมื่อฟื้นคืนสติ โหยวเซียงก็จ้องหน้าลั่วชิงยวนเขม็งอย่างโกรธแค้น “เจ้ากล้าจับข้า เจ้าคอยดูเถอะว่าจะตายอย่างไร!”ลั่วชิงยวนย่อตัวลงนั่งตรงหน้านาง แล้วหัวเราะเบา ๆ “ใช่แล้ว ใครจะกล้าแตะต้องคุณหนูใหญ่เมืองแห่งภูตผีเล่า”“น่าเสียดาย เมืองแห่งภูตผีแห่งนี้ บิดามารดาของเจ้าไปปล้นเขามา มิใช่ของพวกเขามาแต่เดิม ย่อมมิใช่ของเจ้าเช่นกัน”“ถึงเวลาคืนเจ้าของตัวจริงแล้ว”โหยวเซียงจ้องเขม็งนางอย่างโกรธแค้น “เจ้าพูดจาเหลวไหลอะไร! เมืองแห่งภูตผีแห่งนี้เป็นของบิดามารดาข้ามาแต่เดิม!”เมื่อได้ยินดังนั้น ลั่วชิงยวนก็ประหลาดใจ “หรือว่าต่งอวิ๋นซิ่วมิได้บอกความจริงแก่เจ้า”“ก็ถูกแล้ว เรื่องน่าอับอายเช่นนี้ นางจะบอกลูกสาวได้อย่างไร”“เมืองแห่งภูตผีแห่งนี้มิใช่เพียงถูกบิดามารดาเจ้ายึดมาเท่านั้น แต่ยังใช้วิธีการที่น่ารังเกียจในการยึดครองด้วย!”“เดาว่าจนถึงตอนนี้เจ้าก็คงยังมิรู้เลยว่าศัตรูของเจ้าคือผ

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1415

    โหยวเซียงกัดฟันพูดด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบลั่วชิงยวนมองไปที่อวี๋โหรว หลายวันมานี้อวี๋โหรวผอมซูบไปมาก“เจ้าจับตัวอวี๋โหรวมาเพื่อล่อข้ามาที่นี่รึ?”ลั่วชิงยวนหรี่ตามองโหยวเซียง“แต่เจ้ามิน่าจะมีความสามารถพอที่จะพาอวี๋โหรวออกจากวังหลวงไปได้”“เวินซินถงเป็นคนทำใช่หรือไม่?”“เจ้าทำข้อตกลงอะไรกับนางไว้?”โหยวเซียงหัวเราะเยาะ “อยากรู้รึ?”“คุกเข่าอ้อนวอนข้าสิ”“เจ้าอ้อนวอนข้า ข้าถึงจะบอกเจ้าว่าผู้ใดจับตัวอวี๋โหรวมา และผู้ใดร่วมมือกับข้าวางแผนให้เจ้ามาที่เมืองแห่งภูตผี”ลั่วชิงยวนมองท่าทีหยิ่งยโสของโหยวเซียงแล้วก็อดมิได้ที่จะหัวเราะเบา ๆ นางกวาดสายตามองไปรอบ ๆ แล้วถามว่า “ต่งอวิ๋นซิ่วมิมาด้วยรึ?”“เมื่อครู่นี้คนที่ต่อสู้กับข้าก็คือนางใช่หรือไม่?”เมื่อได้ยินน้ำเสียงเยาะเย้ยของลั่วชิงยวน โหยวเซียงก็โกรธจัด ในใจนางตกใจ ลั่วชิงยวนรู้แล้วหรือว่ามารดาของนางเป็นใคร“สารเลว!”นางบีบคออวี๋โหรวอย่างแรงเพื่อข่มขู่ลั่วชิงยวน “จะคุกเข่าหรือไม่?!”“ลั่วชิงยวน เจ้ามีโอกาสแค่ครั้งเดียว!”“หากเจ้ามิยอมคุกเข่ายอมจำนนแต่โดยดี ข้าจะหักคอนางเดี๋ยวนี้!”กล่าวจบ โหยวเซียงก็ออกแรงบีบบีบจนอวี๋โหรวหาย

  • ยอดหญิงแห่งเทียนเชวีย   บทที่ 1414

    ทันทีที่คนใบ้หันมาเห็นจึงรีบเข้ามาย่อตัวลงข้างนางแล้วช่วยประคองนางไว้ลั่วชิงยวนเช็ดเลือดที่มุมปาก ใบหน้าซีดเผือดกว่าเดิม“ข้ามิเป็นอะไร”นางเงยหน้าขึ้นมองอวี๋ตันเฟิ่งที่อยู่กลางอากาศ ในที่สุดจิตวิญญาณของนางก็สมบูรณ์แล้วบนใบหน้าซีดขาวนั้นปรากฏรอยยิ้ม รอยยิ้มนั้นทั้งพึงพอใจและเย่อหยิ่ง“ในที่สุดข้าก็ได้… เป็นอิสระแล้ว! ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า...”อวี๋ตันเฟิ่งหัวเราะลั่น ทำเอาป่าทั้งผืนเกิดพายุโหมกระหน่ำคนใบ้รีบยกมือขึ้นช่วยลั่วชิงยวนปัดป้องฝุ่นและใบไม้ที่ปลิวว่อน......จู่ ๆ ต่งอวิ๋นซิ่วก็กระอักเลือดออกมาเต็มปาก จากนั้นหมดสติล้มลงบนพื้น“ท่านแม่!”โหยวเซียงตกใจ รีบเข้าไปประคองนาง “ท่านแม่! ท่านแม่! ท่านเป็นอะไรไป!”หลังจากตะโกนเรียกอยู่นาน มารดาของนางก็มิฟื้นโหยวเซียงโกรธจนกัดฟันพูด “ลั่วชิงยวน สารเลว!”“เจ้าคอยดูเถอะ!”......ผ่านไปครู่ใหญ่ อวี๋ตันเฟิ่งถึงจะสงบสติอารมณ์ลงได้ลมพายุในป่าก็สงบลงเช่นกันถูหมิงที่อยู่ข้าง ๆ จึงค่อย ๆ ขยับเข้ามาใกล้ฉีเสวี่ยเวยที่ยังคงตกตะลึงมองภาพเหตุการณ์เมื่อครู่ด้วยความมิอยากเชื่อ “เมื่อกี้เกิดอะไรขึ้น?”“ต่อไปพวกเราต้องทำอะไร?”ลั่วชิงยวน

Galugarin at basahin ang magagandang nobela
Libreng basahin ang magagandang nobela sa GoodNovel app. I-download ang mga librong gusto mo at basahin kahit saan at anumang oras.
Libreng basahin ang mga aklat sa app
I-scan ang code para mabasa sa App
DMCA.com Protection Status