นางเตะฟ่านซานเหออย่างแรงมิหยุด การทุบตีทำให้เขาต้องก้มหัวและขอความเมตตาหนีออกจากห้องไปทันทีลั่วชิงยวนไล่ตามเขาไปอย่างไม่ลดละ ทั้งต่อยและเตะเขาอย่างดุเดือดนางมิพูดอะไรเพราะนางสวมชุดดำและปิดหน้าปิดตาตนไว้แล้ว“มีคนอยู่ไหม! มีใครอยู่บ้าง!” ฟ่านซานเหอร้องขอความช่วยเหลือด้วยความตื่นตระหนกลั่วชิงยวนเตะฟ่านซานเหออย่างแรง ศีรษะกระแทกพื้นจนสลบไปไอ้สารเลว!ลั่วชิงยวนโกรธอย่างกับตัวเองถูกรังแกเสียเองนางเตะฟ่านซานเหออีกหลายครั้ง ก่อนลากเขาออกจากลานบ้านแล้วโยนเขาเข้าไปในทางเดินด้านในจากนั้นนางก็รีบกลับไปที่เรือนของลั่วหลางหลางลั่วหลางหลางยืนอยู่ที่ประตู มองดูนางอย่างประหม่าและสับสน “เจ้า…”ลั่วชิงยวนถอดผ้าคลุมหน้าออกแล้วพูดว่า “ข้าเอง”ลั่วหลางหลางสะดุ้ง และทันใดนั้นดวงตาของนางก็เปลี่ยนเป็นสีแดง นางเดินเข้ามากอด ซบลงบนไหล่ของลั่วชิงยวน รู้สึกเสียใจเล็กน้อย แต่นางกลั้นน้ำตาไว้และมิปล่อยให้น้ำตาไหลออกมาลั่วชิงยวนลูบหลังลั่วหลางหลาง มิรู้ว่าจะปลอบนางอย่างไรดีหลังจากนั้นไม่นาน อารมณ์ของลั่วหลางหลางก็ค่อย ๆ สงบลง จากนั้นนางก็ดึงลั่วชิงยวนเข้าไปในห้องแล้วปิดประตู“ไฉนเจ้าจึงแ
ทันทีที่คำพูดเหล่านี้หลุดออกมา ลั่วชิงยวนก็ตกใจ “เหตุใดเจ้าจึงพูดเช่นนั้น?”ลั่วหลางหลางส่ายหัวด้วยความสับสน “ข้าเองก็มิรู้”“ข้าแค่รู้สึกว่า ตั้งแต่มาถึงซีหยาง หลาย ๆ อย่างก็เริ่มแปลกไป”“ร่างกายของข้าเองก็เหมือนจะมีการเปลี่ยนแปลง แต่ข้าก็มิเข้าใจว่ามันเกิดอะไรขึ้น”“ตอนที่เราอยู่ที่เมืองหลวง เจ้าก็เห็นว่าเขาใจดีกับข้ามาก เขาเป็นคนจิตใจดี นี่คือสิ่งที่เขาถูกสอนมาตั้งแต่เด็ก ถึงเขาจะเมา แต่เขามิเคยไร้สติขนาดนี้เลย”“ข้ารู้สึกว่าเขาเปลี่ยนไป”“ชิงยวน ดูบ้านตระกูลฟ่านทีสิ มีอะไรผิดปกติหรือไม่?”เดิมทีลั่วหลางหลางมิต้องการพูดคำเหล่านี้เพราะลั่วชิงยวนกับท่านอ๋องเพิ่งจะรักใคร่กันอย่างมีความสุข นางมิอยากทำให้ลั่วชิงยวนลำบากแต่คืนนี้เกิดเรื่องขึ้นจนลั่วชิงยวนมาพบเข้า ดังนั้นนางจึงตัดสินใจพูดออกมาลั่วชิงยวนขมวดคิ้วและคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นพูดว่า “ข้าจะลองหาจังหวะดู”“แต่ตระกูลฟ่านอันตรายเกินไปสำหรับเจ้า ไปพักกับข้าที่โรงเตี๊ยมเถิด”ลั่วหลางหลางปฏิเสธอย่างรวดเร็ว “แบบนั้นมิได้หรอก เจ้ากับท่านอ๋อง..."ลั่วชิงยวนเพียงแค่โน้มตัวเข้าไปในหูของนางแล้วกระซิบ “คราวนี้เรามีสิ่งอื่นที่ต
ลั่วชิงยวนมาที่ห้องของลั่วหลางหลางและถามถึงคนคนหนึ่ง “เจ้ารู้จักหลิ่วซิ่งเอ๋อร์จากหออี้ชุนหรือไม่?”ในวันแรกที่ตนไปบ้านตระกูลฟ่าน ครั้นได้พบกับเฉินซวนอี๋ นางได้กล่าวถึงบุคคลนี้การแสดงออกของลั่วหลางหลางเปลี่ยนไปเล็กน้อย “ไฉนเจ้าจึงรู้เกี่ยวกับนางด้วย?”ลั่วชิงยวนขมวดคิ้ว “ฟ่านซานเหอเคยไปหอนางโลมมาหรือไม่?”ลั่วหลางหลางดูเศร้าและอธิบายช้า ๆ“หลิ่วซิ่งเอ๋อร์และฟ่านซานเหอพบกันก่อนเฉินซวนอี๋เสียอีก ข้ามิอยากนอนกับเขาก็เพราะเหตุนี้”ลั่วหลางหลางพูดพร้อมกับจับชายกระโปรงของนางโดยมิรู้ตัวมันน่าอายเหลือเกินที่ต้องพูดคำเหล่านี้จากปากของนางเมื่อได้ยินสิ่งนี้ ความโกรธในใจของลั่วชิงยวนก็ปะทุขึ้นมาอีกครั้ง “ตอนที่เขามาที่ซีหยางครั้งแรก เขาไปที่หอนางโลมหรือ?”ลั่วหลางหลางตอบว่า “หออี้ชุนเป็นหอนางโลมที่ใหญ่ที่สุดในซีหยาง นักร้องและนักเต้นล้วนน่าทึ่ง เขาถูกคนตระกูลเสวี่ยพาไปที่นั่น บอกเพียงว่าที่นั่นเป็นเพียงภัตตาคารเท่านั้น”“หลังจากนั้น เขาก็บอกข้าว่าเขามิได้ทำอะไรเลย”“ข้าก็เชื่อเขา”“จนกระทั่งต่อมาหลิ่วซิ่งเอ๋อร์มาที่ประตูบ้าน และขอให้ข้าไถ่ตัวนาง และพานางเข้าจวนเพราะนางตั้งครรภ์”เม
เมื่อได้ยินคำตอบนี้ ลั่วชิงยวนก็ตกตะลึงฟู่เฉินหวนกำลังหมายความว่าอย่างไร?นางเหมาะที่จะเป็นพระชายามากกว่าลั่วเยวี่ยอิง ขณะที่ลั่วเยวี่ยอิงเป็นคนที่อยู่ในใจเขา นี่ฟังดูสอดคล้องกันอย่างไรลั่วชิงยวนขมวดคิ้วครุ่นคิดเมื่อเห็นท่าทางครุ่นคิดของนาง ฟู่เฉินหวนก็ได้แต่คิดกับตัวเองว่า คำพูดของเขาชัดเจนพอแล้วหรือไม่?ลั่วชิงยวนคงจะเข้าใจในความหมายนั้นเมื่อนึกถึงสิ่งนี้ เขาก็มองออกไป รู้สึกประหม่าอย่างอธิบายไม่ถูก ฝ่ามือของเขาก็เหงื่อซึมเล็กน้อยบรรยากาศในรถม้าเริ่มแปลกไปลั่วชิงยวนคิดฟุ้งซ่านอยู่ในใจ กระทั่งมาถึงหออี๋ชุน นางก็ยังคิดไม่ตกว่าจะทำเช่นไรต่อไปทั้งสองลงจากรถม้าและมุ่งหน้าไปยังประตูหออี๋ชุนเนื่องจากลั่วชิงยวนแต่งตัวเป็นสตรี นางจึงถูกคนจากหออี๋ชุนขวางเอาไว้“แม่นางผู้นี้ ที่นี่คือหอนางโลม มิใช่สถานที่ดื่มกิน แม่นางควรไปที่อื่นจะดีกว่า ไม่อย่างนั้นแม่นางจะหวาดกลัวเอาได้”สตรีหลายคนหัวเราะเย้าแหย่“ข้ารู้ว่านี่คือหอนางโลม ในเมื่อร้านเปิดทำการ มีเหตุผลใดที่จะมิต้อนรับลูกค้าที่เป็นสตรีเล่า?” ลั่วชิงยวนกล่าวด้วยรอยยิ้มจาง ๆสาว ๆ ตกใจเล็กน้อยและมองไปที่ลั่วชิงยวนเขาพูดติด
“ช่างน่าอิจฉาจริง ๆ!”ฟู่เฉินหวนยังคงสงบ แต่ในใจรู้สึกพอใจมากลั่วชิงยวนรีบเรียกพวกสาว ๆ ให้มารวมกัน“มาคุยเรื่องธุรกิจกันเถอะ”“หอฝูเสวี่ยและหอเจาเซียงยังสามารถรับคนเพิ่มได้ วันนี้ได้พบกับพวกเจ้าถือว่าเป็นวาสนา”เมื่อถึงจุดนี้ สาว ๆ หลายคนแทบจะกลั้นความตื่นเต้นไว้มิไหวคนหนึ่งลังเลและพูดว่า “แต่เราขายตัวเองให้กับหออี๋ชุนแล้ว”ลั่วชิงยวนพูดอย่างใจเย็น “มิสำคัญ ข้าสามารถไถ่ตัวพวกเจ้าได้” “จริงหรือ?”“พระชายา หากท่านต้องการสิ่งใดก็ถามข้าได้เลย!”ลั่วชิงยวนกวักนิ้วเรียกพวกนางให้เข้ามาใกล้นางถามขึ้น “มีคนชื่อหลิ่วซิ่งเอ๋อร์อยู่ที่นี่บ้างหรือไม่?”ทันทีที่คำพูดดังกล่าวหลุดออกไป เด็กผู้หญิงหลายคนก็ตกใจเล็กน้อยจากนั้นพวกนางก็พยักหน้า“หลิ่วซิ่งเอ๋อร์อยู่กับฟ่านซานเหอ คุณชายใหญ่ตระกูลฟ่านและตั้งครรภ์ นางเกือบจะได้ไถ่ตัวออกไปแล้ว”“แต่แล้วเฉินซวนอี๋ก็เข้ามาก่อความวุ่นวาย นางให้ยาขับเด็กแก่หลิ่วซิ่งเอ๋อร์ หลิวเซียงเอ๋อจนถึงตอนนี้ยังต้องรักษาตัวอยู่เลยเจ้าค่ะ”“หมอบอกว่า อาการบาดเจ็บทางร่างกายสาหัสมาก รักษาตัวไปเรื่อย ๆ อย่างน้อยก็ต้องใช้เวลาครึ่งปีจึงจะฟื้นตัวได้ และยังต้องกิน
ทุกคนตกใจและไล่ตามนางไป“พระชายา พระชายา อย่านะเจ้าคะ!”“นี่เป็นความผิดของฟ่านซานเหอ มิเกี่ยวอะไรกับหลิ่วซิ่งเอ๋อร์!”“นางน่าสงสารพอแล้ว พระชายา โปรดปล่อยนางไปเถิดเจ้าค่ะ”ลั่วชิงยวนพูดอย่างเย็นชา “ข้าต้องพาหลิ่วซิ่งเอ๋อร์ออกไป หากเจ้ายังต้องการไปที่หอฝูเสวี่ยก็แค่หุบปากเสีย!”พวกนางมิสามารถหยุดลั่วชิงยวนได้ ดังนั้นพวกนางจึงเลิกล้มความพยายามที่จะเกลี้ยกล่อมคนในหออี๋ชุนหลายคนเห็นฉากนี้แม้แต่แม่เล้าแห่งอี๋ชุนหยวนก็ยังรีบมา นางจะปล่อยให้ลั่วชิงยวนพาคนออกไปง่าย ๆ ได้เยี่ยงไรกลุ่มคนมาล้อมรอบ แต่ลั่วชิงยวนเตะพวกเขาออกไปทีละคน ด้วยแรงผลักดันอันฮึกเหิม“วันนี้ข้าจะเอานางผู้นี้ไป! หากใครมิกลัวตายก็ดาหน้าเข้ามา!”ลั่วชิงยวนคว้าข้อมือของหลิ่วซิ่งเอ๋อร์ไว้แน่นจนหลิ่วซิ่งเอ๋อร์เจ็บปวด ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยความทรมาน แต่นางก็มิสามารถดิ้นหลุด และถูกลากไปในตอนแรก มีคนต้องการหยุดนาง แต่ในฝูงชนเกิดกระซิบกันว่า “นี่คือพระชายาอ๋อง ท่านอ๋องก็อยู่ข้างหลังนาง ใครกล้าขวาง ก็มิต่างจากหาเรื่องตาย”ฟู่เฉินหวนเอามือไขว้หลังแล้วเดินตามลั่วชิงยวนไปอย่างช้า ๆแม้ว่าเขาจะมิได้พูดอะไรสักคำ แต่ใครก็สาม
หลิ่วซิ่งเอ๋อร์ดูตื่นตระหนกและก้มหน้าลงเมื่อเห็นสายตาหลบเลี่ยงในดวงตาของนาง ก็รู้ว่ามีบางอย่างเกิดขึ้น“ข้า… ข้ามิรู้ บางทีข้าอาจฟังผิด...”หลิ่วซิ่งเอ๋อร์พูดติดอ่างและปกปิดเรื่องราวมิเก่งสักนิดปฏิกิริยาของนางเปิดเผยทุกสิ่งอย่างไรก็ตาม ลั่วชิงยวนมิรีบร้อน เพราะนางรู้ว่าอวี๋ซวี่หลินจะมาหาหลิ่วซิ่งเอ๋อร์แน่ ดังนั้นนางจึงเพียงรอให้อวี๋ซวี่หลินมาหานางถึงที่เองหลังท้องฟ้งมืดมิด เสียงกรีดร้องในสวนหลังบ้านยังคงดำเนินต่อไป จือเฉากรีดร้องขณะดื่มยาเพื่อบรรเทาอาการเจ็บคอของตัวเองในบางครั้ง เซียวชูจะเฆี่ยนหุ่นไล่กาด้วยแส้สองสามครั้งด้วยสิ่งเหล่านี้มีเพื่อสร้างภาพลวงตาว่าหลิ่วซิ่งเอ๋อร์ถูกลงโทษอย่างรุนแรงแน่นอนว่าอวี๋ซวี่หลินซึ่งซ่อนตัวอยู่ในตรอกด้านนอกโรงเตี๊ยมก็แทบทนฟังมิได้อวี๋ซวี่หลินใช้โอกาสตอนที่เซียวชูไปทานอาหารเย็น แอบเข้าไปในโรงเตี๊ยมหวังจะช่วยเหลือหลิ่วซิ่งเอ๋อร์แต่สิ่งที่เขาเห็นเมื่อเปิดประตู มิใช่หลิ่วซิ่งเอ๋อร์ที่ร่างกายชุ่มไปด้วยเลือด แต่กลับเป็นภาพของจือเฉาที่กำลังดื่มน้ำอยู่เมื่อตระหนักว่าเขาติดกับดัก อวี๋ซวี่หลินจึงหันหลังกลับและวิ่งหนีไปแต่เขาจะหนีไปได้เย
ทันทีที่คำพูดดังกล่าวหลุดออกมา ลั่วชิงยวนก็ตกตะลึงกบฏ!สมาคมการค้าเฟิงตูกล้าเกินไปแล้ว“เล่ารายละเอียดมา” ฟู่เฉินหวนดูวางแผน สีหน้าดูกำลังคิดคำนวณอย่างหนักเขามิได้พูดอะไรมาก เพียงต้องการข่มขวัญให้อวี๋ซวี่หลินบอกเกี่ยวกับทุกสิ่งที่เขารู้มา“สมาคมการค้าเฟิงตูสร้างฐานะในซีหยาง ดึงดูดคนมากมายให้เข้าร่วมสมาคมเพื่อสร้างกิจการ โดยบอกว่าแม้ว่าพวกเขาจะมิรู้วิธีบริหาร พวกเขาก็สามารถพาเรามาทำเงินร่วมกันได้”“ข้าถูกหลอกมาเช่นนี้!”“ท้ายที่สุดแล้ว พวกเขาหลอกให้เราไปทำการค้าและหารือเรื่องกิจการถึงต่างแดน แต่จริง ๆ แล้วเพื่อไปซื้ออาวุธจำนวนมากต่างหาก!”“แต่ข้ามีไหวพริบ จึงแอบเปิดกล่องที่ซ่อนอยู่แล้วแอบมองลงไปในกล่อง!”“ตอนนั้นข้ารู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ ใครทำธุรกิจซื้อและขายอาวุธกันเล่า?”“ปรากฏว่าสินค้ากลับถูกขโมยไป! แล้วพวกเขาขอให้เรากลับมาซีหยางเพียงเท่านั้น”“ข้ารู้สึกมิสบายใจจริง ๆ จึงคอยจับตาดู คืนนั้นมีคนมาฆ่าข้า แน่นอนว่าข้าหนีออกมาจากรูด้านหลังเตียง”“ผลก็คือน้องชายของข้าถูก...” “เฮ้อ......”อวี๋ซวี่หลินถอนหายใจขณะที่เขาพูดลั่วชิงยวนแอบตกใจ มันตรงกับสิ่งที่พวกเขาพบและคาด
ต่งอวิ๋นซิ่วตกใจจนหน้าซีดเผือด รีบยกมือขึ้นมาป้องกัน แล้วต่อสู้กับฝูเหมิ่งแต่พลังในตอนนี้ของต่งอวิ๋นซิ่วเทียบกับฝูเหมิ่งแล้วยังอ่อนแอกว่ามากนักสุดท้ายก็ถูกฝูเหมิ่งบีบคอไว้แน่นลั่วชิงยวนเห็นชัดเจนว่าในร่างของฝูเหมิ่งตอนนี้คือโหยวจิ้งเฉิง!เขาเป็นบ้าไปแล้วหรือ? เขาจะฆ่าต่งอวิ๋นซิ่วภรรยาของตนหรือ?เมื่อเห็นดังนั้น โหยวเซียงก็ชักกระบี่พุ่งเข้าไปหมายจะช่วยต่งอวิ๋นซิ่ว แต่ฝูเหมิ่งกลับมิหลบเลยแม้แต่น้อย ปล่อยให้กระบี่ในมือนางแทงทะลุร่างจากนั้นฝูเหมิ่งก็ฟาดมือไปทีหนึ่ง โหยวเซียงจึงกระเด็นปลิวไปโหยวเซียงกระอักเลือดออกมาต่งอวิ๋นซิ่วร้อนใจยิ่งนัก “เซียงเอ๋อร์ มิต้องสนใจแม่ รีบหนีไป!”โหยวเซียงจะทนมองดูมารดาของตนถูกฆ่าได้อย่างไร นางพยายามลุกขึ้นมาสู้ต่อแต่ฝูเหมิ่งกลับมองโหยวเซียงอย่างดุดัน แล้วกล่าวขู่ “คนที่ข้าต้องการฆ่ามีเพียงต่งอวิ๋นซิ่วเท่านั้น เจ้าจงหลีกไป”“มิเช่นนั้นอย่าหาว่าข้ามิเห็นแก่ความเป็นพ่อลูก”เมื่อได้ยินดังนั้น โหยวเซียงก็ตกใจจนยืนอึ้งไปกับที่ แล้วกล่าวเสียงสั่นเครือ “พ่อ… พ่อลูกหรือ?”ตอนนี้เสียงของฝูเหมิ่งก็มิใช่เสียงของฝูเหมิ่งอีกต่อไปแล้วเมื่อต่งอวิ๋นซิ่ว
ขณะนี้เอง โหยวเซียงก็ฉวยโอกาสหลบหนีจากมือของลั่วชิงยวนไปได้ต่งอวิ๋นซิ่วมองพวกเขาอย่างเย็นชา “ในเมื่อมาถึงที่นี่แล้วก็เตรียมตัวตายได้เลย!”ทันใดนั้นบนคานเรือนก็ปรากฏชายชุดดำจำนวนมากพร้อมถือหน้าไม้เล็งมาที่พวกเขาลูกดอกอันคมกริบประกายแสงเย็นลั่วชิงยวนยกยิ้มมุมปาก หัวเราะอย่างเย็นชา “ดูเหมือนว่าเจ้าจะเตรียมการมาอย่างดี ตอนนี้พวกข้าคงหนีออกจากห้องนี้ไปมิได้แล้วใช่หรือไม่?”ลั่วชิงยวนสังเกตประตูห้อง รวมถึงผนังห้องทุกด้าน แล้วพบว่ามีกลไกบนประตูเหนือศีรษะ ต่งอวิ๋นซิ่วหัวเราะเบา ๆ “แน่นอน นี่คือห้องกลไกที่สร้างขึ้นมาเพื่อรับมือพวกเจ้าที่บุกรุกเข้ามาบนเขา”“วันนี้พวกเจ้าอย่าหวังว่าจะได้ออกไปแม้แต่คนเดียว!”ลั่วชิงยวนจับกระบี่ห้วงสวรรค์แน่นแล้วพุ่งไปที่กลไกจุดหนึ่งบนผนังห้อง ฟาดฟันกระบี่ลงไปอย่างแรงต่งอวิ๋นซิ่วรีบดึงโหยวเซียงหลบหลีกไปแต่ใครเล่าจะรู้ว่าลั่วชิงยวนมิได้โจมตีพวกนาง แต่กลับฟันกลไกบนผนังห้องทำให้ประตูห้องลงกลอนอย่างสมบูรณ์เมื่อเห็นเช่นนั้น ต่งอวิ๋นซิ่วก็หัวเราะเยาะ “เจ้าช่างรนหาที่ตายยิ่งนัก”ลั่วชิงยวนยกยิ้มอย่างมีความหมาย “เช่นนั้นรึ? ยังมิรู้เลยว่าใครกันแน่ที่จะ
ร่างที่เดินออกมาจากฝูงชนนั้นมีท่าทางคุกคามยิ่งนักลั่วชิงยวนหรี่ตาลงเล็กน้อย นั่นคือสตรีที่นางเห็นในความทรงจำของอวี๋ตันเฟิ่งต่งอวิ๋นซิ่ว!โหยวเซียงดิ้นรนพลางเงยหน้ามองต่งอวิ๋นซิ่วด้วยดวงตาแดงก่ำ “ท่านแม่… เป็นความผิดของลูกเองที่ปล่อยให้พวกมันขึ้นเขามาได้”หากมิใช่เพราะลั่วชิงยวนรู้ทางลับของวัดร้างแห่งนั้น พวกนางคงไม่มีทางขึ้นเขามาได้ง่ายดายถึงเพียงนี้!ต่งอวิ๋นซิ่วมองด้วยความเจ็บปวดแล้วตวาดใส่ลั่วชิงยวน “ปล่อยลูกสาวข้าเดี๋ยวนี้! มิเช่นนั้นข้าจะทำให้พวกเจ้าตายเยี่ยงไร้ที่ฝัง!”ลั่วชิงยวนหัวเราะเบา ๆ แล้วพูดด้วยน้ำเสียงดูถูกเหยียดหยาม “เมื่อคืนยังพยายามทำลายวิญญาณที่เหลือของอวี๋ตันเฟิ่งอยู่เลย วันนี้เจ้าลืมไปแล้วหรือว่าศัตรูของเจ้าคือใคร?”“ใครกันแน่ที่จะตายแบบไร้ที่ฝัง ยังบอกมิได้หรอก”เมื่อได้ยินดังนั้น ต่งอวิ๋นซิ่วก็สะดุ้งเฮือก สีหน้าเปลี่ยนไปอย่างมากท่าทางของนางดูตึงเครียดขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด แต่ก็ยังพยายามซ่อนไว้ได้ดีนางมองลั่วชิงยวนอย่างใจเย็น แล้วกล่าวว่า “ในเมื่อพวกเจ้ามาถึงเมืองแห่งภูตผี ก็คงต้องการของล้ำค่าของเมืองแห่งภูตผีสินะ”“พวกเจ้าอยากได้อะไร ข้าสามารถให้เจ
นางปฏิเสธอย่างหนักแน่นลั่วชิงยวนกลับยกยิ้มอย่างพึงพอใจแล้วค่อย ๆ ลุกขึ้น “พานางไปด้วย ไปวัดร้าง!”พวกเนางมุ่งหน้าไปทางทิศใต้ โหยวเซียงดิ้นรนตลอดทาง แต่โฉวสือชีและคนใบ้จ้องมองทุกการกระทำของนางอย่างใกล้ชิด มิเปิดโอกาสให้นางหลบหนีไปได้แม้แต่น้อยเมื่อเดินไปได้ไกลมากพอสมควร เสียงไก่ขันยามรุ่งอรุณก็ดังขึ้นแล้วในที่สุดพวกเขาก็มาถึงวัดร้างแห่งนั้นในวัดร้างมีพระพุทธรูปที่เป็นซากปรักหักพังล้มลงบนพื้น ดูเหมือนว่าที่นี่จะไม่มีใครมานานแล้วเมื่อมองหาอย่างละเอียดก็พบรอยเท้าบนพื้นลั่วชิงยวนมั่นใจยิ่งขึ้น นี่คือสถานที่ที่ถูกต้อง!โหยวเซียงจ้องมองทุกการกระทำของลั่วชิงยวนอย่างกระวนกระวาย เกรงว่าลั่วชิงยวนจะพบกลไกเข้าแต่ลั่วชิงยวนกลับสังเกตปฏิกิริยาของโหยวเซียง ค่อย ๆ เดินไปในแต่ละที่โดยอาศัยการสังเกตปฏิกิริยาโหยวเซียงสุดท้ายลั่วชิงยวนจึงเพ่งเล็งไปที่ผนังด้านหนึ่งแล้วเริ่มค้นหากลไกเสียงเปิดกลไกดังแกร๊กดังขึ้นประตูบานหนึ่งบนพื้นพลันเปิดออกหลังจากที่ลั่วชิงยวนเปิดประตูแล้วก็พบว่าด้านล่างยังมีประตูอีกบานหนึ่ง และบนนั้นก็มีกลไกเช่นกันแต่สำหรับลั่วชิงยวนแล้วเรื่องนี้ง่ายมากเมื่อประต
“เจ้ารีบอะไรนักหนา รอมาตั้งนานแล้ว รออีกสักหน่อยจะเป็นกระไร”เมื่อได้ยินดังนั้น อวี๋ตันเฟิ่งก็หยุดมือลั่วชิงยวนเดินเข้าไปคว้าตัวโหยวเซียงไว้ให้โฉวสือชีมัดนางไว้แน่นหนา จากนั้นจึงปลุกโหยวเซียงให้ฟื้นขึ้นมาเมื่อฟื้นคืนสติ โหยวเซียงก็จ้องหน้าลั่วชิงยวนเขม็งอย่างโกรธแค้น “เจ้ากล้าจับข้า เจ้าคอยดูเถอะว่าจะตายอย่างไร!”ลั่วชิงยวนย่อตัวลงนั่งตรงหน้านาง แล้วหัวเราะเบา ๆ “ใช่แล้ว ใครจะกล้าแตะต้องคุณหนูใหญ่เมืองแห่งภูตผีเล่า”“น่าเสียดาย เมืองแห่งภูตผีแห่งนี้ บิดามารดาของเจ้าไปปล้นเขามา มิใช่ของพวกเขามาแต่เดิม ย่อมมิใช่ของเจ้าเช่นกัน”“ถึงเวลาคืนเจ้าของตัวจริงแล้ว”โหยวเซียงจ้องเขม็งนางอย่างโกรธแค้น “เจ้าพูดจาเหลวไหลอะไร! เมืองแห่งภูตผีแห่งนี้เป็นของบิดามารดาข้ามาแต่เดิม!”เมื่อได้ยินดังนั้น ลั่วชิงยวนก็ประหลาดใจ “หรือว่าต่งอวิ๋นซิ่วมิได้บอกความจริงแก่เจ้า”“ก็ถูกแล้ว เรื่องน่าอับอายเช่นนี้ นางจะบอกลูกสาวได้อย่างไร”“เมืองแห่งภูตผีแห่งนี้มิใช่เพียงถูกบิดามารดาเจ้ายึดมาเท่านั้น แต่ยังใช้วิธีการที่น่ารังเกียจในการยึดครองด้วย!”“เดาว่าจนถึงตอนนี้เจ้าก็คงยังมิรู้เลยว่าศัตรูของเจ้าคือผ
โหยวเซียงกัดฟันพูดด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบลั่วชิงยวนมองไปที่อวี๋โหรว หลายวันมานี้อวี๋โหรวผอมซูบไปมาก“เจ้าจับตัวอวี๋โหรวมาเพื่อล่อข้ามาที่นี่รึ?”ลั่วชิงยวนหรี่ตามองโหยวเซียง“แต่เจ้ามิน่าจะมีความสามารถพอที่จะพาอวี๋โหรวออกจากวังหลวงไปได้”“เวินซินถงเป็นคนทำใช่หรือไม่?”“เจ้าทำข้อตกลงอะไรกับนางไว้?”โหยวเซียงหัวเราะเยาะ “อยากรู้รึ?”“คุกเข่าอ้อนวอนข้าสิ”“เจ้าอ้อนวอนข้า ข้าถึงจะบอกเจ้าว่าผู้ใดจับตัวอวี๋โหรวมา และผู้ใดร่วมมือกับข้าวางแผนให้เจ้ามาที่เมืองแห่งภูตผี”ลั่วชิงยวนมองท่าทีหยิ่งยโสของโหยวเซียงแล้วก็อดมิได้ที่จะหัวเราะเบา ๆ นางกวาดสายตามองไปรอบ ๆ แล้วถามว่า “ต่งอวิ๋นซิ่วมิมาด้วยรึ?”“เมื่อครู่นี้คนที่ต่อสู้กับข้าก็คือนางใช่หรือไม่?”เมื่อได้ยินน้ำเสียงเยาะเย้ยของลั่วชิงยวน โหยวเซียงก็โกรธจัด ในใจนางตกใจ ลั่วชิงยวนรู้แล้วหรือว่ามารดาของนางเป็นใคร“สารเลว!”นางบีบคออวี๋โหรวอย่างแรงเพื่อข่มขู่ลั่วชิงยวน “จะคุกเข่าหรือไม่?!”“ลั่วชิงยวน เจ้ามีโอกาสแค่ครั้งเดียว!”“หากเจ้ามิยอมคุกเข่ายอมจำนนแต่โดยดี ข้าจะหักคอนางเดี๋ยวนี้!”กล่าวจบ โหยวเซียงก็ออกแรงบีบบีบจนอวี๋โหรวหาย
ทันทีที่คนใบ้หันมาเห็นจึงรีบเข้ามาย่อตัวลงข้างนางแล้วช่วยประคองนางไว้ลั่วชิงยวนเช็ดเลือดที่มุมปาก ใบหน้าซีดเผือดกว่าเดิม“ข้ามิเป็นอะไร”นางเงยหน้าขึ้นมองอวี๋ตันเฟิ่งที่อยู่กลางอากาศ ในที่สุดจิตวิญญาณของนางก็สมบูรณ์แล้วบนใบหน้าซีดขาวนั้นปรากฏรอยยิ้ม รอยยิ้มนั้นทั้งพึงพอใจและเย่อหยิ่ง“ในที่สุดข้าก็ได้… เป็นอิสระแล้ว! ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า...”อวี๋ตันเฟิ่งหัวเราะลั่น ทำเอาป่าทั้งผืนเกิดพายุโหมกระหน่ำคนใบ้รีบยกมือขึ้นช่วยลั่วชิงยวนปัดป้องฝุ่นและใบไม้ที่ปลิวว่อน......จู่ ๆ ต่งอวิ๋นซิ่วก็กระอักเลือดออกมาเต็มปาก จากนั้นหมดสติล้มลงบนพื้น“ท่านแม่!”โหยวเซียงตกใจ รีบเข้าไปประคองนาง “ท่านแม่! ท่านแม่! ท่านเป็นอะไรไป!”หลังจากตะโกนเรียกอยู่นาน มารดาของนางก็มิฟื้นโหยวเซียงโกรธจนกัดฟันพูด “ลั่วชิงยวน สารเลว!”“เจ้าคอยดูเถอะ!”......ผ่านไปครู่ใหญ่ อวี๋ตันเฟิ่งถึงจะสงบสติอารมณ์ลงได้ลมพายุในป่าก็สงบลงเช่นกันถูหมิงที่อยู่ข้าง ๆ จึงค่อย ๆ ขยับเข้ามาใกล้ฉีเสวี่ยเวยที่ยังคงตกตะลึงมองภาพเหตุการณ์เมื่อครู่ด้วยความมิอยากเชื่อ “เมื่อกี้เกิดอะไรขึ้น?”“ต่อไปพวกเราต้องทำอะไร?”ลั่วชิงยวน
คนของถูหมิงตายไปหมดแล้ว เหลือเพียงฉีเสวี่ยเวยเท่านั้นในขณะที่พวกเขาเดินทางไปยังถ้ำแห่งที่หกในคืนนั้นผลลัพธ์ที่ได้กลับน่าผิดหวังเพราะในถ้ำว่างเปล่า“ดูเหมือนว่าพวกเราจะมาช้าไปก้าวหนึ่ง”ถูหมิงขมวดคิ้ว “เหลืออีกหนึ่งชิ้น ทำอย่างไรดี? หรือว่าความพยายามทั้งหมดของเราจะสูญเปล่า?”พวกเขาวุ่นวายมาหลายวัน เดินทางไปเกือบทั่วทั้งภูเขาแล้วหากสมบัติหายไปเช่นนี้ เขาคงต้องฆ่าสตรีผู้นี้เป็นแน่!ลั่วชิงยวนขมวดคิ้วครุ่นคิด แล้วกล่าวว่า “เหลืออีกหนึ่งชิ้นก็เหลืออีกหนึ่งชิ้น”“หาที่ปลอดภัยก่อน”จากนั้นพวกเขาก็มายังป่าที่ค่อนข้างสะอาด ไม่มีพุ่มไม้หรือวัชพืชหนาแน่นบนพื้นมากนัก ค่อนข้างโปร่งโล่งหีบทั้งห้าใบวางอยู่บนพื้นลั่วชิงยวนกล่าวว่า “เปิดหีบกันเถิด”ทันใดนั้นดวงตาของถูหมิงก็เป็นประกาย “เปิดได้หรือ?”เขาเห็นว่าบนหีบมีแต่อักขระสีเลือดปกคลุมอยู่ จึงยั้งมือไว้หลายครั้งแม้จะอยากเปิดก็ตามเมื่อได้ยินเช่นนี้จึงรีบเปิดหีบทันทีแต่เมื่อเปิดออกแล้ว ร่างกายของเขาก็แข็งทื่อไปศพ?!ทั้งยังเป็นศพที่ถูกชำแหละอีกด้วย?ฉีเสวี่ยเวยก็ตกใจกลัวลั่วชิงยวนกลับสงบสติอารมณ์ สั่งให้โฉวสือชีและคนใบ้ช่วย
“ใครกัน?!”ลั่วชิงยวนหรี่ตาลงเล็กน้อย แล้วตอบเสียงแผ่ว “ซูเซียง”“แต่ตอนนี้ควรเรียกนางว่าโหยวเซียง”“ภารกิจที่พวกเจ้าได้รับก็เป็นเพียงการละเล่นของนางเท่านั้น”“นางต้องการให้พวกเจ้าฆ่ากันเอง”และภารกิจหนังหน้าของหญิงงามที่ฉีเสวี่ยเวยได้รับ ก็คงเป็นการล่อลวงให้ฉีเสวี่ยเวยมาฆ่านางหากสามารถยืมมือคนอื่นฆ่าคนได้ โหยวเซียงก็มิจำเป็นต้องเปิดเผยตัวตนเพียงแต่โหยวเซียงคาดมิถึงว่าฉีเสวี่ยเวยจะฆ่านางมิได้ กระทั่งโหยวเซียงเองก็ฆ่านางมิได้“โหยวเซียงหรือ? นางเป็นคนของเมืองแห่งภูตผีแห่งนี้หรือ?” ฉีเสวี่ยเวยมองนางอย่างมิเชื่อสายตา“มิแปลกใจเลย… นางท้องแก่ถึงเพียงนั้นยังกล้ามาที่นี่ได้”ลั่วชิงยวนเห็นว่าใกล้รุ่งสางแล้ว จึงให้โฉวสือชีแก้เชือกที่มัดฉีเสวี่ยเวยไว้“ข้าจะยังมิฆ่าเจ้าตอนนี้”“มิว่าเรื่องที่เจ้ากล่าวมาจะเป็นจริงหรือไม่ก็มิสำคัญ ข้าก็มิกลัวว่าเจ้าจะไปบอกเรื่องนี้กับถูหมิง”“หากเจ้าไปบอก เรื่องเดียวที่จะเป็นผลเสียต่อพวกข้าก็คือต้องแบกหีบเพิ่มอีกมิกี่ใบ”“เพียงเท่านั้น”มิใช่เรื่องคอขาดบาดตายที่นางทำเป็นร่วมมือกับถูหมิง ก็เพียงต้องการใช้คนของเขาไปขวางทางศพชายที่ถูกผนึกไว้ในถ้ำ