Share

บทที่ 20

Author: ฉินอันอัน
ชีหยวนนั่งอยู่ด้านข้างเงียบ ๆ กำลังคิดว่าควรทำอย่างไรถึงจะเชื่อมความสัมพันธ์กับจิ้นอ๋องได้ ก็เห็นแม่นมสวีเดินเข้ามาจากด้านนอกด้วยสีหน้าที่รีบร้อนไปยังโต๊ะอาหารของนางหวัง และกระซิบอะไรบางอย่างอยู่ข้างหูนางหวัง

เดิมทีนางหวังกำลังพูดคุยกับน้องสะใภ้ทั้งสอง ว่าจะเชิญอุปรากรจีนคณะใดดี

เมื่อฟังแม่นมสวีพูดจบ ก็ลุกขึ้นยืนจากตรงนั้น และถามด้วยความโกรธจัด “อะไรนะ?”

เมื่อเห็นนางเป็นเช่นนี้ ฮูหยินรองกับฮูหยินสามก็ถามอย่างรีบร้อน “เป็นอะไรหรือเจ้าคะ พี่สะใภ้ใหญ่? มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นอย่างนั้นหรือถึงได้กังวลใจเช่นนี้?”

สีหน้าของนางหวังเปลี่ยนแล้วก็เปลี่ยนอีก กัดริมฝีปากและมองไปทางชีเจิ้น “ท่านโหว อาจิ่นเป็นลมไปแล้วเจ้าค่ะ...”

ศาลบรรพบุรุษหนาวเย็น และลมแรง เดิมร่างกายของชีจิ่นก็เปราะบางอยู่แล้ว

เวลานี้ความไม่พอใจต่อชีหยวนที่อยู่ในใจของนางหวังถึงจุดสูงสุดแล้ว และนางก็รู้สึกเบื่อหน่ายบุตรสาวที่พอกลับมาก็ทำให้บ้านวุ่นวายจนพลิกหน้ามือเป็นหลังมือคนนี้จริง ๆ

ความสัมพันธ์ทางสายเลือดที่ไม่มีพื้นฐานทางด้านอารมณ์ บางครั้งก็เป็นเพียงภาระเท่านั้น

ชีเจิ้นสีหน้าเคร่งขรึมลงเล็กน้อย

อย่างไรเสียก็ยังคงเป็นบุตรที่เลี้ยงดูมานานหลายปี แถมเรื่องในครั้งนี้ ต่างก็เป็นชีอวิ๋นถิงคนสารเลวนั่นก่อไว้ และไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับชีจิ่นเลย

เขาจึงโบกมือเล็กน้อย “ช่างเถอะ ช่างเถอะ ให้คนพยุงนางกลับเข้ามาในจวน และเชิญหมอหลวงเข้ามาดูเสีย”

มีเหตุการณ์เช่นนี้แทรกเข้ามา นางหวังยังจะนั่งนิ่งอยู่ได้อย่างไร?

นางลุกขึ้นอย่างร้อนรนและพาสาวใช้ไปเยี่ยมที่ห้องชีจิ่นด้วยกัน

จนนางลืมชีหยวนไปเสียหมดสิ้นแล้ว

เหล่าลูกพี่ลูกน้องที่อยู่เรือนรองและเรือนสามต่างก็มองไปที่ชีหยวนอย่างกังวลเล็กน้อย

ทั้งยังไม่รู้ด้วยว่าควรจะเอ่ยปากอย่างไรดี

ถึงอย่างไรตามสถานการณ์ปกติแล้ว นางหวังควรเป็นคนพาชีหยวนมาพบพวกนางที่เป็นน้องชายน้องสาวเหล่านี้อย่างเป็นทางการ

แต่นางหวังไม่รู้ว่าลืมหรือเป็นเพราะเหตุใด ถึงขนาดไม่มีความคิดจะทำเช่นนี้ด้วยซ้ำ

จนกระทั่งทุกคนไม่รู้ว่าควรจะเข้าหาชีหยวนอย่างไรดี

ยังคงเป็นตอนที่ฮูหยินรองเข้ามา และเห็นว่าชีหยวนยังอยู่ ก็ประหลาดใจอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะตั้งสติขึ้นมาได้ “อาหยวน เจ้ายังไม่รู้จักบรรดาพี่น้องเหล่านี้ของเจ้าใช่หรือไม่?”

บนใบหน้าของนางมีรอยยิ้ม และแสร้งทำเป็นไม่รับรู้ว่านางหวังละเลยบุตรสาวคนนี้แล้ว

นางไม่มีความจำเป็นจะต้องทำให้เด็กคนหนึ่งลำบากใจ

ดังนั้นนางจึงยิ้มและดึงบุตรสาวสองคนของตนเองออกมาก่อน “นี่คืออินเอ๋อร์น้องสามของเจ้า” นางชี้ไปทางเด็กผู้หญิงที่สวมเสื้อคลุมสีเหลืองห่าน

ชีอินถอนหายใจด้วยความโล่งอก และรีบลุกขึ้นเพื่อทักทายกับชีหยวน “พี่หญิงใหญ่!”

เด็กผู้หญิงที่ธรรมดาดู ๆ ไปแล้วก็น่ารักกว่ามาก

ชีหยวนยิ้มและพยักหน้าเล็กน้อย จากนั้นก็ทักทายกลับอย่างสุภาพ “น้องสาม”

ฮูหยินรองยังชี้ไปทางหญิงสาวอีกคนที่ยืนอยู่ด้านข้างซึ่งสวมเสื้อคลุมสีเงินแดงอยู่ด้วย “และนี่ก็คืออานั่วน้องสี่ของเจ้า!”

ชีนั่วลุกยืนขึ้นตั้งนานแล้ว และรอมารดาเอ่ยจบ จึงตะโกนเสียงหวานออกมา “พี่หญิงใหญ่”

ฮูหยินยังคงแนะนำต่อไปอีกครั้ง พอนางชี้ไป เด็กหนุ่มคนนั้นก็แย่งเอ่ย “ข้าคือฉางถิง!”

ชีฉางถิงหรือ ชีหยวนยิ้มตาหยีและเอื้อมมือไปลูบศีรษะของเขาเบา ๆ “สวัสดีจ้ะ น้องฉางถิง”

บรรยากาศที่เงียบงันอยู่ครู่หนึ่งในที่สุดก็คึกคักขึ้นมา

หลังจากนั้นไม่นานฮูหยินสามก็รีบเดินเข้ามา เมื่อเห็นสถานการณ์เช่นนั้นแล้ว จะยังไม่เข้าใจอีกได้อย่างไร?

นางจึงแนะนำบรรดาบุตรของตนเอง ในขณะเดียวกันก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจเล็กน้อย

แม้พี่ใหญ่และพี่สะใภ้ใหญ่เตรียมที่จะยอมรับบุตรสาวคนนี้แล้ว แต่เห็นเช่นนี้ ก็กลัวว่าชีวิตต่อจากนี้ของชีหยวนจะกลับมายากลำบากอีกครั้ง

แต่ชีหยวนกลับไม่มีความกังวลนี้เลย นางควรจะเอ่ยตอบก็เอ่ยตอบ ควรจะยิ้มก็ยิ้ม

หลังจากรับประทานอาหารมื้อหนึ่งเสร็จ กลับทำให้ชีซงกับชีป่ายพึงพอใจอย่างมาก และเอ่ยกับพี่ชายอย่างเป็นกันเอง “พี่ใหญ่ เด็กคนนี้เหมือนกับเด็กที่พวกเราเลี้ยงดูเองเลยนะขอรับ หากพี่ไม่บอก ข้าก็คงไม่เชื่อเลยว่ารับนางกลับมาจากด้านนอก!”

ชีเจิ้นรู้สึกสบายใจในทันที

ใช่แล้ว มีบุตรสาวที่ใช้ได้คนหนึ่ง แน่นอนว่าต้องดีกว่าพวกที่ไม่สามารถออกสู่สังคมชั้นสูงได้อยู่แล้ว

เมื่ออยู่ในความสบายใจ เขาก็เริ่มมีท่าทางของบิดาผู้ใจดีขึ้นมาเล็กน้อย และเมื่อเห็นนางหวังจากไป ยังต้องการไปส่งชีหยวนกลับเรือนด้วยตนเองอีก

ภายใต้แสงจันทร์ สองพ่อลูกเดินเคียงกัน ชีหยวนเดินทิ้งระยะห่างตามหลังชี้เจิ้นอยู่ก้าวหนึ่ง และตั้งแต่ต้นจนจบก็ไม่เคยแซงหน้าเขาเลย

นี่ยิ่งทำให้ชีเจิ้นเชื่อว่าชีหยวนผ่านการอบรมจากตระกูลใหญ่มาแล้ว

เขากระแอมเล็กน้อย “หลังจากกลับมา เจ้ามีอะไรที่ยังรู้สึกไม่คุ้นเคยอีกหรือไม่?”

ชีหยวนเอ่ยเสียงเบา “นอกจากไม่เข้าใจว่าเหตุใดพี่ชายถึงมีเจตนาเป็นศัตรูที่ลึกซึ้งกับข้านัก ที่เหลือก็ไม่มีสิ่งใดที่รู้สึกไม่คุ้นเคยเจ้าค่ะ”

คาดไม่ถึงว่าชีหยวนจะพูดจาอย่างตรงไปตรงมาเช่นนี้ บนใบหน้าของชีเจิ้นจึงดูกังวลเล็กน้อย “เจ้าวางใจเถอะ ลูกเวรนั่น ในฐานะบิด าต่อไปข้าจะต้องควบคุมให้ดี และไม่ปล่อยให้เขารุกรานเจ้าอีกอย่างแน่นอน”

คำพูดเหล่านี้ ชีหยวนได้ยินเข้าไปในหู แต่ก็ไม่ได้คิดจริงจัง

ความใส่ใจของนางหวังที่มีต่อชีจิ่นกับชีอวิ๋นถิงเห็นได้ชัดมาก แม้ชีเจิ้นจะบอกว่าลงโทษชีอวิ๋นถิงแล้ว แต่ก็เป็นเพราะเขารู้สึกว่าชีอวิ๋นถิงกระทำไม่ถูกต้อง ดังนั้นจึงลงโทษเพื่อเป็นการตักเตือนเล็กน้อยเท่านั้นเอง

ทว่าถึงอย่างไรนางก็ไม่คาดหวังว่าจะอาศัยให้ชีเจิ้นจัดการกับชีอวิ๋นถิงจริง ๆ

สภาพจิตใจของนางดีมากแล้ว

ตั้งแต่กลับมาเกิดใหม่อีกครั้ง ทุกวันที่นางได้ใช้ชีวิต ก็จะเป็นอีกวันหนึ่งที่ได้กำไร

ชีวิตอย่างในชาติที่แล้ว นางจะไม่มีวันกลับไปใช้อีกเด็ดขาด

เวลาที่เหลือ นางจะใช้เพื่อเป็นเพื่อนเล่นกับชีจิ่นและชีอวิ๋นถิงได้อย่างช้า ๆ

ทันทีที่กลับถึงเรือนของตนเอง เหลียนเฉียวก็คอยอยู่ที่ปากประตูเรือนอย่างใจจดใจจอแล้ว แถมยังถือตะเกียงไว้อีก เมื่อเห็นชีหยวนก็วิ่งเข้ามาหานางด้วยรอยยิ้ม “คุณหนูใหญ่ ท่านกลับมาแล้วหรือเจ้าคะ!”

รอยยิ้มบนใบหน้าของเหลียนเฉียวช่างจริงใจหลือเกิน แม้กระทั่งชีหยวนยังรู้สึกดีไปด้วย จนนางก็ยิ้มตาม และเดินกลับเรือนไปพร้อมกับเหลียนเฉียว พลางถาม “ท่านแม่ของเจ้าเป็นเช่นไรบ้าง?”

เหล่าสาวใช้ที่เกิดในตระกูลเหล่านี้ล้วนอาศัยอยู่บนถนนด้านนอกจวน

หากต้องการออกจวนเพื่อกลับบ้านก็จะสะดวกมาก

เหลียนเฉียวมีความสุขจนใบหน้าแดงขึ้นมาเล็กน้อย “โชคดีที่ได้คุณหนูใหญ่ ท่านหลวงจึงไปตรวจดูท่านแม่ของข้าแล้ว และบอกว่าให้นางอดทนกินยา อาการก็จะดีขึ้นกว่าแต่ก่อนแน่นอนเจ้าค่ะ”

ภายในวันเดียว ชีวิตของมนุษย์ก็ถูกเปลี่ยนไปแล้ว

เหลียนเฉียวรู้สึกซาบซึ้งใจต่อชีหยวนจนอยากก้มตัวลงกราบเลย

แม่นมจางเปิดม่านเข้ามา และเห็นเหลียนเฉียวกำลังช่วยชีหยวนถอดปิ่นปักผมกับต่างหูที่อยู่บนศีรษะออก จึงตำหนิด้วยเสียงที่ดุดัน “หยุดนะ! เจ้าเป็นผู้ใดกัน? เป็นเพียงสาวใช้ที่ทำงานชั้นต่ำคนหนึ่ง ถึงกับกล้าเหยียบเข้ามาในห้องนอน แถมยังปรนนิบัติอย่างถึงเนื้อถึงตัวอีก เจ้าก็คู่ควรหรือ?”

ทันใดนั้นเหลียนเฉียวก็เหมือนกับนกกระทาที่ถูกทำให้ตกใจ และคุกเข่ากับพื้นเสียงดังตุบ

แม่นมจางยังอยากจะเอ่ยอีก แต่ชีหยวนกลับวางปิ่กปักผมและต่างหูที่อยู่ในมือลงบนโต๊ะเสียงดังปัง และถามด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา “ในเมื่อนางเป็นสาวใช้ที่ทำงานชั้นต่ำ เช่นนั้นสาวใช้ใหญ่อยู่ที่ใดเล่า?”

นางหันกลับมา และมองแม่นมจางอย่างราบเรียบ “ข้ากลับมานานขนาดนี้แล้ว ไม่มีน้ำร้อนสักกา แถมไม่เห็นเตาอุ่นมืออีก เจ้าที่เป็นแม่นมผู้ดูแล กลับช่วยข้าดูแลสาวใช้ใหญ่ที่อยู่ภายใต้การปกครองของข้าแบบนี้หรือ?”

เดิมทีแม่นมจางคิดอยากจะใช้ประโยชน์จากสถานการณ์นี้ ขับไล่เหลียนเฉียวออกไป

ถึงอย่างไรภายในเรือนนี้ เป็นการดีที่สุดหากฉีหยวนไม่มีใครที่สามารถสั่งให้ทำอะไรได้เลย

หากพวกเจ้านายไม่มีความภักดีจากคนใช้แล้ว เช่นนั้นต่อไปในจวนนี่ก็เป็นเพียงคนที่หูหนวกตาบอด

แต่คิดไม่ถึงว่า ปฏิกิริยาของชีหยวนจะรุนแรงเช่นนี้

แม่นมจางจึงรีบให้ไป๋จื่อและไป๋อินเข้ามาปรนนิบัติ ทั้งยังตำหนิอีกเป็นชุด “ทำงานเช่นนี้ได้อย่างไร สายตาเฉียบแหลมสู้สาวใช้ที่ทำงานชั้นต่ำผู้หนึ่งไม่ได้ด้วยซ้ำ!”
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Comments (1)
goodnovel comment avatar
Jocky Tagool
เป็นแม่ประสาอะไร ถามจริง
VIEW ALL COMMENTS

Latest chapter

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 614

    ส่วนจะเป็นใคร อีกไม่นานก็ได้รู้กันแล้ว ชีหยวนปรายสายตาเย็นชามองบุรุษฉกรรจ์ร่างใหญ่ผู้นั้นซึ่งถูกยึดกริชไปแล้ว และบัดนี้กำลังจ้องมองตนเองอย่างตะลึงงัน ก่อนจะยิ้มอย่างเย้ยหยันใส่เขาไปที บุรุษฉกรรจ์ร่างใหญ่ผู้นั้นเพิ่งรู้สึกตัว และหวนกลับมาได้สติในที่สุด “ท่านใต้เท้า นางโกหก! นางชั้นต่ำคนนี้โกหก นางจับมือข้าสังหารคน นางเป็นคนจับมือข้าสังหารคนขอรับ!” ทว่าคนของหน่วยปราบปรามกลับมองว่าเขากำลังพูดจาเพ้อพก คุณหนูใหญ่แห่งจวนโหวผู้งามพริ้งนุ่มนวลเช่นนี้ หากบอกว่ารู้จักควบอาชาหรือเป็นวิชาหมัดมวยพื้นฐานพวกเขายังพอเชื่อถือบ้าง แต่จะให้เชื่อว่านางจับมือบุรุษฉกรรจ์ร่างสูงใหญ่แบบนี้สังหารคนเนี่ยนะ? เจ้าหน้าที่ซึ่งกำลังกุมตัวบุรุษผู้นั้นไว้รีบง้างหมัดกระแทกอัดศีรษะเขาไปเต็มแรง “ไอ้สวะคนนี้หัดสำรวมหน่อยสิวะ ข้าอุตส่าห์ไว้หน้าเจ้าแล้วนะ?!” เขาไม่มีความปรานีเลยแม้แต่น้อย หมัดเดียวกระแทกอัดเข้าไป ทำบุรุษฉกรรจ์คนนั้นแผดเสียงร้องโอดครวญลั่น ศีรษะปูดขึ้นเป็นก้อนใหญ่ และในตอนนี้เอง ชุนหลินก็นำทางโหวผู้เฒ่าชีเข้ามา ถึงอย่างไรเขาก็เป็นองครักษ์เสื้อแพร และยังเป็นคนสนิทของไล่เฉิงหลง ดังนั้นแม้ตนเอ

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 613  

    ราวกับผีสางเทวดาบันดาลให้กระทำเช่นนี้ไป เขายกข้อมือของตนเองขึ้น กลับเห็นว่ากริชที่เปื้อนเต็มไปด้วยโลหิตเล่มนั้นอยู่ในมือของตนเอง และในขณะเดียวกัน ด้วยเหตุเกิดถึงชีวิตคน ดังนั้นคนในหอสุราจึงไม่กล้านิ่งเฉยไม่สนใจได้อีกต่อไป พวกเขารีบรุดออกไปที่ถนนเพื่อเรียกคนของหน่วยปราบปรามมาทันที คนของหน่วยปราบปรามมาถึง ก็กรูกันขึ้นไปชั้นบนอย่างไม่รอช้า ชายฉกรรจ์ร่างกำยำเหล่านั้นล้วนแต่อึ้งงัน มองสหายที่นอนแน่นิ่งอยู่บนพื้นก็ได้แต่เบิกตากว้างอ้าปากค้างอยู่แบบนั้น สถานการณ์เมื่อครู่โกลาหลเกินไปจริง ๆ พวกเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าความจริงแล้วเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ มองไม่เห็นด้วยซ้ำว่ากริชเล่มนั้นแทงเข้าที่ท้องของสหายคนนั้นได้อย่างไร ทว่ากลับมีสิ่งหนึ่งที่ชัดเจนที่สุด นั้นก็คือมือสังหารคือสหายของพวกเขาเอง ชีหยวนขมวดคิ้วขึ้น ใบหน้าเจือความเยาะเย้ยอยู่เล็กน้อย ทว่าในแววตากลับเต็มไปด้วยประกายเยือกเย็น คนกลุ่มนี้มาถึงก็หาเรื่องซุ่นจื่อทันที ทำให้ขาของซุ่นจื่อหัก ปากอ้างว่าของถูกขโมย ทว่าท่าทางกลับดูไม่คล้ายว่าอยากได้ของคืนแม้แต่น้อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่นางประกาศชื่อแซ่ของตนเองออกไปพวกมันยังค

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 612  

    และด้านข้างของเขา มีชายฉกรรจ์ร่างใหญ่ยักษ์หลายคน แต่ละคนล้วนหน้านิ่วคิ้วขมวดแววตาเย็นชาใบหน้าเต็มด้วยหนังกร้าวกร้าน มองปราดเดียวก็รู้ทันทีว่าไม่ควรไปข้องเกี่ยวด้วย ซุ่นจื่อตะโกนด้วยความร้อนรน “คุณหนูใหญ่รีบเข้าไปด้านในก่อนขอรับ คนพวกนี้เป็นพวกอันธพาลท้องถิ่น กล่าวหาว่าในกลุ่มของพวกข้ามีใครบางคนไปขโมยครั่นคร้ามพวกมัน…” ยังพูดไม่ทันจบประโยค ชายฉกรรจ์คนหนึ่งก็ยกเท้าขึ้นหมายจะถีบซุ่นจื่ออย่างรุนแรง ชีหยวนขมวดคิ้วขึ้น ทันใดนั้นก็คว้าแจกันดอกไม้ที่วางอยู่บนโต๊ะด้านข้างขึ้นมา และเขวี้ยงใส่ชายฉกรรจ์คนนั้นอย่างไม่รอช้า แจกันบุปผาร่วงหล่นกระแทกพื้น เสียงแตกดังสนั่น เศษกระเบื้องพลันกระจายว่อน ซุ่นจื่อกลิ้งไปด้านข้างด้วยความร้อนรน หลบจากฝ่าเท้าของบุรุษฉกรรจ์คนนั้นได้เฉียดฉิว ชีหยวนขมวดคิ้วพลางมองเสี่ยวเอ้อร์ที่กล้าเพียงแค่ชะโงกศีรษะออกมาจากช่องบันได “ไปแจ้งทางการให้พวกข้าที บอกว่าที่แห่งนี้มีคนเจตนาชั่วช้ากำลังทำร้ายคน จงใจหาเรื่องโดยไม่มีเหตุผล ก่อความไม่สงบสร้างความวุ่นวาย!” เสี่ยวเอ้อร์เสียขวัญเพราะคนกลุ่มนี้อยู่ไม่น้อย ครั้นได้ยินชีหยวนพูดจบ คนเหล่านั้นก็หันมองมายังตนเองทันที ไม่

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 611  

    หลังจากเซียวอวิ๋นถิงออกคำสั่งเรียบร้อย ครั้นกลับถึงเมืองหลวงก็รีบจัดการธุระสำคัญต่อทันที จนเข้าตาฮ่องเต้หย่งชาง ต่อมายังถึงขั้นกดข่มอ๋องฉีไว้ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการสังหารผู่อู๋ย่งและการกวาดล้างลัทธิปทุมพิสุทธิ์ ยิ่งทำให้ฮ่องเต้หย่งชางพอพระทัยกับหลานชายคนนี้อย่างมาก เมื่อก่อนตอนที่อ๋องฉีร้องสั่งโจมตีร้องสั่งกำจัดวังบูรพา พวกเขาสามารถให้เซียวอวิ๋นถิงออกหน้าเพื่อดึงดูดความสนใจของอ๋องฉีและจวนฉู่กั๋วกงได้จริง ทว่าบัดนี้ อ๋องฉีล้มลงแล้ว หากเขายังไม่สามารถหลุดพ้นจากสภาพอันเลวร้ายได้อีก ทุกคนก็จะมองเห็นเพียงแค่เซียวอวิ๋นถิงคนเดียวแล้ว ซ่งเหลียงตี้จ้องมองบุตรชายนิ่ง ๆ อยู่ครู่ใหญ่ก่อนจะเอ่ยว่า “ฝ่าบาทยังทรงมีพระพลานามัยแข็งแรง เจ้าจะรีบร้อนไปไยกัน?” องค์รัชทายาทเดิมมิโปรดปรานชายารัชทายาทมาตั้งแต่ไหนแต่ไร ยิ่งไม่ชอบเซียวอวิ๋นถิงเข้าไปใหญ่ มีเพียงนางผู้เดียวที่ลึก ๆ แล้วเข้าใจอุปนิสัยใจคอของรัชทายาทคนนี้มากที่สุด ภายนอกเขาดูอ่อนแอขี้โรคไร้ซึ่งเล่ห์เหลี่ยมใด ๆ ทว่าความเป็นจริงแล้วกลับเป็นคนลึกซึ้งเจ้าเล่ห์ จิตใจคับแคบเป็นที่สุด เมื่อก่อนเขาโกรธแค้นอ๋องฉี และเคียดแค้นเสี่ยวห

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 610

    เหตุใดยามกลับมาแรกเริ่มนางจึงคิดแต่จะสร้างกระแสก่อน?นางควรจะคิดหาวิธีอื่นตั้งนานแล้ว“มิใช่หรอก” จวิ้นอ๋องหนานอันมองนาง “องค์พี่ของข้าได้กราบทูลฝ่าบาทว่า คุณหนูใหญ่ตระกูลชีอาจมิเห็นเขาอยู่ในสายตา ดังนั้นเขาจึงยังพยายามอยู่ ที่เขาออกจากวังบ่อยครั้ง ก็ขอให้ฝ่าบาทอย่าได้ถือโทษ”เฝิงไฉ่เวยอดไม่ได้ที่จะหัวเราะเยาะออกมาเบา ๆทว่าภายในอกกลับเจ็บปวดจนแทบหายใจไม่ออกนางเข้าใจดีว่าเซียวอวิ๋นถิงทำเช่นนี้เพื่ออะไรชอบจึงกล้าทำสิ่งต่าง ๆ โดยไม่เกรงใจ แต่หากเป็นรักแล้วเล่า กลับต้องรู้จักห้ามใจเขาชอบชีหยวน ถึงขั้นไม่เสียดายที่จะกราบทูลต่อเบื้องพระพักตร์ว่า ชีหยวนยังมิได้ชอบเขาแต่ตนเล่า?นางพยายามถึงเพียงนี้ แต่เขากลับไม่แม้แต่จะชายตามองนางสักครั้งเดียวอยู่ดี ๆ ความสนใจของนางก็เหือดแห้ง “เช่นนั้น จวิ้นอ๋องบอกเรื่องพวกนี้กับข้าน้อย เพื่ออะไรกัน? มันเกี่ยวอะไรกับข้าน้อยด้วยหรือเจ้าคะ?”จวิ้นอ๋องหนานอันหัวเราะอย่างมีนัย “ยาพิษสำหรับคนหนึ่ง อาจเป็นน้ำผึ้งสำหรับอีกผู้หนึ่ง ข้าไม่ได้มีเจตนาอันใด เพียงอยากให้คุณหนูเฝิงรู้ไว้ว่า เลือกคนให้ถูกนั้นสำคัญ เลือกทางให้ถูกนั้นยิ่งสำคัญ หากเลือกผิด ก้า

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 609

    เฝิงไฉ่เวยค่อย ๆ หลับตาลงนางไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่า ที่แท้การจะได้ครอบครองหัวใจของใครสักคนหนึ่ง จะเป็นเรื่องที่ยากเย็นถึงเพียงนี้แต่เหตุใดจึงต้องเป็นเช่นนี้?ทั้งที่ยามนางอยู่ที่ยูนนาน ไม่ว่าเพียงจะกวักมือเรียกใคร คนผู้นั้นก็แทบจะยอมควักหัวใจถวายให้นางทั้งดวงทว่าเซียวอวิ๋นถิงกลับไม่แม้แต่จะใส่ใจว่านางคิดเช่นไร รอจนหมอหลวงหูมาถึง จัดยาให้กับฮองเฮาเฝิงเรียบร้อยแล้ว เขาก็กล่าวว่า “คุณหนูเฝิงบอกว่านางมีวิธีรักษาอาการปวดศีรษะจากลมชั่ว หมอหูลองฟังดูว่าวิธีนี้ใช้ได้หรือไม่”จากนั้นเขาก็ลุกขึ้นกล่าวลากับฮองเฮาเฝิงฮองเฮาเฝิงเม้มริมฝีปาก พลางนวดหว่างคิ้วเบา ๆ แล้วกล่าวเสียงราบเรียบ “เจ้ากลับไปจัดการธุระของเจ้าเถอะ เราจะให้ไฉ่เวยอยู่อีกสักครู่ แล้วค่อยให้นางกลับ”เซียวอวิ๋นถิงขานรับ แล้วก็ออกจากตำหนักไปทันทีในหูของเฝิงไฉ่เวยดังอื้อ ๆ ไปหมด ทั้งคนเต็มไปด้วยความรู้สึกมึนงง แต่ในขณะเดียวกันก็เหมือนจะมีบางอย่างกระจ่างขึ้นที่สับสนคือเพราะเหตุใดความพยายามทั้งหมดจึงไร้ผล?แต่นางก็รับรู้ได้อย่างกระจ่าง ว่าเหตุผลที่ไร้ผลนั้น ก็เพราะเซียวอวิ๋นถิงมีท่าทีต่อชีหยวนแตกต่างจากผู้ใดทั้งสิ้นต่อผู้

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status