Share

บทที่ 20

Author: ฉินอันอัน
ชีหยวนนั่งอยู่ด้านข้างเงียบ ๆ กำลังคิดว่าควรทำอย่างไรถึงจะเชื่อมความสัมพันธ์กับจิ้นอ๋องได้ ก็เห็นแม่นมสวีเดินเข้ามาจากด้านนอกด้วยสีหน้าที่รีบร้อนไปยังโต๊ะอาหารของนางหวัง และกระซิบอะไรบางอย่างอยู่ข้างหูนางหวัง

เดิมทีนางหวังกำลังพูดคุยกับน้องสะใภ้ทั้งสอง ว่าจะเชิญอุปรากรจีนคณะใดดี

เมื่อฟังแม่นมสวีพูดจบ ก็ลุกขึ้นยืนจากตรงนั้น และถามด้วยความโกรธจัด “อะไรนะ?”

เมื่อเห็นนางเป็นเช่นนี้ ฮูหยินรองกับฮูหยินสามก็ถามอย่างรีบร้อน “เป็นอะไรหรือเจ้าคะ พี่สะใภ้ใหญ่? มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นอย่างนั้นหรือถึงได้กังวลใจเช่นนี้?”

สีหน้าของนางหวังเปลี่ยนแล้วก็เปลี่ยนอีก กัดริมฝีปากและมองไปทางชีเจิ้น “ท่านโหว อาจิ่นเป็นลมไปแล้วเจ้าค่ะ...”

ศาลบรรพบุรุษหนาวเย็น และลมแรง เดิมร่างกายของชีจิ่นก็เปราะบางอยู่แล้ว

เวลานี้ความไม่พอใจต่อชีหยวนที่อยู่ในใจของนางหวังถึงจุดสูงสุดแล้ว และนางก็รู้สึกเบื่อหน่ายบุตรสาวที่พอกลับมาก็ทำให้บ้านวุ่นวายจนพลิกหน้ามือเป็นหลังมือคนนี้จริง ๆ

ความสัมพันธ์ทางสายเลือดที่ไม่มีพื้นฐานทางด้านอารมณ์ บางครั้งก็เป็นเพียงภาระเท่านั้น

ชีเจิ้นสีหน้าเคร่งขรึมลงเล็กน้อย

อย่างไรเสียก็ยังคงเป็นบุตรที่เลี้ยงดูมานานหลายปี แถมเรื่องในครั้งนี้ ต่างก็เป็นชีอวิ๋นถิงคนสารเลวนั่นก่อไว้ และไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับชีจิ่นเลย

เขาจึงโบกมือเล็กน้อย “ช่างเถอะ ช่างเถอะ ให้คนพยุงนางกลับเข้ามาในจวน และเชิญหมอหลวงเข้ามาดูเสีย”

มีเหตุการณ์เช่นนี้แทรกเข้ามา นางหวังยังจะนั่งนิ่งอยู่ได้อย่างไร?

นางลุกขึ้นอย่างร้อนรนและพาสาวใช้ไปเยี่ยมที่ห้องชีจิ่นด้วยกัน

จนนางลืมชีหยวนไปเสียหมดสิ้นแล้ว

เหล่าลูกพี่ลูกน้องที่อยู่เรือนรองและเรือนสามต่างก็มองไปที่ชีหยวนอย่างกังวลเล็กน้อย

ทั้งยังไม่รู้ด้วยว่าควรจะเอ่ยปากอย่างไรดี

ถึงอย่างไรตามสถานการณ์ปกติแล้ว นางหวังควรเป็นคนพาชีหยวนมาพบพวกนางที่เป็นน้องชายน้องสาวเหล่านี้อย่างเป็นทางการ

แต่นางหวังไม่รู้ว่าลืมหรือเป็นเพราะเหตุใด ถึงขนาดไม่มีความคิดจะทำเช่นนี้ด้วยซ้ำ

จนกระทั่งทุกคนไม่รู้ว่าควรจะเข้าหาชีหยวนอย่างไรดี

ยังคงเป็นตอนที่ฮูหยินรองเข้ามา และเห็นว่าชีหยวนยังอยู่ ก็ประหลาดใจอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะตั้งสติขึ้นมาได้ “อาหยวน เจ้ายังไม่รู้จักบรรดาพี่น้องเหล่านี้ของเจ้าใช่หรือไม่?”

บนใบหน้าของนางมีรอยยิ้ม และแสร้งทำเป็นไม่รับรู้ว่านางหวังละเลยบุตรสาวคนนี้แล้ว

นางไม่มีความจำเป็นจะต้องทำให้เด็กคนหนึ่งลำบากใจ

ดังนั้นนางจึงยิ้มและดึงบุตรสาวสองคนของตนเองออกมาก่อน “นี่คืออินเอ๋อร์น้องสามของเจ้า” นางชี้ไปทางเด็กผู้หญิงที่สวมเสื้อคลุมสีเหลืองห่าน

ชีอินถอนหายใจด้วยความโล่งอก และรีบลุกขึ้นเพื่อทักทายกับชีหยวน “พี่หญิงใหญ่!”

เด็กผู้หญิงที่ธรรมดาดู ๆ ไปแล้วก็น่ารักกว่ามาก

ชีหยวนยิ้มและพยักหน้าเล็กน้อย จากนั้นก็ทักทายกลับอย่างสุภาพ “น้องสาม”

ฮูหยินรองยังชี้ไปทางหญิงสาวอีกคนที่ยืนอยู่ด้านข้างซึ่งสวมเสื้อคลุมสีเงินแดงอยู่ด้วย “และนี่ก็คืออานั่วน้องสี่ของเจ้า!”

ชีนั่วลุกยืนขึ้นตั้งนานแล้ว และรอมารดาเอ่ยจบ จึงตะโกนเสียงหวานออกมา “พี่หญิงใหญ่”

ฮูหยินยังคงแนะนำต่อไปอีกครั้ง พอนางชี้ไป เด็กหนุ่มคนนั้นก็แย่งเอ่ย “ข้าคือฉางถิง!”

ชีฉางถิงหรือ ชีหยวนยิ้มตาหยีและเอื้อมมือไปลูบศีรษะของเขาเบา ๆ “สวัสดีจ้ะ น้องฉางถิง”

บรรยากาศที่เงียบงันอยู่ครู่หนึ่งในที่สุดก็คึกคักขึ้นมา

หลังจากนั้นไม่นานฮูหยินสามก็รีบเดินเข้ามา เมื่อเห็นสถานการณ์เช่นนั้นแล้ว จะยังไม่เข้าใจอีกได้อย่างไร?

นางจึงแนะนำบรรดาบุตรของตนเอง ในขณะเดียวกันก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจเล็กน้อย

แม้พี่ใหญ่และพี่สะใภ้ใหญ่เตรียมที่จะยอมรับบุตรสาวคนนี้แล้ว แต่เห็นเช่นนี้ ก็กลัวว่าชีวิตต่อจากนี้ของชีหยวนจะกลับมายากลำบากอีกครั้ง

แต่ชีหยวนกลับไม่มีความกังวลนี้เลย นางควรจะเอ่ยตอบก็เอ่ยตอบ ควรจะยิ้มก็ยิ้ม

หลังจากรับประทานอาหารมื้อหนึ่งเสร็จ กลับทำให้ชีซงกับชีป่ายพึงพอใจอย่างมาก และเอ่ยกับพี่ชายอย่างเป็นกันเอง “พี่ใหญ่ เด็กคนนี้เหมือนกับเด็กที่พวกเราเลี้ยงดูเองเลยนะขอรับ หากพี่ไม่บอก ข้าก็คงไม่เชื่อเลยว่ารับนางกลับมาจากด้านนอก!”

ชีเจิ้นรู้สึกสบายใจในทันที

ใช่แล้ว มีบุตรสาวที่ใช้ได้คนหนึ่ง แน่นอนว่าต้องดีกว่าพวกที่ไม่สามารถออกสู่สังคมชั้นสูงได้อยู่แล้ว

เมื่ออยู่ในความสบายใจ เขาก็เริ่มมีท่าทางของบิดาผู้ใจดีขึ้นมาเล็กน้อย และเมื่อเห็นนางหวังจากไป ยังต้องการไปส่งชีหยวนกลับเรือนด้วยตนเองอีก

ภายใต้แสงจันทร์ สองพ่อลูกเดินเคียงกัน ชีหยวนเดินทิ้งระยะห่างตามหลังชี้เจิ้นอยู่ก้าวหนึ่ง และตั้งแต่ต้นจนจบก็ไม่เคยแซงหน้าเขาเลย

นี่ยิ่งทำให้ชีเจิ้นเชื่อว่าชีหยวนผ่านการอบรมจากตระกูลใหญ่มาแล้ว

เขากระแอมเล็กน้อย “หลังจากกลับมา เจ้ามีอะไรที่ยังรู้สึกไม่คุ้นเคยอีกหรือไม่?”

ชีหยวนเอ่ยเสียงเบา “นอกจากไม่เข้าใจว่าเหตุใดพี่ชายถึงมีเจตนาเป็นศัตรูที่ลึกซึ้งกับข้านัก ที่เหลือก็ไม่มีสิ่งใดที่รู้สึกไม่คุ้นเคยเจ้าค่ะ”

คาดไม่ถึงว่าชีหยวนจะพูดจาอย่างตรงไปตรงมาเช่นนี้ บนใบหน้าของชีเจิ้นจึงดูกังวลเล็กน้อย “เจ้าวางใจเถอะ ลูกเวรนั่น ในฐานะบิด าต่อไปข้าจะต้องควบคุมให้ดี และไม่ปล่อยให้เขารุกรานเจ้าอีกอย่างแน่นอน”

คำพูดเหล่านี้ ชีหยวนได้ยินเข้าไปในหู แต่ก็ไม่ได้คิดจริงจัง

ความใส่ใจของนางหวังที่มีต่อชีจิ่นกับชีอวิ๋นถิงเห็นได้ชัดมาก แม้ชีเจิ้นจะบอกว่าลงโทษชีอวิ๋นถิงแล้ว แต่ก็เป็นเพราะเขารู้สึกว่าชีอวิ๋นถิงกระทำไม่ถูกต้อง ดังนั้นจึงลงโทษเพื่อเป็นการตักเตือนเล็กน้อยเท่านั้นเอง

ทว่าถึงอย่างไรนางก็ไม่คาดหวังว่าจะอาศัยให้ชีเจิ้นจัดการกับชีอวิ๋นถิงจริง ๆ

สภาพจิตใจของนางดีมากแล้ว

ตั้งแต่กลับมาเกิดใหม่อีกครั้ง ทุกวันที่นางได้ใช้ชีวิต ก็จะเป็นอีกวันหนึ่งที่ได้กำไร

ชีวิตอย่างในชาติที่แล้ว นางจะไม่มีวันกลับไปใช้อีกเด็ดขาด

เวลาที่เหลือ นางจะใช้เพื่อเป็นเพื่อนเล่นกับชีจิ่นและชีอวิ๋นถิงได้อย่างช้า ๆ

ทันทีที่กลับถึงเรือนของตนเอง เหลียนเฉียวก็คอยอยู่ที่ปากประตูเรือนอย่างใจจดใจจอแล้ว แถมยังถือตะเกียงไว้อีก เมื่อเห็นชีหยวนก็วิ่งเข้ามาหานางด้วยรอยยิ้ม “คุณหนูใหญ่ ท่านกลับมาแล้วหรือเจ้าคะ!”

รอยยิ้มบนใบหน้าของเหลียนเฉียวช่างจริงใจหลือเกิน แม้กระทั่งชีหยวนยังรู้สึกดีไปด้วย จนนางก็ยิ้มตาม และเดินกลับเรือนไปพร้อมกับเหลียนเฉียว พลางถาม “ท่านแม่ของเจ้าเป็นเช่นไรบ้าง?”

เหล่าสาวใช้ที่เกิดในตระกูลเหล่านี้ล้วนอาศัยอยู่บนถนนด้านนอกจวน

หากต้องการออกจวนเพื่อกลับบ้านก็จะสะดวกมาก

เหลียนเฉียวมีความสุขจนใบหน้าแดงขึ้นมาเล็กน้อย “โชคดีที่ได้คุณหนูใหญ่ ท่านหลวงจึงไปตรวจดูท่านแม่ของข้าแล้ว และบอกว่าให้นางอดทนกินยา อาการก็จะดีขึ้นกว่าแต่ก่อนแน่นอนเจ้าค่ะ”

ภายในวันเดียว ชีวิตของมนุษย์ก็ถูกเปลี่ยนไปแล้ว

เหลียนเฉียวรู้สึกซาบซึ้งใจต่อชีหยวนจนอยากก้มตัวลงกราบเลย

แม่นมจางเปิดม่านเข้ามา และเห็นเหลียนเฉียวกำลังช่วยชีหยวนถอดปิ่นปักผมกับต่างหูที่อยู่บนศีรษะออก จึงตำหนิด้วยเสียงที่ดุดัน “หยุดนะ! เจ้าเป็นผู้ใดกัน? เป็นเพียงสาวใช้ที่ทำงานชั้นต่ำคนหนึ่ง ถึงกับกล้าเหยียบเข้ามาในห้องนอน แถมยังปรนนิบัติอย่างถึงเนื้อถึงตัวอีก เจ้าก็คู่ควรหรือ?”

ทันใดนั้นเหลียนเฉียวก็เหมือนกับนกกระทาที่ถูกทำให้ตกใจ และคุกเข่ากับพื้นเสียงดังตุบ

แม่นมจางยังอยากจะเอ่ยอีก แต่ชีหยวนกลับวางปิ่กปักผมและต่างหูที่อยู่ในมือลงบนโต๊ะเสียงดังปัง และถามด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา “ในเมื่อนางเป็นสาวใช้ที่ทำงานชั้นต่ำ เช่นนั้นสาวใช้ใหญ่อยู่ที่ใดเล่า?”

นางหันกลับมา และมองแม่นมจางอย่างราบเรียบ “ข้ากลับมานานขนาดนี้แล้ว ไม่มีน้ำร้อนสักกา แถมไม่เห็นเตาอุ่นมืออีก เจ้าที่เป็นแม่นมผู้ดูแล กลับช่วยข้าดูแลสาวใช้ใหญ่ที่อยู่ภายใต้การปกครองของข้าแบบนี้หรือ?”

เดิมทีแม่นมจางคิดอยากจะใช้ประโยชน์จากสถานการณ์นี้ ขับไล่เหลียนเฉียวออกไป

ถึงอย่างไรภายในเรือนนี้ เป็นการดีที่สุดหากฉีหยวนไม่มีใครที่สามารถสั่งให้ทำอะไรได้เลย

หากพวกเจ้านายไม่มีความภักดีจากคนใช้แล้ว เช่นนั้นต่อไปในจวนนี่ก็เป็นเพียงคนที่หูหนวกตาบอด

แต่คิดไม่ถึงว่า ปฏิกิริยาของชีหยวนจะรุนแรงเช่นนี้

แม่นมจางจึงรีบให้ไป๋จื่อและไป๋อินเข้ามาปรนนิบัติ ทั้งยังตำหนิอีกเป็นชุด “ทำงานเช่นนี้ได้อย่างไร สายตาเฉียบแหลมสู้สาวใช้ที่ทำงานชั้นต่ำผู้หนึ่งไม่ได้ด้วยซ้ำ!”
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Comments (1)
goodnovel comment avatar
Jocky Tagool
เป็นแม่ประสาอะไร ถามจริง
VIEW ALL COMMENTS

Latest chapter

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 805

    ชีหยวนรับรู้ได้นางขมวดคิ้ว ถอนมือกลับมา กล่าวเสียงทุ้มต่ำว่า “ก็แค่เรื่องเล็กน้อย มิใช่เรื่องใหญ่อันใด อีกไม่กี่วันก็คงหายเอง”แท้จริงนางคิดเช่นนี้เอง ไม่ว่าบาดแผลจะหนักหนาเพียงใด นางกลับเห็นว่าไม่ใช่เรื่องใหญ่ อีกไม่กี่วันก็คงหายไล่เฉิงหลงพลันโกรธขึ้นมาเล็กน้อยทว่าเขาย่อมรู้ดีว่าโทสะนี้หาใช่มีเหตุผลอันใดไม่คุณหนูใหญ่ชีเป็นอะไรกับเขากัน?หากจะนับให้ชัด ก็เพียงสหายร่วมงาน เป็นผู้มีพระคุณแต่ทว่า หัวใจเขากลับมิยอมเชื่อฟังคำสั่งตนเองตั้งแต่เมื่อใดกัน ที่เขาเริ่มมีใจต่อคุณหนูใหญ่ชี?ไล่เฉิงหลงครุ่นคิดเนิ่นนาน แต่ก็หานึกไม่ออกว่าคือเวลาใดแน่ชัดทว่า มีอยู่ค่ำคืนหนึ่งที่เขาจำได้อย่างชัดแจ้งคืนที่ชีหยวนออกไปสังหารองค์หญิงเป่าหรงทั้ง ๆ ที่เขาสะสางเรื่องของชินอ๋องหวยเหลียงเสร็จสิ้นแล้ว แต่ก็ยังเจตนาอ้อมไปยังหน้าผา ทอดมองผนังภูเขาสูงชัน และไม้เลื้อยกับต้นเถาวัลย์เหล่านั้น แล้วก็ยืนเหม่อลอยอยู่เนิ่นนานชั่วขณะนั้น ทั้งที่เขามองไม่เห็นแม้เพียงเงาร่างของชีหยวน ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าชีหยวนปีนขึ้นไปแล้วหรือไม่แต่ไม่รู้เพราะเหตุใด เขารู้สึกว่าเพียงยืนรออยู่เบื้องล่าง คอยรออยู่ชั่วขณะ ก

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 804

    สวี่เฟิ่งเชี่ยวอยู่ด้านล่างโกรธจนกระทืบเท้า จะไล่ตามไปโดยสัญชาตญาณทว่าพอเพิ่งจะลงมาถึงข้างล่าง ชีหยวนก็หันกายกลับพลันพุ่งตัวโถมลงมาอย่างแรง กดทับสวี่เฟิ่งเชี่ยวล้มกระแทกลงกับพื้น ตัวนางกดร่างของสวี่เฟิ่งเชี่ยวไว้แน่นหนาสวี่เฟิ่งเชี่ยวถึงกับตะลึงงันไป เผลอหลุดคำด่าออกมา “เจ้าคนชั่ว! เจ้าคนหลอกลวง! เจ้านี่เหมือนที่ท่านอ๋องกล่าวไว้ไม่มีผิด ปากไม่เคยพูดความจริงเลยสักคำ!”ครั้งนี้ชีหยวนไม่ตอบโต้สักคำ ไม่พูดพร่ำทำเพลงฟาดฝ่ามือลงไปฉาดใหญ่ทันที จนหูของสวี่เฟิ่งเชี่ยวอื้ออึงขึ้นมาในบัดดลโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย ชีหยวนฟาดฝ่ามือที่สองลงไปอีกจากนั้น ไม่รอให้สวี่เฟิ่งเชี่ยวได้ตั้งตัวเปล่งเสียงด่าออกมา ก็ตามติดด้วยฉาดที่สาม และต่อด้วยฉาดที่สี่……ตบไม่หยุดจนสองแก้มของสวี่เฟิ่งเชี่ยวบวมพองประหนึ่งหัวหมู พูดเป็นประโยคเต็ม ๆ สักคำก็มิอาจเปล่งออกมาได้ชีหยวนจึงเอ่ยเสียงเย็น “ข้าชิงชังผู้อื่นมาตบหน้าข้าเป็นที่สุด”ครั้งหนึ่งในอดีต ตอนที่นางอยู่ในค่ายฝึกหน่วยกล้าตาย รุ่นพี่ที่สอนนางในตอนนั้น มักจะชอบตบหน้าผู้อื่นทำท่าท่าไม่คล่องแคล่ว ปฏิบัติภารกิจพลาด ก็ต้องถูกตบหน้าตอนนั้นนางไม่เคยแม้แต่จะคิด

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 803

    แส้ของสวี่เฟิ่งเชี่ยวนั้นเต็มไปด้วยหนามแหลม ครั้นเมื่อชีหยวนเอื้อมมือคว้าจับ ก็พลันรู้สึกถึงความเจ็บปวดรุนแรงพุ่งแล่นเข้ามาโดยปกติแล้ว นางเป็นผู้ที่มีอดทนต่อความเจ็บปวดได้เป็นพิเศษ ทว่าครั้งนี้ แม้แต่ตัวนางเองยังเกือบกลั้นไม่อยู่เฉียดจะอุทานร้องออกมาทว่านางก็ยังกัดฟันข่มทนไว้ได้ ผลักสวี่เฟิ่งเชี่ยวกระแทกเข้ากับผนังเขาอย่างแรงชีฉางถิงก็พลันคลานออกไปได้สำเร็จในที่สุดชีหยวนจึงค่อยๆ ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกแต่ยังไม่ทันจะได้ผ่อนคลายอย่างเต็มที่ สวี่เฟิ่งเชี่ยวก็หัวเราะเย็นอย่างเหี้ยมเกรียมใส่ชีหยวน “คำร่ำลือในยุทธภพ ต่างพูดกันว่าคุณหนูใหญ่ตระกูลชี เป็นผู้ไร้ซึ่งความรู้สึก ไม่ว่าต่อผู้ใดก็เย็นชาเฉยเมยไปเสียหมด บัดนี้ดูไปแล้ว คำร่ำลือนั้นก็ไม่เป็นเช่นนั้นเสียทั้งหมดนะ?”นางพลิกมือกลับบิดข้อศอกของชีหยวน พลันออกแรง ผลักกลับอย่างฉับพลัน พลันทำให้ชีหยวนถูกกดเข้ากับผนังหน้าผาแทน จ้องมองเลือดในฝ่ามือของชีหยวนแล้วหรี่ตาลง “จุ๊ ๆ ๆ เพียงเพื่อน้องชาย เจ้ากลับยอมสละได้ถึงเพียงนี้ เหตุใดท่านอ๋องถึงเอ่ยว่าเจ้านั้นไร้หัวใจไร้ธรรมเล่า?”“ท่านอ๋อง?”ชีหยวนแค่นหัวเราะออกมา “ใช่แล้วสิ เหตุใดท่านอ

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 802

    ความสามารถทั้งปวงของสวี่เฟิ่งเชี่ยวนั้น ล้วนเรียนติดมาจากสวี่ไห่และตงอิ๋งเรียกได้ว่า นางเติบโตขึ้นท่ามกลางกองซากศพตั้งแต่เยาว์วัยด้วยเหตุนี้ นางจึงมิได้ให้เกียรติแก่ชีวิตใด ๆ เลย มองข้ามไปอย่างสิ้นเชิงช่างเป็นผู้ฆ่าคนโดยไม่กะพริบตาจริงๆชีหยวนเคยปะทะกับนางมาแล้วครั้งหนึ่ง ตอนนั้นองค์หญิงเป่าหรงถูกกักขังแล้ว สวี่เฟิ่งเชี่ยวกับองค์หญิงเป่าหรงสนิทชิดใกล้ นางจึงมาหาเรื่องชีหยวนเพื่อองค์หญิงเป่าหรงนางกดบ่าของชีหยวน แล้วผลักนางลงมาจากหอคอยสูงเจ็ดชั้นโชคดีที่ชีหยวนตอบสนองรวดเร็ว ยึดกิ่งไม้ของต้นไม้โบราณที่ข้าง ๆ ได้ทัน จึงพอชะลอแรงตกลงมาได้ ไม่เช่นนั้นชีวิตคงสิ้นไปแล้วหากว่ากันตามจริง ความสามารถของสวี่เฟิ่งเชี่ยวหาได้ด้อยกว่านางไม่เลยแต่ชีหยวนกลับมิได้กังวล เพียงเอ่ยอุทานเอะใจ “เหตุใดฮองเฮาแห่งท้องทะเลเช่นเจ้า ถึงได้มาที่เมืองหลวงได้ แล้วยังปลอมปนเข้ามาเป็นสตรีในตระกูลเฝิง กลายเป็นคุณหนูเฝิงไปเสียได้?”สายตาที่สวี่เฟิ่งเชี่ยวมองชีหยวนนั้น ตั้งแต่วินาทีแรกก็ผิดแปลกไปแล้วสตรีผู้นี้กลับรู้จักตนและดูเหมือนจะรู้เรื่องราวเกี่ยวกับตนอย่างถ่องแท้นางวางมือไว้ตรงเอวราวไม่ใส่ใจ พลา

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 801

    ชีฉางถิงถึงกับตะลึงงันเขามั่นใจคิดไปเองว่า วันนี้เพียงแค่เชื่อฟังคำสั่งของผู้ใหญ่ออกมาดูตัว ออกมาพบหญิงสาวที่อาจเป็นภรรยาในอนาคตของตนแต่ไม่คาดคิดเลยว่า สิ่งที่ต้อนรับเขา กลับไม่ใช่ท่าทีความอ่อนโยนหรือความเอียงอายของหญิงสาว หากแต่เป็นคมดาบอันวาววับเย็นเยียบเขาอย่างไรเสียก็เป็นคนเกิดในตระกูลแม่ทัพ ขณะที่ตนเองแม้ตั้งใจเล่าเรียนเพื่อเตรียมสอบบัณฑิต แต่ทักษะการฝึกกายให้แข็งแรงก็ยังได้ฝึกมาอยู่บ้าง ทันใดนั้นจึงง้างขาเตะออกไปเต็มแรงช่องทางแคบเพียงเส้นเดียวนี้ เกินกว่าจะเคลื่อนไหวได้ถนัดจริง ๆชีฉางถิงถอยร่นไม่หยุด เท้ายกเตะถีบต่อเนื่องไม่ขาด เฝิงไฉ่อินตัวปลอมกลับไม่อาจลงมือได้ในทันใด จึงโกรธเกรี้ยวตวาดว่า “เจ้าหาเรื่องตายงั้นหรือ!”เอ่ยพลางควักเอาลูกดอกจากเอว กระโจนขว้างไปยังชีฉางถิงอย่างแรงที่ตรงนั้นคับแคบยิ่งนัก ชีฉางถิงไม่มีทางหลบพ้น ลูกดอกปักเข้าที่บ่าของเขาเต็ม ๆ เจ็บจนร้องลั่นออกมาเสียงหนึ่ง ล้มตัวลงนั่งกองกับพื้น“เตะสิ ทำไมไม่เตะต่อเล่า?” ‘เฝิงไฉ่อิน’ สีหน้าเย็นเยียบ เอียงศีรษะย่อตัวลง คว้าจับปกเสื้อชีฉางถิง แล้วชกหมัดหนึ่งเข้าที่จมูกของชีฉางถิงชีฉางถิงเลือดกำเดาทะลักออ

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 800

    จะมีหนทางใดในการล้างแค้นตระกูลชีเล่า ทำให้การแต่งงานครั้งนี้ล้มไม่เป็นท่าหรือ?ชีหยวนคือนักฆ่า ดังนั้นนางจึงพิจารณาปัญหาจากมุมของนักฆ่า แล้วก็พลันเผยรอยยิ้มเย็นเยียบ เร่งฝีเท้าไปยังหลังเขาเฝิงอวี้จางก็กำลังนั่งดื่มชาอยู่กับนายท่านรองชีเขาเอ่ยยิ้ม ๆ ว่า “ใครจะคิดเล่า ว่าตระกูลเราจะได้มาดองกันเช่นนี้? นี่ช่างเป็นวาสนาแท้ ๆ!”แต่นายท่านรองชีกลับรู้สึกแปลก ๆ อยู่ลึก ๆ เพราะยังมิได้ตกลงกันแท้จริง จะกล้าพูดว่าเป็นดองแล้วได้อย่างไร?เขาส่ายหน้าเล็กน้อย เอ่ยอย่างระมัดระวังว่า “สุดท้ายก็ยังต้องดูว่าเด็ก ๆ จะชอบพอกันหรือไม่ เพราะการแต่งงานเป็นเรื่องใหญ่ของชีวิต หาใช่เรื่องจะสะเพร่าได้”เวลานี้คนตระกูลชีกล่าวว่าอย่างไรก็ย่อมเป็นไปตามนั้นเฝิงอวี้จางย่อมไม่โต้เถียง เพียงยิ้มรับคำ แต่ในใจกลับวางใจลงไปมากต่างกับไฉ่เวย ไฉ่อินผู้นี้เป็นเด็กสาวที่ไม่เหมือนใครจริง ๆนางชอบอ่านตำรา และยังชอบทำความดีช่วยเหลือผู้คนตั้งแต่เล็ก ๆ เห็นน้องชายหรือน้องสาวถูกรังแก ก็มักออกหน้าปกป้องพวกเขาเสมอเด็กสาวเช่นนี้ เขามั่นใจว่าชีฉางถิงต้องชอบเป็นแน่ขณะนั้นเอง ชีฉางถิงกลับยืนเก้ ๆ กัง ๆ ไม่รู้จะวางมือไว้

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status