แชร์

บทที่ 20

ผู้เขียน: ฉินอันอัน
ชีหยวนนั่งอยู่ด้านข้างเงียบ ๆ กำลังคิดว่าควรทำอย่างไรถึงจะเชื่อมความสัมพันธ์กับจิ้นอ๋องได้ ก็เห็นแม่นมสวีเดินเข้ามาจากด้านนอกด้วยสีหน้าที่รีบร้อนไปยังโต๊ะอาหารของนางหวัง และกระซิบอะไรบางอย่างอยู่ข้างหูนางหวัง

เดิมทีนางหวังกำลังพูดคุยกับน้องสะใภ้ทั้งสอง ว่าจะเชิญอุปรากรจีนคณะใดดี

เมื่อฟังแม่นมสวีพูดจบ ก็ลุกขึ้นยืนจากตรงนั้น และถามด้วยความโกรธจัด “อะไรนะ?”

เมื่อเห็นนางเป็นเช่นนี้ ฮูหยินรองกับฮูหยินสามก็ถามอย่างรีบร้อน “เป็นอะไรหรือเจ้าคะ พี่สะใภ้ใหญ่? มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นอย่างนั้นหรือถึงได้กังวลใจเช่นนี้?”

สีหน้าของนางหวังเปลี่ยนแล้วก็เปลี่ยนอีก กัดริมฝีปากและมองไปทางชีเจิ้น “ท่านโหว อาจิ่นเป็นลมไปแล้วเจ้าค่ะ...”

ศาลบรรพบุรุษหนาวเย็น และลมแรง เดิมร่างกายของชีจิ่นก็เปราะบางอยู่แล้ว

เวลานี้ความไม่พอใจต่อชีหยวนที่อยู่ในใจของนางหวังถึงจุดสูงสุดแล้ว และนางก็รู้สึกเบื่อหน่ายบุตรสาวที่พอกลับมาก็ทำให้บ้านวุ่นวายจนพลิกหน้ามือเป็นหลังมือคนนี้จริง ๆ

ความสัมพันธ์ทางสายเลือดที่ไม่มีพื้นฐานทางด้านอารมณ์ บางครั้งก็เป็นเพียงภาระเท่านั้น

ชีเจิ้นสีหน้าเคร่งขรึมลงเล็กน้อย

อย่างไรเสียก็ยังคงเป็นบุตรที่เลี้ยงดูมานานหลายปี แถมเรื่องในครั้งนี้ ต่างก็เป็นชีอวิ๋นถิงคนสารเลวนั่นก่อไว้ และไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับชีจิ่นเลย

เขาจึงโบกมือเล็กน้อย “ช่างเถอะ ช่างเถอะ ให้คนพยุงนางกลับเข้ามาในจวน และเชิญหมอหลวงเข้ามาดูเสีย”

มีเหตุการณ์เช่นนี้แทรกเข้ามา นางหวังยังจะนั่งนิ่งอยู่ได้อย่างไร?

นางลุกขึ้นอย่างร้อนรนและพาสาวใช้ไปเยี่ยมที่ห้องชีจิ่นด้วยกัน

จนนางลืมชีหยวนไปเสียหมดสิ้นแล้ว

เหล่าลูกพี่ลูกน้องที่อยู่เรือนรองและเรือนสามต่างก็มองไปที่ชีหยวนอย่างกังวลเล็กน้อย

ทั้งยังไม่รู้ด้วยว่าควรจะเอ่ยปากอย่างไรดี

ถึงอย่างไรตามสถานการณ์ปกติแล้ว นางหวังควรเป็นคนพาชีหยวนมาพบพวกนางที่เป็นน้องชายน้องสาวเหล่านี้อย่างเป็นทางการ

แต่นางหวังไม่รู้ว่าลืมหรือเป็นเพราะเหตุใด ถึงขนาดไม่มีความคิดจะทำเช่นนี้ด้วยซ้ำ

จนกระทั่งทุกคนไม่รู้ว่าควรจะเข้าหาชีหยวนอย่างไรดี

ยังคงเป็นตอนที่ฮูหยินรองเข้ามา และเห็นว่าชีหยวนยังอยู่ ก็ประหลาดใจอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะตั้งสติขึ้นมาได้ “อาหยวน เจ้ายังไม่รู้จักบรรดาพี่น้องเหล่านี้ของเจ้าใช่หรือไม่?”

บนใบหน้าของนางมีรอยยิ้ม และแสร้งทำเป็นไม่รับรู้ว่านางหวังละเลยบุตรสาวคนนี้แล้ว

นางไม่มีความจำเป็นจะต้องทำให้เด็กคนหนึ่งลำบากใจ

ดังนั้นนางจึงยิ้มและดึงบุตรสาวสองคนของตนเองออกมาก่อน “นี่คืออินเอ๋อร์น้องสามของเจ้า” นางชี้ไปทางเด็กผู้หญิงที่สวมเสื้อคลุมสีเหลืองห่าน

ชีอินถอนหายใจด้วยความโล่งอก และรีบลุกขึ้นเพื่อทักทายกับชีหยวน “พี่หญิงใหญ่!”

เด็กผู้หญิงที่ธรรมดาดู ๆ ไปแล้วก็น่ารักกว่ามาก

ชีหยวนยิ้มและพยักหน้าเล็กน้อย จากนั้นก็ทักทายกลับอย่างสุภาพ “น้องสาม”

ฮูหยินรองยังชี้ไปทางหญิงสาวอีกคนที่ยืนอยู่ด้านข้างซึ่งสวมเสื้อคลุมสีเงินแดงอยู่ด้วย “และนี่ก็คืออานั่วน้องสี่ของเจ้า!”

ชีนั่วลุกยืนขึ้นตั้งนานแล้ว และรอมารดาเอ่ยจบ จึงตะโกนเสียงหวานออกมา “พี่หญิงใหญ่”

ฮูหยินยังคงแนะนำต่อไปอีกครั้ง พอนางชี้ไป เด็กหนุ่มคนนั้นก็แย่งเอ่ย “ข้าคือฉางถิง!”

ชีฉางถิงหรือ ชีหยวนยิ้มตาหยีและเอื้อมมือไปลูบศีรษะของเขาเบา ๆ “สวัสดีจ้ะ น้องฉางถิง”

บรรยากาศที่เงียบงันอยู่ครู่หนึ่งในที่สุดก็คึกคักขึ้นมา

หลังจากนั้นไม่นานฮูหยินสามก็รีบเดินเข้ามา เมื่อเห็นสถานการณ์เช่นนั้นแล้ว จะยังไม่เข้าใจอีกได้อย่างไร?

นางจึงแนะนำบรรดาบุตรของตนเอง ในขณะเดียวกันก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจเล็กน้อย

แม้พี่ใหญ่และพี่สะใภ้ใหญ่เตรียมที่จะยอมรับบุตรสาวคนนี้แล้ว แต่เห็นเช่นนี้ ก็กลัวว่าชีวิตต่อจากนี้ของชีหยวนจะกลับมายากลำบากอีกครั้ง

แต่ชีหยวนกลับไม่มีความกังวลนี้เลย นางควรจะเอ่ยตอบก็เอ่ยตอบ ควรจะยิ้มก็ยิ้ม

หลังจากรับประทานอาหารมื้อหนึ่งเสร็จ กลับทำให้ชีซงกับชีป่ายพึงพอใจอย่างมาก และเอ่ยกับพี่ชายอย่างเป็นกันเอง “พี่ใหญ่ เด็กคนนี้เหมือนกับเด็กที่พวกเราเลี้ยงดูเองเลยนะขอรับ หากพี่ไม่บอก ข้าก็คงไม่เชื่อเลยว่ารับนางกลับมาจากด้านนอก!”

ชีเจิ้นรู้สึกสบายใจในทันที

ใช่แล้ว มีบุตรสาวที่ใช้ได้คนหนึ่ง แน่นอนว่าต้องดีกว่าพวกที่ไม่สามารถออกสู่สังคมชั้นสูงได้อยู่แล้ว

เมื่ออยู่ในความสบายใจ เขาก็เริ่มมีท่าทางของบิดาผู้ใจดีขึ้นมาเล็กน้อย และเมื่อเห็นนางหวังจากไป ยังต้องการไปส่งชีหยวนกลับเรือนด้วยตนเองอีก

ภายใต้แสงจันทร์ สองพ่อลูกเดินเคียงกัน ชีหยวนเดินทิ้งระยะห่างตามหลังชี้เจิ้นอยู่ก้าวหนึ่ง และตั้งแต่ต้นจนจบก็ไม่เคยแซงหน้าเขาเลย

นี่ยิ่งทำให้ชีเจิ้นเชื่อว่าชีหยวนผ่านการอบรมจากตระกูลใหญ่มาแล้ว

เขากระแอมเล็กน้อย “หลังจากกลับมา เจ้ามีอะไรที่ยังรู้สึกไม่คุ้นเคยอีกหรือไม่?”

ชีหยวนเอ่ยเสียงเบา “นอกจากไม่เข้าใจว่าเหตุใดพี่ชายถึงมีเจตนาเป็นศัตรูที่ลึกซึ้งกับข้านัก ที่เหลือก็ไม่มีสิ่งใดที่รู้สึกไม่คุ้นเคยเจ้าค่ะ”

คาดไม่ถึงว่าชีหยวนจะพูดจาอย่างตรงไปตรงมาเช่นนี้ บนใบหน้าของชีเจิ้นจึงดูกังวลเล็กน้อย “เจ้าวางใจเถอะ ลูกเวรนั่น ในฐานะบิด าต่อไปข้าจะต้องควบคุมให้ดี และไม่ปล่อยให้เขารุกรานเจ้าอีกอย่างแน่นอน”

คำพูดเหล่านี้ ชีหยวนได้ยินเข้าไปในหู แต่ก็ไม่ได้คิดจริงจัง

ความใส่ใจของนางหวังที่มีต่อชีจิ่นกับชีอวิ๋นถิงเห็นได้ชัดมาก แม้ชีเจิ้นจะบอกว่าลงโทษชีอวิ๋นถิงแล้ว แต่ก็เป็นเพราะเขารู้สึกว่าชีอวิ๋นถิงกระทำไม่ถูกต้อง ดังนั้นจึงลงโทษเพื่อเป็นการตักเตือนเล็กน้อยเท่านั้นเอง

ทว่าถึงอย่างไรนางก็ไม่คาดหวังว่าจะอาศัยให้ชีเจิ้นจัดการกับชีอวิ๋นถิงจริง ๆ

สภาพจิตใจของนางดีมากแล้ว

ตั้งแต่กลับมาเกิดใหม่อีกครั้ง ทุกวันที่นางได้ใช้ชีวิต ก็จะเป็นอีกวันหนึ่งที่ได้กำไร

ชีวิตอย่างในชาติที่แล้ว นางจะไม่มีวันกลับไปใช้อีกเด็ดขาด

เวลาที่เหลือ นางจะใช้เพื่อเป็นเพื่อนเล่นกับชีจิ่นและชีอวิ๋นถิงได้อย่างช้า ๆ

ทันทีที่กลับถึงเรือนของตนเอง เหลียนเฉียวก็คอยอยู่ที่ปากประตูเรือนอย่างใจจดใจจอแล้ว แถมยังถือตะเกียงไว้อีก เมื่อเห็นชีหยวนก็วิ่งเข้ามาหานางด้วยรอยยิ้ม “คุณหนูใหญ่ ท่านกลับมาแล้วหรือเจ้าคะ!”

รอยยิ้มบนใบหน้าของเหลียนเฉียวช่างจริงใจหลือเกิน แม้กระทั่งชีหยวนยังรู้สึกดีไปด้วย จนนางก็ยิ้มตาม และเดินกลับเรือนไปพร้อมกับเหลียนเฉียว พลางถาม “ท่านแม่ของเจ้าเป็นเช่นไรบ้าง?”

เหล่าสาวใช้ที่เกิดในตระกูลเหล่านี้ล้วนอาศัยอยู่บนถนนด้านนอกจวน

หากต้องการออกจวนเพื่อกลับบ้านก็จะสะดวกมาก

เหลียนเฉียวมีความสุขจนใบหน้าแดงขึ้นมาเล็กน้อย “โชคดีที่ได้คุณหนูใหญ่ ท่านหลวงจึงไปตรวจดูท่านแม่ของข้าแล้ว และบอกว่าให้นางอดทนกินยา อาการก็จะดีขึ้นกว่าแต่ก่อนแน่นอนเจ้าค่ะ”

ภายในวันเดียว ชีวิตของมนุษย์ก็ถูกเปลี่ยนไปแล้ว

เหลียนเฉียวรู้สึกซาบซึ้งใจต่อชีหยวนจนอยากก้มตัวลงกราบเลย

แม่นมจางเปิดม่านเข้ามา และเห็นเหลียนเฉียวกำลังช่วยชีหยวนถอดปิ่นปักผมกับต่างหูที่อยู่บนศีรษะออก จึงตำหนิด้วยเสียงที่ดุดัน “หยุดนะ! เจ้าเป็นผู้ใดกัน? เป็นเพียงสาวใช้ที่ทำงานชั้นต่ำคนหนึ่ง ถึงกับกล้าเหยียบเข้ามาในห้องนอน แถมยังปรนนิบัติอย่างถึงเนื้อถึงตัวอีก เจ้าก็คู่ควรหรือ?”

ทันใดนั้นเหลียนเฉียวก็เหมือนกับนกกระทาที่ถูกทำให้ตกใจ และคุกเข่ากับพื้นเสียงดังตุบ

แม่นมจางยังอยากจะเอ่ยอีก แต่ชีหยวนกลับวางปิ่กปักผมและต่างหูที่อยู่ในมือลงบนโต๊ะเสียงดังปัง และถามด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา “ในเมื่อนางเป็นสาวใช้ที่ทำงานชั้นต่ำ เช่นนั้นสาวใช้ใหญ่อยู่ที่ใดเล่า?”

นางหันกลับมา และมองแม่นมจางอย่างราบเรียบ “ข้ากลับมานานขนาดนี้แล้ว ไม่มีน้ำร้อนสักกา แถมไม่เห็นเตาอุ่นมืออีก เจ้าที่เป็นแม่นมผู้ดูแล กลับช่วยข้าดูแลสาวใช้ใหญ่ที่อยู่ภายใต้การปกครองของข้าแบบนี้หรือ?”

เดิมทีแม่นมจางคิดอยากจะใช้ประโยชน์จากสถานการณ์นี้ ขับไล่เหลียนเฉียวออกไป

ถึงอย่างไรภายในเรือนนี้ เป็นการดีที่สุดหากฉีหยวนไม่มีใครที่สามารถสั่งให้ทำอะไรได้เลย

หากพวกเจ้านายไม่มีความภักดีจากคนใช้แล้ว เช่นนั้นต่อไปในจวนนี่ก็เป็นเพียงคนที่หูหนวกตาบอด

แต่คิดไม่ถึงว่า ปฏิกิริยาของชีหยวนจะรุนแรงเช่นนี้

แม่นมจางจึงรีบให้ไป๋จื่อและไป๋อินเข้ามาปรนนิบัติ ทั้งยังตำหนิอีกเป็นชุด “ทำงานเช่นนี้ได้อย่างไร สายตาเฉียบแหลมสู้สาวใช้ที่ทำงานชั้นต่ำผู้หนึ่งไม่ได้ด้วยซ้ำ!”
อ่านหนังสือเล่มนี้ต่อได้ฟรี
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป
ความคิดเห็น (1)
goodnovel comment avatar
Jocky Tagool
เป็นแม่ประสาอะไร ถามจริง
ดูความคิดเห็นทั้งหมด

บทล่าสุด

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 709

    ชีหยวนลงมือทั้งรวดเร็วและรุนแรง มีเพียงเซียวจิ่งจาวเท่านั้นที่เห็นได้ชัดเจนว่าตั้งแต่ที่นางลงมือไปจนถึงการอ่านการเคลื่อนไหวของเถียนเป่าซื่อนั้นเด็ดขาดเพียงใดหญิงสาวผู้นี้ นางถึงกับไม่ต้องหันกลับไปมองด้วยซ้ำ!เซียวจิ่งจาวกดเสียงต่ำ “เถียนเป่าซื่อไม่ใช่คู่ต่อสู้ของนางแน่”เถียนเป่าซื่อนั้นตั้งแต่เด็กก็เติบโตในวัง ต่อมาได้เป็นสหายร่ำเรียนมากับเหล่าองค์ชาย แม้แต่อ๋องฉียังเคยพยายามดึงตัวเขาไปอยู่ฝ่ายเดียวด้วยดังนั้นเซียวจิ่งจาวย่อมรู้ดีว่าเถียนเป่าซื่อมีฝีมือมากน้อยเพียงใดเมื่อครู่นี้ตอนที่ชีหยวนจับข้อเท้าเถียนเป่าซื่อไว้ เขากลับขยับไม่ได้เลย นั่นก็เพียงพอจะบอกถึงฝีมือของชีหยวนได้แล้วแต่กระนั้น เซียวจิ่งจาวก็อดตกใจไม่ได้ “นางไปเรียนวรยุทธ์มาจากที่ใด?”ในบรรดาบุตรีตระกูลขุนนางในเมืองหลวง ก็ใช่ว่าจะไม่มีเด็กสาวชื่นชอบดาบทวนหอกกระบี่ แต่ส่วนมากก็เรียนเพียงท่วงท่าเอาไว้ขู่คนได้บ้าง แต่พอถึงเวลาสู้จริงกลับสู้ศัตรูไม่ได้เลยชีหยวนนั้นก็เป็นคนที่เพิ่งถูกรับกลับตระกูลในภายหลัง นางสามารถฝึกจนมีฝีมือถึงเพียงนี้ในเวลาอันสั้นจริงหรือ?!เฝิงไฉ่เวยไม่ชอบเวลามีคนกล่าวชื่นชมชีหยวนใบหน้านางเย

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 708

    โอหังเกินไปแล้ว!โอหังเกินไปจริง ๆ!ตอนนี้ผู้คนที่มุงดูอยู่ก็เบียดกันเป็นชั้น ๆ และต่างก็อดวิพากษ์วิจารณ์กันไม่ได้“หมาจะมาเทียบกับคนได้ยังไง?”“เจ้าดูหมาไม่ดีเอง มันถึงได้พุ่งไปกัดน้องชายเขาก่อน คนเขาถึงได้เตะหมากลับ!”“ถึงจะเป็นหลานชายไทเฮาแล้วอย่างไรเล่า? ทำตัวไร้เหตุผลเช่นนี้ได้หรือ?”แต่ก็มีบางคนรีบดึงสหายไว้ “เรื่องของพวกจวนขุนนาง เกี่ยวอะไรกับเรา? อีกฝ่ายก็เป็นคุณชายของจวนโหวเหมือนกันนะ!”ดูพวกเขาทะเลาะกันเองก็พอแล้วชีอวิ๋นจื่อเชิดคอถมน้ำลายปนเลือดออกมาแล้วจ้องเถียนเป่าซื่อด้วยสายตาเย็นชา “หมาของเจ้ากัดน้องข้าไม่ปล่อยก่อน ข้าถึงได้เตะมันออกไป ข้าไม่ผิด!”ไม่ผิด ก็ไม่ต้องขอโทษ!พี่หญิงเคยบอกไว้ว่า ถ้าทำผิดก็ต้องยอมรับ แต่ถ้าไม่ได้ผิด ก็ห้ามยอมจำนน!เถียนเป่าซื่อโกรธจนหัวเราะออกมา “งั้นหรือ?”เขาปล่อยคอเสื้อชีอวิ๋นจื่อทันที ก่อนฟาดหน้าชีอวิ๋นจื่อหนึ่งฉาด แล้วเงื้อเท้าจะเตะอย่างแรงแต่ในจังหวะนั้น ขาของเขากลับถูกใครบางคนขวางเอาไว้ถึงเขาจะตัวใหญ่กำยำ แต่กลับไม่สามารถเตะลงไปได้ และยังดึงเท้ากลับมาไม่ได้อีกด้วย จึงเกิดอาการหงุดหงิดขึ้นมาในทันทีหลิวผิงอันถึงกับน้ำตาคล

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 707

    ความป่าเถื่อนของเถียนเป่าซื่อนั้น เฝิงไฉ่เวยรู้ดีตั้งแต่แรกตลอดหลายปีมานี้ นางไม่ได้เรียนแค่การชมดอกไม้ ดีดพิณ เล่นหมากรุก เขียนพู่กัน และวาดภาพเท่านั้น แต่ใช้เวลามากกว่านั้นไปกับการท่องจำลำดับวงศ์ตระกูลของตระกูลใหญ่ในเมืองหลวงทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่ตระกูลเฝิงสั่งให้นางเรียนใครเป็นคนของตระกูลไหน นิสัยใจคออย่างไร ในตระกูลมีบุคคลโดดเด่นคนใดบ้าง และมีการแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์กับตระกูลใดนางทุ่มเทพลังใจอย่างมหาศาลกับสิ่งเหล่านี้ก็เพื่อว่าวันหนึ่งหากได้เป็นชายาพระนัดดา จะสามารถช่วยเหลือเซียวอวิ๋นถิงได้ดียิ่งขึ้น ช่วยเขาดึงพวกคนที่ควรดึงมาอยู่ฝ่ายเดียวกันได้แต่ตอนนี้ เซียวอวิ๋นถิงไม่มีวาสนาจะได้รับสิ่งเหล่านี้อีกแล้วเขาไม่เห็นค่านาง นั่นคือความสูญเสียของเขาสิ่งที่เขาเห็นคือเฝิงไฉ่เวยผู้ถูกบีบจนไร้หนทาง ต้องดิ้นรนเอาตัวรอดแต่เขาไม่รู้เลยว่า เขายังไม่เคยมีโอกาสได้รู้จักนางจริง ๆ ด้วยซ้ำถึงกระนั้นก็ไม่สำคัญแล้ว นางจะทำให้เขารู้เอง ว่านางเก่งกว่าชีหยวนเป็นร้อยเท่า!การฆ่าคนมันจะมีอะไรน่าภาคภูมิใจนักหรือ?นางอยากดูเสียจริง ว่าถ้าชีหยวนต้องเผชิญหน้ากับตระกูลเถียนและจวนอ๋องโจว จะย

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 706

    บัดซบเอ๊ย เบื่อชีวิตแล้วหรืออย่างไร? ถึงมาทำร้ายคุณชายของพวกเขา?!เถียนเป่าซื่อหรี่ตาลงเล็กน้อยแต่หลิวผิงอันไม่สนใจว่าอีกฝ่ายจะจ้องเขายังไง ไม่พูดพร่ำทำเพลงก็ด่าออกไปทันที “เจ้าก็ตัวโตป่านนี้แล้ว กล้ารังแกเด็กตัวเล็ก ๆ ไม่อายบ้างหรืออย่างไร?!”เสิ่นเจียหล่างตกใจจนแทบเสียขวัญ เด็กที่เคยถูกฝังทั้งเป็นในโลงแล้วยังทนไม่ร้องไห้ออกมา กลับร้องสะอึกสะอื้นจนหายใจไม่ทันเพียงเพราะเห็นชีอวิ๋นจื่อที่คอยปกป้องตนเองถูกตบชีอวิ๋นจื่อแม้จะเจ็บปวดมาก แต่ยังฝืนลูบศีรษะเขาแล้วปลอบเสียงเบา “ไม่ร้องนะ พี่ไม่เป็นอะไรหรอก”ตอนนั้นเอง เด็กรับใช้ของชีอวิ๋นจื่อก็ดึงแขนเสื้อหลิวผิงอันอย่างกลัว ๆ พลางกระซิบเตือน “พี่ผิงอัน นี่ นี่มันคือคุณชายหกแห่งจวนเฉิงเอินกง...”หลิวผิงอันไม่เคยได้ยินคุณชายหกอะไรนั่น แต่ชื่อจวนเฉิงเอินกงเขารู้จักดี จึงชะงักไปเล็กน้อยทว่าก็แค่ชะงักเท่านั้นเขาไม่ได้กลัวเลยแม้แต่น้อย ยังคงยืนขวางอยู่หน้าชีอวิ๋นจื่อกับเสิ่นเจียหล่างอย่างมั่นคง “ถึงอย่างนั้น ก็ใช่ว่าจะมาทำร้ายคนอื่นได้ตามใจชอบ!”เขาจะกลัวอะไร?คุณหนูใหญ่กลับมาแล้วนี่มากสุดก็แค่ให้เรื่องนี้ไปถึงหูคุณหนูใหญ่ ใครกลัวใครก

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 705

    ในฐานะที่เป็นเชื้อพระวงศ์ เซียวจิ่งจาวย่อมจำได้ทันทีว่าอีกฝ่ายเป็นใครนั่นก็คือเถียนเป่าซื่อ หลานชายของไทเฮาเถียน!และยังเป็นคุณชายน้อยจากตระกูลของเฉิงเอินกง ผู้เคยกดจวนฉู่กั๋วกงไว้แค่ได้ยินชื่อก็รู้แล้วว่าตระกูลเถียนรักและทะนุถนอมลูกชายคนเล็กคนนี้เพียงใดไม่รู้เป็นเพราะฮวงจุ้ยไม่ดีหรืออย่างไร ลูกหลานรุ่นนี้ของตระกูลเถียนสายตรงหลายคนล้วนตายตั้งแต่ยังเล็ก มีชีวิตไม่เกินเจ็ดแปดขวบ ดังนั้นตั้งแต่เถียนเป่าซื่อเกิดมาก็เป็นที่รักอย่างมากว่าไปแล้ว ไทเฮาเถียนยังตั้งชื่อของเขาด้วยตัวเองอีกด้วย ยิ่งเห็นได้ชัดถึงความเอ็นดูที่ไทเฮาเถียนมีต่อเขายิ่งไปกว่านั้น คู่หมั้นขององค์หญิงลั่วชวนแห่งจวนอ๋องโจวก็คือเถียนเป่าซื่อนี่เองเซียวจิ่งจาวหันไปมองเฝิงไฉ่เวย “เจ้ารู้หรือไม่ว่าเขาเป็นใคร?”ไม่ว่าอย่างไร ไทเฮาเถียนก็มีความชอบในการช่วยฮ่องเต้องค์ปัจจุบันได้ขึ้นครองราชย์เพราะเหตุนี้ ฮ่องเต้หย่งชางเพื่อแสดงถึงความชอบธรรมของตน จึงยกย่องไทเฮาเถียนเป็นพระมารดา และตลอดหลายปีที่ผ่านมาก็เคารพรักไทเฮาเถียนเป็นอย่างยิ่งและปฏิบัติต่อตระกูลเถียนอย่างดีมาโดยตลอดพูดได้ว่า แม้เซียวจิ่งจาวพบเถียนเป่าซื่อ

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 704

    จนกระทั่งเซียวจิ่งจาวปล่อยมือออก เฝิงไฉ่เวยจึงไออย่างหนักแต่ถึงอย่างนั้น นางก็ไม่ถอยสักก้าวจะกลัวอะไร?นางไม่อยากทนถูกรังแกอีกแล้วสิ่งที่ชีหยวนทำได้ นางก็ทำได้เช่นกันแต่นางยังไม่ทันที่จะเอ่ยวาจาเชือดเฉือนใส่เซียวจิ่งจาวออกมาอีก ประตูก็ถูกเคาะเบา ๆ สาวใช้ที่อยู่ข้างนอกเรียกนางเสียงแผ่วเฝิงไฉ่เวยมองเซียวจิ่งจาวแวบหนึ่ง พลางลูบลำคอของตนเองก่อนตะโกนตอบเสียงดัง “เข้ามา!”ซิ่วอี๋ก้าวเข้ามาด้วยฝีเท้าคล่องแคล่ว ยืนอย่างเคารพในระยะไม่ไกลจากทั้งคู่แล้วพูดเสียงเบา “คุณหนู พวกเขาสองคนมาถึงแล้วเจ้าค่ะ”พวกเขาสองคนหรือ?แววตาเซียวจิ่งจาววูบไหวด้วยความสงสัย ในใจสงสัยใคร่รู้ว่าเฝิงไฉ่เวยกำลังทำอะไรอยู่กันแน่เฝิงไฉ่เวยผลักหน้าต่างออก จากชั้นสองสามารถมองเห็นผู้คนที่นั่งอยู่ในห้องโถงชั้นล่างได้แต่สายตาของนางมิได้หยุดที่คนในห้องโถง หากแต่จ้องไปยังกลุ่มคนที่กำลังเดินขึ้นบันไดด้วยแววตาเย็นชาเมื่อมองตามสายตานาง เซียวจิ่งจาวก็เห็นเด็กหนุ่มวัยรุ่นคนหนึ่งจูงเด็กเล็กอายุสี่ห้าขวบขึ้นบันไดมาในทันทีเฝิงไฉ่เวยละสายตากลับมามองเซียวจิ่งจาวที่อยู่ตรงหน้า “ท่านอ๋องไม่ต้องสงสัยหรอก พวกเขาคือน้องชาย

บทอื่นๆ
สำรวจและอ่านนวนิยายดีๆ ได้ฟรี
เข้าถึงนวนิยายดีๆ จำนวนมากได้ฟรีบนแอป GoodNovel ดาวน์โหลดหนังสือที่คุณชอบและอ่านได้ทุกที่ทุกเวลา
อ่านหนังสือฟรีบนแอป
สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status