Share

บทที่ 9

Author: ฉินอันอัน
สวี่อินอินก้มศีรษะต่ำ

แต่เดิมนางยังคิดว่าตนเองคงจะไม่มีโอกาสใดที่ทำให้พบหน้าเซียวอวิ๋นถิงอีกแล้ว ไหนเลยจะทราบ ยังไม่ทันผ่านพ้นหนึ่งวัน ก็บังเอิญได้พบกันอีกครั้งหนึ่งแล้วเช่นนี้

ใบหน้าของเซียวอวิ๋นถิงฉายประกายครุ่นคิดออกมา

ก่อนหน้านี้ที่บังเอิญพบเด็กสาวคนนี้ระหว่างทาง เขายังนึกสงสัยในใจว่าเหตุใดสถานที่แบบนี้ ถึงมีเด็กสาวที่สามารถฆ่าคนได้เด็ดขาดคล่องแคล่วปรากฏอยู่

คิดไม่ถึงเลยว่า แท้จริงแล้วจะเป็นแม่นางของจวนหย่งผิงโหว

เขายิ้มคล้ายไม่ยิ้ม “ข้าเคยได้ยินมาบ้าง ว่ามีบุตรสาวของจวนหย่งผิงโหวพลัดพรากจากไปคนหนึ่ง ที่จริงแล้วคือแม่นางท่านนี้เองหรือ?”

เขาหัวเราะออกมาหนึ่งเสียง ก็เอ่ยวาจาคล้ายมีความนัยซ่อนเร้น “เหตุใดจึงมาวุ่นวายที่ศาลาว่าการแห่งนี้?”

ยามนี้จิ้งอ๋องท่านนี้กำลังดูแลคดีฉ้อโกงเกี่ยวกับการลำเลียงสินค้าผ่านน่านน้ำทางใต้ ที่เขาเดินทางมาศาลาว่าการเป็นไปได้ว่าต้องมีธุระจำเป็นต้องพบเจ้าเมืองประจำเมืองต้าซิงแน่

เข้าศาลาว่าการประจำเมืองไปแล้ว ด้วยฐานะของท่านอ๋องอย่างเขา หากต้องการทราบเรื่องใดมีหรือจะไม่ได้ทราบเรื่องนั้น?

ชีเจิ้นไม่กล้าโป้ปด “เรียนท่านอ๋อง ในเรือนมีบ่าวชั่วกำเริบเสิบสาน คิดอาจหาญประทุษร้ายนายพ่ะย่ะค่ะ จึงได้มาถึงศาลาว่าการด้วยเหตุผลนี้”

มิได้กล่าวถึงรายละเอียดที่สวี่อินอินเข้ามาฟ้องร้องออกไปโดยตรง

ทว่าเซียวอวิ๋นถิงมองไปทางสวี่อินอินด้วยสายตาที่มีความนัยลึกซึ้งแล้ว

สวี่อินอินแสร้งทำเป็นขี้ขลาดยำเกรง ก้มศีรษะไม่มองไปทางเขาแม้แต่น้อย และแสร้งทำเป็นไม่รู้ว่าสิ่งที่เขาพูดมานั้นหมายถึงอะไร

เซียวอวิ๋นถิงไม่ใส่ใจ เพียงแต่เอ่ยกับชีเจิ้นว่า “เรื่องนี้เองหรือ? บ่าวรังแกนายถือเป็นเรื่องใหญ่ ท่านโหวมิควรใจอ่อนออมมือเด็ดขาด เพื่อป้องกันมิให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำรอยอย่างจวนอิงกั๋วกงขึ้นอีก”

เมื่อปีก่อนนั้นจวนอิงกั๋วกงปล่อยปละละเลยบ่าวรับใช้ในเรือน ผลสุดท้ายแล้วบ่าวรับใช้กลุ่มนั้นก็อาศัยอำนาจของจวนอิงกั๋วกงวางก้ามอวดเบ่งที่เมืองฝูเจี้ยน ร้ายแรงถึงขั้นมีบ่าวกำแหงคนหนึ่งสังหารเจ้าเมืองของที่นั่นตายไปแล้วด้วย

เรื่องราวลุกลามใหญ่โต บ่าวกำแหงคนนั้นต้องทัณฑ์เลาะกระดูกไม่ว่า จวนอิงกั๋วกงยังได้รับราชโองการตำหนิจากฝ่าบาท ถูกถอดยศ และนับแต่นั้นชีวิตตกต่ำมิอาจหวนคืนได้อีก

ศักดิ์ฐานะของเซียวอวิ๋นถิงวิเศษเหนือผู้อื่น ครั้นได้ยินเขากล่าววาจาเช่นนี้ ชีเจิ้นพลันสะดุ้งตัวโยน หนาวสะท้านไปทั้งร่างกาย

รับคำอย่างนอบน้อมรอบคอบว่า “ข้าน้อยขอบคุณท่านอ๋องที่ชี้แนะ!”

สายตาของเซียวอวิ๋นถิงค่อยเลื่อนไปตกบนร่างของสวี่อินอินตอนนี้เอง “เป็นถึงบุตรีของจวนโหว เนื้อตัวเปียกปอนชุ่มโชกแล้วยังไม่มีคนสนใจ เกรงว่าบ่าวรับใช้ของจวนโหวสมควรได้รับการอบรมให้อยู่กับร่องกับรอยเป็นเรื่องจริงแท้”

สวี่อินอินรู้สึกสั่นไหวเล็กน้อยในใจ

เซียวอวิ๋นถิงกำลังพูดเข้าข้างนางหรือ?

รอยยิ้มบนใบหน้าของชีเจิ้นยิ่งดูฝืนทนเต็มประดา “ใช่แล้ว ท่านอ๋องสั่งสอนถูกต้องแล้ว ข้าน้อยกลับเรือนไป จะจัดการเจ้าพวกเหลือขอเหล่านั้นให้เรียบร้อยทันที!”

เซียวอวิ๋นถิงไม่พูดอะไรมากกว่านั้น เพียงแต่ผงกศีรษะพอเป็นพิธี “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ก็ไม่รบกวนท่านโหวรับตัวบุตรีกลับเรือนแล้ว ข้ายังมีงานราชการต้องจัดการ”

ชีเจิ้นถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก ก่อนจะปรายสายตามองแม่นมจางปราดหนึ่ง

ครั้งนี้แม่นมจางมีท่าทีต่างไปจากก่อนหน้านี้อย่างสิ้นเชิง กลัวว่าสวี่อินอินจะเล่นลูกไม้อะไรต่อหน้าท่านอ๋องขึ้นมาอีก จึงเอ่ยด้วยรอยยิ้มประจบสอพลอเต็มใบหน้า “คุณหนูใหญ่เจ้าคะ ท่านดูสิเนื้อตัวท่านเปียกชื้นหมดแล้ว เกรงจะจับไข้เป็นหวัดนะเจ้าคะ พวกเรารีบขึ้นรถม้ากันเถิดเจ้าค่ะ!”

ความตั้งใจของสวี่อินอินสำเร็จแล้ว บัดนี้เมื่อเห็นว่าพอสมควรแล้ว ก็ผงกศีรษะรับคำแม่นมจางอย่างว่าง่าย ประคองมือแม่นมจางเดินขึ้นรถม้าแล้วเรียบร้อย

ชีเจิ้นยืนนิ่งอยู่ที่เดิมมองตามเซียวอวิ๋นถิงจนกระทั่งผ่านเข้าไปในประตูของศาลาว่าการแล้ว ค่อยพลิกกายขึ้นหลังอาชา

แม่นมจางขึ้นรถม้าแล้วก็ถอนหายใจออกมาทันใด หนนี้นางนอบน้อมต่อสวี่อินอินมากขึ้นแล้ว ครั้นหยิบอาภรณ์ชุดหนึ่งออกมาจากห่อผ้าข้างตัวก็เอ่ยว่า “คุณหนูใหญ่ ดูสิท่านตัวเปียกหมดแล้ว กลับเมืองหลวงไปสภาพนี้คงได้จับไข้เป็นหวัดพอดี ซ้ำร้ายยังดูไม่เหมาะสมด้วยเจ้าค่ะ…”

บัดนี้นางมองออกแล้ว กับสวี่อินอินต้องใช้ไม้อ่อนมิใช่ไม้แข็ง

ยิ่งไปกว่านั้นยามนี้สวี่อินอินเข้าตาเซียวอวิ๋นถิงแล้ว

จิ้งอ๋องเอ่ยปากถามถึงคุณหนูใหญ่ที่เคยหายตัวไปของจวนหย่งผิงโหวขึ้นมาเอง

บัดนี้จวนหย่งผิงโหวไม่อาจรับตัวคุณหนูใหญ่กลับจวนไปอย่างเงียบเชียบและไร้การแสดงออกได้อีกแล้ว

แม้กระทำเพราะยำเกรงจิ้งอ๋อง รวมถึงหลูซ่างซูด้วยอีกฝั่ง ทว่าตำแหน่งคุณหนูใหญ่ในจวนโหวของสวี่อินอิน ก็นับว่ามั่นคงแล้ว

ผู้เข้าใจสถานการณ์คือผู้ชาญฉลาด แม่นมจางรู้หลบเป็นปีกรู้หลีกเป็นหางดี

อาภรณ์ชื้นแฉะที่สุมอยู่บนร่างกายทำให้ไม่สบายตัวจริงอย่างที่ว่า อีกอย่างเป้าหมายก็บรรลุแล้ว สวี่อินอินไม่ต้องการสวมอาภรณ์ชุดนี้เดินทางกลับจวน ก็ผงกศีรษะรับคำ

นางไม่มีความเพ้อฝันใดถึงนางหวังและบุคคลที่เรียกว่าญาติทั้งสิ้น

และมิได้ไร้เดียงสาถึงขั้นคิดว่าตนเองกลับจวนไปในสภาพน่าอดสูเช่นนี้แล้ว จะสามารถทำให้พวกเขาเห็นใจสงสาร

ไม่มีทางเด็ดขาด พวกเขามีแต่จะรู้สึกว่านางน่าสมเพชน่าขายหน้าเท่านั้น

ครั้นผลัดอาภรณ์แล้ว แม่นมจางค่อยถอนหายใจออกมา และจัดการนำอาภรณ์เปียกชื้นของสวี่อินอินไปเก็บให้เรียบร้อย ก่อนจะหยิบกาน้ำชาออกมาจากช่องเก็บของในผนัง และรินน้ำชาให้สวี่อินอิน

สวี่อินอินสีหน้าเรียบเฉย ถือถ้วยน้ำชาไว้ในมือพลางเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงคล้ายไม่จริงจังนัก “แม่นมจาง ท่านเข้าจวนโหวทำงานมานานเท่าใดแล้ว?”

แม่นมจางไม่เข้าใจจุดประสงค์ที่สวี่อินอินถามคำถามนี้นัก ก็ครุ่นคิดพลางตอบอย่างระมัดระวัง “เรียนคุณหนูใหญ่ บ่าวเข้าจวนโหวมาได้ยี่สิบปีกว่าแล้วเจ้าค่ะ”

สวี่อินอินเปล่งเสียงอืมคำหนึ่ง “แล้วแม่นมฮวาเข้าจวนมานานเท่าใดแล้ว?”

นางวกไปทางซ้ายทีขวาทีเช่นนี้ ทำแม่นมจางงุนงงสับสนไม่น้อย

ครั้นได้ยินนางถามถึงแม่นมฮวาขึ้นมา ไม่รู้ด้วยเหตุผลใด แม่นมจางพลันขนลุกซู่ไปทั้งตัว

นางอดทนอย่างยิ่งยวดพลางตอบกลับอย่างขลาดกลัวว่า “คุณหนูใหญ่ แม่นมฮวาเข้าจวนมาได้สิบกว่าปีแล้วเจ้าค่ะ”

“สิบกว่าปี…” สวี่อินอินใคร่ครวญอยู่ครู่หนึ่ง ทันใดนั้นก็หัวเราะออกมาเบาๆ “เข้าจวนมาสิบกว่าปีกว่าจะไต่เต้ามาถึงจุดนี้ มิใช่เรื่องง่าย แต่น่าเสียดายที่เลือกนายผิด ตายไปเสียง่าย ๆ ช่างน่าเสียดายยิ่ง”

นางพูดจบ ก็มองแม่นมจางด้วยรอยยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม “แม่นมว่า ใช่หรือไม่?”

......

แม่นมจางขนลุกเกรียวทั้งตัวแล้ว!

คุณหนูใหญ่คนนี้ใช่เพียงไม่ธรรมดาที่ไหน?

อย่างนางต้องเรียกว่าเหนือธรรมดาไปแล้วต่างหาก!

นับแต่รู้ตัวตนของสวี่อินอินจนกระทั่งเข้ามารับตัวนางแล้ว จวนโหวไม่เคยส่งคนมาพบปะสวี่อินอินเลยสักครั้ง

ยิ่งไปกว่านั้นยังไม่มีใครเคยเล่าเรื่องของจวนโหวให้สวี่อินอินฟังมาก่อนด้วย

จำเป็นต้องรู้ก่อนว่า ในจวนโหวมีหลายสายตระกูล แค่บรรดาเจ้านายรวมกันก็มีด้วยกันยี่สิบกว่าคนแล้ว ความสัมพันธ์ภายในนั้นซับซ้อนและยุ่งเหยิง

ยิ่งการแบ่งพรรคแบ่งพวกระหว่างบ่าวรับใช้ยิ่งไม่ต้องพูดถึง

ทว่าสวี่อินอินแค่อ้าปากก็กล้าพูดแล้วว่าแม่นมฮวาเลือกเจ้านายผิด!

นางรู้ว่าแม่นมฮวาฟังคำสั่งจากใครมาถึงได้กล้าประทุษร้ายสังหารนางหรือ?

ที่เอ่ยวาจานี้ออกมาเพราะจงใจส่งสารเตือนให้ตนเองอยู่อย่างนั้นหรือ? ให้ตนเองมีสติ อย่าต้องทิ้งชีวิตไปเพราะเลือกเจ้านายผิดเหมือนกับคนนั้นหรือ?

แม่นมจางอ้าปากหมายจะเอ่ยถามบางอย่าง แต่เมื่อเงยหน้ามองกลับพบว่าสวี่อินอินหลับตาลงเสียแล้ว คล้ายว่าผล็อยหลับไปเรียบร้อย

คุณหนูใหญ่ท่านนี้! แม่นมจางจิตใจว้าวุ่นสับสนแล้ว

แต่กระนั้นแล้วนางก็ต้องยอมรับ ว่าจิตใจของนางระส่ำระสายเพราะฝีมือของสวี่อินอินอย่างสมบูรณ์แล้ว

เดิมทียังคิดว่า คุณหนูใหญ่ที่เติบโตในชนบท และถูกเจ้านายในเรือนทุกคนทอดทิ้งไปแล้ว จะไร้ซึ่งความน่าเคารพยำเกรง

แต่บัดนี้มองแล้ว จะเป็นเช่นนี้จริงหรือ?

ยังมีคำพูดนั้นของสวี่อินอินอีก ที่ไม่เข้าใจว่าหมายถึงอะไร? กำลังบอกตนอยู่หรือว่า ตนสามารถเลือกอยู่ข้างนางได้?

สวี่อินอินไม่ลืมตา ก็รู้ว่าบัดนี้แม่นมจางต้องกำลังสับสนและว้าวุ่นกังวลใจอยู่แน่ นางก็มิได้แยแส การดึงคนมาเป็นพวกพ้องให้ตนเองได้ใช้ประโยชน์ เป็นเพียงแค่ก้าวแรกเท่านั้น หากแม่นมจางไม่มีความสามารถนี้ นางก็แค่หาคนอื่น

จวนโหวยิ่งใหญ่ออกเพียงนี้ ต้องมีสักคนที่ตาแหลมรู้จักไข่มุกงามอยู่แน่

 
Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 691

    เฝิงฮองเฮาไม่อาจเอื้อนเอ่ยวาจาใดได้เซียวอวิ๋นถิงลุกขึ้นยืนแล้วหัวเราะเบา ๆ “ส่วนที่ท่านบอกว่านางยังเยาว์วัยจึงหลงผิด กระหม่อมกลับไม่คิดเช่นนั้น”“เส้นทางในโลกนี้ก็ไม่ต่างอะไรกับถนนแก้ว ทุกคนต่างต้องเดินอย่างระมัดระวัง หากเจ้าพุ่งฝ่าด้วยความดื้อรั้น ก็ย่อมมีแต่เลือดสาดเป็นแน่ อย่ามาพูดว่าเพราะยังเยาว์ ไม่รู้ความ จะรู้หรือไม่รู้เป็นเรื่องของเจ้า แต่จะล้มไม่ล้ม นั่นไม่ใช่สิ่งที่เจ้าควบคุมได้”ใครเล่าที่ไม่เคยล้มลุกคลุกคลานมาจนถึงทุกวันนี้?ในสายตาของเขา เฝิงไฉ่เวยยังล้มมาน้อยเกินไปด้วยซ้ำจึงถึงได้โง่เขลาคิดจะต่อรองกับเสือ ไม่รู้จักความตายเลยจริง ๆ!เขาหมุนตัวเตรียมจะจากไปแต่ทันใดนั้นเอง เฝิงไฉ่เวยที่ซ่อนอยู่หลังฉากกั้นก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป นางวิ่งพรวดออกมาขวางทางเขาเอาไว้นางกำมือแน่นจนเล็บจิกเข้าเนื้อ ฝ่ามือเลือดไหลนองแต่ดวงตากลับยังมุ่งมั่นจ้องเขม็งไปยังเซียวอวิ๋นถิงที่อยู่ตรงหน้า ไม่แม้แต่จะกระพริบตาเฝิงฮองเฮาค่อย ๆ ถอนหายใจ หันไปมองเฝิงไฉ่เวย “เป็นอย่างไร? เจ้าไม่ใช่หรือที่อยากฟังด้วยหูตนเอง? ตอนนี้ตัดใจได้หรือยัง?”ตัดใจได้หรือยัง?ในหัวของเฝิงไฉ่เวยยุ่งเหยิงวุ่นวายไปหมดน

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 690

    ฮองเฮาเฝิงสีหน้าซับซ้อนขึ้นเล็กน้อยนางเดิมก็คิดว่าเซียวอวิ๋นถิงจะไปขอร้องฮ่องเต้หย่งชางทันที หรือไม่ก็มีปากเสียงกับฮ่องเต้หย่งชางเพราะชีหยวนอย่างไรเสีย คนหนุ่มย่อมใจร้อนเป็นธรรมดาสุดท้ายเซียวอวิ๋นถิงกลับไม่ทำเช่นนั้นกลับเสนอจะไปบรรเทาทุกข์จากภัยพิบัติแทนและเห็นได้ชัดว่าเขาคิดถูกแล้ว เวลาผ่านไปนานแค่ไหนกัน?หลี่ฉางชิงก็พังพินาศแล้วตอนนี้ยังมีใครจะพูดถึงหลี่ฉางชิงอีกหรือ?ไม่มีแล้ว ดูอย่างตระกูลเฝิงสิตอนนี้ตระกูลเฝิงแทบอยากให้คนลืมเรื่องที่หลี่ฉางชิงเคยทำนายว่าเฝิงไฉ่เวยมีชะตาหงส์นางกระแอมไอเบา ๆ ก่อนพูดเสียงอ่อน “ออกเดินทางไกลย่อมไม่เหมือนอยู่บ้าน เจ้าต้องระวังตัวทุกฝีก้าว”ฮองเฮาเฝิงชะงักไปครู่หนึ่ง แล้วจึงเอ่ยต่อ “อวิ๋นถิง เจ้าเป็นคนมีความคิดมากกว่าบิดาเจ้าเสียอีก”นางไม่ลังเลอีกต่อไป คว้ามือเซียวอวิ๋นถิงไว้ “วันนี้ท่านลุงของเจ้าเข้าวัง เขาไปที่วังบูรพาหลายครั้งก็ไม่ได้พบเจ้า เลยแวะมาที่ตำหนักของข้าแทน”เซียวอวิ๋นถิงยังคงหลุบตาต่ำ “เสด็จย่า การร่วมมือกับหลี่ฉางชิงมีความผิดฐานใด แม้ข้าจะไม่พูด เสด็จย่าคงรู้ดีอยู่แล้ว”ในใจฮองเฮาเฝิงขมขื่นนักใช่แล้ว เฝิงอวี้จางถึ

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 689

    ท่านโหวผู้เฒ่าชีมีสีหน้าตกตะลึง เขาไม่เคยนึกมาก่อนเลยว่าเซียวอวิ๋นถิงจะคิดเช่นนี้จริง ๆ แล้ว เขาก็เข้าใจดีว่าทำไมเซียวอวิ๋นถิงถึงชอบชีหยวนพูดกันตามตรง ขอแค่เป็นคนที่เข้ากับชีหยวนได้ดี จะมีใครบ้างที่จะไม่ชอบชีหยวน?นางเป็นคนเด็ดเดี่ยว กล้ารักกล้าเกลียด พูดอย่างไรก็เป็นเช่นนั้น ไม่จำเป็นต้องไปเดาว่านางหมายถึงสิ่งนั้นจริงหรือไม่ หรือว่ายังมีความหมายแฝงอื่นอีกสิ่งที่น่าดึงดูดมากกว่านั้นก็คือ นางมีกลิ่นอายแห่งความมุ่งมั่นในเมืองหลวงนี้ ไม่มีสตรีคนใดเหมือนชีหยวนแม้แต่ทั่วทั้งแผ่นดิน ก็แทบหาสตรีที่เหมือนชีหยวนไม่ได้แล้วใครจะไม่ถูกนางดึงดูดกันเล่า?แต่ความชอบแบบนั้น กลับไม่เหมือนกับความชอบของเซียวอวิ๋นถิงในฐานะที่เป็นผู้ชายเหมือนกัน ท่านโหวผู้เฒ่าชีสังเกตจุดนี้ได้อย่างเฉียบคมเซียวอวิ๋นถิงชอบชีหยวน ไม่ใช่เพราะชีหยวนมีประโยชน์ ไม่ใช่เพราะฝีมือของชีหยวน และไม่ใช่เพราะมองเห็นคุณค่าของตระกูลชีที่หนุนหลังชีหยวนไม่ใช่สักอย่างเขาเพียงแค่ชอบชีหยวนเท่านั้น ไม่มีเหตุผลอื่นใดล้วนกล่าวกันว่า จักรพรรดิย่อมไร้หัวใจแต่ท่านโหวผู้เฒ่าชีกลับมองเซียวอวิ๋นถิง แล้วรู้สึกอย่างชัดเจนว่า ว่าท

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 688

    เจ้าเด็กนี่ เกรงว่าคงอาศัยใบบุญของคุณหนูเป็นแน่!เรื่องดีจริง ๆ!ชีเจิ้นปล่อยม่านรถลงแล้วหันไปมองบิดาของตน ใบหน้าแฝงความภาคภูมิใจอยู่นิด ๆจะว่าอย่างไรดีหนอ?ตอนนี้ต่อให้มีคนมาบอกว่าบุตรีของเขาเป็นพญามัจจุราชกลับชาติมาเกิด เขาก็เชื่อช่างอัศจรรย์เกินไปแล้วพูดว่าจะฆ่าใคร ก็ฆ่าได้ทุกคนไม่เคยเห็นนางพลาดเลยสักครั้ง!พอคิดได้ดังนั้น ความภาคภูมิใจเมื่อครู่ก็พลันสลายหายวับไป เขาถามด้วยความหวาดหวั่น “ท่านพ่อ นางคงไม่ได้ไปหงตูหรอกกระมัง?!”หลี่ฉางชิงดูยังไงก็เป็นคนของอ๋องฉีนางคงจะไม่มุ่งหน้าไปหงตูเพื่อฆ่าอ๋องฉีล้างแค้นหรอกใช่หรือไม่?!ท่านโหวผู้เฒ่าชีถลึงตาใส่เขา “ไม่ใช่เรื่องของเจ้า ดูแลตัวเองให้ดีก็พอ!”แต่ในใจของเขาเองก็เป็นกังวลเช่นกันตามเหตุผลแล้ว หลังจากฆ่าหลี่ฉางชิง เรื่องคำทำนายดวงชะตาก็หมดความน่าเชื่อถือไปแล้วชีหยวนไม่จำเป็นต้องทำอะไรอีกถึงแม้อยากจะฆ่าอ๋องฉี ตอนนี้เซียวอวิ๋นถิงก็ได้รับพระราชโองการให้เดินทางไปหงตูอย่างเป็นทางการแล้ว นางเพียงกลับไปบอกเซียวอวิ๋นถิงก็พอไยถึงรีบร้อนจากไปเช่นนี้...เขาถอนหายใจเบา ๆ ในใจเมื่อกลับถึงจวนโหว ท่านโหวผู้เฒ่าชีก็ได้ยินคนมา

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 687

    หลิวผิงอันรู้สึกว่าตัวเองช่างโชคดีจริง ๆ เพราะก่อนหน้านี้บิดามักจะบอกว่าเขาโง่เสมอครั้งนี้ต้องติดตามคุณหนูใหญ่ออกเดินทาง บิดาของเขาเดี๋ยวก็ขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน เดี๋ยวก็กระทืบเท้า บอกให้เขาอย่าตามไป เดี๋ยวก็บอกไม่ได้การ ต้องตามไปด้วยให้ได้สุดท้ายก็ผลักเขาออกมาบังคับให้ตามคุณหนูใหญ่ไปเห็นบิดาเป็นเช่นนั้น เดิมทีเขายังนึกว่าคุณหนูใหญ่เป็นคนที่ดูแลยากมากใครจะรู้ว่าคุณหนูใหญ่กลับดียิ่งกว่าใครเขาเกาหัว “คุณหนูใหญ่ แล้วท่านจะไปที่ใดหรือ?”ชีหยวนเพียงยิ้มเล็กน้อย “ไปหาความจริงเรื่องหนึ่ง”เรื่องที่รบกวนจิตใจนางมานานแล้วหลิวผิงอันรู้สึกแปลกใจ ไม่รู้ว่าชีหยวนจะทำอะไร แต่เขารู้ว่าชีหยวนปกป้องตัวเองได้ไม่มีปัญหาแน่นอน... ดูจากศพของหลี่ฉางชิงผู้นี้ก็รู้แล้วเขารับคำ รีบล้วงตั๋วเงินออกมาจากแขนเสื้อหลายใบ “คุณหนู ออกเดินทางต้องมีเงินติดตัว นี่เป็นเงินที่ท่านโหวมอบให้ข้าก่อนหน้านี้ ทั้งหมดสามพันตำลึงเงิน ท่านโปรดนำติดตัวไปด้วยเถิด!”ชีหยวนเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยชีเจิ้นในตอนนี้ก็ดูจะมีท่าทีสมกับบิดาขึ้นมาบ้างแล้วนางรับคำเบา ๆ แล้วยื่นมือไปรับมา จากนั้นโบกมือไล่หลิวผิงอัน “เอาล่ะ พวกเจ้ากลั

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 686

    สวรรค์!เมื่อครู่นางอยู่บนชั้นสองนี่!นางกระโดดพรวดลงมาจากชั้นสองเลยหรือ?ศิษย์น้อยร้องไห้โฮออกมาด้วยความตกใจเขาตกใจจนสมองมึนงง หากไม่ใช่เพราะได้ยินเสียงร้องโหยหวนของอาจารย์ ตอนนี้เขาคงคิดว่าชีหยวนกลายเป็นผีไปแล้วในคืนฝนฟ้าคะนอง เขากลัวจนถอยร่นไม่หยุด ตกใจจนวิญญาณแทบจะหลุดลอยไปแล้วชีหยวนก้าวเข้าใกล้เขาทีละก้าว กระบี่ในมือยังมีเลือดหยดอยู่นั่นคือเลือดของอาจารย์เขา!ศิษย์น้อยหน้าซีดขาวด้วยความหวาดกลัวชีหยวนกลับค่อย ๆ ยกกระบี่ขึ้นชี้ไปที่เขา “เจ้าเป็นศิษย์ของเขาหรือ?”ถึงขั้นนี้แล้ว ศิษย์น้อยไม่กล้าโกหกแม้แต่น้อย ได้แต่พยักหน้าด้วยเนื้อตัวที่สั่นเทาชีหยวนรับคำเสียงเบา แล้วเลิกคิ้วขึ้นด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ “เช่นนั้นเจ้าคงรู้ว่า อาจารย์ของหลี่ฉางชิงคือใคร ใช่หรือไม่?”ศิษย์น้อยตกใจจนพยักหน้ารัว ๆชีหยวนจึงรับคำเบา ๆ “ดี เช่นนั้นเจ้าคงยังไม่ต้องตาย สิ่งที่ข้าจะทำในขั้นต่อไป เจ้าคงให้ความร่วมมือได้ ใช่หรือไม่?”ศิษย์น้อยสะอื้นตอบรับอย่างหวาดกลัวสัญชาตญาณของมนุษย์ก็คืออยากมีชีวิตอยู่ ไม่ว่าจะถึงขั้นลำบากเพียงใด สิ่งที่คิดถึงมากที่สุดก็ยังเป็นความผูกพันต่อโลกนี้และไม่อาจตัดใ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status