Share

บทที่ 9

Author: ฉินอันอัน
สวี่อินอินก้มศีรษะต่ำ

แต่เดิมนางยังคิดว่าตนเองคงจะไม่มีโอกาสใดที่ทำให้พบหน้าเซียวอวิ๋นถิงอีกแล้ว ไหนเลยจะทราบ ยังไม่ทันผ่านพ้นหนึ่งวัน ก็บังเอิญได้พบกันอีกครั้งหนึ่งแล้วเช่นนี้

ใบหน้าของเซียวอวิ๋นถิงฉายประกายครุ่นคิดออกมา

ก่อนหน้านี้ที่บังเอิญพบเด็กสาวคนนี้ระหว่างทาง เขายังนึกสงสัยในใจว่าเหตุใดสถานที่แบบนี้ ถึงมีเด็กสาวที่สามารถฆ่าคนได้เด็ดขาดคล่องแคล่วปรากฏอยู่

คิดไม่ถึงเลยว่า แท้จริงแล้วจะเป็นแม่นางของจวนหย่งผิงโหว

เขายิ้มคล้ายไม่ยิ้ม “ข้าเคยได้ยินมาบ้าง ว่ามีบุตรสาวของจวนหย่งผิงโหวพลัดพรากจากไปคนหนึ่ง ที่จริงแล้วคือแม่นางท่านนี้เองหรือ?”

เขาหัวเราะออกมาหนึ่งเสียง ก็เอ่ยวาจาคล้ายมีความนัยซ่อนเร้น “เหตุใดจึงมาวุ่นวายที่ศาลาว่าการแห่งนี้?”

ยามนี้จิ้งอ๋องท่านนี้กำลังดูแลคดีฉ้อโกงเกี่ยวกับการลำเลียงสินค้าผ่านน่านน้ำทางใต้ ที่เขาเดินทางมาศาลาว่าการเป็นไปได้ว่าต้องมีธุระจำเป็นต้องพบเจ้าเมืองประจำเมืองต้าซิงแน่

เข้าศาลาว่าการประจำเมืองไปแล้ว ด้วยฐานะของท่านอ๋องอย่างเขา หากต้องการทราบเรื่องใดมีหรือจะไม่ได้ทราบเรื่องนั้น?

ชีเจิ้นไม่กล้าโป้ปด “เรียนท่านอ๋อง ในเรือนมีบ่าวชั่วกำเริบเสิบสาน คิดอาจหาญประทุษร้ายนายพ่ะย่ะค่ะ จึงได้มาถึงศาลาว่าการด้วยเหตุผลนี้”

มิได้กล่าวถึงรายละเอียดที่สวี่อินอินเข้ามาฟ้องร้องออกไปโดยตรง

ทว่าเซียวอวิ๋นถิงมองไปทางสวี่อินอินด้วยสายตาที่มีความนัยลึกซึ้งแล้ว

สวี่อินอินแสร้งทำเป็นขี้ขลาดยำเกรง ก้มศีรษะไม่มองไปทางเขาแม้แต่น้อย และแสร้งทำเป็นไม่รู้ว่าสิ่งที่เขาพูดมานั้นหมายถึงอะไร

เซียวอวิ๋นถิงไม่ใส่ใจ เพียงแต่เอ่ยกับชีเจิ้นว่า “เรื่องนี้เองหรือ? บ่าวรังแกนายถือเป็นเรื่องใหญ่ ท่านโหวมิควรใจอ่อนออมมือเด็ดขาด เพื่อป้องกันมิให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำรอยอย่างจวนอิงกั๋วกงขึ้นอีก”

เมื่อปีก่อนนั้นจวนอิงกั๋วกงปล่อยปละละเลยบ่าวรับใช้ในเรือน ผลสุดท้ายแล้วบ่าวรับใช้กลุ่มนั้นก็อาศัยอำนาจของจวนอิงกั๋วกงวางก้ามอวดเบ่งที่เมืองฝูเจี้ยน ร้ายแรงถึงขั้นมีบ่าวกำแหงคนหนึ่งสังหารเจ้าเมืองของที่นั่นตายไปแล้วด้วย

เรื่องราวลุกลามใหญ่โต บ่าวกำแหงคนนั้นต้องทัณฑ์เลาะกระดูกไม่ว่า จวนอิงกั๋วกงยังได้รับราชโองการตำหนิจากฝ่าบาท ถูกถอดยศ และนับแต่นั้นชีวิตตกต่ำมิอาจหวนคืนได้อีก

ศักดิ์ฐานะของเซียวอวิ๋นถิงวิเศษเหนือผู้อื่น ครั้นได้ยินเขากล่าววาจาเช่นนี้ ชีเจิ้นพลันสะดุ้งตัวโยน หนาวสะท้านไปทั้งร่างกาย

รับคำอย่างนอบน้อมรอบคอบว่า “ข้าน้อยขอบคุณท่านอ๋องที่ชี้แนะ!”

สายตาของเซียวอวิ๋นถิงค่อยเลื่อนไปตกบนร่างของสวี่อินอินตอนนี้เอง “เป็นถึงบุตรีของจวนโหว เนื้อตัวเปียกปอนชุ่มโชกแล้วยังไม่มีคนสนใจ เกรงว่าบ่าวรับใช้ของจวนโหวสมควรได้รับการอบรมให้อยู่กับร่องกับรอยเป็นเรื่องจริงแท้”

สวี่อินอินรู้สึกสั่นไหวเล็กน้อยในใจ

เซียวอวิ๋นถิงกำลังพูดเข้าข้างนางหรือ?

รอยยิ้มบนใบหน้าของชีเจิ้นยิ่งดูฝืนทนเต็มประดา “ใช่แล้ว ท่านอ๋องสั่งสอนถูกต้องแล้ว ข้าน้อยกลับเรือนไป จะจัดการเจ้าพวกเหลือขอเหล่านั้นให้เรียบร้อยทันที!”

เซียวอวิ๋นถิงไม่พูดอะไรมากกว่านั้น เพียงแต่ผงกศีรษะพอเป็นพิธี “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ก็ไม่รบกวนท่านโหวรับตัวบุตรีกลับเรือนแล้ว ข้ายังมีงานราชการต้องจัดการ”

ชีเจิ้นถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก ก่อนจะปรายสายตามองแม่นมจางปราดหนึ่ง

ครั้งนี้แม่นมจางมีท่าทีต่างไปจากก่อนหน้านี้อย่างสิ้นเชิง กลัวว่าสวี่อินอินจะเล่นลูกไม้อะไรต่อหน้าท่านอ๋องขึ้นมาอีก จึงเอ่ยด้วยรอยยิ้มประจบสอพลอเต็มใบหน้า “คุณหนูใหญ่เจ้าคะ ท่านดูสิเนื้อตัวท่านเปียกชื้นหมดแล้ว เกรงจะจับไข้เป็นหวัดนะเจ้าคะ พวกเรารีบขึ้นรถม้ากันเถิดเจ้าค่ะ!”

ความตั้งใจของสวี่อินอินสำเร็จแล้ว บัดนี้เมื่อเห็นว่าพอสมควรแล้ว ก็ผงกศีรษะรับคำแม่นมจางอย่างว่าง่าย ประคองมือแม่นมจางเดินขึ้นรถม้าแล้วเรียบร้อย

ชีเจิ้นยืนนิ่งอยู่ที่เดิมมองตามเซียวอวิ๋นถิงจนกระทั่งผ่านเข้าไปในประตูของศาลาว่าการแล้ว ค่อยพลิกกายขึ้นหลังอาชา

แม่นมจางขึ้นรถม้าแล้วก็ถอนหายใจออกมาทันใด หนนี้นางนอบน้อมต่อสวี่อินอินมากขึ้นแล้ว ครั้นหยิบอาภรณ์ชุดหนึ่งออกมาจากห่อผ้าข้างตัวก็เอ่ยว่า “คุณหนูใหญ่ ดูสิท่านตัวเปียกหมดแล้ว กลับเมืองหลวงไปสภาพนี้คงได้จับไข้เป็นหวัดพอดี ซ้ำร้ายยังดูไม่เหมาะสมด้วยเจ้าค่ะ…”

บัดนี้นางมองออกแล้ว กับสวี่อินอินต้องใช้ไม้อ่อนมิใช่ไม้แข็ง

ยิ่งไปกว่านั้นยามนี้สวี่อินอินเข้าตาเซียวอวิ๋นถิงแล้ว

จิ้งอ๋องเอ่ยปากถามถึงคุณหนูใหญ่ที่เคยหายตัวไปของจวนหย่งผิงโหวขึ้นมาเอง

บัดนี้จวนหย่งผิงโหวไม่อาจรับตัวคุณหนูใหญ่กลับจวนไปอย่างเงียบเชียบและไร้การแสดงออกได้อีกแล้ว

แม้กระทำเพราะยำเกรงจิ้งอ๋อง รวมถึงหลูซ่างซูด้วยอีกฝั่ง ทว่าตำแหน่งคุณหนูใหญ่ในจวนโหวของสวี่อินอิน ก็นับว่ามั่นคงแล้ว

ผู้เข้าใจสถานการณ์คือผู้ชาญฉลาด แม่นมจางรู้หลบเป็นปีกรู้หลีกเป็นหางดี

อาภรณ์ชื้นแฉะที่สุมอยู่บนร่างกายทำให้ไม่สบายตัวจริงอย่างที่ว่า อีกอย่างเป้าหมายก็บรรลุแล้ว สวี่อินอินไม่ต้องการสวมอาภรณ์ชุดนี้เดินทางกลับจวน ก็ผงกศีรษะรับคำ

นางไม่มีความเพ้อฝันใดถึงนางหวังและบุคคลที่เรียกว่าญาติทั้งสิ้น

และมิได้ไร้เดียงสาถึงขั้นคิดว่าตนเองกลับจวนไปในสภาพน่าอดสูเช่นนี้แล้ว จะสามารถทำให้พวกเขาเห็นใจสงสาร

ไม่มีทางเด็ดขาด พวกเขามีแต่จะรู้สึกว่านางน่าสมเพชน่าขายหน้าเท่านั้น

ครั้นผลัดอาภรณ์แล้ว แม่นมจางค่อยถอนหายใจออกมา และจัดการนำอาภรณ์เปียกชื้นของสวี่อินอินไปเก็บให้เรียบร้อย ก่อนจะหยิบกาน้ำชาออกมาจากช่องเก็บของในผนัง และรินน้ำชาให้สวี่อินอิน

สวี่อินอินสีหน้าเรียบเฉย ถือถ้วยน้ำชาไว้ในมือพลางเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงคล้ายไม่จริงจังนัก “แม่นมจาง ท่านเข้าจวนโหวทำงานมานานเท่าใดแล้ว?”

แม่นมจางไม่เข้าใจจุดประสงค์ที่สวี่อินอินถามคำถามนี้นัก ก็ครุ่นคิดพลางตอบอย่างระมัดระวัง “เรียนคุณหนูใหญ่ บ่าวเข้าจวนโหวมาได้ยี่สิบปีกว่าแล้วเจ้าค่ะ”

สวี่อินอินเปล่งเสียงอืมคำหนึ่ง “แล้วแม่นมฮวาเข้าจวนมานานเท่าใดแล้ว?”

นางวกไปทางซ้ายทีขวาทีเช่นนี้ ทำแม่นมจางงุนงงสับสนไม่น้อย

ครั้นได้ยินนางถามถึงแม่นมฮวาขึ้นมา ไม่รู้ด้วยเหตุผลใด แม่นมจางพลันขนลุกซู่ไปทั้งตัว

นางอดทนอย่างยิ่งยวดพลางตอบกลับอย่างขลาดกลัวว่า “คุณหนูใหญ่ แม่นมฮวาเข้าจวนมาได้สิบกว่าปีแล้วเจ้าค่ะ”

“สิบกว่าปี…” สวี่อินอินใคร่ครวญอยู่ครู่หนึ่ง ทันใดนั้นก็หัวเราะออกมาเบาๆ “เข้าจวนมาสิบกว่าปีกว่าจะไต่เต้ามาถึงจุดนี้ มิใช่เรื่องง่าย แต่น่าเสียดายที่เลือกนายผิด ตายไปเสียง่าย ๆ ช่างน่าเสียดายยิ่ง”

นางพูดจบ ก็มองแม่นมจางด้วยรอยยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม “แม่นมว่า ใช่หรือไม่?”

......

แม่นมจางขนลุกเกรียวทั้งตัวแล้ว!

คุณหนูใหญ่คนนี้ใช่เพียงไม่ธรรมดาที่ไหน?

อย่างนางต้องเรียกว่าเหนือธรรมดาไปแล้วต่างหาก!

นับแต่รู้ตัวตนของสวี่อินอินจนกระทั่งเข้ามารับตัวนางแล้ว จวนโหวไม่เคยส่งคนมาพบปะสวี่อินอินเลยสักครั้ง

ยิ่งไปกว่านั้นยังไม่มีใครเคยเล่าเรื่องของจวนโหวให้สวี่อินอินฟังมาก่อนด้วย

จำเป็นต้องรู้ก่อนว่า ในจวนโหวมีหลายสายตระกูล แค่บรรดาเจ้านายรวมกันก็มีด้วยกันยี่สิบกว่าคนแล้ว ความสัมพันธ์ภายในนั้นซับซ้อนและยุ่งเหยิง

ยิ่งการแบ่งพรรคแบ่งพวกระหว่างบ่าวรับใช้ยิ่งไม่ต้องพูดถึง

ทว่าสวี่อินอินแค่อ้าปากก็กล้าพูดแล้วว่าแม่นมฮวาเลือกเจ้านายผิด!

นางรู้ว่าแม่นมฮวาฟังคำสั่งจากใครมาถึงได้กล้าประทุษร้ายสังหารนางหรือ?

ที่เอ่ยวาจานี้ออกมาเพราะจงใจส่งสารเตือนให้ตนเองอยู่อย่างนั้นหรือ? ให้ตนเองมีสติ อย่าต้องทิ้งชีวิตไปเพราะเลือกเจ้านายผิดเหมือนกับคนนั้นหรือ?

แม่นมจางอ้าปากหมายจะเอ่ยถามบางอย่าง แต่เมื่อเงยหน้ามองกลับพบว่าสวี่อินอินหลับตาลงเสียแล้ว คล้ายว่าผล็อยหลับไปเรียบร้อย

คุณหนูใหญ่ท่านนี้! แม่นมจางจิตใจว้าวุ่นสับสนแล้ว

แต่กระนั้นแล้วนางก็ต้องยอมรับ ว่าจิตใจของนางระส่ำระสายเพราะฝีมือของสวี่อินอินอย่างสมบูรณ์แล้ว

เดิมทียังคิดว่า คุณหนูใหญ่ที่เติบโตในชนบท และถูกเจ้านายในเรือนทุกคนทอดทิ้งไปแล้ว จะไร้ซึ่งความน่าเคารพยำเกรง

แต่บัดนี้มองแล้ว จะเป็นเช่นนี้จริงหรือ?

ยังมีคำพูดนั้นของสวี่อินอินอีก ที่ไม่เข้าใจว่าหมายถึงอะไร? กำลังบอกตนอยู่หรือว่า ตนสามารถเลือกอยู่ข้างนางได้?

สวี่อินอินไม่ลืมตา ก็รู้ว่าบัดนี้แม่นมจางต้องกำลังสับสนและว้าวุ่นกังวลใจอยู่แน่ นางก็มิได้แยแส การดึงคนมาเป็นพวกพ้องให้ตนเองได้ใช้ประโยชน์ เป็นเพียงแค่ก้าวแรกเท่านั้น หากแม่นมจางไม่มีความสามารถนี้ นางก็แค่หาคนอื่น

จวนโหวยิ่งใหญ่ออกเพียงนี้ ต้องมีสักคนที่ตาแหลมรู้จักไข่มุกงามอยู่แน่

 
Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 805

    ชีหยวนรับรู้ได้นางขมวดคิ้ว ถอนมือกลับมา กล่าวเสียงทุ้มต่ำว่า “ก็แค่เรื่องเล็กน้อย มิใช่เรื่องใหญ่อันใด อีกไม่กี่วันก็คงหายเอง”แท้จริงนางคิดเช่นนี้เอง ไม่ว่าบาดแผลจะหนักหนาเพียงใด นางกลับเห็นว่าไม่ใช่เรื่องใหญ่ อีกไม่กี่วันก็คงหายไล่เฉิงหลงพลันโกรธขึ้นมาเล็กน้อยทว่าเขาย่อมรู้ดีว่าโทสะนี้หาใช่มีเหตุผลอันใดไม่คุณหนูใหญ่ชีเป็นอะไรกับเขากัน?หากจะนับให้ชัด ก็เพียงสหายร่วมงาน เป็นผู้มีพระคุณแต่ทว่า หัวใจเขากลับมิยอมเชื่อฟังคำสั่งตนเองตั้งแต่เมื่อใดกัน ที่เขาเริ่มมีใจต่อคุณหนูใหญ่ชี?ไล่เฉิงหลงครุ่นคิดเนิ่นนาน แต่ก็หานึกไม่ออกว่าคือเวลาใดแน่ชัดทว่า มีอยู่ค่ำคืนหนึ่งที่เขาจำได้อย่างชัดแจ้งคืนที่ชีหยวนออกไปสังหารองค์หญิงเป่าหรงทั้ง ๆ ที่เขาสะสางเรื่องของชินอ๋องหวยเหลียงเสร็จสิ้นแล้ว แต่ก็ยังเจตนาอ้อมไปยังหน้าผา ทอดมองผนังภูเขาสูงชัน และไม้เลื้อยกับต้นเถาวัลย์เหล่านั้น แล้วก็ยืนเหม่อลอยอยู่เนิ่นนานชั่วขณะนั้น ทั้งที่เขามองไม่เห็นแม้เพียงเงาร่างของชีหยวน ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าชีหยวนปีนขึ้นไปแล้วหรือไม่แต่ไม่รู้เพราะเหตุใด เขารู้สึกว่าเพียงยืนรออยู่เบื้องล่าง คอยรออยู่ชั่วขณะ ก

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 804

    สวี่เฟิ่งเชี่ยวอยู่ด้านล่างโกรธจนกระทืบเท้า จะไล่ตามไปโดยสัญชาตญาณทว่าพอเพิ่งจะลงมาถึงข้างล่าง ชีหยวนก็หันกายกลับพลันพุ่งตัวโถมลงมาอย่างแรง กดทับสวี่เฟิ่งเชี่ยวล้มกระแทกลงกับพื้น ตัวนางกดร่างของสวี่เฟิ่งเชี่ยวไว้แน่นหนาสวี่เฟิ่งเชี่ยวถึงกับตะลึงงันไป เผลอหลุดคำด่าออกมา “เจ้าคนชั่ว! เจ้าคนหลอกลวง! เจ้านี่เหมือนที่ท่านอ๋องกล่าวไว้ไม่มีผิด ปากไม่เคยพูดความจริงเลยสักคำ!”ครั้งนี้ชีหยวนไม่ตอบโต้สักคำ ไม่พูดพร่ำทำเพลงฟาดฝ่ามือลงไปฉาดใหญ่ทันที จนหูของสวี่เฟิ่งเชี่ยวอื้ออึงขึ้นมาในบัดดลโดยไม่ลังเลแม้แต่น้อย ชีหยวนฟาดฝ่ามือที่สองลงไปอีกจากนั้น ไม่รอให้สวี่เฟิ่งเชี่ยวได้ตั้งตัวเปล่งเสียงด่าออกมา ก็ตามติดด้วยฉาดที่สาม และต่อด้วยฉาดที่สี่……ตบไม่หยุดจนสองแก้มของสวี่เฟิ่งเชี่ยวบวมพองประหนึ่งหัวหมู พูดเป็นประโยคเต็ม ๆ สักคำก็มิอาจเปล่งออกมาได้ชีหยวนจึงเอ่ยเสียงเย็น “ข้าชิงชังผู้อื่นมาตบหน้าข้าเป็นที่สุด”ครั้งหนึ่งในอดีต ตอนที่นางอยู่ในค่ายฝึกหน่วยกล้าตาย รุ่นพี่ที่สอนนางในตอนนั้น มักจะชอบตบหน้าผู้อื่นทำท่าท่าไม่คล่องแคล่ว ปฏิบัติภารกิจพลาด ก็ต้องถูกตบหน้าตอนนั้นนางไม่เคยแม้แต่จะคิด

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 803

    แส้ของสวี่เฟิ่งเชี่ยวนั้นเต็มไปด้วยหนามแหลม ครั้นเมื่อชีหยวนเอื้อมมือคว้าจับ ก็พลันรู้สึกถึงความเจ็บปวดรุนแรงพุ่งแล่นเข้ามาโดยปกติแล้ว นางเป็นผู้ที่มีอดทนต่อความเจ็บปวดได้เป็นพิเศษ ทว่าครั้งนี้ แม้แต่ตัวนางเองยังเกือบกลั้นไม่อยู่เฉียดจะอุทานร้องออกมาทว่านางก็ยังกัดฟันข่มทนไว้ได้ ผลักสวี่เฟิ่งเชี่ยวกระแทกเข้ากับผนังเขาอย่างแรงชีฉางถิงก็พลันคลานออกไปได้สำเร็จในที่สุดชีหยวนจึงค่อยๆ ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกแต่ยังไม่ทันจะได้ผ่อนคลายอย่างเต็มที่ สวี่เฟิ่งเชี่ยวก็หัวเราะเย็นอย่างเหี้ยมเกรียมใส่ชีหยวน “คำร่ำลือในยุทธภพ ต่างพูดกันว่าคุณหนูใหญ่ตระกูลชี เป็นผู้ไร้ซึ่งความรู้สึก ไม่ว่าต่อผู้ใดก็เย็นชาเฉยเมยไปเสียหมด บัดนี้ดูไปแล้ว คำร่ำลือนั้นก็ไม่เป็นเช่นนั้นเสียทั้งหมดนะ?”นางพลิกมือกลับบิดข้อศอกของชีหยวน พลันออกแรง ผลักกลับอย่างฉับพลัน พลันทำให้ชีหยวนถูกกดเข้ากับผนังหน้าผาแทน จ้องมองเลือดในฝ่ามือของชีหยวนแล้วหรี่ตาลง “จุ๊ ๆ ๆ เพียงเพื่อน้องชาย เจ้ากลับยอมสละได้ถึงเพียงนี้ เหตุใดท่านอ๋องถึงเอ่ยว่าเจ้านั้นไร้หัวใจไร้ธรรมเล่า?”“ท่านอ๋อง?”ชีหยวนแค่นหัวเราะออกมา “ใช่แล้วสิ เหตุใดท่านอ

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 802

    ความสามารถทั้งปวงของสวี่เฟิ่งเชี่ยวนั้น ล้วนเรียนติดมาจากสวี่ไห่และตงอิ๋งเรียกได้ว่า นางเติบโตขึ้นท่ามกลางกองซากศพตั้งแต่เยาว์วัยด้วยเหตุนี้ นางจึงมิได้ให้เกียรติแก่ชีวิตใด ๆ เลย มองข้ามไปอย่างสิ้นเชิงช่างเป็นผู้ฆ่าคนโดยไม่กะพริบตาจริงๆชีหยวนเคยปะทะกับนางมาแล้วครั้งหนึ่ง ตอนนั้นองค์หญิงเป่าหรงถูกกักขังแล้ว สวี่เฟิ่งเชี่ยวกับองค์หญิงเป่าหรงสนิทชิดใกล้ นางจึงมาหาเรื่องชีหยวนเพื่อองค์หญิงเป่าหรงนางกดบ่าของชีหยวน แล้วผลักนางลงมาจากหอคอยสูงเจ็ดชั้นโชคดีที่ชีหยวนตอบสนองรวดเร็ว ยึดกิ่งไม้ของต้นไม้โบราณที่ข้าง ๆ ได้ทัน จึงพอชะลอแรงตกลงมาได้ ไม่เช่นนั้นชีวิตคงสิ้นไปแล้วหากว่ากันตามจริง ความสามารถของสวี่เฟิ่งเชี่ยวหาได้ด้อยกว่านางไม่เลยแต่ชีหยวนกลับมิได้กังวล เพียงเอ่ยอุทานเอะใจ “เหตุใดฮองเฮาแห่งท้องทะเลเช่นเจ้า ถึงได้มาที่เมืองหลวงได้ แล้วยังปลอมปนเข้ามาเป็นสตรีในตระกูลเฝิง กลายเป็นคุณหนูเฝิงไปเสียได้?”สายตาที่สวี่เฟิ่งเชี่ยวมองชีหยวนนั้น ตั้งแต่วินาทีแรกก็ผิดแปลกไปแล้วสตรีผู้นี้กลับรู้จักตนและดูเหมือนจะรู้เรื่องราวเกี่ยวกับตนอย่างถ่องแท้นางวางมือไว้ตรงเอวราวไม่ใส่ใจ พลา

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 801

    ชีฉางถิงถึงกับตะลึงงันเขามั่นใจคิดไปเองว่า วันนี้เพียงแค่เชื่อฟังคำสั่งของผู้ใหญ่ออกมาดูตัว ออกมาพบหญิงสาวที่อาจเป็นภรรยาในอนาคตของตนแต่ไม่คาดคิดเลยว่า สิ่งที่ต้อนรับเขา กลับไม่ใช่ท่าทีความอ่อนโยนหรือความเอียงอายของหญิงสาว หากแต่เป็นคมดาบอันวาววับเย็นเยียบเขาอย่างไรเสียก็เป็นคนเกิดในตระกูลแม่ทัพ ขณะที่ตนเองแม้ตั้งใจเล่าเรียนเพื่อเตรียมสอบบัณฑิต แต่ทักษะการฝึกกายให้แข็งแรงก็ยังได้ฝึกมาอยู่บ้าง ทันใดนั้นจึงง้างขาเตะออกไปเต็มแรงช่องทางแคบเพียงเส้นเดียวนี้ เกินกว่าจะเคลื่อนไหวได้ถนัดจริง ๆชีฉางถิงถอยร่นไม่หยุด เท้ายกเตะถีบต่อเนื่องไม่ขาด เฝิงไฉ่อินตัวปลอมกลับไม่อาจลงมือได้ในทันใด จึงโกรธเกรี้ยวตวาดว่า “เจ้าหาเรื่องตายงั้นหรือ!”เอ่ยพลางควักเอาลูกดอกจากเอว กระโจนขว้างไปยังชีฉางถิงอย่างแรงที่ตรงนั้นคับแคบยิ่งนัก ชีฉางถิงไม่มีทางหลบพ้น ลูกดอกปักเข้าที่บ่าของเขาเต็ม ๆ เจ็บจนร้องลั่นออกมาเสียงหนึ่ง ล้มตัวลงนั่งกองกับพื้น“เตะสิ ทำไมไม่เตะต่อเล่า?” ‘เฝิงไฉ่อิน’ สีหน้าเย็นเยียบ เอียงศีรษะย่อตัวลง คว้าจับปกเสื้อชีฉางถิง แล้วชกหมัดหนึ่งเข้าที่จมูกของชีฉางถิงชีฉางถิงเลือดกำเดาทะลักออ

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 800

    จะมีหนทางใดในการล้างแค้นตระกูลชีเล่า ทำให้การแต่งงานครั้งนี้ล้มไม่เป็นท่าหรือ?ชีหยวนคือนักฆ่า ดังนั้นนางจึงพิจารณาปัญหาจากมุมของนักฆ่า แล้วก็พลันเผยรอยยิ้มเย็นเยียบ เร่งฝีเท้าไปยังหลังเขาเฝิงอวี้จางก็กำลังนั่งดื่มชาอยู่กับนายท่านรองชีเขาเอ่ยยิ้ม ๆ ว่า “ใครจะคิดเล่า ว่าตระกูลเราจะได้มาดองกันเช่นนี้? นี่ช่างเป็นวาสนาแท้ ๆ!”แต่นายท่านรองชีกลับรู้สึกแปลก ๆ อยู่ลึก ๆ เพราะยังมิได้ตกลงกันแท้จริง จะกล้าพูดว่าเป็นดองแล้วได้อย่างไร?เขาส่ายหน้าเล็กน้อย เอ่ยอย่างระมัดระวังว่า “สุดท้ายก็ยังต้องดูว่าเด็ก ๆ จะชอบพอกันหรือไม่ เพราะการแต่งงานเป็นเรื่องใหญ่ของชีวิต หาใช่เรื่องจะสะเพร่าได้”เวลานี้คนตระกูลชีกล่าวว่าอย่างไรก็ย่อมเป็นไปตามนั้นเฝิงอวี้จางย่อมไม่โต้เถียง เพียงยิ้มรับคำ แต่ในใจกลับวางใจลงไปมากต่างกับไฉ่เวย ไฉ่อินผู้นี้เป็นเด็กสาวที่ไม่เหมือนใครจริง ๆนางชอบอ่านตำรา และยังชอบทำความดีช่วยเหลือผู้คนตั้งแต่เล็ก ๆ เห็นน้องชายหรือน้องสาวถูกรังแก ก็มักออกหน้าปกป้องพวกเขาเสมอเด็กสาวเช่นนี้ เขามั่นใจว่าชีฉางถิงต้องชอบเป็นแน่ขณะนั้นเอง ชีฉางถิงกลับยืนเก้ ๆ กัง ๆ ไม่รู้จะวางมือไว้

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status