Share

บทที่ 10

Author: ฉินอันอัน
เวลาล่วงเลยผ่านไปอย่างรวดเร็ว ในขณะที่แม่นมจางกำลังจมดิ่งกับห้วงความคิดฟุ้งซ่าน กว่านางจะได้สติรู้ตัวอีกครั้ง ก็มาถึงจวนหย่งผิงโหวแล้ว

ชีเจิ้นเพราะเพิ่งพบเซียวอวิ๋นถิงที่ศาลาว่าการเมืองต้าซิงมาเมื่อสักครู่ ยามนี้ก็ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่ และไม่มีเวลามาสนใจสวี่อินอินเช่นกัน เพียงแต่เอ่ยปากออกคำสั่งอย่างส่งเดชไปว่า “ไปพบมารดาของเจ้าก่อนเถิด!”

เขาเอ่ยพลางเตรียมจะออกไป สวี่อินอินเองก็ไม่ได้สนใจนัก ยอบกายลง ทำความเคารพต่อชีเจิ้น

นางไม่ทำความเคารพยังดีเสียกว่า ครั้นยอบกายลงแล้ว ชีเจิ้นกลับชะงักฝีเท้าทันที

ไหนว่าอากัปกิริยาท่าทางการทำความเคารพของสวี่อินอินไม่ถูกต้องไม่สมควร

ปัญหาคือตรงนี้ มันถูกต้องตามระเบียบเกินไปแล้วต่างหาก

ท่วงท่าลีลาการยอบกายทำความเคารพของสวี่อินอิน ลื่นไหลดุจสายน้ำและเมฆา หาจุดบกพร่องไม่ได้แม้แต่จุดเดียว

เขาชะงักฝีเท้า “เจ้าเคยเรียนมารยาทมาก่อนหรือ?”

สวี่อินอินส่ายหน้าค่อยๆ ไม่ช้าไม่รีบร้อน เห็นชีเจิ้นขมวดคิ้ว ก็เม้มริมฝีปากเบาๆ ก่อนจะเอ่ยด้วยท่าทางดูคล้ายขลาดกลัว “ยายคนหนึ่งเคยสอนข้าเจ้าค่ะ”

ยาย?

ชีเจิ้นรู้สึกประหลาดใจยิ่งกว่าเก่า หมู่บ้านที่สวี่อินอินอาศัยอยู่ หลายปีที่ผ่านมานี้ แม้แต่บัณฑิตขั้นจิ้นซื่อสักคนยังไม่เคยมี ตระกูลใดจะมีความฟุ้งเฟ้อร่ำรวย จนต้องใช้มารยาทประเพณีเหล่านี้กัน?

เขาเกิดความคิดในใจ ก็ถามด้วยเสียงเคร่งขรึมว่า “เป็นยายจากที่ใดหรือ?”

มาแล้ว!

สวี่อินอินเอ่ยคำพูดแก้ต่างที่วนเวียนอยู่ในใจของตนนับไม่ถ้วนออกมา “ข้าต้องเดินทางหลายสิบลี้ไปตัดไม้ทำฟืนเสมอ ด้านบนของภูเขาลูกนั้นมีศาลเจ้าอยู่แห่งหนึ่ง ที่ศาลเจ้ามียายเฒ่าคนหนึ่งบอกว่าต้องชะตาข้ายิ่งนัก จึงสอนข้าอ่านตำราเขียนอักษร…”

บนภูเขา?

ด้านบนภูเขาลูกนั้นที่ห่างจากที่อาศัยของสวี่อินอินมีศาลเจ้าอยู่จริงๆ

หัวใจของชีเจิ้นพลันเต้นอย่างรุนแรง “ยายเฒ่าคนนั้น แซ่เจียงหรือไม่?”

สวี่อินอินเงยศีรษะขึ้นด้วยความประหลาดใจ “ท่านรู้ได้อย่างไร?”

ชีเจิ้นสูดหายใจเฮือกหนึ่งด้วยความตกใจ

พินิจมองเด็กสาวตรงหน้าอย่างละเอียดอีกครั้งหนึ่ง สีหน้ายิ่งปรากฏความประหลาดใจหนักขึ้นกว่าเก่า

ก่อนหน้านี้เขาไม่เคยพินิจพิเคราะห์เด็กสาวคนนี้อย่างตั้งใจเลยสักครั้ง กระทั่งยามนี้ได้จ้องมองอย่างละเอียดแล้ว ถึงค้นพบว่า แม้ใช้ชีวิตตรากตรำทำงานหนักในชนบท ทว่าเด็กสาวคนนี้กลับมีผิวผิวพรรณขาวผ่องนุ่มเนียน

คิ้วคางเครื่องหน้าเองก็งดงามละเอียดอ่อน สันจมูกสูงตรง นัยน์ตาดอกท้อคู่นั้นเปล่งประกายดุจเกลียวคลื่น

แค่คิ้วคางใบหน้าเพียงอย่างเดียว เทียบกับชีจิ่นแล้วก็ไม่มีจุดใดด้อยกว่าเลย

ชีเจิ้นเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะโพล่งขึ้นทันที “ไปกันเถิด ข้าจะไปที่เรือนหลังพร้อมเจ้า”

สวี่อินอินยิ้มเยาะอย่างเงียบเชียบในใจ

ก่อนหน้านี้ยังรีบร้อนจะออกไป บัดนี้กลับร้อนใจจะเดินไปส่งตนเองแล้ว

สิ่งนี้มิใช่เพราะมโนสำนึกของชีเจิ้นถูกค้นพบ มิใช่ความรักของผู้เป็นบิดาถูกกระตุ้น

แต่เป็นเพราะนางจงใจเอ่ยถึงแม่นมเจียงขึ้นมาก็เท่านั้น

นางย่อมรู้ดีว่าท่าทีของชีเจิ้นเปลี่ยนไปด้วยเหตุผลอะไร

เพราะคนที่แม่นมเจียงรับใช้คือองค์หญิงใหญ่ และคนที่กำลังบำเพ็ญเพียรรักษาความสงบในศาลเจ้าแห่งนั้น ก็คือองค์หญิงใหญ่เช่นกัน

เด็กสาวที่ได้รับคำชี้แนะจากคนข้างกายขององค์หญิงใหญ่ ยังไม่เรียกว่ามีคุณค่าอีกหรือ?

เมื่อคิดได้ดังนี้ นางจึงเหลือบสายตาพร้อมรอยยิ้มมองแม่นมจางที่อยู่ด้านหลังปราดหนึ่ง

แม่นมจางถูกสายตาของสวี่อินอินจ้องมองก็รู้สึกอกสั่นขวัญแขวนขึ้นมาแล้ว

ก่อนหน้านี้คุณหนูใหญ่แสดงท่าทีว่าอยากให้ตนไปพึ่งพิง ทว่าตนเองก็ยังไม่เต็มใจนัก

แต่กระนั้น คุณหนูใหญ่ท่านนี้ช่างสุขุมลุ่มลึกถึงที่สุดจริงๆ!

นางมีขุนเขาใหญ่ให้พึ่งพิงและมีโอกาสดีเช่นนี้ แต่กลับอดทนไม่แพร่งพรายความลับแม้เพียงเสี้ยวเดียวนี้ต่อหน้าพวกแม่นมฮวา

ราวกับว่าคาดคะเนไว้แม่นยำทุกย่างก้าว

โดยซ้อนกลอุบายกำจัดแม่นมฮวาทิ้งไปก่อน จากนั้นค่อยทำให้เป็นเรื่องใหญ่ หนำซ้ำยังบุกไปที่ศาลาว่าการเมืองต้าซิงด้วย…

พิจารณาจากมุมมองในยามนี้แล้ว ที่ไปศาลาว่าการเมืองต้าซิงก็มิใช่จับพลัดจับผลูไป แต่เพราะมั่นใจว่าหากไปที่ศาลาว่าการเมืองต้าซิงแล้ว เรื่องนี้จะไปถึงหูชีเจิ้นไวกว่า…

ชีเจิ้นนำทางสวี่อินอินตรงเข้าไปที่เรือนหลังแล้ว

นางหวังครั้นได้ยินว่าเรื่องนี้ลุกลามใหญ่โตไปถึงฝ่ายขุนนางแล้ว ก็รู้สึกอกสั่นขวัญแขวนทุกเสี้ยวขณะ

และขณะเดียวกันภายในใจก็เกิดความไม่พอใจต่อสวี่อินอินขึ้นมาด้วยเช่นกัน

ถูกเลี้ยงมาในชนบทนั่นคือความเลวร้าย ไม่รู้ทั้งสถานการณ์ในราชสำนัก ซ้ำยังไม่รู้จักคำนึงถึงตระกูล

หนนี้ต้องให้ท่านโหวเดินทางไปรับคนกลับเรือนด้วยตนเอง ไม่รู้ว่าจะมีโทสะใดรอคอยอยู่

นางขมวดคิ้วด้วยความวิตกกังวลไม่เป็นสุข

ชีอวิ๋นถิงเบะปากอยู่ด้านข้าง “ท่านแม่ หากส่งนางกลับบ้านนอกไปตั้งแต่ต้น ก็ไม่ต้องมีเรื่องวุ่นวายเช่นนี้แล้ว!”

นางหวังมิได้เปล่งวาจา ทว่าในใจก็ความคิดแบบเดียวกัน

ยั่วโทสะท่านโหวแล้ว ตัวนางเองยังหยาบคายเต็มทน บางทีการส่งตัวนางไปอยู่ที่บ้านนอก นั่นอาจจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุดแล้วก็เป็นไปได้…

ในขณะที่ในใจกำลังครุ่นคิดว่าจะจัดการกับตัวปัญหาผู้นี้อย่างไรดี ผ้าม่านกั้นประตูพลันถูกเปิดออกกะทันหัน

ชีเจิ้นย่ำเท้าเข้ามาก่อนแล้ว

นางหวังและชีอวิ๋นถิงเห็นเขา ต่างพากันหยัดกายขึ้นยืนอย่างร้อนใจ

ยิ่งนางหวังยังคิดว่าชีเจิ้นคงบันดาลโทสะจนไม่พาสวี่อินอินกลับเรือนมาด้วยกันแล้ว

ก็โพล่งขึ้นทันที “ท่านโหว ทั้งหมดล้วนเป็นความผิดของข้า หากรู้แต่แรกคงไม่มีความคิดจะรับนางกลับมา…”

ความจริงในตอนแรกคนทั้งตระกูลต่างเห็นแย้งกับการรับตัวสวี่อินอินกลับมา

นางหวังคิดว่าถึงอย่างไรก็เป็นลูกแท้ๆ ของตนเอง ถึงได้ตัดสินใจสั่งให้คนไปรับกลับมาเลี้ยงดูก่อน

ใครเล่าจะรู้ว่าเรื่องเหล่านี้จะลุกลามใหญ่โต ความเกลียดชังของนางที่มีต่อเด็กคนนี้ได้ทะลุออกมาจากภายในใจแล้ว

เพียงอึดใจต่อมา สวี่อินอินกลับเดินตามชีเจิ้นเข้ามาจากด้านนอก เมื่อได้ยินวาจานี้ของนางหวังแล้ว ก็ก้มศีรษะลงหยุดนิ่งอยู่ที่เดิม

คล้ายกับถูกแรงโจมตีมหาศาลปะทะเข้าอย่างจัง

ชีเจิ้นกระแอมออกมาในทันใด “พูดเรื่องอะไร? นางเป็นบุตรีที่เจ้าให้กำเนิด และเป็นคุณหนูใหญ่ของจวนโหว การกลับมานั่นเป็นเรื่องที่ถูกต้องสมควรแล้ว!”

......

ในใจนางหวังเกิดคลื่นยักษ์โถมกระหน่ำ

ด้วยความเข้าใจที่นางมีต่อสามี ย่อมรู้อุปนิสัยใจคอของสามีคนนี้ดีที่สุด

ชีเจิ้นถือผลประโยชน์ไว้เป็นสิ่งสูงสุดมาแต่ไหนแต่ไร หากขัดต่อผลประโยชน์ของจวนโหวแล้ว อย่าว่าแต่เจ้าดรุณีที่ไม่เคยเลี้ยงดูผูกพันคนนี้มาก่อนเลย ต่อให้เป็นบุตรชาย หากเขาสั่งลงโทษก็ต้องถูกลงโทษสถานเดียว

หนนี้สวี่อินอินก่อเรื่องโกลาหลวุ่นวายเพียงนี้ขึ้นมาแล้ว ซ้ำร้ายยังเอาเรื่องน่าอับอายไปขายให้เจ้านายสูงสุดของชีเจิ้นอีก

แต่เหตุใดชีเจิ้นถึงพาเด็กคนนี้กลับมาอีก?

มิหนำซ้ำยังยืนยันอย่างตรงไปตรงมาว่าสวี่อินอินมีฐานะเป็นคุณหนูใหญ่ของจวนโหวด้วย?

สายตาของชีอวิ๋นถิงจ้องมองไปบนตัวสวี่อินอินแล้วพักหนึ่ง

เขาหรี่ตาอย่างจงเกลียดจงชัง เดินเข้าไปเพ่งมองสวี่อินอินพลางเอ่ยว่า “เจ้านี่เอง ทำให้เรื่องของบ่าวรับใช้ในเรือนลุกลามไปถึงฝ่ายขุนนาง คิดจะทำให้ท่านพ่อขายหน้าหรือ?”

สวี่อินอินเงยหน้าขึ้นมองชีอวิ๋นถิง

เกิดมาแล้วสองภพชาติ นางถึงจะมีโอกาสได้มองชีอวิ๋นถิงด้วยสายตาระดับเดียวกัน

และครั้งนี้ นางไร้ซึ่งความรู้สึกต่ำต้อยด้อยค่า และตอบกลับอย่างเย็นชา “ใช่”

ชีอวิ๋นถิงหัวเราะเยาะออกมาโดยไม่ซ่อนเร้น “เจ้ารู้หรือไม่ว่านี่หมายความว่าอะไร? กลับมาวันเดียว ก็สร้างปัญหาให้ตระกูลแล้ว ทำให้บุพการีขายหน้า เจ้ามันเดนมนุษย์โง่เขลาอกตัญญู!”

ในความทรงจำ เมื่อใดที่ชีอวิ๋นถิงอยู่กับนาง อากัปกิริยาวาจาล้วนเป็นเช่นนี้มาตลอด

ไม่เคยพูดดี มีเพียงสีหน้าเยือกเย็นแข็งกระด้าง

คล้ายว่าหากพูดกับนางมากกว่านี้เพียงคำเดียว จะทำให้เสื่อมเสียเกียรติยศของคุณชายใหญ่แห่งจวนโหว

ยิ่งไปกว่านั้นยังเคยมีครั้งหนึ่ง ชีจิ่นเคยจงใจพานางไปนั่งตรงที่นั่งประจำของชีอวิ๋นถิงในห้องหนังสือ ตอนนั้นชีอวิ๋นถิงไม่พูดพร่ำทำเพลงก็สั่งให้บ่าวรับใช้ยกเก้าอี้ตัวนั้นไปทิ้งทันที

มิหนำซ้ำยังสั่งให้คนจัดการไปยกน้ำมาราดทำความสะอาดตรงจุดที่นางเคยนั่งด้วย

นางเมื่อตอนอดีตชาติเพี้ยนไปแล้วจริงๆ ที่ปล่อยให้คนเหล่านี้มาย่ำยีศักดิ์ศรีไปมาอยู่ได้

ครั้งนี้ สวี่อินอินไม่ยอมโอนอ่อนตามเขาแล้ว เพียงแต่เหลือบสายตามองเขาด้วยความสงสัย “เจ้าเป็นใคร?”

ชีอวิ๋นถิงมิเอ่ยวาจา แม่นมจางส่งเสียงเตือนอย่างอกสั่นขวัญแขวน “คุณหนูใหญ่เจ้าคะ ท่านผู้นี้คือคุณชายใหญ่เจ้าค่ะ…”

 
Patuloy na basahin ang aklat na ito nang libre
I-scan ang code upang i-download ang App

Pinakabagong kabanata

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 691

    เฝิงฮองเฮาไม่อาจเอื้อนเอ่ยวาจาใดได้เซียวอวิ๋นถิงลุกขึ้นยืนแล้วหัวเราะเบา ๆ “ส่วนที่ท่านบอกว่านางยังเยาว์วัยจึงหลงผิด กระหม่อมกลับไม่คิดเช่นนั้น”“เส้นทางในโลกนี้ก็ไม่ต่างอะไรกับถนนแก้ว ทุกคนต่างต้องเดินอย่างระมัดระวัง หากเจ้าพุ่งฝ่าด้วยความดื้อรั้น ก็ย่อมมีแต่เลือดสาดเป็นแน่ อย่ามาพูดว่าเพราะยังเยาว์ ไม่รู้ความ จะรู้หรือไม่รู้เป็นเรื่องของเจ้า แต่จะล้มไม่ล้ม นั่นไม่ใช่สิ่งที่เจ้าควบคุมได้”ใครเล่าที่ไม่เคยล้มลุกคลุกคลานมาจนถึงทุกวันนี้?ในสายตาของเขา เฝิงไฉ่เวยยังล้มมาน้อยเกินไปด้วยซ้ำจึงถึงได้โง่เขลาคิดจะต่อรองกับเสือ ไม่รู้จักความตายเลยจริง ๆ!เขาหมุนตัวเตรียมจะจากไปแต่ทันใดนั้นเอง เฝิงไฉ่เวยที่ซ่อนอยู่หลังฉากกั้นก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป นางวิ่งพรวดออกมาขวางทางเขาเอาไว้นางกำมือแน่นจนเล็บจิกเข้าเนื้อ ฝ่ามือเลือดไหลนองแต่ดวงตากลับยังมุ่งมั่นจ้องเขม็งไปยังเซียวอวิ๋นถิงที่อยู่ตรงหน้า ไม่แม้แต่จะกระพริบตาเฝิงฮองเฮาค่อย ๆ ถอนหายใจ หันไปมองเฝิงไฉ่เวย “เป็นอย่างไร? เจ้าไม่ใช่หรือที่อยากฟังด้วยหูตนเอง? ตอนนี้ตัดใจได้หรือยัง?”ตัดใจได้หรือยัง?ในหัวของเฝิงไฉ่เวยยุ่งเหยิงวุ่นวายไปหมดน

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 690

    ฮองเฮาเฝิงสีหน้าซับซ้อนขึ้นเล็กน้อยนางเดิมก็คิดว่าเซียวอวิ๋นถิงจะไปขอร้องฮ่องเต้หย่งชางทันที หรือไม่ก็มีปากเสียงกับฮ่องเต้หย่งชางเพราะชีหยวนอย่างไรเสีย คนหนุ่มย่อมใจร้อนเป็นธรรมดาสุดท้ายเซียวอวิ๋นถิงกลับไม่ทำเช่นนั้นกลับเสนอจะไปบรรเทาทุกข์จากภัยพิบัติแทนและเห็นได้ชัดว่าเขาคิดถูกแล้ว เวลาผ่านไปนานแค่ไหนกัน?หลี่ฉางชิงก็พังพินาศแล้วตอนนี้ยังมีใครจะพูดถึงหลี่ฉางชิงอีกหรือ?ไม่มีแล้ว ดูอย่างตระกูลเฝิงสิตอนนี้ตระกูลเฝิงแทบอยากให้คนลืมเรื่องที่หลี่ฉางชิงเคยทำนายว่าเฝิงไฉ่เวยมีชะตาหงส์นางกระแอมไอเบา ๆ ก่อนพูดเสียงอ่อน “ออกเดินทางไกลย่อมไม่เหมือนอยู่บ้าน เจ้าต้องระวังตัวทุกฝีก้าว”ฮองเฮาเฝิงชะงักไปครู่หนึ่ง แล้วจึงเอ่ยต่อ “อวิ๋นถิง เจ้าเป็นคนมีความคิดมากกว่าบิดาเจ้าเสียอีก”นางไม่ลังเลอีกต่อไป คว้ามือเซียวอวิ๋นถิงไว้ “วันนี้ท่านลุงของเจ้าเข้าวัง เขาไปที่วังบูรพาหลายครั้งก็ไม่ได้พบเจ้า เลยแวะมาที่ตำหนักของข้าแทน”เซียวอวิ๋นถิงยังคงหลุบตาต่ำ “เสด็จย่า การร่วมมือกับหลี่ฉางชิงมีความผิดฐานใด แม้ข้าจะไม่พูด เสด็จย่าคงรู้ดีอยู่แล้ว”ในใจฮองเฮาเฝิงขมขื่นนักใช่แล้ว เฝิงอวี้จางถึ

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 689

    ท่านโหวผู้เฒ่าชีมีสีหน้าตกตะลึง เขาไม่เคยนึกมาก่อนเลยว่าเซียวอวิ๋นถิงจะคิดเช่นนี้จริง ๆ แล้ว เขาก็เข้าใจดีว่าทำไมเซียวอวิ๋นถิงถึงชอบชีหยวนพูดกันตามตรง ขอแค่เป็นคนที่เข้ากับชีหยวนได้ดี จะมีใครบ้างที่จะไม่ชอบชีหยวน?นางเป็นคนเด็ดเดี่ยว กล้ารักกล้าเกลียด พูดอย่างไรก็เป็นเช่นนั้น ไม่จำเป็นต้องไปเดาว่านางหมายถึงสิ่งนั้นจริงหรือไม่ หรือว่ายังมีความหมายแฝงอื่นอีกสิ่งที่น่าดึงดูดมากกว่านั้นก็คือ นางมีกลิ่นอายแห่งความมุ่งมั่นในเมืองหลวงนี้ ไม่มีสตรีคนใดเหมือนชีหยวนแม้แต่ทั่วทั้งแผ่นดิน ก็แทบหาสตรีที่เหมือนชีหยวนไม่ได้แล้วใครจะไม่ถูกนางดึงดูดกันเล่า?แต่ความชอบแบบนั้น กลับไม่เหมือนกับความชอบของเซียวอวิ๋นถิงในฐานะที่เป็นผู้ชายเหมือนกัน ท่านโหวผู้เฒ่าชีสังเกตจุดนี้ได้อย่างเฉียบคมเซียวอวิ๋นถิงชอบชีหยวน ไม่ใช่เพราะชีหยวนมีประโยชน์ ไม่ใช่เพราะฝีมือของชีหยวน และไม่ใช่เพราะมองเห็นคุณค่าของตระกูลชีที่หนุนหลังชีหยวนไม่ใช่สักอย่างเขาเพียงแค่ชอบชีหยวนเท่านั้น ไม่มีเหตุผลอื่นใดล้วนกล่าวกันว่า จักรพรรดิย่อมไร้หัวใจแต่ท่านโหวผู้เฒ่าชีกลับมองเซียวอวิ๋นถิง แล้วรู้สึกอย่างชัดเจนว่า ว่าท

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 688

    เจ้าเด็กนี่ เกรงว่าคงอาศัยใบบุญของคุณหนูเป็นแน่!เรื่องดีจริง ๆ!ชีเจิ้นปล่อยม่านรถลงแล้วหันไปมองบิดาของตน ใบหน้าแฝงความภาคภูมิใจอยู่นิด ๆจะว่าอย่างไรดีหนอ?ตอนนี้ต่อให้มีคนมาบอกว่าบุตรีของเขาเป็นพญามัจจุราชกลับชาติมาเกิด เขาก็เชื่อช่างอัศจรรย์เกินไปแล้วพูดว่าจะฆ่าใคร ก็ฆ่าได้ทุกคนไม่เคยเห็นนางพลาดเลยสักครั้ง!พอคิดได้ดังนั้น ความภาคภูมิใจเมื่อครู่ก็พลันสลายหายวับไป เขาถามด้วยความหวาดหวั่น “ท่านพ่อ นางคงไม่ได้ไปหงตูหรอกกระมัง?!”หลี่ฉางชิงดูยังไงก็เป็นคนของอ๋องฉีนางคงจะไม่มุ่งหน้าไปหงตูเพื่อฆ่าอ๋องฉีล้างแค้นหรอกใช่หรือไม่?!ท่านโหวผู้เฒ่าชีถลึงตาใส่เขา “ไม่ใช่เรื่องของเจ้า ดูแลตัวเองให้ดีก็พอ!”แต่ในใจของเขาเองก็เป็นกังวลเช่นกันตามเหตุผลแล้ว หลังจากฆ่าหลี่ฉางชิง เรื่องคำทำนายดวงชะตาก็หมดความน่าเชื่อถือไปแล้วชีหยวนไม่จำเป็นต้องทำอะไรอีกถึงแม้อยากจะฆ่าอ๋องฉี ตอนนี้เซียวอวิ๋นถิงก็ได้รับพระราชโองการให้เดินทางไปหงตูอย่างเป็นทางการแล้ว นางเพียงกลับไปบอกเซียวอวิ๋นถิงก็พอไยถึงรีบร้อนจากไปเช่นนี้...เขาถอนหายใจเบา ๆ ในใจเมื่อกลับถึงจวนโหว ท่านโหวผู้เฒ่าชีก็ได้ยินคนมา

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 687

    หลิวผิงอันรู้สึกว่าตัวเองช่างโชคดีจริง ๆ เพราะก่อนหน้านี้บิดามักจะบอกว่าเขาโง่เสมอครั้งนี้ต้องติดตามคุณหนูใหญ่ออกเดินทาง บิดาของเขาเดี๋ยวก็ขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน เดี๋ยวก็กระทืบเท้า บอกให้เขาอย่าตามไป เดี๋ยวก็บอกไม่ได้การ ต้องตามไปด้วยให้ได้สุดท้ายก็ผลักเขาออกมาบังคับให้ตามคุณหนูใหญ่ไปเห็นบิดาเป็นเช่นนั้น เดิมทีเขายังนึกว่าคุณหนูใหญ่เป็นคนที่ดูแลยากมากใครจะรู้ว่าคุณหนูใหญ่กลับดียิ่งกว่าใครเขาเกาหัว “คุณหนูใหญ่ แล้วท่านจะไปที่ใดหรือ?”ชีหยวนเพียงยิ้มเล็กน้อย “ไปหาความจริงเรื่องหนึ่ง”เรื่องที่รบกวนจิตใจนางมานานแล้วหลิวผิงอันรู้สึกแปลกใจ ไม่รู้ว่าชีหยวนจะทำอะไร แต่เขารู้ว่าชีหยวนปกป้องตัวเองได้ไม่มีปัญหาแน่นอน... ดูจากศพของหลี่ฉางชิงผู้นี้ก็รู้แล้วเขารับคำ รีบล้วงตั๋วเงินออกมาจากแขนเสื้อหลายใบ “คุณหนู ออกเดินทางต้องมีเงินติดตัว นี่เป็นเงินที่ท่านโหวมอบให้ข้าก่อนหน้านี้ ทั้งหมดสามพันตำลึงเงิน ท่านโปรดนำติดตัวไปด้วยเถิด!”ชีหยวนเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยชีเจิ้นในตอนนี้ก็ดูจะมีท่าทีสมกับบิดาขึ้นมาบ้างแล้วนางรับคำเบา ๆ แล้วยื่นมือไปรับมา จากนั้นโบกมือไล่หลิวผิงอัน “เอาล่ะ พวกเจ้ากลั

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 686

    สวรรค์!เมื่อครู่นางอยู่บนชั้นสองนี่!นางกระโดดพรวดลงมาจากชั้นสองเลยหรือ?ศิษย์น้อยร้องไห้โฮออกมาด้วยความตกใจเขาตกใจจนสมองมึนงง หากไม่ใช่เพราะได้ยินเสียงร้องโหยหวนของอาจารย์ ตอนนี้เขาคงคิดว่าชีหยวนกลายเป็นผีไปแล้วในคืนฝนฟ้าคะนอง เขากลัวจนถอยร่นไม่หยุด ตกใจจนวิญญาณแทบจะหลุดลอยไปแล้วชีหยวนก้าวเข้าใกล้เขาทีละก้าว กระบี่ในมือยังมีเลือดหยดอยู่นั่นคือเลือดของอาจารย์เขา!ศิษย์น้อยหน้าซีดขาวด้วยความหวาดกลัวชีหยวนกลับค่อย ๆ ยกกระบี่ขึ้นชี้ไปที่เขา “เจ้าเป็นศิษย์ของเขาหรือ?”ถึงขั้นนี้แล้ว ศิษย์น้อยไม่กล้าโกหกแม้แต่น้อย ได้แต่พยักหน้าด้วยเนื้อตัวที่สั่นเทาชีหยวนรับคำเสียงเบา แล้วเลิกคิ้วขึ้นด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ “เช่นนั้นเจ้าคงรู้ว่า อาจารย์ของหลี่ฉางชิงคือใคร ใช่หรือไม่?”ศิษย์น้อยตกใจจนพยักหน้ารัว ๆชีหยวนจึงรับคำเบา ๆ “ดี เช่นนั้นเจ้าคงยังไม่ต้องตาย สิ่งที่ข้าจะทำในขั้นต่อไป เจ้าคงให้ความร่วมมือได้ ใช่หรือไม่?”ศิษย์น้อยสะอื้นตอบรับอย่างหวาดกลัวสัญชาตญาณของมนุษย์ก็คืออยากมีชีวิตอยู่ ไม่ว่าจะถึงขั้นลำบากเพียงใด สิ่งที่คิดถึงมากที่สุดก็ยังเป็นความผูกพันต่อโลกนี้และไม่อาจตัดใ

Higit pang Kabanata
Galugarin at basahin ang magagandang nobela
Libreng basahin ang magagandang nobela sa GoodNovel app. I-download ang mga librong gusto mo at basahin kahit saan at anumang oras.
Libreng basahin ang mga aklat sa app
I-scan ang code para mabasa sa App
DMCA.com Protection Status