Share

บทที่ 10

Author: ฉินอันอัน
เวลาล่วงเลยผ่านไปอย่างรวดเร็ว ในขณะที่แม่นมจางกำลังจมดิ่งกับห้วงความคิดฟุ้งซ่าน กว่านางจะได้สติรู้ตัวอีกครั้ง ก็มาถึงจวนหย่งผิงโหวแล้ว

ชีเจิ้นเพราะเพิ่งพบเซียวอวิ๋นถิงที่ศาลาว่าการเมืองต้าซิงมาเมื่อสักครู่ ยามนี้ก็ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่ และไม่มีเวลามาสนใจสวี่อินอินเช่นกัน เพียงแต่เอ่ยปากออกคำสั่งอย่างส่งเดชไปว่า “ไปพบมารดาของเจ้าก่อนเถิด!”

เขาเอ่ยพลางเตรียมจะออกไป สวี่อินอินเองก็ไม่ได้สนใจนัก ยอบกายลง ทำความเคารพต่อชีเจิ้น

นางไม่ทำความเคารพยังดีเสียกว่า ครั้นยอบกายลงแล้ว ชีเจิ้นกลับชะงักฝีเท้าทันที

ไหนว่าอากัปกิริยาท่าทางการทำความเคารพของสวี่อินอินไม่ถูกต้องไม่สมควร

ปัญหาคือตรงนี้ มันถูกต้องตามระเบียบเกินไปแล้วต่างหาก

ท่วงท่าลีลาการยอบกายทำความเคารพของสวี่อินอิน ลื่นไหลดุจสายน้ำและเมฆา หาจุดบกพร่องไม่ได้แม้แต่จุดเดียว

เขาชะงักฝีเท้า “เจ้าเคยเรียนมารยาทมาก่อนหรือ?”

สวี่อินอินส่ายหน้าค่อยๆ ไม่ช้าไม่รีบร้อน เห็นชีเจิ้นขมวดคิ้ว ก็เม้มริมฝีปากเบาๆ ก่อนจะเอ่ยด้วยท่าทางดูคล้ายขลาดกลัว “ยายคนหนึ่งเคยสอนข้าเจ้าค่ะ”

ยาย?

ชีเจิ้นรู้สึกประหลาดใจยิ่งกว่าเก่า หมู่บ้านที่สวี่อินอินอาศัยอยู่ หลายปีที่ผ่านมานี้ แม้แต่บัณฑิตขั้นจิ้นซื่อสักคนยังไม่เคยมี ตระกูลใดจะมีความฟุ้งเฟ้อร่ำรวย จนต้องใช้มารยาทประเพณีเหล่านี้กัน?

เขาเกิดความคิดในใจ ก็ถามด้วยเสียงเคร่งขรึมว่า “เป็นยายจากที่ใดหรือ?”

มาแล้ว!

สวี่อินอินเอ่ยคำพูดแก้ต่างที่วนเวียนอยู่ในใจของตนนับไม่ถ้วนออกมา “ข้าต้องเดินทางหลายสิบลี้ไปตัดไม้ทำฟืนเสมอ ด้านบนของภูเขาลูกนั้นมีศาลเจ้าอยู่แห่งหนึ่ง ที่ศาลเจ้ามียายเฒ่าคนหนึ่งบอกว่าต้องชะตาข้ายิ่งนัก จึงสอนข้าอ่านตำราเขียนอักษร…”

บนภูเขา?

ด้านบนภูเขาลูกนั้นที่ห่างจากที่อาศัยของสวี่อินอินมีศาลเจ้าอยู่จริงๆ

หัวใจของชีเจิ้นพลันเต้นอย่างรุนแรง “ยายเฒ่าคนนั้น แซ่เจียงหรือไม่?”

สวี่อินอินเงยศีรษะขึ้นด้วยความประหลาดใจ “ท่านรู้ได้อย่างไร?”

ชีเจิ้นสูดหายใจเฮือกหนึ่งด้วยความตกใจ

พินิจมองเด็กสาวตรงหน้าอย่างละเอียดอีกครั้งหนึ่ง สีหน้ายิ่งปรากฏความประหลาดใจหนักขึ้นกว่าเก่า

ก่อนหน้านี้เขาไม่เคยพินิจพิเคราะห์เด็กสาวคนนี้อย่างตั้งใจเลยสักครั้ง กระทั่งยามนี้ได้จ้องมองอย่างละเอียดแล้ว ถึงค้นพบว่า แม้ใช้ชีวิตตรากตรำทำงานหนักในชนบท ทว่าเด็กสาวคนนี้กลับมีผิวผิวพรรณขาวผ่องนุ่มเนียน

คิ้วคางเครื่องหน้าเองก็งดงามละเอียดอ่อน สันจมูกสูงตรง นัยน์ตาดอกท้อคู่นั้นเปล่งประกายดุจเกลียวคลื่น

แค่คิ้วคางใบหน้าเพียงอย่างเดียว เทียบกับชีจิ่นแล้วก็ไม่มีจุดใดด้อยกว่าเลย

ชีเจิ้นเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะโพล่งขึ้นทันที “ไปกันเถิด ข้าจะไปที่เรือนหลังพร้อมเจ้า”

สวี่อินอินยิ้มเยาะอย่างเงียบเชียบในใจ

ก่อนหน้านี้ยังรีบร้อนจะออกไป บัดนี้กลับร้อนใจจะเดินไปส่งตนเองแล้ว

สิ่งนี้มิใช่เพราะมโนสำนึกของชีเจิ้นถูกค้นพบ มิใช่ความรักของผู้เป็นบิดาถูกกระตุ้น

แต่เป็นเพราะนางจงใจเอ่ยถึงแม่นมเจียงขึ้นมาก็เท่านั้น

นางย่อมรู้ดีว่าท่าทีของชีเจิ้นเปลี่ยนไปด้วยเหตุผลอะไร

เพราะคนที่แม่นมเจียงรับใช้คือองค์หญิงใหญ่ และคนที่กำลังบำเพ็ญเพียรรักษาความสงบในศาลเจ้าแห่งนั้น ก็คือองค์หญิงใหญ่เช่นกัน

เด็กสาวที่ได้รับคำชี้แนะจากคนข้างกายขององค์หญิงใหญ่ ยังไม่เรียกว่ามีคุณค่าอีกหรือ?

เมื่อคิดได้ดังนี้ นางจึงเหลือบสายตาพร้อมรอยยิ้มมองแม่นมจางที่อยู่ด้านหลังปราดหนึ่ง

แม่นมจางถูกสายตาของสวี่อินอินจ้องมองก็รู้สึกอกสั่นขวัญแขวนขึ้นมาแล้ว

ก่อนหน้านี้คุณหนูใหญ่แสดงท่าทีว่าอยากให้ตนไปพึ่งพิง ทว่าตนเองก็ยังไม่เต็มใจนัก

แต่กระนั้น คุณหนูใหญ่ท่านนี้ช่างสุขุมลุ่มลึกถึงที่สุดจริงๆ!

นางมีขุนเขาใหญ่ให้พึ่งพิงและมีโอกาสดีเช่นนี้ แต่กลับอดทนไม่แพร่งพรายความลับแม้เพียงเสี้ยวเดียวนี้ต่อหน้าพวกแม่นมฮวา

ราวกับว่าคาดคะเนไว้แม่นยำทุกย่างก้าว

โดยซ้อนกลอุบายกำจัดแม่นมฮวาทิ้งไปก่อน จากนั้นค่อยทำให้เป็นเรื่องใหญ่ หนำซ้ำยังบุกไปที่ศาลาว่าการเมืองต้าซิงด้วย…

พิจารณาจากมุมมองในยามนี้แล้ว ที่ไปศาลาว่าการเมืองต้าซิงก็มิใช่จับพลัดจับผลูไป แต่เพราะมั่นใจว่าหากไปที่ศาลาว่าการเมืองต้าซิงแล้ว เรื่องนี้จะไปถึงหูชีเจิ้นไวกว่า…

ชีเจิ้นนำทางสวี่อินอินตรงเข้าไปที่เรือนหลังแล้ว

นางหวังครั้นได้ยินว่าเรื่องนี้ลุกลามใหญ่โตไปถึงฝ่ายขุนนางแล้ว ก็รู้สึกอกสั่นขวัญแขวนทุกเสี้ยวขณะ

และขณะเดียวกันภายในใจก็เกิดความไม่พอใจต่อสวี่อินอินขึ้นมาด้วยเช่นกัน

ถูกเลี้ยงมาในชนบทนั่นคือความเลวร้าย ไม่รู้ทั้งสถานการณ์ในราชสำนัก ซ้ำยังไม่รู้จักคำนึงถึงตระกูล

หนนี้ต้องให้ท่านโหวเดินทางไปรับคนกลับเรือนด้วยตนเอง ไม่รู้ว่าจะมีโทสะใดรอคอยอยู่

นางขมวดคิ้วด้วยความวิตกกังวลไม่เป็นสุข

ชีอวิ๋นถิงเบะปากอยู่ด้านข้าง “ท่านแม่ หากส่งนางกลับบ้านนอกไปตั้งแต่ต้น ก็ไม่ต้องมีเรื่องวุ่นวายเช่นนี้แล้ว!”

นางหวังมิได้เปล่งวาจา ทว่าในใจก็ความคิดแบบเดียวกัน

ยั่วโทสะท่านโหวแล้ว ตัวนางเองยังหยาบคายเต็มทน บางทีการส่งตัวนางไปอยู่ที่บ้านนอก นั่นอาจจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุดแล้วก็เป็นไปได้…

ในขณะที่ในใจกำลังครุ่นคิดว่าจะจัดการกับตัวปัญหาผู้นี้อย่างไรดี ผ้าม่านกั้นประตูพลันถูกเปิดออกกะทันหัน

ชีเจิ้นย่ำเท้าเข้ามาก่อนแล้ว

นางหวังและชีอวิ๋นถิงเห็นเขา ต่างพากันหยัดกายขึ้นยืนอย่างร้อนใจ

ยิ่งนางหวังยังคิดว่าชีเจิ้นคงบันดาลโทสะจนไม่พาสวี่อินอินกลับเรือนมาด้วยกันแล้ว

ก็โพล่งขึ้นทันที “ท่านโหว ทั้งหมดล้วนเป็นความผิดของข้า หากรู้แต่แรกคงไม่มีความคิดจะรับนางกลับมา…”

ความจริงในตอนแรกคนทั้งตระกูลต่างเห็นแย้งกับการรับตัวสวี่อินอินกลับมา

นางหวังคิดว่าถึงอย่างไรก็เป็นลูกแท้ๆ ของตนเอง ถึงได้ตัดสินใจสั่งให้คนไปรับกลับมาเลี้ยงดูก่อน

ใครเล่าจะรู้ว่าเรื่องเหล่านี้จะลุกลามใหญ่โต ความเกลียดชังของนางที่มีต่อเด็กคนนี้ได้ทะลุออกมาจากภายในใจแล้ว

เพียงอึดใจต่อมา สวี่อินอินกลับเดินตามชีเจิ้นเข้ามาจากด้านนอก เมื่อได้ยินวาจานี้ของนางหวังแล้ว ก็ก้มศีรษะลงหยุดนิ่งอยู่ที่เดิม

คล้ายกับถูกแรงโจมตีมหาศาลปะทะเข้าอย่างจัง

ชีเจิ้นกระแอมออกมาในทันใด “พูดเรื่องอะไร? นางเป็นบุตรีที่เจ้าให้กำเนิด และเป็นคุณหนูใหญ่ของจวนโหว การกลับมานั่นเป็นเรื่องที่ถูกต้องสมควรแล้ว!”

......

ในใจนางหวังเกิดคลื่นยักษ์โถมกระหน่ำ

ด้วยความเข้าใจที่นางมีต่อสามี ย่อมรู้อุปนิสัยใจคอของสามีคนนี้ดีที่สุด

ชีเจิ้นถือผลประโยชน์ไว้เป็นสิ่งสูงสุดมาแต่ไหนแต่ไร หากขัดต่อผลประโยชน์ของจวนโหวแล้ว อย่าว่าแต่เจ้าดรุณีที่ไม่เคยเลี้ยงดูผูกพันคนนี้มาก่อนเลย ต่อให้เป็นบุตรชาย หากเขาสั่งลงโทษก็ต้องถูกลงโทษสถานเดียว

หนนี้สวี่อินอินก่อเรื่องโกลาหลวุ่นวายเพียงนี้ขึ้นมาแล้ว ซ้ำร้ายยังเอาเรื่องน่าอับอายไปขายให้เจ้านายสูงสุดของชีเจิ้นอีก

แต่เหตุใดชีเจิ้นถึงพาเด็กคนนี้กลับมาอีก?

มิหนำซ้ำยังยืนยันอย่างตรงไปตรงมาว่าสวี่อินอินมีฐานะเป็นคุณหนูใหญ่ของจวนโหวด้วย?

สายตาของชีอวิ๋นถิงจ้องมองไปบนตัวสวี่อินอินแล้วพักหนึ่ง

เขาหรี่ตาอย่างจงเกลียดจงชัง เดินเข้าไปเพ่งมองสวี่อินอินพลางเอ่ยว่า “เจ้านี่เอง ทำให้เรื่องของบ่าวรับใช้ในเรือนลุกลามไปถึงฝ่ายขุนนาง คิดจะทำให้ท่านพ่อขายหน้าหรือ?”

สวี่อินอินเงยหน้าขึ้นมองชีอวิ๋นถิง

เกิดมาแล้วสองภพชาติ นางถึงจะมีโอกาสได้มองชีอวิ๋นถิงด้วยสายตาระดับเดียวกัน

และครั้งนี้ นางไร้ซึ่งความรู้สึกต่ำต้อยด้อยค่า และตอบกลับอย่างเย็นชา “ใช่”

ชีอวิ๋นถิงหัวเราะเยาะออกมาโดยไม่ซ่อนเร้น “เจ้ารู้หรือไม่ว่านี่หมายความว่าอะไร? กลับมาวันเดียว ก็สร้างปัญหาให้ตระกูลแล้ว ทำให้บุพการีขายหน้า เจ้ามันเดนมนุษย์โง่เขลาอกตัญญู!”

ในความทรงจำ เมื่อใดที่ชีอวิ๋นถิงอยู่กับนาง อากัปกิริยาวาจาล้วนเป็นเช่นนี้มาตลอด

ไม่เคยพูดดี มีเพียงสีหน้าเยือกเย็นแข็งกระด้าง

คล้ายว่าหากพูดกับนางมากกว่านี้เพียงคำเดียว จะทำให้เสื่อมเสียเกียรติยศของคุณชายใหญ่แห่งจวนโหว

ยิ่งไปกว่านั้นยังเคยมีครั้งหนึ่ง ชีจิ่นเคยจงใจพานางไปนั่งตรงที่นั่งประจำของชีอวิ๋นถิงในห้องหนังสือ ตอนนั้นชีอวิ๋นถิงไม่พูดพร่ำทำเพลงก็สั่งให้บ่าวรับใช้ยกเก้าอี้ตัวนั้นไปทิ้งทันที

มิหนำซ้ำยังสั่งให้คนจัดการไปยกน้ำมาราดทำความสะอาดตรงจุดที่นางเคยนั่งด้วย

นางเมื่อตอนอดีตชาติเพี้ยนไปแล้วจริงๆ ที่ปล่อยให้คนเหล่านี้มาย่ำยีศักดิ์ศรีไปมาอยู่ได้

ครั้งนี้ สวี่อินอินไม่ยอมโอนอ่อนตามเขาแล้ว เพียงแต่เหลือบสายตามองเขาด้วยความสงสัย “เจ้าเป็นใคร?”

ชีอวิ๋นถิงมิเอ่ยวาจา แม่นมจางส่งเสียงเตือนอย่างอกสั่นขวัญแขวน “คุณหนูใหญ่เจ้าคะ ท่านผู้นี้คือคุณชายใหญ่เจ้าค่ะ…”

 
Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 602

    เฝิงไฉ่เวยยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย “ท่านปู่อย่าได้กังวลไปเลย นี่ก็อาจเป็นอีกหนทางหนึ่งที่จะทำให้พระนัดดารัชทายาทจดจำข้าได้ก็เป็นได้”นางกล่าวพลางเลิกคิ้วเบา ๆ “พรุ่งนี้ข้าจะไปจวนชีสักรอบ ให้คนส่งเทียบเชิญไปล่วงหน้าด้วยเถิด บอกว่าข้าจะไปกล่าวคำขอบคุณชีหยวนโดยเฉพาะ”เฝิงจวิ้นถึงกับไม่อาจเข้าใจการกระทำของน้องสาวตนเองได้เลยยังจะไปขอบคุณอีกหรือ?มีอะไรให้ต้องขอบคุณกัน? ชีหยวนทำลายเรื่องดีของตระกูลเฝิง แล้วตอนนี้ตระกูลเฝิงยังจะยื่นหน้าเข้าไปกล่าวคำขอบคุณอีก?!นี่มันต่างอะไรกับถูกตบแก้มซ้ายแล้วยื่นแก้มขวาไปให้เขาตบซ้ำอีก?กลับกลายเป็นเฝิงอวี้จางที่ลูบเคราแล้วหัวเราะอย่างพอใจ “ดี ดี! รู้จักยอมรับผิด ไม่ผลักภาระกลบเกลื่อน กล้ารับผิดชอบ นี่ก็คือคุณธรรมข้อหนึ่งเหมือนกัน ไฉ่เวยเป็นเด็กที่ใจมั่นคง!”ใช่แล้ว คนที่สมบูรณ์แบบเกินไปก็ย่อมดูไม่เหมือนคนการที่ตอนนี้ทำผิดแต่กลับไม่โกรธเกรี้ยว ไม่เอาแต่ปกป้องตนเอง กล้ายอมรับผิด นี่ก็นับเป็นข้อดีใช่หรือไม่?เขาหันไปมองฮูหยินเฝิง “พอเถอะ ไม่มีอะไรให้น่าโมโห ดั่งที่ไฉ่เวยพูดไว้ หากเราไม่ถือเป็นเรื่องใหญ่ ใครก็หัวเราะเยาะพวกเราไม่ได้!”ฮูหยินรองตระกูลชี

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 601

    นางขบกรามแน่นใช้มือกุมหน้าผากของตนเอง แทบจะเค้นเสียงลอดไรฟันออกมาคำหนึ่งว่า “แม่นางผู้นั้นมาจากที่ใดกัน?!”เวลานี้แขกเหรื่อนได้ถูกส่งกลับไปหมดแล้ว คนในตระกูลเฝิงเล็กใหญ่ต่างก็พากันมารวมตัวอยู่ที่ห้องของฮูหยินเฝิง สีหน้าของทุกคนล้วนไม่สู้ดีนักโดยเฉพาะเฝิงอวี้จาง เขามองไปที่เฝิงไฉ่เวย พอคิดถึงตอนก่อนหน้านี้ที่ตนพยายามอย่างไรก็รั้งเซียวอวิ๋นถิงไว้ไม่อยู่ ใบหน้าก็ยิ่งมืดครึ้มลง “เจ้าว่า นางตั้งใจทำ หรือที่แท้ก็แค่คิดจะช่วยคนจริง ๆ?”ในเพลานี้ฮูหยินเฝิงยังคงโกรธจนรู้สึกปวดหัวแต่เดิมทุกอย่างดำเนินไปอย่างราบรื่น ชื่อเสียงของเฝิงไฉ่เวยก็ยิ่งเพิ่มพูนขึ้นทุกวัน เดิมก็รอแค่วันนี้ให้ก้าวหน้าไปอีกขั้น แล้วค่อยใช้จังหวะนี้ให้เซียวอวิ๋นถิงได้พบกับเฝิงไฉ่เวยอย่างเหมาะสมแต่ใครจะคาดคิดว่าอยู่ ๆ ชีหยวนจะโผล่เข้ามาขัดขวางทุกอย่าง กลายเป็นว่าทุกอย่างพังไม่เป็นท่าเท่ากับว่าความพยายามทั้งหมดในช่วงก่อนหน้านี้สูญเปล่า แถมยังทำให้ตระกูลเฝิงตกอยู่ในสถานการณ์ลำบากอีกด้วยต่อไปหากใครพูดถึงเฝิงไฉ่เวย ก็ต้องเอ่ยถึงเรื่องที่นางแม้แต่หลักพื้นฐานของอาหารขัดข่มกันยังไม่รู้ความฮูหยินเฝิงขบปากแน่น โกรธจนแทบจะ

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 600

    ฮูหยินเฝิงก็พลันหน้าถอดสี รีบสั่งให้คนไปตามหมอเพียงแค่มาเข้าร่วมงานเลี้ยง ไฉนจึงล้มทรุดลงไปได้?ฮูหยินรองชีก็ตกใจเช่นกัน ไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอันใดขึ้นกันแน่ จนทำอะไรไม่ถูกไปชั่วขณะแต่ชีหยวนกลับก้าวฉับเข้าไปหาฮูหยินเฉิงกั๋วกงแล้วคุกเข่าลง เปิดเปลือกตานางขึ้นดู จากนั้นกวาดตามองไปยังอาหารบนโต๊ะ นางไม่เอ่ยคำใดก็ใช้มืออ้าปากของฮูหยินเฉิงกั๋วกงออก แล้วเอาตะเกียบกดไปบนเพดานปากฮูหยินเฉิงกั๋วกงก็อาเจียนเสียงดัง สำรอกอาหารออกมาจนหมดแขกเหรื่อต่างรีบถอยหนีเว่ยชิงยางถึงกับตะโกนเสียงดัง “ชีหยวน! เจ้ากำลังทำอะไร!”ชีหยวนหาได้ใส่ใจไม่ จนกระทั่งฮูหยินเฉิงกั๋วกงไม่มีสิ่งใดจะอาเจียนได้อีก นางจึงส่งตัวให้ฮูหยินที่อยู่ข้าง ๆ พร้อมกับบอกว่า “ให้นางดื่มน้ำเปล่าเจ้าค่ะ”ฝ่ายบุรุษกับฝ่ายสตรีในงานเลี้ยงนี้ มีเพียงทะเลสาบหนึ่งผืนคั่นกลาง เมื่อเกิดเรื่องขึ้นทางนี้ ทางโน้นย่อมเห็นได้ทันทีเฉิงกั๋วกงอดรนทนไม่ไหว รีบวิ่งมาถึงหัวสะพานถามเสียงดังว่าเกิดเรื่องอันใดเฝิงไฉ่เวยก็ขมวดคิ้ว มองชีหยวนด้วยแววตาเป็นกังวล “คุณหนูใหญ่ชี เจ้าไม่รู้ว่าฮูหยินเป็นอะไร ก็ทำเช่นนี้โดยพลการ...”ทำเช่นนี้โดยพลการอันใด?ฮ

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 599

    องค์หญิงลั่วชวนอดไม่ได้ที่จะเหลือบมองชีหยวนอีกครั้งที่จริงนางรู้สึกอึดอัดใจมานานแล้วใครก็ดูออกว่าเฝิงไฉ่เวยนั้นมีฝีมือแท้จริง แต่ช่วงหลายวันมานี้ ทุกครั้งที่นางไปงานเลี้ยงก็ต้องชิงเอาความโดดเด่นไปจนหมดสิ้นถึงขั้นที่แม้แต่พระชายาอ๋องโจว ก็อดมิได้ที่จะเอาแต่พร่ำว่า ‘หากเจ้ามีความสามารถเพียงหนึ่งในสิบของคุณหนูเฝิง...’ พูดแต่วาจาเช่นนี้ ชวนให้คนเบื่อหน่ายใจยิ่งนักยิ่งไปกว่านั้น ทุกครั้งที่เฝิงไฉ่เวยทำให้ผู้คนตื่นตะลึง กลับเอ่ยราวไม่ใส่ใจว่า ‘ข้ามิได้มีสิ่งใดพิเศษนัก เป็นเพราะคุณหนูทั้งหลายคอยเกรงใจข้าเท่านั้น’‘สิ่งเหล่านี้ก็มิใช่อันใด เพียงแต่ตอนเด็กข้าไม่มีงานอดิเรกอื่น จึงอ่านตำรามากหน่อยเท่านั้น’องค์หญิงลั่วชวนถึงกับเบื่อหน่ายจนสุดจะทนบัดนี้ เมื่อนางมองชีหยวนก็พลอยรู้สึกว่าดูรื่นตาขึ้นมาหลายส่วนสตรีสูงศักดิ์ร่ำเรียนสิ่งเหล่านี้แล้วมีประโยชน์อันใด?จำวิธีทำขนมแต่ละอย่างได้ จำชื่อขนมแต่ละชนิดได้ แล้วก็รู้จักรูปลักษณ์ของบุปผาชื่อดังแต่ละสายพันธุ์เรื่องเหล่านี้มีสิ่งใดให้น่าสรรเสริญนักหรือ?เหตุใดจึงได้รับคำชมจนเกินควรเช่นนี้?แต่พอนึกได้ว่าเฝิงไฉ่เวยสามารถเรียนรู้สิ่งเ

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 598

    เว่ยชิงยางพอเห็นชีหยวน ท่าทีของนางก็ยิ่งแฝงด้วยความเหน็บแนมขึ้นอีกหลายส่วน “ขนมพวกนี้ล้วนแล้วแต่เป็นฝีมือของไฉ่เวย สูตรที่ใช้นั้นก็มาจากตำราโบราณทั้งสิ้น ผู้ที่ไม่เคยร่ำเรียนหนังสือย่อมไม่รู้จัก”เฝิงไฉ่เวยดูเหมือนจะมีท่าทีจนใจ นางดึงชายเสื้อของเว่ยชิงยางเบา ๆ “ข้าเชิญเจ้ามาเพื่อมาเป็นแขก มิใช่ให้เจ้ามาอวดอ้างแทนข้า”ชีหยวนเลิกคิ้วมองเว่ยชิงยาง “เช่นนั้นคุณหนูเว่ยที่อ่านตำรามากมาย คงรู้แจ้งถึงที่มาของขนมพวกนี้กระมัง?”เว่ยชิงยางกัดริมฝีปาก แค่นเสียงเย็นชา “ทำเหมือนกับเจ้ารู้จักอย่างนั้นแหละ”ชีหยวนเพียงยิ้มน้อย ๆ “ทำไมจะไม่รู้จัก?”นางก้าวไปข้างหน้าสองก้าว เหลือบตามองโต๊ะตัวเล็กแล้วกล่าวเสียงขรึม “เซียงเย่ามู่กวา เซียงเย่าเถิงฮวา หน่ายฝางอวี้รุ่ยเกิง”หวังฉานถึงกับตะลึงงัน หันไปมองฮูหยินรองชีโดยไม่รู้ตัวส่วนฮูหยินรองชีก็ตกตะลึงยิ่งกว่านางเสียอีกนางไม่รู้เลยว่าชีหยวนศึกษาสิ่งเหล่านี้ด้วยไม่น่าแปลกใจเลยที่ชีหยวนมักให้ห้องครัวทำอาหารแปลกใหม่ที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ซึ่งนางบอกสูตรให้แม่ครัวด้วยตนเอง...เว่ยชิงยางก็ตกตะลึงไปเช่นกัน แต่แล้วก็แค่นเสียงหัวเราะเย็นชา “ใครจะรู้ว่าเจ้าพูด

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 597

    เนื่องจากคราวก่อนไม่ได้เกิดเหตุอันใด ดังนั้นการออกมากับชีหยวนคราวนี้ฮูหยินรองชีจึงรู้สึกผ่อนคลายกว่าเดิมมากนักทว่าพอถึงจวนตระกูลเฝิง ฮูหยินรองชีก็อดไม่ได้ที่จะกระวนกระวายขึ้นมางานเลี้ยงวันเกิดของตระกูลเฝิงครั้งนี้ จัดได้แตกต่างจากผู้อื่นจริง ๆตระกูลขุนนางในเมืองหลวงที่อยู่ในงานนี้ ต่างก็เคยจัดงานเลี้ยงวันเกิดกันมาทั้งนั้น แต่การจัดงานเช่นนี้ ฮูหยินรองชีก็ต้องยอมรับว่านี่เป็นครั้งแรกที่ได้พบเห็นจวนตระกูลเฝิงหาได้เชิญคณะงิ้วมีชื่อเสียงในเมืองหลวงมาแสดงงิ้วเช่นตระกูลอื่นไม่ กลับตั้งโต๊ะจัดเลี้ยงไว้ในสวนดอกไม้แทน แขกชายหญิงแยกกันอยู่คนละฟากของทะเลสาบ คั่นกลางด้วยสะพานโค้งฮูหยินรองชีพาชีหยวนไปส่งของขวัญ พอเดินเข้าสู่เรือนรับรองก็ได้กลิ่นหอมประหลาดสายหนึ่ง อดพึมพำเบา ๆ ไม่ได้ว่า “กลิ่นหอมยิ่งนัก”ขณะนั้นเอง พระชายาอ๋องโจวกำลังยิ้มพลางกล่าวกับฮูหยินเฝิงว่า “ไม่ทราบว่าในจวนจุดกำยานกลิ่นใดกัน? กลิ่นนี้แปลกใหม่ดีนัก ไม่รู้ว่าเป็นของสำนักใด?”ฮูหยินเฝิงเพียงกล่าวยิ้ม ๆ “ไฉ่เวยเจ้าเด็กคนนั้นรู้ว่าข้ามีโรคปวดศีรษะที่เกิดจากลมชั่ว จึงตั้งใจปรุงกลิ่นหอมชนิดหนึ่งขึ้นมาให้ข้า เห็นบอกว่าชื่อ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status