Share

บทที่ 8

Author: ฉินอันอัน
สวี่อินอินค่อยๆ เงยศีรษะขึ้น

แสงอาทิตย์ส่องสว่างบาดตายิ่งนัก ตรงที่ไกลออกไปคนผู้หนึ่งกำลังควบอาชาสูงใหญ่ พร้อมนำคนกลุ่มหนึ่งทะยานเข้ามาด้วยความรวดเร็ว และหยุดตรงเบื้องหน้าสวี่อินอิน

ประชาชนไม่ต่อสู้ขุนนาง ถึงแม้กลุ่มชาวบ้านที่เข้ามามุงดูความครึกครื้นเหล่านั้นจะชมเหตุการณ์อย่างเพลิดเพลินได้อรรถรสอยู่ในตอนแรก แต่เมื่อมองเห็นท่านโหวซึ่งสวมชุดเกราะ ห้ออาชาศึกที่ตัวสูงใหญ่กว่าคนเข้ามา ฝูงชนต่างพร้อมใจกันแหวกทางให้ทันที

ชีเจิ้นปรายสายตามองลงไปยังจุดที่ต่ำกว่า ประเมินดรุณีที่เนื้อตัวเปียกโชกคนนั้นซึ่งอยู่ไม่ไกลออกไปอย่างละเอียดถี่ถ้วน

หลังผ่านไปครู่หนึ่ง ก็เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย ก็ถามด้วยเสียงเรียบเฉยว่า “เป็นเจ้าเองหรือที่เข้ามาฟ้องร้องต่อทางการ?”

เขาหันหลังให้ดวงอาทิตย์ และเป็นสวี่อินอินที่เผชิญหน้ากับแสงอาทิตย์โดยตรง เพียงเสี้ยวขณะเดียวก็ถูกแสงอาทิตย์เจิดจ้าร้อนแรงส่องทะลุเข้าตาจนลืมไม่ขึ้น

ทั้งที่มองไปแล้วดูบอบบางอ่อนแอ มิหนำซ้ำบนดวงหน้ายังเปรอะดินโคลนสกปรก มิอาจเทียบทาริกาจากตระกูลเศรษฐีผู้รากมากดีได้เลยแม้แต่น้อย

แต่ทว่าชีเจิ้นมองปราดเดียวกลับเห็นแผ่นหลังตั้งตรงของนางได้ทันที

สวี่อินอินยังมิทันเอ่ยวาจา อวิ๋นเชวี่ยที่ไม่ชอบหน้าสวี่อินอินอย่างถึงที่สุดก็ชิงเข้าไปคุกเข่าลงฟุ่บต่อเบื้องหน้าชีเจิ้นก่อนทันที

ม้าของชีเจิ้นตกใจ ฉับพลันทันใดนั้นก็ยกขาหน้าขึ้นสูง

อวิ๋นเชวี่ยตกใจจนหน้าซีดเผือด

เคราะห์ดีที่ชีเจิ้นรั้งเชือกบังเหียนไว้ได้อย่างคล่องแคล่วหมดจด ม้าจึงไม่เหยียบอวิ๋นเชวี่ย

อวิ๋นเชวี่ยคุกเข่าบนพื้นด้วยเนื้อตัวสั่นเทา ชี้สวี่อินอินด้วยโทสะสุดขีดและโขกศีรษะต่อชีเจิ้นว่า “ท่านโหวเจ้าคะ คุณหนูใหญ่ไม่สนใจเสียงห้ามปรามของพวกบ่าวเลยเจ้าค่ะ ดึงดันจะเข้ามาฟ้องทางการท่าเดียว! พวกบ่าวเองก็จนปัญญาแล้วจริงๆ เจ้าค่ะ…”

อวิ๋นเชวี่ยเป็นบ่าวรับใช้ซึ่งเกิดในจวนโหว มีหรือจะไม่ทราบอุปนิสัยของเจ้านายในเรือน?

สิ่งที่ท่านโหวให้ความสำคัญมาตลอดชั่วชีวิตก็คือศักดิ์ศรีของจวนโหว เขาไม่มีวันปล่อยเด็กสาวที่โง่เขลาและไม่รู้หัวนอนปลายเท้าคนนี้ไปเด็ดขาด!

อวิ๋นเชวี่ยเงยหน้าขึ้น สายตาบังเอิญปะทะกับสวี่อินอินที่อยู่อีกด้านหนึ่งพอดี

แต่เดิมคิดว่า สวี่อินอินจะต้องอ้อนวอนร้องขอความเมตตาด้วยสีหน้าหวาดหวั่นพรั่นพรึงสุดขีดแน่ อย่างน้อยที่สุดก็ต้องตัวสั่นสะท้านบ้าง

แต่กลับไม่เป็นเช่นนั้น ไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้นเลยแม้แต่น้อย

เด็กสาวคนนี้ ทั้งที่ชีวิตได้รับความไม่เป็นธรรมอย่างสาหัสเพียงนี้ แม้พบหน้าบิดาผู้ให้กำเนิดตนเองแล้ว แต่นางกลับไม่ซาบซึ้งตื้นตัน ไม่แม้กระทั่งแสดงความรู้สึกใดออกมาด้วยซ้ำไป

อวิ๋นเชวี่ยเบิกตากว้าง เสี้ยวพริบตาเดียวนั้นคล้ายว่าคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้

แต่กระนั้นก็ไม่ทันแล้ว เพราะชีเจิ้นได้ตวัดแส้ม้าขึ้น และเฆี่ยนอย่างทารุณบนร่างกายของนางแล้ว

อวิ๋นเชวี่ยถูกเฆี่ยนด้วยแส้ม้า ผืนอาภรณ์บนแผ่นหลังพลันขาดวิ่นเป็นแนวยาว นางแผดเสียงโหยหวนออกมาทันใด ดิ้นทุรนทุรายไปมาบนพื้น

ชีเจิ้นกวาดสายตามองปราดหนึ่ง แม่ทัพในตระกูลที่ตามหลังเขามาด้วยนั้นก็พลิกตัวลงมาจากหลังอาชา และจัดการลากตัวอวิ๋นเชวี่ยออกไปทันที

ก่อนจะถูกลากออกไป อวิ๋นเชวี่ยเจ็บจนเหงื่อกาฬไหลชุ่มโชก เสี้ยวขณะของแสงอสนีบาตและประกายไฟ นางมองเห็นสายตาของสวี่อินอิน

สายตาคู่นั้นนิ่งสงบไร้เกลียวคลื่น ราวกับบ่อน้ำเก่าคร่ำครึอันไร้ซึ่งระลอกคลื่น

และในเสี้ยวขณะเดียวกันนี้เอง สวี่อินอินเลื่อนมือขึ้นทำท่าปาดลำคอให้อวิ๋นเชวี่ยเห็นช้าๆ

นางเคยสาบานกับตนเอง ไม่ว่าใครก็ตามที่อยากให้นางตาย จะต้องตายเร็วกว่านาง

คนอย่างนาง พูดคำไหนคำนั้นมาตลอด

แสงสว่างจากดวงอาทิตย์สาดส่องอย่างแรงกล้าจนผู้คนลืมตาไม่ขึ้น ชีเจิ้นเหลือบสายตามองศพของแม่นมฮวาที่อยู่ด้านข้าง

บรรดาบ่าวรับใช้คนอื่นที่เหลือ ตกใจกลัวแส้นั้นของชีเจิ้นจนเหงื่อกาฬท่วมแผ่นหลังอยู่ต่างกุลีกุจอเข้ามายกร่างไร้วิญญาณของแม่นมฮวาออกไป

ตอนนี้เองชีเจิ้นค่อยผินศีรษะมองสวี่อินอิน “เจ้าเองหรือที่เข้ามาฟ้องทางการ?”

บัดนี้คนที่จวนโหวนำมา พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ลาดตระเวนก็เริ่มขับไล่กลุ่มชาวบ้านที่มุงเหตุการณ์อยู่ออกไปแล้ว

เหล่าชาวบ้านแม้จะเสียดายความครึกครื้นนี้ กระนั้นแล้วก็ไม่กล้าล่วงเกินผู้มีอำนาจเหนือกว่า ทันใดนั้นบริเวณศาลาว่าการแห่งนี้ก็เหลือเพียงชีเจิ้นแล้ว

เขาประเมินสวี่อินอินอย่างเงียบเชียบไม่ส่งเสียง ทว่าภายในใจกลับแตกต่างออกไปเล็กน้อย

ก่อนหน้านี้ เขาไม่เคยมีความรู้สึกใดกับเด็กสาวตรงหน้าคนนี้แม้แต่น้อย

เขามีบุตรตั้งกี่คนแล้ว และหนึ่งในนั้นก็มีคนที่ทำให้เขารู้สึกใจอ่อนได้มากที่สุดอยู่แล้ว นั่นก็คือชีจิ่น

ชีจิ่นอ่อนโยนและใจดี ฉลาดเฉลียวรู้ความและมีความกตัญญู ครั้นถึงวัยสิบสองปีก็ถูกคัดเลือกให้เข้าวังเป็นสหายร่วมเรียนขององค์หญิงแล้ว

หากไม่มีสิ่งใดผิดพลาด ชีจิ่นคงได้เป็นหนึ่งคนที่มีอนาคตยาวไกลที่สุดในบรรดาบุตรีสกุลชีแล้ว

แต่เพราะเกิดเหตุไม่คาดฝันขึ้น

เหตุการณ์นอกเหนือความคาดหมายที่ว่านี้ก็คือสวี่อินอิน

ตอนแรกสุดที่สืบรู้ภูมิหลังของสวี่อินอิน คนทั้งจวนโหวล้วนมืดแปดด้าน

นับแต่ท่านโหวผู้เฒ่าไปจนถึงนางหวังมารดาผู้ให้กำเนิดสวี่อินอิน ล้วนแต่สิ้นหวังกับสวี่อินอินทั้งสิ้น

ชีอวิ๋นถิงยังถึงขั้นเสนอแนะอย่างตรงไปตรงมาให้ส่งสวี่อินอินไปใช้ชีวิตที่ชนบท

และเป็นเพราะจุดนี้เอง ทำให้ชีเจิ้นรู้สึกสะท้อนใจขึ้นมา

ถึงอย่างไร หากพูดกันในแง่ของความรู้สึกแล้ว ชีจิ่นที่พวกเขาเลี้ยงดูประคบประหงมมาหลายสิบปีก็มีความผูกพันให้กันมากจนยากเกินทำใจตัดขาด

และหากจะพูดในแง่ของผลประโยชน์ ชีจิ่นก็เป็นตัวแทนของคุณหนูใหญ่เป็นหน้าเป็นตาในวงสังคมชนสูงศักดิ์ให้จวนหย่งผิงโหวมานานหลายปีแล้ว

ยิ่งไปกว่านั้นความสัมพันธ์กับเหล่าองค์ชายและองค์หญิงทุกพระองค์ในราชสำนักเองก็ไม่เลวด้วย

เปรียบเทียบกันแล้ว สวี่อินอินมีอะไรบ้าง?

ที่ถูกทอดทิ้งก็เป็นชะตากรรมของนาง

ความจริงต่อให้รับสวี่อินอินกลับไปแล้ว ตำแหน่งของนางก็มิอาจสำคัญไปกว่าชีจิ่น

ชีเจิ้นมองบุตรีที่อยู่ตรงหน้า ยิ่งรู้สึกเสียดายขึ้นมา

น่าเสียดายจริงๆ กล้าฟ้องร้องต่อทางการกล้าได้กล้าเสีย แม้ยามที่ต้องเผชิญกับบ่าวรับใช้เจ้าเล่ห์กลับกลอกก็รู้จักปกป้องตนเอง หลังเกิดเหตุการณ์สะเทือนขวัญก็สามารถประคองตนเองให้มั่นคงได้

แม้กระทั่งในยามนี้เมื่อได้เห็นหน้าบิดาที่ไม่เคยพบกันมาก่อนของตนเองแล้ว ก็ยังข่มอารมณ์ให้นิ่งสุขุม สันหลังเหยียดตรงได้

อุปนิสัยเช่นนี้ คล้ายคลึงกับเขาในตอนหนุ่มอย่างน่าเหลือเชื่อ

หรือว่า สิ่งนี้จะเป็นความผูกพันทางสายโลหิต?

สวี่อินอินผงกศีรษะ ยอมรับอย่างกล้าหาญ “ใช่”

ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยดินโคลน บัดนี้แห้งจนจับตัวเป็นแผ่นไปเสียแล้ว เลอะเทอะมอมแมมจนมองคิ้วคางเครื่องหน้าไม่ถนัด

มีเพียงดวงตาคู่นั้นของนาง ที่ดูสว่างเป็นประกายอย่างน่าประหลาด

ในใจชีเจิ้นพลันรู้สึกสั่นไหว จึงเอ่ยถามค่อยๆ ว่า “เป็นเพราะเหตุใดเล่า? หรือแม่นมมิได้สั่งสอนให้เจ้ารู้ประเพณี? เจ้ามิทราบหรือว่า สำหรับดรุณีในตระกูลสูงศักดิ์ การรักษาชื่อเสียงของตระกูลนั้นสำคัญกว่าเรื่องใดทั้งปวง?”

คำถามนี้ทำให้ผู้คนตกใจกลัวถึงขีดสุด

ทว่าสวี่อินอินกลับยังคงนิ่งเฉยไม่ทุกข์ร้อน นางเงยศีรษะขึ้นจ้องมองชีเจิ้น ยิ่งไปกว่านั้นยังแค่นเสียงหัวเราะออกมาและเอ่ยปากตอบกลับว่า “ไม่มี พวกนางมาด้วยจุดประสงค์เดียว นั่นคืออยากสังหารข้า”

สายลมระลอกหนึ่งพัดผ่านเข้ามา ทำสวี่อินอินจามออกมาหนึ่งที

แต่กระนั้นนางยังคงไม่แยแสเช่นเดิม ไม่หลบซ่อนหลีกหนี เพียงแต่เอ่ยอย่างเยือกเย็นออกมาว่า “บ่าวคนเดียวยังกล้าสังหารข้า ข้าไม่เชื่อใจผู้ใดเด็ดขาด เพราะฉะนั้น ข้าจำต้องมาฟ้องทางการก่อนเพื่อปกป้องตนเอง อย่างน้อยต้องให้ได้ความปลอดภัยก่อน ถึงจะสามารถเรียนรู้ธรรมเนียมประเพณีของพวกท่านได้”

ความจริงที่พูดมาก็ไม่ผิดแม้แต่น้อย

ชีเจิ้นเองก็รู้สึกพอใจกับการแสดงออกของสวี่อินอินมากเช่นกัน

ถึงอย่างไรเมื่อเทียบกับคนไร้ประโยชน์ที่รู้จักแต่เลี้ยงสุกรผ่าไม้ฟืนสักคนหนึ่งแล้ว แม้นางจะไม่รู้จักธรรมเนียมประเพณี แต่กลับตอบโต้ได้รวดเร็วและรู้จักพลิกแพลงสถานการณ์ได้อย่างดี นั่นก็อยู่นอกเหนือการคาดคะเนของเขาไปไกลมากแล้ว

เพียงแต่…

ยังมีบางสิ่งที่ดูจะผิดแปลกไป ตอนที่สวี่อินอินประจันหน้ากับเขา ไม่มีความเคารพและความสนิทสนมใกล้ชิดที่บุตรสาวพึงมีต่อบิดาแม้แต่น้อย

ในตอนที่ชีจิ่นอยู่ต่อหน้าเขา ไม่เคยปรากฏท่าทีเช่นนี้มาก่อน

เขากระแอมเสียงหนึ่งออกมาอย่างเยือกเย็น “ปากคอเราะราย ไร้การอบรมสั่งสอน!”

สวี่อินอินมิได้รู้สึกแปลกใจกับการโต้ตอบของเขาแม้แต่น้อย

พวกคนที่เรียกว่าญาติทางสายเลือดกลุ่มนี้ ไม่เคยรักไม่เคยทะนุถนอมนาง ไม่เคยนับนางเป็นญาติมาจนถึงตอนนี้

ที่มากไปกว่านั้น คือการตัดสินคุณค่านางเหมือนสิ่งของ

เมื่อนางมีประโยชน์ ต่อให้ไร้ซึ่งความผูกพัน ตระกูลชีก็จะให้ข้าวให้ที่นอนกับนาง

แต่หากว่านางไร้ประโยชน์แล้ว ต่อให้นางจะควักหัวใจควักปอดให้ไป คนเหล่านั้นก็มีแต่จะรู้สึกว่าเลือดเนื้อของนางเหม็นคาวไร้คุณค่า

ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ไยจะต้องแสร้งว่าเลือดเนื้อลึกซึ้งแน่นแฟ้นกันด้วยเล่า?

นางกำลังจะเอ่ยวาจา ทว่ากลับมีเสียงคุ้นหูระลอกหนึ่งแว่วดังมาจากที่ไกลๆ “หย่งผิงโหว?”

ชีเจิ้นผินศีรษะกลับไปทันใด กระทั่งมองเห็นผู้มาใหม่ พริบตาเดียวก็สำรวมความดุดันน่าเกรงขามก่อนหน้าไปทันที รีบร้อนลงจากหลังอาชาและค้อมกายทำความเคารพ “ใต้เท้า!”

สวี่อินอินหันขวับ ก็ปะทะกับสายตาอันคุ้นเคยคู่นั้นเข้าพอดี

เซียวอวิ๋นถิงเลิกคิ้ว กระทั่งเห็นดวงตาของสวี่อินอินชัดเจนแล้ว ก็หันบอกให้ชีเจิ้นมิต้องมากพิธีโดยที่ไม่เปลี่ยนสีหน้า “ท่านโหวมิต้องมากพิธี จริงสิ ท่านโหวเหตุใดจึงมาอยู่ที่นี่หรือ?”

ชีเจิ้นกระแอมกระไอออกมาอย่างประหม่าเล็กน้อย “กระหม่อม กระหม่อมมารับบุตรีกลับเรือนพ่ะย่ะค่ะ”

 
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Comments (2)
goodnovel comment avatar
Sam Sung
พระเอกมาช่วยแล้ว
goodnovel comment avatar
Jocky Tagool
ครอบครัวเห็นขี้ดีกว่าไส้ อย่าไปอยู่กับพวกมันค่ะ
VIEW ALL COMMENTS

Latest chapter

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 602

    เฝิงไฉ่เวยยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย “ท่านปู่อย่าได้กังวลไปเลย นี่ก็อาจเป็นอีกหนทางหนึ่งที่จะทำให้พระนัดดารัชทายาทจดจำข้าได้ก็เป็นได้”นางกล่าวพลางเลิกคิ้วเบา ๆ “พรุ่งนี้ข้าจะไปจวนชีสักรอบ ให้คนส่งเทียบเชิญไปล่วงหน้าด้วยเถิด บอกว่าข้าจะไปกล่าวคำขอบคุณชีหยวนโดยเฉพาะ”เฝิงจวิ้นถึงกับไม่อาจเข้าใจการกระทำของน้องสาวตนเองได้เลยยังจะไปขอบคุณอีกหรือ?มีอะไรให้ต้องขอบคุณกัน? ชีหยวนทำลายเรื่องดีของตระกูลเฝิง แล้วตอนนี้ตระกูลเฝิงยังจะยื่นหน้าเข้าไปกล่าวคำขอบคุณอีก?!นี่มันต่างอะไรกับถูกตบแก้มซ้ายแล้วยื่นแก้มขวาไปให้เขาตบซ้ำอีก?กลับกลายเป็นเฝิงอวี้จางที่ลูบเคราแล้วหัวเราะอย่างพอใจ “ดี ดี! รู้จักยอมรับผิด ไม่ผลักภาระกลบเกลื่อน กล้ารับผิดชอบ นี่ก็คือคุณธรรมข้อหนึ่งเหมือนกัน ไฉ่เวยเป็นเด็กที่ใจมั่นคง!”ใช่แล้ว คนที่สมบูรณ์แบบเกินไปก็ย่อมดูไม่เหมือนคนการที่ตอนนี้ทำผิดแต่กลับไม่โกรธเกรี้ยว ไม่เอาแต่ปกป้องตนเอง กล้ายอมรับผิด นี่ก็นับเป็นข้อดีใช่หรือไม่?เขาหันไปมองฮูหยินเฝิง “พอเถอะ ไม่มีอะไรให้น่าโมโห ดั่งที่ไฉ่เวยพูดไว้ หากเราไม่ถือเป็นเรื่องใหญ่ ใครก็หัวเราะเยาะพวกเราไม่ได้!”ฮูหยินรองตระกูลชี

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 601

    นางขบกรามแน่นใช้มือกุมหน้าผากของตนเอง แทบจะเค้นเสียงลอดไรฟันออกมาคำหนึ่งว่า “แม่นางผู้นั้นมาจากที่ใดกัน?!”เวลานี้แขกเหรื่อนได้ถูกส่งกลับไปหมดแล้ว คนในตระกูลเฝิงเล็กใหญ่ต่างก็พากันมารวมตัวอยู่ที่ห้องของฮูหยินเฝิง สีหน้าของทุกคนล้วนไม่สู้ดีนักโดยเฉพาะเฝิงอวี้จาง เขามองไปที่เฝิงไฉ่เวย พอคิดถึงตอนก่อนหน้านี้ที่ตนพยายามอย่างไรก็รั้งเซียวอวิ๋นถิงไว้ไม่อยู่ ใบหน้าก็ยิ่งมืดครึ้มลง “เจ้าว่า นางตั้งใจทำ หรือที่แท้ก็แค่คิดจะช่วยคนจริง ๆ?”ในเพลานี้ฮูหยินเฝิงยังคงโกรธจนรู้สึกปวดหัวแต่เดิมทุกอย่างดำเนินไปอย่างราบรื่น ชื่อเสียงของเฝิงไฉ่เวยก็ยิ่งเพิ่มพูนขึ้นทุกวัน เดิมก็รอแค่วันนี้ให้ก้าวหน้าไปอีกขั้น แล้วค่อยใช้จังหวะนี้ให้เซียวอวิ๋นถิงได้พบกับเฝิงไฉ่เวยอย่างเหมาะสมแต่ใครจะคาดคิดว่าอยู่ ๆ ชีหยวนจะโผล่เข้ามาขัดขวางทุกอย่าง กลายเป็นว่าทุกอย่างพังไม่เป็นท่าเท่ากับว่าความพยายามทั้งหมดในช่วงก่อนหน้านี้สูญเปล่า แถมยังทำให้ตระกูลเฝิงตกอยู่ในสถานการณ์ลำบากอีกด้วยต่อไปหากใครพูดถึงเฝิงไฉ่เวย ก็ต้องเอ่ยถึงเรื่องที่นางแม้แต่หลักพื้นฐานของอาหารขัดข่มกันยังไม่รู้ความฮูหยินเฝิงขบปากแน่น โกรธจนแทบจะ

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 600

    ฮูหยินเฝิงก็พลันหน้าถอดสี รีบสั่งให้คนไปตามหมอเพียงแค่มาเข้าร่วมงานเลี้ยง ไฉนจึงล้มทรุดลงไปได้?ฮูหยินรองชีก็ตกใจเช่นกัน ไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอันใดขึ้นกันแน่ จนทำอะไรไม่ถูกไปชั่วขณะแต่ชีหยวนกลับก้าวฉับเข้าไปหาฮูหยินเฉิงกั๋วกงแล้วคุกเข่าลง เปิดเปลือกตานางขึ้นดู จากนั้นกวาดตามองไปยังอาหารบนโต๊ะ นางไม่เอ่ยคำใดก็ใช้มืออ้าปากของฮูหยินเฉิงกั๋วกงออก แล้วเอาตะเกียบกดไปบนเพดานปากฮูหยินเฉิงกั๋วกงก็อาเจียนเสียงดัง สำรอกอาหารออกมาจนหมดแขกเหรื่อต่างรีบถอยหนีเว่ยชิงยางถึงกับตะโกนเสียงดัง “ชีหยวน! เจ้ากำลังทำอะไร!”ชีหยวนหาได้ใส่ใจไม่ จนกระทั่งฮูหยินเฉิงกั๋วกงไม่มีสิ่งใดจะอาเจียนได้อีก นางจึงส่งตัวให้ฮูหยินที่อยู่ข้าง ๆ พร้อมกับบอกว่า “ให้นางดื่มน้ำเปล่าเจ้าค่ะ”ฝ่ายบุรุษกับฝ่ายสตรีในงานเลี้ยงนี้ มีเพียงทะเลสาบหนึ่งผืนคั่นกลาง เมื่อเกิดเรื่องขึ้นทางนี้ ทางโน้นย่อมเห็นได้ทันทีเฉิงกั๋วกงอดรนทนไม่ไหว รีบวิ่งมาถึงหัวสะพานถามเสียงดังว่าเกิดเรื่องอันใดเฝิงไฉ่เวยก็ขมวดคิ้ว มองชีหยวนด้วยแววตาเป็นกังวล “คุณหนูใหญ่ชี เจ้าไม่รู้ว่าฮูหยินเป็นอะไร ก็ทำเช่นนี้โดยพลการ...”ทำเช่นนี้โดยพลการอันใด?ฮ

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 599

    องค์หญิงลั่วชวนอดไม่ได้ที่จะเหลือบมองชีหยวนอีกครั้งที่จริงนางรู้สึกอึดอัดใจมานานแล้วใครก็ดูออกว่าเฝิงไฉ่เวยนั้นมีฝีมือแท้จริง แต่ช่วงหลายวันมานี้ ทุกครั้งที่นางไปงานเลี้ยงก็ต้องชิงเอาความโดดเด่นไปจนหมดสิ้นถึงขั้นที่แม้แต่พระชายาอ๋องโจว ก็อดมิได้ที่จะเอาแต่พร่ำว่า ‘หากเจ้ามีความสามารถเพียงหนึ่งในสิบของคุณหนูเฝิง...’ พูดแต่วาจาเช่นนี้ ชวนให้คนเบื่อหน่ายใจยิ่งนักยิ่งไปกว่านั้น ทุกครั้งที่เฝิงไฉ่เวยทำให้ผู้คนตื่นตะลึง กลับเอ่ยราวไม่ใส่ใจว่า ‘ข้ามิได้มีสิ่งใดพิเศษนัก เป็นเพราะคุณหนูทั้งหลายคอยเกรงใจข้าเท่านั้น’‘สิ่งเหล่านี้ก็มิใช่อันใด เพียงแต่ตอนเด็กข้าไม่มีงานอดิเรกอื่น จึงอ่านตำรามากหน่อยเท่านั้น’องค์หญิงลั่วชวนถึงกับเบื่อหน่ายจนสุดจะทนบัดนี้ เมื่อนางมองชีหยวนก็พลอยรู้สึกว่าดูรื่นตาขึ้นมาหลายส่วนสตรีสูงศักดิ์ร่ำเรียนสิ่งเหล่านี้แล้วมีประโยชน์อันใด?จำวิธีทำขนมแต่ละอย่างได้ จำชื่อขนมแต่ละชนิดได้ แล้วก็รู้จักรูปลักษณ์ของบุปผาชื่อดังแต่ละสายพันธุ์เรื่องเหล่านี้มีสิ่งใดให้น่าสรรเสริญนักหรือ?เหตุใดจึงได้รับคำชมจนเกินควรเช่นนี้?แต่พอนึกได้ว่าเฝิงไฉ่เวยสามารถเรียนรู้สิ่งเ

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 598

    เว่ยชิงยางพอเห็นชีหยวน ท่าทีของนางก็ยิ่งแฝงด้วยความเหน็บแนมขึ้นอีกหลายส่วน “ขนมพวกนี้ล้วนแล้วแต่เป็นฝีมือของไฉ่เวย สูตรที่ใช้นั้นก็มาจากตำราโบราณทั้งสิ้น ผู้ที่ไม่เคยร่ำเรียนหนังสือย่อมไม่รู้จัก”เฝิงไฉ่เวยดูเหมือนจะมีท่าทีจนใจ นางดึงชายเสื้อของเว่ยชิงยางเบา ๆ “ข้าเชิญเจ้ามาเพื่อมาเป็นแขก มิใช่ให้เจ้ามาอวดอ้างแทนข้า”ชีหยวนเลิกคิ้วมองเว่ยชิงยาง “เช่นนั้นคุณหนูเว่ยที่อ่านตำรามากมาย คงรู้แจ้งถึงที่มาของขนมพวกนี้กระมัง?”เว่ยชิงยางกัดริมฝีปาก แค่นเสียงเย็นชา “ทำเหมือนกับเจ้ารู้จักอย่างนั้นแหละ”ชีหยวนเพียงยิ้มน้อย ๆ “ทำไมจะไม่รู้จัก?”นางก้าวไปข้างหน้าสองก้าว เหลือบตามองโต๊ะตัวเล็กแล้วกล่าวเสียงขรึม “เซียงเย่ามู่กวา เซียงเย่าเถิงฮวา หน่ายฝางอวี้รุ่ยเกิง”หวังฉานถึงกับตะลึงงัน หันไปมองฮูหยินรองชีโดยไม่รู้ตัวส่วนฮูหยินรองชีก็ตกตะลึงยิ่งกว่านางเสียอีกนางไม่รู้เลยว่าชีหยวนศึกษาสิ่งเหล่านี้ด้วยไม่น่าแปลกใจเลยที่ชีหยวนมักให้ห้องครัวทำอาหารแปลกใหม่ที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ซึ่งนางบอกสูตรให้แม่ครัวด้วยตนเอง...เว่ยชิงยางก็ตกตะลึงไปเช่นกัน แต่แล้วก็แค่นเสียงหัวเราะเย็นชา “ใครจะรู้ว่าเจ้าพูด

  • ยอดหญิงในเงามาร   บทที่ 597

    เนื่องจากคราวก่อนไม่ได้เกิดเหตุอันใด ดังนั้นการออกมากับชีหยวนคราวนี้ฮูหยินรองชีจึงรู้สึกผ่อนคลายกว่าเดิมมากนักทว่าพอถึงจวนตระกูลเฝิง ฮูหยินรองชีก็อดไม่ได้ที่จะกระวนกระวายขึ้นมางานเลี้ยงวันเกิดของตระกูลเฝิงครั้งนี้ จัดได้แตกต่างจากผู้อื่นจริง ๆตระกูลขุนนางในเมืองหลวงที่อยู่ในงานนี้ ต่างก็เคยจัดงานเลี้ยงวันเกิดกันมาทั้งนั้น แต่การจัดงานเช่นนี้ ฮูหยินรองชีก็ต้องยอมรับว่านี่เป็นครั้งแรกที่ได้พบเห็นจวนตระกูลเฝิงหาได้เชิญคณะงิ้วมีชื่อเสียงในเมืองหลวงมาแสดงงิ้วเช่นตระกูลอื่นไม่ กลับตั้งโต๊ะจัดเลี้ยงไว้ในสวนดอกไม้แทน แขกชายหญิงแยกกันอยู่คนละฟากของทะเลสาบ คั่นกลางด้วยสะพานโค้งฮูหยินรองชีพาชีหยวนไปส่งของขวัญ พอเดินเข้าสู่เรือนรับรองก็ได้กลิ่นหอมประหลาดสายหนึ่ง อดพึมพำเบา ๆ ไม่ได้ว่า “กลิ่นหอมยิ่งนัก”ขณะนั้นเอง พระชายาอ๋องโจวกำลังยิ้มพลางกล่าวกับฮูหยินเฝิงว่า “ไม่ทราบว่าในจวนจุดกำยานกลิ่นใดกัน? กลิ่นนี้แปลกใหม่ดีนัก ไม่รู้ว่าเป็นของสำนักใด?”ฮูหยินเฝิงเพียงกล่าวยิ้ม ๆ “ไฉ่เวยเจ้าเด็กคนนั้นรู้ว่าข้ามีโรคปวดศีรษะที่เกิดจากลมชั่ว จึงตั้งใจปรุงกลิ่นหอมชนิดหนึ่งขึ้นมาให้ข้า เห็นบอกว่าชื่อ

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status