แม้ว่าจักรพรรดิอู่อันจะสั่งให้ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ปิดปากเงียบเรื่องของพระสนมฮุ่ยมิให้เอาไปพูดข้างนอก แต่ฮองเฮาเว่ยก็ถูกยึดตราหงส์ไปเพราะเหตุนี้ เช่นนี้ไหนเลยจะปิดข่าวได้วันรุ่งขึ้น ก็มีข่าวลือต่าง ๆ แพร่สะพัดออกไปแล้วบางคนบอกว่าเป็นเพราะเซียวหลินเทียนกับหลิงอวี๋เข้าไปรายงานในวัง จึงทำให้ฮองเฮาเว่ยถูกองค์จักรพรรดิยึดตราหงส์ไปบางคนบอกว่าองค์ชายเย่มิได้มีโสมโลหิต พวกเรื่องความเนรคุณหรือเห็นคนใกล้ตายแล้วมิช่วยเหลือนั่นล้วนเป็นเรื่องที่ท่านอ๋องอี้จงใจแต่งเรื่องขึ้นเพื่อให้องค์ชายเย่เสื่อมเสียชื่อเสียงแม้แต่เรื่องราชองครักษ์ผางไร้ความสามารถทางเพศก็แพร่กระจายไปเช่นกันเรื่องราวต่าง ๆ เริ่มแปลกประหลาดมากขึ้นเรื่อย ๆท้ายที่สุดระบุไปว่าเซียวหลินเทียนกับหลิงอวี๋ใช้ความโปรดปรานที่จักรพรรดิอู่อันมีต่อพวกเขามาจัดการฮองเฮาเว่ยกับองค์ชายเย่ในช่วงเวลาหนึ่ง ขุนนางกับราษฎรมากมายในเมืองหลวงที่มิรู้ความจริงก็แอบดูถูกเซียวหลินเทียนกันคิดว่าเซียวหลินเทียนใช้วิธีการใส่ร้ายน้องชายของตนกับฮองเฮาเว่ยเพื่อชิงตำแหน่งองค์รัชทายาทศฤคาลเงินรวบรวมข่าวลือต่าง ๆ แล้วส่งมาให้เซียวหลินเทียนเซียวหลินเ
เซียวหลินเทียนถึงได้เข้าใจความหมายของหลิงอวี๋ ดวงตาของเขามืดมนลงเล็กน้อย นี่เป็นโอกาสที่จะตรวจสอบว่าเซียวหลินมู่ควรค่าที่จะผูกมิตรด้วยหรือไม่จริง ๆก่อนหน้านี้เซียวหลินมู่ให้พ่อบ้านส่งเงินค่าตรวจรักษาหนึ่งแสนมาให้ ทั้งยังบอกว่าจะตอบแทนหลิงอวี๋ด้วยตอนนี้ชื่อเสียงของตนกับหลิงอวี๋แพร่ออกไปว่าเป็นคนโหดร้าย ถ้าเกิดเซียวหลินมู่มีเจตนาที่จะกลับใจสักหน่อยก็จะรู้ว่าควรยืนหยัดล้างมลทินแทนตนเองกับหลิงอวี๋“ได้ เอาตามที่เจ้าว่า! ข้าจะไปจัดการทันที!”เซียวหลินเทียนให้จ้าวซวนไปทักทายที่กระทรวงยุติธรรม ให้ขุนนางกระทรวงยุติธรรมเอาตัวหมอจางไปที่ภัตตาคารจี๋เสียงในวันพรุ่งนี้ตอนเที่ยงอีกด้านหนึ่ง เซียวหลินเทียนก็ให้หลู่ชิ่งหาคนสองสามคนไปกระจายข่าวว่าหมอจางจะคำนับขอโทษหลิงอวี๋ต่อหน้าธารกำนัลที่ภัตตาคารจี๋เสียงเขาแค่อยากสร้างแรงกระตุ้นให้คนมาดูเหตุการณ์นี้มากขึ้นแล้วพลิกสถานการณ์ข่าวที่หมอจางจะคำนับขอโทษหลิงอวี๋แพร่กระจายออกไปอย่างรวดเร็วเมื่อจางเจ๋อลูกชายของหมอจางได้ยินข่าวลือ ก็โกรธมากจนทุบถ้วยชาในมือแตก“หลิงอวี๋ นางสารเลว กลั่นแกล้งกันเกินไปแล้วจริง ๆ!”“ท่านพ่อของข้าถูกนางบีบสูญเสียตำแห
วันรุ่งขึ้น เซียวหลินเทียนก็ไปภัตตาคารจี๋เสียงกับหลิงอวี๋ รอให้หมอจางมาคำนับขอโทษหลิงอวี๋วันนี้ภัตตาคารจี๋เสียงอัดแน่นไปด้วยผู้คนมากมาย คนมากหลายมาชมความตื่นเต้นนี้ ชั้นสองชั้นสามล้วนแน่นขนัดไปด้วยผู้คนเกิ่งเสี่ยวหาวเดินไปต้อนรับอย่างมีความสุขแล้วพาหลิงอวี๋กับเซียวหลินเทียนขึ้นไปชั้นบนก่อนก่อนหน้านี้ธุรกิจของเกิ่งเสี่ยวหาวถูกลูกพี่ลูกน้องของจ้าวเจินเจินกดจนลูกค้าน้อย หลิงอวี๋จึงเสนอแนวคิดให้เกิ่งเสี่ยวหาวภัตตาคารลดค่าใช้จ่ายลง มีการปรับเปลี่ยนอาหารตามฤดูกาล และทุก ๆ สัปดาห์ก็จะมีแนะนำอาหารใหม่ ๆ ทั้งยังมีการเสนอเครื่องดื่มฟรีด้วย ส่วนหอริมธารามีการให้บริการแบบส่วนตัว อาหารก็ล้วนมีการพัฒนาใหม่หลิงอวี๋ยังได้เตรียมเครื่องปรุงรสสุดพิเศษหลายอย่างให้พ่อครัวของเกิ่งเสี่ยวหาวใช้ทำเป็ดย่างกับหมูย่างด้วยรสชาตินี้เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของเมืองหลวง พวกคนที่มีเงินมากินอาหารจะสนใจสิ่งแวดล้อมกับรสชาติสภาพแวดล้อมของหอริมธาราเป็นเอกลักษณ์ และมีรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ช่วงนี้ภัตตาคารทั้งสองฝั่งของเกิ่งเสี่ยวหาวที่นั่งเต็มทุกวัน ยังมีหลายคนที่มาที่นี่แล้วเข้าแถวรอที่นั่งอยู่ข้างนอก นับดูแล้วก
หลิงอวี๋มีความสามารถมากขึ้นเรื่อย ๆ เสด็จพ่อเกือบจะมอบความรักที่มีต่อตนให้กับนางหมดแล้ว!นี่มันเป็นไปได้เยี่ยงไร!นางก็แค่มีทักษะการแพทย์เล็กน้อยมิใช่หรือ? มีอะไรที่ดีกว่าตนกัน!เซียวทงยิ่งคิดก็ยิ่งโกรธ คำพูดคำจาก็แขวะขึ้นมาเช่นกัน “ท่านมิได้แกล้งทำใช่หรือไม่? มิเช่นนั้นจะดีขึ้นอย่างรวดเร็วถึงปานนี้ได้เยี่ยงไร!”เซี่ยโฮ่วตานรั่วก็ยกมุมริมฝีปากขึ้นเล็กน้อย พลางเอ่ยเยาะเย้ย “ข้าคิดดูแล้วก็คงจริง! พระชายาอ๋องอี้เป็นหมอชั้นเซียนในเมืองหลวงของพวกเจ้า หากนางคิดจะแสร้งทำเป็นได้รับบาดเจ็บ นางมีวิธีมากมายทีเดียว!”วันนั้นเซี่ยโฮ่วตานรั่วถูกซินจิ้งรีบพาตัวไป แต่ภาพที่หลิงอวี๋ขวางลูกธนูให้เซียวหลินเทียนตอนนั้น นางเห็นมันด้วยตาตัวเองการที่เซียวหลินเทียนมีท่าทีโกรธเพราะหลิงอวี๋เช่นนั้น มันทำให้นางหึงจนเป็นบ้าหลังจากที่นางกลับไปนางมิเสียใจที่ตนเองทำเช่นนั้นเลย นางแค่เกลียดตนที่เหตุใดถึงมิยิงธนูให้เร็วกว่านั้นแล้วฆ่าหลิงอวี๋ไปเสีย!เมื่อเป็นเช่นนี้ เซียวหลินเทียนก็จะเป็นของตนแล้ว!นางแค่ชอบบุรุษที่มีความก้าวร้าวเช่นเซียวหลินเทียน นางต้องการความรักที่แข็งแกร่งเช่นนี้!เซี่ยโฮ่วตานรั่วกวาดม
หลิงอวี๋มองฉินรั่วซือด้วยสายตาเหยียดหยาม ท่าทีเยาะเย้ยของนางชัดเจนมากจนทำให้ฉินรั่วซือมิกล้าปะทะสายตาของนางแล้วเลี่ยงไปโดยมิรู้ตัวหลิงอวี๋หมดคำจะพูด เมื่อกี้ก็พูดลื่นไหลดีมิใช่หรือ?แม้แต่สายตาของตนก็ทนรับมิได้ มีพลังต่อสู้เพียงเท่านี้ยังจะกล้าที่จะท้าทายตนอีก!นางมองไปทางเซียวทงแล้วยิ้มเย็นชา “องค์หญิงหก หม่อมฉันรู้ว่าองค์หญิงมีอคติกับหม่อมฉัน! แต่องค์หญิงจะเอ่ยวาจาไร้สาระมิได้กระมังเพคะ!”“มาบอกว่าหม่อมฉันแสร้งทำเป็นได้รับบาดเจ็บหรือ? องค์หญิงกำลังจะบอกว่าเสด็จพ่อโง่เขลาเบาปัญญาหรือ?”“วันนั้นหม่อมฉันได้รับบาดเจ็บ เสด็จพ่อพาถังถีเตี่ยนมาตรวจด้วยตัวพระองค์เอง! หม่อมฉันจะแสร้งทำหรือไม่ เสด็จพ่อกับถังถีเตี่ยนย่อมรู้ดียิ่งกว่าองค์หญิงมิใช่หรือ?”“หรือองค์หญิงคิดว่า หม่อมฉันสามารถติดสินบนเสด็จพ่อกับถังถีเตี่ยนให้พวกเขาแสดงละครตามหม่อมฉันได้กระนั้นหรือ?”เซียวทงถูกหลิงอวี๋ขัดเอาไว้จนพูดมิออก หากนางยืนกรานว่าหลิงอวี๋แสร้งทำ นั่นก็เป็นการยอมรับว่าเสด็จพ่อโง่เขลาเบาปัญญามิใช่หรือ?เซี่ยโฮ่วตานรั่วเห็นว่าเซียวทงพูดมิออก จึงช่วย “แม้ว่าการบาดเจ็บของเจ้าจะเป็นเรื่องจริง แต่ก็มิน่าจะร้าย
หลิงอวี๋กระตุกริมฝีปากอย่างยากจะสังเกตเห็น ฉินรั่วซือผู้นี้ ก่อนหน้านี้ตอนที่คลุกคลีอยู่กับเซียวทงกับเสิ่นจวนก็เรียนรู้เรื่องการพูดจาเจ็บแสบมาจากเสิ่นจวนหลังจากที่เสิ่นจวนถูกตระกูลเสิ่นส่งตัวไป ฉินรั่วซือก็กลายเป็นผู้ติดตามส่วนตัวของเซียวทง นางซึมซับบทเรียนของเสิ่นจวนมาบ้าง ทุกครั้งที่นางเห็นว่าสถานการณ์ท่าจะมิดี นางก็จะหลบไปอยู่ห่าง ๆทว่าตั้งแต่ที่ฮองเฮาเว่ยบอกว่าจะประทานนางให้แต่งงานไปเป็นชายารองของเซียวหลินเทียน สตรีผู้นี้จึงกระตือรือร้นขึ้นมาอีกครั้งครั้งที่แล้วที่เตะลูกกลมฉินรั่วซือก็เล่นไปตามสถานการณ์ ครั้นได้ยินว่าตนได้รับบาดเจ็บก็รีบวิ่งไปแสดงตัวตนที่ตำหนักอ๋องอี้ทันที!ตอนนี้ได้เปลี่ยนแผนการแล้ว จึงใช้ภาพลักษณ์ใสซื่อน่าสงสารเช่นนี้ลงสนามนี่คือเส้นทางแห่งการเสแสร้งใช่หรือไม่?นางคิดว่าท่าทางอ่อนโยนและอ่อนแอจะสามารถกดตนลงไปได้หรือ?หากเซียวหลินเทียนชอบประเภทนี้ บอกได้แค่ว่าเซียวหลินเทียนตาบอดแล้วเมื่อเห็นว่าฉินรั่วซือถูกตนเปิดโปงก็ยังพยายามดึงเซียวหลินเทียนไว้ อยากจะทำให้เซียวหลินเทียนสงสัยในตัวของตนเอง หลิงอวี๋จึงโกรธยังมิทันที่นางจะได้พูดอะไร ฟางเหยาเหยาเห็นฉินร
ฉินรั่วซือเองก็ตกตะลึงไปเช่นกัน นางมองไปที่หลิงอวี๋อย่างมิอยากจะเชื่อ ลืมร้องไห้ไปเลยอิงเหนียงให้ตนเองบอกว่าโสมโลหิตอยู่ในมือขององค์ชายเย่ นางมิรู้รายละเอียดอื่น ๆ เลยจริง ๆ!หรือว่าอิงเหนียงจะทำร้ายตน?“ฉินรั่วซือ เจ้าบอกมาว่าใครบอกเจ้า?”หลิงอวี๋เอ่ยถามอย่างชอบธรรม “พวกผู้ค้าเครื่องยาสมุนไพรในเมืองหลวงล้วนมิรู้ว่าคนที่ซื้อโสมโลหิตคือใคร!”“เจ้าเป็นคุณหนูบ้านรวยที่มิเคยก้าวออกจากบ้าน แล้วมีความสามารถเช่นนี้ตั้งแต่เมื่อใดกัน?”คำพูดของหลิงอวี๋ทำให้ฟางเหยาเหยาและทุกคนมองไปทางฉินรั่วซือด้วยสายตาที่แปลกประหลาดใช่ เหตุใดพวกนางมิเคยได้ยินเรื่องของโสมโลหิตเลย?ฉินรั่วซือรู้ได้อย่างไร?ฉินรั่วซือถูกทุกคนมองก็เหงื่อตก แต่นางคิดมิออกเลยว่าจะช่วยให้ตนเองหลุดไปได้เยี่ยงไร“ฉินรั่วซือ เจ้าให้ท่านอ๋องของข้าไปขอโสมโลหิตองค์ชายเย่ มีเจตนาใดกัน?”“อีกอย่าง เห็น ๆ กันอยู่ว่า องค์ชายเย่กับท่านอ๋องของข้ามิได้ทะเลาะกัน แต่ในวันรุ่งขึ้นข้างนอกก็มีข่าวลือว่าองค์ชายเย่เนรคุณ เห็นคนใกล้ตายแล้วมิช่วย นอกจากเจ้าที่รู้เรื่องที่ท่านอ๋องอี้ไปขอโสมโลหิตแล้ว ก็ไม่มีใครรู้เรื่องเลย!”“ข่าวลือใส่ร้ายองค์
เซียวหลินมู่ยินดียอมรับคำเชิญของตนแล้วมาที่ภัตตาคารเพื่อลบล้างข่าวลือให้ตน นี่หมายความว่าเซียวหลินมู่ก็ใส่ใจสายใยครอบครัวนี้เช่นกัน!“น้องห้า! เจ้ามาแล้ว!”เซียวหลินเทียนมองเซียวหลินมู่ด้วยสายตาที่ซับซ้อน เซียวหลินมู่ยิ้มให้เขาแล้วก้าวเข้ามาพลางเอ่ย“ข้าได้ยินมาว่า มีคนแพร่ข่าวลือไปว่าเราสองคนทะเลาะกัน จึงมาดูว่าใครที่น่ารังเกียจเช่นนั้น กล้าจงใจใส่ร้ายพวกเรา!”“นี่เกรงว่าเราจะมิทะเลาะกันก็เลยจงใจสร้างความขัดแย้งรึ? ช่างร้ายกาจเสียจริง!”เซียวหลินมู่เหยียดแขนออกไปกอดไหล่ของเซียวหลินเทียน เหมือนพี่น้องทั้งสองดีกันอยู่เซียวหลินเทียนตะลึงกับการกระทำของเขา เขามิคุ้นเคยกับความใกล้ชิดเช่นนี้มากนักแต่เขาก็มิได้รู้สึกรังเกียจเช่นกัน เขากลับรู้สึกถึงความรู้สึกแปลก ๆ ที่กำลังแล่นไปทั่วร่างกายของเขาเขายืนอย่างมั่นคง รับน้ำหนักของเซียวหลินมู่ไว้มีคนจำนวนมากมาเฝ้าดูความครึกครื้น คนเหล่านั้นเห็นว่าเซียวหลินเทียนกับเซียวหลินมู่ดูใกล้ชิดกันมากข่าวลือเหล่านั้นที่ว่าทั้งสองทะเลาะกัน ทั้งยังข่าวลือที่ว่าเซียวหลินเทียนใส่ร้ายเซียวหลินมู่นั้นก็แพ้ภัยตัวเองไปผู้คนมากหลายในเมืองหลวงรู้จักนิสั
“หึหึ!”ชายาเจ้าแห่งทะเลหัวเราะออกมา “หลิงอวี๋ เจ้าคิดว่าข้าโง่รึ? หยกหล้าสุขาวดีหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับเจ้าแล้ว ค้นตัวเจ้าจะหาเจอได้อย่างไร?”“หลิงอวี๋ หยกหล้าสุขาวดีมิใช่ของของเจ้าตั้งแต่แรก มารดาเจ้าเป็นนางโจร ขโมยมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์ของจวนเจ้าแห่งทะเลไป การให้เจ้าคืนมาก็แค่เป็นการคืนของสู่เจ้าของเดิม!”“ข้าสืบรู้มาหมดแล้ว เจ้าและเซียวหลินเทียนสามีของเจ้าต่างก็อยู่ในเมืองหลวงแดนเทพ เจ้ายังมีบุตรชายอีกคนที่ฉินตะวันตก!”“หลิงอวี๋ ที่เจ้าปฏิเสธมิยอมรับฐานะของตนเองมาตลอด คงเป็นเพราะล่วงรู้ถึงวิธีที่จะนำหยกหล้าสุขาวดีออกมาแล้วสินะ”“เจ้าคิดว่าอย่างไรก็ต้องตายอยู่ดี ดังนั้นเจ้าจึงคิดว่า ขอเพียงมิยอมรับก็เป็นไปมิได้ที่พวกเราจะมัดตัวเจ้าไปสลายเลือดละลายกระดูกที่ภูเขาศักดิ์สิทธิ์เพื่อนำหยกหล้าสุขาวดีออกมา!”ชายาเจ้าแห่งทะเลพูดถึงตรงนี้ก็แค่นเสียงหัวเราะ “เจ้าเชื่อหรือไม่ ข้ามิจำเป็นต้องพิสูจน์ยืนยัน ก็สามารถมัดตัวเจ้าไปภูเขาศักดิ์สิทธิ์ได้แล้ว!”“ที่ข้าให้คนนำตัวเจ้ามาที่จวนเจ้าแห่งทะเล ก็เพื่อจะให้โอกาสเจ้า!”หลิงอวี๋หรือจะยอมรับฐานะของตนเพียงเพราะชายาเจ้าแห่งทะเลพูดเช่นนี้ได้อย่าง
“เข้าไป อย่าให้พ่อบ้านผู้นี้ต้องพูดเป็นครั้งที่สอง!”รอยยิ้มบนใบหน้าของพ่อบ้านเว่ยหายไปสิ้น กล่าวอย่างมิอดทน “เมื่อให้โอกาสดี ๆ มิชอบ ก็ต้องเจอดีเสียบ้าง!”เถาจื่อกำแขนหลิงอวี๋ไว้แน่น และถามผ่านสายตา“ตอนนี้ควรทำอย่างไรดีเจ้าคะ?”หลิงอวี๋ก็คาดมิถึงว่าจวนเจ้าแห่งทะเลจะเปลี่ยนท่าทีเร็วถึงเพียงนี้ ก่อนหน้านี้นางยังคิดว่า เมื่อเข้ามาในจวนเจ้าแห่งทะเลแล้วจะสามารถยื้อเวลาสักพักได้ชายาเจ้าแห่งทะเลมิปรากฏตัว แต่กลับให้พ่อบ้านเว่ยพาตนมาที่นี่เช่นนี้เลย?นี่หมายความว่าอย่างไรกัน?คิดจะขังนางไว้ หรือว่ามีแผนอื่นกระไร?หลิงอวี๋มองไปยังท่าทีมีเจตนาร้ายของพวกพลธนูและชายร่างใหญ่หลายคนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เหล่านั้น นางและเถาจื่อไม่มีทางหนีรอดจากเงื้อมมือของพวกเขาไปได้เลย“เข้าไปก่อนเถอะ!”หลิงอวี๋นำหน้าเดินเข้าไป เถาจื่อตามติดอยู่ข้างหลังหลิงอวี๋เพิ่งจะก้าวเท้าเข้าประตูเรือน เมื่อเห็นสภาพข้างในก็รู้สึกว่ามิดีแน่ เพิ่งจะคิดถอยหลังเถาจื่อกลับถูกคนผลักจากด้านหลังอย่างแรง ชนเข้ากับร่างหลิงอวี๋จนดันหลิงอวี๋เข้าไปข้างในทั้งสองคนล้มลงไปกองรวมกัน ยังมิทันได้ลุกขึ้นยืนก็ได้ยินเสียงดังโครมสนั่นกล
หลงเพ่ยเพ่ยห้อยอยู่บนชะง่อนผานั้น นางเองก็ทนต่อไปมิไหวแล้ว ภายใต้การเกลี้ยกล่อมของทุกคน นางจึงปีนป่ายเชือกขึ้นไปนางนึกถึงจุดประสงค์ที่ตนมาที่นี่ หากเย่หรงตายไปแล้วจริง ๆ เขาย่อมหวังให้นางช่วยหลิงอวี๋ออกมาได้อย่างแน่นอนนางมิอาจทำให้เย่หรงตายตามิหลับได้!เมื่อหลงเพ่ยเพ่ยปีนขึ้นมาได้ก็มิสนใจตรวจสอบบาดแผลของตน นางคุกเข่าลงต่อหน้าฮองเฮาทันทีนางกล่าวเสียงเครือ “เสด็จย่า เรื่องที่ทรงรับปากหม่อมฉันเมื่อครู่ สามารถประทานพระราชโองการให้หม่อมฉันตอนนี้ได้หรือไม่เพคะ?”“เมื่อครู่เย่หรงช่วยชีวิตหม่อมฉันและหยวนซานไว้ เพียงเห็นแก่บุญคุณทั้งสองครั้งนี้ เสด็จย่าทรงควรจะช่วยให้เขาสมหวังนะเพคะ!”ฮองเฮานึกถึงเรื่องที่เย่หรงและหลงเพ่ยเพ่ยอ้อนวอนตนเมื่อครู่ เย่หรงเป็นถึงเพียงนี้แล้ว นางจะยังทำให้คนที่เขาชอบพอลำบากใจได้อีกหรือ?ฮองเฮาถอดปิ่นปักผมอันหนึ่งของตนออกมาโดยมิทันคิด แล้วยื่นให้กับหลงเพ่ยเพ่ย“ถือปิ่นปักผมนี้ไปพาตัวสิงอวี๋ออกมาเถอะ!”หลงเพ่ยเพ่ยรับปิ่นปักผมหงส์คู่ปักทองคำของฮองเฮามาทั้งน้ำตา นี่คือปิ่นปักผมที่ฮองเฮาเท่านั้นจึงจะสวมใส่ได้ เห็นปิ่นดังเห็นองค์ เทียบเท่ากับพระราชโองการของฮองเฮ
“ท่านหญิง...”“เพ่ยเพ่ย...”ฮองเฮาเห็นหลงเพ่ยเพ่ยตกลงไปก็ตกใจจนหัวใจแทบหยุดเต้นไปชั่วขณะ ผานกกระเรียนแห่งนี้เป็นปรปักษ์กับราชวงศ์หรืออย่างไร?เหตุใดถึงได้ตกลงไปทีละคนเช่นนี้?“เร็วเข้า ช่วยคน!”ฮองเฮาตะโกนลั่น นางกำนัลที่มีไหวพริบรีบไปตามองครักษ์มาช่วยทางด้านเย่หรงทรงตัวได้มั่นคงบนชะง่อนผาแล้ว เขาเพิ่งจะถอนหายใจโล่งอกก็ได้ยินเสียงกรีดร้องจากด้านบนเมื่อเงยหน้าขึ้น เขาก็เห็นหลงเพ่ยเพ่ยกำลังร่วงหล่นลงมาหัวใจของเย่หรงหดเกร็งวูบ มิทันได้คิด คว้าเถาวัลย์ข้าง ๆ แล้วโหนตัวไปหาหลงเพ่ยเพ่ยหลงเพ่ยเพ่ยตกใจจนหลับตาลงแล้ว เตรียมพร้อมยอมรับความตายแต่ทันใดนั้นก็รู้สึกเหมือนตนชนเข้ากับคนผู้หนึ่ง จากนั้นร่างก็ถูกกอดไว้“ไปทางนั้น เร็วเข้า คว้าชะง่อนผานั่นไว้!”เย่หรงพลิกตัวกลางอากาศ เหวี่ยงหลงเพ่ยเพ่ยไปทางนั้น หลงเพ่ยเพ่ยพุ่งเข้าใส่ผนังผา แต่ใช้แรงมากเกินไปจนใบหน้าชนกับผนังผาจนถลอก นางเจ็บเสียจนหน้ามืดตาลายแต่นางมิสนใจความเจ็บปวดแทบขาดใจ เช่นเดียวกันกับเย่หรง เขาพยายามสุดชีวิตที่จะคว้าเถาวัลย์เหล่านั้นไว้โชคดีที่เถาวัลย์ฝั่งนี้ยังพันเกี่ยวกับกิ่งไม้มากมาย เถาวัลย์ที่พันกิ่งไม้ไว้นั้
“ซานเอ๋อร์!”หลงอวิ๋นก็เห็นภาพนี้เช่นกัน ทันใดนั้นในสมองก็ว่างเปล่า…ในฐานะมารดา นางจะมิรู้ได้อย่างไรว่าตนลำเอียงต่อบุตรชายทั้งสองคนหยวนซือและหยวนซานป่วยไข้พร้อมกัน นางกลับเฝ้าหยวนซือทั้งวันทั้งคืนส่วนหยวนซานกลับเป็นหยวนซิ่งสามีของนางที่คอยดูแลด้วยตนเองของประทานที่ได้รับจากมหาเทพและเจ้าแห่งทะเลผู้เป็นบิดาในช่วงเทศกาลปีใหม่และวันสำคัญต่าง ๆ นางก็จะให้หยวนซือเลือกก่อน ที่เหลือถึงจะให้หยวนซานเรื่องเช่นนี้นับมิถ้วน แต่หยวนซานกลับถูกหยวนซิ่งบิดาของเขาสั่งสอนมาอย่างดี มิเคยบ่นว่าเรื่องความลำเอียงของนางเลย!บัดนี้มองดูหยวนซานกำลังจะตกหน้าผา หลงอวิ๋นในฐานะมารดาจะสามารถมองดูเฉย ๆ ให้บุตรชายตายตกไปเช่นนี้ได้หรือ?ฝ่ามือหลังมือก็เนื้อเดียวกัน นางทำให้หยวนซานมาสู่ใต้หล้าผืนนี้ หยวนซานมีความผิดอะไร นางมีสิทธิ์อะไรจะทำกับหยวนซานเช่นนี้“ซานเอ๋อร์!”เรื่องนี้เกี่ยวพันถึงชีวิต เมื่อคิดว่าจะต้องสูญเสียบุตรชายคนนี้ไปตลอดกาล หลงอวิ๋นก็พลันเสียใจแต่ก็สายเกินไปนางมิสนใจอีกต่อไปว่าจะทำให้หยวนซือบาดเจ็บหรือไม่ นางใช้แรงดึงหยวนซือออกอย่างแรงแล้วพุ่งเข้าไปที่หน้าผา“ซานเอ๋อร์ แม่มาช่วยเจ้าแล้ว
หลงเพ่ยเพ่ยเห็นท่านหญิงชิงเฉิงและท่านหญิงอวิ๋น ในสมองพลันเกิดความคิดแวบขึ้นมา ถึงได้คิดข้ออ้างนี้ออกเมื่อเห็นเย่หรงตามแนวคิดของตนทัน หลงเพ่ยเพ่ยก็แอบชื่นชมในไหวพริบของเย่หรงในใจ แล้วกล่าวต่อไป“เสด็จย่า ท่านคงมิประสงค์ให้ท่านอาเจ้าแห่งทะเลต้องเสียหน้าใช่หรือไม่เพคะ!”“หากเย่หรงไปหาท่านปู่ของเขาให้ออกหน้า การกระทำอันเผด็จการเช่นนี้ของท่านอาเจ้าแห่งทะเลจะถูกผู้คนรังเกียจ ถึงเวลานั้นก็จะส่งผลกระทบต่อเกียรติของราชวงศ์พวกเรา!”“ในใต้หล้านี้มีสตรีมากมาย ท่านอาเจ้าแห่งทะเลก็มิได้ขาดสตรีที่มาเสนอตัวให้ เหตุใดต้องทำเรื่องทำลายวาสนาคู่ครองของผู้อื่นเช่นนี้ด้วย!”ครั้นฮองเฮานึกถึงความเหลวไหลของเจ้าแห่งทะเลก็รู้สึกเสียหน้ายิ่งนัก กล่าวเสียงเข้ม “เอาเถอะ ย่ารู้แล้ว จะออกพระราชโองการให้พวกเจ้าไปรับคนที่จวนเจ้าแห่งทะเล...”หลงเพ่ยเพ่ยและเย่หรงถอนหายใจโล่งอก เพียงแต่ทั้งสองยังมิทันลุกขึ้นยืน ก็มีเสียงกรีดร้องดังแว่วมาจากที่ไกล ๆได้ยินเสียงคนกำลังตะโกนแว่วมา “ช่วยด้วย เร็วเข้า ใครก็ได้ คุณชายน้อยตกลงไปใต้หน้าผาแล้ว...”ฮองเฮาพลันลุกขึ้นยืน ร้องเรียกอย่างร้อนรน “เร็ว ไปดูซิ ใครตกลงไป?”วันนี้
หลงอวิ๋นได้สติกลับคืนมา ตามปกติแล้วคนทั่วไปหากมิได้ยินคำพูดของท่านหญิงชิงเฉิงก็จะถามว่า “เมื่อครู่เจ้าว่ากระไรนะ?”แต่หลงอวิ๋นกลับมิทำตามปกติ ลุกขึ้นยืนแล้วกล่าวว่า “เสด็จย่า เด็ก ๆ เดินไปไกลแล้ว หม่อมฉันไปตามพวกเขากลับมาดีกว่า ควรลงจากเขาได้แล้วเพคะ!”พูดจบ หลงอวิ๋นก็เดินออกจากศาลาพักร้อนไป ร้องเรียกสาวใช้ของตนว่า “พวกคุณชายใหญ่ไปทางไหนกันหรือ?”เนี่ยนจูนางรับใช้ของหลงอวิ๋นกล่าวพลางยิ้มประจบ “แม่นมจี้และเนี่ยนชิงพาพวกเขาไปทางนั้นเจ้าค่ะ มิน่าจะเดินไปไกล!”“ไป ไปดูกัน!”หลงอวิ๋นเดินตามทิศทางที่เนี่ยนจูชี้ไปโดยมิหันกลับมามองท่านหญิงชิงเฉิงมองแผ่นหลังของนางที่เดินจากไปเช่นนั้นก็โกรธจนแทบจะด่าทอเสียงดังลั่นออกมา“พี่หญิงชิงเฉิง พี่หญิงอวิ๋นไปตามหาเด็ก ๆ แล้ว ท่านมิไปตามหาแก้วตาดวงใจทั้งสองของท่านบ้างหรือ?”หลงเพ่ยเพ่ยเห็นดังนั้นก็จงใจกล่าว “ผานกกระเรียนแห่งนี้แม้จะไม่มีสัตว์ร้าย แต่เด็ก ๆ ยังเล็กนัก เล่นอยู่ริมผา หากพลาดตกลงไป เช่นนั้นก็…”“เจ้าแช่งลูกข้ารึ?”ท่านหญิงชิงเฉิงมองหลงเพ่ยเพ่ยอย่างโกรธเคือง ด่าว่า “หลงเพ่ยเพ่ย เจ้าอายุยังน้อย เหตุใดจึงทำตัวเหลวไหลเช่นนี้ คบหากับเย่ห
“เรื่องคู่ครองของข้ารึ?”หลงเพ่ยเพ่ยชะงักไปครู่หนึ่ง นางยังมิได้พูดคุยเรื่องแต่งงานเลย เหตุใดจึงเกี่ยวข้องกับเรื่องคู่ครองของตนได้เล่า“นี่เป็นเพียงข้ออ้าง หลอกพวกนางไปก่อน แล้วค่อยพูดเรื่องสำคัญกับเสด็จย่าของท่าน!”เย่หรงยิ้มกล่าว “อย่างไรเสีย เรื่องนี้ค่อยอธิบายให้เสด็จย่าของท่านเข้าใจทีหลังก็ได้!”ขณะพูดคุยกัน ทั้งสองก็มาถึงศาลาพักร้อนแล้วท่านหญิงชิงเฉิงที่อยู่ในศาลาเห็นหลงเพ่ยเพ่ยกับเย่หรงตามมาถึงที่นี่ ก็พลันนึกถึงคำกำชับของชายาเจ้าแห่งทะเลนางรีบชิงพูดก่อน “ท่านหญิงฉางเล่อก็มาด้วยรึ อ้าว นี่พาคุณชายมาด้วย!”“คุณชายผู้นี้หน้ามิคุ้นเลย เมื่อก่อนมิเคยเห็น เป็นคุณชายจากตระกูลใดกัน?”เย่หรงเห็นใบหน้างดงามของท่านหญิงชิงเฉิงแสดงท่าทีดูแคลนก็รู้ว่าอันที่จริงนางรู้ว่าตนเป็นใครเพียงแต่เหมือนกับพวกคนหัวสูงในเมืองหลวงแดนเทพ นางก็ดูถูกตนที่เป็นบุตรชายที่มิได้เรื่องของตระกูลเย่เช่นกันเสด็จย่าของหลงเพ่ยเพ่ยยังคงดูสดใสร่าเริง อายุหกสิบกว่าปีแล้วแต่ใบหน้ายังคงเปล่งปลั่งมีน้ำมีนวล แทบจะไม่มีริ้วรอยเลยฮองเฮาได้ยินคำพูดของท่านหญิงชิงเฉิงก็มองมาอย่างสงสัย พินิจพิจารณาเย่หรง แล้วกล่าวพล
สิ่งที่เย่หรงคิด หลงเพ่ยเพ่ยก็คิดถึงเช่นกัน นางกล่าวกับเย่หรงอย่างขัดแย้งในใจ“เจ้าคิดจะบอกเรื่องที่เฉาฮุยยังมีชีวิตอยู่ให้พี่หญิงอวิ๋นฟังรึ?”“แต่เช่นนี้ก็มิยุติธรรมกับพี่เขยหยวน เขาและพี่หญิงอวิ๋นก็มีลูกชายด้วยกันอีกคนแล้ว หากบอกพี่หญิงอวิ๋นว่าเฉาฮุยยังมีชีวิตอยู่ จะเป็นการทำลายครอบครัวของพวกเขาเสียเปล่า!”“ข้ามิชอบที่ชายาเจ้าแห่งทะเลทำกับเฉาฮุยเช่นนี้ แต่พี่เขยหยวนและหลานชายตัวน้อยของข้าเป็นผู้บริสุทธิ์!”“อีกอย่าง พี่เขยหยวนก็ดีต่อพี่หญิงอวิ๋นมาก ก่อนหน้านี้ข้ายังอิจฉาพี่หญิงอวิ๋นที่ได้ลงเอยกับคนที่ดี!”เย่หรงยิ้มเย็นชา “เช่นนั้นยุติธรรมกับเฉาฮุยแล้วหรือ? เขายังมีบิดามารดาที่ต้องกตัญญูเลี้ยงดู ท่านหญิงอวิ๋นมิช่วยเขาออกมา แล้วจะมีใครช่วยเขาได้อีก?”“ชั่วชีวิตของเขาจะต้องอยู่ในคุกน้ำไปตลอดหรือ? นี่มันโหดร้ายยิ่งกว่าการฆ่าเขาทิ้งเสียอีก!”หลงเพ่ยเพ่ยพูดมิออกเดิมทีเฉาฮุยมีอนาคตที่สดใส เพียงเพราะรักใคร่กับท่านหญิงอวิ๋น ถึงต้องตกอยู่ในชะตากรรมอันน่าเศร้าเช่นนี้มิอาจกตัญญูเลี้ยงดูบิดามารดาได้ บุตรชายก็มากลายเป็นของผู้อื่น การที่เขาสามารถทนอยู่ต่อไปในคุกน้ำได้ คาดว่าคงเพราะยังมี