เมื่อมองเช่นนี้แล้วก็นับว่านางรับใช้เช่นเหวินชิงนั้นมีความจงรักภักดี แม้ว่าความคิดนี้จะมิได้ดีนัก แต่ก็เป็นวิธีที่ดีที่สุดที่นางคิดออกแล้ว!“ข้าจะช่วยเจ้าส่งข่าวนี้ไปให้ถึงหูท่านอดีตเสนาบดีเอง!”หลิงอวี๋เอ่ยรับรอง “เช่นนั้นเจ้าก็ต้องรับปากข้าเช่นกันว่าจะปกป้องหลิงเยี่ยนเป็นอย่างดี! จริงสิ นางแท้งลูกไปแล้ว ร่างกายคงมิได้แข็งแรงกระมัง?”หลิงเยี่ยนตั้งครรภ์ได้สามเดือนกว่าแล้ว หลิงอวี๋กังวลว่า เด็กเติบโตถึงเพียงนี้แล้วหากถูกยาขับออกมาจะส่งผลกระทบต่อร่างกายของหลิงเยี่ยนเหวินชิงเอ่ยด้วยใบหน้าขมขื่น “พระชายาเว่ยกับอ๋องหรงมิอยากให้นางตายเร็วไป ดังนั้นในตอนนั้นจึงเชิญหมอมาช่วยเอาเด็กออกมา!”“แต่ร่างกายของคุณหนูรองยังมิสะอาดและมีเลือดไหลอยู่ตลอด ข้ากลัวว่าหากนางเป็นเช่นนี้ต่อไปจะเสียเลือดจนตาย!”หลิงอวี๋ครุ่นคิดแล้วหยิบยาเม็ดกล่องหนึ่งส่งให้เหวินชิง “เจ้าให้นางกินวันละสองเม็ดนะ นี่เป็นยาฟื้นฟูร่างกายหลังคลอด มันจะเป็นผลดีกับนาง!”เหวินชิงรับมาอย่างตื่นเต้นหลิงอวี๋นึถึงเป้าหมายอีกอย่างของตนจึงกระซิบถามไป “หลิงเยี่ยนมิได้บอกอะไรกับพระชายาเว่ยเกี่ยวกับพระชายาอ๋องอี้ใช่หรือไม่?”เหวินชิงต
เสียงฝีเท้าวิ่งขององครักษ์ผู้นั้นเข้าไปในเรือนหลักแล้ว กลางดึกเช่นนี้ ยิ่งเป็นคนที่มีทักษะการฟังที่ชัดเจนเช่นหลิงอวี๋ก็ยิ่งชัดเจนมากเป็นพิเศษนับตั้งแต่ที่หลิงอวี๋ฝึกฝนพลังวิญญาณ และหลังจากที่กินยาเม็ดนั้นของหลานฮุ่ยจวน ประสาทสัมผัสก็ยิ่งดีกว่าเมื่อก่อนอีกนางฟังอยู่ครู่หนึ่งก็ตัดสินได้ว่า องครักษ์เข้าไปในห้องตำราของอ๋องหรง ในห้องนั้นยังมีคนอีกสองคน ฝีเท้าหนักบ้างเบาบ้างองครักษ์หยุดแล้ว ดูเหมือนว่ากำลังรายงานอยู่ หลิงอวี๋สามารถได้ยินเสียงการพูดคุย แต่ความสามารถของนางยังมิเพียงพอที่จะได้ยินว่าพวกเขากำลังคุยอะไรกันอยู่ทั้งสามคนคุยกันอยู่มินาน แล้วทั้งสามคนรวมถึงองครักษ์ก็เดินออกมาด้วยกันเสียงฝีเท้ารีบร้อนมาก ราวกับว่ามีเรื่องเร่งด่วนต้องไปจัดการหลิงอวี๋ก็มิได้รีบร้อน นางจึงฟังต่ออย่างอดทนและนับจำนวนคนไปหลังจากคนในห้องตำราออกมา ห้องตำราก็ไม่มีเสียงใดแล้วบริเวณรอบนอกมีเสียงฝีเท้าขององครักษ์สองคน ตามคนในห้องตำราไปที่ในเรือนแล้วพูดคุยกันมิกี่ประโยคจากนั้นคนในห้องตำราก็ออกจากเรือน แล้วองครักษ์ในเรือนสองคนก็แยกทางไปกันซ้ายคนหนึ่งขวาคนหนึ่งหลิงอวี๋เงยหน้ามองไปก็เห็นว่าคนทั้งหมดส
หลิงอวี๋กลับไปในห้องตำราอีกครั้งแล้วพิจารณาพวกเครื่องใช้ในห้องตำราใหม่อีกทีบนชั้นหนังสือนอกจากจะมีหนังสืออยู่แล้วก็ยังมีของตกแต่งบางอย่างที่จักรพรรดิอู่อันประทานมาให้ในช่วงนี้วางอยู่ด้วยชั้นหนังสือนี้ค่อนข้างเก่าแล้ว นี่น่าจะเป็นสิ่งที่เจ้าของเดิมวางไว้ หลิงอวี๋มองแล้วก็ใจเต้นรัวขึ้นมาทันทีเฮ่อหรงทำการปรับปรุงตำหนักอ๋องหรงใหม่แล้ว เหตุใดยังเก็บชั้นหนังสือของเจ้าของเก่าเอาไว้อีกเล่า?เจ้าของเก่าของชั้นหนังสือนี้คือแม่ทัพหลูคนสนิทขององค์ชายเว่ยซึ่งเขาตายไปแล้วต่อให้เฮ่อหรงจะนึกถึงอดีตเพียงใดก็มิน่าจะเก็บของของคนตายเอาไว้ในห้องตำราของตนเอง!หรือว่าห้องตำรานี้จะมีความลับอยู่อีก?หลิงอวี๋สำรวจไปรอบ ๆ ชั้นหนังสือ นางเคลื่อนย้ายของตกแต่งบนชั้นหนังสือดู แต่พอย้ายทั้งหมดไปแล้วก็มิเห็นว่าประตูลับจะเปิดออกเลยหลิงอวี๋แอบขำที่ตนคงจะดูโทรทัศน์มากเกินไปก็เลยคิดว่ากลไกทั้งหมดอยู่บนของตกแต่งนางไม่มีความอดทนที่จะหาแล้ว จึงเอาไฟฉายรังสียูวีออกมาส่องไปตามชั้นหนังสือและตรงกำแพง แล้วก็เห็นว่าบนกำแพงข้างชั้นหนังสือมีบางที่ที่มีสีเข้มกำแพงนี้หากมิได้ใช้ไฟฉายรังสียูวีส่องไป สีก็จะเหมือนกับรอบ
บัญชีเหล่านี้ทำเอาหลิงอวี๋เห็นแล้วตะลึงจนพูดมิออก ในนั้นเป็นบันทึกรายรับรายจ่ายของค่ายกองทหารเสือในช่วงยี่สิบปีนี้มีทั้งเงินที่การคลังจัดสรร และยังมีรายรับจากแหล่งที่มามิชัดเจนด้วยหลิงอวี๋ไม่มีเวลาดูให้ละเอียด ดูไปเพียงมิกี่หน้าแล้วก็พบว่ารายรับเหล่านี้มีจำนวนมากมายนัก ดูผิดปกตินางเก็บสมุดบัญชีเล่นนี้เข้าไปในมิติแล้วตรวจสอบต่อในกล่องหนึ่ง หลิงอวี๋เห็นหนังสือยอมรับผิดของมู่หรงเหยียนซง เดิมทีนางคิดว่าจะเอาหนังสือยอมรับผิดนั้นออกไปด้วยแต่พอคิดอีกที หากเอาหนังสือยอมรับผิดออกไปแล้วถูกเฮ่อหรงพบเข้า เขาก็จะรู้ว่ามีคนเคยเข้ามาในห้องลับนี้ แล้วเขาจะต้องคิดหาวิธีอื่นจัดการแน่นอนขอเพียงทิ้งหนังสือยอมรับผิดไว้ มิให้เขาพบว่ามีคนเข้ามาในห้องลับ แล้วรอให้ถึงตอนที่ตอนงานแต่งงานที่จักรพรรดิอู่อันมาร่วมงานด้วยตนเองก่อนแล้วจึงจะเปิดโปงเฮ่อหรงได้ในตอนที่หลิงอวี๋กำลังคิดจะไป จู่ ๆ ก็มีความคิดหนึ่งเกิดขึ้นมา หลิงเยี่ยนเอาตนไปขายให้พระชายาเว่ยฟังแล้ว เช่นนั้นเหตุใดตนมิทำสิ่งใดสักหน่อยให้พระชายาเส้ากับเก๋อเทียนซือไปสงสัยตระกูลเฮ่อหน่อยเล่า!นางเอาตำราการแพทย์เล่มนั้นของซือคงชวิ่นออกมาจากในมิติ แ
เฮ่อเฉียง!หลิงอวี๋เชื่อในหูตนเองว่าไม่มีทางฟังผิดไปแม้ว่าเฮ่อเฉียงจะมิได้พูดคุยกับตนเองมากนัก แต่โทนเสียงของเขานั้นหลิงอวี๋ไม่มีทางลืมเฮ่อเฉียงเป็นทูตขวาของหอเหยี่ยวราตรี เช่นนั้นหัวหน้าหอจะมิใช่เฮ่อหรงหรือ?หลิงอวี๋มิคาดคิดเลยจริง ๆ ว่า เฮ่อหรงจะมีความเกี่ยวข้องกับหอเหยี่ยวราตรี เช่นนั้นที่เซียวหลินเทียนบอกว่าเขาแกล้งป่วยทั้งหมดนั่นก็สมเหตุสมผลแล้วมีเพียงแค่คนป่วยกระเสาะกระแสะมิดึงดูดความสนใจใครเท่านั้น จึงจะมีโอกาสมิพบใครเลยได้ตลอดทั้งปี แล้วแอบไปทำการค้าลับ ๆ เหล่านี้ได้และมีเพียงผู้สูงศักดิ์ที่มีอำนาจเหนือใครเช่นเฮ่อหรงเท่านั้น จึงจะกล้าช่วยมือสังหารเหล่านั้นออกมาจากศาลาว่าการผู้ว่าราชการมณฑลได้หลิงอวี๋ยิ่งคิดก็ยิ่งตกใจ แล้วเหงื่อเย็น ๆ ก็ออกมาโดยมิรู้ตัวเฮ่อเฉียงสามารถนั่งตำแหน่งทูตขวาของหอเหยี่ยวราตรีได้ ความสามารถกับวรยุทธล้วนต้องแข็งแกร่งมาก นางจะเดินออกไปเงียบ ๆ โดยมิถูกจับได้ได้หรือ?ขณะที่กำลังคิดอยู่นั้น จู่ ๆ เฮ่อเฉียงก็เอ่ยขึ้นมา “เจ้าได้รับบาดเจ็บ คืนนี้ก็อยู่ที่ทางลับนี่อย่าออกไปไหน คนของท่านอ๋องอี้ที่อยู่ด้านนอกจะต้องค้นหาไปทั่วทุกที่แน่นอน หลบอยู่สักคื
ขณะที่หลิงอวี๋นอนคว่ำหน้าพักผ่อนอยู่ที่พื้น นางก็รู้สึกได้ถึงแรงสั่นสะเทือนของเสียงฝีเท้าจำนวนนับไม่ถ้วนที่พื้นแล้วก็มีเสียงรัวกลองดังมาราง ๆ ด้วยหลิงอวี๋ตกใจลุกขึ้นนั่งเฮ่อเฉียงคิดจะทำอะไรอีก?หรือว่าเขาพบว่ามีคนแอบบุกเข้ามาในห้องลับเลยกำลังเรียกคนมาจับตน?หากตนเป็นเฮ่อเฉียง เวลานี้จะทำสิ่งใดกันนะ?หลิงอวี๋ลองคิดกลับกันพลางเคลื่อนที่ออกไปอย่างเงียบ ๆตอนนี้ในห้องลับยังมีมือสังหารอยู่อีกหนึ่งคน เฮ่อเฉียงใช้งานเขาเช่นนี้ทั้งยังยอมให้เขามาซ่อนตัวที่ห้องลับอีก ก็เป็นการพิสูจน์แล้วว่า คนผู้นี้ต้องมีความสามารถโดนเด่นหากกลับไปทางเดิมก็อาจจะเป็นการหาเรื่องยุ่งให้ตนเองแล้วไปเจอเข้ากับเฮ่อหรงกับเฮ่อเฉียงเอาได้เช่นนั้นทางที่เหลือที่สามารถหนีออกไปได้ก็มีเพียงเส้นทางที่ตนอยู่นี่แต่เส้นทางห้องลับนี้จะไปสถานที่ใดกัน หากตนออกไปแล้วจะเจอกำลังพลมารอจับตนอยู่หรือไม่หลิงอวี๋กังวลใจเป็นอย่างมาก ก่อนหน้านี้นางคุยกับหานอวี้ไว้แล้วว่า ตอนกลางคืนตนจะกลับไปเจอนาง ให้หานอวี้ช่วยปิดบังให้ตนด้วยหากตนมิกลับไป แล้วหากเฮ่อเฉียงตรวจสอบนางรับใช้พบว่าตนหายไปจากนิสัยที่สามารถฆ่าคนโดยมิกะพริบตาได้ขอ
“บอกมา หลิงเอ๋อร์เล่า?”เฮ่อเฉียงพูดประโยคนี้ลอดไรฟันออกมาหานอวี้จึงคุกเข่าลง “พ่อ… พ่อบ้านเฮ่อ… หลิงเอ๋อร์ยังมิกลับมาเจ้าค่ะ มิรู้ว่านางยังอยู่ที่ทางห้องครัวหรือไม่ นาง… นางค่อนข้างมึนงง จำเส้นทางมิค่อยได้เจ้าค่ะ!”แม่นางลั่วได้ยินจึงเอ่ย “บางทีอาจจะหลงทางแล้วกลับไปที่ครัวจริง ๆ ก็ได้เจ้าค่ะ! พ่อบ้านเฮ่อ บ่าวจะไปหาเองเจ้าค่ะ!”เฮ่อเฉียงขยิบตาแล้วองครักษ์ผู้หนึ่งก็เดินออกไปแต่เขาเดินไปมิทันถึงประตูเรือนก็เห็นนางรับใช้ผู้หนึ่งวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาแล้ว “แม่นางลั่ว ทางห้องครัวมีองครักษ์ผู้หนึ่งมิระวังลืมดับไฟ ไฟก็เลยลุกไหม้ของแห้งบางส่วนแล้วเจ้าค่ะ...”“ว่ากระไรนะ? เหตุใดเขาจึงมิระวังเช่นนั้น!”แม่นางลั่วได้ยินว่าไฟลุกไหม้ก็ร้อนใจลากนางรับใช้รีบวิ่งไปทันทีนางรับใช้ผู้นั้นจึงเอ่ยอย่างกังวล “แม่นางลั่ว โชคดีที่หลิงเอ๋อร์อยู่ด้วย นางกับข้าจึงช่วยกันดับไฟแล้ว นางกำลังเก็บของอยู่ ให้ข้ามาบอกเจ้าว่านางมารวมตัวด้วยมิได้แล้ว!”“เวลานี้ยังจะรวมตัวอะไรอีก พ่อบ้านเฮ่อ คนของข้าอยู่ครบ ข้าต้องรีบกลับไปดูว่าของเสียหายไปเท่าใด! เรื่องนี้จะเกี่ยวข้องไปถึงงานอภิเษกสมรสด้วยเจ้าค่ะ!”แม่นางลั่
ส่วนพี่เฉินผู้นี้ หลิงอวี๋วิ่งกลับมาที่ครัวแล้วเห็นว่าเขาขโมยของกิน ตอนนั้นหลิงอวี๋มิได้ตะโกนออกมาแต่หลิงอวี๋อาศัยที่เขากำลังจะไปพร้อมถือตะเกียงน้ำมันนั้นหลบอยู่ในความมืดแล้วจงใจแทงเข็มเงินแทงเข้าที่ขาของเขาตอนที่เขาเดินผ่านห้องของแห้ง พี่เฉินจึงล้มลง ตะเกียงน้ำมันก็ตกลงไปบนหญ้าแห้งด้านข้างแล้วติดไฟขึ้นมาทันทีกระทั่งไฟลุกขึ้นมาเยอะแล้ว หลิงอวี๋ถึงได้รีบตะโกนเรียกนางรับใช้ให้มาช่วยกันดับไฟนางรับใช้ได้ยินหลิงอวี๋บอกว่าหลงทางแล้วนอนกับนาง นางเองก็เหนื่อยมาทั้งวันแล้วจึงนอนเร็วจนสะลึมสะลืออยู่เมื่อหลิงอวี๋พูดเช่นนี้นางก็คิดว่าตนหลับลึกไปแล้วหลิงอวี๋เพิ่งเข้ามาทีหลังก็เลยมิได้สงสัยหลิงอวี๋จึงรอดพ้นไปได้เช่นนี้หลังจากยุ่งมานาน แม่นางลั่วเองก็มิได้ลงโทษ เห็นว่าดึกมากแล้วจึงด่าไปเล็กน้อยแล้วให้พวกหลิงอวี๋ไปนอนก่อนพวกคนในครัวเพิ่งได้พักไปมิกี่ชั่วยามก็ถูกแม่นางลั่วเรียกมาทำงานแล้วหลิงอวี๋ถือโอกาสแนะนำหานอวี้ให้แม่นางลั่วรู้จัก แม่นางลั่วจึงมิรีรอและไปพาตัวมาเลยเมื่อหานอวี้เห็นหลิงอวี๋ ใจที่กังวลมาทั้งคืนก็กลับเข้าที่แล้ว“พระชายา ท่านเจอของที่ตามหาหรือไม่เจ้าคะ?” หานอวี้ทำง
“ซานเอ๋อร์!”หลงอวิ๋นก็เห็นภาพนี้เช่นกัน ทันใดนั้นในสมองก็ว่างเปล่า…ในฐานะมารดา นางจะมิรู้ได้อย่างไรว่าตนลำเอียงต่อบุตรชายทั้งสองคนหยวนซือและหยวนซานป่วยไข้พร้อมกัน นางกลับเฝ้าหยวนซือทั้งวันทั้งคืนส่วนหยวนซานกลับเป็นหยวนซิ่งสามีของนางที่คอยดูแลด้วยตนเองของประทานที่ได้รับจากมหาเทพและเจ้าแห่งทะเลผู้เป็นบิดาในช่วงเทศกาลปีใหม่และวันสำคัญต่าง ๆ นางก็จะให้หยวนซือเลือกก่อน ที่เหลือถึงจะให้หยวนซานเรื่องเช่นนี้นับมิถ้วน แต่หยวนซานกลับถูกหยวนซิ่งบิดาของเขาสั่งสอนมาอย่างดี มิเคยบ่นว่าเรื่องความลำเอียงของนางเลย!บัดนี้มองดูหยวนซานกำลังจะตกหน้าผา หลงอวิ๋นในฐานะมารดาจะสามารถมองดูเฉย ๆ ให้บุตรชายตายตกไปเช่นนี้ได้หรือ?ฝ่ามือหลังมือก็เนื้อเดียวกัน นางทำให้หยวนซานมาสู่ใต้หล้าผืนนี้ หยวนซานมีความผิดอะไร นางมีสิทธิ์อะไรจะทำกับหยวนซานเช่นนี้“ซานเอ๋อร์!”เรื่องนี้เกี่ยวพันถึงชีวิต เมื่อคิดว่าจะต้องสูญเสียบุตรชายคนนี้ไปตลอดกาล หลงอวิ๋นก็พลันเสียใจแต่ก็สายเกินไปนางมิสนใจอีกต่อไปว่าจะทำให้หยวนซือบาดเจ็บหรือไม่ นางใช้แรงดึงหยวนซือออกอย่างแรงแล้วพุ่งเข้าไปที่หน้าผา“ซานเอ๋อร์ แม่มาช่วยเจ้าแล้ว
หลงเพ่ยเพ่ยเห็นท่านหญิงชิงเฉิงและท่านหญิงอวิ๋น ในสมองพลันเกิดความคิดแวบขึ้นมา ถึงได้คิดข้ออ้างนี้ออกเมื่อเห็นเย่หรงตามแนวคิดของตนทัน หลงเพ่ยเพ่ยก็แอบชื่นชมในไหวพริบของเย่หรงในใจ แล้วกล่าวต่อไป“เสด็จย่า ท่านคงมิประสงค์ให้ท่านอาเจ้าแห่งทะเลต้องเสียหน้าใช่หรือไม่เพคะ!”“หากเย่หรงไปหาท่านปู่ของเขาให้ออกหน้า การกระทำอันเผด็จการเช่นนี้ของท่านอาเจ้าแห่งทะเลจะถูกผู้คนรังเกียจ ถึงเวลานั้นก็จะส่งผลกระทบต่อเกียรติของราชวงศ์พวกเรา!”“ในใต้หล้านี้มีสตรีมากมาย ท่านอาเจ้าแห่งทะเลก็มิได้ขาดสตรีที่มาเสนอตัวให้ เหตุใดต้องทำเรื่องทำลายวาสนาคู่ครองของผู้อื่นเช่นนี้ด้วย!”ครั้นฮองเฮานึกถึงความเหลวไหลของเจ้าแห่งทะเลก็รู้สึกเสียหน้ายิ่งนัก กล่าวเสียงเข้ม “เอาเถอะ ย่ารู้แล้ว จะออกพระราชโองการให้พวกเจ้าไปรับคนที่จวนเจ้าแห่งทะเล...”หลงเพ่ยเพ่ยและเย่หรงถอนหายใจโล่งอก เพียงแต่ทั้งสองยังมิทันลุกขึ้นยืน ก็มีเสียงกรีดร้องดังแว่วมาจากที่ไกล ๆได้ยินเสียงคนกำลังตะโกนแว่วมา “ช่วยด้วย เร็วเข้า ใครก็ได้ คุณชายน้อยตกลงไปใต้หน้าผาแล้ว...”ฮองเฮาพลันลุกขึ้นยืน ร้องเรียกอย่างร้อนรน “เร็ว ไปดูซิ ใครตกลงไป?”วันนี้
หลงอวิ๋นได้สติกลับคืนมา ตามปกติแล้วคนทั่วไปหากมิได้ยินคำพูดของท่านหญิงชิงเฉิงก็จะถามว่า “เมื่อครู่เจ้าว่ากระไรนะ?”แต่หลงอวิ๋นกลับมิทำตามปกติ ลุกขึ้นยืนแล้วกล่าวว่า “เสด็จย่า เด็ก ๆ เดินไปไกลแล้ว หม่อมฉันไปตามพวกเขากลับมาดีกว่า ควรลงจากเขาได้แล้วเพคะ!”พูดจบ หลงอวิ๋นก็เดินออกจากศาลาพักร้อนไป ร้องเรียกสาวใช้ของตนว่า “พวกคุณชายใหญ่ไปทางไหนกันหรือ?”เนี่ยนจูนางรับใช้ของหลงอวิ๋นกล่าวพลางยิ้มประจบ “แม่นมจี้และเนี่ยนชิงพาพวกเขาไปทางนั้นเจ้าค่ะ มิน่าจะเดินไปไกล!”“ไป ไปดูกัน!”หลงอวิ๋นเดินตามทิศทางที่เนี่ยนจูชี้ไปโดยมิหันกลับมามองท่านหญิงชิงเฉิงมองแผ่นหลังของนางที่เดินจากไปเช่นนั้นก็โกรธจนแทบจะด่าทอเสียงดังลั่นออกมา“พี่หญิงชิงเฉิง พี่หญิงอวิ๋นไปตามหาเด็ก ๆ แล้ว ท่านมิไปตามหาแก้วตาดวงใจทั้งสองของท่านบ้างหรือ?”หลงเพ่ยเพ่ยเห็นดังนั้นก็จงใจกล่าว “ผานกกระเรียนแห่งนี้แม้จะไม่มีสัตว์ร้าย แต่เด็ก ๆ ยังเล็กนัก เล่นอยู่ริมผา หากพลาดตกลงไป เช่นนั้นก็…”“เจ้าแช่งลูกข้ารึ?”ท่านหญิงชิงเฉิงมองหลงเพ่ยเพ่ยอย่างโกรธเคือง ด่าว่า “หลงเพ่ยเพ่ย เจ้าอายุยังน้อย เหตุใดจึงทำตัวเหลวไหลเช่นนี้ คบหากับเย่ห
“เรื่องคู่ครองของข้ารึ?”หลงเพ่ยเพ่ยชะงักไปครู่หนึ่ง นางยังมิได้พูดคุยเรื่องแต่งงานเลย เหตุใดจึงเกี่ยวข้องกับเรื่องคู่ครองของตนได้เล่า“นี่เป็นเพียงข้ออ้าง หลอกพวกนางไปก่อน แล้วค่อยพูดเรื่องสำคัญกับเสด็จย่าของท่าน!”เย่หรงยิ้มกล่าว “อย่างไรเสีย เรื่องนี้ค่อยอธิบายให้เสด็จย่าของท่านเข้าใจทีหลังก็ได้!”ขณะพูดคุยกัน ทั้งสองก็มาถึงศาลาพักร้อนแล้วท่านหญิงชิงเฉิงที่อยู่ในศาลาเห็นหลงเพ่ยเพ่ยกับเย่หรงตามมาถึงที่นี่ ก็พลันนึกถึงคำกำชับของชายาเจ้าแห่งทะเลนางรีบชิงพูดก่อน “ท่านหญิงฉางเล่อก็มาด้วยรึ อ้าว นี่พาคุณชายมาด้วย!”“คุณชายผู้นี้หน้ามิคุ้นเลย เมื่อก่อนมิเคยเห็น เป็นคุณชายจากตระกูลใดกัน?”เย่หรงเห็นใบหน้างดงามของท่านหญิงชิงเฉิงแสดงท่าทีดูแคลนก็รู้ว่าอันที่จริงนางรู้ว่าตนเป็นใครเพียงแต่เหมือนกับพวกคนหัวสูงในเมืองหลวงแดนเทพ นางก็ดูถูกตนที่เป็นบุตรชายที่มิได้เรื่องของตระกูลเย่เช่นกันเสด็จย่าของหลงเพ่ยเพ่ยยังคงดูสดใสร่าเริง อายุหกสิบกว่าปีแล้วแต่ใบหน้ายังคงเปล่งปลั่งมีน้ำมีนวล แทบจะไม่มีริ้วรอยเลยฮองเฮาได้ยินคำพูดของท่านหญิงชิงเฉิงก็มองมาอย่างสงสัย พินิจพิจารณาเย่หรง แล้วกล่าวพล
สิ่งที่เย่หรงคิด หลงเพ่ยเพ่ยก็คิดถึงเช่นกัน นางกล่าวกับเย่หรงอย่างขัดแย้งในใจ“เจ้าคิดจะบอกเรื่องที่เฉาฮุยยังมีชีวิตอยู่ให้พี่หญิงอวิ๋นฟังรึ?”“แต่เช่นนี้ก็มิยุติธรรมกับพี่เขยหยวน เขาและพี่หญิงอวิ๋นก็มีลูกชายด้วยกันอีกคนแล้ว หากบอกพี่หญิงอวิ๋นว่าเฉาฮุยยังมีชีวิตอยู่ จะเป็นการทำลายครอบครัวของพวกเขาเสียเปล่า!”“ข้ามิชอบที่ชายาเจ้าแห่งทะเลทำกับเฉาฮุยเช่นนี้ แต่พี่เขยหยวนและหลานชายตัวน้อยของข้าเป็นผู้บริสุทธิ์!”“อีกอย่าง พี่เขยหยวนก็ดีต่อพี่หญิงอวิ๋นมาก ก่อนหน้านี้ข้ายังอิจฉาพี่หญิงอวิ๋นที่ได้ลงเอยกับคนที่ดี!”เย่หรงยิ้มเย็นชา “เช่นนั้นยุติธรรมกับเฉาฮุยแล้วหรือ? เขายังมีบิดามารดาที่ต้องกตัญญูเลี้ยงดู ท่านหญิงอวิ๋นมิช่วยเขาออกมา แล้วจะมีใครช่วยเขาได้อีก?”“ชั่วชีวิตของเขาจะต้องอยู่ในคุกน้ำไปตลอดหรือ? นี่มันโหดร้ายยิ่งกว่าการฆ่าเขาทิ้งเสียอีก!”หลงเพ่ยเพ่ยพูดมิออกเดิมทีเฉาฮุยมีอนาคตที่สดใส เพียงเพราะรักใคร่กับท่านหญิงอวิ๋น ถึงต้องตกอยู่ในชะตากรรมอันน่าเศร้าเช่นนี้มิอาจกตัญญูเลี้ยงดูบิดามารดาได้ บุตรชายก็มากลายเป็นของผู้อื่น การที่เขาสามารถทนอยู่ต่อไปในคุกน้ำได้ คาดว่าคงเพราะยังมี
ชีวิตนี้หาสหายรู้ใจได้ยากนัก!หลงเพ่ยเพ่ยยิ้ม นางก็รู้สึกว่าตนกับเย่หรงพูดคุยสื่อสารกันง่ายเช่นกันเย่หรงฉลาด ที่สำคัญที่สุดคือมิใช่บุรุษประเภทหัวโบราณคร่ำครึ มิเหมือนพวกพี่สามที่เอะอะก็วางตนเป็นผู้ใหญ่สั่งสอนนางเฮ้อ หากสามีในอนาคตของนางสามารถพูดคุยกันได้เหมือนเย่หรง เช่นนั้นสามีภรรยาจะมิรักใคร่กลมเกลียวกันมากหรอกหรือ?หลงเพ่ยเพ่ยคิดแล้วพลันหน้าแดงเรื่อ นี่นางกำลังคิดฟุ้งซ่านอะไรอยู่!“พวกเรามาคิดกันก่อนดีกว่าว่าอีกประเดี๋ยวหากพบเสด็จย่าแล้วจะทำอย่างไรดี!”หลงเพ่ยเพ่ยมิกล้าคิดฟุ้งซ่านต่อไป รีบเปลี่ยนเรื่องคุย“ท่านกังวลว่าท่านหญิงชิงเฉิงและท่านหญิงอวิ๋นจะก่อกวนหรือ?”เย่หรงก็ดึงความคิดกลับมา พวกเขาใกล้จะถึงภูเขาศักดิ์สิทธิ์แล้ว ต้องคิดหาข้ออ้างให้ดี“อืม ท่านหญิงชิงเฉิงมิใช่คนประเภทที่จะเจรจาด้วยง่าย ๆ ท่านหญิงอวิ๋นยังพอคุยง่ายอยู่บ้าง แต่ในเมื่อพวกนางรับคำสั่งจากชายาเจ้าแห่งทะเลมาเพื่อถ่วงเวลาเสด็จย่า ย่อมมิยอมให้ข้าบรรลุเป้าหมายแน่!”หลงเพ่ยเพ่ยเผยสีหน้าอมทุกข์เย่หรงพลันนึกถึงข่าวลือเกี่ยวกับท่านหญิงอวิ๋นขึ้นมา แม้ท่านหญิงอวิ๋นจะเป็นธิดาแท้ ๆ ของชายาเจ้าแห่งทะเล แต่ช่วงห
“โอ้ ใต้หล้านั้นแตกต่างจากใต้หล้าของพวกเราหรือ?”หลงเพ่ยเพ่ยถูกเย่หรงกระตุ้นความอยากรู้ จึงจ้องมองพลางถาม“อืม บ้านเรือนที่นั่นสูงเท่าภูเขา สูงที่สุดอาจถึงร้อยชั้นได้ ทั้งยังมีรถมากมายที่มิต้องใช้ม้าลาก วิ่งได้เร็วมาก!”เย่หรงเล่าให้หลงเพ่ยเพ่ยฟังไปเรื่อย ๆเมื่อพูดถึงเครื่องบินก็ทำให้หลงเพ่ยเพ่ยเบิกตากว้าง นางมองเย่หรงอย่างงง ๆ “เจ้าโกหกกระมัง จะมีเครื่องมือที่สามารถบรรทุกคนขึ้นไปบนฟ้าได้อย่างไร!”“มีจริง ๆ ข้ามิได้โกหกท่าน พี่หญิงหลิงหลิงจำได้มากกว่าข้าเสียอีก รอมีโอกาสให้นางเล่าให้ท่านฟัง ท่านก็จะเชื่อว่าข้ามิได้โกหกท่าน!”เย่หรงเริ่มตื่นเต้น “ท่านหญิง ท่านปู่มิได้บอกหรือว่าคันฉ่องคุนหลุนของตงกู่อวี้สามารถพลิกฟ้าคว่ำปฐพีได้?”“หากพวกเราได้คันฉ่องคุนหลุนมา มิต้องรอเวียนว่ายตายเกิด ข้าจะพาท่านไปดูใต้หล้านั้น! ท่านจะต้องชอบใต้หล้านั้นอย่างแน่นอน!”เย่หรงพูดจนหลงเพ่ยเพ่ยใจเต้นระรัว นางกล่าวออกไปโดยมิต้องคิด “ได้ เช่นนั้นรอพวกเราช่วยแดนเทพผ่านพ้นภัยพิบัติครั้งนี้ไปได้ พวกเราหาคันฉ่องคุนหลุนเจอแล้วก็ไปด้วยกัน ไปดูใต้หล้าที่เจ้าพูดถึงกัน!”“ตกลงตามนี้!”เย่หรงยกมือขึ้น หลงเพ่ยเพ่
คนหนึ่งคือคนที่ตนรัก อีกคนคือสหายที่ดีที่สุดของตน!แต่พวกเขากลับร่วมมือกันหลอกลวงตน!หยางหงหนิงหันหลังเดินออกไปด้วยใบหน้าบึ้งตึง นางจะมิปล่อยชายชั่วหญิงโฉดคู่นี้ไปแน่!สิ่งที่นางมิได้มาครอบครอง ยอมทำลายทิ้งเสียดีกว่ายอมให้คนอื่นได้ไป!หยางหงหนิงกลับไปที่รถม้าของตน เค้นเสียงลอดไรฟันออกมาคำหนึ่ง “ไปภูเขาศักดิ์สิทธิ์!”ด้านหน้า เย่หรงและหลงเพ่ยเพ่ยต่างก็ร้อนใจดั่งไฟเผา ฮองเฮาเสด็จไปสองชั่วยามแล้ว พวกเขาจะตามทันพระนางหรือ?อีกทั้งต่อให้ตามทัน มีท่านหญิงชิงเฉิงและท่านหญิงอวิ๋นอยู่ พวกนางต้องช่วยชายาเจ้าแห่งทะเลขัดขวางมิให้ฮองเฮาเรียกตัวหลิงอวี๋เข้าเฝ้าแน่“ท่านหญิง พวกเราจะไปทันหรือไม่? ชายาเจ้าแห่งทะเลจะลงมือกับพี่หญิงหลิงหลิงแล้วหรือไม่?”เย่หรงถามอย่างร้อนรนหลงเพ่ยเพ่ยก็ร้อนใจเช่นกัน หลิงอวี๋ยังรอให้นางช่วยชีวิตอยู่ แต่นางก็มิรู้ว่าจะสามารถทูลขอพระราชโองการจากฮองเฮาได้สำเร็จหรือไม่“พวกเราพยายามเต็มที่เถอะ! ขอเพียงตามเสด็จย่าทัน ต่อให้ข้าต้องคุกเข่าอ้อนวอนก็ต้องให้นางพาพี่หญิงหลิงหลิงออกมาให้ได้!”หลงเพ่ยเพ่ยกล่าวปลอบใจเย่หรงเห็นหลงเพ่ยเพ่ยวิ่งวุ่นไปทั่วกับตนก็นับว่าพยายามเ
รองแม่ทัพจางยังคงกล่าวพลางยิ้มแย้ม “ท่านหญิงฉางเล่อมามิถูกจังหวะ วันนี้ฮองเฮาพร้อมด้วยท่านหญิงชิงเฉิงและท่านหญิงอวิ๋นพาคุณชายน้อยทั้งหลายเสด็จไปชมดอกไม้ที่ภูเขาศักดิ์สิทธิ์พ่ะย่ะค่ะ!”ว่ากระไรนะ?หลงเพ่ยเพ่ยนิ่งอึ้งไป ท่านหญิงชิงเฉิงและท่านหญิงอวิ๋นล้วนเป็นธิดาของเจ้าแห่งทะเล และเป็นลูกพี่ลูกน้องของหลงเพ่ยเพ่ยด้วยเหตุใดพวกนางถึงมิไปชมดอกไม้ตั้งแต่ก่อนหน้านี้เล่า แต่กลับเลือกไปชมดอกไม้ในตอนที่ตนต้องการความช่วยเหลือจากเสด็จย่าพอดีนี่น่ะหรือ?“ไปนานเท่าใดแล้ว?”หลงเพ่ยเพ่ยสงสัยว่านี่เป็นการจัดฉากโดยเจตนาของชายาเจ้าแห่งทะเล“สองชั่วยามแล้วพ่ะย่ะค่ะ ตอนนี้น่าจะอยู่ในภูเขาศักดิ์สิทธิ์แล้วขอรับ!”รองแม่ทัพจางกล่าวพลางยิ้มหลงเพ่ยเพ่ยอยากจะชกหน้ายิ้ม ๆ ของรองแม่ทัพจางเสียสักหมัด เหตุใดนางมองรอยยิ้มของรองแม่ทัพจางแล้วเหมือนกำลังสมน้ำหน้าตนอยู่เลยเล่า“เจ้ามิได้หลอกข้าใช่หรือไม่?”หลงเพ่ยเพ่ยถามเสียงเย็นรองแม่ทัพจางกล่าวพลางยิ้ม “ท่านหญิงฉางเล่อพูดเล่นแล้ว ไหนเลยข้าน้อยจะกล้าหลอกท่านหญิง! หากมิเชื่อท่านลองถามใครดูก็ได้ว่าที่ข้าน้อยพูดเป็นเรื่องจริงหรือไม่!”“หากท่านหญิงมีธุระด่วนจร