เสียงของขันทีโม่นั้นอ่อนโยนราวกับการสะกดจิต ทำให้หลิงอวี๋ยอมหายใจเข้าออกตามเสียงของเขาโดยมิรู้ตัวเวลาผ่านไปทีละน้อย หลิงอวี๋ดูเหมือนมิรู้สึกขาดอากาศหายใจอีกต่อไปแล้ว ความเจ็บปวดจากการถูกพันธนาการทั่วร่างกายก็ค่อย ๆ เลือนหายตามไปด้วยสายตาของนางมีเพียงขันทีโม่ หูของนางได้ยินเพียงเสียงของขันทีโม่เช่นกันหลิงอวี๋มิรู้ตัวเลยว่า ร่างกายของนางค่อย ๆ ลอยขึ้นจากพื้น ปลายเท้าห่างจากพื้นประมาณหนึ่งเมตรร่างกายของนางเปล่งแสงสีเหลืองอ่อน แสงนี้สลัวรางอย่างยิ่งแต่ก็เพียงพอให้ขันทีโม่ได้มองเห็น“หายใจต่อไป”ขันทีโม่แนะนำหลิงอวี๋ หลิงอวี๋ทำตามโดยมิรู้ตัวมิรู้ว่าผ่านไปนานเท่าใด ขันทีโม่ก็โบกมือหนึ่งครั้ง หลิงอวี๋ถึงค่อย ๆ หย่อนตัวลงมาถึงพื้นนางรู้สึกว่า ร่างกายของนางเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังงาน ความหนักอึ้งตามเนื้อตัวผ่อนเบาลงมาก นางมองไปที่ขันทีโม่ด้วยความประหลาดใจ เมื่อครู่เขาเพิ่งสอนวิธีเพิ่มพลังวิญญาณให้กับนางใช่หรือไม่?“พื้นฐานดี แต่ว่าวิธีที่เจ้าฝึกก่อนหน้านี้มิถูกต้อง หากเจ้าฝึกฝนตามวิธีของข้า ด้วยพรสวรรค์ของเจ้าแล้ว วรยุทธจะก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว”ขันทีโม่หยิบสมุดเก่า ๆ ออกมาจากอกเสื้อ
ข่าวคราวเรื่องที่อ๋องอี้จะอภิเษกสมรสกับฉินรั่วซือในฐานะชายารองได้แพร่กระจายไปทั่วหมู่ขุนนางในเมืองหลวงอีกครั้งคราวนี้แม้แต่เผยอวี้และอันเจ๋อก็ได้รับข่าวสาร ทั้งสองยังมิเชื่อหูตนเองครั้งก่อนที่เผยอวี้เดินทางไปยังเมืองเว่ยโจวก็ได้พบกับฉินรั่วซือ เขามิพึงใจสตรีที่เห็นแก่ลาภยศสรรเสริญเป็นใหญ่เช่นนี้เป็นอย่างมากเขามิเชื่อว่าเซียวหลินเทียนจะหลงใหลได้ปลื้มในตัวฉินรั่วซืออันเจ๋อก็มิเชื่อเช่นกัน ทั้งสองจึงนัดหมายกันไปยังตำหนักอ๋องอี้เพื่อสืบหาความจริงแต่เมื่อไปถึงตำหนักอ๋องอี้กลับมิพบเซียวหลินเทียน องครักษ์เฝ้าประตูแจ้งว่า เซียวหลินเทียนได้พาฉินรั่วซือออกไปซื้อเครื่องประดับสำหรับงานอภิเษกสมรสแล้วองครักษ์เฝ้าประตูยืนอยู่ฝั่งเดียวกับหลิงอวี๋ เอ่ยด้วยเสียงแผ่วเบาว่า “แม่ทัพเผย รัฐทายาทอัน ท่านทั้งสองอย่าได้ตามหาท่านอ๋องเลย เรื่องนี้เห็นทีคงเปลี่ยนแปลงใด ๆ มิได้แล้ว!”“แม้แต่พระชายาอ๋องอี้ก็โกรธมาก เข้าวังไปฟ้องร้องต่อไทเฮา แต่ก็มิอาจทำให้ท่านอ๋องเปลี่ยนพระทัยได้!”“เมื่อคืนนี้ พระชายาอ๋องอี้ก็มิได้กลับมาที่ตำหนัก คาดว่าครั้งนี้คงตั้งใจแน่วแน่ที่จะหย่ากับท่านอ๋องแล้วขอรับ!”อันเจ๋อแล
ใช้คุณไสย?อันเจ๋อและเผยอวี้เบิกตากว้างด้วยความตกใจจ้าวซวนกล่าวอย่างรีบร้อนว่า “ฉินรั่วซือพาบ่าวรับใช้ที่รู้วรยุทธสิบกว่าคนเข้ามาในตำหนักอ๋องอี้ พระชายาอ๋องอี้ทราบเรื่องนี้แล้วเช่นกัน!”“รัฐทายาทอัน แม่ทัพเผย ข้าถูกคนของพวกเขาลอบสังเกตอยู่ เกรงว่าคงช่วยเหลือพระชายาอ๋องอี้ได้เพียงเท่านี้!”“ข้ามิรู้ว่าจะมีโอกาสได้พบกับท่านทั้งสองอีกหรือไม่ หากมีเรื่องใดให้ปรึกษา ก็โปรดไปหารือกับพระชายาอ๋องอี้โดยตรงเถิดขอรับ!”“ส่วนท่านอ๋องอี้ ข้าจะพยายามปกป้องความปลอดภัยของเขาให้ดีที่สุดขอรับ!”อันเจ๋อรู้สึกเป็นห่วงเซียวหลินเทียนอย่างมาก สถานการณ์ของจ้าวซวนก็มิปลอดภัยเช่นกัน ใครจะรู้ว่าเซียวหลินเทียนจะลงมือกับจ้าวซวนภายใต้อิทธิพลของฉินรั่วซือหรือไม่?“ท่านทั้งสองก็ต้องระมัดระวังความปลอดภัยของตนเองด้วย หากสถานการณ์มิสู้ดี ก็อย่าได้พะวงต่อเซียวหลินเทียน รีบหนีออกมาเสีย!”เผยอวี้สั่ง “หากเซียวหลินเทียนฟื้นคืนสติ ก็คงจะเห็นด้วยกับข้า!”จ้าวซวนยิ้มอย่างขมขื่น “จะหนีไปได้อย่างไรเล่า นั่นมิเท่ากับปล่อยให้ท่านอ๋องอี้เผชิญกับอันตรายเพียงลำพังหรือขอรับ? เมื่อเราเลือกจะติดตามท่านอ๋องอี้แล้วก็ต้องร่วมทุกข
ฉินซานไม่มีความรู้สึกยินดีใด ๆ กับเรื่องมงคลในบ้านเลย เมื่อเห็นของหมั้นมากมายที่อ๋องอี้ส่งมา ก็มีเพียงความรู้สึกอึดอัดใจเท่านั้นเกี่ยวกับเรื่องที่ฉินรั่วซือได้เข้าไปในตำหนักอ๋องอี้ เขาก็ได้เล่าให้มารดาฟังแล้วเมื่อฮูหยินฉินฟังจบก็ตกใจมาก นางเองก็มิสามารถจินตนาการได้ว่า เพราะเหตุใดฉินรั่วซือถึงสามารถครอบครองหัวใจของเซียวหลินเทียนได้อย่างรวดเร็วเช่นนี้เมื่อได้ยินฉินซานกล่าวว่า หลิงอวี๋สงสัยว่าฉินรั่วซือลอบติดต่อกับสายลับของฉีตะวันออก และได้วางยาเซียวหลินเทียน ใบหน้าของฮูหยินฉินก็ซีดเผือด“หญิงชั่วช้าคนนี้...”ฮูหยินฉินโกรธจนตัวสั่น ความกลัว ความเจ็บปวด และความกังวล หลากหลายอารมณ์ถาโถมเข้ามา นางถามด้วยเสียงสั่นเครือ“ซานเอ๋อร์ นี่มีการเข้าใจผิดเกิดขึ้นหรือไม่ รั่วซือจะกล้าทำเช่นนั้นได้อย่างไร?”“นางมักจะหลงใหลในความร่ำรวยและเกียรติยศอยู่เสมอก็จริง แต่จะอาจหาญถึงขั้นลอบติดต่อกับศัตรูเลยเชียวหรือ?”ฉินซานกล่าวด้วยความเจ็บปวด “ท่านแม่ หลิงอวี๋มิใช่ผู้ที่ชอบกล่าวหาลอย ๆ ในเมื่อนางกล้าพูดเช่นนี้ แสดงว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องจริงถึงแปดส่วน”“ยิ่งไปกว่านั้น ข้ารู้จักอ๋องอี้ดี เขาไม่มีวัน
เวลาผ่านไปทีละวัน...ตำหนักอ๋องอี้ประดับประดาไปด้วยโคมไฟและผ้าสีสันสดใส เพื่อเตรียมการให้พร้อมสำหรับห้องหอส่วนเรือนบุหงานั้นแทบไม่มีผู้คนอยู่แล้ว หลิงซวน เถาจื่อ และหลิงอวี๋ต่างก็ย้ายไปอาศัยอยู่ในวังหลวงแม่นมหลี่และฉีเต๋อก็ย้ายไปอาศัยอยู่ในจวนเสนาบดีเจิ้นหย่วนพร้อมกับขันทีเซี่ยตั้งแต่วันนั้นหานเหมยและหานอวี้ที่อยู่เฝ้าเรือนถูกฉินรั่วซือกลั่นแกล้งไปครั้งหนึ่ง จึงอาศัยความมืดหลบหนีออกมาจากตำหนักอ๋องอี้ตามคำสั่งของหลิงอวี๋เรือนบุหงาที่เคยคึกคักแต่เดิมกลับกลายเป็นเรือนที่เงียบเหงาว่างเปล่าก่อนที่ฉินรั่วซือจะยุยงให้เซียวหลินเทียนจัดสรรให้บ่าวรับใช้ที่นางพาเข้ามาไปอาศัยอยู่ในเรือนบุหงาแทน จ้าวซวนก็ขออนุญาตจากเซียวหลินเทียน พาองครักษ์กลุ่มหนึ่งเข้าไปอยู่จ้าวซวนกลัวว่า ฉินรั่วซือจะทำลายเรือนบุหงาทิ้งเสีย จึงจงใจทำเช่นนี้ฉินรั่วซือคิดทบทวนอยู่หลายครั้ง นางมิสามารถเปลี่ยนองครักษ์ทั้งหมดที่อยู่ข้างกายเซียวหลินเทียนได้ในทันที จึงต้องล้มเลิกความคิดนี้ไปขุนนางหลายคนในเมืองหลวงได้รับจดหมายเชิญจากอ๋องอี้ หลายคนรอคอยวันอภิเษกสมรสเพื่อไปชมความคึกคักในตำหนักอ๋องอี้ส่วนจักรพรรดิอู่อันได
ครั้งหนึ่งเมื่อองค์หญิงใหญ่ออกจากเมืองหลวง นางเคยปฏิญาณว่าในชีวิตนี้นางจะกลับเข้าสู่ตำหนักกระดิ่งทองอีกครั้ง และจะขึ้นไปนั่งบนบัลลังก์นั้นให้ได้!คราวนี้ นางจะทำให้ความฝันของตนเป็นจริง!องค์หญิงใหญ่เดินทางไปยังสุสานหลวงพร้อมด้วยเฮ่อหรงองค์ชายเว่ยรั้งอยู่เพื่อเฝ้ายาม ณ สุสานหลวง ทั้งยังถูกจักรพรรดิอู่อันลงอาญาเฆี่ยนตีสามสิบครั้งต่อหน้าธารกำนัล นับตั้งแต่วันที่ฮองเฮาเว่ยวางแผนใส่ร้ายองค์ชายจิ้นในงานอภิเษกสมรสของเฮ่อหรงการเฆี่ยนตีสามสิบครั้งนี้มิได้ทำให้องค์ชายเว่ยสำนึกผิด หากแต่ยิ่งกระตุ้นให้เขาทวีความโกรธเกรี้ยวชายาเอกของเขาถูกคนของจักรพรรดิอู่อันส่งกลับไปยังตำหนักองค์ชายเว่ยเมื่อไม่มีผู้ใดคอยปรนนิบัติ ซ้ำร้ายแผลจากการถูกเฆี่ยนยังเจ็บปวดเสียจนมิอาจนอนได้ องค์ชายเว่ยก็ยิ่งโกรธเกรี้ยวมากขึ้นทุกวันวันหนึ่ง ข้ารับใช้เข้ามารายงานว่า องค์ชายหนิงมาเยี่ยมพร้อมกับเซี่ยโฮ่วตานรั่วองค์ชายเว่ยตกใจ เขาสูญเสียอำนาจไปแล้ว ทรัพย์สมบัติส่วนใหญ่ถูกจักรพรรดิอู่อันยึดไป หากองค์ชายหนิงประสงค์จะผูกสัมพันธ์ ควรจะไปสวามิภักดิ์ต่อเซียวหลินเทียนและองค์ชายคังที่ยังมีอำนาจดีกว่า แต่เหตุใดจึงมาสวามิภั
กล้าหรือไม่?แน่นอนว่าคือการกบฏ!องค์ชายเว่ยเบิกตากว้างด้วยความตกใจ มององค์ชายหนิงด้วยความมิเชื่อพี่น้องคู่นี้กำลังชักชวนให้เขาก่อกบฏ และชิงบัลลังก์จากเสด็จพ่ออย่างนั้นหรือ?จิตใจขององค์ชายเว่ยเต้นระรัว เขา… ทำได้ด้วยหรือ?“องค์ชายเว่ย เจ้าอายุเท่าใดแล้ว?”องค์ชายหนิงคลี่ยิ้ม “ในงานประลองครั้งนี้ เจ้าคงเห็นแล้วว่า ตนเองมิสามารถเทียบเคียงกับอ๋องอี้ได้เลย”“แม้ว่าองค์จักรพรรดิจะมองเห็นความดีของเจ้า และแต่งตั้งให้เจ้าเป็นรัชทายาท แต่เสด็จพ่อของเจ้ายังมีพระพลานามัยแข็งแรง เจ้าจะต้องรออีกนานเท่าใดกว่าจะได้ขึ้นครองราชย์กัน!”“เจ้ายินยอมให้ตระกูลเว่ย ตระกูลเฮ่อ และอำนาจในมือถูกองค์จักรพรรดิลิดรอนไปทีละน้อย จนในที่สุดก็กลายเป็นจักรพรรดิที่ไร้ความสามารถน่ะหรือ?”เซี่ยโฮ่วตานรั่วกล่าวเยาะหยัน “ข้าเป็นเพียงสตรี แต่ยังมิสามารถทนได้หากต้องอยู่ภายใต้อำนาจของผู้อื่น และถูกผู้อื่นเฆี่ยนตีได้ตามใจชอบ แต่ท่านเป็นถึงองค์ชาย จะยินยอมให้ชะตากรรมของตนตกอยู่ในมือของผู้อื่นได้เยี่ยงไร?”“องค์ชายเว่ย ผู้ที่ทำการใหญ่มิควรลังเล เมื่อโอกาสมาถึงก็ควรรีบคว้าไว้ จงจำเอาไว้ว่า โอกาสมีเพียงครั้งเดียว หากพลา
หากถ้อยคำก่อนหน้านี้ขององค์ชายหนิงทำให้องค์ชายเว่ยหวั่นไหวไปห้าส่วน ถ้อยคำในตอนนี้ก็ทำให้ความหวั่นไหวในใจขององค์ชายเว่ยพุ่งสูงขึ้นไปถึงแปดส่วนแล้วหัวใจของเขาเต้นแรงอย่างควบคุมมิได้อีกครั้งนี่คือโอกาสที่ดีที่สุดอย่างแท้จริง!หากโอกาสนี้ตกไปอยู่ที่องค์ชายคัง องค์ชายคังจะประสบความสำเร็จอย่างแน่นอน!แต่หากตกมาอยู่ที่ตัวเขาเองเล่า?เมื่อนึกถึงความสามารถของตนในตอนนี้ องค์ชายเว่ยก็อดตั้งคำถามด้วยความมิมั่นใจมิได้ว่า “เหตุใดเจ้าถึงเลือกให้ข้าร่วมมือด้วยเล่า? หากเจ้าสามารถช่วยหนุนหลังองค์ชายคังขึ้นสู่ตำแหน่งดังกล่าวได้จริง และให้เขาหย่าขาดจากจ้าวเจินเจิน เขาก็อาจยินดีจะทำเช่นนั้น!”องค์ชายหนิงหัวเราะเบา ๆ กล่าวว่า “องค์ชายคังไม่มีค่ายกองทหารเสือ... หากต้องการยึดตำแหน่งนี้ไว้ให้ได้อย่างราบรื่น ก็จำเป็นต้องได้รับความร่วมมือจากค่ายกองทหารเสือ!”“ดังนั้น ข้าจึงคิดทบทวนมาดีแล้วว่า องค์ชายเว่ยเหมาะสมที่สุด!”เมื่อได้ยินเช่นนั้น ความมั่นใจขององค์ชายเว่ยก็เพิ่มขึ้นอีกเล็กน้อยองค์ชายหนิงพูดถูก ค่ายกองทหารเสือของจักรพรรดิอู่อันคืออุปสรรคที่ใหญ่หลวงที่สุดในการก่อกบฏหากองค์ชายคังก่อกบฏ ค่ายกอ
“หึหึ!”ชายาเจ้าแห่งทะเลหัวเราะออกมา “หลิงอวี๋ เจ้าคิดว่าข้าโง่รึ? หยกหล้าสุขาวดีหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับเจ้าแล้ว ค้นตัวเจ้าจะหาเจอได้อย่างไร?”“หลิงอวี๋ หยกหล้าสุขาวดีมิใช่ของของเจ้าตั้งแต่แรก มารดาเจ้าเป็นนางโจร ขโมยมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์ของจวนเจ้าแห่งทะเลไป การให้เจ้าคืนมาก็แค่เป็นการคืนของสู่เจ้าของเดิม!”“ข้าสืบรู้มาหมดแล้ว เจ้าและเซียวหลินเทียนสามีของเจ้าต่างก็อยู่ในเมืองหลวงแดนเทพ เจ้ายังมีบุตรชายอีกคนที่ฉินตะวันตก!”“หลิงอวี๋ ที่เจ้าปฏิเสธมิยอมรับฐานะของตนเองมาตลอด คงเป็นเพราะล่วงรู้ถึงวิธีที่จะนำหยกหล้าสุขาวดีออกมาแล้วสินะ”“เจ้าคิดว่าอย่างไรก็ต้องตายอยู่ดี ดังนั้นเจ้าจึงคิดว่า ขอเพียงมิยอมรับก็เป็นไปมิได้ที่พวกเราจะมัดตัวเจ้าไปสลายเลือดละลายกระดูกที่ภูเขาศักดิ์สิทธิ์เพื่อนำหยกหล้าสุขาวดีออกมา!”ชายาเจ้าแห่งทะเลพูดถึงตรงนี้ก็แค่นเสียงหัวเราะ “เจ้าเชื่อหรือไม่ ข้ามิจำเป็นต้องพิสูจน์ยืนยัน ก็สามารถมัดตัวเจ้าไปภูเขาศักดิ์สิทธิ์ได้แล้ว!”“ที่ข้าให้คนนำตัวเจ้ามาที่จวนเจ้าแห่งทะเล ก็เพื่อจะให้โอกาสเจ้า!”หลิงอวี๋หรือจะยอมรับฐานะของตนเพียงเพราะชายาเจ้าแห่งทะเลพูดเช่นนี้ได้อย่าง
“เข้าไป อย่าให้พ่อบ้านผู้นี้ต้องพูดเป็นครั้งที่สอง!”รอยยิ้มบนใบหน้าของพ่อบ้านเว่ยหายไปสิ้น กล่าวอย่างมิอดทน “เมื่อให้โอกาสดี ๆ มิชอบ ก็ต้องเจอดีเสียบ้าง!”เถาจื่อกำแขนหลิงอวี๋ไว้แน่น และถามผ่านสายตา“ตอนนี้ควรทำอย่างไรดีเจ้าคะ?”หลิงอวี๋ก็คาดมิถึงว่าจวนเจ้าแห่งทะเลจะเปลี่ยนท่าทีเร็วถึงเพียงนี้ ก่อนหน้านี้นางยังคิดว่า เมื่อเข้ามาในจวนเจ้าแห่งทะเลแล้วจะสามารถยื้อเวลาสักพักได้ชายาเจ้าแห่งทะเลมิปรากฏตัว แต่กลับให้พ่อบ้านเว่ยพาตนมาที่นี่เช่นนี้เลย?นี่หมายความว่าอย่างไรกัน?คิดจะขังนางไว้ หรือว่ามีแผนอื่นกระไร?หลิงอวี๋มองไปยังท่าทีมีเจตนาร้ายของพวกพลธนูและชายร่างใหญ่หลายคนที่ยืนอยู่ข้าง ๆ เหล่านั้น นางและเถาจื่อไม่มีทางหนีรอดจากเงื้อมมือของพวกเขาไปได้เลย“เข้าไปก่อนเถอะ!”หลิงอวี๋นำหน้าเดินเข้าไป เถาจื่อตามติดอยู่ข้างหลังหลิงอวี๋เพิ่งจะก้าวเท้าเข้าประตูเรือน เมื่อเห็นสภาพข้างในก็รู้สึกว่ามิดีแน่ เพิ่งจะคิดถอยหลังเถาจื่อกลับถูกคนผลักจากด้านหลังอย่างแรง ชนเข้ากับร่างหลิงอวี๋จนดันหลิงอวี๋เข้าไปข้างในทั้งสองคนล้มลงไปกองรวมกัน ยังมิทันได้ลุกขึ้นยืนก็ได้ยินเสียงดังโครมสนั่นกล
หลงเพ่ยเพ่ยห้อยอยู่บนชะง่อนผานั้น นางเองก็ทนต่อไปมิไหวแล้ว ภายใต้การเกลี้ยกล่อมของทุกคน นางจึงปีนป่ายเชือกขึ้นไปนางนึกถึงจุดประสงค์ที่ตนมาที่นี่ หากเย่หรงตายไปแล้วจริง ๆ เขาย่อมหวังให้นางช่วยหลิงอวี๋ออกมาได้อย่างแน่นอนนางมิอาจทำให้เย่หรงตายตามิหลับได้!เมื่อหลงเพ่ยเพ่ยปีนขึ้นมาได้ก็มิสนใจตรวจสอบบาดแผลของตน นางคุกเข่าลงต่อหน้าฮองเฮาทันทีนางกล่าวเสียงเครือ “เสด็จย่า เรื่องที่ทรงรับปากหม่อมฉันเมื่อครู่ สามารถประทานพระราชโองการให้หม่อมฉันตอนนี้ได้หรือไม่เพคะ?”“เมื่อครู่เย่หรงช่วยชีวิตหม่อมฉันและหยวนซานไว้ เพียงเห็นแก่บุญคุณทั้งสองครั้งนี้ เสด็จย่าทรงควรจะช่วยให้เขาสมหวังนะเพคะ!”ฮองเฮานึกถึงเรื่องที่เย่หรงและหลงเพ่ยเพ่ยอ้อนวอนตนเมื่อครู่ เย่หรงเป็นถึงเพียงนี้แล้ว นางจะยังทำให้คนที่เขาชอบพอลำบากใจได้อีกหรือ?ฮองเฮาถอดปิ่นปักผมอันหนึ่งของตนออกมาโดยมิทันคิด แล้วยื่นให้กับหลงเพ่ยเพ่ย“ถือปิ่นปักผมนี้ไปพาตัวสิงอวี๋ออกมาเถอะ!”หลงเพ่ยเพ่ยรับปิ่นปักผมหงส์คู่ปักทองคำของฮองเฮามาทั้งน้ำตา นี่คือปิ่นปักผมที่ฮองเฮาเท่านั้นจึงจะสวมใส่ได้ เห็นปิ่นดังเห็นองค์ เทียบเท่ากับพระราชโองการของฮองเฮ
“ท่านหญิง...”“เพ่ยเพ่ย...”ฮองเฮาเห็นหลงเพ่ยเพ่ยตกลงไปก็ตกใจจนหัวใจแทบหยุดเต้นไปชั่วขณะ ผานกกระเรียนแห่งนี้เป็นปรปักษ์กับราชวงศ์หรืออย่างไร?เหตุใดถึงได้ตกลงไปทีละคนเช่นนี้?“เร็วเข้า ช่วยคน!”ฮองเฮาตะโกนลั่น นางกำนัลที่มีไหวพริบรีบไปตามองครักษ์มาช่วยทางด้านเย่หรงทรงตัวได้มั่นคงบนชะง่อนผาแล้ว เขาเพิ่งจะถอนหายใจโล่งอกก็ได้ยินเสียงกรีดร้องจากด้านบนเมื่อเงยหน้าขึ้น เขาก็เห็นหลงเพ่ยเพ่ยกำลังร่วงหล่นลงมาหัวใจของเย่หรงหดเกร็งวูบ มิทันได้คิด คว้าเถาวัลย์ข้าง ๆ แล้วโหนตัวไปหาหลงเพ่ยเพ่ยหลงเพ่ยเพ่ยตกใจจนหลับตาลงแล้ว เตรียมพร้อมยอมรับความตายแต่ทันใดนั้นก็รู้สึกเหมือนตนชนเข้ากับคนผู้หนึ่ง จากนั้นร่างก็ถูกกอดไว้“ไปทางนั้น เร็วเข้า คว้าชะง่อนผานั่นไว้!”เย่หรงพลิกตัวกลางอากาศ เหวี่ยงหลงเพ่ยเพ่ยไปทางนั้น หลงเพ่ยเพ่ยพุ่งเข้าใส่ผนังผา แต่ใช้แรงมากเกินไปจนใบหน้าชนกับผนังผาจนถลอก นางเจ็บเสียจนหน้ามืดตาลายแต่นางมิสนใจความเจ็บปวดแทบขาดใจ เช่นเดียวกันกับเย่หรง เขาพยายามสุดชีวิตที่จะคว้าเถาวัลย์เหล่านั้นไว้โชคดีที่เถาวัลย์ฝั่งนี้ยังพันเกี่ยวกับกิ่งไม้มากมาย เถาวัลย์ที่พันกิ่งไม้ไว้นั้
“ซานเอ๋อร์!”หลงอวิ๋นก็เห็นภาพนี้เช่นกัน ทันใดนั้นในสมองก็ว่างเปล่า…ในฐานะมารดา นางจะมิรู้ได้อย่างไรว่าตนลำเอียงต่อบุตรชายทั้งสองคนหยวนซือและหยวนซานป่วยไข้พร้อมกัน นางกลับเฝ้าหยวนซือทั้งวันทั้งคืนส่วนหยวนซานกลับเป็นหยวนซิ่งสามีของนางที่คอยดูแลด้วยตนเองของประทานที่ได้รับจากมหาเทพและเจ้าแห่งทะเลผู้เป็นบิดาในช่วงเทศกาลปีใหม่และวันสำคัญต่าง ๆ นางก็จะให้หยวนซือเลือกก่อน ที่เหลือถึงจะให้หยวนซานเรื่องเช่นนี้นับมิถ้วน แต่หยวนซานกลับถูกหยวนซิ่งบิดาของเขาสั่งสอนมาอย่างดี มิเคยบ่นว่าเรื่องความลำเอียงของนางเลย!บัดนี้มองดูหยวนซานกำลังจะตกหน้าผา หลงอวิ๋นในฐานะมารดาจะสามารถมองดูเฉย ๆ ให้บุตรชายตายตกไปเช่นนี้ได้หรือ?ฝ่ามือหลังมือก็เนื้อเดียวกัน นางทำให้หยวนซานมาสู่ใต้หล้าผืนนี้ หยวนซานมีความผิดอะไร นางมีสิทธิ์อะไรจะทำกับหยวนซานเช่นนี้“ซานเอ๋อร์!”เรื่องนี้เกี่ยวพันถึงชีวิต เมื่อคิดว่าจะต้องสูญเสียบุตรชายคนนี้ไปตลอดกาล หลงอวิ๋นก็พลันเสียใจแต่ก็สายเกินไปนางมิสนใจอีกต่อไปว่าจะทำให้หยวนซือบาดเจ็บหรือไม่ นางใช้แรงดึงหยวนซือออกอย่างแรงแล้วพุ่งเข้าไปที่หน้าผา“ซานเอ๋อร์ แม่มาช่วยเจ้าแล้ว
หลงเพ่ยเพ่ยเห็นท่านหญิงชิงเฉิงและท่านหญิงอวิ๋น ในสมองพลันเกิดความคิดแวบขึ้นมา ถึงได้คิดข้ออ้างนี้ออกเมื่อเห็นเย่หรงตามแนวคิดของตนทัน หลงเพ่ยเพ่ยก็แอบชื่นชมในไหวพริบของเย่หรงในใจ แล้วกล่าวต่อไป“เสด็จย่า ท่านคงมิประสงค์ให้ท่านอาเจ้าแห่งทะเลต้องเสียหน้าใช่หรือไม่เพคะ!”“หากเย่หรงไปหาท่านปู่ของเขาให้ออกหน้า การกระทำอันเผด็จการเช่นนี้ของท่านอาเจ้าแห่งทะเลจะถูกผู้คนรังเกียจ ถึงเวลานั้นก็จะส่งผลกระทบต่อเกียรติของราชวงศ์พวกเรา!”“ในใต้หล้านี้มีสตรีมากมาย ท่านอาเจ้าแห่งทะเลก็มิได้ขาดสตรีที่มาเสนอตัวให้ เหตุใดต้องทำเรื่องทำลายวาสนาคู่ครองของผู้อื่นเช่นนี้ด้วย!”ครั้นฮองเฮานึกถึงความเหลวไหลของเจ้าแห่งทะเลก็รู้สึกเสียหน้ายิ่งนัก กล่าวเสียงเข้ม “เอาเถอะ ย่ารู้แล้ว จะออกพระราชโองการให้พวกเจ้าไปรับคนที่จวนเจ้าแห่งทะเล...”หลงเพ่ยเพ่ยและเย่หรงถอนหายใจโล่งอก เพียงแต่ทั้งสองยังมิทันลุกขึ้นยืน ก็มีเสียงกรีดร้องดังแว่วมาจากที่ไกล ๆได้ยินเสียงคนกำลังตะโกนแว่วมา “ช่วยด้วย เร็วเข้า ใครก็ได้ คุณชายน้อยตกลงไปใต้หน้าผาแล้ว...”ฮองเฮาพลันลุกขึ้นยืน ร้องเรียกอย่างร้อนรน “เร็ว ไปดูซิ ใครตกลงไป?”วันนี้
หลงอวิ๋นได้สติกลับคืนมา ตามปกติแล้วคนทั่วไปหากมิได้ยินคำพูดของท่านหญิงชิงเฉิงก็จะถามว่า “เมื่อครู่เจ้าว่ากระไรนะ?”แต่หลงอวิ๋นกลับมิทำตามปกติ ลุกขึ้นยืนแล้วกล่าวว่า “เสด็จย่า เด็ก ๆ เดินไปไกลแล้ว หม่อมฉันไปตามพวกเขากลับมาดีกว่า ควรลงจากเขาได้แล้วเพคะ!”พูดจบ หลงอวิ๋นก็เดินออกจากศาลาพักร้อนไป ร้องเรียกสาวใช้ของตนว่า “พวกคุณชายใหญ่ไปทางไหนกันหรือ?”เนี่ยนจูนางรับใช้ของหลงอวิ๋นกล่าวพลางยิ้มประจบ “แม่นมจี้และเนี่ยนชิงพาพวกเขาไปทางนั้นเจ้าค่ะ มิน่าจะเดินไปไกล!”“ไป ไปดูกัน!”หลงอวิ๋นเดินตามทิศทางที่เนี่ยนจูชี้ไปโดยมิหันกลับมามองท่านหญิงชิงเฉิงมองแผ่นหลังของนางที่เดินจากไปเช่นนั้นก็โกรธจนแทบจะด่าทอเสียงดังลั่นออกมา“พี่หญิงชิงเฉิง พี่หญิงอวิ๋นไปตามหาเด็ก ๆ แล้ว ท่านมิไปตามหาแก้วตาดวงใจทั้งสองของท่านบ้างหรือ?”หลงเพ่ยเพ่ยเห็นดังนั้นก็จงใจกล่าว “ผานกกระเรียนแห่งนี้แม้จะไม่มีสัตว์ร้าย แต่เด็ก ๆ ยังเล็กนัก เล่นอยู่ริมผา หากพลาดตกลงไป เช่นนั้นก็…”“เจ้าแช่งลูกข้ารึ?”ท่านหญิงชิงเฉิงมองหลงเพ่ยเพ่ยอย่างโกรธเคือง ด่าว่า “หลงเพ่ยเพ่ย เจ้าอายุยังน้อย เหตุใดจึงทำตัวเหลวไหลเช่นนี้ คบหากับเย่ห
“เรื่องคู่ครองของข้ารึ?”หลงเพ่ยเพ่ยชะงักไปครู่หนึ่ง นางยังมิได้พูดคุยเรื่องแต่งงานเลย เหตุใดจึงเกี่ยวข้องกับเรื่องคู่ครองของตนได้เล่า“นี่เป็นเพียงข้ออ้าง หลอกพวกนางไปก่อน แล้วค่อยพูดเรื่องสำคัญกับเสด็จย่าของท่าน!”เย่หรงยิ้มกล่าว “อย่างไรเสีย เรื่องนี้ค่อยอธิบายให้เสด็จย่าของท่านเข้าใจทีหลังก็ได้!”ขณะพูดคุยกัน ทั้งสองก็มาถึงศาลาพักร้อนแล้วท่านหญิงชิงเฉิงที่อยู่ในศาลาเห็นหลงเพ่ยเพ่ยกับเย่หรงตามมาถึงที่นี่ ก็พลันนึกถึงคำกำชับของชายาเจ้าแห่งทะเลนางรีบชิงพูดก่อน “ท่านหญิงฉางเล่อก็มาด้วยรึ อ้าว นี่พาคุณชายมาด้วย!”“คุณชายผู้นี้หน้ามิคุ้นเลย เมื่อก่อนมิเคยเห็น เป็นคุณชายจากตระกูลใดกัน?”เย่หรงเห็นใบหน้างดงามของท่านหญิงชิงเฉิงแสดงท่าทีดูแคลนก็รู้ว่าอันที่จริงนางรู้ว่าตนเป็นใครเพียงแต่เหมือนกับพวกคนหัวสูงในเมืองหลวงแดนเทพ นางก็ดูถูกตนที่เป็นบุตรชายที่มิได้เรื่องของตระกูลเย่เช่นกันเสด็จย่าของหลงเพ่ยเพ่ยยังคงดูสดใสร่าเริง อายุหกสิบกว่าปีแล้วแต่ใบหน้ายังคงเปล่งปลั่งมีน้ำมีนวล แทบจะไม่มีริ้วรอยเลยฮองเฮาได้ยินคำพูดของท่านหญิงชิงเฉิงก็มองมาอย่างสงสัย พินิจพิจารณาเย่หรง แล้วกล่าวพล
สิ่งที่เย่หรงคิด หลงเพ่ยเพ่ยก็คิดถึงเช่นกัน นางกล่าวกับเย่หรงอย่างขัดแย้งในใจ“เจ้าคิดจะบอกเรื่องที่เฉาฮุยยังมีชีวิตอยู่ให้พี่หญิงอวิ๋นฟังรึ?”“แต่เช่นนี้ก็มิยุติธรรมกับพี่เขยหยวน เขาและพี่หญิงอวิ๋นก็มีลูกชายด้วยกันอีกคนแล้ว หากบอกพี่หญิงอวิ๋นว่าเฉาฮุยยังมีชีวิตอยู่ จะเป็นการทำลายครอบครัวของพวกเขาเสียเปล่า!”“ข้ามิชอบที่ชายาเจ้าแห่งทะเลทำกับเฉาฮุยเช่นนี้ แต่พี่เขยหยวนและหลานชายตัวน้อยของข้าเป็นผู้บริสุทธิ์!”“อีกอย่าง พี่เขยหยวนก็ดีต่อพี่หญิงอวิ๋นมาก ก่อนหน้านี้ข้ายังอิจฉาพี่หญิงอวิ๋นที่ได้ลงเอยกับคนที่ดี!”เย่หรงยิ้มเย็นชา “เช่นนั้นยุติธรรมกับเฉาฮุยแล้วหรือ? เขายังมีบิดามารดาที่ต้องกตัญญูเลี้ยงดู ท่านหญิงอวิ๋นมิช่วยเขาออกมา แล้วจะมีใครช่วยเขาได้อีก?”“ชั่วชีวิตของเขาจะต้องอยู่ในคุกน้ำไปตลอดหรือ? นี่มันโหดร้ายยิ่งกว่าการฆ่าเขาทิ้งเสียอีก!”หลงเพ่ยเพ่ยพูดมิออกเดิมทีเฉาฮุยมีอนาคตที่สดใส เพียงเพราะรักใคร่กับท่านหญิงอวิ๋น ถึงต้องตกอยู่ในชะตากรรมอันน่าเศร้าเช่นนี้มิอาจกตัญญูเลี้ยงดูบิดามารดาได้ บุตรชายก็มากลายเป็นของผู้อื่น การที่เขาสามารถทนอยู่ต่อไปในคุกน้ำได้ คาดว่าคงเพราะยังมี